... ช่วงนั้น ... ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ... จากคำบอกเล่า ... พี่ชายเพื่อนซึ่ง ... คนหนึ่งเป็นทหารพราน ... คนหนึ่งเป็นทหารเกณฑ์ ...
... ในช่วงนั้นการรบรุนแรงมาก ... ใน 1 หมู่ทหารพราน ... ที่ไปกับพี่ชายเพื่อน ... รอดกลับมาได้ 2 คน ... ถูกซุ่มอยู่ 3 วัน ... ต้องกินฉี่ตัวเอง ... กินเลือดของเพื่อนที่ถูกยิง ... สุดท้ายต้องทิ้งศพเพื่อนไว้แล้วฝ่าออกมาตอนกลางคืน ... รอดมาได้ 2 คน ... แกบอกเคยปะทะกันจัง ๆ มองเห็นหน้าตากันเลย ... ในกลุ่มของทหารเวียตนามและเขมร ... มีทหารฝรั่งปนอยู่ด้วย ...
... พี่ชายเพื่อนอีกคนเป็นทหารเกณฑ์ ... อยู่เหล่าปืน ค. (คจตถ. หรือปล่าวไม่แน่ใจ)... พอถึงเวลา ... จะยิงถล่มเป็นชุด 50 นัดบ้าง ... 100 นัดบ้าง ... 200 นัดบ้าง ... น่าจะเป็นการรบแบบใช้จิตวิทยา (ฝ่ายตรงข้ามก็มีจิตวิทยาเหมือนกัน ... เห็นบอกว่าใช่ปืนใหญ่ยิงใบปลิวข้ามมา ... มีใจความประมาณว่า ...อยากเจอหน่วยทหารที่รบเก่งที่สุดของประเทศไทย ... โสนะหน้ามัน ... โดนเข้าไป ... ร้องไห้วิ่งกลับบ้านแทบไม่ทัน
) ... วัน ๆ นั่งเฝ้าแต่ปืน ค. ... อยู่มาวันหนึ่งกำลังนังกินข้าวอยู่ ... เจอสวนด้วยปืนใหญ่ ... วิ่งหลบลงหลุมบังเกอร์แทบไม่ทัน ... แกยังบอกอีกว่า ... ปืนใหญ่ที่ทหารไทยใช้ยิงในระยะพิสัยใกล้ ... เมื่อยิงแล้วต้องรีบเก็บพ่วงใส่ท้ายรถ ... ขับหนีออกจากจุดยิง ... เพราะภายในไม่ถึง 2 นาที ... จะโดนสวนด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้าม ... ส่วนฐานปืนใหญ่พิสัยไกลของไทยจะตั้งอยู่ที่ บ้านเก่าขาม อ.น้ำยืน ... ไปจากตัวเมืองอุบลฯ จะอยู่ซ้ายมือก่อนจะถึงอำเภอน้ำยืน ... ประมาณ 10 - 20 กม. ... อีกแห่งน่าจะเป็น บ้าน แปดอุ้ม ... และเมื่อลึกเข้าไปในพื้นที่ทำการรบ ... การส่งกำลังบำรุงและเสบียงทำได้เพียงการเดินเท้าเท่านั้น ... โดยใช้ล่อเป็นสัตว์บรรทุก ...
... เกี่ยวกับความสูญเสีย ...
... ทุกครั้งที่มี ฮ. มาลงที่ ลานสวนสนาม ร.6 พัน 3 ... ลูกเมียเหล่าทหารจะวิ่งกันวุ่นวายเพื่อไปดูว่า ... มีคนที่เรารักอยู่ในนั้นด้วยหรือปล่าว ... ถ้ากลับมาทาง ฮ. ถึงแม้จะหนักมากแต่ก็มีโอกาสรอด ... เพราะถึงมือหมอ ... แต่หาก ... กลับมากับขบวนรถ ยีเอ็มซี ... เป็นไปได้ 2 ทาง คือ ... สับเปลี่ยนกำลังพล ... หรือ ... ไม่ก็เป็นศพกลับมา ...
...ที่โรงพยาบาล อ.นาจะหลวย ... ข่าวเล่าว่า ... ศพทหารกองกันจนสูงเกือบเท่าหลังคา รพ. (ชั้นเดียวในตอนนั้น) ... ต้องใช้ผ้าใบคลุมไว้กันอุจาดตา ...
... ทหารจากค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร ... ถูกข้าศึกลวงเข้าพื้นที่สังหาร ... ละลายทั้งกองร้อย ... ... ปัจจุบัน ...
... ยังคงหลงเหลือสถานที่ประวัติศาสตร์การรบกันที่พอมีชื่อได้กล่าวขานกัน ... คือ ... ฐานชายชาญ (ตั้งชื่อให้เกียรติ์ตาม ผบ.กองพันที่เสียชีวิตในสนามรบ
)... อยู่ส่วนล่างปากทางขึ้นเขา ... บริเวณใกล้ ๆ กันกับ ... อ่างเก็บน้ำพลาญเสือตอนล่าง ... ถ้าจำไม่ผิด ... อยู่ตรงทางสามแยก ... ตรงไปจะเป็นทางขึ้นเนิน 408 ... เลี้ยวขวาจะเป็นทางขึ้น ... ฐานอนุพงศ์(ตั้งชื่อตาม ผบ.ฐาน ... ที่เสียชีวิตอย่างห้าวหาญในสนามรบ
และน่าจะเป็นฐานของ ตชด. ในปัจจุบัน ...) ... อยู่ติดกับ... อ่างเก็บน้ำพลาญเสือตอนบน ... (ว่ากันว่า ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ...ทรงดำริให้สร้างขึ้น ... เพื่อให้น้ำท่วมในพื้นที่บริเวณนั้นซึ่งเป็นดงกับระเบิด) ... ต่อจากนั้นประมาณ 3-4 กม. ... จึงจะถึงช่องบก ... ซึ่งมีศาลาตรีมุข ... หันหน้า 3 ด้านไปทั้ง 3 ประเทศ ... เป็นการแสดงว่าให้สนธิสัญญาต่อกัน ...
... ในช่วงนั้นเส้นทางขึ้นลำบากมากโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนและอันตรายจากกับระเบิด ... มีชาวบ้านขึ้นล่าสัตว์และเก็บของป่าขาย ... สูญเสียชีวิตและพิการทุกปี ... การเดินทางขึ้นต้องมีผู้รู้เส้นทาง ... ห้ามลงเดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด ... แม้แต่มองเห็นก้อนหินบนเส้นทางพลิก ... จนท. ยังต้องจอดรถลงไปดู(น่าจะเคยมีประสบการณ์) ...
... ลักษณะภูมิประเทศ ... เป็นป่าทึบในหุบเขาสลับกับป่าโปร่งในที่ลาดเชิงเขา ... ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลาญหิน ...
... เมื่อผ่านอ่างเก็บน้ำพลาญเสือตอนล่างขึ้นไป ... จะเริ่มเป็นป่าทึบ ... จนไปถึงแยกฐานชายชาญ ... เลี้ยวขวาเพื่อขึ้นไปที่ฐานอนุพงษ์ ... จะเป็นการลงหุบ ... ผ่านลำห้วยน่าจะ 2-3 แห่ง ... แห่งแรก จะมีสะพานเหล็กที่ทหารสร้างไว้ ... แห่ง 2 จะเป็นลำห้วยตื้น ๆ ในหน้าแล้ง ... ต้องขับรถลุยลงไป ... แห่งที่ 3 เป็นสะพานไม้ ... ลัดเลาะตามไหล่เขา ... จากนั้นจะเริ่มไต่ตามไหล่เขาเพื่อขึ้นเขาลูกที่ 2 ... ผ่านพลาญหิน ... บริเวณที่ว่ากันว่าทหารไทยถูกสลายทั้งกองร้อย ... ในบริเวณนี้เมื่อหันกลับไปมองเส้นทางที่ผ่านมาจะสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำพลาญเสือตอนล่างได้(สวยงามครับ
) ... ลงหุบอีกครั้ง ... ผ่านเข้าป่าไผ่ ... พ้นจากป่าไผ่ ... จะมีลานจอด ฮ. อยู่ด้านซ้ายมือ ... ขับเลยไปอีกประมาณ 100 เมตรจะเป็นที่ตั้ง ... ฐานอนุพงศ์(ตชด.) ... ที่นี่การขุดบังเกอร์จะหันหน้าเข้าป่าไผ่ที่รกทึบมาก ... แนวระวังป้องกันจะใช้ตาข่ายขึงและเอาพวกขวด/กระป๋องเปล่าไปผูกห้อยไว้...(เคยถามว่า ... พี่ทำไมขุดบังเกอร์หันหน้าเข้าป่าไผ่ ... เขาบอกว่าสมัยนั้น ...พวกจรยุทธ์มันชอบเข้ามาทางด้านนี้ ... ผมยังงง ๆ อยู่เลย ... ไผ่ป่าไผ่หนามทั้งนั้น ... มันจะเข้ามาได้ยังไง
) จากนั้นไปจะเป็นป่าทึบสลับป่าโปร่งไปจนถึง ... ศาลาตรีมุข ...
... ผมเคยขึ้นป่าที่ บ.โนนค้อ ... ชาวบ้านพาขึ้น ... เค้าจะพาไปดูฐานเก่าของข้าศึกสมัยนั้น ... ยังอยู่ในสภาพดีอยู่ ... ซากอาวุธยุทโธปกรณ์ยังคงทิ้งไว้เกลื่อนกลาด ... แต่มีข้อแม้ว่า ... ต้องเดินฝ่าดงกับระเบิดเข้าไป ...เค้ายืนยันว่ารู้จักทางเข้า ... เพราะไปเก็บปลอกกระสุนปืนมาขายบ่อย ... แต่ผมใจไม่ถึง ... ไม่กล้าเสี่ยง ... ผมก็เลยถอย ๆๆ ดีกว่า ... ไม่เอาดีกว่า ... :~ )
... หมายเหตุ ...
...เป็นการเล่าจากความทรงจำในครั้งอดีต... อาจมีผิดพลาดบ้างต้องขออภัย ... ครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นไป(เคยขึ้นไป 4 ครั้ง) ... คือเมื่อครั้งที่มีประชุมครม. สัญจร ... เพื่อพิจารณาสร้างสนามกอลฟ์บนนั้น ... แต่ถูกท่าน ผกก.ตชด.22 ทัดทานไว้ ... เนื่องจากยังเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ... และศักยภาพของหน่วยเก็บกู้ระเบิดในขณะนั้นไม่เพียงพอ ... ท่านบอกว่า ... นับจากนี้ไปอีก 10 ปี ... ยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถกู้ได้หมดหรือไม่ ...
http://www.ubonratchathani.go.th/ubivs/morakot.html#news7http://www.moc.go.th/opscenter/ub/Touring%20&%20Interest%20place/Morogoat%20Triangle_Golf2.htmhttp://guideubon.com/news/view.php?t=17&s_id=1310&d_id=1310ที่โรงพยาบาล อ.นาจะหลวย ... ข่าวเล่าว่า ... ศพทหารกองกันจนสูงเกือบเท่าหลังคา รพ. (ชั้นเดียวในตอนนั้น) ... ต้องใช้ผ้าใบคลุมไว้กันอุจาดตา ...
ทหารบาดเจ็บล้น รพ. ฮ.ขึ้นลงรับส่งตลอดครับ