๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 05, 2024, 11:03:05 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 53 54 55 [56] 57 58 59 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กันครับ  (อ่าน 309791 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rath72 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 341



« ตอบ #825 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 12:58:09 PM »

ขอบคุณท่านต๊อก กับท่านผู้การมากครับ  ไหว้

ขอรบกวนถามท่านผู้การอีกครั้งครับว่า ชนวนแบบเฉียดระเบิดนี่เป็นยังไงครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #826 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 02:35:53 PM »

ชนวนเฉียดระเบิด (Proximity Fuze) เป็นชนวนที่ใช้คลื่นวิทยุในการจุดชนวนหัวรบเมื่อเคลื่อนที่เข้าใกล้เป้าหมายในระยะ โดยหัวรบไม่ต้องพุ่งกระทบเป้าครับ โดยท่านอาจารย์สุพินท์ได้ให้รายละเอียดไว้ดังนี้

เดิมมีเฉพาะกระทบแตก  กับถ่วงเวลาด้วยลานนาฬิกา  เพราะกระสุนกระทบแตก จะปล่อยให้ตกลงมาระเบิดที่พื้นดินไม่ได้
ส่วนพวกเฉียดระเบิด ( Proximity Fuze)  อังกฤษคิด แล้วส่งให้อเมริกันทำ  กว่าจะเสร็จก็ปลายสงคราม   ในยุโรปได้ใช้ครั้งเดียว  คือสงครามรถถัง ตอนเยอรมันรวมกำลังบุกเบลเยี่ยมครั้งสุดท้าย   ซ่อนรถถังหลบในป่า  อเมริกันใช้กระสุนแบบนี้ยิงคลุมเข้าไปในป่า ให้ระเบิดเมื่อใกล้รถถัง   ส่วนสงครามแปซิฟิค  ชนวน Proximity Fuze ช่วยกองเรืออเมริกัน เอาไว้จากคามิกาเซ่   ถ้าไม่ได้  Proximity Fuze  คงตายกันอีกมาก

ว่ากันตามจริง ในศึก Battle of the Bulge ถ้ากองทัพอากาศเยอรมัน (Luftwaffe) แข็งแกร่งเหมือนช่วงต้นสงครามโลก ป่านนี้ประวัติศาสตร์โลกคงได้จารึกว่า ทหารอเมริกันแตกทัพถอยร่นออกจากป่าอาร์เดนส์แทบไม่ทันเลยทีเดียวครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
Rath72 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 341



« ตอบ #827 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 06:50:05 PM »

ขอบคุณท่านผู้การและคุณรพินทรนาถอีกครั้งครับ  ไหว้

ใช่ครับคุณรพินทรนาถ  เยอรมันยุคนั้นต้องแลกหมัดกับยักษ์สามตัว ย่านอุตสาหกรรมลุ่มน้ำไรน์ก็ถูกคู่หูดูโออังกฤษ-อเมริกาสลับกันส่งน้องหนูแลงคาสเตอร์กับ B-17 มานวดแผนโบราณให้ทั้งกลางวันกลางคืน ทางตะวันออกพี่หมีก็ตบเอาๆ คนที่สู้ไม่ถอยจนก้าวเดียวก็ดันเป็นท่านผู้นำซะอีก เป็นชะตากรรมของคนในชาติจริงๆที่มีผู้นำแบบนี้ (แต่ก็ยังดูดีมีอุดมการณ์กว่าอดีตผู้นำบางประเทศ ที่ยุให้คนในประเทศฆ่ากันเองเพื่อรักษาผลประโยชน์ที่ได้มาโดยการทุจริตของตัวเอง)
บันทึกการเข้า
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #828 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:02:39 AM »

น้อง DON  หรือ ท่านอื่นครับ ขอความเห็นนะครับ กรณีการรบที่ เคิร์สค์ ที่เป็นสงครามรถถังที่ใหญ่ครั้งหนึ่งของโลกแล้วเยอรมันถอนตัวจาการรบ สาเหตุจากรบแพ้รัสเซีย และ มีการยกพลขึ้นบกที่ อิตาลี่จึงต้องถอนกำลังจากแนวรบด้ารรัสเซีย ไปป้องกันที่อิตาลี่ความเข้าใจผมถูกต้องไหมครับ Cheesy ยิ้มีเลศนัย ไหว้
การยุทธ์ที่เมืองเคิร์สค์ (Kursk) ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง กองทัพเยอรมันเสียเปรียบกองทัพโซเวียตมากอยู่แล้วครับ เพราะกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างได้รับความบอบช้ำจากสมรภูมิอื่นๆในแนวรบรัสเซียเหมือนกัน โดยเฉพาะการยุทธ์ที่เมืองสตาลินกราดที่มีความสูญเสียสูงมาก

เอาประเด็นแรกที่เรื่องการส่งกำลังบำรุงก่อนนะครับ กองทัพโซเวียตแม้กองทัพเยอรมันจะถูกโอบล้อมก็จริง แต่มันก็ทำให้สายการส่งกำลังบำรุงของโซเวียตมีระยะทางสั้นกว่าของเยอรมันด้วยหลักที่เรียกว่า "การเดินทางสายใน" ซึ่งผิดกับฝ่ายเยอรมันเมื่อจะส่งกำลังไปบำรุงปีกของตนก็ต้องอ้อมแนวรบไปเนื่องจากไม่สามารถฝ่าเข้าไปกลางพื้นที่ยึดครองของข้าศึกได้ ในขณะเดียวกันหากมีการสูญเสียกำลังพลหรือยุทโธปกรณ์เมื่อไหร่ ทางโซเวียตก็สามารถเสริมกำลังได้รวดเร็วกว่าเยอะครับ

ประเด็นต่อมา สภาพภูมิประเทศบริเวณรอบเมืองเคิร์สค์นั้นเป็นพื้นที่การเกษตร มีสภาพเป็นทุ่งราบขนาดใหญ่สลับเนินเขาเตี้ยๆ  ดังนั้นเมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลจึงหาได้หลุดรอดการตรวจจับของทางโซเวียตไม่ โดยทางโซเวียตเองสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้จากระยะแนวเส้นขอบฟ้าแล้ว จึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะเตรียมตัวพร้อมกับการบุกของทางเยอรมัน รวมทั้งพื้นดินในพื้นที่แถบนั้นก็มีลักษณะเป็นดินโคลน จึงไม่เอื้ออำนวยให้รถถังที่มีอำนาจการยิงสูงแต่มีน้ำหนักมากอย่างรถถัง Panzer V หรือ Tiger เคลื่อนที่ได้สะดวกมากนัก

ประเด็นสุดท้าย กองทัพเยอรมันผิดพลาดที่เร่งรีบส่งรถถังรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบสมรรถนะดีพอเข้าสู่สนามรบ ซึ่งรถถังรุ่นที่ว่านี้ก็คือรถถัง Panzer V หรือ Panther ซึ่งมีปัญหาเรื่องความเสถียรของเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ทำให้การดำเนินยุทธวิธีมีความคลาดเคลื่อนตามไปด้วย กล่าวคือเมื่อด้านปีกตีโอบเข้ามาไม่ได้หรือไม่ทัน มันก็ทำให้กำลังตรงกลางต้องรับศึกหนักอยู่ฝ่ายเดียว  อ๋อย

ลองอ่านบทความที่ท่านพันเอกศนิโรจน์ ธรรมยศ ได้เขียนไว้นะครับ (นำมาจาก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=vuw&date=12-07-2009&group=5&gblog=19 ) ผมว่าท่านผู้การเขียนวิเคราะห์ได้ดีทีเดียว ไหว้


สมรภูมิที่ เคริซ์ หรือ ยุทธการ ซิทาเดล ในสงครามโลกครั้งที่สอง

Battle of Kursk - Operation Citadel


นี่คือแผนที่แนวรบด้านตะวันออกหรือด้านรัสเซีย ก่อนยุทธการซิทาเดล (Citadel) ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์จะเปิดฉากขึ้น สีเขียวคือ กำลังฝ่ายเยอรมัน สีแดงคือกองทัพรัสเซีย

จะเห็นส่วนของกองทัพรัสเซียยื่นเข้ามาในเขตของเยอรมัน หรือที่เรียกว่า salient ฮิตเลอร์ต้องการทำลายกองทัพรัสเซียที่อยู่ในส่วนที่ยื่นเข้ามาให้หมดไป ด้วยการให้กองทัพเยอรมัน ที่อยู่ด้านบนตีลงมา และกองทัพเยอรมันที่อยู่ด้านล่างตีตัดส่วนที่ยื่นมาขึ้นไป แล้วไปบรรจบกับส่วนข้างบน  ซึ่งถ้ายุทธการซิทาเดลประสบผลสำเร็จ ทหารรัสเซียจำนวนมากในส่วนที่ยื่นเข้ามาจะถูกตัดขาดและถูกโอบล้อม

อย่างไรก็ตาม จอมพลอีริค ฟอน แมนสไตน์ (Eric Von Manstein) แย้งว่า เยอรมันยังไม่พร้อมที่จะทำการรุกใดๆในขณะนั้น เนื่องจากหน่วยต่างๆ ได้รับความบอบช้ำมาจากสงครามในช่วงที่ผ่านมา ควรจะรอไปจนถึงต้นปี 1944 หรือฤดูร้อน เพราะสถานการณ์ในปี 1943 ไม่เหมือนสถานการณ์ในปี 1941 หรือ 1942 ที่เยอรมันสามารถทำการรุกได้ทุกรูปแบบ

แต่ฮิตเลอร์ก็ยังคงยืนยันที่จะเปิดยุทธการซิทาเดล ในปี 1943 และนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์

ในเดือนมิถุนายน 1943 แนวรบด้านรัสเซียมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นับแต่จุดเริ่มต้นการบุกรัสเซียในยุทธการบาร์บารอสซ่า (Barbarossa) เมื่อปี 1941 เนื่องจากความพ่ายแพ้ของกองทัพที่ 6 ที่เมืองสตาลินกราด จึงมีการวางแผนการรุกครั้งใหญ่ซึ่งจะมีขึ้นที่เมือง KURSK

เนื่องจากแนวหน้าของรัสเซียโผล่ล้ำเข้ามาในแนวของเยอรมันอย่างมาก ก่อให้เกิดส่วนยื่นหรือ salient ทำให้เยอรมันต้องใช้กำลังพลจำนวนมากในการตรึงกองทัพรัสเซียบริเวณนี้เอาไว้ เพื่อป้องกันการรุกของกองทัพรัสเซียที่โผล่ยื่นเข้ามาในเขตของเยอรมัน

ฮิตเลอร์มีแนวความคิดที่จะทำลายกองทัพรัสเซียในบริเวณส่วนที่ยื่นเข้ามานี้ จึงวางแผนยุทธการซิทาเดล (CITADEL) เพื่อโจมตีกองทัพรัสเซียด้วยกำลังจำนวนมาก โดยกำลังฝ่ายเยอรมันประกอบด้วยทหารกว่า 900,000 คน รถถังกว่า 2,700 คัน ปืนใหญ่อีกกว่า 10,000 กระบอก

ฮิตเลอร์หวังว่า การรบครั้งจะเปลี่ยนแปลงสงครามทางด้านตะวันออกได้อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งจะเป็นการหยุดกระแสการหลั่งไหลเข้ามาในแนวรบของกองทัพรัสเซีย

กำลังของรัสเซียสืบทราบความเคลื่อนไหวของเยอรมันในครั้งนี้ จึงได้เตรียมกำลังพลจาก กองทัพ 11 กองทัพ กำลังพลกว่า 1,700,000 คน รถถังกว่า 3,300 คัน ปืนใหญ่ 20,000 กระบอก และเครื่องบินอีกกว่า 2,000 ลำ กับระเบิดกว่าครึ่งล้านลูก พร้อมทั้งทำแนวรบถึง 6 ชั้น ประกอบด้วยสนามเพลาะ แนวทุ่นระเบิด คูดักรถถัง โดยวางแผนว่า เมื่อแนวแรกถูกทำลาย กำลังพลจากแนวแรกจะล่าถอยไปสมทบกับแนวที่สอง ระหว่างที่เยอรมันเคลื่อนที่จากแนวแรกไปแนวที่สอง จะพบกับการระดมยิงด้วยปืนใหญ่อย่างหนัก เมื่อถึงแนวที่สอง ทหารเยอรมันจะเริ่มบอบช้ำ ในขณะที่ทหารรัสเซียจะมีกำลังพลจากแนวแรกมาเพิ่ม จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สรุปก็คือ ยิ่งรุก เยอรมันจะยิ่งล้า ในขณะที่แนวรับของรัสเซียจะยิ่งเข้มแข็งขึ้น

รถถังส่วนใหญ่ของ เยอรมันเป็นรถถัง PANZER MK IV หรือแม้แต่ MK III ซึ่งติดตั้งปืนใหญ่ 50 มม. ด้อยกว่ารถถังหลัก T 34 ของรัสเซีย แม้ว่าเยอรมันจะมีการใช้รถถังรุ่นใหม่ Panzer V - Panther และ Panzer VI - Tiger แต่เนื่องจากความรีบร้อน รถถังทั้งสองรุ่นนี้จึงมีปัญหาด้านเครื่องยนต์ และขัดข้องก่อนอออกปฏิบัติการเป็นจำนวนมาก

กำลังพลของหน่วย เอส เอส จากประเทศฟินแลนด์ ที่เข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารเยอรมัน ในการรบด้านรัสเซีย
(ผมคาดว่าน่าจะโยกกำลังทหารฟินแลนด์เหล่านี้มาจากกองพลยานเกราะเอส เอส ที่ 5 ไวกิ้งมากกว่า)

การรบในสมรภูมิเคริซ (Kursk) ได้มีการระดมกำลังยานเกราะของหน่วย เอส เอส เพื่อการรุกครั้งนี้โดยเฉพาะ โดยมีการตั้งกองทัพน้อยยานเกราะ เอส เอส ที่ 2 (2nd SS. Panzer Corps) ขึ้นการบังคับบัญชากับกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 (4th Panzer Army) ของนายพลแฮร์มาน โฮท (Herrman Hoth) ประกอบด้วย

- กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 (1st SS. Panzer Division Leitstandarte Adolf Hitler)

- กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 2 ดาสไรซ์ (2nd SS. Panzer Division Das Reich)

- กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 3 โทเทนคอฟ (3rd SS. Panzer Division Totenkolf)

การรุกครั้งนี้ หน่วยยานเกราะเอส เอส จัดรูปขบวนเป็น 2 รูปแบบ แบบแรก ใช้รถถังไทเกอร์ Panzer VI -Tiger เป็นกำลังหลัก อยู่ตรงกลางของรูปขบวน มีรถถัง Panzer V - Panther อยู่ที่ปีกทั้งสองข้าง รูปแบบที่สอง ใช้รถถัง Panzer V- Panther เป็นกำลังหลักอยู่ส่วนกลางของรูปขบวน และใช้ Panzer III, Panzer IV เป็นกำลังส่วนปีกทั้งสองข้าง

รูปขบวนทั้งสองนี้ ทรงประสิทธิภาพมาก เพราะอำนาจการยิงอยู่ตรงกลาง เหมาะกับการเจาะแนวตั้งรับของรัสเซีย รถถังที่มีความเร็วอยู่ที่ปีก พร้อมที่จะโอบล้อม เข้าตีตลบ และทำลายกำลังที่ถูกโอบล้อม แต่ในสมรภูมิ Kursk มีจุดอ่อนอยู่ 2 ประการคือ

1. รถถัง Panzer V - Panther มีเครื่องยนต์ที่ไว้ใจไม่ได้ เพราะเพิ่งออกจากโรงงาน ยังไม่มีการตรวจสอบที่พอเพียง

รถถัง Panzer V - Panther ซึ่งเพิ่งออกจากโรงงาน มุ่งตรงสู่สมรภูมิ Kursk ทันที

2. รถถัง Panzer VI - Tiger มีความเชื่องช้าเกินไป ในภูมิประเทศที่เป็นทุ่งโล่ง ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าและไร่ข้าวโพด อย่างสมรภูมิ Kursk แนวรับของรัสเซีย สามารถมองเห็นรถถังของเยอรมันได้ในระยะไกลที่ขอบฟ้า ทำให้สามารถเตรียมการได้อย่างเต็มที่

รถถัง Panzer VI - Tiger ของกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 2 ดาส ไรซ์ ขณะเดินทางเข้าสู่สมรภูมิที่ Kursk

การรุกของเยอรมันในวันที่ 5 มิ.ย. 1943 เวลา 0430 น. ก่อนการรุก รัสเซียสืบทราบแผนของเยอรมันอย่างละเอียด จึงระดมยิงด้วยปืนใหญ่ เพื่อทำลายการเตรียมการเข้าตีของเยอรมัน 15 นาที ทำให้กำลังพลของเยอรมันสับสนอย่างหนัก แต่ก็สามารถปรับกำลังได้อย่างรวดเร็ว และรุกไปข้างหน้า แต่ก็ได้พบกับการต้านทานอย่างเหนียวแน่น รถถัง TIGER ที่ใช้เป็นหัวหอก เหนือกว่า T 34 ก็จริง แต่ทุ่นระเบิดดักรถถังกว่าครึ่งล้านลูกที่ฝ่ายรัสเซียวางไว้ และคูดักรถถังถึง 6 ชั้น ก็สร้างความเสียหายให้เยอรมันอย่างมาก

กอง พลยานเกราะ เอส เอส ที่ 3 โทเทนคอฟ (TOTENKOPF - หัวกระโหลกไขว้) ซึ่งเป็นกองพลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดหน่วยหนึ่งของเยอรมัน ใช้รถถังเข้าโจมตีกองพล GUARDS ที่ 52 ของรัสเซีย แม้ว่าจะสามารถรุกคืบหน้าไปได้ แต่ก็พบกับความสูญเสียอย่างหนัก ส่วนกองพลยานเกราะเอส เอส ที่ 1 และ 2 ก็สูญเสียอย่างหนัก และรุกคืบหน้าไปได้ไม่มากนัก

ทหารยานเกราะเอส เอส ทำการรบอย่างห้าวหาญ ผู้บังคับหมวดต่อสู้รถถัง Kurt Sametreiter ของ กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ไลป์สตานดาร์ด สามารถทำลายรถถังรัสเซียได้ถึง 24 คัน ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยปืนต่อสู้รถถังเพียง 4 กระบอก รถถัง Panzer VI - Tiger หมายเลข 13 ของกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ทำลายรถถัง ที 34 ของรัสเซียได้ 20 คัน ในวันแรกของการรบ และเฉพาะกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 กองพลเดียวสามารถทำลายรถถังรัสเซียได้กว่า 500 คัน ตลอดการรบจนถึงวันที่ 14 มิ.ย.

ในที่สุดกำลังยานเกราะของทั้งสองฝ่าย ก็ได้มาพบกันที่เมือง PROKHOROVKA และเริ่มทำการรบกันอย่างหนักหน่วง หลายคนเชื่อว่าการรบที่นี่ เป็นการรบทางรถถังที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่มีการต่อสู้ด้วยรถถังมา ความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายมีมากมาย ซากรถถังและควันไฟ ตลอดจนซากศพของทหารเกลื่อนกราดไปทั่วสมรภูมิ

แต่เมื่อการรบยิ่งยืดยาวออกไป ฝ่ายรัสเซียก็ยิ่งทุ่มเทกำลังทั้งหมดเข้าต้านทานเยอรมัน ในวันแรก เอส เอส รุกไปได้เพียง 19 กม. จนวันที่ 13 มิ.ย. ฮิตเลอร์ก็สั่งยกเลิกยุทธการ Citadel เนื่องจากความสูญเสียของเยอรมัน ที่มีสูงถึง 100,000 คน ฝ่ายรัสเซียเสียชีวิต 250,000 คน อีก 600,000 คนบาดเจ็บ รถถังรัสเซียกว่าครึ่งที่เข้าร่วมในการรบถูกทำลาย

ฝ่ายเยอรมันก็สูญเสียอย่างหนัก กองทัพน้อย เอส เอส ที่ 2 เหลือรถถังเพียง 183 คัน รถปืนใหญ่อัตตาจร 64 คัน นายพลกูเดเรียนถึงกับกล่าวว่า "กำลังยานเกราะที่รวบรวมมาอย่างยากลำบาก เพื่อการรบครั้งนี้ ได้ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก (heavily lost) ทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์"

สำหรับฝ่ายเยอรมัน กำลังที่สูญเสียไป ยากที่จะหามาทดแทน ส่วนฝ่ายรัสเซียนั้น กำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาเสริมอีกมหาศาล ความสูญเสียที่มีสูง ทำให้ฮิตเลอร์สั่งยกเลิกยุทธการ Citadel ก่อนที่สูญเสียมากกว่าที่เป็นอยู่ ผลจากการรบครั้งนี้ ทำให้เยอรมันไม่มีโอกาสเป็นฝ่ายรุกในแนวรบด้านตะวันออกได้อีกเลย

ทหารรัสเซียกำลังสำรวจซากรถถัง Panzer V Panther ซึ่งถูกยิงเสียหายในการรบที่ Kursk
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2010, 12:20:11 AM โดย รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ » บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16168


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #829 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:58:36 AM »

ขอบคุณมากครับคุณรพินทรนาถ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10816



« ตอบ #830 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 06:45:21 AM »

ขอบคุณมากครับคุณรพินทรนาถ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
  ขอบคุณ สำหรับข้อมูลครับ ละเอียดดีครับอ่านแล้วเห็นภาพชัดเจนดีครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า

~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23203



« ตอบ #831 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 07:46:32 AM »

+๑  ครับ  พี่ รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ   เยี่ยม
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
youngnoi7474
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

กระทู้: 555


« ตอบ #832 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 08:25:45 AM »

                          ขอบพระคุณท่านรพินทรนาถมากครับที่กรุณาสละเวลาอธิบายจนแจ่มแจ้ง ไหว้
บันทึกการเข้า
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10816



« ตอบ #833 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 07:25:48 PM »

 Grinเมื่อคืน ดู รายการประวัตินายพล แพตตัน 360 องศา ฉายเป็นตอนที่ 3 แล้วครับ ของ UBC History Channel ครับ สนุกครับเริ่มตอนใหม่ทุกวันอังคารครับ 21.00 น. วันอื่นฉาย RE RUN  ครับเปลี่ยนเวลาสนุกครับ คอประวัติ ww2 ไม่ควรพลาดครับ ไหว้ เยี่ยม หลงรัก
บันทึกการเข้า

youngnoi7474
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

กระทู้: 555


« ตอบ #834 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 07:48:26 PM »

                   ขอบพระคุณมากครับท่านArt ต้องตามดูตอน RE RUN ให้ได้ ไหว้
                   ผมไม่ค่อยได้ดูหนังสือโปรแกรมที่เขาแจกครับ มีเวลาว่างตอนไหนก็เปิดไล่ดูตามลำดับจึงพลาดของดีๆไปหลายหน  ชอบปืนพกซิงเกิ้ลของแพตตันครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10816



« ตอบ #835 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 07:52:15 PM »

                   ขอบพระคุณมากครับท่านArt ต้องตามดูตอน RE RUN ให้ได้ ไหว้
                   ผมไม่ค่อยได้ดูหนังสือโปรแกรมที่เขาแจกครับ มีเวลาว่างตอนไหนก็เปิดไล่ดูตามลำดับจึงพลาดของดีๆไปหลายหน  ชอบปืนพกซิงเกิ้ลของแพตตันครับ หลงรัก
สนุกน่าติดตาม ครับ แพตตั้นนี่ มีทั้งด้านดีและเสียเหมือนปุทุชนธรรมดาครับ มีการตบหน้าทหารที่ไม่ยอมออกรบเนื่องจากการเครียดจากการรบ แก เลยแป็กไปพักหนึ่งครับ  หัวเราะร่าน้ำตาริน ไหว้
บันทึกการเข้า

PRO-JOM
Full Member
***

คะแนน 21
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 234



« ตอบ #836 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 08:13:16 PM »

 Grin ไปเจอในเวป pantip มา เห็นว่าเข้าท่าดี เลยอยากให้พี่ๆชม ไม่ทราบว่าเคยเอามาลงรึยัง

ลงภาพไม่คล่อง---------> http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9806856/X9806856.html  Grin
บันทึกการเข้า

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ไม่เพลี่ยงพล้ำ
youngnoi7474
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

กระทู้: 555


« ตอบ #837 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 09:48:33 PM »

                    ผมจำได้จากหนังที่เคยดูครับท่านArt รู้สึกว่ามีฉากที่แพตตันเอาหมวกเหล็กตีทหารด้วย(เอ...หรือจะจำผิดอีกแล้ว)  ผมจำได้ว่าจอร์จ ซี สก๊อต เคยเล่นเป็นนายพลแพตตัน ไม่ทราบว่ามีคนอื่นเล่นอีกหรือเปล่าครับ
                    ขอบคุณท่านPRO-JOM มากครับ ผมตามลิงค์เข้าไปดูแล้วฝรั่งเขาเข้าใจทำนะครับ ซ้อนภาพได้ดีจริงๆ   ไหว้
บันทึกการเข้า
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10816



« ตอบ #838 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 03:32:14 AM »

Grin ไปเจอในเวป pantip มา เห็นว่าเข้าท่าดี เลยอยากให้พี่ๆชม ไม่ทราบว่าเคยเอามาลงรึยัง

ลงภาพไม่คล่อง---------> http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9806856/X9806856.html  Grin
ดีครับนำภาพเก่ามาใส่กับภาพในปัจจุบันครับ ขอบคุณครับที่นำสิ่งดีๆมาให้ดูกันครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10816



« ตอบ #839 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 03:37:27 AM »

                    ผมจำได้จากหนังที่เคยดูครับท่านArt รู้สึกว่ามีฉากที่แพตตันเอาหมวกเหล็กตีทหารด้วย(เอ...หรือจะจำผิดอีกแล้ว)  ผมจำได้ว่าจอร์จ ซี สก๊อต เคยเล่นเป็นนายพลแพตตัน ไม่ทราบว่ามีคนอื่นเล่นอีกหรือเปล่าครับ
                    ขอบคุณท่านPRO-JOM มากครับ ผมตามลิงค์เข้าไปดูแล้วฝรั่งเขาเข้าใจทำนะครับ ซ้อนภาพได้ดีจริงๆ   ไหว้
ในหนังจำได้ว่าทำครั้งเดียว แต่ชีวิตจริง แพตตั้น ทำตั้งสองครั้ง และโดนเจ้านาย นายพลไอเซ็นเฮาว์ ให้ไปยืนกล่าวขอโทษต่อหน้าทหารตัวเองนะครับ แพตตั้นมุ่งการแข่งขัน แย่งการยึดเมืองแข่งกับอังกฤษ มากไปเลยเสียความควบคุมตนเองไปนะครับ เศร้า ไหว้
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 53 54 55 [56] 57 58 59 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.14 วินาที กับ 22 คำสั่ง