ขอแจมนิดนึง....เคยมีผู้อาวุโสในวงการยิงปืนท่านนึงเล่าให้ฟังว่า....พอแก่แล้วยิงสากลก็ไม่รุ่ง ร่างกายฟิตไม่ไหว
แต่หัวใจยังรักการยิงปืน ก็ชักชวนเพื่อนในก๊วนและนอกก๊วน "
งัดเอาปืนเฝ้าบ้านที่มีอยู่" ออกมาอวดกัน แบ่งกัน
ยิง....บ่อยครั้งเข้าก็มีการ พนันขันต่อ เกิดขึ้น ผู้ชนะกินฟรี ผู้แพ้เป็นเจ้ามือ................................................
........มาถึงรุ่นเราๆ คิดออกหรือยังครับ...งัดเอาปืนออกมาจากบ้าน
....ถอยปืนราคาเป็นแสน มาจากร้าน
อย่างที่ท่านนึงบอก...อย่าคิดมากคิดมายไปไกล ซำบายๆ ใครคิดถึงกลิ่นไอดินปืน คิดถึงเกมที่เราเคยคิดว่ามัน
สุดๆ ของเรา คิดถึงเพื่อนที่เคยคุยถูกอกถูกใจ.....รึ คิดถึงใครบางคน ก็ไปร่วมแจม...เถอะนะครับ ถกกันไม่จบหรอก
เพราะต่างเหตุผลกัน.......นี่คือการแข่งขันปืน
"ชาวบ้าน" ...ขอรับ.
นายเพิ่ม สยป.ตร.
เห็นด้วยกับนายเพิ่ม เป็นอย่างมากครับ
ลองมองจากหลาย ๆ มุม นะครับ
1. ในแง่ของวัตถุประสงค์การจัดการแข่งขัน
การจัดการแข่งขันระบบชาวบ้านส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ เพื่อหารายได้
สมทบทุนการกุศลต่างๆ หรือไม่ก็เพื่อหางบบำรุงรักษา ปรับปรุงสนามที่ใช้งาน
มาตลอด 1 ปี (ส่วนมากแต่ละสนามจะจัดปีละ 1-2 ครั้ง)
ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่จะรู้ดี ส่วนนักกีฬาจะให้การตอบรับดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
เช่น นำรายได้ไปทำอะไร , การจัดในปีที่ผ่านมาถูกใจนักกีฬาหรือไม่, ถ้วยรางวัลสวยมั๊ย
(และเป็นถ้วยของใคร) , สนามนั้นๆ เคยส่งนักกีฬาไปช่วยเวลาสนามอื่นจัดแข่งหรือไม่ ฯลฯ
ส่วนการจำกัดชุดยิงหรือไม่ ก็คงเป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่จะทำให้นักกีฬามากหรือน้อย
2. ในแง่ของการตลาด
ผู้จัดทุกสนามคงต้องคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะจัดอย่างไร จึงจะถูกใจลูกค้า(นักกีฬา) มากที่สุด
และในขณะเดียวกันก็เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้จัดด้วย บางครั้งก็เลยต้องพบกันครึ่งทาง
จำกัดชุดยิงหรือไม่ ปัจจัยนี้ผู้จัดหลายสนามก็คิดแล้ว คิดอีก และในอนาคตก็คงยังมีทั้ง 2 แบบ
เพราะยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าแบบไหนดีกว่า และนักกีฬาตอบรับมากกว่ากัน
สำหรับสนามที่จัดการแข่งขันเพื่อเป็นกิจกรรมประจำปี โดยไม่ได้คำนึงถึงรายได้เป็นปัจจัยหลัก
ก็สามารถจำกัดชุดยิงได้เลย เช่น แชมป์บางกอก ของสนามรักษาดินแดน
3. ในแง่ของเกมส์ และนักกีฬา
นักกีฬายิงปืนชาวบ้านส่วนใหญ่ มาจากหลากหลายอาชีพ มีทุกเพศ ทุกวัย แต่ทุกคนชอบเหมือนกัน
คือชอบยิงปืน แต่ยังไม่ถึงขนาดจะไปฝึกยิงตามระบบที่ยุ่งยาก หรือต้องใช้เวลาฝึกซ้อมมาก
บางทีก็ไปซ้อมเอาในสนามแข่งนั่นแหละ ผิดถูกก็ยิงไปเรื่อย ๆ (กว่าจะเข้าที่บางทีก็หมดไปหลายชุด)
ซึ่งต่างจากระบบสากล, IPSC หรือระบบอื่นๆ ทีแข่งครั้งเดียวจบ ซึ่งนักกีฬาต้องมีเวลาฝึกซ้อมมาก
เพื่อให้พร้อมมากที่สุดในวันแข่งขัน และมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ถ้าจะเปรียบไปการแข่งในระบบสากล
ที่ยิงชุดเดียว ทุกนัดมีความหมาย นักกีฬาแข่งกันว่าใครจะพลาดน้อยกว่ากัน ส่วนในระบบชาวบ้าน
พลาดไม่เป็นไร แต่นักกีฬาต้องเค้นเอาฝีมือที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาในชุดยิงใด ก็ได้ จึงเห็นเป้าที่มี
คะแนนเต็ม 100ได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าลองให้ยิงแบบสากล ชุดละ 10 นัด จำกัดแค่ 6 ชุด คิดคะแนนทุกชุด
อาจไม่ได้เห็นคะแนนเต็ม 100 เลยก็ได้ ฉะนั้นอารมณ์และบรรยากาศในการแข่งขันก็จะแตกต่างกันด้วย
และยังมีอีกหลายมุมมองที่รอให้ทุกท่านมาเป็นกระจกสะท้อน แต่อย่าลืมนึกถึงนักกีฬาท่านอื่นที่ไม่เคย
แม้แต่เล่นอินเตอร์เนท เราจะทราบมุมมองและความคิดของเขาได้จากการพบปะกันในสนามเท่านั้น
ลองไปสนามแข่งขันบ่อยๆ บางทีเราอาจพบคนมากมายและได้อะไรมากกว่าที่คิด แล้วเมื่อนั้น
การแข่งขันจะจำกัดชุดยิงหรือไม่ เราจะได้ที่เท่าไหร่ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องซีเรียสอีกต่อไป