เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) เป็นวันครบรอบ 50 ปีที่ อียิปต์ ในยุคประธานาธิบดี กามาล อับเดล นาสเซอร์ เป็นผู้นำ ประกาศยึด คลองสุเอซ จากอังกฤษและฝรั่งเศส มหาอำนาจนักล่าอาณานิคม กลับมาเป็นสมบัติของชาติแบบสายฟ้าแลบ สร้างความตกตะลึงจังงังไปทั่วโลก
ตั้งแต่นั้นอียิปต์ได้รับประโยชน์จากคลองสุเอซใหญ่หลวง โดยค่าธรรมเนียมเรือผ่านคลองสุเอซทำรายได้ให้อียิปต์มากเป็นอันดับ 3 รองจากการท่องเที่ยวและเงินที่แรงงานชาวอียิปต์ในต่างแดนส่งกลับบ้าน เพราะการขนส่งทางเรือถึง 7% ของทั้งโลกต้องผ่านคลองสุเอซ
แค่ปีที่แล้วปีเดียว มีเรือเดินสมุทรผ่านคลองสุเอซกว่า 18,700 ลำ อียิปต์โกยค่าธรรมเนียมผ่านคลองได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจากปี 2547 ถึง 12%! หรือถ้าคิดเป็น กำไรสุทธิ จะสูงถึงวันละ 5.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!
ยิ่งในปีนี้คาดว่ารายได้จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก หลังอียิปต์ขึ้นค่าธรรมเนียมอีก 3% บวกกับการค้าระหว่างยุโรปกับ จีน และ อินเดีย ที่เศรษฐกิจกำลังบูมสุดๆ ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการที่ คลองปานามา คู่แข่งก็ขึ้นค่าธรรมเนียม จะทำให้เรือเปลี่ยนเส้นทางไปใช้บริการคลองสุเอซ มากขึ้น
คลองสุเอซยังมีบทบาทสำคัญทางยุทธศาสตร์ ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางยังลุกเป็นไฟ รวมทั้งมีสงครามอิรัก เพราะเรือของสหรัฐฯ และพันธมิตรจำนวนมากต้องผ่านคลองสุเอซตลอดเวลา
ว่ากันว่าความสำคัญของคลองสุเอซนั้นสูงมาก ถึงขนาดถ้ามีการปิดคลอง จะส่งผลให้ตลาดการค้าโลกล่มอย่างฉับพลันเลยทีเดียว!!!
ตัวเลขค่าธรรมเนียมแค่ปีละ แสนกว่าล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ที่เกิดจากคลองที่ลัดระยะทางกว่า 6000 ไมล์ เทียบกับคลองกระที่ลัดเพียง 1000 ไมล์ค่าธรรมเนียมคงจะน้อยกว่านี้อีกหลายเท่านั้นไม่คุ้มค่าแน่นอน หากเราไม่สามารถตักตวงผลประโยชน์ทางด้านการค้าและการลงทุนทั้งหมดได้ ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าการขุดคลองจะเป็นได้แค่ทางผ่านสินค้าเท่านั้น เทียบกับระบบแลนด์บริดจ์ที่ประเทศไทยเป็นจุดกระจายสินค้า จะมีประโยชน์ต่อการลงทุนมากกว่า
แต่สิ่งที่เราต้องสูญเสียเพื่อแลกกับการขุดคลองก็คือ ประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายที่มหาอำนาจทุกชาติจ้องจะครอบครอง และเป็น 1 ในสมรภูมิสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเกิดสงครามขึ้นครับ
http://www.thairath.co.th/news.php?section=international06&content=13993