จับได้เพิ่มอีกแล้วคับ ทหารเรือไทยของเราสุดยอด
ทัพเรือไทยสุดเจ๋ง จับโจรสลัดโซมาเลีย พร้อมยอมจำนน
หลังจากเหตุการณ์โจรสลัด โซมาเลียพยามเข้าโจมตีเรือสินค้าในอ่าวเอเดนแต่ถูกสกัดกั้นโดยหมู่เรือปราบ ปรามโจรสลัดของกองทัพเรือ เมื่อ 23ต.ค.53 ผ่านพ้นมาได้เพียงห้าวันเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันได้อุบัติขึ้นอีกครั้งแต่ ก็ต้องประสบความล้มเหลวด้วยปฎิบัติการอันเฉียบขาดของทหารเรือไทย
โดย สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือเปิดเผยว่าในวันที่ 28 ต.ค.53 พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือได้รับรายงานจากศูนย์ปฎิบัติการกองทัพเรือ (ศปก.ทร.)ว่าเวลา 09.55 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งตรงกับเวลา 12.55 น.ของประเทศไทย ขณะที่ เรือหลวงสิมิลัน กำลังคุ้มกันเรือสินค้านานาชาติ ขนาดใหญ่ จำนวน 9 ลำ เดินทางจากภายในอ่าวเอเดนด้านทะเลแดง เพื่อไปส่งที่ปากอ่าวด้านมหาสมุทรอินเดีย บริเวณ แลตติจูด 13 องศา 05 ลิปดา เหนือ ลองจิจูด 049 องศา 08 ลิปดา ตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ห่างจากชายฝั่งประเทศโซมาเลีย ประมาณ 100 ไมล์ทะเล และเป็นตำบลที่ใกล้เคียงกับที่หมู่เรือปราบปรามโจรสลัด ประสบความสำเร็จในการตรวจค้น สกัดกั้นและผลักดันโจรสลัดโซมาเลียที่พยามเข้าโจมตีเรือสินค้ามาแล้วครั้ง หนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ต.ค.53 ที่ผ่านมา
เรือ HELLESPONT PROTECTOR สัญชาติไลบีเรีย ซึ่งอยู่แถวหน้าด้านซ้ายของกระบวนเรือ ได้แจ้งมายังเรือหลวงสิมิลันว่ามีเรือเร็วเครื่องยนต์ติดท้าย (Skiff) 1 ลำคนในเรือประมาณ 6 คน ถืออาวุธปืน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ ลักษณะเหมือนโจรสลัด กำลังมุ่งหน้าเข้าหากระบวนเรือขณะเดียวกันเรือ MARI UGLAND สัญชาตินอร์เวย์ซึ่งอยู่ในกระบวนเรือ ได้แจ้งมายังเรือสิมิลันว่าได้ถูกโจมตีด้วยอาวุธปืนจากเรือ Skiff ลำดังกล่าวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำเยี่ยงโจรสลัดที่ต้องการปล้นยึด เรืออย่างแน่นอน
พล.ร.ต.ไชยยศ สุนทรนาคผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดกองทัพเรือจึงสั่งให้ เรือหลวงสิมิลัน ซึ่งอยู่ทางกราบขวาของกระบวนเรือ ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 2 ไมล์แล่นเข้าหาเพื่อตรวจสอบในทันที พร้อมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ แบบ BELL 212 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษ ขึ้นบินเข้าสกัดกั้น
เมื่อ เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบเรือ Skiff 1 ลำ อยู่ในพื้นที่ และเมื่อคนในเรือเห็นเฮลิคอปเตอร์ ได้เร่งความเร็วเพื่อหลบหนีออกจากพื้นที่ พร้อมกับโยนอาวุธทิ้งน้ำ เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์จึงใช้ระบบกระจายเสียงประกาศให้หยุดเรือแต่ไม่ได้ รับการสนองตอบนักบิน จึงทิ้งทุ่นควันเพื่อเป็นการเตือน ถึงสามชุด แต่เรือยังคงแล่นหนีพลประจำปืนบนเฮลิคอปเตอร์ จึงได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธยิงลงสู่ผิวน้ำในตำแหน่งดักหน้าเพื่อบังคับให้ เรือหยุดเคลื่อนที่ซึ่งก็ได้ผลตามต้องการเพราะ เรือ Skiff หยุดเรือยอมจำนน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์ ไม่พบอุปกรณ์การประมงใด ๆ อยู่บนเรือเป้าหมาย ขณะเดียวกันหมู่เรือฯ ได้ส่งซีลทีมซึ่งเป็นชุดตรวจค้นด้วยเรือยนต์เร็วจำนวนสองลำ เข้าตรวจสอบโดยละเอียด พบชายฉกรรจ์ ชาวโซมาเลียอยู่บนเรือ 6 คน มีถังน้ำมันจำนวนมาก เครื่องยนต์ติดท้ายขนาด 60 แรงม้า เสื้อผ้าสีดำ 6 ชุด มีดปลายแหลม 1 เล่ม และยังพบปลอกกระสุนปืน AK47 ที่เพิ่งทำการยิง ตกอยู่ในระวางท้องเรือจำนวนหนึ่ง และที่ตัวเรือถูกพ่นหมายเลข N163 ไว้
เมื่อ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากกองกำลังผสมทางเรือ (CMF) พบว่าเรือ Skiff ลำนี้เคยถูกเรือรบสหรัฐ ชื่อ USS .LABOON ตรวจค้นเมื่อ 23 ต.ค.53ที่ผ่านมา เมื่อนำข้อมูลหลักฐานมาวิเคราะห์ พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับหลักฐานที่ยึดได้จากเรือโจรสลัดที่หมู่เรือฯ ได้ดำเนินสกัดและผลักดันออกนอกพื้นที่เมื่อ 23 ต.ค.53 ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย มีดที่พบ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้บนเรือ จึงเป็นที่แน่ชัดว่าเรือลำนี้เป็นโจรสลัดอย่างแน่นอน
หมู่เรือฯ จึงแจ้งผลสำเร็จของปฏิบัติการให้กองกำลังผสมทางเรือนานาชาติ (CMF)และ ศปก.ทร. รวมถึงเรือสินค้าที่เดินทางผ่านในพื้นที่สำคัญทราบ และได้ดำเนินการถ่ายภาพ จัดทำประวัติบุคคล เพิ่มสัญลักษณ์หมายเลข T002 ไว้ที่ตัวเรืออันแสดงให้เห็นว่าเรือลำนี้ได้ถูกเรือรบไทยสกัดกั้นตรวจค้นมา แล้ว พร้อมกับผลักดันเรือและคนบนเรือกลับประเทศโซมาเลียต่อไปโดยไม่ได้ทำอันตราย แต่อย่างใด การดำเนินการทั้งหมดนี้ยึดถือแนวทางตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมาย ทะเลและเป็นไปตามกรอบนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ
http://news.mthai.com/general-news/92303.html