ก่อนอื่นผมอ่านพบบทความท่านผู้ทรงคุณวุฒิฯท่านหนึ่งเลยขอนำมาฝากท่านสมาชิกที่สนใจในข้อมูลประวัติความเป็นมาของปืนGLOCKครับ
บทความทั่วไป เรื่องปืน GLOCK โดย พ.ต.ณัฐวัช เกษสมบูรณ์ หมายเลข 87056
วันอังคารที่ 09 มิถุนายน 2009 เวลา 22:59 น.
บทความ : อาวุธปืนพก (Glock)
Glock เป็นปืนพกมาตรฐานที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Glock ประเทศออสเตรีย หากกล่าวถึงปืน Glock โดยคร่าวๆ คงเป็นการบอกล่าวถึงโครงสร้างของปืน โดยโครงสร้างของปืน Glock ทำจากโพลิเมอร์ ส่วนที่เป็นลำเลื่อนและลำกล้องจึงจะทำด้วยเหล็กกล้า ความพิสดารของปืน Glock อยู่ที่ไม่มี safe และวัสดุที่ดูเหมือนพลาสติก แต่อย่างเพิ่งคิดว่า Glock จะไม่มีสิ่งเย้ายวนใจให้น่าสนใจเหมือนปืนของที่อื่นเขานะครับ เพราะว่าความพิเศษของปืน Glock นั้นอยู่ตรงที่ ระบบการจุดชนวนที่เป็นแบบเข็มแทงชนวนชนิดพุ่งกระแทก ไม่ใช้นกสับ และที่สำคัญ เรื่องราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ซื้ออยู่มาก แต่ปัจจุบันหลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายจำกัดการมีอาวุธปืน ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงเอาการอยู่ทีเดียว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปืนแบบอื่นๆ ที่มีขายในท้องตลาด ก็นับว่าเป็นราคาที่ยังพอรับได้ กับจุดประสงค์เพื่อนำมาใช้งานอย่างแท้จริง เรื่องความสวยงามนั้นก็แล้วแต่จิตใจของคุณจะชอบอย่างไร ไม่ขอออกความเห็น มาว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานดีกว่า
ปืน Glock ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963 โดยผู้ที่ประดิษฐ์คือวิศวกรที่ทำงานอยู่ใน Deutsch-Wagram ซึ่งใกล้กับ Vienna ชื่อนักวิศวกรผู้นี้คือ Mr. Gaston Glock โรงงานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นโรงงานที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ที่ทำจากพลาสติกและเหล็ก เขาได้เริ่มพัฒนาและประดิษฐ์ปืน Glock ของเขาอย่างจริงจัง ณ ที่แห่งนี้ ความหวังลึกๆ ของเขาคือ "ปืนของเขานั้นเป็นปืนที่ดีที่สุด เพื่อเข้าไปช่วยงานในกองทัพได้" และนอกจากปืนแล้ว เขายังผลิตยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการออกสนามรบ เช่น อุปกรณ์สนาม มีด และอาวุธต่างๆ ความมุ่งมั่นของเขาที่ทำให้ปืน Glock ขึ้นตำแหน่งผู้นำของโลกในเรื่องคุณภาพของปืน โดยเขายึดมั่นมาตรฐานการผลิต 3 ประการคือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าความสะดวกในการใช้งาน การพกพา และการบำรุงรักษาที่ง่าย ก่อนที่จะติดตามเนื้อหาของปืน ลองมาทำความรู้จักกับผู้ประดิษฐ์คิดค้นปืน Glock กันก่อนนะครับ ว่านายช่างผู้นี้เป็นใคร
แกสตั้น กล็อค (Gaston Glock) ชาวออสเตรียเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัท Glock ไม่ต้องบอกเราคงจะทราบแล้วว่าลุงแกสตั้น แกเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะของโลก แต่ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ก็คือ กล็อค ยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำวันละหลายกิโลเมตร ขนาดอายุปีนี้ก็ 77 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรง เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 กล็อคถูกทำร้ายที่เมืองลักซัมเบอร์ก โดยคนร้ายตีหัวด้วย ค้อนยาง หัวแตกถึงเจ็ดแผล เสียเลือดไปกว่าหนึ่งลิตร ลุงแกสตั้นยังมีแรงสามารถชกคนร้ายที่อายุน้อยกว่าเกือบ 20 ปี จนฟันหลุดออกจากปาก อัดกำปั้นเข้าเบ้าตา ไม่มีแรงหลบหนี เช้าวันต่อมามีคนไปพบทั้งสองคนนอนทับกันอยู่ จึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยพยาบาลเข้าช่วยเหลือ
แกสตั้น ยังเป็นคนค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุ และมีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูงมาก มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อปี 2524 ก่อนกล็อคจะผลิตปืนตอนนั้น บริษัทยังเพียงแค่ทำเปลือกระเบิด พลั่ว และอุปกรณ์สนามพลาสติกให้กับกองทัพออสเตรีย เป็นช่วงฤดูกองทัพออสเตรียเปลี่ยนปืนพกประจำการ ลุงแกสตั้นไปได้ยินผู้พันท่านหนึ่งรำพึงกับเพื่อนร่วมงานว่า ไม่มีผู้ผลิตรายใด ยื่นเสนอปืนที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวตามต้องการของกองทัพได้ ลุงได้ยินเช่นนั้นก็สวนกลับไปว่า ได้สิ บริษัทกล็อคนี่แหละทำได้ ผู้พันสองคนหันดูลุงแกสตั้นแล้วหัวร่อใส่หน้า เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เล่นดูถูกกันต่อหน้าเช่นนี้มีหรือคนอย่างแกสตั้น กล็อค จะยอม คุณคริสโตเฟอร์ เอ็ดเวิร์ดส (Christopher Edwards) อดีตมือปราบผู้ช่วยนายอำเภอเจพเฟอร์สัน เคาน์ตี้ มลรัฐเคนตั๊กกี้ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันฝึกสอนของกล็อค อิงค์ สหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ใกล้ชิดกับลุงกล็อค กล่าวว่า ไม่มีใครหัวเราะเยาะแกสตั้น กล็อคได้แล้วหลุดรอด
กล็อคมั่นใจว่าตนสามารถออกแบบและผลิตปืนมีคุณสมบัติตามที่กองทัพออสเตรียต้องการได้ดีกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ลุงเองไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับปืนมาก่อน กล็อคบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ก็เพราะไม่มีความรู้นี่แหละ เป็นจุดเด่นทำให้ได้เปรียบเหนือผู้ผลิตรายอื่นๆ เพราะจะทำให้ความคิดของเขาเปรียบเหมือนผ้าขาว เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ผูกติดกับวิธีการ เครื่องจักร หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเก่าๆ
เป็นระยะเวลาสองปีที่ แกสตั้น กล็อค ตั้งหน้าตั้งตาออกแบบปืนกระบอกแรกของ บริษัทกล็อค ลูกน้องลุงกล็อคเล่าให้ฟังว่า ลุงจะทดสอบปืนต้นแบบด้วยตนเองแต่จะยิงด้วยมือซ้าย เพราะเผื่อปืนระเบิดยังมีมือขวาไว้เขียนหนังสือ แกมุ่งมั่นกับโครงการนี้จนเกิดอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ถึงขนาด คุณป้า เฮวก้า (Helga) ภรรยายังไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อปี 2526 กล็อคส่งมอบปืนชุดแรกให้กับกองทัพออสเตรีย หลังจากผ่านการทดสอบ ได้สั่งซื้อกล็อค 17 เป็นจำนวน 25,000 กระบอก กล็อคเป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจากปืนอื่นๆ มีชิ้นส่วนเพียง 34 ชิ้นเปรียบเทียบกับปืนขนาด .45 เอซีพี ของสมิท แอนด์ เวสสัน ซึ่งมีส่วนประกอบถึง 60 ชิ้น โครงปืนผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่เพียงมีราคาต้นทุนต่ำกว่า แต่ยังทำให้ความรู้สึกแรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่าปืนโครงโลหะ คุณจอนห์ ฟาร์นั่ม (John Farnum) ผู้ก่อต้องสถาบันฝึกอบรมป้องกันตัว Defense Trianing International ให้ข้อมูลว่า แกสตั้น กล็อค จะไม่รวยได้อย่างไร ก็เมื่อปืนมีต้นทุนประมาณ 75 เหรียญสหรัฐฯ ขายในราคา 500 เหรียญสหรัฐฯ นิตยสารธุรกิจอเมริกันชื่อ ฟอร์เบส (Forbes) ประมาณรายได้ของบริษัทกล็อคไว้ที่ 100 ล้านเหรียญ สองในสามของรายได้มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกาทั้งส่วนพลเรือนและราชการ ซึ่งมีกว่า 4000 หน่วยงาน
การพัฒนา
ส่วนประกอบของปืน Glock ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะสม การพัฒนาเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ปืนมีความแข็งแรงต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น การพัฒนาผิวปืนที่แนบเนียน การฉาบสารพิเศษที่ผิวปืน ทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของปืนมากยิ่งขึ้น ที่แน่ๆ คือ ปืน Glock ปลอดภัยจากสนิมแน่นอนครับ เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำปืนนั้นเป็นพวกโพลิเมอร์
ความแม่นยำ
ปืนพกของ Glock ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานที่แม่นยำ ลักษะณะปืนได้รับการออกแบบ มาอย่างเรียบง่าย แต่เน้นความถนัด ผู้ใช้งานสามารถเลือกขนาดปืนได้ตามต้องการของขนาดมือ การออกแบบที่กลมกลืนของปืน Glock จึงทำให้สามารถครองใจนักนิยมปืนอยู่เป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวและเข้ากัน ที่สำคัญน้ำหนักของปืน Glock ก็ไม่หนักมากและเบามากจนเกินความพอดี ส่งผลให้การเล็งและบังคับทิศทางในการใช้ปืนได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น กล็อคได้เพิ่มความพิเศษของปืนด้วยการใช้สารโพลิเมอร์มาทำเป็นส่วนของโครงปืน และส่วนของด้ามจับหรือ Grip นั้นก็ได้รวมเข้ากับโครงปืนหรือตัวปืนด้วยเช่นกัน สำหรับเรื่องแรงดีดของปืนเวลายิงหรือที่เรียกว่าแรงรีคอยล์นั้น ก็ต่ำลงซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความแม่นยำของได้มากยิ่งขึ้น ลำกล้องของปืนจะมีขนาดทีใหญ่เป็นพิเศษ และลักษณะของ Hammer-forged จะเป็นลักษณะเกลียวเล็กๆ ขดอยู่ในตัวปืน แน่นอนสิ่งพิเศษเหล่านี้ย่อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Glock มากยิ่งขึ้น ส่วนไกปืนนั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ง่ายต่อการใช้งาน สำหรับการหวังเป้าหมายนั้น คุณสามารถไว้วางใจ Glock ได้ทุกประเภทของเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเป้านิ่งหรือเป้าเคลื่อนไหว Glock ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
ระบบความปลอดภัยไกปืนของ Glock
ปืน Glock มีระบบความปลอดภัยในขณะยิงโดยใช้ระบบของกลไกปืนเป็นตัวป้องกันอันตราย โดยจุดนี้ถือว่าเป็นจุดได้เปรียบทางการค้าอย่างมาก สำหรับระบบรายละเอียดพอคร่าวๆ ดังต่อไปนี้
-ไม่มีระบบความปลอดภัยภายนอก
-ไม่มีระบบความปลอดภัยจากการง้างนก (เมื่อต้องการขึ้นนกปืน จะไม่มีระบบความปลอดภัยในจุดนี้)
-ปืนพกของ Glock ปลอดภัยในการยิงจนกระทั่งการยิงเสร็จสิ้น
ในการทำงานของปืน Glock มีอยู่ด้วยกัน 3 ระบบอัตโนมัติ เมื่อการทำงานของไกปืนเพื่อความปลอดภัยแล้ว ระบบดังกล่าวจะทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน เมื่อคุณดึงไกปืนและยิงปืนออกไป ปืนจะทำการตั้งระบบใหม่ตั้งแต่ต้นโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องขึ้นไกปืนอีกครั้ง สำหรับระบบการหมุนกลับของไกปืนประกอบด้วย
1. Trigger Safety
2. Firing pin Safety
3. Drop Safety
ปืนสั้นตระกูลกล็อคได้สร้างชื่อเสียงจากรุ่นกล็อค 17 ซึ่งได้พัฒนาจาก Austrian company Glock Gmbh ปัจจุบันกล็อคมีชื่อเสียงทั้งมีดที่มีคุณภาพ และเครื่องมือเครื่องจักร จนกระทั่งกล็อค 17 ได้เข้าร่วมในการแข่งขันทดสอบ เพื่อนำไปเป็นปืนประจำการในกองทัพ และกล็อคได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม กล็อคถูกบรรจุในกองทัพบกและตำรวจของออสเตรีย ในช่วงต้น ค.ศ. 1980 ในชื่อ P-80 กล็อค 17 และปืนในตระกูลกล็อคก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในวงการตำรวจ ทหาร และ ผู้รักษากฎหมาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปืนกล็อคได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ ปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนที่ใช้กระสุนปืนสั้น ที่เป็นที่นิยมหลักๆ ได้แก่ ขนาด 9x17mm Short (.380ACP), 9x19mm Luger, .357SIG, .40SW, 10mm auto และ .45ACP. กล็อคได้ผลิดตัวปืนทั้ง ขนาดตัวเต็มมาตรฐาน , ขนาดคอมแพคพกพา , ขนาดซับคอมแบท แบบซุกซ่อน และรวมถึงปืนในระดับแข่งขันด้วย ปืนกล็อคที่ใช้ในการฝึกซ้อมจะแยกสีของโครงปืนเป็น โครงปืนสีฟ้าสำหรับยิงกระสุนที่ไม่อันตราย(กระสุนสี) และโครงปืนสีแดงเป็นปืนที่ไม่สามารถยิงได้ กล็อคทุกรุ่นยกเว้นขนาด .380ACP จะใช้ระบบปฏิบัติการแบบรีคอยล์ โดยลำกล้อง กับสไลด์ขัดกลอนแบบบราว์นิ่ง โดยลำกล้องกับสไลด์จะล็อคตรงช่องคายปลอก ปืนกล็อคทุกรุ่นได้สิทธิบัตร "Safe action" หากไม่เหนี่ยวไก ปืนจะไม่ลั่น ก่อนทำการยิง เข็มแทงชนวนจะอยู่ในระดับครึ่งทาง และสมอล็อคเข็มแทงชนวนจะตกลงมา เมื่อผู้ยิงเหนี่ยวไก จะไปผลักให้สมอล็อคเข็มแทงชนวนยกตัวขึ้น พร้อมทั้งยันให้เข็มแทงชนวนถอยหลังไปจนถึงจุดลดเซียร์ จะทำให้เข็มแทงชนวนหลุดจากเซียร์ แล้วพุ่งกระแทกเข้ากับท้ายกระสุน แรงเหนี่ยวไกจะคงที่ทุกนัด (ปรับตั้งได้โดยเปลี่ยนตัว ลดเซียร์ มีน้ำหนักตั้งแต่ 2-5.5 กิโลกรัม) ต่างจากปืนอื่น กล็อคทุกรุ่นจะไม่มีระบบควบคุมอื่นภายนอก ยกเว้น ไก และ ปุ่มค้างสไลด์ (ข้อแตกต่าง ระหว่าง กล็อค 18 กับกล็อครุ่นอื่น คือปุ่มเลือกโหมดที่อยู่บนสไลด์) กล็อคที่ใช้กระสุน .380 ACP (โมเดล 25 และ 28) ต่างจากปืนกล็อค อื่น ๆ ตรงระบบปฏิบัติการโดยใช้ระบบโบว์แบ็ค ปืนรุ่นนี้ออกแบบเพื่อขายให้แก่ประชาชนในประเทศที่ไม่อนุญาติให้จำหน่ายกระสุนที่มีประจำการในกองทัพขายให้แก่ประชาชน ปืนกล็อคทุกรุ่นจะมีโครงปืนเป็น โพลิเมอร์ และ สไลด์โลหะที่เคลือบ อบความร้อน ด้วยสาร เทนิเฟอร์ เพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน กล็อครุ่นแรกจะไม่มีร่องนิ้วมือและร่องวางนิ้วหัวแม่มือ เหมือนกล็อคที่ผลิตในปัจจุบัน กล็อคที่ผลิตในทุกวันนี้จะมีรางใส่อุปกรณ์เสริมใต้ลำกล้อง ศูนย์หน้าและหลังจะมึขีดขาวหรือสารเรืองแสงสอดอยู่ และศูนย์ปรับได้จะอยู่ในรุ่นแข่งขัน เกือบทุกรุ่นของ กล็อคที่ถูกดัดแปลงเจาะพอร์ทจากโรงงานจะมีตัวอักษร "C" ต่อท้าย เช่น Glock 17C เป็นต้น กล็อค 17 (เพียงรุ่นเดียว)ที่สามารถติดตั้งชุดยิงใต้น้ำ ที่ทำให้ปืนกล็อคยิงใต้น้ำได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปการยิงใต้น้ำเกิดขึ้นในสงครามน้อยมากเพราะระยะยิงที่สั้นมากนั่นเอง แต่จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้เห็นว่ากล็อคสามารถยิงได้ในทุกสภาวการณ์ หากมีน้ำในลำกล้อง ปืนหลายรุ่นลำกล้องจะระเบิดแตกออกทันทีที่ยิง ชุดเลือกระบบการยิงของกล็อคในกล็อค 18 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกระสุนขนาด 9mm Luger และออกแบบเพื่อจำหน่ายให้กับกองทัพและผู้รักษากฏหมายเท่านั้น กล็อค 18 สามารถเลือกยิงแบบทีละนัดหรือยิงทีละ 3 นัด กล็อค 18 จะมีแม๊กกาซีนพิเศษที่ใส่กระสุนได้ถึง 31 นัด และชุดพานท้ายที่สามารถต่อเพิ่มเติมได้เพื่อความปลอดภัย อุปกรณ์บางอย่างของกล็อค 18 จะไม่สามารถสับเปลี่ยนหรือใช้กับกล็อค 17 หรือกล็อค 19 ได้ จากการคำนวณในโหมด Full-Auto กล็อคจะสามารถยิงได้ถึง 1200 นัดต่อนาที ในปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนสั้นออกมาโดยมีตัวเลขกำกับรุ่นอยู่ตั้งแต่กล็อค 17 จนถึงกล็อค 39
Glock 17
Glock 18
(select-fire)
Glock 19
Glock 26
ความยาวปืน, มิลลิเมตร 186
186
174
160
ความยาวลำกล้อง, มิลลิเมตร 114
114
102
88
น้ำหนักปืนเปล่า, กรัม 625
625
595
560
ความจุแม๊กกาซีน, นัด 10,17,19,31
10,17,19,31
10,15,17
10,12
ในส่วน Glock Series ของปืน BB นั้นจะต้องบอกว่า KSC เป็นบริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตมากที่สุด (หลายรุ่น) โดยแรกเริ่มเดิมทีจะมี
Glock 17 : เป็นปืนขนาดมาตรฐาน (Full Size) และเป็นโมเดลแรกของสายการผลิต สามารถทำยอดขายได้เยี่ยมยอด ซึ่งทาง KSC ออกแบบกลไกและระบบใกล้เคียงกับปืนจริงมาก ซึ่งต่อมาก็มีการผลิตตามมอีกหลายรุ่นด้วยกัน
Glock 18C : หลายคนมักจะเข้าใจว่ารหัส C หมายถึงปืนที่ยิง Full Auto ได้ แต่ความจริงแล้ว C ย่อมาจาก Compensator หมายถึงปืนที่มีการเจาะ Port ระบายแก๊ส เพื่อลดอาการสะบัดของปืน (Recoil) มาจากโรงงานเลย (Compensated Mode)ในปืนจริงก็เลยหมายถึง Glock ที่ยิง Full Auto ได้ แล้วมีการเจาะ Port จากโรงงานมาแล้วนั่นเอง แต่สำหรับปืน BB มันคือ G17 ที่ยิง Auto ได้ และมี Rail Interface มาด้วย
Glock 19 : รุ่นยอดนิยม ด้วยการออกแบบมาให้เป็นขนาด Compact Size และมาพร้อมกับ Rail Interface มีการปรับปรุงกลไกการยิงอีกพอสมควร เพื่อเพิ่มความทนทาน ทำให้ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น Glock ที่ขายดีที่สุดของ KSC ในปัจจุบัน แต่ทั่งนี้ G19 มีสอง Version คือ Japan Version และ Taiwan Version ในแง่การยิงแล้วไม่แตกต่างกัน แต่ Japan Version จะมีสีของโครงปืนที่ต่างออกไปและผลิตมาจำนวนน้อย ทำให้มีราคาที่สูงกว่าปกติ นอกจากนี้แล้วทั้งสอง Version ก็เหมือนกันทุกประการ
Glock 23F : จะว่าไปแล้ว มันก็คือ G19 ที่ยิง Full Auto ได้นั่นเอง ลำกล้องเป็น Hybrid เจาะพอร์ท แต่ที่ดีกว่าก็คือ มาพร้อมกับ Rail System แบบ 2 ราง สามารถติดของเล่นได้เยอะกว่า G18C
Glock 26 : เป็นปืนพกซ่อน(Sub-Compact)ขนาดเล็กที่สุดใน GLOCK Series จริงๆแล้ว ทาง KSC ก็ผลิต G26 ออกมาเช่นกัน ไม่ใช่แต่ Tokyo Marui ซึ่งโมเดลนี้ก็มี 2 Version เช่นเดียวกับ G19
Glock 26C: คือ Glock 26 ทรง Sub-Compact ที่มีระบบการยิงแบบ G18C สามารถยิง Full Auto ได้ (เป็นปืนกลที่เล็กที่สุดในโลก)
Glock 34 : จริงๆแล้ว Glock34 สำหรับปืนจริง เป็นปืนที่ทำมาเพื่อใช้สำหรับการแข่งแบบ IPSC ดังนั้นพอเป็น BB ก็เลยได้อานิสงส์ความแม่นยำจากความยาวลำกล้อง ซึ่งผมขอบอกว่า ประทับใจมากกับกลุ่มกระสุน และระยะหวังผล
แนวความคิดปืน GLOCK กับกองทัพไทย
ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบันปืนพกมาตรฐานที่ประจำการอยู่ในกองทัพไทยนั้นคือปืนพกตระกูล Colt จากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือในภาษาราชการในกองทัพบกไทยคือ ปพ.86 ขนาด .45 (11 มม.) เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมากองทัพไทยมีความสัมพันธ์ทางทหารที่ดีกับประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นอาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่จึงใช้ของประเทศมหาอำนาจนี้ ข้อดีของปืนตระกูล Colt นี้ใช้ระบบแบบ 1911 ในแบบ Single action เป็นที่โด่งดังในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวปืนเป็นเหล็กล้วน มีความแข็งแรงทนทาน มีขนาดกระสุนที่ใหญ่ที่สุดในปืนพกด้วยกัน ซึ่งส่งผลต่ออำนาจหยุดยั้งคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี แต่ข้อด้อยของปืนพกที่มีอยู่นี้คือขนาดและน้ำหนักที่มาก ไม่สะดวกต่อการพกพา อีกทั้งปริมาณกระสุนที่สามารถบรรจุได้มีจำนวนน้อยกว่ากล็อคหรือปืนประเภทลูกดก แต่ก็ยังถือได้ว่าปืนชนิดนี้ยังใช้งานได้ดีในกองทัพและบรรจุในหน่วยรบมาตรฐาน เพราะแนวความคิดของการใช้งานปืนพกในหน่วยมาตรฐานนั้น ปืนพกเป็นเพียง Secondary weapon คือเป็นปืนสำรองที่ใช้ในการรบ
หากมองถึงภัยคุกคามและภารกิจของกองทัพในปัจจุบัน รวมไปถึงลักษณะการปฏิบัติงาน เช่น การปฏิบัติงานนอกเครื่องแบบต่างๆ หากใช้ ปพ.86 แบบเดิมคงจะไม่เหมาะแน่ ลักษณะงานที่มีความคล่องตัว ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ สะดวกในการพกพา แม่นยำ กล็อคน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง จากคุณลักษณะที่ได้กล่าวไปในช่วงต้นของบทความ กล็อคนั้นมีความเหมาะสมในหลายประการ ถึงแม้ว่าในกองทัพบกไทยเคยจัดหาอาวุธปืนพก จากยี่ห้ออื่นมาหลายยี่ห้อแล้วเช่น Browning 9 มม. บรรจุอยู่ใน พันจู่โจม หรือ ปืนพกยี่ห้อ Sig ก็ดี ปืนเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ดีมาก หากแต่ราคาต้นทุนในการจัดหาสูงกว่าปืนกล็อคซึ่งมีประสิทธิภาพทีไม่น้อยหน้า ดังนั้นปืนกล็อคน่าจะเข้ามามีโอกาสพิสูจน์คุณภาพของตัวปืนให้กับงานที่มีลักษณะปฎิบัติการพิเศษในกองทัพไทยบ้าง กล็อคนั้นมีความพิเศษอีกประการหนึ่งคือมี Accessory หรืออุปกรณ์ตกแต่งมากมายที่จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวปืน เมื่อกำลังพลได้ใช้ยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว จะทำให้ภารกิจของหน่วยสามารถที่จะประสบผลสำเร็จได้ดี อีกทั้งยังช่วยรักษากำลังพลไม่ให้สูญเสียโดยไม่จำเป็น
พ.ต.ณัฐวัช เกษสมบูรณ์
นทน.หลักสูตรหลักประจำชุดที่ 87
พวกที่ 2 หมายเลขประจำตัว 87056
แก้ไขล่าสุด ใน วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2009 เวลา 10:11 น.
ที่มา:
http://cgsc.rta.mi.th/cgsc/index.php?option=com_content&view=article&id=651:-glock-87056&catid=7:87&Itemid=25