คนจะมีปืน...ควรได้รับการอบรมให้ความรู้ในมาตรฐานเดียวกัน...อันนี้เห็นด้วย
แต่การจำกัดสิทธิ ที่ไม่มีหลักกฎหมายชัดเจนรองรับ บอกว่าไอ้นี่ดูตาขวางๆ เถียงนายทะเบียนฯ ดูก้าวร้าว ไม่อนุญาตนะ ... ดีไหม
เอายังงี้....เจาะDNAไปตรวจเลยก็แล้วกัน ..... พวกมีแนวโน้มวุฒิภาวะต่ำอย่างผม ห้ามมีอาวุธเด็ดขาด
ด้วยความเคารพ....ในสังคมเราๆนั้น....ยิ่งตั้งกฎเกณฑ์ ก็ยิ่งเปิดช่องให้พวกฉ้อฉล
แค่ที่เป็นอยู่ ยังถูกพวกตีความขยายอำนาจ แสวงหาประโยชน์เรียกราคาตามขนาดปืน
ต้องไปแก้วุฒิภาวะของคนกลุ่มนี้ก่อน .... จะได้คัดกรองแยกแยะคนดี-คนชั่ว คนปกติ-ไม่ปกติ ได้ถูกต้อง
ใครลุแก่โลภะ โทสะ โมหะ ใช้ปืนในทางที่ผิด กฎหมายก็กำหนดโทษานุโทษไว้แล้ว
สร้างกรรม ก็รับผลแห่งกรรมนั้นไป
เทียบใบขับขี่ .... คนขับรถสอบผ่าน ก็ไม่ได้บอกถึงความคะนอง
ไม่ได้บอกความรับผิดชอบต่อผู้อื่น ว่าถ้าดื่มเหล้า จะไม่ขับรถ ปีหนึ่งตายกันเพราะคนพวกนี้ไปเท่าไร
ผมกลัวคนที่ขับรถ เพราะคนขับรถควบคุมโมเมนตัมมากกว่าปืน อันตรายกว่าคนมีปืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ผมไม่กลัวคนมีปืน ........ เพราะผมก็มีปืนเหมือนกัน
ผมชอบความเห็นที่แตกต่างเพื่อกระตุ้นแนวคิดของพี่ธำรง นะครับ ปัจจุบันก็มีการบังคับเอกสารประกอบต้องผ่านการฝึกการใช้อาวุธปืนพื้นฐานอันนี้น่าจะตรงกับที่พี่ให้ไว้ แต่การจะไปบังคับให้ข้าราชการหรือพวกผู้แสวงหาประโยชน์จากข้อกฎหมายมีวุฒิภาวะที่ดีขึ้น(ซึ่งผมว่าเป็นกลุ่มคนที่น้อยกว่าประชาชนที่มีวุฒิภาวะดีๆ) ผมว่ายากกว่าการที่จะมีตัวบทกฎเกณฑ์มาตรฐานในการคัดกรองที่เหมาะสมซึ่งหมายถึงว่า ไม่ว่าใครจะตาขวาง หน้าตาผิดระเบียบจริงๆ ผิวคล้ำดำเข้ม หนวดเครารุงรัง แต่ถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน(ซึ่งปัจจุบันผมเห็นว่าไม่มี)นี้ไปได้เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะมีปืน มีสิทธิ์เท่ากับประชาชนคนนึงที่มีสิทธิปกป้องชีวิตและทรัพย์สินตัวเอง ไม่ใช่ดุลยพินิจฯเลื่อนลอย
ผมถึงมาตั้งคำถามเปิดไว้ว่า ท่านๆเห็นควรอย่างไรถ้าจะต้องมีมาตรฐาน เพื่อการครองปืนโดยปลอดภัยต่อสาธารณะชน
อ้อ จากคำตอบพี่ธำรงตอบไว้ ผมผู้น้อยนะครับแต่เห็นว่าคำตอบพี่แสดงชัดเจนครับว่า พี่มีวุฒิภาวะดีพอที่จะครองอาวุธปืนแน่นอนครับ ด้วยความเคารพ