โคลท์เลิกผลิตปืน 9 มม.แล้วหรือครับส่วนใหญ่ในบ้านเราที่เดินดูเห็นแต่ .38 ซุปเปอร์กับ .45
พอดีเมื่อวานคนแถวบ้านหยิบมาให้ดูเป็นรุ่น 1991 A1 ขนาด 9 มม.บอกว่าญาติเขาจะซื้อแบบนี้
เป็นขนาดเดียวกันรุ่นไหนก็ได้ที่เป็นโคลท์ ผมก็บอกไปว่าไม่เห็นปืนโคลท์ในขนาด 9 มม.มานาน
แล้วเห็นที่วางขายกันก็มีแต่ .38 ซุปเปอร์ถ้ามีก็เป็นยี่ห้ออื่น ใครรู้ช่วยบอกทีครับ?
งานมันยุ่ง ไม่ค่อยได้เข้ามา แต่พอเห็นกระทู้นี้แล้ว คันมือ คันปาก พิลึก ขอหน่อยแล้วกัน
ก็อย่าไปสงสัยมากเลยครับ เล่าให้ฟังแล้วกันนะ
เอาเป็นว่า มาดูราก ของเรื่องราว ทีมาทีไปกันก่อน ศึกษาประวัติศาสตร์สักนิด แล้วท่านจะเข้าใจปัจจุบัน และจะทายอนาคตได้
ก่อนอื่น ก็ดูขนาด ชื่อของคาลิเบอร์เสียก่อน ที่ท่านถามมา โคลท์ ซูเปอร์ .38 ออโต หรือโคลท์ .45 ออโต
พิเคราะห์ให้ดี การอ่านคาลิเบอร์กระสุนนี้ อ่านเป็นแบบ จุด ไอ้นั่น จุดไอ้นี้
การอ่านแบบนี้ เป็นการอ่านคาลิเบอร์ ตามหลักมาตรวัด สไตล์ อเมริกัน ขนานแท้ คือ ใช้หลัก นิ้ว ฟุต หลา ไมล์
เป็นการวัดความกว้าง ของปากลำกล้องสไตล์อเมริกันโดยแท้
ส่วน 9 คูณ 19 หรือ 9 รูเกอร์ หรือ 9 พาราเบลลั่มนี้ ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ สอง ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ไม่เคย รู้จัก เจ้ากระสุนหัวแหลมเจี๊ยว นี้เลย มันเป็นกระสุนที่นิยมใช้กันแพร่หลายในทวีปยุโรป เพราะยุโรปใช้การวัดตามมาตรา แบบ เซนติเมตร เมตร กิโลเมตร
(ชาวสยาม ก็นับตามแบบชาวยุโรป มาตลอด ขนาด ข้างตัวปืน เขาเขียนว่า .45 ออโต้ ก็ยังบอกว่าเป็น ขนาด 11 มม. เลย)
ชาวยุโรป ในอดีต มักดูถูกดูแคลน อเมริกัน เสมอเสมอ เรียกอเมริกันไป ต่างๆ นาๆ ในเชิงดูถูก นั่นแหละ
ดังนั้น ชาวอเมริกัน ก็ไม่ค่อยชอบชาวยุโรปผู้ดีนักหรอกครับ
และแน่นอน กระสุนปืน ชนิด 9 มม.ที่แพร่หลายในยุโรป ก็ไม่เป็นที่รู้จักกันในอเมริกา เท่าใดนัก
ซึ่งบริษัทปืนดัง อย่างโคลท์ ก็ไม่เคยทำ ปืน เอ็ม 1911 ในขนาด 9 มม.พาราเอาเสียเลย
ปืน 9 คูณ 19 ดังๆ เด่นๆ ในยุโรปสมัยนั้น ก็ สามทหารเสือยังไงล่ะครับ ได้แก่ เจ้า พาราเบลลั่ม พี 08
เจ้า บราวน์นิง ไฮพาวเวอร์ พี 35 และเจ้า วอลเธอร์ พี 38 นั่นเอง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกันได้บุกเข้าสู่สมรภูมิยุโรป เพื่อขับไล่นาซีเยอรมัน กู้ยุโรป ให้พ้น จากอำนาจมืดของอินทรีย์เหล็ก
พอหลังสงครามโลกครั้งที่ สอง สิ้นสุดลง ทหารอเมริกันทีรอดตาย จากการยกพลขึ้นบก ที่โอมาฮา บิช นอร์มังนี
ทหารอเมริกัน ที่ได้เข้าไปย่ำดินแดน ปิตุภูมิ ในทวีปยุโรป ก็ได้ หยิบ เก็บ ดึง "ของขวัญสงคราม" ก็คือ เจ้า สามทหารเสือ พี 08 พี 35 พี 38 นั่นแหละ ดึงมาจากสมรภูมิยุโรป ติดตัวกลับบ้านที่อเมริกา
พอมาถึงอเมริกา ยิงกันไป ยิงกันมา ปืนเหล่านี้ ก็ตกไปอยู่ในมือของโจรผู้ร้าย ผิว.......ต่างๆ ในอเมริกา และไปอยู่ในมือของนักยิงปืนต่างๆ บ้าง การตลาดในอเมริกา จึงต้องผลิต กระสุน ขนาด 9 มม. ออกมาจำหน่าย (คล้ายๆ กับ ปืนนัมบู ของญี่ปุ่น ขนาด 8 มม. นั่นแหละครับ ยึดญี่ปุ่นไปยิงเล่นเยอะ กระสุนหมด อเมริกัน จึงต้องผลิตออกจำหน่าย ตามคำเรียกร้องของลูกค้า)
ซึ่งการเรียก คาลิเบอร์กระสุน ก็ขัด กับ การมาตรวัด สไตล์อเมริกาแล้วครับ 9 มม.
? เพราะอเมริกัน เขาคิดเป็น นิ้ว ไม่เป็นมิลลิเมตร
แต่ บริษัท ยักษ์ใหญ่อย่างโคลท์ ก็ยังมั่นคง ไม่ผลิต ปืน 1911 ในคาลิเบอร์ 9 มม. อยู่ดี
สังเกตได้จาก ปืนโคลท์ เอ็ม 1911 เอ็ม 1911 เอ1 ในเชิงทหาร และพาณิชย์ ที่ผลิต ตั้งแต่ ปี 1912 ตลอดจน ซีรีส์ 70 กระบอกสุดท้าย ก็ยังไม่เห็นมีขนาด 9 มม. ออกมาเลย
ต่อมา โลกเปลี่ยนไป กองทัพอเมริกัน ต้องเข้าร่วมกับพวกทหารทางยุโรป คาดว่าเป็น กองกำลัง นาโต้ อะไรทำนองนั้นแหละ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องทหารเท่าไหร่
พอไปรวมกับเขา กองทัพประเทศอื่น เขาใช้ 9 มม. กันหมด อเมริกัน จึงต้องเปลี่ยนตาม
ในห้วงปี 1985 โดยประมาณ กองทัพอเมริกัน ก็ได้เปลียน ปืนพก เป็น 9 มม.
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโคลท์ ใหญ่อย่างไร ก็ต้องตามกระแส ชาวอเมริกัน หลงไหล กระสุนขนาด 9 มม. ตามกองทัพสหรัฐ เป็นการใหญ่ แล้วยักษ์ใหญ่อย่างโคลท์ จะนิ่งอยู่ได้อย่างไร โคลท์ จึงเริ่มทำ 9 มม. ในขนาด 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ออกมาสู่ตลาด ในรูปแบบ ของรุ่น จำกัด ออกมาเป็นล็อตๆ มีขนาด ตัวเต็ม มีขนาด คอมมานเดอร์
มีการทำที่ระลึกออกมาบ้าง เป็น คอมแบ็ท อีลีท บ้าง เป็น โกล์คัพ อีลีทบ้าง
คือไม่ได้ทำเป็นสายการผลิตใหญ่ แต่จะผลิตออกมาเป็นรุ่นๆ เท่านั้นแหละครับ
ต่อมา ในอเมริกา เริ่มมีความคิดแตกต่าง มากมาย ในเรื่อง คาลิเบอร์กระสุน ต่างคนต่างเชื่อ บางคนว่า .45 ออโต้ ก็ยังแจ๋ว 9 มม. ก็โอเค 10 มม. ก็ยิงดี .40 ก็เด็ดไปเลย สรุปว่า ตอนนี้ มีความนิยมหลากหลาย
ผู้ผลิตอย่างโคลท์ ก็ต้องดูตลาดกันต่อไป คาลิเบอร์ไหน ฮิตๆ ละก็ โคลท์ ก็คงทำออกมาสนองความต้องการของตลาดอีกแหละครับ
ส่วนโคลท์ ก็อาจจะผลิต 9 มม. ออกมาอีกก็ได้ ครับ ตามแต่อารมณ์ และความน่าจะขายได้ ของฝ่ายการตลาดเขาแหละครับ
แต่สำหรับ .45 กับ ซูเปอร์ นั้น มันคงเป็นสายการผลิตหลักของเขาอยู่แล้ว กระมังครับ เลยมีออกมาเรื่อยๆ