๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

http://pantip.com/topic/32589161

ก็ว่ากันไปครับ  ;D

ดีครับ เข้าใจคิดดี...

การลงทุนมีความเสี่ยง ;D ;D ;D แต่ผมสนับสนุนให้รู้จักการออม การลงทุนครับ

เล่นหุ้นทุกคนอยากรวยเร็วแน่นอน แต่มันไม่ใช่ รวยช้าหน่อยลงทุนง่ายกว่า

ผมคิดแบบเดียวกับคนต้นคิดเลยนะครับ ยิ่งนานไปรถยิ่งเสื่อมค่า เงินที่ผ่อนไปด้วยและการซ่อมบำรุงทำให้เราเสียโอกาส และรวยช้าลง

แต่ผมอธิบายยังไงเมียผมไม่เข้าใจสักทีแถมคิดว่ารถมันเป็นลูกอีกคนหนึ่งอีก เฮ้อๆๆๆๆๆ :~) :~)

หนี้สินเยอะจะตาย ผ่อนแทบไม่ทันอยู่แล้วค้าบๆๆๆๆๆๆ ::012:: ::012::

ซื้อรถจ่ายหมดใน 2 ปี ต่อจากนี้ไม่ซื้ออีกแล้วรถขี่คนเอ๊อะคันเก่านี่แหละ อยากได้แต่ปืนใหม่  ::008::

คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นเจ๊ง 90 เปอร์เซ็นต์ครับ ที่เจ๊งก็มักแพ้ใจตัวเองมากกว่าอย่างอื่น... เรื่องแพ้ใจตัวเองนี่มีทั้งสายลงทุนเน้นคุณค่า(VI - Value Investment) และสายเทคนิคกราฟครับ...

ทำไม VI ไม่ได้ผลก็เพราะมีข่าวโน้นข่าวนี้เข้าจนมึน เอ้าขายก่อนดีไหม เดี๋ยวค่อยไปซื้อคืน, หรือว่าจะรอทุกอย่างชัดเจนก่อนดีกว่าค่อยซื้อ พอชัดเจนได้ไม่ถึงเดือน ข่าวใหม่มาอีกแล้ว กลายเป็นว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาของ VI, หากเข้าซื้อตอนนี้เดียวลงไป 800 ขาดทุนเยอะแน่เลย ดังนั้นเล่นรอบดีกว่า ฯลฯ... ในที่สุดก็แพ้ใจตัวเองเพราะขาดทุนจนจับทางไม่ถูกครับ...

ส่วนพวกเทคนิคกราฟก็มึนเหมือนกัน เพราะพวกเล่นกราฟมักต้องหาสูตรของตัวเองแล้วมักสวนทางกับบรรยากาศการลงทุน ตัวอย่างเช่นช่วงเมษาเลือด 2553 ช่วงนั้นแทนที่หุ้นจะลงก็กลับขึ้น ช่วงน้ำท่วมก็หุ้นขึ้น แม้แต่ช่วง คสช.ยึดอำนาจการปกครองก็หุ้นขึ้น ฯลฯ... แล้วช่วงบรรยากาศไม่ดีที่ว่ามานั้นเทคนิคกราฟบอกให้ซื้อหุ้นเพิ่มทั้งนั้นครับ นั่นแปลว่าต้องฝืนความรู้สึกของตนเอง(คนส่วนใหญ่ทำใจไม่ได้)...

ตามกระทู้ในพันทิปที่เป็นต้นเรื่องของกระทู้ในเว็บ อวป. บอกว่าให้เอาการลงทุนในหุ้นเป็นการออม... ตรงนี้ก็สวนทางกันอีกแล้วระหว่างพวกเล่นเทคนิคกราฟกับ VI เพราะพวก VI จะเอาเงินไปจมอยู่ในหุ้น แต่ในขณะที่พวกเล่นเทคนิคกราฟจะปล่อยให้พอร์ตว่างเป็นส่วนใหญ่ครับ...

พวกเล่นเทคนิคกราฟจะซื้อหุ้นเมื่อมันจะขึ้นเท่านั้น(สูตรใครสูตรมัน) หากซื้อแล้วมันไม่ขึ้น(หรือลง) ราคาหุ้นก็จะโดนเส้นค่าเฉลี่ยตัดแซงหน้าขึ้นไปข้างบน ซึ่งแปลว่าต้องขายทิ้ง(หากใช้สูตรเส้นค่าเฉลี่ย) ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการปล่อยพอร์ตให้ว่าง แต่นั่งเฝ้าจอ... แต่ VI กลับข้างกันคือซื้อแล้วทิ้งหน้าจอไปเลยเพราะถือว่าวิเคราะห์ดีแล้วไม่มานั่งกังวลกับราคาวูบวาบ  แล้วจะกลับมาดูอีกทีเมื่อ 3 เดือนผ่านไปถึงช่วงประกาศผลประกอบการฯ...

สรุปแล้วทั้งสองวิธีคิดไม่ว่าจะทั้งเทคนิคกราฟหรือ VI นั้น คนที่จะเล่นหุ้นได้กำไรก็มักจะไม่ใช่คนปรกติที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมครับ จากประสบการณ์ตรงของนายสมชายมักเป็นพวกสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งเสมอ ตัวอย่างที่คนชอบบอกว่าใครขับรถไม่เคยผิดกฎจราจรไม่มีในโลก หรือใครไม่เคยโกหกไม่เคยมีในโลก หรือบางคนก็บ้าทำอะไรซ้ำๆ เช่นนั่งส่องกราฟหุ้นทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่อแก้ข้อสงสัยว่าเปลี่ยนตรงนี้แล้วเรโชเฉลี่ยกำไร/ขาดทุนจะเปลี่ยนไปกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ฯลฯ... คนกลุ่มนี้แหละครับที่มักกำไรหุ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นคนปรกติครับ...

สรุปว่าใครอ่านกระทู้ที่ว่าในพันทิบแล้วอยากออมเงินในหุ้นเพราะนึกว่ามันจะรวย ต้องคิดใหม่ครับ... เพราะมักจะเจ๊ง...

ปล.เมื่อช่วงเช้านี้นายสมชายก็นั่ง/ยืนตะบี้ตะบันถ่ายรูปดอกเฟื่องฟ้าหน้าบ้านสารพัดวิธีตั้งกล้อง สารพัดจัดแสง สารพัดมุมกล้อง ถ่ายอย่างนั้นแหละเพื่ออยากได้คำตอบว่าจะถ่ายดอกไม้ด้วยเลนซ์คิตของ E-pl5 ต้องใช้สูตรไหนดีที่สุด แล้วก็ถ่ายจนแบ็ตหมดไปหนึ่งก้อน ตอนนี้กำลังชาร์จใหม่ครับ... ฮา...

ไหนๆ ก็พาดพิงเรื่องถ่ายรูปดอกเฟื่องฟ้าแล้วก็เอารูปมาให้ดูซะเลย... รูปข้างล่างนี่นายสมชายถ่ายตอนแสงดี เลยได้ความคมชัดเป็นที่น่าพอใจ แต่นายสมชายต้องการแก้โจทย์ให้ได้ว่าจะถ่ายตอนเช้าตรู่แสงไม่ค่อยดีให้ได้ภาพที่ดี ก็เลยพยายามทดลองสารพัด ฯลฯ...

(http://upload.armuay.com/img/2014-09-16/08-29-08_0.652837.jpg)

พี่สมชายครับ ภาพดอกไม้บางภาพในเน็ตหรือในหนังสือผ่านการตกแต่งด้วยโปรแกรม Photoshop หรือบางทีใช้เทคนิค HDR (High Dynamic Range) เข้ามาช่วยครับ ภาพถึงได้ออกมางดงามจับตายิ่งนัก  ::014::

ถ้าเป็นภาพแบบดิบๆ สีก็จะซีดๆ แบบที่พี่สมชายถ่ายมานี่แหละ ขนาดให้ใช้โหมด Vivid ถ่ายก็เถอะครับ  ::012::

ภาพเปรียบเทียบ ระหว่างภาพธรรมดา (ซ้าย) กับสองภาพขวาที่ใช้เทคนิค HDR ช่วย
(http://www.appdisqus.com/wp-content/uploads/2013/06/hdr-example.jpg)

ขอบคุณมากครับ งั้นนายสมชายเล่นมั่งครับ... เย้...

รูปข้างล่างนี่นายสมชายถ่ายด้วย iso 800 เพื่อให้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้สูงๆ แล้ว Stack ซ้อนลงไป 8 รูปในโฟโต้ช็อปเพื่อลบ Noise ด้วยฟังก์ชั่น Median ใน Stack Mode ก็ลบได้ระดับหนึ่ง... ได้รูปข้างล่างรูปแรกครับ, ส่วนรูปที่ 2 นายสมชายทดลองใช้ HDR ของโฟโต้ช็อบ CS6 แล้วภาพมันเยินมาก เลยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป PhotoMatrix ก็ได้รูปแบบชวนตื่นเต้นในรูปที่ 2 ครับ(ขยายรูปโตก็เยินอยู่ดี เพราะหากตั้งใจจะทำ HRD ตั้งแต่แรก ต้องถ่ายคร่อมแสงหลายรูป)... แฮ่ๆ...

(http://upload.armuay.com/img/2014-09-17/00-38-17_0.970198.jpg) (http://upload.armuay.com/2014-09-17_00-38-17_0.970198.jpg)
(http://upload.armuay.com/img/2014-09-17/00-22-58_0.199274.jpg)

จากเมื่อเช้านี้ หากจะถ่ายรูปในสภาพแสงน้อยแต่อยากจะใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง+รูรับแสงเล็กๆ เพื่อให้คมชัดตลอดภาพซึ่งทำอย่างนี้จะต้องปล่อย ISO ให้ไหลขึ้นสูงๆ แล้วเกิด Noise เต็มไปหมด... นายสมชายพบว่าใช้วิธี Stack ภาพไม่ได้ผลครับ เมื่อเช้านี้นายสมชายทดลอง Stack บางรูปไปถึง 50 ภาพในเฟรมเดียวกัน(ตั้งเวลาลั่นชัตเตอร์บนขาตั้งอย่างนั้นแหละเป็นระยะจนครบ 50 ครั้ง)...

นายสมชายพบว่าหากจะตะบี้ตะบันถ่ายรูปที่ ISO สูงๆแล้วลบ Noise ได้ดีที่สุดจะต้องไม่ใช่วิธี Stack รูปครับ แต่จะใช้วิธีใส่ขาตั้งแล้วถ่ายใกล้ๆให้มุมแคบๆ+เลื่อนกล้องไปตามราง ถ่ายทีละรูปต่อกันจนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย จากนั้นเอารูปทั้งหมดมาต่อกันเป็นรูปใหญ่รูปเดียวในโฟโต้ช็อบ(เหมือนต่อจิ๊กซอว์)... ก็จะได้ไฟล์ใหญ่ประมาณอย่างน้อย 36 ล้านพิกเซลขึ้นไป แล้วย่อขนาดลงมาให้เหลือ 18 ล้านพิกเซลปรกติ ก็จะได้รูปขนาดปรกติ แต่ Noise จะถูกย่อขนาดจนกลายเป็นจุดขนาดจิ๋วเนียนตา แล้วก็ทำให้ภาพคมกริบแบบบาดกางเกงขาดครับ...

รูปที่ถ่ายเมื่อเช้านี้ด้วยวิธีนี้ ดอกไม้เบลอเพราะลมพัด แต่หินทรายด้านหลังคมกริบครับ ดังนั้นต้องใช้วิธีนี้เฉพาะกับงานสถาปัตยกรรม... และที่สำคัญจะใช้วิธีซูมแล้วหันกล้องก็ยากด้วย เพราะขอบวัตถุจะโค้ง(เหมือนภาพพานอราม่า) คือต้องใช้ความยาวโฟกัสเท่ากับ 50 มิล(เทียบเท่ากับขนาดฟิล์ม 35 มม.) เท่านั้นครับ...

ผมเมายังไม่สร่างอีตาซัดดัมลุยคูเวต  ดูทีวีเพลินๆอยู่หุ้นตกผมถึงว่าเหมือนฝากเขาแทงไฮโลเลย 
การลงทุนมีความเสียวครับเสียวที่จะขาดทุน

ช่วงซัดดัมลุยฯ... หากเล่นหุ้นด้วยกราฟจะรอดตายครับ เพราะก่อนหน้านั้น 2 - 3 วันเส้นกราฟมันตัดเส้นค่าเฉลี่ย 7 วันลงมาข้างล่างครับ...

เอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หาความรู้เพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง อยากได้อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม  ก็ได้มาโดยไม่ลำบากหรือเดือดร้อนใดๆ