เข้าใจในความเห็นของท่าน Say Suriya ที่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
แต่นอกจากติกาที่ทุกคนพยายามพูดว่าให้ทำตามกติกา เราต้องพูดถึงกรรมการด้วยครับ ถึงแม้จะกติกาสากล
มีกรรมการมากมาย มีช่องทางร้องทุกข์สารพัด แต่ถ้ากรรมการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเสมอภาค
มันก็ไม่ต่างจากการไม่มีกติกาแต่อย่างใด
ประชาธิปไตย ไม่ใช่การที่ชนส่วนใหญ่ใช้อำนาจตัดสินโดยไม่คำนึงถึงส่วนน้อย
ประชาธิปไตยที่ดี คือการแสวงหาทางร่วมที่ทุกคนค่อนข้างพอใจ
ไม่ใช่ว่าทำไปเพื่อความพอใจของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ถืออำนาจเท่านั้น
มิเช่นนั้น ในมุมของชนกลุ่มน้อยมันก็ไม่ต่างจากเผด็จการดีๆนี่เอง
การที่เกิดอารยะขัดขืน/ประชาขัดขืน (Civil Disobedience) เกิดขึ้นก็เพราะเหตุเหล่านี้ และไม่ใช่จะเพิ่งเกิดด้วย
คำว่าประชาธิปไตยในประเทศไทย มีมา 74 ปี แต่คำว่าอารยะขัดขืนนี้มีมา 157 ปี เรียกว่าไม่กี่ปีหลังการสถาปนาสหรัฐอเมริกา
และก็เกิดในประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็เช่น มาติน ลูเธอร์คิงส์ หรือ มหาตะมะ คานที หรือแม้แต่การประท้วงของ เลก วาเลนซ่า
ที่ทำให้โปแลนด์กลายเป็นประเทศประชาธิปไตยในปัจจุบัน ก็ได้มาจากการขัดขืนและประท้วงอย่างสงบ
การประท้วงก็เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย ดูๆไปเหมือนไม่เคารพกติกา แต่เมื่อมีการประท้วงย่อมแสดงว่าระบบที่ทำอยู่นั้นมันมีปัญหา
แม้จะมีขั้นตอนให้ปฏิบัติ แต่เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมตามขั้นตอน จึงต้องออกมาแสดงออกถึงปัญหาที่พบ
วิธีหนึ่งก็การแสดงออกก็คือการประท้วงนั้นเอง ผู้ปกครองก็ต้องรับฟังและพิจารณา ตราบใดที่ไม่ก้าวล่วงหรือก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น
สมมติว่าวันนึงลูกสี่คนทะเลาะกัน ลูกสามคนรุมแกล้งน้องคนเล็ก เราควรจะสนับสนุนลูกๆสามคน เพราะเค้าเป็นเสียงส่วนใหญ่ใช่หรือไม่
การโหวตหรือเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่ทางแก้ของทุกอย่าง เป็นเพียงวิธีหาข้อสรุปเมื่อมีความเห็นขัดแย้งเท่านั้นเอง
หลายครั้งที่ได้ยินว่า จะมาประท้วงทำไม แน่จริงไปลงสมัครรับเลือกตั้งสิ ไม่ใช่มาร้องตะโกนแบบนี้
เราต้องแยกให้ออกว่า เป็นการประท้วงให้ได้มาซึ่งอำนาจ หรือให้ได้มาซึ่งการแก้ไขปัญหา มันต่างกันเยอะเลยทีเดียว
อยากได้อำนาจให้ไปลงเลือกตั้งก็ถูกต้องครับ แต่ถ้าเป็นการประท้วงเพื่อแสดงถึงการขัดขืนต่อกลไกอันไม่เป็นธรรม
ผู้ประท้วงคงไม่ได้ต้องการอำนาจ มันอาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่ก็เป็นวิธีการแสดงออกให้เห็นว่ามีปัญหา
และต้องการให้ผู้ปกครองแก้ไขปัญหาเหล่านั้นต่างหาก หากแต่ว่าวิธีการในการแก้ไขปัญหาจะเป็นอย่างไรก็คงต้องดูต่อไป
การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบสำเร็จรูป ที่จะแก้ไขได้ทุกอย่าง
หากเพียงแต่ผู้ปกครองรับฟังและแก้ไข อะไรๆมันก็ง่ายลงครับ
ลองคิดดูดีๆครับว่าเราต้องการอะไร วิธีการ หรือผลลัพธ์
ตอนนี้เหมือนทุกคนให้ความสำคัญกับวิธีการ จนลืมจุดมุ่งหมายไปแล้วว่า เราต้องการผลลัพธ์อะไร
อยากให้อ่านข้อความของท่านนี้ดูครับ มีมุมมองที่น่าสนใจหลายอย่าง
ว่าจริงๆแล้วที่เราตามหากันอยู่นั้นมันเป็นแก่นหรือกระพี้กันแน่พัฒน์ รพี
เหตุเกิดเพราะ...โลกหมุน....
Sunday, January 15, 2006
ประท้วง ประชาธิปไตย การเลือกตั้ง
วันนี้(ศุกร์สิบสาม มกราคม)มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นรอบตัวผม อยู่สักเล็กน้อย
นั่นคือมีการประท้วงเกิดขึ้นบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฏร์ธานี ผู้ประท้วงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยต่างฝ่ายต่างตั้งเวทีโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งอย่างดุเดือด ต้นเหตุของเรื่องนี้ก็คือการปฏิรูปที่ดินเพื่อให้คนยากจนเข้าไปทำกินในที่รกร้าง หรือที่ของราชพัสดุ ประเด็นที่มีการโต้แย้งก็มีหลากหลายประเด็น แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือทั้งสองกลุ่มนี้เคยยืนอยู่ข้างเดียวกันมาก่อน ร่วมกันเรียกร้องร่วมกันต่อสู้มาด้วยกันหลายเวที ก่อนจะมาแตกกันในภายหลัง แกนนำของสองกลุ่มนี้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน..................แต่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน
เรื่องราวรายละเอียดต่างๆของการชุมนุมกันคราวนี้ ผมไม่รู้ลึกซึ้งอะไรเท่าไหร่ จึงไม่อยากแสดงความเห็นมากมาย ฟังมาจากทั้งสองฝ่ายก็ไม่รู้จะเชื่อใครดี สิ่งที่อยากคิดต่อน่าจะเป็นเรื่องของการประท้วงและบรรยากาศที่ประสบในวันนี้มากกว่า
ความวุ่นวายของการประท้วงเป็นเรื่องน่าปวดหัว และวิธีการหาทางออก หาคำตอบที่ทุกฝ่ายยอมรับเป็นเรื่องโคตรปวดหัว แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ชอบเห็นการประท้วงนะครับ เรียกได้ว่าชอบให้มีการประท้วงก็ได้
อย่าหาว่าผมโรคจิตนะครับ แต่การดำรงอยู่ของการประท้วงมันแสดงให้เห็นถึงการยืนอยู่ได้ของเสียงส่วนน้อย หรือการยืนอยู่บนแนวความคิดของตนเอง
ประชาธิปไตยมันต้องมีการประท้วงซะบ้าง การดื้อเพ่งของคนในสังคมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ผมไม่คิดว่าการที่มีคนลุกขึ้นมาเรียกร้องสิ่งที่ตนต้องการ จะเป็นการทำผิดอะไร
ประชาธิปไตย นะครับ ไม่ใช่ พวกมากลากไป
การที่มีการกระทำใดๆโดยเฉพาะจากรัฐหรือจากเสียงส่วนใหญ่ ถ้ามีคนไม่พอใจก็จะถือว่าการกระทำนั้นไม่ชอบธรรมทั้งสิ้น ถ้าเป็นเผด็จการหรือระบอบอื่นใด คนที่เสียประโยชน์อาจจะต้องนิ่งเงียบยอมเพราะตนต้องยอมเป็นผู้เสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ การลุกขึ้นมาเรียกร้องหรือการขัดขืนต่อสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย ก็จะโดนมองว่าเห็นแก่ตัว
ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นอีกหนึ่งคำด่าที่เสียงข้างน้อย คนชายขอบมักจะโดนก่นด่ามาเมื่อมีการต่อสู้ทั้งที่แท้จริงแล้ว คนที่จะเปล่งคำนี้ได้แสดงว่าไม่เข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เคยยอมรับความคิดของผู้อื่น
พาเรโต้กล่าวว่าการกระทำใดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ได้รับประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่มีผู้เสียประโยชน์เช่นกันซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นไปได้ยากมากๆ สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณากันก็คือการชดเชยให้กับสิ่งที่ผู้เสียผลประโยชน์เสียไป การที่มีคนลุกขึ้นมาประท้วงแสดงว่าเสียงส่วนใหญ่ยังชดเชยให้เขาไม่เพียงพอนะครับไม่ใช่ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยไม่ใช่การยกมือโหวต การยกมือโหวตนับเสียงแนวเอาเป็นมติถือเป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุด ละเมิดความคิดคนมากที่สุด ผมเกลียดมัน!!
แต่ปัญหาที่ต้องมีการโหวตเข้ามาใช้ก็คือไม่มีใครที่จะยอมปรับความเห็นของตัวเองเท่าไหร่นักมักจะยึดมั่นกับแนวความคิดของตนเองเป็นหลัก ไม่ฟังเสียงของใครทั้งสิ้น การประท้วงที่ผมเจอวันนี้ก็เช่นกัน ต่างฝ่ายก็มีข้อเสนอของตนเองมาให้รัฐ ซึ่งแน่นอนว่าต้องตรงข้ามกัน และไม่มีการยอมปรับเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น ความขัดแย้งต่างๆจึงตามมา บางครั้งถึงขั้นลงไม่ลงมือ(วันนี้ผมเองก็ต้องไปเป็นกรรมการห้ามมวย)
ประชาธิปไตยต้องมีการถกเถียงกัน การถกเถียงจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ดีที่สุด เกิดจากหลากหลายความคิด แต่จุดสิ้นสุดมักไม่ดีซะเป็นส่วนใหญ่ การเลือกตั้งที่ส่งเสริมกันให้มีทุกระดับก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศไทย ส่งเสริมกันเข้าไปการเลือกตั้ง เด็กนักเรียนก็ต้องให้มีการเลือกตั้ง ฝึกไว้จะได้เข้าใจประชาธิปไตย ชุมชนต่างๆก็ต้องมีการเลือกตั้งจะได้เป็นประชาธิปไตย
พุทโธ่เอ๋ย .................
ส่งเสริมประชาธิปไตยมันคนละเรื่องกับการส่งเสริมการเลือกตั้งนะครับ การเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรมธรรมดาใครก็ทำเป็น มันเป็นเศษเสี้ยวของประชาธิปไตย ส่งเสริมที่ถูกต้องคือให้เข้าใจถึงหัวใจแก่นแท้ของประชาธิปไตย ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีคำด่าที่ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นมาอีก
ประชาธิปไตย กับ การเลือกตั้ง หัวใจมันต่างกัน
ทิ้งท้าย คำด่า ไม่เป็นประชาธิปไตย สามารถนำไปใช้ได้ในบางกรณีครับเช่นคนที่ถูกด่าเป็นพวกฝ่ายซ้าย!!!
http://patrapee.blogspot.com/2006/01/blog-post_15.html