ตำนานการสร้างพระสยามเทวาธิราช

ตำนานการสร้างพระสยามเทวาธิราช ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาสมเด็จเจ้าพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าและทรงประทานเอกสารเกี่ยวกับ พระสยาม เทวาธิราชว่า พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ และทรงดำริว่าตั้งแต่ไทยได้ตั้งราชธานีสุโขทัยมาจนบัดนี้ ประเทศชาติ ไทยเผชิญกับวิกฤตจนต้องสูญเสียเอกราชไป สองครั้ง แต่ก็ได้กอบกู้เอกราชกลับมาได้และในต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์ประเทศมหาอำนาจ ทางตะวันตกก็เริ่มเข้ามาคุกคามประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่อังกฤษได้ยึดพม่าสำเร็จ ในสมัยรัชกาลที่สาม ก็ได้ส่งกับตันเฮนรี่เบอร์เนย์เข้ามาทำสัญญา การค้ากับไทย และครั้งสุดท้ายก็ส่งเซอร์เจมส์ บรุ๊ค เข้ามาอีก รวมแล้วสี่ครั้งด้วยกันซึ่งประเทศไทยเราก็ได้โอนอ่อนผ่อนตามมาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่เป็น ที่พึงพอใจกับทาประเทศอังกฤษซึ่งต้องการผลประโยชน์จากไทยมาก กว่าที่เราเสนอให้ จึงมีการเตรียมการที่จะใช้กำลังกับประเทศไทย ดังจะเห็นจากรายงานของเซอร์เจมส์ บรู๊ค ทูตคนสุดท้ายของอังกฤษในรัชกาลที่สาม ความว่า "พระเจ้าแผ่นดิน กำลังเสด็จอยู่บนแท่น สวรรคตและพระองค์ใหม่ที่กำลังจะเสวยราชย์ก็มีหวังที่จะพูดกันได้เรียบร้อย ฉะนั้นจึงขอให้รอการใช้กำลังบังคับเอาไว้ก่อน "

จากรายงานที่เซอร์เจมส์ บรู๊คเขียนไว้ชัดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศอังกฤษได้ตระเตรียมที่จะใช้กำลังกับไทยอยู่ก่อนแล้วบังเอิญมีการสวรรคต และมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำหริว่า เมืองไทยนี้มีเหตุการณ์ร้ายๆ จะต้องเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็มีเหตุการณ์ ์ที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นภัยมาเสมอ คงจะมีเทพยดาองค์ไดองค์หนึ่งที่คอยพิทักษ์ปกปักรักษา ประเทศเราอยู่เป็นแม่นมั่นจึงเห็นว่าน่าจะมีเทวรูปเทพองค์ นั้นไว้สักการระบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดทำและนำมาประดิษฐานไว้ ณ.พระที่นั่ง ทรงธรรมของพุทธมณเฑียร ในพระอภิเนาว์นิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถวายเครื่องสังเวยเป็นราช สักการะเป็นประจำวัน เครื่องสังเวยที่ถวายเป็นประจำนั้น จะถวายเฉพาะวันอังคาร และวันเสาร์ก่อนเวลาเพล โดยจะมีพนักงานฝ่ายพระราชฐานชั้นใน เป็นผู้เชิญเครื่องตั้งสังเวยบูชา เครื่องสังเวยประกอบด้วย ข้าวสุกหนึ่งถ้วยเชิง หมูนึ่งหนึ่งชิ้น พร้อมด้วยน้ำพริกเผา ปลานึ่งหนึ่งชิ้นพร้อมด้วยน้ำจิ้ม ขนมต้มแดงและขนมต้มขาว กล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อนหนึ่งผล ผลไม้ตามฤดูกาลสองอย่าง และน้ำสะอาดอีกหนึ่งถ้วย

ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า พระอภฺเนาว์นิเวศน์พระพุทธมณเฑียร และพระที่นั่งทรงธรรม ที่ได้สร้างขึ้นเมื่อสมัยพระบรมชนกนารถ ซึ่งเป็นโครงสร้างเสาไม้ หุ้มปูนได้ชำรุดทรุดโทรม ลงมาก ยากที่จะบูรณะ ให้คงสภาพเดิมไว้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รื้อลงทั้งหมด และอัญเชิญพระสยามเทวาธิราชไปประดิษฐานไว้ ณ.พระวิมานทองสามมุขเหนือลับแลบังพระทวาร เทวราชมเหศวร์ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ตราบจนถึงทุกวันนี้

พระราชพิธีบวงสรวงใหญ่ พระสยามเทวาธิราช ตามประเพณีกำหนดไว้ในวันที่ ขึ้นหนึ่งค่ำ เดือนห้า อันเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติแบบโบราณ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี หรือพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่เสด็จแทนพระองค์มาทรงสังเวยพระสยามเทวาธิราช และมีละครในจากกรมศิลปากรรำถวาย จึงเสด็จกลับ พิเคราะห์ดูจากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นแก่ประเทศไทย หลายครั้งหลายหน เมื่อสุดสิ้นปัญญาที่ คนไทยจะแก้ไขปัญหานั้นได้แล้ว ก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ที่ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆของชาติที่เลวร้าย คลี่คลายไปในทางที่ดีเสมอมา เอากันชัดๆ ดูกันใกล้ๆ ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง เราแทงข้างอักษะ เยอรมัน-ญี่ปุ่นเต็มที่ แต่พอหวยมาออกข้างฝ่ายพันธมิตร เป็นฝ่ายชนะสงครามอังกฤษกับฝรั่งเศสจะ ยึดประเทศเรา แต่อเมริกาก็คัดค้านเอาไว้ และยอมรับว่าการประกาศสงครามของเราเป็น โมฆะ ไม่ต้องถูกยึดประเทศ

กระเถิบใกล้เขามาอีกนิด ในยุคสงครามเย็น ที่เริ่มขึ้นในบ้านเราเมื่อ วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๐๖ ที่มีการใช้อาวุธกันครั้งแรก ระหว่างรัฐบาล กับ พรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศไทย ที่อำเภอ เรณูนคร ใครอยู่กรุงเทพคงไม่รู้คงไม่เข้าใจหรอกว่าตอนนั้น เราหมิ่นเหม่ แค่ไหน เราอยู่ใกล้ปากเหวแค่ไหนนึกภาพไม่ออกก็จะบรรยาย ให้เห็นภาพว่าตอนนั้นเราตกเหวไปทั้งตัวแล้วครับ ทั่วประเทศมีแต่พื้นที่สีแดง กับพื้นที่สีชมพูมีพื้นที่สีขาวอยู่แค่ภาคกลางบางจังหวัดกับกรุงเทพมหานคร เท่านั้น ในจังหวัดพื้นที่สีชมพูไม่มีข้าราชการคนไหนกล้าแต่งชุดข้าราชการไปทำงานกันแล้ว ยิ่งเป็นพื้นที่สีแดงพวก คอมมันจะสะพายอาการ์มาเดินเล่นเมื่อไร สามารถมาได้ตามสะดวกเลยเชียวผมมีคุณพ่อเป็นข้าราชการตำรวจอยู่บ้านนอก ในเขตพื้นที่สีชมพู กลับจากลาดตะเวนทีไรต้องคอยลุ้น พ่อเรายังอยู่หรือเปล่าเพราะกลับมาทีไร กลับมาไม่เคยครบเท่าขาไปสักที หิ้วบ้าง ห่อบ้าง ตามแต่สภาพของศพ จนฝรั่งเองมันเชื่อว่าในที่สุดแล้วประเทศไทยต้องกลายเป็นประเทศ คอมมิวนิส แน่นอน ตามทฤษฎี โดมิโน ที่โดมิโน สามตัวแรกล้มแล้ว คือเวียดนาม ลาว กัมพูชา โดมิโนตัวต่อไป ไทย มาเลเซีย ก็ต้องล้มตามไปด้วย แต่ขอประทานโทษไทยแลนด์ แดนอันแสนวิไลของเราแม้จะหล่นเหว ลงไปแล้ว แต่ยังอุตสาห์เอาปลายนิ้วก้อยเกี่ยวชง่อนผาเอาไว้ได้ แล้วค่อยๆออกแรงฮึดประคองตัวไต่ขึ้นมายืนริมปากเหวได้ไหม่อีกครั้งหนึ่ง และยืนอยู่จน ฝ่ายนักเผยแพร่ลัทธิเอง นั่นแหละเป็นฝ่ายล้มลงไปก่อน จักรวรรดิรัซเซียอันยิ่งใหญ่ก็ล่มสลายลงเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย อย่างเช่นอุเบกิสสถาน คาซัคสถาน ที่ต้องมาชดใช้กรรม ตอนนี้โดนไทยสยบคาสนามศุภ พรุนสี่ประตูต่อสอง เท่านี้ถ้าใครยังไม่หายแค้นก็เชิญหนุ่มไทยใจกล้าทั้งหลายไปล้างแค้นสาวรัซเซียได้ แถวๆซอยนานา อิ อิ งานนี้ ที่ทำให้ประเทศไทยรอดปากเหยี่ยวปากกา พ้นการเป็นคอมมะนิด คอมมะหน่อยมาได้ นี่ ผมให้เครดิตว่าเป็นฝีมือของสองท่านนี้ ไม่ท่านใดก็ท่านหนึ่ง คือท่านแรก ท่านขงเบ้ง แห่งกองทัพ (พักหลังออกอาการคล้ายจิวยี่ไปหน่อย) พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ร่างคำสั่ง ๖๖/๓๓ กับมือ กับ พระสยามเทวาธิราช ท่านว่าความสามารถของบิ๊กจิ๋ว หรือ ความศักดิ์สิทธิของพระสยามเทวาธิราช กันล่ะครับที่ ทำให้ประเทศไทยรอดจากการเป็น คอมมิวนิส มาได้ คิดไม่ยากใช่ไหมครับ ประเทศเราที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่เลวร้ายสุดๆมาด้วยดีนั้น จะว่าฟลุ๊คก็เห็นจะฟลุ๊คบ่อยเกินไปหน่อยจะว่าเป็นฝีมือของผู้บริหารในรัฐบาล ก็ยิ่งผะอืดผะอมไปกันใหญ่ ก็เห็นจะเป็นพระสยามเทวาธิราชองค์นี้แหละครับ ที่มีส่วนช่วยนำพาชาติไทย ชนชาติไทยเราฟันฝ่ามหาวิกฤตทั้งหลายผ่านพ้นมาได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า

ดังนั้น ดูก่อนท่านผู้ไม่เจริญทั้งหลาย ท่านไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านคิดจะลบหลู่ คิดจะกอบโกย โกงกิน ฉ้อราษฎร์ บังหลวง โค่นป่า ขายยาบ้า กินปูน กินดิน กินทราย ขอยี่สิบ ขอสามสิบ เปอร์เซ็นต์ จงอย่าลืม และจงตระหนักไว้ด้วยว่า ผื่นแผ่นดินแห่งนี้เป็นแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ ปู่ย่าตายาย ของ ปู่ย่าตายาย ของปู่ย่าตายาย แลกเนื้อ แลกชีวิต แลกเหงื่อ แลกน้ำตา รักษาเอาไว้ เอาแค่ยายผมคนเดียวก็เฮี๊ยนสุดๆ แล้ว แล้วยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ พระเสื้อเมือง ทรงเมือง หลักเมือง อีกหลายสถาบันที่ปกปักรักษา ชาติไทยเรานี้อยู่ แต่เนื่องด้วยคนเลวมันเยอะเหลือเกินบัญชีหนังหมาของประเทศเราจึงหนาเป็นพิเศษ คิวของท่านยังอาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้ แต่มิใช่ว่าฟ้าดินมิได้ รู้สึกรู้สากับความเลวของท่าน ช้าเร็วผลกรรมที่ใครๆก่อกรรมเอาไว้ต้องมีการชำระบัญชีแน่นอน ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศนี้ ไม่เคยเห็นคนเลวคนไหน มีจุดจบของชีวิตที่ ดี สักคนเดียว ความศักดิ์สิทธิของพระสยามเทวาธิราช และ สิ่งศักดิ์สิทธิอื่นๆที่ปกรักษาประเทศนี้อยู่ มีจริง และศักดิ์สิทธิจริง เชื่อผมเถอะ .

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ตำนานการสร้างพระสยามเทวาธิราช (อ่าน 3919 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้