อุทาหรณ์ นักเที่ยว ที่ควรรู้
ดิฉันเคยเป็นผู้หญิงบริการทางเพศมาก่อน ขอให้คำแนะนำกับคุณ ๆ
เพื่อเป็นประโยชน์ในสังคมบ้าง
ดิฉันทำงานอาบ อบ นวด แห่งหนึ่งในกรุงเทพ นี่ค่ะ ปัจจุบันอายุ 30 เศษแล้ว
เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ค่าตัวจริง ๆ ได้ต่อหัว ๆ ละ 300 กว่าบาท ถึง 500 บาท
เชื่อมั้ยคะ ต้องอาบน้ำให้แขก โดนทั้งเลียของผู้ชาย โดนประตูหน้า ประตูหลัง
เพื่อแลกกับเงินแค่นี้จริง ๆค่ะ ด้วยการคัดเลือก ดิฉัน ได้เบอร์ตอง
ซึ่งต้องรับงานมากกว่ารายอื่น ๆ อีกทั้งรูปร่างหน้าตาขณะนั้นสวยไม่แพ้ใครค่ะ
เวลาเดินถนน มีชายหนุ่มชายแก่ หญิงสาว มองเหลียวหลัง
ไม่ได้แต่งตัวหวือหวานะคะ แต่งกายเรียบ ๆ แต่หน้าอกค่อนข้างชันและใหญ่
ใครจะคิดล่ะคะว่า ทำให้ผู้ชายทั้งคน ได้เงินเพียงแค่นั้นต่อหัว
วันหนึ่งรับงานไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไป เริ่มงานบ่ายโมง เลิกงานประมาณ 5 ทุ่ม
หนึ่งเดือนหยุดประมาณ 4-5 วัน แล้วแต่เลขท้ายเราลงตรงกับวันไหน
ผู้ที่ใช้บริการ ไม่เลือกวัยค่ะมีทั้งสุภาพ หยาบคาย และนักบุญ
เคยถูกคนเมาลวนลามไม่ใส่ถุงยาง ตัวใหญ่ บังคับทุกอย่าง ไม่ฟังใคร
แขกพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแขกของเจ้าของอาบ อบ นวด ทำให้เราไม่กล้าฟ้อง
ต้องก้มหน้าทำด้วยความขมขื่น ไม่ต้องบอกนะคะ ว่าทำไมไม่เลือกเดินทางอื่น
มันไม่พอกินค่ะ แล้วดิฉันก็เคยโดนข่มขืนหมู่มาแล้ว
ไม่มีใครตามคดีช่วยดิฉันได้ เลยคิดประชดตัวเองด้วยการทำงานนี้ซะเลย
แต่ก็ไม่ได้สบายดังที่คิดนัก
ต่อมามีการตรวจโรค ซึ่งมีเป็นประจำอยู่แล้ว ดิฉันติดเอดส์ อยู่ในขั้นแรก ๆ
จึงต้องหยุดงานและรักษาตัวเรื่อยมา งดเหล้า งดบุหรี่
ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงทุกวัน ไปหาหมอ ได้รับคำแนะนำให้เข้าโครงการฟรี
แต่ต้องดูแลตัวเอง ทุกเดือนต้องไปพบหมอ ได้รับยาฟรี ในระยะปีกว่าที่รับยา
ผิวพรรณเริ่มแห้ง มีสะเก็ด และดำคล้ำ
จึงเปลี่ยนยาและผิวพรรณก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ มีข้อเสียคือ แขน ขา ก้น
จะเล็กลีบ ต้องทานยาวิตามินช่วย ซึ่งเราต้องออกเงินซื้อเองเดือนละ 1000
กว่าบาท เงินสะสมก็ร่อยหรอลงไป จึงคิดเรียนและหางานทำ
แต่ก็ยังมีแขกบางคนไม่รู้ แวะเวียนมาใช้บริการที่ห้องบ่อย ๆ
มีรายได้จากการขายตัวเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ก็อยู่ได้
แต่แขกพิเศษที่แวะเวียนมา จะทำตัวสนิทสนมมากจนเกินไป ไม่ยอมสวมถุงยาง
ดิฉันก็ไม่กล้าบอกว่าเป็นอะไร ในเมื่อห้ามไม่ฟังก็ต้องยอมให้แต่โดยดี
แต่ดิฉันมีความไม่สบายใจมาก ๆ เวลาผ่านไป 3-4 เดือน ต้องคอยหนีย้ายหอพัก
เพราะหากเขารู้ว่าเป็นโรค อาจจะคิดว่าติดกับดิฉันก็ได้
หรือพฤฒิกรรมเขาอาจจะติดกับที่อื่น ๆ ก็ได้ เพราะบางคนในระยะที่ทำงาน นวด
อยู่นั้น เขาเป็นโรคแล้วก็เปลี่ยนที่มำงานไปเรื่อย ๆ
หากแขกต้องการไม่สวมถุงยาง เขาจะตามใจทันที เขาสมน้ำหน้าที่ไม่ระวังเอง
ทุกคนที่เที่ยวต้องระวังนะคะเรื่องจริงทีเดียว
ส่วนติฉันก็เดือดร้อนต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ แขกที่สวมถุง
ดิฉันก็ให้ที่อยู่ใหม่ และให้หาแขกหรือเพื่อนมาเพิ่ม
ทำให้รายได้อยู่ในระดับเดิม แต่ในระยะหลัง ๆคุณภาพชีวิตของดิฉันดีขึ้น
สุขภาพดีจนเกือบปกติ รับแขกได้มากและแขกก็สวมถุงยางทุกคนทุกครั้ง ยกเว้น
แขกใหม่ ที่เพื่อนแขกแนะนำมา
ซึ่งใช้บริการดิฉันมาเกือบครึ่งปีแล้วนัดดิฉันไปเที่ยวตากอากาศชายทะเลที่ระยอง
บอกว่าจะมีเพื่อนอีก3 คนไปด้วย ให้ราคาดี ดิฉันจึงไปกับเขา
เขาจะให้ดิฉันดื่มเหล้า ดิฉันก็ไม่ดื่ม เพราะไม่ถูกกับโรค เวลาทานยา
ต้องเข้าห้องน้ำแอบทาน เขาเมามายและหื่นมาก ๆ ร่วมกับดิฉันนัวเนียไปหมด
พร้อมกัน โดยชาย 4 คน ทำเหมือนหนังเอ็กซ์ฝรั่ง ที่สำคัญบังคับดิฉัน
โดยไม่สวมถุง
ดิฉันจะบอกว่าเป็นอะไรกลัวเขาไม่เชื่อและหากเชื่อก็ต้องทำร้ายดิฉัน
เขานอนพร้อม ๆ กับดิฉันตลอด 3 วัน ทำให้เขาทุกอย่าง จนระบมไปหมด
ได้ค่าเหนื่อยมา สองหมื่นบาท
ดิฉันน่ะคุ้มมาก แต่พวกเขาจะคุ้มหรือไม่ฉันรู้ดี
และคิดว่าทุกคนต้องติดโรคจากดิฉันแน่นอน อย่างน้อยที่ดิฉันจำได้
แต่ละคนร่วมเพศกับดิฉัน ไม่ต่ำกว่าคนละ 6 ครั้ง
จะไม่มีครั้งใดไม่ติดโรคเชียวหรือ
ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่อีกแล้ว จึงอยากขอเตือนนักเที่ยวท้งหลาย
เมื่อเที่ยวผู้หญิง ๆ ห้ามอะไรต้องเชื่อ เพราะว่าเขารู้ตัวเองดี จงตระหนักว่า
ผู้หญิงทุก ๆ คน ที่คุณไปใช้บริการนั่น กาหัวไว้ก่อนเลยว่า เขาเป็นเอดส์
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ป้องกันตัว เป็นเพราะผู้ชายบังคับเขา ดังนั้น
จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เขาได้แก้แค้นผู้ชายโดยไม่ตั้งใจ ติดโรคไปสู่เมียที่บ้าน
มีลูกพลอยติดโรคไปด้วย ชีวิตที่เคยเป็นจะเป็นนรก เช่นดิฉันได้รับ....
ได้มาจาก forword mail
มีใครใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มมั้งป่าวครับ
Scoop พิเศษถุงยางอนามัย
1. ในแต่ละปี มีถุงยางอนามัยถูกใช้กว่า 5000000000 อันทั่วโลก
2. 1 ใน 3 ของถุงยางอนามัยที่ถูกใช้ทั่วโลกนั้น ผลิตในประเทศไทย
3. ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกถุงยางอนามัย ปีละกว่า 2000 ล้านบาท
4. ผู้หญิงเป็นฝ่ายซื้อถุงยางอนามัยกว่า 40-70%
5. ถุงยางอนามัยมีอายุการใช้งานเพียงเดือนเดียว ถ้าถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์
6. ในสงครามโลกครั้งที่ 1 กองกำลังสหรัฐเป็นชาติเดียวที่ถูกสั่งไม่ให้ใช้ถุงยางอนามัย
ทำให้ทหารกว่า 76% ติดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
7. ว่ากันว่า ทหารยุคโรมัน ทำถุงยางอนามัยจากผิวหนังของศัตรูที่ฆ่าได้ในสนามรบ
8. ภาษาเดนมาร์กเรียกถุงยางอนามัยว่า svangerskabsforebyggendemiddel
...ยาวแบบนี้ กว่าจะพูดจบคง เสร็จ พอดี