๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 14, 2024, 05:08:49 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น่าคิดไหมครับ  (อ่าน 1467 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rock
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: ตุลาคม 02, 2006, 09:42:07 AM »

จนท.พบหลักฐานโยง จคม.ร่วมป่วนใต้-อดีตสหายเชื่อสมุน ‘จีนเป็ง’ ที่เป็นมุสลิมมีเอี่ยว
   
รายละเอียด : ยะลา - เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดพบหลักฐานเกี่ยวโยงกับ “โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา” ที่ใช้ก่อเหตุป่วนใต้ อดีต จคม.ยอมรับกระแสข่าวที่ ผบ.ทบ.ได้รับ“กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยกลับมาคืนชีพอีกครั้งและได้ร่วมกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่ 3 จชต.” เป็นข้อมูลที่มีน้ำหนัก ชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมียุทธวิธีคล้ายกัน เชื่ออาจมีอดีตลูกน้องของ “จีนเป็ง” ที่เป็นคนมุสลิมให้ความร่วมมือในการก่อเหตุความไม่สงบ ขณะที่ มทภ.4 ยันแนวความคิดแบ่งแยกดินแดน ที่มีอดีต จคม.บางส่วนเข้าร่วมขบวนการน่าจะยังคงมีอยู่
       
       มีรายงานจากแหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลาว่า จากการปฏิบัติการร่วมของตำรวจจากศูนย์ปฏิบัติการภาค 9 ส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) นำโดย พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา หน.ศปก.รอง ผบช. ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ทหารจาก ฉก.24 อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยมีกำลังกว่า 200 คนได้เปิดยุทธการตรวจค้นที่ซ่องสุมอาวุธและศูนย์หรือค่ายฝึกของกองกำลังจรยุทธ์ของกลุ่มอาร์เคเค ที่เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสว่า มีการแอบสุมกำลังวัยรุ่นและการลำเลียงอาวุธสงครามที่ได้มาจากการปล้นหน่วยราชการมาซุกซ่อนไว้ใน 2 พื้นที่ คือ 1.เกาะกลางน้ำบริเวณเขื่อนบางลาง ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวสภาพเป็นเกาะกลางทะเลสาบและเป็นป่าสวนยางมากกว่า 9 ไร่ และเป้าหมายที่ 2 คือ บริเวณเทือกเขา ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ตั้งค่ายพักของโจรจีนคอมมิวนิตส์มลายา (จคม.)
       
       ยุทธการตรวจค้นดังกล่าวได้เริ่มปฏิบัติเงียบตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2549 ที่ผ่านมา ผลของยุทธการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ประสบความสำเร็จ ค้นพบคลังระเบิดที่บริเวณเขาน้ำตกจิ้งจก ต้นแม่น้ำฮาลู บ้านวังไทร หมู่ที่ 2 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา โดยยึดอาวุธได้ คือ ดินระเบิดไดนาไมท์ (ชนิดแท่งกลม) จำนวน 74 แท่ง หมอนลม (ส่วนควบของส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่อง) ที่จัดทำเป็นสะพานไฟ 25 อัน สายไฟอ่อนชนิด 220 โวลท์ 2 ม้วน หัวล้านชนกัน (สายไฟฟ้าประกอบวงจรจุดระเบิด) 50 ชิ้นลวดสะดุดสำหรับระเบิดแสวงเครื่องแบบสะดุดจำนวนหนึ่ง เหล็กแขวนลักษณะเหงือกปลาหมอ 100 ชุด ลังอลูมิเนียมใส่อุปกรณ์กันความชื้น 3 ลัง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้ เพื่อรอการขยายผลหาที่มาของระเบิดดังกล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้เป็นระเบิดแบบกับดัก สำหรับเท้าเหยียบทำให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดเกิดข้อสงสัยว่า จากหลักฐานที่ปรากฏน่าจะเป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับที่ตรวจพบได้ที่ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา และไม่มั่นใจว่าจะมีความเกี่ยวพันกับอดีต จคม.ที่มีความชำนาญในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ในลักษณะของการรับจ้างทำระเบิดให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่
       
       ส่วนกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย กลับมาคืนชีพอีกครั้งและได้ร่วมกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายอากัง แซ่ยี อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม.) ที่กลับใจเข้าร่วมเป็นผู้พัฒนาชาติไทย อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านปิยมิตร อ.เบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า ข้อมูลของ พล.อ.สนธิ เป็นข้อมูลที่มีน้ำหนัก
       
       เนื่องจากในปี 2513 – 2517 พรรคคอมมิวนิสต์ มีความขัดแย้งทางความคิดภายในกลุ่มของ จคม.หลายครั้งจนทำให้ต้องแยกออกเป็น 2 กลุ่ม 3 พวก คือ พรรคคอมมิวนิสต์กลุ่มใหม่ คือ พรรคคอมมิวนิสต์ พวกที่ 1 กรม 8 มีนายอีเจียง เป็นหัวหน้า
       
       พวกที่ 2 คือพรรคคอมมิวนิสต์ เขต 2 มีนายจางจงหมิง ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ กลุ่มเก่า พวกที่ 3 ประกอบด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ กรม 10, กรม12, เขตพิเศษ, กองพิเศษ/เขตผสม มีนายจีนเป็ง เป็นหัวหน้า และต่อมาในปี 2523 รัฐบาลได้ประกาศใช้คำสั่งที่ 66/2523 ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย การต่อสู้กับ จคม.จึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางให้มีการปราบปรามควบคู่กับการเจรจาและเป็นผลสำเร็จ
       
       คือ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2530 จคม.กลุ่มแรก คือ จคม.กรม 8 กลุ่มของนายบุญชัย แซ่อึ้ง หรือนายอีเจียง ได้ออกมารายงานตัวที่กองร้อย ตชด437 อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 122 คน อาวุธปืน 328 ประบอกและกระสุน 102,238 นัด และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2530 จคม.กลุ่มที่ 2 จคม.เขต 2 หรือพรรคคอมมิวนิสต์ มาเลเซีย กลุ่มของนายหยีเจียน แซ่เซียว (จางจงหมิง) ได้ออกมารายงานตัวที่บ้านบ่อน้ำร้อน ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา จำนวน 542 คนพร้อมกับ จคม.อีก 7 คนที่หลบออกมาก่อน รวมเป็น 549 คนโดยมอบอาวุธปืน 592 กระบอก กระสุน 133,400 นัด
       
       ในขณะที่กลุ่มแรกและกลุ่มสองออกมารายงานตัวนั้น การดำเนินการในการเจรจากับ จคม.กลุ่มสุดท้าย ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดกับ พล.ต.กิตติ รัตนฉายา ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.พล.ร.5/ผบ.กกล.ผสม ฉก.ไทย ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและผลการใช้การเจรจาก็ประสบผลสำเร็จ คือการลงนามสัญญาสันติภาพ 3 ฝ่ายเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2532 ที่โรงแรมลีการ์เด้น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นการลงนามสัญญาระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลมาเลเซียโดยฝ่ายไทยเป็นพยานพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดยนายจีนเป็ง มีจำนวนทั้งสิ้น 1,121 คน ได้ออกมารายงานตัวตามที่ตั้งต่างๆ ในวันที่ 11 มกราคม 2533 เป็นกลุ่มสุดท้ายของ จคม.
       
       นายอากัง แซ่ยี อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม.) กล่าวว่า กลุ่มสุดท้ายที่ออกมารายงานตัวนั้นต้องใช้ระยะเวลาเกือบ 3 ปีกว่าจะเจรจาให้มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและกลุ่มสุดท้ายนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อำเภอยะหา จ.ยะลา และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และมีกลุ่มมุสลิมจำนวนไม่น้อยที่อยู่ร่วมกับ จคม.กลุ่มสุดท้ายนี้
       
       นายอากัง กล่าวว่า กลุ่มอดีต จคม.ที่ออกมาเคลื่อนไหวตามข้อมูลที่ พล.อ.สนธิ ระบุนั้น น่าจะเป็นเครือข่ายหรือลูกน้องเก่าของนายจีนเป็ง ซึ่งเป็นหัวหน้า จคม.ที่เซ็นสัญญายอมวางอาวุธเพื่อพัฒนาชาติไทยในปี 2532 ในขณะที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น ผบ.ทบ.และรักษาการ ผบ.สูงสุดยุคนั้น โดยเฉพาะในพื้นที่แนวเทือกเขาบูโด ที่มีนายจีนเป็ง เป็นหัวหน้าและมีลูกน้องเป็นมุสลิมจำนวนมาก จึงเชื่อว่าน่าจะมีบางส่วน ที่ยังไม่ยอมเข้าร่วมเป็นผู้พัฒนาชาติไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะบางคนยังปักใจอยู่กับเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตที่รัฐปัตตานีถูกกระทำโดยสยามประเทศ
       
       นายอากัง กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้น่าเชื่อว่า อดีต จคม.ได้ให้ความร่วมมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีรูปแบบและยุทธวิธีคล้ายกับที่พวกเราเคยใช้ต่อสู้กับทหารมาเลเซียในอดีต เช่น มีการโฆษณาชวนเชื่อให้มาอยู่ร่วมอุดมการณ์กับพรรคคอมมิวนิสต์ ยุทธวิธีการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน มีด และมือเปล่า รวมทั้งการวางระเบิดบนเส้นทางและในเหตุการณ์ปัจจุบันก็ถูกนำมาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
       
       นายอากัง กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารูปแบบการวางระเบิดดังกล่าว ไม่จำเป็นที่ อดีต จคม.ต้องลงมือปฏิบัติเอง เพียงแต่นำความรู้และยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกฝนในอดีตมาถ่ายทอดให้กับแนวร่วมรุ่นใหม่ ก็สามารถนำไปปฎิบัติได้หรือไม่ก็รับจ้างผลิตระเบิดที่ในปัจจุบันอดีต จคม.บางคนสามารถหาวัตถุดิบที่ฝังดินที่ซุกซ่อนไว้ในป่านำมาใช้ และระเบิดบางชนิดก็ยังมีอนุภาพการทำลายยังสมบูรณ์อยู่
       
       ในขณะเดียวกันบางครั้งยังพบว่า อาวุธบางชนิดที่นำมาก่อเหตุ ก็ได้ถูกนำมาใช้ในปัจจุบันด้วย จึง เชื่อว่ามี อดีต จคม.เก่ามาร่วมกับกลุ่มก่อความไม่สงบป่วนใต้ในปัจจุบันแน่นอน แต่ก็คงเป็นส่วนน้อย เพราะคนในยุคนั้นปัจจุบันมีอายุมากแล้วและบางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเป้าหมายของการร่วมมือนั้นเชื่อว่า มีเจตนารมณ์อยู่สามอย่างด้วยกัน คือ 1.การร่วมอุดมการณ์กับกลุ่มก่อความไม่สงบ 2.การขายอาวุธและวัตถุระเบิด และ 3.การรับจ้างประกอบระเบิด
       
       ขณะที่ พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.กอ.สสส.จชต.) กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีกลุ่มคอมมิวนิสต์ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ความเป็นไปได้มี เนื่องจากการยุบพรรคคอมมิวนิสต์ ในประเทศไทยนั้นมีปัจจัยอย่างอื่น
       
       ฉะนั้น ปัจจุบันนี้อาจเป็นไปได้ที่จะมีผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด เข้าไปมีส่วนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และร่วมมือปฏิบัติ ดังนั้น แนวความคิดที่จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขน่าจะยังคงมีอยู่


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9490000103702


หยิบเอามาให้อ่านกันอีกครั้งสำหรับสถานการณ์ใต้แบบนี้....เป็นข่าวเก่านะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 02, 2006, 09:45:38 AM โดย Rock ลูกของชนชั้นที่เปี่ยมสำนึก » บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2006, 10:08:15 AM »

แต่แนวทางการปฎิบัติของพวกก่อกวนหรือก่อการร้ายที่กระทำอยู่ในขณะนี้

คนละลักษณะกับ จคม. ซึ่งมีอุดมการณ์และแนวทางที่ชัดเจน จึงคิดว่าไม่น่าใช่

ไทยเราควรปรับปรุงเรื่องการข่าวให้มากและเข้มกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ควรให้ข่าวมั่วไปวันๆ
บันทึกการเข้า

                
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.139 วินาที กับ 22 คำสั่ง