๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 03, 2024, 06:18:09 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คนเราไม่กลัวบาปกรรมกันบ้างหรือไร  (อ่าน 3351 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31463


ช่างมันเถอะ


« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2006, 07:00:14 PM »

ด้วยความเคารพครับ

เอามาจากหนังสือพิมพ์ครับ ต้องขออภัยกับท่านที่ไม่ชอบการเอาข่าวมาให้อ่านกันนะครับ



โผล่พบ"พระพยอม" กลัวถูกอุ้มคนขายที่แฉโดนบีบ

ยันได้ที่ดินอย่างถูกต้องแต่ถูกคุกคามให้คืนสิทธิ์ ลั่นพร้อมพูด-วอนตร.คุ้มพระพยอมปลง-เล่ห์คน!




ถูกบีบ- นางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี เจ้าของที่ดินที่นำไปขายให้มูลนิธิวัดสวนแก้ว เดินทางไปพบกับพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาส เพื่อชี้แจงสาเหตุถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าถูกบีบ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.

 
เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้วัดสวนแก้วโผล่เข้าพบพระพยอม แฉเรื่องราวทั้งหมด ยันได้ครอบครองปรปักษ์และไปออกโฉนดตามคำสั่งของศาลอย่างถูกต้อง แต่ที่ปล่อยให้ทายาทเจ้าของเดิมฟ้องศาลและได้กลับคืนไปง่ายๆ เพราะถูกนายหน้าและทนายฝ่ายคู่ความเรียกไปตกลง ว่าหากไม่คัดค้านต่อศาล จะยกเงินที่ได้จากการขายที่ให้วัดสวนแก้ว และผู้ซื้ออีกรายให้ทั้งหมด แต่ถ้าคัดค้านจะเจอปัญหาใหญ่ จึงตัดสินใจยอมทำตามที่ทนายบอกเพราะกลัว แฉซ้ำทนายสั่งห้ามมาพบพระพยอมเด็ดขาด แต่ต้องมาเพราะไม่อยากถูกมองว่าหลอกพระ โดยต้องแอบๆ มาไม่ให้ใครรู้เพราะกลัวอันตราย พร้อมขอให้ตร.ช่วยคุ้มครองด้วยผวาถูกอุ้ม ด้านพระพยอมเริ่มปลงกับความเจ้าเล่ห์ของคน เชื่อธรรมย่อมชนะอธรรม พร้อมประสานตร.พาตัวไปอยู่ในเซฟเฮาส์รอขึ้นศาลแฉความจริง ว่าทำไมถึงยอมคืนที่ดินให้ง่าย ทั้งๆที่ขายให้วัดและผู้ซื้อรายอื่นไปแล้ว

จากกรณีพระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว และประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซื้อที่ดินทางเข้าวัดจำนวน 1 ไร่ราคา 10 ล้านบาทเมื่อปี 2547 ซึ่งผู้ครอบครองนำมาขายให้ ต่อมาทายาทของเจ้าของเดิมกลับฟ้องศาลให้เป็นโมฆะ ซึ่งจะมีการไต่สวนคดีในวันที่ 8 พ.ย.นี้ จนพระพยอมประกาศปิดวัด 3 ปี หากต้องถูกยึดที่ดินซึ่งซื้อมาอย่างถูกต้อง จากเหตุดังกล่าวปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งอธิบดีกรมที่ดินรุดนมัสการและหาทางช่วยเหลือ ด้านสำนักงานที่ดินบางใหญ่ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวผู้ครอบครองได้มาจากการครอบครองปรปักษ์ จึงนำมาออกโฉนดตามคำสั่งศาล แต่เมื่อทายาทของเจ้าของเดิมฟ้องศาลขอที่ดินคืน กลับไม่คัดค้านจนมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการรวมหัวกันหลอกลวงขายที่ดินให้พระพยอม นอกจากนี้ยังมีผู้ซื้ออีกรายซึ่งรับซื้อที่ดินแปลงเดียวกันที่เหลือจำนวน 9 ไร่ ก็ถูกฟ้องยกเลิกสัญญา ทั้งๆที่จ่ายเงินค่ามัดจำไปแล้วถึง 10 ล้านบาท นั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 31 ต.ค. นางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้กับพระพยอม เดินทางมาที่วัดสวนแก้ว เพื่อพบกับพระพยอม เพื่อชี้แจงสาเหตุถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากพระพยอมติดกิจนิมนต์ที่จังหวัดระยอง จึงได้พบกับม.ล.อัมพร ชยางกูร อธิบดีอัยการเขต 1 โดยนางวันทนา กล่าวว่าหลังจากทราบเรื่องปัญหาที่ดินจากสื่อต่างๆ แล้ว ทำให้รู้สึกตกใจและถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนไม่ดี นำที่ดินมาหลอกขายให้กับวัดสวนแก้ว ในวันนี้จึงติดต่อเข้าพบหลวงพ่อเพื่อขอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้โทรศัพท์ปรึกษากับทางหลวงพ่อก่อนที่จะเดินทางมาวัด ทั้งนี้หลวงพ่อไม่ได้ติดใจหรือต่อว่าใดๆ แต่หลวงพ่อขอให้ออกมาอธิบายให้ทางสื่อมวลชนและประชาชนทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง

นางวันทนา กล่าวว่า ได้รับการขอร้องแกมบังคับจากนายหน้าขายที่ดินที่ชื่อสุชาติ(ไม่ทราบนามสกุล) ว่าขอให้ยินยอมไม่คัดค้านเรื่องที่ศาลสั่งให้การครอบครองปรปักษ์ที่ดินของนางทองอยู่ และตนเป็นฝ่ายครอบครองเป็นโมฆะให้ตกเป็นของทายาทนางทองอยู่ เนื่องจากนายหน้าที่ดินคนดังกล่าวบอกว่าเขาสามารถที่จะตกลงเจรจากับทางฝ่ายทายาทเองได้ เพราะได้ลงทุนซื้อที่ดินและถมที่ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก จึงให้ตนรับเงินค่าวางมัดจำซื้อที่ไปจำนวน 10 ล้านบาท เพราะหากตนไม่ยินยอมและร้องคัดค้านแล้ว ก็จะทำให้เรื่องในศาลยืดเยื้อและต้องใช้เวลาสู้คดีอีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี กว่าจะจบเรื่อง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตนไม่ร้องคัดค้านต่อศาล ตามที่ฝ่ายทายาทยื่นร้องกับศาลไป

นางวันทนา กล่าวต่อว่าส่วนเงินที่ได้จากการขายที่ดินให้วัดสวนแก้ว จำนวน 1 ไร่ นั้น เป็นเงิน 10 ล้าน แทบจะไม่ได้ใช้เลย เนื่องจากถูกนายหน้าขายที่ดินหลอกยืมเงินไปจำนวน 3 ล้านบาท จ่ายเป็นค่าทนายความ 2 คนคนละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 2 ล้าน จ่ายค่าออกเอกสารสิทธิที่ดินปรปักษ์ให้กับทางสำนักงานที่ดินอำเภอบางใหญ่ไปอีก 1 ล้านบาท และค่าภาษีอีก 900,000 บาท ส่วนที่เหลือลูกๆ ก็ขอไปใช้หนี้สินจนหมด หากศาลตัดสินว่าเป็นฝ่ายต้องคืนเงินค่าที่ดินผืนดังกล่าวให้กับทางวัดจริง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาคืน

"การที่ออกมาพูดในวันนี้เพราะต้องการยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เป็นคนมาหลอกขายที่ดินผืนดังกล่าวให้กับทางหลวงพ่อโดยที่รู้ว่าที่ดินยังมีปัญหาอยู่ เพราะดิฉันรู้จักกับหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยที่วัดสวนแก้วแห่งนี้ยังเป็นวัดเล็กๆ ธรรมดาอยู่ และเห็นหลวงพ่อเป็นพระที่ทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด จึงไม่มีทางที่จะทำเรื่องเช่นนี้แน่ และพร้อมที่ให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือกับทางวัดในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ตามที่ศาลได้นัดไต่สวนคดีดังกล่าว" นางวันทนา กล่าว

เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้พระพยอม กล่าวอีกว่า ส่วนที่ดินแปลงดังกล่าวที่ได้สิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์นั้น ก็ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ใช้ประโยชน์และเสียภาษีที่ดินแปลงดังกล่าวมาโดยตลอดหลายปี จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ที่ดินแนะนำให้ร้องต่อศาลเพื่อขอครอบครองปรปักษ์ ทำเรื่องครอบครองที่ดินผืนดังกล่าว ต่อมาทางศาลจังหวัดนนทบุรีก็ให้ตนได้สิทธิ์ครอบครองตามร้องขอ หลังจากนั้นก็มีคนมาติดต่อว่าทางวัดจะขอซื้อ จึงตกลงขายให้ ต่อมาทางทายาทของนางทองอยู่ ได้ไปตรวจสอบโฉนดที่ดินผืนดังกล่าวและพบว่ากลายเป็นชื่อของตนไปแล้ว และตนได้ตกลงขายกับทางมูลนิธิวัดสวนแก้วไปเสียแล้ว จึงถูกฝ่ายทายาทร้องคัดค้านในที่สุด

ต่อมาเวลา 17.30 น. พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม เดินทางกลับมาถึงวัดและเรียกนางวันทนาเข้าพบเพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งนางวันทนาได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พระพยอมทราบ โดยระบุว่า สาเหตุจริงๆ ที่ตัดสินใจไม่ร้องคัดค้านหลังถูกฝ่ายทายาทมรดกที่ดินยื่นขอเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์และให้ตกกลับไปเป็นของทายาทนางทองอยู่นั้น นอกจากนายหน้ามาเจรจาแล้ว ยังมีทนายความของฝ่ายทายาทนางทองอยู่ เจ้าของที่ดินเดิม เรียกไปเจรจายังสำนักงานทนายความ และยื่นข้อเสนอว่าหากไม่คัดค้านทายาทของนางทองอยู่ จะยกเงินมัดจำ 10 ล้านบาท ที่ขายที่ดินจำนวน 9 ไร่ให้ ส่วนเรื่องที่เหลือทนายจะจัดการเองทั้งหมด แต่ถ้าหากไม่ยอมอาจจะมีปัญหาเดือดร้อนไปด้วย ทำให้ตัดสินใจยอมทำตามที่ทนายยื่นข้อเสนอมา ต่อมาทางฝ่ายทนายก็ไปร้องต่อศาล คัดค้านการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินผืนที่ตกลงขายให้กับทางพระพยอมไปก่อนหน้านี้แล้ว

นางวันทนา กล่าวอีกว่า ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะมาพบหลวงพ่อและแถลงข่าวนั้น ทนายความของฝ่ายทายาทมรดกที่ดินได้โทรศัพท์มาสั่งห้ามไม่ให้เดินทางไปวัด โดยให้เก็บตัวอยู่ที่บ้าน ตนจึงได้ปรึกษากับลูกๆ และตัดสินใจเดินทางออกมาพบพระพยอม เพื่อบอกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลังตกเป็นข่าวแล้วกลัวคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นคนหลอกลวง นำที่ดินมีปัญหาไปหลอกขายพระ จึงตัดสินแอบมาที่วัดเพื่อรอพบพระพยอมและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระพยอมฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นางวันทนาตัดสินใจเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดแล้ว เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยเนื่องจากกลัวถูกอุ้มเพื่อไม่ให้ออกมาแฉข้อเท็จจริง หรือฟ้องคัดค้านต่อศาล จึงขอร้องให้ทางวัดช่วยประสานจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามคุ้มครอง และหาที่พักอาศัยชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยให้ด้วย ทางวัดจึงติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนางวันทนาและลูกสาว หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เพื่อเตรียมไปแถลงต่อศาลในวันที่ 8 พ.ย.นี้

ด้านพระพยอมกล่าวว่า เมื่อได้รับฟังข้อเท็จจริงแล้วอาตมาก็เริ่มปลงกับเรื่องที่เกิดขึ้น วัดจะแพ้หรือชนะคดีหรือไม่นั้น แต่งานของมูลนิธิก็ยังจะดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน หากวัดแพ้อาตมาก็ยังคงจะยืนยันปิดวัดแห่งนี้เป็นเวลา 3 ปี สู้คดีต่อไปแม้ว่าวัดและมูลนิธิจะบอบช้ำจากความเจ้าเล่ห์ของคนก็ตาม แต่อาตมาเชื่อว่าคนทำดีย่อมได้ดี ธรรมจะเป็นฝ่ายชนะอธรรมในที่สุด

ขณะที่นายวิฑูรย์ ศิริวิโรจน์ ผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิวัดสวนแก้ว กล่าวว่า แม้ตอนนี้หนทางของวัดจะดูยากยิ่งในการต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ดินของมูลนิธิกลับมา แต่วัดก็จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของวัด ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเชื่อว่าหากทางนางวันทนาให้การตามที่เล่าให้หลวงพ่อฟังเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต้องการช่วยเหลือวัดจริงๆ ประเด็นที่นางวันทนาถูกทนายความฝ่ายทายาทที่ดินพาตัวไปเกลี้ยกล่อม ที่สำนักงานจนยอมความไม่ร้องคัดค้านสิทธิ์ครอบครองที่ดินปรปักษ์ของตน ก็จะเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำไปแถลงต่อศาลในวันที่ 8 พ.ย.นี้

http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0101011149&day=2006/11/01

ขอบคุณครับ




บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
sigsax
Hero Member
*****

คะแนน 206
ออฟไลน์

กระทู้: 1778


ขึ้นลำแล้วลดนก


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2006, 08:49:54 PM »

ขอเอาใจช่วยท่านอาจารย์พระพยอมด้วยครับ  ขอให้ได้ที่ดินคืนมาครับ
บันทึกการเข้า

ฅนแผ่นดิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 1454

ช่างบั้งไฟและไกปืน


« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2006, 08:58:10 PM »

โกงที่ดินก็บาปพอแล้ว ยังไปโกงพระอีก ไอ้พวก........เวร
บันทึกการเข้า
e-muak
ยามมาดุจลมพัด ยามจากไปไร้ร่องรอย
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 626



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2006, 07:43:15 AM »

ขออนุญาตครับ

ผลของการโกง ก็มีตัวอย่างให้เห็น
แต่ก็ยังโกงกันอีก  เฮ้ออออออ Huh Huh

ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

ถึงเหล้าถูก เพื่อนดี ยังมีรส
ถ้าเพื่อนคด เหล้าดี หมดรสชาด

(ลอกมา)
y_kato
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2006, 08:26:31 AM »

 Angry Angry Angry
บันทึกการเข้า
บอย 14
Sr. Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 906


อ่อนโยนได้แต่อย่าอ่อนแอ


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2006, 09:33:42 AM »

..ไม่กลัวบาปกรรมกันเลยจริง ๆ ...
บันทึกการเข้า

                            
อย่ามองแต่ฟ้า...ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้ว...จัก....ภาคภูมิชีวิตแห่งตน...
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10196
ออฟไลน์

กระทู้: 47075


M85.ss


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2006, 09:50:51 AM »

เรื่องนี้ชักงงๆ สงสัยต้องรอพี่ โรด ตามปกติแล้ว หากเราครอบครองที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งเป็นการครอบครองจากคำสั่งศาล ดังนั้นเจ้าของที่ดินเดิมไม่สามารถเรียกร้องกลับคืนมาได้ แต่งัยไม่กลับฟ้องร้องเรียกคืนได้งงวุ้ย
บันทึกการเข้า

Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4087
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20181


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2006, 01:02:58 PM »



   Smiley..   กรณีนี้ น่าจะยังมีข้อเท็จจริงถูกปกปิด แต่เลือกที่จะนำข้อเท็จจริงใดที่มีประโยชน์ต่อตัวเองมาเปิดเผย.
                       เป็นทำนอง แก้ตัว . ทั้งเตะ - ถีบ ผู้ช่วยตัวเอง.
                     
                       มูลนิธิวัดสวนแก้ ถือเป็นบุคคลที่สาม ได้ที่ดินมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
                       ถือเป็นผู้เสียหาย  ปัญหา คือสิทธิในที่ดินแปลงพิพาทนี้ กับ เจ้าของที่ดินเดิม ใครจะดีกว่า.

                       เอกสารที่ดิน เป็นเอกสารที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย แม้จะมีที่มาจากการใช้หลักฐานเท็จ
                       ในการร้องขอครอบครองปรปักษ์.. 
                       แต่เอกสารโฉนดจะสมบูรณ์ อยู่จนกว่าจะถูกเพิกถอน ด้วยคำสั่งศาล.
                       และก็ได้ถูกเพิกถอน ไปโดยคำพิพากษาตามยอม ของคู่ความ ที่
                       เจ้าของที่ดินเดิม ร้องเพิกถอนหลักฐานโฉนดที่ดิน นางวันทนา ยอมประนีประนอมด้วย
                       สาเหตุที่แท้จริงคือ  การยอมความในครั้งนี้ เพื่อให้ตนเองพ้นไปจากการดำเนินคดีอาญา ..  เป็นหลัก.
 

                       แต่การเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงพิพาท..เกิดขึ้นภายหลังจาก นิติกรรม ซื้อขาย
                       ระหว่างมูลนิธิวัดสวนแก้ว กับ นางวันทนา สมบูรณ์ ครบถ้วนไปแล้ว
                       น่าจะไม่มีผลให้ บุคคลที่สามที่สุจริต ไม่รู้ถึงเหตุดังกล่าว   ต้องเสียหายไปด้วย
                       ความเห็นผม สิทธิของมูลนิธิวัดสวนแก้ว ดีกว่า เจ้าของที่ดินเดิม 

                       แต่เรื่องนี้ อาจจะไม่จบลงด้วยการใช้ข้อกฎหมายมาตัดสิน  เพราะจะไม่จบง่าย..
                       ยังจะมีการไล่เบี้ย.. ความเสียหายมันลึกกินกว่าจะแก้ไขกันได้โดยง่าย..
                       น่าจะจบลงด้วยการประนีประนอม  โดยมีคนกลาง ซึ่ง ท่านจรัญ ปลัดยุติธรรม ได้หาทางเจรจาให้. 

                      แต่อย่างไรก็ตาม นางวันทนา จะโดนอีกไม่ใช่น้อย..   Smiley

 

บันทึกการเข้า

หมู่ สน-รักในหลวง
(ไอ้หนุ่มรถไถ)
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 156


มีปืน มีสติ


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2006, 12:19:23 PM »

ขอเอาใจช่วยท่านอาจารย์พระพยอมด้วยครับ 
บันทึกการเข้า

น้อมรับทุกคำติเตือน และพร้อมแก้ไข
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 21 คำสั่ง