๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: Laengtin ที่ สิงหาคม 11, 2009, 08:08:30 AM



หัวข้อ: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Laengtin ที่ สิงหาคม 11, 2009, 08:08:30 AM
ปัจจุบัน ก็ยังมีปืนทั้งสองขนาด อยู่ในตลาดโลก
พี่น้องคิดว่า ถ้าจะซื้อปืนขนาดเล็กสักกระบอก เลือกขนาดไหนกันดีครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ สิงหาคม 11, 2009, 08:21:16 AM
380 ครับ  ;D


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ สิงหาคม 11, 2009, 08:45:09 AM
ลองค้นดูปืนใหม่ผลิตปีนี้ครับ  ทั้งโลกมีกี่กระบอกที่เป็นขนาด .25
คือ... ผมค้นไม่พบน่ะ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ สิงหาคม 11, 2009, 09:20:29 AM
ผมว่า .380  มีอนาคตมากกว่านะ  ;)


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: .Nok. ที่ สิงหาคม 11, 2009, 09:39:24 AM
ลองค้นดูปืนใหม่ผลิตปีนี้ครับ  ทั้งโลกมีกี่กระบอกที่เป็นขนาด .25
คือ... ผมค้นไม่พบน่ะ

 ;D ;D ;D

อาจารย์ครับ แล้ว .32acp ล่ะครับ อนาคตมันจะไปได้มั้ยครับ เพราะไม่ค่อยเห็นแล้วเหมือนกัน   ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: hare ที่ สิงหาคม 11, 2009, 09:56:56 AM
เชียร์ .380 ครับ  ;D


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ตึก ที่ สิงหาคม 11, 2009, 10:02:21 AM
.380น่าจะมีอนาคตกว่าครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: JOJO(OPA.) ที่ สิงหาคม 11, 2009, 10:06:34 AM
ทั้ง 2 ขนาดนั้นมีอนาคตไปไกลพอๆกันครับ
เพราะวัตถุประสงค์การใช้งานที่ออกแบบมานั้น มีรูปแบบของตัวเองครับ
1  .25 ปืนกระเป๋า พกซ่อนเนียนมาก
2  .380 พกพามิดชิด
แต่ละตัวนั้นมีแฟนของตัวเองอยู่แล้วครับ คงไม่ยืนยันว่าใครไปไกลกว่ากันไม่ได้ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ สิงหาคม 11, 2009, 10:07:52 AM
.๓๘๐ ครับ.


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TOSSAPORN-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 10:51:59 AM
อย่างน้อย ลูก .๓๘๐ ก็มีของไทยให้ยิงครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: m40 ที่ สิงหาคม 11, 2009, 10:58:04 AM
.380  อีกเสียงครับ เป็นคำตอบสุดท้ายครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 11, 2009, 11:21:18 AM
.380 อนาคตดีกว่าครับ มีแค่ 2 -3 บริษัทที่ยังผลิตปืนใหม่ขนาด .25 ออกมาครับ ตอนนี้นึกออกแค่ CZ92 กับ Akdal ของตุรกีในโครงการ สก.


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 12:05:27 PM
ทั้ง 2 ขนาดนั้นมีอนาคตไปไกลพอๆกันครับ
เพราะวัตถุประสงค์การใช้งานที่ออกแบบมานั้น มีรูปแบบของตัวเองครับ
1  .25 ปืนกระเป๋า พกซ่อนเนียนมาก
2  .380 พกพามิดชิด
แต่ละตัวนั้นมีแฟนของตัวเองอยู่แล้วครับ คงไม่ยืนยันว่าใครไปไกลกว่ากันไม่ได้ครับ  ::014::

          พอมีเหตุผลสนับสนุนไหม ครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: KOE SA รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 01:24:45 PM
น่าจะ .380 ครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Ruk™-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 04:05:40 PM
ปัจจุบัน ก็ยังมีปืนทั้งสองขนาด อยู่ในตลาดโลก
พี่น้องคิดว่า ถ้าจะซื้อปืนขนาดเล็กสักกระบอก เลือกขนาดไหนกันดีครับ
      เคยมีโอกาสผ่านมือช่วงสั้นๆทั้งสองกระบอก .380 ยังสามารถหากระสุนได้จากสนาม
เช่นที่สนามนวมินทราชินี ชลบุรี ส่วน .25 นั้น หากระสุนยากครับ
      ที่ไม่เป็นที่นิยมบ้านเรา น่าจะเรื่องกระสุนซ้อมยิง ที่บ้านเราหาไม่ได้ทั้งสองขนาดครับ
กระสุนจริงก็แพงกว่า พอๆกับหรือแพงกว่า .357 ด้วยซ้ำไป


หัวข้อ: Re: ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: JOJO(OPA.) ที่ สิงหาคม 11, 2009, 04:10:26 PM
ถ้าเปรียบเทียบขนาดปืนกระสุน .380 และ .25 และปืนขนาด .380 และ .25
ให้มองภาพรถยนต์โฟลคเดอะบิทเทิ้ลเป็นขนาด .25 รถยนต์โตโยต้าซูป้าเป็นขนาด .380 ก็น่าจะพอเข้าใจได้เป็นแนวทางครับ
คนที่เล่นปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน บางท่านส่วนใหญ่ไม่ได้มองราคาของลูกเป็นที่ตั้งครับ เอาแค่การใช้งานสะดวกตามที่ตนชอบเท่านั้น (ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
หากเราเอาวิชาการตลาดในหัวข้อ Product Categories (Category Theory) มาวิเคราะห์อีกนิดนึง น่าจะมีเหตุผลอย่างมากครับ  ::014::
เรื่องลูกหายาก ผมอยู่ กทม. หาลูกได้ไม่ยากเลยครับ แต่ถ้าพี่ๆอยู่ ตจว. ผมว่าถ้ามาเที่ยวที่ กทม. ทั้งทีก็ซื้อตุนไว้เลย ซัก 2-3 กล่อง เรื่องหาลูกยากคงไม่มีอีกแล้วครับ :DD


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ สิงหาคม 11, 2009, 04:15:28 PM
.380ว่ากระสุนหายากแล้ว แต่.25หายากกว่ามากกกกกกกกกกกก
เพื่อนผมอยู่ปัตตานีมีปืนแต่หากระสุนไม่ได้เลย เสียดายปืน


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: jo1911 ที่ สิงหาคม 11, 2009, 04:50:27 PM
380 acp น่าจะยาวกว่านะครับในบ้านเรา


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ สิงหาคม 11, 2009, 05:28:12 PM
380 ยังหาลูกซ้อมของบุลเล็ตยิงได้อยู่นะครับ .25 ยังไม่เคยเห็น


หัวข้อ: Re: ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 06:01:19 PM
ถ้าเปรียบเทียบขนาดปืนกระสุน .380 และ .25 และปืนขนาด .380 และ .25
ให้มองภาพรถยนต์โฟลคเดอะบิทเทิ้ลเป็นขนาด .25 รถยนต์โตโยต้าซูป้าเป็นขนาด .380 ก็น่าจะพอเข้าใจได้เป็นแนวทางครับ
คนที่เล่นปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน บางท่านส่วนใหญ่ไม่ได้มองราคาของลูกเป็นที่ตั้งครับ เอาแค่การใช้งานสะดวกตามที่ตนชอบเท่านั้น (ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
หากเราเอาวิชาการตลาดในหัวข้อ Product Categories (Category Theory) มาวิเคราะห์อีกนิดนึง น่าจะมีเหตุผลอย่างมากครับ  ::014::
เรื่องลูกหายาก ผมอยู่ กทม. หาลูกได้ไม่ยากเลยครับ แต่ถ้าพี่ๆอยู่ ตจว. ผมว่าถ้ามาเที่ยวที่ กทม. ทั้งทีก็ซื้อตุนไว้เลย ซัก 2-3 กล่อง เรื่องหาลูกยากคงไม่มีอีกแล้วครับ :DD


          พอดี จบช่าง และอยู่คนละกลุ่มกับท่านครับ  ;D


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ สิงหาคม 11, 2009, 06:33:31 PM
อย่างน้อย ลูก .๓๘๐ ก็มีของไทยให้ยิงครับ

คนรู้จักกับผม... เขาซื้อ .๒๕ หัวเอฟเอ็มเจ... ของไทยอาร์ม... มาใช้ครับ...


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TOSSAPORN-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2009, 09:35:59 PM
อย่างน้อย ลูก .๓๘๐ ก็มีของไทยให้ยิงครับ

คนรู้จักกับผม... เขาซื้อ .๒๕ หัวเอฟเอ็มเจ... ของไทยอาร์ม... มาใช้ครับ...

ขออภัยครับ หมายถึงลูกซ้อมครับ

 (http://i45.photobucket.com/albums/f99/tos3841/380bullet/043-1.jpg)


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: คนส่องกล้อง ที่ สิงหาคม 12, 2009, 08:04:32 AM
ถ้าเปรียบเทียบขนาดปืนกระสุน .380 และ .25 และปืนขนาด .380 และ .25
ให้มองภาพรถยนต์โฟลคเดอะบิทเทิ้ลเป็นขนาด .25 รถยนต์โตโยต้าซูป้าเป็นขนาด .380 ก็น่าจะพอเข้าใจได้เป็นแนวทางครับ
คนที่เล่นปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน บางท่านส่วนใหญ่ไม่ได้มองราคาของลูกเป็นที่ตั้งครับ เอาแค่การใช้งานสะดวกตามที่ตนชอบเท่านั้น (ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
หากเราเอาวิชาการตลาดในหัวข้อ Product Categories (Category Theory) มาวิเคราะห์อีกนิดนึง น่าจะมีเหตุผลอย่างมากครับ  ::014::
เรื่องลูกหายาก ผมอยู่ กทม. หาลูกได้ไม่ยากเลยครับ แต่ถ้าพี่ๆอยู่ ตจว. ผมว่าถ้ามาเที่ยวที่ กทม. ทั้งทีก็ซื้อตุนไว้เลย ซัก 2-3 กล่อง เรื่องหาลูกยากคงไม่มีอีกแล้วครับ :DD


 


            สมัยผมทำงานใหม่ๆ เมื่อสักสามสิบปีก่อน สมัยนั้นถ้าใครใช้ปืน .32 ละก็โก้สุด เพราะปืน .38 เขาให้แต่ตำรวจ ปืน .45 อยู่นอกสายตา เพราะลูกแถวบ้านนอกหายากต้องพี่ๆทหารหาญใช้ ครับ ข้าราชการพ่อค้าชาวบ้านนิยม .32 กันมาก เรียกว่าซื้อง่ายขายคล่องว่างั้นเถอะ ส่วน .25 ร้อยทั้งร้อยพวกมีอันจะกินซื้อเป็นปืนพกซ่อน แต่ก็แปลกสมัยนั้นโจรอาจจะไม่ดุหรือใจถึงเหมือนทุกวันนี้ ปืนพกซ่อน .25 จึงไม่ค่อยมีใครใช้(เท่าที่ผมเห็น) ส่วนบ้านนอกบ้านนาก็นิยม ลูกซองสั้น โคลท์ตราควาย สมัยนั้นมือปืนเมืองเพชร เมืองลำปาง เมืองแพร่ ใช้กันมาก สมัยผมเป็นเด็กก่อนอาจารย์คึกฤทธิ์ ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เอาปืนเถื่อนมาจดทะเบียน ราคากระบอกละ 100 บาท เอง ปู่ผมมีใบซ่อมปืนแก๊ป ตอกเลขจน" วิน " เพราะบางรายพี่เอาไปเวียนเทียน ขอ ป4

            ต่อมาเริ่มมีปืน 9 มม.เข้ามา คนก็ไม่ค่อยสนใจ จนมีหนังสือปืนสมัยนั้น เขียนเชียร์ กัน คุณโทน อาจจะมีเก็บไว้ก็ได้ เขียนกันยาวเป็นหลายปี จนปืน 9 มม.เริ่มเป็นที่นิยม ด้วยมีจุดขายคือ แรงกว่า .38 (เขาว่า) จุลูกได้มากกว่า เล่นเอาปืน .32 กึ่งอัตโนมัติ หายไปจากวงการ

            พอล่วงมาอีกสักพัก ลูก .32 เริ่มหายากแถวบ้านนอก พวกก็พากันขายปืนลูกโม่ .32 ทิ้ง เมื่อผมเข้าเวบนี้ใหม่ๆ สักสามปีที่ผ่านมา ก็เห็นเอามาออกขายกันประปราย แล้วก็เงียบไป ผมไม่ได้ว่าปืน .32 ไม่ดีนะครับ ยิ่งพวก .25 ไม่รู้ว่าสาปสูญหรือไปซุกอยู่ซอกหลืบใด แต่ปืนในมือชาวบ้านยังมีมาก ร้านปืนก็ยังคงมีมาขายประปราย เรียกว่าที่อยู่ในร้าน ก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี อาจจะใช้ทฤษฎีเดียวกับท่าน คือพอลูกเริ่มหายากคนก็ไม่ค่อยยิง ก็ยิ่งทำให้ลูกขายไม่ออก ร้านก็ไม่สั่งเข้ามา ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก  ส่วนปืน .25 ในบ้านเรา เริ่มกลับมาอีกครั้งด้วยกระแสปืนสวัสดิการ แต่ก็ขออ้างทฤษฎแบบของท่านคือ มันเป็น ดีมานด์เทียม หรือเปล่า  ;D (ขออภัยถ้าผิดเคยเรียน Mini MBA ของจุฬาฯ แต่นานแล้ว  ;D)

            แต่ปืนที่ใช้ลูก .380 ผมเห็นมันไปเรื่อยๆ เหมือนรถขายโอ่ง ไม่หวือหวา ถ้าไม่มีปืนยี่ห้อดังๆ ออกปืนที่ใช้กระสุนขนาดนี้ออกมา ซึ่งบริษัทปืน ผมก็เห็นเขาทำออกมาเรื่อยๆ เมื่อก่อนเจ้านายผมมี มานูแรง .380 ผมละไฝ่ฝันอยากได้ เห็นเจ้านายเอาออกมาจากกระเป๋าหนีบจั๊กกะแร้เมื่อไหร่ เป็นต้องขอลูบขอคลำ จนทุกวันนี้แก เกือบแปดสิบแล้ว ปืนก็ยังอยู่ กระสุนก็ยังพอมีขาย เข้าร้านไหนก็มีเกือบทุกร้าน ไม่มีร้านไหนบอกว่าลองไปถามร้านนั้นร้านนี้ดูซิว่ามีไหม อะไรประมาณนั้น

            การที่เจ้าของกระทู้ถาม ผมเข้าใจว่าท่านคงกำลังตัดสินใจซื้อปืน แต่มาติดตรงที่ว่าปืนมันแพงต้องใช้มันไปอีกนาน ถ้าราคามันถูกๆ ลูกไม่มีขายก็เอาปืนไปชั่งกิโลขายเป็นเศษเหล็ก ก็ว่าไปอย่าง แต่บ้านเราเหล็กที่เรียกว่าปืน กิโลละแสน ดังนั้นถ้าซื้อปืนมาแล้วอีกสีบยี่สิบปี เขาเลิกทำลูกปืน มันก็เสียดายเงินแย่ จึงถามมาเพื่อขอความเห็นจากผู้รู้ เหมือนถามว่าอนาคตรถที่ใช้น้ำมันจะเป็นอย่างไร ท่านก็จะบอกว่าไม่เป็นไร ปั้มน้ำมันอยู่หน้าบ้านผม ผมไปเติมทีไรเขามีขายให้ผมเสมอ แต่ไม่ได้พูดถึงราคา ซึ่งต่อไปอาจจะลิตรละร้อยก็ได้ ถ้าถามว่าถ้าน้ำมันหมดโลกหละท่านก็บอกว่าไม่ต้องห่วงผมซื้อถังน้ำมันมาตุนน้ำมันไว้เป็นล้านๆลิตร ใช้สิบปีก็ไม่หมด ก็ว่ากันไป แต่ชาวบ้านทั่วๆไปอย่างพวกผมคงทำไม่ได้ ครับ

             ผมว่าท่านอ้างตามทฤษฎีของท่านผิด ที่ว่าคนซื้อปืน ไม่ได้ห่วงเรื่องราคาลูกปืน  ผมว่าราคาและความสะดวกในการหาลูกปืน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกปืน ครับ เทียบกับสินค้าอื่นก็ได้ ขอรื้อตำราหน่อย อย่างรถยนต์กระบะดีเซลในบ้านเราทำไมถึงเป็นที่นิยม ทั้งที่ราคาไม่ได้ถูกกว่ารถเก๋งเท่าไหร่ บางรุ่นแพงกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่มันกินน้ำมันน้อยกว่า เสียงเงียบกว่า หรือนั่งได้นิ่มนวลกว่า แต่เป็นเพราะบ้านเราบิดเบือนกลไกการตลาดทำให้น้ำมันดีเซลราคาถูก คนถึงมาใช้รถดีเซล เอาอีกอย่างก็ได้เรื่องรถมันอาจจะมองไม่ชัด เอาเรื่องโทรศัพท์มือถือดีกว่า รุ่นเดียวกันราคาเท่ากันลูกเล่นเหมือนกัน แต่ทำไมคนเราถึงเปลี่ยนเครือข่ายบ่อย ยิ่งเด็กๆเดี๋ยวเปลี่ยนซิม ก็เพราะเขาเปลี่ยนไปใช้โปรโมชั่นที่ถูกกว่า ครับ

             ผมว่าถ้าเฉพาะลูก 9 มม.ในบ้านเรา ไม่มีลูกซ้อม มีแต่ลูกจริงราคานัดละ 40-50 บาท ในขณะที่ลูกขนาดอื่นราคาสิบกว่าบาทเท่าปัจจุบัน ผมว่าไม่เกินห้าปี ปืน 9 มม.ไม่มีใครเอาเข้ามาขาย แต่ลูกปืนอาจจะมีขายไปสักพัก ที่เหลืออยู่ที่ร้านคือขายไม่ออก คนไม่กล้ายิงเพราะมันแพง ตามทฤษฎีของท่าน ลูกปืนคือปัจจัยหรือค่าใช้จ่ายผันแปร ครับ

             ทีนี้มองอย่างช่าง ผมว่า ปืนขนาด .38 9มม. .38 ซุปเปอร์ ขนาดหัวมันเท่าๆกัน ปลอกก็ใกล้ๆกัน การดัดแปลงหรือปรับเครื่องโหลดกระสุนน่าจะทำได้ง่ายและสะดวกกว่า ครับ




หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: PEE_PoL - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2009, 09:40:43 AM
.380 ครับผม เล็กๆ แบบอุ่นใจ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ สิงหาคม 12, 2009, 09:50:27 AM
ว่ากันตรงๆ ตามที่ท่าน จขกท. ถาม "ขนาดไหนมีอนาคตมากกว่ากัน"
.380 ครับ  ด้วยสาเหตุสารพัดตามที่ได้คุยกันมานี้


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2009, 10:03:51 AM
.380 ครับ เพราะ
1. มีลูกของไทยขายทั้งลูกซ้อมและลูกจริง
2. รุ่นของปืนและจำนวนผู้ครอบครองมากกว่า
3. ปืนที่วางจำหน่ายมีมากกว่า .25 หรือ 6.35 มม. มาก

แม้จะไม้มากมายเหมือน 9 มม. 11 มม. หรือ .38 แต่ก็หาซ้อมได้ในราคาที่ไม่เหี้ยมโหดนัก ที่สนาม ม.พัน 4 ลูกซ้อมบุลเล็ต กล่องละ 850 บาท  ถ้าไม่นับ .22 แล้ว ราคาลูกซ้อมและลูกจริงจะเป็นอันดับ 4 (นับจากราคาต่ำสุด) รองจาก .38  9 มม. และ 11 มม. ครับ   


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2009, 04:32:23 PM
จากเรื่องนี้  หากท่านเจ้าของกระทู้ต้องการซื้อไว้ใช้งานจริง ๆ และมีการยิงซ้อมบ้าง (อาจบ่อย หรือ นาน ๆ ที) ปัจจุบันนี้มีปืนที่ใช้กระสุนขนาด 9X19 ทีมีขนาดเล็กอยู่บ้างนะครับ เช่น STI , Glock 26 , S&W MP9C เป็นต้น อนุภาพจะสูงกว่า .25 และ .380 ครับ

ปืนขนาด .380 และ .25 ทั้ง 2 แบบ เหมาะกับการใช้งานคนละแบบครับ

.380 ตัวปืนส่วนใหญ่มีขนาด "เล็ก" พกซ่อนดี หน้าตัดกระสุนไว้ใจได้ ตัวปืนจับถนัดทำให้สามารถยืดระยะยิงออกไปได้มากกว่า .25

.25 ตัวปืนมีขนาด "เล็กมาก" พกซ่อนดี มากกว่า .380 แต่ด้วยหน้าตัดกระสุนที่มีขนาดเล็ก (6.35 มิลลิเมตร) และตัวปืนมีขนาดเล็ก ทำให้มีพื้นที่ในการจับน้อย ทำให้ไม่สามารถยิงอย่างแม่นยำได้ในระยะไกล จึงต้องใช้การยิงแบบ "ชี้แล้วยิง" ในระยะตั้งแต่ 5 เมตร จนถึง ระยะที่มือสามารถสัมผัสกับเป้าหมายได้ ครับ



หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 12, 2009, 05:11:40 PM
.380ครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: เหมียวน้ำระทวย ที่ สิงหาคม 12, 2009, 05:15:34 PM
ให้คะแนน.380มากกว่าประเด็นความหาง่ายเป็นหลักเลยครับ เพราะจากที่แวะเวียนไปสนามบ้าง.380ยังมีพอขายให้เห็นให้ได้ซ้อมครับ :~)



หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: หนุ่มน้อย ที่ สิงหาคม 13, 2009, 08:20:41 AM
.380 ครับ.. เชียร์ๆ..........


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: chaiwat_colt.45 ที่ สิงหาคม 13, 2009, 03:43:43 PM
เชียร์ .380 ครับ 


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: modjod-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 14, 2009, 06:07:51 AM
ถ้าเปรียบเทียบขนาดปืนกระสุน .380 และ .25 และปืนขนาด .380 และ .25
ให้มองภาพรถยนต์โฟลคเดอะบิทเทิ้ลเป็นขนาด .25 รถยนต์โตโยต้าซูป้าเป็นขนาด .380 ก็น่าจะพอเข้าใจได้เป็นแนวทางครับ
คนที่เล่นปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน บางท่านส่วนใหญ่ไม่ได้มองราคาของลูกเป็นที่ตั้งครับ เอาแค่การใช้งานสะดวกตามที่ตนชอบเท่านั้น (ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
หากเราเอาวิชาการตลาดในหัวข้อ Product Categories (Category Theory) มาวิเคราะห์อีกนิดนึง น่าจะมีเหตุผลอย่างมากครับ  ::014::
เรื่องลูกหายาก ผมอยู่ กทม. หาลูกได้ไม่ยากเลยครับ แต่ถ้าพี่ๆอยู่ ตจว. ผมว่าถ้ามาเที่ยวที่ กทม. ทั้งทีก็ซื้อตุนไว้เลย ซัก 2-3 กล่อง เรื่องหาลูกยากคงไม่มีอีกแล้วครับ :DD


 


            สมัยผมทำงานใหม่ๆ เมื่อสักสามสิบปีก่อน สมัยนั้นถ้าใครใช้ปืน .32 ละก็โก้สุด เพราะปืน .38 เขาให้แต่ตำรวจ ปืน .45 อยู่นอกสายตา เพราะลูกแถวบ้านนอกหายากต้องพี่ๆทหารหาญใช้ ครับ ข้าราชการพ่อค้าชาวบ้านนิยม .32 กันมาก เรียกว่าซื้อง่ายขายคล่องว่างั้นเถอะ ส่วน .25 ร้อยทั้งร้อยพวกมีอันจะกินซื้อเป็นปืนพกซ่อน แต่ก็แปลกสมัยนั้นโจรอาจจะไม่ดุหรือใจถึงเหมือนทุกวันนี้ ปืนพกซ่อน .25 จึงไม่ค่อยมีใครใช้(เท่าที่ผมเห็น) ส่วนบ้านนอกบ้านนาก็นิยม ลูกซองสั้น โคลท์ตราควาย สมัยนั้นมือปืนเมืองเพชร เมืองลำปาง เมืองแพร่ ใช้กันมาก สมัยผมเป็นเด็กก่อนอาจารย์คึกฤทธิ์ ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เอาปืนเถื่อนมาจดทะเบียน ราคากระบอกละ 100 บาท เอง ปู่ผมมีใบซ่อมปืนแก๊ป ตอกเลขจน" วิน " เพราะบางรายพี่เอาไปเวียนเทียน ขอ ป4

            ต่อมาเริ่มมีปืน 9 มม.เข้ามา คนก็ไม่ค่อยสนใจ จนมีหนังสือปืนสมัยนั้น เขียนเชียร์ กัน คุณโทน อาจจะมีเก็บไว้ก็ได้ เขียนกันยาวเป็นหลายปี จนปืน 9 มม.เริ่มเป็นที่นิยม ด้วยมีจุดขายคือ แรงกว่า .38 (เขาว่า) จุลูกได้มากกว่า เล่นเอาปืน .32 กึ่งอัตโนมัติ หายไปจากวงการ

            พอล่วงมาอีกสักพัก ลูก .32 เริ่มหายากแถวบ้านนอก พวกก็พากันขายปืนลูกโม่ .32 ทิ้ง เมื่อผมเข้าเวบนี้ใหม่ๆ สักสามปีที่ผ่านมา ก็เห็นเอามาออกขายกันประปราย แล้วก็เงียบไป ผมไม่ได้ว่าปืน .32 ไม่ดีนะครับ ยิ่งพวก .25 ไม่รู้ว่าสาปสูญหรือไปซุกอยู่ซอกหลืบใด แต่ปืนในมือชาวบ้านยังมีมาก ร้านปืนก็ยังคงมีมาขายประปราย เรียกว่าที่อยู่ในร้าน ก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี อาจจะใช้ทฤษฎีเดียวกับท่าน คือพอลูกเริ่มหายากคนก็ไม่ค่อยยิง ก็ยิ่งทำให้ลูกขายไม่ออก ร้านก็ไม่สั่งเข้ามา ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก  ส่วนปืน .25 ในบ้านเรา เริ่มกลับมาอีกครั้งด้วยกระแสปืนสวัสดิการ แต่ก็ขออ้างทฤษฎแบบของท่านคือ มันเป็น ดีมานด์เทียม หรือเปล่า  ;D (ขออภัยถ้าผิดเคยเรียน Mini MBA ของจุฬาฯ แต่นานแล้ว  ;D)

            แต่ปืนที่ใช้ลูก .380 ผมเห็นมันไปเรื่อยๆ เหมือนรถขายโอ่ง ไม่หวือหวา ถ้าไม่มีปืนยี่ห้อดังๆ ออกปืนที่ใช้กระสุนขนาดนี้ออกมา ซึ่งบริษัทปืน ผมก็เห็นเขาทำออกมาเรื่อยๆ เมื่อก่อนเจ้านายผมมี มานูแรง .380 ผมละไฝ่ฝันอยากได้ เห็นเจ้านายเอาออกมาจากกระเป๋าหนีบจั๊กกะแร้เมื่อไหร่ เป็นต้องขอลูบขอคลำ จนทุกวันนี้แก เกือบแปดสิบแล้ว ปืนก็ยังอยู่ กระสุนก็ยังพอมีขาย เข้าร้านไหนก็มีเกือบทุกร้าน ไม่มีร้านไหนบอกว่าลองไปถามร้านนั้นร้านนี้ดูซิว่ามีไหม อะไรประมาณนั้น

            การที่เจ้าของกระทู้ถาม ผมเข้าใจว่าท่านคงกำลังตัดสินใจซื้อปืน แต่มาติดตรงที่ว่าปืนมันแพงต้องใช้มันไปอีกนาน ถ้าราคามันถูกๆ ลูกไม่มีขายก็เอาปืนไปชั่งกิโลขายเป็นเศษเหล็ก ก็ว่าไปอย่าง แต่บ้านเราเหล็กที่เรียกว่าปืน กิโลละแสน ดังนั้นถ้าซื้อปืนมาแล้วอีกสีบยี่สิบปี เขาเลิกทำลูกปืน มันก็เสียดายเงินแย่ จึงถามมาเพื่อขอความเห็นจากผู้รู้ เหมือนถามว่าอนาคตรถที่ใช้น้ำมันจะเป็นอย่างไร ท่านก็จะบอกว่าไม่เป็นไร ปั้มน้ำมันอยู่หน้าบ้านผม ผมไปเติมทีไรเขามีขายให้ผมเสมอ แต่ไม่ได้พูดถึงราคา ซึ่งต่อไปอาจจะลิตรละร้อยก็ได้ ถ้าถามว่าถ้าน้ำมันหมดโลกหละท่านก็บอกว่าไม่ต้องห่วงผมซื้อถังน้ำมันมาตุนน้ำมันไว้เป็นล้านๆลิตร ใช้สิบปีก็ไม่หมด ก็ว่ากันไป แต่ชาวบ้านทั่วๆไปอย่างพวกผมคงทำไม่ได้ ครับ

             ผมว่าท่านอ้างตามทฤษฎีของท่านผิด ที่ว่าคนซื้อปืน ไม่ได้ห่วงเรื่องราคาลูกปืน  ผมว่าราคาและความสะดวกในการหาลูกปืน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกปืน ครับ เทียบกับสินค้าอื่นก็ได้ ขอรื้อตำราหน่อย อย่างรถยนต์กระบะดีเซลในบ้านเราทำไมถึงเป็นที่นิยม ทั้งที่ราคาไม่ได้ถูกกว่ารถเก๋งเท่าไหร่ บางรุ่นแพงกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่มันกินน้ำมันน้อยกว่า เสียงเงียบกว่า หรือนั่งได้นิ่มนวลกว่า แต่เป็นเพราะบ้านเราบิดเบือนกลไกการตลาดทำให้น้ำมันดีเซลราคาถูก คนถึงมาใช้รถดีเซล เอาอีกอย่างก็ได้เรื่องรถมันอาจจะมองไม่ชัด เอาเรื่องโทรศัพท์มือถือดีกว่า รุ่นเดียวกันราคาเท่ากันลูกเล่นเหมือนกัน แต่ทำไมคนเราถึงเปลี่ยนเครือข่ายบ่อย ยิ่งเด็กๆเดี๋ยวเปลี่ยนซิม ก็เพราะเขาเปลี่ยนไปใช้โปรโมชั่นที่ถูกกว่า ครับ

             ผมว่าถ้าเฉพาะลูก 9 มม.ในบ้านเรา ไม่มีลูกซ้อม มีแต่ลูกจริงราคานัดละ 40-50 บาท ในขณะที่ลูกขนาดอื่นราคาสิบกว่าบาทเท่าปัจจุบัน ผมว่าไม่เกินห้าปี ปืน 9 มม.ไม่มีใครเอาเข้ามาขาย แต่ลูกปืนอาจจะมีขายไปสักพัก ที่เหลืออยู่ที่ร้านคือขายไม่ออก คนไม่กล้ายิงเพราะมันแพง ตามทฤษฎีของท่าน ลูกปืนคือปัจจัยหรือค่าใช้จ่ายผันแปร ครับ

             ทีนี้มองอย่างช่าง ผมว่า ปืนขนาด .38 9มม. .38 ซุปเปอร์ ขนาดหัวมันเท่าๆกัน ปลอกก็ใกล้ๆกัน การดัดแปลงหรือปรับเครื่องโหลดกระสุนน่าจะทำได้ง่ายและสะดวกกว่า ครับ



+1 ให้ครับ พูดได้ตรงใจ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Laengtin ที่ สิงหาคม 14, 2009, 08:21:08 AM
ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ ที่ช่วยให้ความเห็น  ผมได้ความรู้มากกว่าที่คาดไว้ซะอีกครับ 


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Theerachai ที่ สิงหาคม 14, 2009, 09:08:57 AM
เสริมกันอีกสักนิดนะครับ

แต่ผมเองก็เชียร์ .380 ครับ  ทั้งที่มีอยู่ทั้งสองขนาด 
เหตุปัจจัยไม่เกี่ยวกับอนาคตนะครับ  ชอบส่วนตัวเท่านั้นเอง  พกแล้วอุ่นใจมั่นใจกว่า
.380เลือกรุ่นที่เล็กๆ  ขนาดไม่แตกต่างกันกับ.25เลยครับ

สุดท้ายอยากให้เลือกที่ชอบ  ที่เหมาะกับตัวเราครับ  ปืนต้องอยู่กับเราไปอีกนาน
ขอให้ได้ปืนที่ถูกใจนะครับ


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sinlop ที่ สิงหาคม 15, 2009, 10:41:29 PM
อยากทารบว่าลูก.380ราคาเท่าไรครับผมอยู่ต่างจังหวัดหายากมาก


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Terk Tark ที่ สิงหาคม 16, 2009, 12:38:50 AM
ผมก็คิดว่า .380 นะครับ แต่ดูๆเเล้ว .380 ขนาดมันก็เท่า 9mm. เลย เพียงแต่ปลอกสั้นกว่าหน่อยนึงเอง


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ สิงหาคม 16, 2009, 06:57:54 AM
อยากทารบว่าลูก.380ราคาเท่าไรครับผมอยู่ต่างจังหวัดหายากมาก

ลูก FMJ ของ Bullet Master ราคาประมาณนัดนะ  24 บาท   :D


หัวข้อ: Re: .380 และ .25 ขนาดไหนมี อนาคตมากกว่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 16, 2009, 11:02:04 AM
-380 บริษัทของไทยมีผลิต จำนวนปืนคิดว่ามีมากกว่า .25 ครับ
-.25 ผมว่ายังพอหาได้ แม้ว่าราคาจะแพง
ส่วนตัวผมนอกจากรักในขนาดด้านบนแล้วยังชอบ 21 เอ .22 กับขนาด .32 ทอมแคท ด้วยครับ
แต่คิดว่า ขนาด 380 อนาคตน่าจะไปไกลกว่าขนาด .25 ครับ