๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 12, 2024, 05:19:30 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ดิ ไอดอล  (อ่าน 723 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6923


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2013, 10:24:07 AM »


ดิ ไอดอล

หน้าต่างศาสนา
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ


เมื่อย้อนหลังไปกว่า 2,600 กว่าปี ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี สถานที่ปฏิบัติตนของเหล่าฤษี ขณะนั้นเองท่านโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ กำลังนั่งฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดง



พระองค์เริ่มต้นด้วยคำถามต่อวิธีปฏิบัติที่เหล่าชนในโลกทำกันเพื่อแสวงหาความสุข (กามสุขัลลิกานุโยค) และวิธีปฏิบัติเป็นทุกข์อย่างที่นักบวชปฏิบัติกัน (อัตตกิลมัตถานุโยค) ทั้งสองอย่างอาจนำไปสู่ความทุกข์ในบั้นปลายได้ไม่แตกต่างกัน แล้วทรงแนะวิธีคิดแบบสายกลาง (มัชเณนธรรม) ที่เริ่มต้นด้วยการไม่เชื่อมั่นต่อความคิดที่ทำให้เกิดความยึดติดจนเกิดเป็นทุกข์ กับวิธีปฏิบัติแบบสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่ค้นหาความพอดี หาจุดสมดุลในการประพฤติตนให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่คล้อยตามกิเลสภายในตนที่ทำให้สูญเสียความสมดุลดังกล่าว



ทั้งหมดคือพระธรรมเทศนาสำคัญที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอาสาฬหบูชาที่ชื่อ "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร"



เมื่อเราลองนำหลักการนี้มาใช้กับหลักดำเนินชีวิตทั่วไปบ้างอาจพบข้อคิดบางอย่าง ดังเมื่อเอี๋ยนหุยศิษย์ของขงจื๊อเดินทางเข้าไปซื้อของในตลาดก็ได้ยินเสียงคนซื้อผ้าโวยวายขึ้น "ท่านโกงข้า 3 คูณ 8 ได้ 23 ทำไมท่านให้ข้าจ่ายตั้ง 24"



พอเอี๋ยนหุยได้ยินจึงพูดออกไป "ด้วยความเคารพนะพี่ชาย 24 นะถูกแล้ว" ทำให้คนซื้อผ้าเกิดความไม่พอใจถึงขนาดท้าพนันกันโดยให้ขงจื๊อเป็นคนตัดสิน คนซื้อผ้ายอมตัดหัวตัวเองถ้าเขาผิด ส่วนเอี๋ยนหุยยอมถอดหมวกปลดตัวเองจากตำแหน่งทันที



พอขงจื๊อฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดสินให้คนซื้อผ้าว่าคิดถูกแล้วทำให้เอี๋ยนหุยโกรธในใจแต่ก็ยอมถอดหมวก และขอลาอาจารย์กลับบ้าน ขงจื๊อก็ไม่ได้ทักท้วงแต่เตือนว่า "อย่าหลบซ่อนกายใต้ไม้ใหญ่ อย่าทำร้ายใครถ้ายังไม่แจ้งชัด" ระหว่างทางเกิดพายุแต่เขาก็จำคำอาจารย์ได้จึงไม่กล้าหลบใต้ต้นไม้ พอเขาเดินจากไปก็เกิดสายฟ้าผ่าที่ต้นไม้ใหญ่



เขาเดินต่อจนถึงบ้านก็ดึกมาก พอขึ้นไปถึงห้องภริยาก็เห็นเงาใครนอนอยู่ข้างๆ ความโกรธทำให้เขาชักดาบออกมาแต่พอคิดถึงคำอาจารย์จึงเก็บดาบแล้วจุดตะเกียงจึงรู้ว่าเป็นภริยาและน้องสาวของเขาที่มานอนเป็นเพื่อนกันเพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง



พอรุ่งเช้าเอี๋ยนหุยรีบกลับไปหาอาจารย์โค้งคำนับแล้วถาม "ท่านอาจารย์ล่วงรู้ดังเทวดา ศิษย์นับถือ" "ก็ไม่ยากเพราะเมื่อเย็นอากาศแปรปรวนน่าจะมีฟ้าร้องฟ้าผ่า และอีกอย่างตอนเธอกลับไปพร้อมอารมณ์โกรธอาจทำอะไรไปไม่ยั้งคิด" ขงจื๊อบอกและอธิบายต่อ "แล้วที่เธอโกรธเราว่าที่ตัดสินความผิด แต่เธอลองคิดดูถ้าเราตัดสินให้เธอถูก ชายคนนั้นก็ต้องตาย แต่หากตัดสินให้เขาถูก เธอก็แค่เสียหมวกและศักดิ์ศรี เธอคิดดูว่าหมวกกับชีวิตอะไรสำคัญกว่ากัน" พอฟังจบเอี๋ยนหุยถึงกับคุกเข่าขอขมาที่โกรธไปเพราะความเข้าใจไปเอง



การใช้ชีวิตที่ดำเนินไปตามความคิดของตนทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเมื่อเราถูกคนอื่นก็ผิด จนเกิดความโกรธเกลียดกัน เพราะยึดมั่นแต่เหตุผลของตนเองจนลืมเหตุผลที่ดีกว่าไป ลองคิดแบบเป็นกลาง หาหนทางที่ถูกต้อง วางตนไม่ยึดติด รับฟังข้อคิดที่มีประโยชน์จากผู้อื่น


นั่นคือต้นแบบแห่งความสุขที่อดีตได้ฝากฝังไว้





บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.097 วินาที กับ 22 คำสั่ง