๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 02, 2024, 12:15:05 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 110 111 112 [113] 114 115 116 ... 149
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝรั่งเขากินเหล้ากันอย่างไรครับ..  (อ่าน 467959 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1680 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 02:17:15 PM »

ผมจองใว้ขวด น๊ะครับผ่านไปเมื่อไหร่ จะแวะ เอา หึๆๆ แปะชื่อใว้เลย udomkd

ปล.การแสดงตัวรับของ ต้องเช็กกันหน่อย น๊ะครับ เดี๋ยวเกิดสวมรอยยุ่งเลย หึๆๆ

น้าใหม่ต้องเปิดเว๊ป อวป.ให้ใส่ล้อคอินdomkd พาสเวิร์ด"""" ได้ด้วย หึๆๆ

 Grin ok แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปเอามาเลย Grin
บันทึกการเข้า

...อภิสิทธิ์ ...
จะรักและซื่อสัตย์ต่อลูกโม่ S&W ตลอดไปชั่วฟ้าดินสลาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 652
ออฟไลน์

กระทู้: 3595



« ตอบ #1681 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 05:03:02 PM »





็Ha Ha  ฮา   "สิมิลัน"  ยายเรียกว่า "สิมิหลัน" คร๊า  ฮา


เรียกเต็มๆนี่เรียกว่า "สิมิหลั่นพา"  ใช่ไหมครับยายป้าบรา คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

There are experienced shooters who are just die-hard fans of revolvers. They do practice regularly and have had plenty of training, and for whatever reason they just prefer revolvers over semi-autos. And for the record, no, not all of them are dudes with gray hair.
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #1682 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 06:39:23 PM »

เตือนภัยชาวสุรานะครับ--ยาพาราเซ็ตตามอลแก้ปวดแก้ไข้ที่เราใช้กันอยู่ทุกวี่วัน ว่ากันว่าเชื่องแสนเชื่องจนคนไทยกินกันปีละห้าหกตัน  จริงๆแล้วอันตรายแฝงเร้นน่ากลัว--

   1.ห้ามพารากินกับเหล้าโดยเด็ดขาดเพราะจะเสริมฤทธิ์กัน
ช่วยกันทำลายตับ-เกิดมะเร็งตับ(
ในเรื่องฤทธิ์ยา 1+1 ไม่ได้เป็น 2 อาจจะเป็น 6 เป็น10 ก็ได้)
ผมคนหนึ่งแหละครับที่กินเหล้าแล้ว ก่อนนอนจะต้องกินพาราสองเม็ด
กันตอนเช้าตื่นมาปวดหัว ต่อไปต้องเลิกพฤติกรรมอันนี้ ปวดให้มันปวดไป


   2.ห้ามกินพาราเกินวันละ 8 เม็ดและห้ามกินติดต่อกันเกินห้าวัน
จะทำให้ตับ-ไต อักเสบ

Ha Ha  ฮา  ยายมาตอบช้าไปนิ๊ดดด  น๊ะคร๊า  ฮา

เซี่ยงจี้  กับ  ตับ  อ่ะ  ถ้ามันเริ่มทำงานได้น้อยลง  อย่าทิ้งน๊ะคร๊า  ฮา
เอาแช่ตู้เย็นไว้ก่อนคร๊า   ตอนเช้าไปตลาด  หา "จิงจูฮวยฉ่าย"  มาต้มเลือดหมู  คร๊า  ฮา

แหมม   กินมาครึ่ง "ศตวรรษ"  แล้ว  ฮา
"ไต และ ตับ"  มันไม่แข็ง  ง่ายๆ  หรอกคร๊า  ฮา
กิน  "เป็ก"  เมา  "แบน"  ฮา  เปลือง ค่ากับข้าว  คร๊า  ฮา






ผมจองใว้ขวด น๊ะครับผ่านไปเมื่อไหร่ จะแวะ เอา หึๆๆ แปะชื่อใว้เลย udomkd

ปล.การแสดงตัวรับของ ต้องเช็กกันหน่อย น๊ะครับ เดี๋ยวเกิดสวมรอยยุ่งเลย หึๆๆ

น้าใหม่ต้องเปิดเว๊ป อวป.ให้ใส่ล้อคอินdomkd พาสเวิร์ด"""" ได้ด้วย หึๆๆ

็Ha Ha  ฮา   "สิมิลัน"  ยายเรียกว่า "สิมิหลัน" คร๊า  ฮา
เมื่อก่อนตอนออกใหม่ๆ  ยายก็เคยชิมอ่ะคร๊า  ฮา

เรื่องอยากได้  มาชิม  ยายเอาลายแทงมาให้อ่ะ
"เซ็นทรับ ชิดลม"  น่าจะมีเหลืออ่ะคร๊า  มองผ่านตาน๊ะคร๊า  ฮา
ขอบคุณครับยาย หากเมตตา ยายผ่านไปช่วยหยิบขว้างมาหาดใหญ่หน่อยแล้วกันครับ

จักขอบพระคุณ หึๆๆ

หากให้ผมขับรถไปจากสงขลา เพื่อเข้าไปเอา "สิมิลัน"ที่ ชิดลม ผมยอมขับไปหาเอาที่น้าใหม่ คอนหวรรค์ หึๆๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15861
ออฟไลน์

กระทู้: 13585


No justice No peace


« ตอบ #1683 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 06:55:54 PM »


ขอบคุณครับยาย หากเมตตา ยายผ่านไปช่วยหยิบขว้างมาหาดใหญ่หน่อยแล้วกันครับ

จักขอบพระคุณ หึๆๆ

หากให้ผมขับรถไปจากสงขลา เพื่อเข้าไปเอา "สิมิลัน"ที่ ชิดลม ผมยอมขับไปหาเอาที่น้าใหม่ คอนหวรรค์ หึๆๆ

อันนี้ที่บ้าน


Ha Ha  ฮา  ลุงเข้ม  อยู่แถวไหนคร๊า  ไฟฟ้ายังไม่มีใช้เหรอคร๊า  ฮา

โธ่ถัง  อยู่แถวนั้น เล่น Jack Daniel's Tennessee Whiskey แสนจะหอม  ฮา
มาชอบอะไรกับของเชยๆ  ฮา
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1684 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 06:58:21 PM »

                                     
บันทึกการเข้า

                
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #1685 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 08:07:43 PM »

หุๆ ยายฯบร้านี่ ข้อมูลเพรียบ จริงๆ

ยายก็ทำเป็นแยกไม่ได้

ลุงแจ็คน๊ะ วิสกี้ลุงกันเขา

ส่วนสิมิลันนี่ "รัมไทย" ก็เปลี่ยนกรุ่นกลิ่นบ้าง ซิครับ

แต่เสียดายจริงๆ ไม่ทราบสาเหตุ ที่เลิกหายไป หรือว่า...ขายไม่ออก หรืออะไรก็ไม่ทราบได้

ผมว่า มันดีกว่าเหล้าถ่อยลุงปูตั้งเยอะ ดีกว่าบักจอห์นแดง (ข้อมูลอ้างอิงไม่ได้ หึๆๆ) แต่กั่นแหละ มันก็คนละแนวทางกันอีก


ปล.ส่วนเรื่องไฟฟ้า เวลาพวกผม"กินเล่า" ก็พยามช่วยกันแช่งให้ไฟดับ เพื่อจะได้จุดตะเกียงครับ ประมาณนั้น
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1686 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2011, 08:10:42 AM »

 Grin คุยเล่น ๆ กับการเปิดร้านเหล้า Grin

 Grin เมื่อวานนี้คุยกับพี่คนนึงเรื่องการเปิดร้านเหล้า (เน้นว่าร้านเหล้า) เขาถามมาว่า ทำไมถึงมีคนอยากลงทุนกับธุรกิจประเภทนี้ ทั้ง ๆ ที่มีมากมายที่เปิดแล้วเจ้ง ผมก็เลยสรุปให้ฟังว่า "เพราะคิดว่าได้กำไรเยอะ" นั่นก็คือ Grin

1. ส่วนใหญ่ คิดแค่เพียงว่า ร้านเหล้าสามารถชาร์จราคาได้เยอะ กำไรต่อหน่วยมันสูง ส่วนมากเกิน 100% ซึ่งก็จริง
2. ส่วนใหญ่ คิดว่า ในร้านต้อง "เยอะ" คือ อาหารเยอะ เด็กเสริฟเยอะ ดนตรีเยอะ นั่นโน่นนี่ ฯลฯ เพื่อเป้นสิ่งดึงดูดลูกค้า ซึ่งก็ใช่
3. ส่วนใหญ่ คิดว่า ร้านอลังการ ต้องสวย ต้องดูดี ต้องมีโปรเจคเตอร์ ต้องมีโต๊ะพูล สิ่งอำนวยความสะดวกและบันเทิงต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งก็ถูก

 Grin ซึ่งเมื่อก่อนสมัยผมหุ้นกับเพื่อนเปิดผับ ก็คิดอย่างนั้น และสุดท้ายก็พับเสื่อ Grin

 Grin แล้วผมก็คิด Grin

จากข้อ 1. นั่นหมายความว่า ต้องขายได้ และมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในข้อ 2 รวมถึงต้องคิดในกรณี ของเสีย เช่นของสดเหลือทิ้ง ซึ่งไม่มีใครที่เอามาคิด แต่ผมคิด คือจะนำของที่ต้องทิ้งมาตีราคาแล้วมาบวกกลับมาเป้นต้นทุน (ค่าใช้จ่าย) ด้วย ถึงจะได้เป็นกำไรสุทธิ ยังไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่ของที่ไม่บูดไม่เน่าก็ตาม แต่มันอาจเกิดความเสียหายได้ เช่น เหล้าแตก เมื่อเิดความเสียหาย ก้ต้องเอามาบวกเป้นทุนเช่นเดียวกัน (***ทั้งหมดถูกตามหลักบัญชีหรือไม่ผมไม่รู้นะ แต่ผมทำแบบนี้น่ะ) ซึ่งในความเป็นจริง น้อยคนที่จะคิดถึงส่วนนี้ มันจึงเกิดคำถามว่า "หายไปไหน" เพราะเลขในบัญชีจะมีอยู่ แต่ของมันไม่มีแล้ว ก็ทิ้งไปแล้วนี่ เท่ากับว่าหากมีของเสียมาก กำไรต่อหน่วยก็น้อยลง เช่นหมู 1 กิโล 150 บาท ทำอาหารได้ 10 จาน ต้นทุนต่อ 1 จานเท่ากับ เนื้อหมู 15 บาทเครื่องปรุงเครื่องเคียง ค่าแก๊ส อีก 20 บาท รวมเป็นต้นทุน 35 บาท ขายจานละ 70 ทั้งหมด 10 จาน ก็คือ 700 บาท แต่จริง ๆ ขายได้แค่ 5 จาน แล้วเนื้อหมูที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเกิดเสีย ตีเป็นมูลค่า 75 บาท เท่ากับต้นทุนต่อจาน ใน 5 จานที่ขายได้ ต้องเพิ่มไปอีกจานละ 15 บาท กลายเป้นทุนต่อจาน 50 บาท เหลือกำไรแค่ 20 บาท 5 จาน กำไรแค่ 100 บาท จากถ้าขายได้หมดไม่เสียจะได้กำไรถึง 350 บาท หายไปเยอะเลย Grin

จากข้อ 2. ค่าใช้จ่ายประจำ คือ ค่าเช่า (ถ้ามี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเช่า) ค่าไฟ ค่าน้ำ เงินเดือนพนักงานทั้งหมด ค่าการตลาด (ถ้ามี) ซึ่งทั้งหมดคือต้นทุนของร้าน ยิ่งมาก ต้นทุนก็ยิ่งสูง ต้นทุนสูงก็ต้องขายให้ได้มากเพียงพอ โดยจากประสบการณ์แล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป้นจำนวนเท่าไร ต้องคูณด้วย 3 เป้นอย่างต่ำ ก็จะเป้นตัวเลขยอดขายที่ต้องทำ ร้านจึงจะอยู่ได้ มากกว่านั้นถึงจะเห็นกำไร เช่นค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือนทั้งหมด 50,000 บาท ยอดขายรวมต้องเท่ากับ 150,000 บาทต่อเดือน ส่วนหนึ่งของ 150,000 คือต้นทุนสินค้า+ของเสีย/เสียหาย (***คิดจากขายราคากำไรประมาณ 50% ซึ่งต่างจังหวัด เหล้าจะบวกกำไรไม่ได้มาก ประมาณ 20-30% มิกเซอร์ร้านทั่วไปกำไรประมาณ 100% อาหารกำไร 100% รวมเฉลี่ยแล้วจริง ๆ จะเหลือกำไรแค่ประมาณ 50% ถ้าอาหารกับมิกเซอร์ออกดี % ก็จะมากขึ้นแต่ผมคิดเฉลี่ยตามความเป้นจริง) นั่นก็คือต้นทุนสินค้าจริง ๆ จะประมาณ 100,000 บาท ที่เหลืออีก 50,000 ก็คือค่าใช้จ่ายประจำ หมด ไม่เหลือให้กินข้าวด้วยซ้ำ Grin

จากข้อ 3. นั่นหมายถึงทุน ทำมาก ใช้ทุนมาก เมื่อใช้ทุนมาก ก็ต้องขายได้มากจึงจะคืนทุน ถ้าขายได้แค่ตามข้อ 2 ก็เท่ากับว่าทุนก้อนนี้ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าพอกพูนเลย เอาฝากธนาคารกินดอกดีกว่าไหม แล้วถ้าทุนก้อนนี้เป็นทุนที่เป็นเงินกู้ล่ะ จะเอาที่ไหนส่งต้นส่งดอกเบี้ย เนื้อแหว่งล่ะคราวนี้ และเมื่อยังไม่สามารถคืนทุน การปรับปรุงร้านเพิ่มเติมยิ่งไม่ต้องพูดถึง หรือถ้าจะปรับ ก็ต้องควักเนื้ออีกแล้ว หรือต้องไปกู้เพิ่ม พอกหางหมูอีกแล้ว Grin

 Grin ปัจจุบัน กับร้านเล็ก ๆ ของผม Grin

จากข้อ 1.
   1.1 ของสด พยายามหาของที่เสียยาก เก็บได้ง่ายและนาน หาเมนูอาหารที่สามารถหมักเก็บไว้ได้ก่อนนำมาทำให้สุก ของที่เสียง่าย ซื้อไว้จำนวนไม่ต้องมากเกินไป ให้พอใช้วันต่อวัน ขยันไปจ่ายตลาดทุกวัน จะทำให้จำนวนของเสียส่วนนี้ลดลงมากที่สุด ประกอบกับต้องประเมินการขายให้ได้ ว่าวันไหนจะมีลูกค้ามาน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ซื้อของให้ได้พอเหมาะ กำไรต่อหน่วยจึงจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกอย่าง จริงอยู่ว่าปกติแล้วซื้อน้อย ราคาจะแพงกว่า ต้นทุนก็แพงขึ้น แต่ในความเป้นจริง เราไปซื้อเจ้าเดิมทุกวัน ๆ เค้าก็ลดให้เราเองนั่นแหละ Grin
   1.2 ของไม่เน่าเสีย เก็บให้ดี ระมัดระวัง ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แล้วก็เหมือนกัน ไม่ต้องซื้อมาตุนไว้เยอะแยะ ถึงมันจะไม่เน่าเสียก็ตาม แต่จะเอามาให้ทุนมันกองอยู่เฉย ๆ ทำไม เอาไปหมุนเวียนดีกว่า ซื้อน้อย แพงกว่าขวดละ 5 บาท หรือลังนึงไม่เกิน 10 บาทเอง ไม่มีผลอะไรเลย Grin

จากข้อ 2. อะไรทำเองได้ ทำ รับพนักงานเท่าที่จำเป็น ประเมินจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อพนักงานเสริฟที่ผมคิดคือ 20 หรือ 30 ต่อ 1 คือลูกค้า 20-30 คน ต่อพนักงาน 1 คน เหนื่อยกำลังดี เพราะถ้าจ้างมากไป วันที่ลูกค้าน้อย ค่าจ้างส่วนนี้อาจจะกินทุน แต่ถ้าจ้างน้อยเกินไป ก็บริการไม่ทัน เกิดผลเสียต่อความพึงพอใจได้ ที่ร้านผม ลูกค้าเฉลี่ย 10-30 คนต่อวัน ครัว/เหล้าปั่น/คอกเทล ผมทำเอง ประหยัดค่าจ้างแม่ครัวไปวันละ 200 พนักงานเสริฟมีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว จะจ้างมาทำไมเยอะแยะให้มากินเงินเรา แม้บางวันลูกค้ามีมากถึง 60-90 คน แต่ร้านผมมีตัวช่วย คือ ลูกค้าบริการตนเอง หรือบางครั้งก็ช่วยเสริฟ 555 จริง ๆ ครับ เพราะผมใช้ความเป้นกันเอง สร้างความเป้นกันเองกับลูกค้า สร้างบรรยากาศให้ใกล้เคียงกับการนั่งกินอยู่บ้าน ตรงนี้ก็เลยไม่เป็นปัญหา เยาะเย้ย

จากข้อ 3. ลงทุนไม่ต้องมาก ค่อยเป็นค่อยไป แม้ร้านไม่หรู ไม่เยอะ แต่ไปเน้นที่บริการ สร้างความเป้นกันเอง สร้างความรู้สึกดีประทับใจ (***เดี๋ยวไปต่อข้อ 4 จากส่วนนี้) เมื่อรวมกับข้อ 2 คือต้นทุนน้อย ก็จะเกิดเกิดกำไร จึงจะนำกำไรนั้นค่อย ๆ เพิ่มค่อย ๆ ปรับปรุง ทำให้ร้านดูเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น ไม่ซ้ำซากจำเจ และไม่เกิดภาระในการหาเงินทุนเพิ่มเติม แต่จะว่าไปร้านผมเองก็ยังทำตรงจุดนี้ไม่ค่อยจะราบรื่น ยังเป็นอะไรเดิม ๆ อยู่พอสมควร (เปลี่ยนแปลงทีละนิ๊ดดดด) แต่ก็ยังดีที่อยู่ได้ และไปได้เรื่อย ๆ Grin

เพิ่มข้อ 4. เมื่อตัวร้านสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องสร้างความประทับใจ คือ
   4.1 จากสินค้า คืออร่อย (จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ 555)
   4.2 จากตัวเจ้าของร้าน เน้น "เจ้าของร้าน" ผมจะไม่ทำตัวเป้นเจ้าของร้าน นั่งโต๊ะบัญชี คอยเก็บเงิน แต่จะออกไปพบลูกค้าด้วยตัวเองตลอด สำคัญนะ คือ
       4.2.1 สินค้าเด่นของผมคือเหล้าปั่น/คอกเทล ซึ่งนอกจากต้องอร่อยแล้ว ในความเป้นจริงคือ คนไทยรู้จักคอกเทลและเหล้ากันน้อยมาก รู้แต่นี่คือเบียร์นี่คือเหล้านี่คือไวน์ แต่ไม่รู้ว่าเหล้ามีอะไรบ้าง เบียร์แตกต่างกันยังไง ไวน์ไม่เหมือนกันตรงไหน เพราะฉนั้น การแนะนำลูกค้าถึงเหล้าปั่น/คอกเทลต่าง ๆ แล้ว ต้อง "อธิบาย" ได้ ว่าเหล้าปั่น/คอกเทลนั้น ๆ เป้นอย่างไร รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ และการดื่มอย่างถูกต้องและมีรสนิยมด้วย ก็ต้องหาข้อมูลกันง่วนล่ะ ยอมรับว่าก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ก็มากพอที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้
       4.2.2 คือความเป้นกันเอง การเข้าไปคุยกับลูกค้า ทำความรู้จักมักคุ้น ก็ทำให้เกิดความประทับใจได้ คนไทยอ่ะนะ การที่ได้บอกคนอื่นว่า "รู้จักเจ้าของร้าน" ก็เกิดความประทับใจได้ แต่ก็ต้องดูเป็นกรณีไปนะครับ เพราะบางครั้ง ลูกค้าอาจต้องการความเป้นส่วนตัว ก็ต้องดูเอา ต้องสังเกตุ บอกยากอยู่เหมือนกันว่าดูอย่างไรสังเกตุอย่างไร อันนี้มันมาจากประสบการณ์ล้วน ๆ น่ะ
       4.2.3 และจากที่ผมเองจ้างพนักงานน้อย นอกจากการต้อนรับลูกค้าแล้ว บางครั้งบ่อย ๆ ที่จะต้องออกไปบริการลูกค้าด้วยตัวเอง ก็เป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้
       4.2.4 จากข้อ 1 เมื่อเราบริหารจัดการให้สินค้าสามารถได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย บางครั้งการลดราคาเพียงแค่ 10-20 บาท โดยที่ลูกค้าไม่ได้ร้องขอ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เช่นกัน (แต่ก็ต้องดูนะ ว่าลูกค้ากินมากน้อยแค่ไหน)
       4.2.5 การดูแลลูกค้า รวมถึงความปลอดภัยด้วย ดูแลลูกค้าหมายถึง การช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น หากลูกค้ามีอาการเมา ผ้าเย็นสักผืน (คิดเงินเค้าก็ไม่ว่า แต่ฟรีก็คงไม่เป็นไรมั้ง) ก็สร้างความประทับใจได้ หรือการเดินไปส่งที่รถ ก็ไม่ได้ยากเกินที่จะทำนี่ แต่ที่สำคัญเลยคือความปลอดภัย ลูกค้าต้องปลอดภัย ต้องรู้จักวิธีจัดการหากมีลูกค้าประเภทเมาแล้วหาเรื่อง (ที่ไหนก็ต้องเจอ) ต้องรู้จักจัดการ เข้าไประงับ หรือถ้ามากก็ต้องเคลียออกจากร้าน หรือกรณีมีเรื่องระหว่างโต๊ะ ต้องหมั่นสังเกตุ ดูอาการ เพื่อเข้าไปคลี่คลายได้ทันเวลา ห้ามปล่อยให้มีเรื่องก่อนเด็ดขาด อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์หน่อย เพราะบางทีต้องใช้ลูกล่อลูกชน บางทีก้ต้องอาศัยความรู้จักมักคุ้น (เห็นมั๊ยมันมีประโยชน์เยอะ) หรือบางครั้งก็ต้องออกลูกนักเลงบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ไป และต้องมองเกมให้ออกแล้วเคลียให้ขาด ไม่ให้มีเรื่องในร้านไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน เพราะหากเกิดเรื่องขึ้น ลูกค้าที่เหลือที่ไม่เกี่ยวข้องจะรู้สึกไม่ดี และอาจจะเสียลูกค้าได้

รายการค่าใช้จ่าย (เดือน)   ร้านตัวอย่าง      MoM Cocktail
ค่าเช่า                           10000              3500
ค่าไฟ (ประมาณ)              5000               2000
ค่าน้ำ                               500                 100
พนักงานเสริฟ                 14400               4200   ** ร้านตัวอย่าง 120/คน/วัน x 4 คน    ร้านผมคนเดียว 140/วัน
แม่ครัว                            6000                  -
ผู้ช่วยแม่ครัว                    4500                  -
นักดนตรี                        12000                 -       ** ร้านตัวอย่าง 200/คน/วัน x 2 คน
แคชเชียร์                         6000                 -
รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือน       58400              9800
 Grin เป็นค่าใช้จ่ายจริงจากร้านจริง ซึ่งลูกค้าเฉลี่ยมากกว่าร้านผมประมาณ 20% (ตาคลี ได้แค่นี้แหละ) และสินค้าแพงกว่าประมาณ 10% ประมาณคร่าว ๆ ว่าจำนวนเงินยอดขายมากกว่าผมประมาณ 1 เท่าร้านผม ค่าใช้จ่าย 330 บาท ต่อวัน ต้องขายได้ประมาณ 1000 บาท ต่อวันถึงจะอยู่ได้ แต่ร้านตัวอย่างค่าใช้จ่าย 1950 บาท ต่อวัน ซึ่งหมายความว่าต้องขายให้ได้ถึงประมาณ 6000 บาท ต่อวัน ถึงจะอยู่ได้ Grin

 Grin ทุกวันนี้ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ ก็ยังทำไม่ไ่ด้ถึงขนาดที่บอกไว้ด้านบน แต่ก็ยังพอประคองตัวผ่านไปได้ แต่ก็ภูมิใจ ที่ร้านเล็ก ๆ ไม่ได้มีอะไรมากมาย จากมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมนับถือบอกว่า "ร้านมึงต้องเจ้งเป้นร้านแรก" แต่ก็ผ่านมาได้จนจะครบ 3 ปีในเดือนหน้า (ไม่รวมที่ตั้งโต๊ะขายริมฟุตบาทอีกประมาณ 1 ปี) โดยร้านอื่นในรุ่นเดียวกันและรุ่นหลังต่างปิดตัวกันไปหมดแล้ว ร้าน MoM Cocktail ผ่านวิกฤษมาหลายรอบ บางครั้งเปิดร้านโดยที่ไม่มีเงินในกระเป๋าเลย ไม่มีเงินซื้อเหล้าติดร้าน ต้องเครดิตมาขวดสองขวด ถ้าไม่พอเวลาลูกค้าสั่งต้องวิ่งไปเอาจากร้านค้าใกล้ ๆ มาให้ลูกค้า แต่จากเริ่มต้นด้วยเงินตั้งมาก ตั้ง 7000 แน่ะ จนตอนนี้เคยมีคนมาเสนอขอเซ้งร้านต่อด้วยมูลค่าเป็นแสนบาท ก็ปลื้มนะ แต่ไม่เซ้งหรอก ผมมีความสุขกับร้าน ที่สำคัญ ถ้าเซ้งไปแล้วผมจะไปทำอะไรล่ะตอนนี้ 555 เยาะเย้ย

 Grin จบแล้วครับ บ่นไปเรื่อยเปื่อย ว่างเกิน 555 เยาะเย้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 30, 2011, 08:15:28 AM โดย NaiMai>รักในหลวง » บันทึกการเข้า

...อภิสิทธิ์ ...
จะรักและซื่อสัตย์ต่อลูกโม่ S&W ตลอดไปชั่วฟ้าดินสลาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 652
ออฟไลน์

กระทู้: 3595



« ตอบ #1687 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2011, 10:07:37 AM »









http://www.wyomingtalesandtrails.com/wortmirror.jpg[/img]
บันทึกการเข้า

There are experienced shooters who are just die-hard fans of revolvers. They do practice regularly and have had plenty of training, and for whatever reason they just prefer revolvers over semi-autos. And for the record, no, not all of them are dudes with gray hair.
...อภิสิทธิ์ ...
จะรักและซื่อสัตย์ต่อลูกโม่ S&W ตลอดไปชั่วฟ้าดินสลาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 652
ออฟไลน์

กระทู้: 3595



« ตอบ #1688 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2011, 10:35:13 AM »

สุดยอดครับคุณใหม่เจ้าของร้านเหล้าต้องเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊--ธุรกิจไหนที่บีบรายจ่ายได้ธุรกิจนั้นไปรอดครับ
บันทึกการเข้า

There are experienced shooters who are just die-hard fans of revolvers. They do practice regularly and have had plenty of training, and for whatever reason they just prefer revolvers over semi-autos. And for the record, no, not all of them are dudes with gray hair.
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1689 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2011, 08:14:03 PM »

สุดยอดครับคุณใหม่เจ้าของร้านเหล้าต้องเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊--ธุรกิจไหนที่บีบรายจ่ายได้ธุรกิจนั้นไปรอดครับ

 Grin ขอบคุณครับทั่นนายก ไหว้ Grin
บันทึกการเข้า

เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #1690 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 12:04:01 AM »

ซื้อถัวยี่ห้อหนึ่งมาแกล้ม อยากอื่นพอรู้จัก แต่เม็ดนี้มันคืออะไรครับ เม็ดใหญ่ มีเม็ดข้างในเยอะๆ รสชาติคล้ายๆลูกเกตุ  Huh


Thanks: ฝากรูป
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #1691 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 12:21:43 AM »

Grin คุยเล่น ๆ กับการเปิดร้านเหล้า Grin

 Grin เมื่อวานนี้คุยกับพี่คนนึงเรื่องการเปิดร้านเหล้า (เน้นว่าร้านเหล้า) เขาถามมาว่า ทำไมถึงมีคนอยากลงทุนกับธุรกิจประเภทนี้ ทั้ง ๆ ที่มีมากมายที่เปิดแล้วเจ้ง ผมก็เลยสรุปให้ฟังว่า "เพราะคิดว่าได้กำไรเยอะ" นั่นก็คือ Grin

1. ส่วนใหญ่ คิดแค่เพียงว่า ร้านเหล้าสามารถชาร์จราคาได้เยอะ กำไรต่อหน่วยมันสูง ส่วนมากเกิน 100% ซึ่งก็จริง
2. ส่วนใหญ่ คิดว่า ในร้านต้อง "เยอะ" คือ อาหารเยอะ เด็กเสริฟเยอะ ดนตรีเยอะ นั่นโน่นนี่ ฯลฯ เพื่อเป้นสิ่งดึงดูดลูกค้า ซึ่งก็ใช่
3. ส่วนใหญ่ คิดว่า ร้านอลังการ ต้องสวย ต้องดูดี ต้องมีโปรเจคเตอร์ ต้องมีโต๊ะพูล สิ่งอำนวยความสะดวกและบันเทิงต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งก็ถูก

 Grin ซึ่งเมื่อก่อนสมัยผมหุ้นกับเพื่อนเปิดผับ ก็คิดอย่างนั้น และสุดท้ายก็พับเสื่อ Grin

 Grin แล้วผมก็คิด Grin

จากข้อ 1. นั่นหมายความว่า ต้องขายได้ และมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในข้อ 2 รวมถึงต้องคิดในกรณี ของเสีย เช่นของสดเหลือทิ้ง ซึ่งไม่มีใครที่เอามาคิด แต่ผมคิด คือจะนำของที่ต้องทิ้งมาตีราคาแล้วมาบวกกลับมาเป้นต้นทุน (ค่าใช้จ่าย) ด้วย ถึงจะได้เป็นกำไรสุทธิ ยังไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่ของที่ไม่บูดไม่เน่าก็ตาม แต่มันอาจเกิดความเสียหายได้ เช่น เหล้าแตก เมื่อเิดความเสียหาย ก้ต้องเอามาบวกเป้นทุนเช่นเดียวกัน (***ทั้งหมดถูกตามหลักบัญชีหรือไม่ผมไม่รู้นะ แต่ผมทำแบบนี้น่ะ) ซึ่งในความเป็นจริง น้อยคนที่จะคิดถึงส่วนนี้ มันจึงเกิดคำถามว่า "หายไปไหน" เพราะเลขในบัญชีจะมีอยู่ แต่ของมันไม่มีแล้ว ก็ทิ้งไปแล้วนี่ เท่ากับว่าหากมีของเสียมาก กำไรต่อหน่วยก็น้อยลง เช่นหมู 1 กิโล 150 บาท ทำอาหารได้ 10 จาน ต้นทุนต่อ 1 จานเท่ากับ เนื้อหมู 15 บาทเครื่องปรุงเครื่องเคียง ค่าแก๊ส อีก 20 บาท รวมเป็นต้นทุน 35 บาท ขายจานละ 70 ทั้งหมด 10 จาน ก็คือ 700 บาท แต่จริง ๆ ขายได้แค่ 5 จาน แล้วเนื้อหมูที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเกิดเสีย ตีเป็นมูลค่า 75 บาท เท่ากับต้นทุนต่อจาน ใน 5 จานที่ขายได้ ต้องเพิ่มไปอีกจานละ 15 บาท กลายเป้นทุนต่อจาน 50 บาท เหลือกำไรแค่ 20 บาท 5 จาน กำไรแค่ 100 บาท จากถ้าขายได้หมดไม่เสียจะได้กำไรถึง 350 บาท หายไปเยอะเลย Grin

จากข้อ 2. ค่าใช้จ่ายประจำ คือ ค่าเช่า (ถ้ามี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเช่า) ค่าไฟ ค่าน้ำ เงินเดือนพนักงานทั้งหมด ค่าการตลาด (ถ้ามี) ซึ่งทั้งหมดคือต้นทุนของร้าน ยิ่งมาก ต้นทุนก็ยิ่งสูง ต้นทุนสูงก็ต้องขายให้ได้มากเพียงพอ โดยจากประสบการณ์แล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป้นจำนวนเท่าไร ต้องคูณด้วย 3 เป้นอย่างต่ำ ก็จะเป้นตัวเลขยอดขายที่ต้องทำ ร้านจึงจะอยู่ได้ มากกว่านั้นถึงจะเห็นกำไร เช่นค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือนทั้งหมด 50,000 บาท ยอดขายรวมต้องเท่ากับ 150,000 บาทต่อเดือน ส่วนหนึ่งของ 150,000 คือต้นทุนสินค้า+ของเสีย/เสียหาย (***คิดจากขายราคากำไรประมาณ 50% ซึ่งต่างจังหวัด เหล้าจะบวกกำไรไม่ได้มาก ประมาณ 20-30% มิกเซอร์ร้านทั่วไปกำไรประมาณ 100% อาหารกำไร 100% รวมเฉลี่ยแล้วจริง ๆ จะเหลือกำไรแค่ประมาณ 50% ถ้าอาหารกับมิกเซอร์ออกดี % ก็จะมากขึ้นแต่ผมคิดเฉลี่ยตามความเป้นจริง) นั่นก็คือต้นทุนสินค้าจริง ๆ จะประมาณ 100,000 บาท ที่เหลืออีก 50,000 ก็คือค่าใช้จ่ายประจำ หมด ไม่เหลือให้กินข้าวด้วยซ้ำ Grin

จากข้อ 3. นั่นหมายถึงทุน ทำมาก ใช้ทุนมาก เมื่อใช้ทุนมาก ก็ต้องขายได้มากจึงจะคืนทุน ถ้าขายได้แค่ตามข้อ 2 ก็เท่ากับว่าทุนก้อนนี้ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าพอกพูนเลย เอาฝากธนาคารกินดอกดีกว่าไหม แล้วถ้าทุนก้อนนี้เป็นทุนที่เป็นเงินกู้ล่ะ จะเอาที่ไหนส่งต้นส่งดอกเบี้ย เนื้อแหว่งล่ะคราวนี้ และเมื่อยังไม่สามารถคืนทุน การปรับปรุงร้านเพิ่มเติมยิ่งไม่ต้องพูดถึง หรือถ้าจะปรับ ก็ต้องควักเนื้ออีกแล้ว หรือต้องไปกู้เพิ่ม พอกหางหมูอีกแล้ว Grin

 Grin ปัจจุบัน กับร้านเล็ก ๆ ของผม Grin

จากข้อ 1.
   1.1 ของสด พยายามหาของที่เสียยาก เก็บได้ง่ายและนาน หาเมนูอาหารที่สามารถหมักเก็บไว้ได้ก่อนนำมาทำให้สุก ของที่เสียง่าย ซื้อไว้จำนวนไม่ต้องมากเกินไป ให้พอใช้วันต่อวัน ขยันไปจ่ายตลาดทุกวัน จะทำให้จำนวนของเสียส่วนนี้ลดลงมากที่สุด ประกอบกับต้องประเมินการขายให้ได้ ว่าวันไหนจะมีลูกค้ามาน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ซื้อของให้ได้พอเหมาะ กำไรต่อหน่วยจึงจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกอย่าง จริงอยู่ว่าปกติแล้วซื้อน้อย ราคาจะแพงกว่า ต้นทุนก็แพงขึ้น แต่ในความเป้นจริง เราไปซื้อเจ้าเดิมทุกวัน ๆ เค้าก็ลดให้เราเองนั่นแหละ Grin
   1.2 ของไม่เน่าเสีย เก็บให้ดี ระมัดระวัง ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แล้วก็เหมือนกัน ไม่ต้องซื้อมาตุนไว้เยอะแยะ ถึงมันจะไม่เน่าเสียก็ตาม แต่จะเอามาให้ทุนมันกองอยู่เฉย ๆ ทำไม เอาไปหมุนเวียนดีกว่า ซื้อน้อย แพงกว่าขวดละ 5 บาท หรือลังนึงไม่เกิน 10 บาทเอง ไม่มีผลอะไรเลย Grin

จากข้อ 2. อะไรทำเองได้ ทำ รับพนักงานเท่าที่จำเป็น ประเมินจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อพนักงานเสริฟที่ผมคิดคือ 20 หรือ 30 ต่อ 1 คือลูกค้า 20-30 คน ต่อพนักงาน 1 คน เหนื่อยกำลังดี เพราะถ้าจ้างมากไป วันที่ลูกค้าน้อย ค่าจ้างส่วนนี้อาจจะกินทุน แต่ถ้าจ้างน้อยเกินไป ก็บริการไม่ทัน เกิดผลเสียต่อความพึงพอใจได้ ที่ร้านผม ลูกค้าเฉลี่ย 10-30 คนต่อวัน ครัว/เหล้าปั่น/คอกเทล ผมทำเอง ประหยัดค่าจ้างแม่ครัวไปวันละ 200 พนักงานเสริฟมีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว จะจ้างมาทำไมเยอะแยะให้มากินเงินเรา แม้บางวันลูกค้ามีมากถึง 60-90 คน แต่ร้านผมมีตัวช่วย คือ ลูกค้าบริการตนเอง หรือบางครั้งก็ช่วยเสริฟ 555 จริง ๆ ครับ เพราะผมใช้ความเป้นกันเอง สร้างความเป้นกันเองกับลูกค้า สร้างบรรยากาศให้ใกล้เคียงกับการนั่งกินอยู่บ้าน ตรงนี้ก็เลยไม่เป็นปัญหา เยาะเย้ย

จากข้อ 3. ลงทุนไม่ต้องมาก ค่อยเป็นค่อยไป แม้ร้านไม่หรู ไม่เยอะ แต่ไปเน้นที่บริการ สร้างความเป้นกันเอง สร้างความรู้สึกดีประทับใจ (***เดี๋ยวไปต่อข้อ 4 จากส่วนนี้) เมื่อรวมกับข้อ 2 คือต้นทุนน้อย ก็จะเกิดเกิดกำไร จึงจะนำกำไรนั้นค่อย ๆ เพิ่มค่อย ๆ ปรับปรุง ทำให้ร้านดูเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น ไม่ซ้ำซากจำเจ และไม่เกิดภาระในการหาเงินทุนเพิ่มเติม แต่จะว่าไปร้านผมเองก็ยังทำตรงจุดนี้ไม่ค่อยจะราบรื่น ยังเป็นอะไรเดิม ๆ อยู่พอสมควร (เปลี่ยนแปลงทีละนิ๊ดดดด) แต่ก็ยังดีที่อยู่ได้ และไปได้เรื่อย ๆ Grin

เพิ่มข้อ 4. เมื่อตัวร้านสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องสร้างความประทับใจ คือ
   4.1 จากสินค้า คืออร่อย (จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ 555)
   4.2 จากตัวเจ้าของร้าน เน้น "เจ้าของร้าน" ผมจะไม่ทำตัวเป้นเจ้าของร้าน นั่งโต๊ะบัญชี คอยเก็บเงิน แต่จะออกไปพบลูกค้าด้วยตัวเองตลอด สำคัญนะ คือ
       4.2.1 สินค้าเด่นของผมคือเหล้าปั่น/คอกเทล ซึ่งนอกจากต้องอร่อยแล้ว ในความเป้นจริงคือ คนไทยรู้จักคอกเทลและเหล้ากันน้อยมาก รู้แต่นี่คือเบียร์นี่คือเหล้านี่คือไวน์ แต่ไม่รู้ว่าเหล้ามีอะไรบ้าง เบียร์แตกต่างกันยังไง ไวน์ไม่เหมือนกันตรงไหน เพราะฉนั้น การแนะนำลูกค้าถึงเหล้าปั่น/คอกเทลต่าง ๆ แล้ว ต้อง "อธิบาย" ได้ ว่าเหล้าปั่น/คอกเทลนั้น ๆ เป้นอย่างไร รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ และการดื่มอย่างถูกต้องและมีรสนิยมด้วย ก็ต้องหาข้อมูลกันง่วนล่ะ ยอมรับว่าก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ก็มากพอที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้
       4.2.2 คือความเป้นกันเอง การเข้าไปคุยกับลูกค้า ทำความรู้จักมักคุ้น ก็ทำให้เกิดความประทับใจได้ คนไทยอ่ะนะ การที่ได้บอกคนอื่นว่า "รู้จักเจ้าของร้าน" ก็เกิดความประทับใจได้ แต่ก็ต้องดูเป็นกรณีไปนะครับ เพราะบางครั้ง ลูกค้าอาจต้องการความเป้นส่วนตัว ก็ต้องดูเอา ต้องสังเกตุ บอกยากอยู่เหมือนกันว่าดูอย่างไรสังเกตุอย่างไร อันนี้มันมาจากประสบการณ์ล้วน ๆ น่ะ
       4.2.3 และจากที่ผมเองจ้างพนักงานน้อย นอกจากการต้อนรับลูกค้าแล้ว บางครั้งบ่อย ๆ ที่จะต้องออกไปบริการลูกค้าด้วยตัวเอง ก็เป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้
       4.2.4 จากข้อ 1 เมื่อเราบริหารจัดการให้สินค้าสามารถได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย บางครั้งการลดราคาเพียงแค่ 10-20 บาท โดยที่ลูกค้าไม่ได้ร้องขอ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เช่นกัน (แต่ก็ต้องดูนะ ว่าลูกค้ากินมากน้อยแค่ไหน)
       4.2.5 การดูแลลูกค้า รวมถึงความปลอดภัยด้วย ดูแลลูกค้าหมายถึง การช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น หากลูกค้ามีอาการเมา ผ้าเย็นสักผืน (คิดเงินเค้าก็ไม่ว่า แต่ฟรีก็คงไม่เป็นไรมั้ง) ก็สร้างความประทับใจได้ หรือการเดินไปส่งที่รถ ก็ไม่ได้ยากเกินที่จะทำนี่ แต่ที่สำคัญเลยคือความปลอดภัย ลูกค้าต้องปลอดภัย ต้องรู้จักวิธีจัดการหากมีลูกค้าประเภทเมาแล้วหาเรื่อง (ที่ไหนก็ต้องเจอ) ต้องรู้จักจัดการ เข้าไประงับ หรือถ้ามากก็ต้องเคลียออกจากร้าน หรือกรณีมีเรื่องระหว่างโต๊ะ ต้องหมั่นสังเกตุ ดูอาการ เพื่อเข้าไปคลี่คลายได้ทันเวลา ห้ามปล่อยให้มีเรื่องก่อนเด็ดขาด อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์หน่อย เพราะบางทีต้องใช้ลูกล่อลูกชน บางทีก้ต้องอาศัยความรู้จักมักคุ้น (เห็นมั๊ยมันมีประโยชน์เยอะ) หรือบางครั้งก็ต้องออกลูกนักเลงบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ไป และต้องมองเกมให้ออกแล้วเคลียให้ขาด ไม่ให้มีเรื่องในร้านไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน เพราะหากเกิดเรื่องขึ้น ลูกค้าที่เหลือที่ไม่เกี่ยวข้องจะรู้สึกไม่ดี และอาจจะเสียลูกค้าได้

รายการค่าใช้จ่าย (เดือน)   ร้านตัวอย่าง      MoM Cocktail
ค่าเช่า                           10000              3500
ค่าไฟ (ประมาณ)              5000               2000
ค่าน้ำ                               500                 100
พนักงานเสริฟ                 14400               4200   ** ร้านตัวอย่าง 120/คน/วัน x 4 คน    ร้านผมคนเดียว 140/วัน
แม่ครัว                            6000                  -
ผู้ช่วยแม่ครัว                    4500                  -
นักดนตรี                        12000                 -       ** ร้านตัวอย่าง 200/คน/วัน x 2 คน
แคชเชียร์                         6000                 -
รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือน       58400              9800
 Grin เป็นค่าใช้จ่ายจริงจากร้านจริง ซึ่งลูกค้าเฉลี่ยมากกว่าร้านผมประมาณ 20% (ตาคลี ได้แค่นี้แหละ) และสินค้าแพงกว่าประมาณ 10% ประมาณคร่าว ๆ ว่าจำนวนเงินยอดขายมากกว่าผมประมาณ 1 เท่าร้านผม ค่าใช้จ่าย 330 บาท ต่อวัน ต้องขายได้ประมาณ 1000 บาท ต่อวันถึงจะอยู่ได้ แต่ร้านตัวอย่างค่าใช้จ่าย 1950 บาท ต่อวัน ซึ่งหมายความว่าต้องขายให้ได้ถึงประมาณ 6000 บาท ต่อวัน ถึงจะอยู่ได้ Grin

 Grin ทุกวันนี้ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ ก็ยังทำไม่ไ่ด้ถึงขนาดที่บอกไว้ด้านบน แต่ก็ยังพอประคองตัวผ่านไปได้ แต่ก็ภูมิใจ ที่ร้านเล็ก ๆ ไม่ได้มีอะไรมากมาย จากมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมนับถือบอกว่า "ร้านมึงต้องเจ้งเป้นร้านแรก" แต่ก็ผ่านมาได้จนจะครบ 3 ปีในเดือนหน้า (ไม่รวมที่ตั้งโต๊ะขายริมฟุตบาทอีกประมาณ 1 ปี) โดยร้านอื่นในรุ่นเดียวกันและรุ่นหลังต่างปิดตัวกันไปหมดแล้ว ร้าน MoM Cocktail ผ่านวิกฤษมาหลายรอบ บางครั้งเปิดร้านโดยที่ไม่มีเงินในกระเป๋าเลย ไม่มีเงินซื้อเหล้าติดร้าน ต้องเครดิตมาขวดสองขวด ถ้าไม่พอเวลาลูกค้าสั่งต้องวิ่งไปเอาจากร้านค้าใกล้ ๆ มาให้ลูกค้า แต่จากเริ่มต้นด้วยเงินตั้งมาก ตั้ง 7000 แน่ะ จนตอนนี้เคยมีคนมาเสนอขอเซ้งร้านต่อด้วยมูลค่าเป็นแสนบาท ก็ปลื้มนะ แต่ไม่เซ้งหรอก ผมมีความสุขกับร้าน ที่สำคัญ ถ้าเซ้งไปแล้วผมจะไปทำอะไรล่ะตอนนี้ 555 เยาะเย้ย

 Grin จบแล้วครับ บ่นไปเรื่อยเปื่อย ว่างเกิน 555 เยาะเย้ย

ผมไม่เคยทำ แต่ก็เห็นมาเยอะครับ คนโดดเข้ามาธุรกิจนี้เยอะ เพราะคิดว่ามันไม่ยาก ทำเงินสูง ยิ่งผับยิ่งกำไรงาม รายได้เดือนเป็นแสนเป็นล้าน ยิ่งประเภทผับ ยิ่งลงทุนหนัก(หลักล้าน)แค่วงเก่งๆเดือนนึงค่าจ้างก็หลักแสนบาทแล้ว ถ้ารุ่งก็ดีไป ลูกค้าติด นักดนตรีเก่ง เอนเตอเทนลูกค้าติด เจ้าของกอบโกยได้ แต่ถ้าเข็ญไม่ขึ้น เงินล้านก็หายไปภายในไม่กี่เดือน   Grin
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #1692 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 12:30:45 AM »

+1ครับพี่ใหม่สุดยอดมาก ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1693 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 07:00:54 AM »

ผมไม่เคยทำ แต่ก็เห็นมาเยอะครับ คนโดดเข้ามาธุรกิจนี้เยอะ เพราะคิดว่ามันไม่ยาก ทำเงินสูง ยิ่งผับยิ่งกำไรงาม รายได้เดือนเป็นแสนเป็นล้าน ยิ่งประเภทผับ ยิ่งลงทุนหนัก(หลักล้าน)แค่วงเก่งๆเดือนนึงค่าจ้างก็หลักแสนบาทแล้ว ถ้ารุ่งก็ดีไป ลูกค้าติด นักดนตรีเก่ง เอนเตอเทนลูกค้าติด เจ้าของกอบโกยได้ แต่ถ้าเข็ญไม่ขึ้น เงินล้านก็หายไปภายในไม่กี่เดือน   Grin

 Grin ใช่ครับ หลายคนคิดว่าง่าย เพราะคิดแค่อย่างที่ผมบอกไว้ตอนต้น อีกอย่าง ร้านใหญ่ พนักงานเยอะ เงินรั่วง่ายมากครับ มีหลายวิธีมาก ที่พนักงานจะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะเข้าร้าน ถ้าคุมไม่ดีก็เสร็จโจร Grin


+1ครับพี่ใหม่สุดยอดมาก ไหว้ ไหว้ ไหว้

 Grin ขอบคุณตาอ้น Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2011, 02:20:47 PM โดย NaiMai>รักในหลวง » บันทึกการเข้า

มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #1694 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 09:03:32 AM »

สุดยอดครับพี่ใหม่.... เยี่ยม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 110 111 112 [113] 114 115 116 ... 149
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.147 วินาที กับ 21 คำสั่ง