๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 03, 2024, 05:42:26 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การจัดทำปืนโครงการสวัสดิการครับ  (อ่าน 6477 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
onemore
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 186


« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2007, 08:02:19 PM »

สอบถามท่านผู้รู้ครับ ว่า ในส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้มีการจัดหาปืนโครงการสวัสดิการสำหรับข้าราชการในสังกัด ซึ่งทำให้ข้าราชการในสังกัดได้ซื้อปืนในราคาที่ถูกกว่าประชาชนทั่วไปอยู่มาก จึงอยากทราบหลักเกณฑ์ในการจัดทำปืนโครงการหน่อยครับ ว่าเป็นอย่างไร จำกัดเฉพาะส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรึเปล่า ...ขอบคูณครับ
บันทึกการเข้า
onemore
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 186


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 06:56:19 AM »

เงียบจัง
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 08:34:31 AM »

การขออนุญาตซื้ออาวุธปืนที่เรียกกันว่า "สวัสดิการ" (แบบผู้ซื้อฝากเงินให้ไปซื้อ) นั้น
ไม่ได้จำกัดเฉพาะหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ครับ


หน่วยงานเอกชนสามารถขอเข้าร่วมในธุรกิจนี้ได้ครับ
ถ้ามีความจำเป็นในการใช้อาวุธปืนเพียงพอ
รวมถึงถ้าผู้ฝากเงินไปซื้อปืนและหน่วยงานของผู้ฝากเงินฯ
มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อความมั่นคงและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ลองสอบถามไปที่กรมการปกครอง (ผู้จำหน่ายอาวุธปืนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ) ดูซิครับ

เพราะเท่าที่ผมทราบ...อาวุธปืนบางยี่ห้อ บางรุ่นที่มีผู้ฝากเงินให้ไปซื้อ นั้น
ถูกสั่งนำเข้าโดยเอกชน ครับ

ส่วนจะได้รับ การอนุมัติหรืออนุญาต ให้เข้าร่วมธุรกิจนี้หรือไม่
อยู่ที่เหตุผลและความจำเป็น เทคนิคการนำเสนอขออนุมัติ
รวมถึงการพิจารณาของ อปค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครับ



 

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 20, 2007, 08:41:27 AM โดย 51 » บันทึกการเข้า
onemore
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 186


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 12:52:05 PM »

การขออนุญาตซื้ออาวุธปืนที่เรียกกันว่า "สวัสดิการ" (แบบผู้ซื้อฝากเงินให้ไปซื้อ) นั้น
ไม่ได้จำกัดเฉพาะหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ครับ


หน่วยงานเอกชนสามารถขอเข้าร่วมในธุรกิจนี้ได้ครับ
ถ้ามีความจำเป็นในการใช้อาวุธปืนเพียงพอ
รวมถึงถ้าผู้ฝากเงินไปซื้อปืนและหน่วยงานของผู้ฝากเงินฯ
มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อความมั่นคงและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ลองสอบถามไปที่กรมการปกครอง (ผู้จำหน่ายอาวุธปืนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ) ดูซิครับ

เพราะเท่าที่ผมทราบ...อาวุธปืนบางยี่ห้อ บางรุ่นที่มีผู้ฝากเงินให้ไปซื้อ นั้น
ถูกสั่งนำเข้าโดยเอกชน ครับ

ส่วนจะได้รับ การอนุมัติหรืออนุญาต ให้เข้าร่วมธุรกิจนี้หรือไม่
อยู่ที่เหตุผลและความจำเป็น เทคนิคการนำเสนอขออนุมัติ
รวมถึงการพิจารณาของ อปค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครับ



 

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...

ชัดครับ ขอบคุณครับ คงจะต้องเข้าไปหาข้อมูลที่กรมการปกครองต่อไปครับ
บันทึกการเข้า
POLICE3955
Jr. Member
**

คะแนน 24
ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 02:27:19 PM »

เคยมีประสบการณ์ทำโครงการฯ สมัยเรียนโรงเรียนเหล่าทัพ หลายปีมาแล้ว อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง   

ต้องทำโครงการเสนอผ่านต้นสังกัด ในที่นี้คือโรงเรียนฯ ไปยังนายทะเบียนท้องที่ ซึ่งโรงเรียนเหล่าจะให้นักเรียนทุกคนย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่โรงเรียน กรณีนี้จึงทำง่ายทุกคนอยู่ท้องที่เดียวกันทั้งหมด  จากนั้นนายทะเบียนท้องที่จะเสนอเรื่องตามลำดับชั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตนำเข้าปืนโดยไม่รวมเป็นโควต้าของร้านปืนที่จะเป็นผู้สั่งปืนเข้ามาให้เรา (ระบุยี่ห้อปืนและขนาดกระสุนของแต่ละคนมาให้เรียบร้อย) และขอยกเว้นภาษี (ภาษีนำเข้าปืนแพงมาก) เพื่อได้ปืนราคาถูก ต้องตามเรื่องทุกขั้นตอนกว่าจะไปถึงรัฐมนตรีฯได้ก็เหนื่อยพอสมควร จากนั้นก็รอลุ้นว่าท่านจะอนุมัติหรือไม่

แจ้งเท่าที่ทราบเผื่อเป็นแนวทางการดำเนินการต่อไปครับ โชคดีมีปืนกันทุกท่านนะครับ


บันทึกการเข้า

IF YOU WANT PEACE PREPARE FOR WAR
onemore
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 186


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 03:22:17 PM »

มีท่านใดอยู่ในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจที่เคยสั่งซื้อปืนโครงการบ้างครับ อยากทราบขั้นตอนของรํฐวิสาหกิจหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 03:27:48 PM »

เคยมีประสบการณ์ทำโครงการฯ สมัยเรียนโรงเรียนเหล่าทัพ หลายปีมาแล้ว อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง   

ต้องทำโครงการเสนอผ่านต้นสังกัด ในที่นี้คือโรงเรียนฯ ไปยังนายทะเบียนท้องที่ ซึ่งโรงเรียนเหล่าจะให้นักเรียนทุกคนย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่โรงเรียน กรณีนี้จึงทำง่ายทุกคนอยู่ท้องที่เดียวกันทั้งหมด  จากนั้นนายทะเบียนท้องที่จะเสนอเรื่องตามลำดับชั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตนำเข้าปืนโดยไม่รวมเป็นโควต้าของร้านปืนที่จะเป็นผู้สั่งปืนเข้ามาให้เรา (ระบุยี่ห้อปืนและขนาดกระสุนของแต่ละคนมาให้เรียบร้อย) และขอยกเว้นภาษี (ภาษีนำเข้าปืนแพงมาก) เพื่อได้ปืนราคาถูก ต้องตามเรื่องทุกขั้นตอนกว่าจะไปถึงรัฐมนตรีฯได้ก็เหนื่อยพอสมควร จากนั้นก็รอลุ้นว่าท่านจะอนุมัติหรือไม่

ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้  ปืนสวัสดิการยกเว้นภาษี (อากรนำเข้า) ไม่ได้แล้วครับ
เนื่องจากไม่ใช่สิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในภารกิจปกติของส่วนราชการ
บันทึกการเข้า
onemore
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 186


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 03:50:24 PM »

สงสัยต้องเข้าวังไชยาซะแล้วครับ
บันทึกการเข้า
Mango
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 352


"รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต"


« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 11:14:01 PM »

เคยมีประสบการณ์ทำโครงการฯ สมัยเรียนโรงเรียนเหล่าทัพ หลายปีมาแล้ว อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง   

ต้องทำโครงการเสนอผ่านต้นสังกัด ในที่นี้คือโรงเรียนฯ ไปยังนายทะเบียนท้องที่ ซึ่งโรงเรียนเหล่าจะให้นักเรียนทุกคนย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่โรงเรียน กรณีนี้จึงทำง่ายทุกคนอยู่ท้องที่เดียวกันทั้งหมด  จากนั้นนายทะเบียนท้องที่จะเสนอเรื่องตามลำดับชั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตนำเข้าปืนโดยไม่รวมเป็นโควต้าของร้านปืนที่จะเป็นผู้สั่งปืนเข้ามาให้เรา (ระบุยี่ห้อปืนและขนาดกระสุนของแต่ละคนมาให้เรียบร้อย) และขอยกเว้นภาษี (ภาษีนำเข้าปืนแพงมาก) เพื่อได้ปืนราคาถูก ต้องตามเรื่องทุกขั้นตอนกว่าจะไปถึงรัฐมนตรีฯได้ก็เหนื่อยพอสมควร จากนั้นก็รอลุ้นว่าท่านจะอนุมัติหรือไม่

ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้  ปืนสวัสดิการยกเว้นภาษี (อากรนำเข้า) ไม่ได้แล้วครับ
เนื่องจากไม่ใช่สิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในภารกิจปกติของส่วนราชการ
เรียนท่านผู้การครับ...แบบว่าผมก็เป็นคนเคยทำโครงการแบบนี้อยู่เหมือนกันเพิ่งทำไปเมื่อปีที่แล้วนี้เองครับ
การที่จะนำอาวุธปืนเข้าโดยไม่เสียภาษีนี้ ผมจะทำการแนบคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่  ...../2535 (ผมจำเลขไม่ได้แล้ว)
วันหลังจะลองค้นมาให้ดูนะครับ ซึ่งรายละเอียดในคำสั่งนี้หลักๆก็คือ ให้สามารถนำเข้าอาวุธปืนโดยไม่ต้องเสียภาษีและทางร้านจะไม่นับรวมโควต้า
นี้เข้ากับของทางร้านด้วย เท่าๆที่ผมสอบถามมารู้สึกว่าจะทำกันมาหลายสิบปีแล้วนะครับ ตั้งแต่ รร.นี้ตั้งมานะครับ เบ็ดเสร็จราคาปืนจะตำ่กว่าท้อง
ตลาดมาก ยกตัวอย่างเช่น กล็อค ก็อยู่ประมาณ 27 k ครับ โดยการเสนอราคาก็จะทำการเปิดซองประกวดราคากัน ร้านไหนให้ข้อเสนอที่ดี
ก็จะได้รับการเลือกไป โดยกรรมการที่เลือกก็จะเป็นนักเรียนที่จะเป็นผู้ซื้อเท่านั้นนะครับ แต่พักหลังๆร้านค้าเริ่มมีการยัดซองใต้โต๊ะ ทำให้โครงการแบบนี้เกือบยกเลิกไป อ้อ...ผมลืมบอกไปว่าคนที่จะซื้อได้ต้องเป็นนักเรียน รร.นี้เท่านั้น และซื้อได้เพียงคนละ 1 กระบอกเท่านั้น
ในชีวิตนี้ ซื้อแล้วซื้ออีกไม่ได้ครับ การดำเนินการขั้นตอนก็ต้องไปติดต่อทางอำเภอ(ซึ่งทางอำเภอนี้เค้าจะรู้งานดีครับและให้คำแนะนำดีมากๆ)
จากนั้นก็ทำการร่างหนังสือจากทาง รร.ให้ผู้บังคับบัญชา ลงชื่อแล้วเสนอออกไปยังอำเภอ จากนั้นทางอำเภอจะทำหนังสือส่งไปทางจังหวัดเพื่อขอ
อนุมัติ เมื่อเรื่องถึงจังหวัดก็จะส่งไปยังมหาดไทยเพื่อขออนุมัติอีกที จากนั้นก็จะส่งหนังสือกลับมายังอำเถออีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้จะไปช้าเกือบไปประมาณเกือบห้าเดือนเลยนะครับ เมื่อหนังสือกลับมาอำเภอจึงจะสามารถออกใบ ป 2 ได้นะครับ ซึ่งตรงนี้ผมขอบอกว่า
ที่มีโครงการนี้ก้เพื่อให้ นักเรียนที่จะจบออกไปปฏิบัติหน้าที่มีอาวุธปืนไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบของสังคมนะครับ ไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบประชาชนแต่อย่างใด และสิ่งสำคัญก็คือ พวกผมไม่ค่อยมีตังค์กันมากมายเท่าไรครับเป็นแค่ข้าราชการธรรมดาเท่่านั้นเอง
ราคาปืนจริงๆที่ทางร้านบอกผมก็คืออยู่ราวๆ เกือบสองหมื่นเท่านั้นแต่ยังไม่รวมค่าขนส่ง ค่าอื่นๆอีก ตกทางร้านจะได้กำไรเพียงกระบอกละประมาณเกือบๆสามพันเท่านั้นเองครับ แต่เน้นการขายที่ปริมาณนะครับ
ที่ผมรู้ก็มีเท่านี้ละครับผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 11:26:53 PM »

เรียนท่านผู้การครับ...แบบว่าผมก็เป็นคนเคยทำโครงการแบบนี้อยู่เหมือนกันเพิ่งทำไปเมื่อปีที่แล้วนี้เองครับ
การที่จะนำอาวุธปืนเข้าโดยไม่เสียภาษีนี้ ผมจะทำการแนบคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่ ...../2535 (ผมจำเลขไม่ได้แล้ว)
วันหลังจะลองค้นมาให้ดูนะครับ ซึ่งรายละเอียดในคำสั่งนี้หลักๆก็คือ ให้สามารถนำเข้าอาวุธปืนโดยไม่ต้องเสียภาษีและทางร้านจะไม่นับรวมโควต้า
นี้เข้ากับของทางร้านด้วย เท่าๆที่ผมสอบถามมารู้สึกว่าจะทำกันมาหลายสิบปีแล้วนะครับ ตั้งแต่ รร.นี้ตั้งมานะครับ เบ็ดเสร็จราคาปืนจะตำ่กว่าท้อง
ตลาดมาก ยกตัวอย่างเช่น กล็อค ก็อยู่ประมาณ 27 k ครับ โดยการเสนอราคาก็จะทำการเปิดซองประกวดราคากัน ร้านไหนให้ข้อเสนอที่ดี
ก็จะได้รับการเลือกไป โดยกรรมการที่เลือกก็จะเป็นนักเรียนที่จะเป็นผู้ซื้อเท่านั้นนะครับ แต่พักหลังๆร้านค้าเริ่มมีการยัดซองใต้โต๊ะ ทำให้โครงการแบบนี้เกือบยกเลิกไป อ้อ...ผมลืมบอกไปว่าคนที่จะซื้อได้ต้องเป็นนักเรียน รร.นี้เท่านั้น และซื้อได้เพียงคนละ 1 กระบอกเท่านั้น
ในชีวิตนี้ ซื้อแล้วซื้ออีกไม่ได้ครับ การดำเนินการขั้นตอนก็ต้องไปติดต่อทางอำเภอ(ซึ่งทางอำเภอนี้เค้าจะรู้งานดีครับและให้คำแนะนำดีมากๆ)
จากนั้นก็ทำการร่างหนังสือจากทาง รร.ให้ผู้บังคับบัญชา ลงชื่อแล้วเสนอออกไปยังอำเภอ จากนั้นทางอำเภอจะทำหนังสือส่งไปทางจังหวัดเพื่อขอ
อนุมัติ เมื่อเรื่องถึงจังหวัดก็จะส่งไปยังมหาดไทยเพื่อขออนุมัติอีกที จากนั้นก็จะส่งหนังสือกลับมายังอำเถออีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้จะไปช้าเกือบไปประมาณเกือบห้าเดือนเลยนะครับ เมื่อหนังสือกลับมาอำเภอจึงจะสามารถออกใบ ป 2 ได้นะครับ ซึ่งตรงนี้ผมขอบอกว่า
ที่มีโครงการนี้ก้เพื่อให้ นักเรียนที่จะจบออกไปปฏิบัติหน้าที่มีอาวุธปืนไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบของสังคมนะครับ ไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบประชาชนแต่อย่างใด และสิ่งสำคัญก็คือ พวกผมไม่ค่อยมีตังค์กันมากมายเท่าไรครับเป็นแค่ข้าราชการธรรมดาเท่่านั้นเอง
ราคาปืนจริงๆที่ทางร้านบอกผมก็คืออยู่ราวๆ เกือบสองหมื่นเท่านั้นแต่ยังไม่รวมค่าขนส่ง ค่าอื่นๆอีก ตกทางร้านจะได้กำไรเพียงกระบอกละประมาณเกือบๆสามพันเท่านั้นเองครับ แต่เน้นการขายที่ปริมาณนะครับ
ที่ผมรู้ก็มีเท่านี้ละครับผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ

ผมยืนยันว่าต้องเสียภาษี   เพราะการจัดปืนสวัสดิการ ไม่ใช่หน้าที่ปกติของหน่วยราชการ   ถ้าไปหลีกเลี่ยง ในอนาคตก็ต้องถูกเช็คบิลแน่นอน   แม้แต่ไม่เรียกเก็บ VAT แบบที่ สน.อส.ทำอยู่ในปัจจุบัน  สตง.เข้าตรวจเมื่อไหร่  ก็เตรียมก่ายหน้าผากได้
เอาง่าย ๆ นะครับ   กองทัพบก หรือกรมการปกครองซื้อปืน M16 อันนี้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า  แต่ค่าขนส่งยังต้องเสีย VAT   แต่ถ้าซื้อปืนสั้นชนวนกลางมาใช้แข่งกีฬา (เป็นสมบัติของหน่วยงาน นะครับ  ไม่ใช่สวัสดิการ หรือซื้อให้บุคคล)  กรณีนี้ต้องเสียภาษีและอากรขาเข้า   เพราะปืนกีฬา ไม่ใช่ภารกิจปกติของหน่วย

และจริง ๆ ก็คือเมื่อยี่สิบปีก่อน  ผมเคยต่อรองกับศุลกากร  ว่าขอโครงการนี้เป็นโครงการสุดท้าย

บอกราคามาด้วยว่าเป็นสองหมื่นเจ็ด พ่อค้าได้กำไรสามพันบาท  ยิ่งชัดเจนว่าเสียภาษีมาแล้ว   เพราะปืนกล็อก เมื่อเสียอากรขาเข้า + ค่าขนส่ง + ค่าประกันภัย + VAT + ราคาปืน   ก็แค่สองหมื่นหนึ่งพันบาท แค่นั้นแหละ

ซื้อปืนในราคาสวัสดิการ ก็ได้เปรียบประชาชนมากอยู่แล้ว   ถ้ายังขืนจะขอยกเว้นภาษีอีก  ออกจะทำร้ายความรู้สึกของประชาชนมากเกินไป     เพราะเงินเดือนข้าราชการในยุคนี้ ก็ต่ำกว่าเอกชนไม่มากนัก   แต่มีความมั่นคงเหนือกว่ากันมากนัก กว่าจะปลดออกได้แต่ละราย ก็หืดขึ้นคอ  ไม่เหมือนเอกชน เรียกมาบันทึกความผิดแค่ครั้งสองครั้ง ก็รีบลาออกไปเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2007, 08:09:39 AM โดย สุพินท์ » บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1734
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8577


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2007, 11:41:08 PM »

ใครจะนำเข้าโดยไม่เสียภาษี ... ได้หรือไม่/อย่างไร ... ต้องระวังสังวรด้วย เพราะมีฎีกาปี43เป็นแนวทางอยู่
ส่วนตัวผมเห็นว่ารัฐควรจัดอาวุธให้จนท.ให้พร้อมและเหมาะสม ... แต่อาวุธส่วนบุคคลต้องปฏิบัติโดยเท่าเทียม
เพราะประชาชนเต็มขั้นก็ต้องเสียภาษี โดยไม่มีหลักประกันการดำรงชีพใดๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำพิพากษาฎีกาที่ 283/2543
        การที่กองทัพอากาศจำเลยได้ทำการจัดซื้ออาวุธปืนพกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามความต้องการของข้าราชการในสังกัด โดยใช้เงินที่ได้มาจากข้าราชการที่ต้องการจะมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ใช้ ซึ่งจำเลยจะหักเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นใช้หนี้จนครบ และมีข้อกำหนดว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปี ข้าราชการผู้ซื้ออาวุธปืนดังกล่าวจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายให้แก่ข้าราชการของจำเลยเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับส่วนราชการ ถือไม่ได้ว่าเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการอันอยู่ในข่ายที่จะได้รับการยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 ประเภท 13 จำเลยจึงต้องรับผิดเสียภาษีอากร
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า
POLICE3955
Jr. Member
**

คะแนน 24
ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2007, 10:37:03 AM »

     ต้องกราบขอโทษอย่างยิ่งครับ ตามทีได้เกริ่นไว้แล้วว่า "อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง" กรณีขอยกเว้นภาษีนำเข้า พอท่านผู้การสุพินท์บอกว่าต้องเสียภาษี ก็เลยชักไม่แน่ใจ ในฐานะที่ท่านมีประสบการณ์มากกว่า และเป็นผู้อาวุโสในวงการที่ผมเคารพนับถือมากท่านหนึ่ง (แม้จะไม่เคยเจอตัวจริงก็ตาม) เอาเป็นว่าผมเชื่อท่านผู้การครับ
     อาจจะมีการสับสนกับประกาศกระทรวงมหาดไทยที่มีการระบุให้การขอใบอนุญาตนำเข้าปืนบุคคลเมื่อสั่งผ่านร้านใดให้นับรวมเป็นโควต้าของร้านปืนร้านนั้นด้วย (ปืนสั้น 30 กระบอก ปืนยาว 50 กระบอก /ร้าน/ปี ) เมื่อโควต้าปืนที่จะขายมีน้อยก็ต้องต้องเพิ่มกำไรเพื่อให้ร้านอยู่ได้ กรณีที่ผมทำโครงการฯขอยกเว้นคำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ขอให้ไม่รวมเป็นโควต้าของร้านปืนที่จะเป็นผู้สั่งปืนเข้ามาให้เรา เมื่อร้านปืนไม่เสียโควต้าจำนวนปืนที่จะเอามาวางขายหน้าร้าน ราคาปืนโครงการฯจึงถูกกว่า ด้วยประการนี้ก็เป็นได้ครับ 
     ในส่วนที่การซื้อปืนในราคาสวัสดิการ บางท่านอาจมองว่าเอาเปรียบประชาชนนั้น ผมขอเรียนเป็นข้อมูลเพิ่มเติมอย่างนี้ครับว่า ปืนโครงการนี้จะประทับข้อความไว้ในใบ ป.4 ว่า "ห้ามโอนเว้นแต่ตกทอดทางมรดก" พูดง่าย ๆ ก็คือ ขายได้เมื่อตายไปแล้ว ดังน้นไม่มีกรณีซื้อปืนสวัสดิการมาเพื่อขายเอากำไร อีกประการหนึ่งปืนสวัดิการกรณีของกระผมจะทำกันสมัยเป็นนักเรียน เพื่อได้ปืนมาฝึกซ้อมยิงตามหลักสูตรของโรงเรียน ในที่นี้จะมีผลดีคือทำให้มีความคุ้นเคยกับปืนที่จะนำมาใช้ปฏิบัติหน้าที่ สมัยเรียนผมรับเงินเดือน ๆ ละ 1,140 บาท ครับ เก็บเงินเดือนส่วนนี้กว่า 2 ปีจึงซื้อได้ ( สวัสดิการปี 2544 กล็อก 19 ราคา 28,000 บาทครับ ) ยังไม่อยากรบกวนเงินพ่อแม่เพราะเมื่อจบจะต้องซื้ออีกหลายอย่าง เช่น พิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ เครื่องพริ้นต์ แม้กระทั่งโต๊ะ กับเก้าอี้ทำงานก็ต้องซื้อด้วย อันนี้ประสบการณ์ตรง จบมาผมต้องซื้อโต๊ะมาวางคอมพิวเตอร์พิมพ์งาน แต่เงินหมดไม่มีซื้อเก้าอี้ต้องไปขุดเก้าอี้พลาสติกที่พี่เขาทิ้งแล้วมาใช้ บางครั้งบางคราวฝ่ายอำนวยการจัดหาอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้ กระดาษ เอ-4 ยังต้องซื้อเองเลย
     ต้องยอมรับว่าทางราชการยังจัดหาอาวุธปืนให้ได้ไม่เพียงพอ หากมีก็เป็นประเภทเมื่อประสบเหตุไม่แน่ใจว่าจะพึ่งพามันได้หรือไม่ ในเมื่อต้องเสี่ยงกับความเป็นความตายก็ขอกัดฟันผ่อนปืนมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ดีกว่า เพราะชีวิตไม่มีอะไหล่ ผิดพลาดไปแล้วขออภัยซ่อมแซมไม่ได้ คนที่อยู้ข้างหลังก็ลำบาก ลูกกำพร้า ภรรยาหม้าย ภายใน 3 เดือนต้องย้ายออกจากที่พักของทางราชการตามระเบียบครับ 
     โปรดเห็นใจข้าราชการจน ๆ ด้วยเถอะครับ คิดเสียว่าเป็นไปตามหลักความเสมอภาคของกฎหมายมหาชนที่ว่า
"ข้อเท็จจริงเดียวกันต้องใช้กฎเกณฑ์เดียวกัน ข้อเท็จจริงต่างกันต้องใช้กฎเกณฑ์ต่างกัน"
บันทึกการเข้า

IF YOU WANT PEACE PREPARE FOR WAR
biohazard
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 07, 2008, 08:21:10 PM »

ขอทราบรายละเอียดที่ชัดเจน  กับท่านผู้รู้    เกี่ยวกับปืนสวัสดิการตำรวจ  และที่เกี่ยวข้องอื่น  ๆ  ด้วยครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 08, 2008, 07:48:11 PM »

ใครจะนำเข้าโดยไม่เสียภาษี ... ได้หรือไม่/อย่างไร ... ต้องระวังสังวรด้วย เพราะมีฎีกาปี43เป็นแนวทางอยู่
ส่วนตัวผมเห็นว่ารัฐควรจัดอาวุธให้จนท.ให้พร้อมและเหมาะสม ... แต่อาวุธส่วนบุคคลต้องปฏิบัติโดยเท่าเทียม
เพราะประชาชนเต็มขั้นก็ต้องเสียภาษี โดยไม่มีหลักประกันการดำรงชีพใดๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำพิพากษาฎีกาที่ 283/2543
        การที่กองทัพอากาศจำเลยได้ทำการจัดซื้ออาวุธปืนพกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามความต้องการของข้าราชการในสังกัด โดยใช้เงินที่ได้มาจากข้าราชการที่ต้องการจะมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ใช้ ซึ่งจำเลยจะหักเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นใช้หนี้จนครบ และมีข้อกำหนดว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปี ข้าราชการผู้ซื้ออาวุธปืนดังกล่าวจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายให้แก่ข้าราชการของจำเลยเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับส่วนราชการ ถือไม่ได้ว่าเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการอันอยู่ในข่ายที่จะได้รับการยกเว้นอากรตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 ประเภท 13 จำเลยจึงต้องรับผิดเสียภาษีอากร
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อเท็จจริงตามฎีกาฉบับนี้   ผู้จัดโครงการสวัสดิการ  ก็พยายามจะหลักเลี่ยงภาษีและอากรขาเข้าอยู่แล้ว   ด้วยการให้ปืนในโครงการเป็นทรัพย์สินของทางราชการเป็นเวลา 5 ปี   แล้วจึงโอนเป็นของส่วนตัว
กองทัพอากาศเคยทำสำเร็จมาก่อนแล้ว  กับรถยนต์ประจำตำแหน่ง   โดยให้เสียภาษีที่คิดจากราคาในขณะที่โอนทำให้ลดภาษีลงไปมาก   ซึ่งเรื่องรถยนต์สามารถทำได้ เพราะมีหลักการที่ ครม.อนุมัติ  และมีข้อตกลงกับกระทรวงการคลังไว้ก่อนแล้ว

แต่เรื่องปืน  เป็นทรัพย์สินที่ซื้อโดยเงินของข้าราชการตั้งแต่แรก   จึงเป็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน
บันทึกการเข้า
.Nok.
.........
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1341



« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 08, 2008, 07:56:26 PM »

ได้ความรู้เยอะเลยครับ

แต่ท่านใดที่อยากได้สวัสดิการ เดือนนี้ก็มีเฮต่อ เพราะ สน.อส. ต่อเวลาไปอีก ๑ เดือน (ปืนคงยังไม่หมด) ...เผลอๆ ถึงสิ้นปีคงไม่ผิด
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.172 วินาที กับ 22 คำสั่ง