๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: 1911A1 ที่ ตุลาคม 06, 2013, 12:13:44 PM



หัวข้อ: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: 1911A1 ที่ ตุลาคม 06, 2013, 12:13:44 PM
ผมเห็นข่าวใน Spring News เกี่ยวกับการยิงกัน บนทางหลวงในรัฐโอเรกอน ตามลิงค์ครับ

http://news.springnewstv.tv/36652/แพร่คลิประทึก-ตำรวจสหรัฐฯดวลปืนผู้ขับขี่บนถนนหลวง

ที่ผมสนใจก็คือ  ตำรวจถูกยิงที่สีข้างได้รับบาดเจ็บไม่มาก คนร้ายถูกยิงเข้าหน้าอก แล้วยังวิ่งขึ้นไปขับรถต่อ หนีไปเสียชีวิตอีกประมาณ 1 กม. ข้างหน้า ตามข่าว

จากที่ผมดูคลิป ดวลกันระยะ ไม่ถึง 10 เมตร  ไม่เห็นตำแหน่งของตำรวจ แต่เดาว่าน่าจะออกมายืนข้างรถแล้วในแนวเดียวกัน   ในขณะที่คนร้ายย้ายมาฝั่งคนนั่งของรถตำรวจ ซึ่งเดาว่าจะมายิงตำรวจตรงนี้   แต่ระหว่างทางที่คนร้ายเดินมา อาจจะด้วยความกดดัน และอาจจะโชคไม่เข้าข้างคนไม่ดีด้วย  ทำให้ซองกระสุน หล่นตกออกมาก  ทำให้ไม่มีกระสุนมายิงในระยะประชิดอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้น คงเกิดเหตุการณแบบแลกกัน 1-1 ชีวิต  แล้วคนร้ายก็เดินมาเก็บซองกระสุน ยิงต่อ  แต่พิษบาดแผลคงเริ่มออกอาการ ทำให้รีบขึ้นรถหนีไป   แต่ก็ไม่รอด

ประเด็นก็คือ
กระสุนที่ตำรวจใช้ คงหนีไม่พ้น .38 หรือ 9 มม.  เช่นเดียวกับ คนร้าย   อำนาจหยุดยั้งไม่เพียงพอ  และความสูญเสียคงมากกว่านี้ถ้าคนร้ายไม่ทำซองกระสุนตก  เพราะคงตัดสินใจแลกชีวิตกันแล้ว แต่กระสุนคงขาดช่วง   สังเกตุว่าการฝึกฝนของตำรวจมีผลอย่างมากในการส่งกระสุนเข้าจุดตายในระยะประชิด ในขณะที่คนร้ายพยายามยิงหลายครั้ง

หากเจอผู้มีความชำนาญทางอาวุธ เจ้าหน้าที่คงลำบากแน่เลยครับ  ส่วนตัวผมเคยเหตุการณ์เช่นเดียวกันคือ ระหว่างเคลื่อนที่ซองกระสุนตก โดยเฉพาะเวลาโหลดเต็มแมกฯ ก็เคยมาแล้ว  แต่เกิดในสนามฯ  ผมนึกแล้วตกใจ หากเป็นวินาทีชีวิต (โดยเฉพาเจ้าหน้าที่ผู้มีความเสี่ยงปะทะสูงกว่าชาวบ้านอย่างผม) ทำให้ผมไม่ค่อยไว้ใจปืนรุ่นยี่ห้อ นั้นๆ ขึ้นมาทันที  นี่อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของลูกโม่ หากหน้าตัดกระสุนโตเท่าๆกัน โหลดได้เร็ว (พวกที่ใช้ moon clip) หรืออำนาจสูงๆ เช่น .357  ตอนจบคงต่างกันมาก


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 06, 2013, 01:36:00 PM
ขอบคุณมาก นะครับ.  ::002::


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ ตุลาคม 06, 2013, 08:21:16 PM
เจ้าสำนักสอนยิงปืนต่อสู้ในสหรัฐฯ หลายราย ไม่แนะนำให้ใช้ปุ่มปลดซองกระสุนใหญ่พิเศษ ที่นิยมกันในปืนแข่ง
ด้วยเหตุผลว่า โอกาสที่นิ้วจะไปกระทบปุ่ม แม็กฯ หลุด มีมาก  ผลเสียไม่คุ้มกับการที่จะเปลี่ยนแม็กได้เร็วขึ้นบ้าง

ปืนแข่ง เกิดผิดพลาดก็แค่เสียคะแนน  ปืนใช้งานผิดพลาดอาจถึงเสียชีวิต


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 06, 2013, 08:59:58 PM
http://www.youtube.com/watch?v=-L8wPiUxVU0

ดูคลิปแล้วมือปืนคงฝึกมาดี เห็นท่าคุมปืนระหว่างเคลื่อนที่แล้วคนไม่ได้ฝึกมาเท้ามันจะพันกันครับ... เรื่องอำนาจหยุดยั้งของกระสุนปืนในระยะประชิดแบบนี้หวังไม่ได้หรอกครับ...

ในรายงานสถิติอำนาจหยุดยั้งของมาแชลฯ เขาอนุญาตให้คนโดนยิงเคลื่อนที่ได้ระยะหนึ่ง(จำไม่ได้ว่ากี่เมตร) และหมดความสามารถในการต่อสู้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ตรงนี้จำตัวเลขได้ว่าประมาณ 20 - 30 วินาที... แปลว่าหากหมดความสามารถต่อสู้ไม่เกิน 30 วินาทีก็ยังถือว่า"นัดเดียวหยุดยั้ง"ได้ครับ...

30 วินาทีนี่แหละ พอให้คนโดนยิงวิ่งกลับขึ้นรถยนต์แล้วขับหนีไป... ดังนั้นคำแนะนำในตำราเขาถึงให้ยิงนัดแรกให้เร็ว(ไม่เกินสิ้นเสียงตะโกนฯ หรือประมาณ 2 วิฯ) จากนั้นให้วิ่งเข้าที่กำบังครับ หลังจากนั้นให้"เล็ง"ยิงออกจากที่กำบัง...

แล้วที่สำคัญก็คือมาแชลฯ บอกว่าไม่มีกระสุนปืนสั้นชนิดไหนยิงใส่หน้าอกแล้วชัวร์ว่าล้มทันที... หากอยากได้แบบนั้นให้ใช้ไรเฟิ่ลหรือลูกซอง...


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: nath_3065 ที่ ตุลาคม 06, 2013, 11:12:54 PM
โชคเข้าข้างจริงๆ ที่ซองกระสุนของคนร้ายหล่นก่อน ไม่งั้นไม่รู้ว่ารูปการณ์จะออกมาลักษณะไหน


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: tao bangkhaen ที่ ตุลาคม 07, 2013, 04:18:46 PM
ไม่เป็นไร เรื่องยิงกันแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติของการยิงกัน ผมไม่ได้ดูคลิป แต่สนใจที่ท่าน เจ้าของกระทู้บอกว่า
ตำรวจ คงหนีไม่พ้น .38 หรือ 9 มม.
ก็ความเป็นจริงของการต่อสู้ระยะประชิด แนวคิดของกระสุนในการต่อสู้ที่แท้จริง มันก็สอนนักยิงปืนอย่างเราๆ มานานแล้ว
วนไป ก็ วนมา อยู่ตรงนี้ เถียงกันไม่จบว่าอะไรจะหยุดได้ดี
กระสุนหน้าตัดเล็ก มันก็แหงอยู่แล้ว ว่ามันหยุดสู้หน้าตัดใหญ่ ไม่ได้ .45 อาจจะไม่พอ จริงๆ ถ้าคิดให้มันใหญ่ กว่า .45 ได้มากที่สุด แล้วยิงจากปืนพกให้ได้ดีที่สุด ไม่ถึงขนาดสะท้อนถอยหลังมาก ปืนนั้นแหละ จะวิเศษที่สุด ในการหยุดยั้ง
ในการยิงต่อสู้กัน คน อยู่ในภาวะตกใจ ตื่นเต้น (คล้ายๆ บ้านโดนไฟไหม้อะไร ทำนองนั้น ) โดนอะไร ถ้าไม่จั๋งหนับจริงๆ มันสู้ต่อได้ทั้งนั้นแหละครับ   โดนยิงด้วย 9 พารา ระยะประชิด กระสุนไม่โดนกระดูก หรืออวัยวะสำคัญ พวกยังวิ่งเข้ามาสวนได้เลย ลูกหัวแข็ง 9 พารา นี่แหละ
กระสุนหัวใหญ่ นั่นแหละดี

ท่านเจ้าของกระทู้เคยสังเกต ไหมครับ เรื่อง แม็กกาซีนหล่นของท่าน
ปืนออโต้ ในอดีต หลายยี่ห้อ ออกแบบมา เจตนา ไว้ใช้ในการปฏิบัติการทางทหาร  
เขาจะมี ห่วงตูดปืน   มีห่วงตูดแม็กกาซีนไว้ด้วย   เขาทำห่วงไว้ให้เป็นห่วงหรือครับ  มิได้ครับ
เขาทำไว้แก้ปัญหาเวลา รบกันจริงๆ นั่นแหละ เพราะมันจะเกิดเหตุการแบบคนร้ายนั่นแหละ  อย่างน้อย มันก็มีห่วง ถึงมันหลุด มันก็ไม่กระเด็นไปไหนไกล มีห่วงไว้ผูกสายอะไรก็ได้

การออกแบบในลักษณะที่มี ปุ่มปลดแม็กกาซีนที่ ตูด  หรือ ส้นปืน ในอดีต ที่ดูแล้ว ไม่เข้าท่า ไม่ทันสมัย  เช่น ในปืนโคลท์รุ่น 1903  แบบโบราณ  หรือ ของใหม่ๆ หน่อย ก็ ซิก 220 .45 รุ่นซักราว พ.ศ. 2520 โดยประมาณนั่นแหละ
มีที่ปลดแม็ก เป็นแบบที่ตูด   รับรองว่า แม็กไม่หล่นแน่นอน เพราะมันล็อคตายตัวเลย
แต่พวกนักเล่นสมัยใหม่ บอกว่า เชย ชะมัด โบราณ เปลี่ยนซองกระสุน ไม่ได้รวดเร็วเหมือนกดข้าง

แต่คนออกแบบเขาคิดถึง แค่แม็กฯ แรก ก็พอแล้ว เขาไม่คิดถึงแม็ก ที่ 2 ว่าจะต้องเปลี่ยน
เพราะถ้าคิดถึงแม็กฯ 2 ว่าจะสะดวกเปลี่ยน ก็หนีไม่พ้น ปัญหา แม็กหลุด แบบนี้แหละครับ


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ ตุลาคม 07, 2013, 04:29:18 PM
ยังไม่ได้ดูคลิป เลยไม่รู้ว่ากว่าจะโดนยิง สาดใส่กันแล้วกี่นัด ถ้าใช้หน้าตัดใหญ่ๆก็แปลว่าต้องเปลี่ยนแมกบ่อยขึ้น มันก็มีช่องว่างคนละจุด


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 07, 2013, 04:39:20 PM
โชคเข้าข้างจริงๆ ที่ซองกระสุนของคนร้ายหล่นก่อน ไม่งั้นไม่รู้ว่ารูปการณ์จะออกมาลักษณะไหน

คิดว่า น่าจะโดน .๔๐ ตาย คาที่มากกว่า เป็นความโชคดี ของคนร้าย ที่ตายช้านิดนึง ต่างหาก ครับ


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 07, 2013, 04:48:58 PM
จนท. ในเมกา ๘๐ % ใช้ .๔๐ ครับ และ Glock 22 มากที่สุด และครั้งนี้ น่าจะโดน .๔๐ มากกว่า ที่จะเป็น .๓๘
คนร้าย เมื่อถูกกระสุนปืน จึงทรุด แล้วปืนกระแทกปืน ซึ่งอาจจะใช้ที่ปลดแม็กฯ ที่สะดวกแบบแข่ง แม็กฯจึงหลุดง่ายด้วยก็ได้

แต่เรามองไม่เห็นคนร้ายล้ม เห็นเพียงคนร้ายก้มลงเก็บแม็กฯ..  และคนร้าย ถอยหนี เพราะถูกยิง มากกว่า
ถ้าไม่ถูกยิง ไม่มีเหตุ ที่คนร้ายจะฉากไปก่อน.. ก็เพราะคนร้ายเป็นฝ่ายเปิดฉากและวิ่งเข้ามาหา ไม่ใช่เหรอ

เห็นอาการกร่างแล้ว เปลี่ยนเป็นกลัว กันไหม ครับ
คนที่ถูกยิงด้วยกระสุนขนาดหนัก ต้องทรุดทุกคน น้อยนักที่จะไม่ทรุด. และความกลัวตายจะเกิดนับแต่ตอนนั้น.
และรายนี้ โดนเข้าที่หน้าอก ยากส์ ที่จะไม่ทรุด   ::002::


หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 07, 2013, 05:07:21 PM
จนท.รายนี้ ถูกยิงสีข้าง จากกระสุนที่ทะลุผ่านตัวถังรถ จึงทำให้อำนาจทะลุทะลวง ลดลงไป จึงช่วยชีวิตไว้ได้
ถ้าไม่อย่างนั้น กระสุนเข้าสีข้าง ระดับอก จนท.รายนี้ ต้องตายก่อน คนร้าย

เมื่อ จนท. ยิงแล้วเห็นคนร้ายทรุด ก้นกระแทก นี่คืออาการบอก กับ จนท.ท่านนั้นว่า ยิงโดน..
และต้องภายหลัง จาก จนท.โดนกระสุนเข้าไปก่อนแล้ว 

และ จนท.นั้นก็ไม่ยิงซ้ำ ปล่อยให้คนร้าย เก็บแม็กฯ แล้ววิ่งหนีกลับขึ้นรถ..  ต้องขอปรบมือให้ ครับ.  ::002::
 





หัวข้อ: Re: กรณีศึกษา Oregon Highway deadly shootout
เริ่มหัวข้อโดย: 1911A1 ที่ ตุลาคม 08, 2013, 12:44:59 PM

ขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาให้ความเห็น รวมทั้ท่าน อ.ผณิศวร ที่กรุณาเข้ามาให้ข้อมูล อ่านแล้วสนุกดีครับ ได้ความรู้  ที่ผมคิดนั้นว่าหน้าตัดกระสุน กับอำนาจหยุดยั้ง และอาการสดุ้งของคนร้าย นั้นสะท้อนถึงหลายอย่าง  ซึ่งผมเปรียบเทียบกับ กรณี ที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ยิงคนร้ายปล้นร้านทอง ด้วยกระสุน .45 เคยดูคลิปนานแล้วครับ แต่คนร้ายโดนแล้วทรุดลงทังทีสิ้นสภาพต่อสู้    หรือทว่าลดทอนภาวะต่อสู้ลงไปมากเลยครับ  แต่อาจจะมีความแตกต่างที่ขนาดร่างกายของ คนอเมริกัน กับคนไทยด้วยก็เป็นได้ครับ

ได้ความรู้ดี ขอบคุณทุกท่านมากครับ