เรามาหยุดว่าคนนั้นเลวมาก คนนี้เลวน้อย แล้วมาหาทางออกของปัญหาว่าจะทำให้สังคมดีขึ้นได้อย่างไรดีกว่ามั้ย?
อยากให้ประเทศสามารถเอากิจการที่สำคัญที่เคยเป็น"รัฐวิสาหกิจ" ที่ถูกแปรรูปไปเป็นของเอกชน เหมือนอย่างประเทศ โบลิเวีย และ อาร์เจนติน่า
ที่สามารถยึดเอากิจการไฟฟ้า และ น้ำมัน กลับมาเป็นของรัฐได้ ก็ต้องช่วยกันศึกษา ว่าประเทศเหล่านั้นเขาเคยโดนอะไรมาอย่างไรบ้างแล้ว
แม้กระทั่ง โบลิเวีย ที่ถูกแย่งกิจการ"น้ำ" ไป จนประชาชนต้องลุกสู้ เป็น "สงตนามน้ำ" ( Water War) และ อาร์เจนติน่า ที่โดนแปรรูปจนไม่เหลืออะไร
และเขาต้องสู้กันอย่างไร ... แล้วเราล่ะ จะคิดได้-จะทำได้หรือไม่ ?
http://democracyctr.org/corporate/focus-on-strategy/Cr.Ananta Boonsopon
-ผมไม่อยากให้เกิดความรู้สึกด้านลบกับภาคเอกชนมากจนเกินไป เพราะในหลายประเทศได้ privatise บริการสาธารณะหลายด้านและประสบความสำเร็จ
แต่ประสบการณ์ของประเทศเหล่านั้น บอกเราว่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ต่อเมื่อรัฐต้องทำเรื่องสำคัญ 2 เรื่องก่อน
เรื่องแรก คือ การเข้ามาของเอกชนต้องโปร่งใสและภายใต้การแข่งขันที่เป็นธรรม
เรื่องที่สอง คือ การกำกับดูแลของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญกว่านั้น รัฐต้องระลึกเสมอว่า กิจการบางด้านที่รัฐเคยผูกขาด เมื่อต้องการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมย่อมหมายถึงการยกการผูกขาดนั้นไปให้เอกชน
ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเป็นเวลายาวนานจนกว่าสัญญาจะสิ้นสุด-2 ข้อนั้น ประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน-เพื่อประชาชน เขาจะทำอย่างนั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
รัฐวิสาหกิจอันไหนที่ไม่สำคัญ หรือเอกชนทำได้-รัฐมีความสามารถควบคุม - ถ่วงดุลย์ไม่ให้มีการผูกขาดเอารัดเอาเปรียบประชาชนให้เดือดร้อนได้ เขาก็ให้เอกชนทำไป
ธุรกิจเอกชนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและอยู่ในกรอบของความเป็นธรรมเป็นสิ่งที่ดี
มีแต่รัฐที่มีอำนาจการบริหารประเทศอยู่ในมือของกลุ่มทุนชั่ว-อิทธิพลผลประโยชน์ชั่วๆเท่านั้น ที่คิดจะโอนรัฐวิสาหกิจที่สำคัญๆของชาติให้กับเอกชนกลุ่มผลประโยชน์ของพวกตเท่านั้นผูกขาดเป็นเจ้าของ
เอาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไปเป็นของพวกตน ... เป็นเรื่องที่เราจะต้องช่วยกันเข้าใจ และระดมความคิดและช่วยกันสร้างระบบสังคมที่ดีขึ้นมาแก้ไขปัญหาเหล่านี ...
และดีใจที่มีแต่คนห่วงใยบ้านเมือง
-ผมอยากเห็นท้องถิ่นเข้าใจการมีส่วนร่วมของเอกชน ซึ่งในความหมายแล้ว เอกชนครอบคลุมถึง NGO, สถาบันการศึกษา, ชุมชนรวมถึงปัจเจก
อยากเห็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีขนาดเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น งานหลายด้านสามารถแบ่งให้เอกชนทำได้โดยเฉพาะการสร้างงานขึ้นในท้องถิ่น
แต่นั่นแหละครับ อย่างที่อาจารย์หมอให้ความเห็นไว้ เราจะหารัฐหรือท้องถิ่นที่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนได้อย่างไร-การมีส่วนร่วมของประชาชนหรือจะเรียกเอกชนก็ตาม เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ระดมความคิดในการทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน
และช่วยกันตรวจสอบให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ... นี้เป็นอุดมคติที่ดี ทุกคนก็คงอยากได้
แต่เราต้องมองสภาพที่เป็นอยู่จริงในขณะนี้ด้วยว่าเป็นอย่างไร เรามีระบบการปกครองตั้งแต่ระดับรัฐ และระดับท้องถิ่นสะอาดบริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อประชาชนแล้วหรือไม่ ?
หากไม่ ก็เป็นคำตอบในตัวแล้วว่า การมีส่วนร่วมตามอุดมคติที่เราต้องการในทุกระดับนั้น มันจะเป็นไปได้แค่ไหน ...
สรุปแล้วมันก็จะไปติดที่อำนาจการปกครองระดับต่าง ๆ ทั้งหมดนั่นเอง ... หากแก้จุดนี้ได้ จุดอื่น ๆ ก็จะแก้ได้ตาม ...
ฟังดูว่ายาก แต่ของใหญ่ ๆ ไม่มีอะไรง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะยากจนคนเราแก้ไม่ได้ ผมจึงอยากให้มีการคุยกันว่า การทำอะไรให้เป็นไปได้ มันต้องเริ่มที่ไหน ๆ ตามลำดับ
-อยู่ที่ผู้นำล้วนๆว่าจะเอาไหม-
เมื่อผู้ที่เราเลือกมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเรา ทำตัวเป็นผู้นำผูกขาดอำนาจไปจากเราจนเราควบคุมเขาไม่ได้ เขาก็จะวางตัวเป็นผู้นำทำตามใจเขา ( Power tends to corrupt )
เราต้องวางระบบให้พรรคการเมืองที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชนต้องขึ้นกับประชาชน มีกฎเกณฑ์ให้ประชาชนบังคับได้ เลือกผู้จะเสนอตัวเป็นผู้แทนได้ และถอดถอนได้
( ซึ่งเรายังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ชาติไทย)-พอดีไปเจอมาครับ เลยขอฝากแชร์หน่อยครับ http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2002q4/article2002dec18p1.htm
วิกฤตการณ์เวเนซุเอลา
www.nidambe11.net-ประชาชน หรือ เอกชน ผมขอเรียนปรึกษาที่จะใช้คำว่า"สาธารณชน"จะเหมาะสมกว่าไหมครับ..?
ตามมาด้วยเหตุผลของคุณAnanta Boonsopon"..เพราะจะได้ระดมความคิดในการทำสิ่งที่จะเป็น"ประโยชน์สาธารณะ"(สาธารณประโยชน์)ร่วมกัน"
-ที่คุณ นำมา Link ให้ ช่วยเสริมกันดีครับ ในช่วงปี 2545 เป็นช่วงที่อาร์เจนติน่า กำลังแย่มาก ๆ จากการถูก WB และ IMF บีบบังคับให้ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่สำคัญ ๆ แทบทุกอย่าง
จากประเทศที่เคยมีเศรษฐกิจดีเป็นอันดับ 3 ของโลก กลายเป็นประเทศที่ล้มละลายทางเศรษฐกิจจากมาตรการของ WB และ IMF เป็นเรื่องที่นักวิชาการและผู้ที่สนใจสังคมในบ้านเราก็ได้นำมาพูดผ่านสื่อกันมาก
( เรื่องมาตรการของ WB และ IMF ที่บังมีนโยบายบีบบังคับให้ประเทศต่าง ๆ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งประเทศไทยก็ยังถูกบีบอยู่ แต่รัฐบาลและผู้มีอำนาจและได้เปรียบในสังคมก็กำลังต้องการผลประโยชน์ร่วมด้วยนี้ เป็นเรื่องที่น่านำมาคุยปรึกษากันเป็นอย่างยิ่ง )
-คือโดยส่วนตัวคิดว่าถ้าแปรรูปแล้วมันส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวม มันก้อน่าจะเป็นผลดีกว่าปล่อยให้รัฐบวมมาบริหารงานแล้วส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ผมไม่ได้บอกว่าการแปรรูปนั้นดี แต่ถ้าแปรรูปแล้วมันก็เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม ราคาต่างๆ สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง มันก้อน่าจะดีกว่าให้เจ้าใดเจ้าหนึ่งผูกขาดทางการค้า
ราคาพลังงานที่ขึ้นลงขึ้นลง ยังไงมันก้อเป็นทั้งระบบอยู่แล้ว ผมว่าสิ่งสำคัญน่าจะหันมารู้จักคุณค่าของมันน่าจะดีกว่ามาบอกแต่ว่า พลังงานกำมือใคร กรรมของใคร มันก้อกรรมของทุกคนนั่นแหละครับ
-เกี่ยวกับการใช้คำว่า เอกชน ประชาชน และ สาธารณชน ก็เป็นความละเอียดในการใช้คำพูด ซึ่งดีครับ สำหรับผม เข้าใจว่า เอกชน หมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเป็นราย ๆ ตรงกับ Individual
ส่วน ประชาชน น่าจะหมายถึงรวม ๆ ไม่เจาะจง ตรงกับคำว่า People ส่วน สาธารณชน ก็เป็นโดยทั่วไป ไม่จำกัด ตรงกับคำว่า Public เรื่องนี้ ถ้ามีใครเป็นนักภาษาศษสตร์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมก็จะดีครับ
-ความเห็นของ คุณ เกี่ยวกับข้อดีของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ในแง่ดี และมันก็จะดีจริง ๆด้วยในประเทศที่ระบอบการปกครองของเขาเป็นประชาธิปไตยของประชาชน-เพื่อประชาชน
ที่สะอาด บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง และมีประสิทธิภาพในการควบคุมการผูกขาด เอารัดเอาเปรียบประชาชน
แต่ในประเทศที่ระบอบการปกครองยังไม่เป็นอย่างที่ว่านี้ กลุ่มทุนชั่วผลประโยชน์และอิทธิพลต่าง ๆ สามารถฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนได้
และอาจร่วมมือกับนายทุนต่างชาติเสียด้วยซ้ำ ( แม้แต่ประเทศที่การปกครองอยู่ในระดับดี เช่น อังกฤษ เมื่อแปรรูปน้ำประปาแล้ว ประชาชนก็ยังเดือดร้อน )
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า การจะพิจารณาเรื่องนี้ในระดับชาติ จะต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้ประกอบด้วย โดยเอาผลประโยชน์ของประชาชน ( หรือจะเรียกสาธารณชนก็ได้ ) เป็นสำคัญ
หรืออย่างมากก็แค่ให้เอกชนทำธุรกิจประเภทเดียวกันนั้นได้ แต่รัฐต้องมีรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ได้ถ่วงดุลย์ด้วย
( ถ้าเอกชนไม่มีอคติ ก็ต้องให้รัฐ-ในนามประชาชนซึ่งเป็นมหาชน แข่งขันกันตัวได้ด้วย ไม่ใช่เอกชนนั้น ๆ คิดแต่จะผูกขาดเสียเองอีก )
-เรียนคุณAnanta Boonsopon
ผมเองไม่ไม่ใช่นักภาษาศาสตร์หรืออะไรทำนองนั้นนะครับ แต่จะขออนุญาตเอาความรู้สึก (ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับวิชาการครับ อารมณ์แท้ๆเลย..555)ของผมเองมาสนับสนุนเรื่องที่เรียนปรึกษานิดหน่อยว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกอะไรอย่างนั้น
สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองนั้น ผมได้ยินว่าเป็นเรื่องการปกครองโดยประชาชนเพื่อประชาชนมาตลอด
เป็นการปกครองโดยใช้เสียงข้างมากเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ การเอาชนะกันรัฐสภาก็ใช้การลงมติโดยเสียงส่วนใหญ่เพื่อคนส่วนใหญ่
ผมได้ยินคำว่าคนส่วนใหญ่บ้าง เสียงส่วนมากบ้าง มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันพิลึกๆยังไงอยู่
เพราะสำหรับผมแล้ว ผมคิดว่ารัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลคนไทยทั้งประเทศ ไม่เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นส่วนใหญ่หรือส่วนน้อย
คือทุกๆคนควรจะต้องได้รับประโยชน์จากการบริหารนั้นโดยเสมอหน้าทั่วถึงกัน
ถ้าพ่อค้าขายไข่ได้ราคา เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์ก็ขายข้าวโพดได้ราคา กระบวนการทั้งหมดไล่มาจากโรงงานผลิตอาหารไก่ คนงานในโรงงาน จนถึงคนเลี้ยงไก่ไข่
คนขายไข่ไก่ ย่อมได้ประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ประชาชนทั่วไปต้องซื้อไข่ในราคาแพง
ถ้าเป็นเช่นนี้ถ้าจะว่ามันเป็นประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ มันก็ใหญ่อยู่ แต่ประชาชนทั่วไปต้องเดือดร้อนเพราะไข่แพง
รัฐมีหน้าที่จะต้องดูแลให้ราคาไข่อยู่ในระดับที่ประชาชนทั่วไปได้รับผลในการบริหารจัดการของรัฐด้วย ไม่ใช่จะเอาแต่ผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
ซึ่งประโยชน์ของคนทั่วไปก็คือสาธารณประโยชน์นั่นเอง คนในกระบวนการผลิตไข่ทั้งหมดก็ได้รับประโยชน์จากการได้บริโภคไข่ในราคาถูกด้วย เพราะพวกเขาก็คือสาธารณะชนนั่นเอง
นี่คือความรู้สึกของผมต่อคำว่า สาธารณะชน และ สาธารณะประโยชน์ ครับ
[/font]