๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 10:25:18 AM



หัวข้อ: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 10:25:18 AM
ขอขอบคุณพี่สมชาย (ฮา) สำหรับการชมเชยและสนับสนุน ผมเลยขออนุญาตตั้งกระทู้ใหม่พูดคุยกันเรื่องภาพยนต์สงครามโดยเฉพาะครับ จะได้ไม่รบกวนเจ้าของกระทู้เดิมและถ้าท่านใดไม่สนใจจะได้ข้ามไปเลย

ภาพยนต์สงครามเป็นภาพยนต์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ประการหนึ่งคือสร้างจากเหตุการณ์จริง หรือลอกเลียน และอ้างอิงเหตุการณ์จริงมากกว่าภาพยนต์ประเภทอื่น ตามปรกติภาพยนต์จะถูกจัดประเภทตามเนื้อหาสาระของภาพยนต์ประเภทนั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง เช่น เรื่อง Seven เป็นภาพยนต์สืบสวนสยองขวัญ มิใช่ภาพยนต์ชีวิต เนื่องจากมีเนื้อหาการสืบสวนมากกว่าเนื้อหาชีวิตของตัวละคร แต่ภาพยนต์สงครามต้องมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงด้วยถึงจะถูกจัดประเภทว่าเป็นภาพยนต์สงคราม เช่น Lord of the Rings ซึ่งมีเนื้อหาหลักคือการสงครามแต่จัดเป็นภาพยนต์จินตนาการเหนือธรรมชาติ เพราะการสงครามในเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใดๆ เรื่อง Stars War ก็เช่นกัน และในทางกลับกัน ภาพยนต์บางเรื่องถึงแม้ว่าจะไม่มีเนื้อหาหลักทั้งหมดเป็นการสงครามแต่ก็ถูกจัดว่าเป็นภาพยนต์สงครามด้วย เนื่องจากเป็นการสร้างเลียนเหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้นจริง เช่น Lawrence of Arabia จนแม้กระทั่งในบางครั้งภาพยนต์ที่มีเนื้อหาหลักเพียงแค่สืบเนื่องมาจากการสงครามหรือการเมืองก็ถูกจัดเป็นภาพยนต์สงครามด้วย เช่น เรื่อง Schindler’s List

โดยทั่วไป ผู้สร้างภาพนต์คือเอกชนซึ่งถึงแม้จะมีจุดประสงค์เฉพาะตัวในการนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็มีจุดประสงค์หลักคือการทำกำไร ภาพยนต์สงครามจึงเป็น “สินค้า” สำหรับผู้บริโภคในประเทศผู้สร้าง และประเทศของ “ตลาด” ภาพยนต์นั้นๆ

ภาพยนต์สงครามที่ถูกสร้างขึ้นมาในแต่ละสมัย ไม่ว่าจะมีเนื้อหาในภาพยนต์นั้นจะอยู่ในสมัยใดจึงเป็นภาพสะท้อนของบรรยากาศทางสังคมและการเมืองของประเทศตลาดดังกล่าว ทั้งบรรยากาศที่ตามกระแสของรัฐบาล หรือสวนกระแสของรัฐบาล  ที่กล่าวว่าภาพยนต์สงครามเป็นภาพสะท้อนของ “บรรยากาศ” มิใช่ภาพสะท้อนของ “สถานการณ์” ทางสังคมและการเมืองนั้น เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการเลือกอุดหนุนภาพยนต์โดยผู้บริโภคอยู่ภายใต้อิทธิพลของบรรยากาศทางสังคมและการเมืองมากกว่าที่จะใช้วิจารณญาณ หรือคำนึงถึง “สถานการณ์” ทางการเมืองในทางวิชาการที่แท้จริง

นอกจากบรรยากาศทางสังคมและการเมืองแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่สร้างรูปแบบภาพยนต์สงครามในสมัยต่างๆ คือการริเริ่มของผู้สร้างเอง เช่น เรื่อง Schindler’s List หรือสมัยนิยมในภาพยนต์แนวนั้นๆ เช่น เรื่อง Life is Beautiful ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยนิยมภาพยนต์ฉากสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะการเน้นเรื่องค่ายกักกัน

โปรดติดตามตอนตอนไปในเรื่อง (โอย พยายามเขียนคำทางการแล้วเหนื่อยครับ)

1. “พลวัตร” ของภาพยนต์สงคราม โดยแบ่งการพิจารณาเป็นสมัย

1.1  แรกเริ่ม
1.2  สงครามเย็น 1945-1989
1.3  หลังสงครามเย็น 1989-2002
1.4  หลัง 9/11/2002

2. “เจตนารมณ์” ของภาพยนต์สงคราม

3. แนะนำภาพยนต์สงครามเรื่องต่างๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2005, 10:49:27 AM
1.k-19
2.the hunt for red october
คงจะอยู่ในช่วงหัวข้อ 1.2  สงครามเย็น 1945-1989  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 11:09:22 AM
อิ อิ สวัสดีครับ

The Hีunt for Red October เนี่ย ผมว่าเป็นตัวอย่างของภาพยนต์สมัยสงครามเย็นเลยครับ ผู้ร้ายที่ดีคือผู้ร้ายกลับใจ

อือม์ เรื่อง K19 ส่วนตัวผมจัดว่าเป็นภาพยนต์สมัยหลังสงครามเย็นครับ สร้างสมัยหลังสงครามเย็นและแสดงเรื่องราว ชีวิตของฝ่ายโซเวียต โดนแสดงบุคคลิกแสดงความมีตัวตนของตัวละคร มิใช่เป็นภาพเงาหรือตัวละครบุคลิกผู้ร้ายเต็มร้อย อย่างในภาพยนต์ช่วงสงครามเย็น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 09, 2005, 11:30:45 AM
ขอบคุณ คุณ L E  เป็นอย่างสูง... สำหรับท่านที่เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ยังไม่เคยเห็นคุณ LE วิจารณ์หนัง วิจารณ์หนังสือ...

นายสมชายบอกได้คำเดียวครับ... ตัวนายสมชายติดตามด้วยความระทึกในใจพลัน...

ว่าแล้ว... นายสมชายก็สนับสนุนภาพประกอบ... ฮา

ออกตัวก่อนว่านายสมชายดูหนังแค่แว่บแรก บอกกับตัวเองว่าชอบ หรือไม่ชอบคือ มุมกล้อง การเกลี่ยแสง เกลี่ยสี การจัดองค์ประกอบภาพฯ... ตัวอย่างหนังบางเรื่องที่หลายท่านบอกว่าเยี่ยม แต่นายสมชายไม่ชอบ เช่นหนังสงครามที่ นิโคลัส เคจ แสดง... ทีมกล้องเป็นคนจีนฯ ไม่ต้องรสนิยมนายสมชายครับ... เรื่องมุมกล้อง ฯลฯ เนี่ย... ไปๆ มาๆ คุยได้อีกยาววววครับ...

รูปแรกเป็นหนังสงครามในใจนายสมชาย... จนตามซื้อหนังสือมาอ่านซ้ำ อ่านแล้วอ่านอีก... เมื่อไหร่ท้อใจ... ก็หยิบหนังสือมาอ่านครับ



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 09, 2005, 11:40:53 AM
เรื่องนี้... ต้องดูหนัง + อ่านหนังสือทั้ง 2 อย่าง... ได้อรรถรสดีมากกกก...

ลองดูเนื้อในนะครับ ตามท้องเรื่องนี้... นี่คือครั้งสุดท้ายที่ผู้พันวินเทอร์ฯ ลั่นไกยิง .30-06 ใส่เป้าที่มีชีวิต... แล้วตลอดมหาสงครามอันยาวนานต่อจากจุดนี้ไปเป็นปีตามท้องเรื่อง... ผู้พันวินเทอร์"ไม่เคย"ลั่นกระสุนปืนในมือตนเองใส่ข้าศึกอีกเลย...

แต่เชื่อไหมครับ... บุคลิกผู้นำ ได้ฉายจับนายทหารผู้นำหน่วยที่ว่ากันว่าเยี่ยมที่สุดหน่วยหนึ่งในมหาสงคราม... ตลอดตั้งแต่ต้น จนจบสงคราม... ดูหนัง+อ่านหนังสือแล้ว... นายสมชายว่า Hollywood เลือกผู้แสดงได้เหมาะ... บุคลิกค่อยๆ เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ที่ได้รับ ตลอดเวลาที่ผ่านไป... ใน VCD แผ่นท้ายๆ เห็นเลยว่า ลูกน้องยอมตายแทนได้เลยครับ...

ใครที่กำลังเป็นผู้นำหน่วยรบ หรือหน่วยธุรกิจฯ... น่าศึกษาบุคลิกภาวะผู้นำจากตัวละครตัวนี้ครับ... อ้อไม่ใช่ตัวละคร... มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ครับ...

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 09, 2005, 11:48:49 AM
อันนี้... Black Hawk Down ครับ...

ยังไม่วิจารณ์ครับ เรื่องนี้มีอะไรต่อมิอะไรให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คุยได้แยะเชียว... ตอนนี้ขอแว่บพาดพิงเรื่องปืนนิดเดียว...

ตอนต้นเรื่องฯ มีทหารฯ Delta Force นายหนึ่งขี่จักรยานขึ้นคอปเตอร์ Black Bird กลับเข้าที่ตั้ง... เห็นเพื่อนๆกำลังซ้อมยิงเป้า... นายนี่เดินเทิ่งๆ เอา 1911 ยิงใส่เป้าฯ... ดูท่ายิง การควานเป้าขณะที่ตัวเองกำลังเคลื่อนที่นะครับ... ผู้แสดงคนนี้ฝึกมาแยะครับ...


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 09, 2005, 11:50:37 AM
เรื่องนี้ก็เช่นกัน... เอามายั่วน้ำลายก่อน... ฮา

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 12:06:16 PM
อิ อิ แต่ละเรื่องที่พี่สมชายยกมา ได้คุยกันสนุกอีกยาวแน่เลยครับ..


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 09, 2005, 12:15:50 PM
เรื่อง The Hunt for Red October เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ "ดร.แจ๊ค ไรอัล"... นายทหารเรือหนุ่ม มีเมียเป็นหมอฯ เมียขับ Porche สีแดงเพลิง... ฮา... ผู้แต่งคือ... "ทอม แคลนซี่"

ดร.แจ๊ค เป็นตัวละครนำเรื่องไปเรื่อยๆ หลายตอน... จนในที่สุดตอนถึงจุดสูงสุดคือ... "Red Storm Rising" ว่ากันว่าเป็นต้นฉบับของแผนรบยุคสงครามอิเลกทรอนิกส์... ที่อเมริกันเอามาดัดแปลงเป็นยุทธการ "Desert Storm" บุกอิรัค... ตั้งแต่ปี 1985 ครับ...

แต่อีตาทอมฯ เขียนก่อนหน้านั้นหลายปี... ในขณะที่เทคโนโลยีในเวลาที่เขียนยังไม่สนับสนุนฯ ครับ...

อีตาทอมเขียนเรื่องจารกรรมฯ ที่มี ดร.แจ๊ค เป็นผู้ดำเนินเรื่องในฐานะคนวิเคราะห์+สังเคราะห์ข้อมูลจากฝ่ายปฏิบัติการฯ ต้นสังกัดอยู่ที่แลงลีย์ครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 09, 2005, 12:34:35 PM
Band of brather  ...เขาบอกว่าของขาดตลาด...( ไม่รู้ว่าจริงอะเปล่า )


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 09, 2005, 12:42:14 PM
  http://www.cvdgroup.com/community/search_movie.php?searchby=3&language=0&page=1&search=13


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 09, 2005, 01:06:19 PM
แล้ว - In the name of father
       - Boxer
จัดว่าเป็นหนัง ผลพวงของสงคราม ไหมครับ  ?
 
ผมชอบตัวละคร แจ็ค ไรอัน มาก ทั้งสามภาคเลย  ชอบ Red october มากที่สุด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 01:13:56 PM
เรื่อง In the Name of the Father ส่วยตัวผมว่าเป็นหนังชีวิตครับ เพราะที่ IRA สู้กับรัฐบาลไม่ใช่สงครามกลางเมือง ถึงเรื่องนี้จะมีกรอบของฉากเป็นผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง แต่จุดมุ่งหมายคือการนำเสนอเรื่องชีวิต

แต่ถ้าเป็นเรื่อง Michael Collins ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังการเมืองครับ

หัวข้อนี้ขอใช้คำว่า "ส่วนตัว" มากหน่อยเพราะเป็นการคุยกันสนุกๆ ไม่มีผิดถูกแบบเลขคณิต แล้วแต่มุมมองการตัดสินของทุกท่านครับ : )


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ สิงหาคม 09, 2005, 01:20:46 PM
นายสมชายบอกได้คำเดียวครับ... ตัวนายสมชายติดตามด้วยความระทึกในใจพลัน...

ขออนุญาตเลี้ยวเข้าซอยนอกเรื่องนิดหนึ่ง
พี่สมชายเป็นเป็นแฟนมติชนสุดสัปดาห์เหมือนกันหรือครับ สังเกตจากสำนวนที่ใช้
 ::)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ สิงหาคม 09, 2005, 01:30:46 PM
ชอบกระทู้นี้ครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาอ่านเลย ตั้งแต่นี้ต่อไปเวลาเข้ามาจะมาดูกระทู้นี้เป็นหลักเพราะชอบหนังสงครามเหมือนกัน  :D ตอนเด็กๆชอบเล่นเป็นทหารอเมริกัน พอโตขึ้นมาหน่อยชอบเป็นทหารเยอรมัน เป็นวัยรุ่นเลยมาเป็นทหารไทยจนปัจจุบัน ;D ;D
กระทู้เดิมที่คุยกันเรื่องนี้อยู่ที่กระทู้ไหนครับ จะได้ตามไปอ่าน :)
เมื่อวานดู HELL IS FOR HEROES ที่สตีฟ แม๊คควีนเล่น สนุกดีครับ ได้เห็นกรีสกัน พ่นกระสุนยิงไปขัดไปด้วย :D :D
เรด ออคโทเบอร์ ก็ดูหลายรอบ สงสารต้นเรือที่ไม่ได้เห็นอเมริกา  :(
สิบอันดับหนังสงครามในดวงใจของน้องต่อมีอะไรบ้างครับ ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2005, 02:19:22 PM
ชอบดูหนังที่..."ทอม แคลนซี่"...เป็นคนเขียนน่ะครับ...โดยส่วยตัว...ชอบเรื่อง... The Hunt for Red October... มากที่สุด...ในบรรดาหนังสือ...ที่นายคนนี้เขียน...เรื่องนี้ตั้งแต่จำความได้ก็...พี่มะขิ่นซื้อ...vdoเทปจากร้านแมงป่อง...คาดว่าน่าจะ "15ปี" ที่แล้ว...ก็ชอบเอามาดู...จนมีของสะสมหลายอย่างเช่น...หนังสือแปล... vdoเทป...vcd...dvd...เทปscore ที่ฟัง...จนพังไปหลายม้วน...จนต้องเอาเทปscore..อัดลงcdแทน...แต่เสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่...เพราะหาซื้อ score ที่เป็นcd ไม่ได้...

หนังเรื่องล่าสุด...ของนายคนนี้ที่ชอบดู...แต่ไม่รู้จะเขียนถูกหรือปล่าว...the total sum of all fear...ที่มี...เบน เอฟแฟลก...กับ มอแกน ฟรีแมน...เป็นดารานำ...ก็ชอบครับ...

พูดถึงหนังที่ชอบ...ในโซนเอเชีย...ก็มีหนังเกาหลี..สมัยสงครามเกาหลี..เรื่อง..เต กึก กี...เรื่องนี้...ไปดูที่โรงครับ...หนังเรื่องนี้ดูแล้ว...สะเทือนอารมณ์ดีครับ...ทำให้คนดู...เกลียดสงครามไปเลย...ตัวหนังทำดีมากๆเลยครับ...สมจริงสมจังดีครับ...ทั้งรถถัง..ปืนเล็กยาว...เครื่องแต่งตัว...รายละเอียดของฉาก...บอกได้ว่า..เทียบเคียงหนังของอเมริกาได้เลยครับ...เอาเท่านี้ก่อนครับ..ยังนึกไม่ออก  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapol ที่ สิงหาคม 09, 2005, 02:50:36 PM
กระทู้เดิมที่คุยกันเรื่องนี้อยู่ที่กระทู้ไหนครับ จะได้ตามไปอ่าน :)

  นี่หรือเปล่าครับพี่ http://www.gunsandgames.com/smf/index.php/topic,2043.0.html


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: INTEND ที่ สิงหาคม 09, 2005, 02:57:46 PM
ไม่มีใครพูดถึง ENEMY AT THE GATE บ้างเลย

** (ทำไมแนบรูปไม่ได้เอ่ย) ** โฟลเดอร์เต็มอีกแล้วหรือครับ ท่าน วมต.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mb154cm ที่ สิงหาคม 09, 2005, 03:03:18 PM
Battle of the Bulge ,the Bridge at Remagen ด้วยนะ :)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: INTEND ที่ สิงหาคม 09, 2005, 03:57:37 PM
 ;D ;D

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 09, 2005, 03:59:19 PM
“พลวัตร” ของภาพยนต์สงคราม

จากการที่ภาพยนต์สงครามเป็นภาพสะท้อนของบรรยากาศทางการเมืองและสังคมซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่มี “พลวัตร” สูง ภาพยนต์สงครามจึงมี “พลวัตร” ของการนำเสนอเนื้อหา และการเลือกนำเสนอเนื้อควบคู่ไปกับพลวัตรของบรรยาการทางการเมืองและสังคมในยุคต่างๆ นอกจากนี้เทคโนโลยีทางการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นก็ส่งอิทธิพลให้ภาพยนต์สงครามสะท้อนบรรยากาศทางการเมืองอย่างฉับไวมากขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในบางครั้งภาพยนต์ยังเป็นผู้สร้าง “บรรยากาศ” หรือภาพลักษณ์ของตัวขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ เป็นเรื่องไม่แปลกหากทหารที่ผ่านสงครามจริงๆ มาจะบรรยายภาพการบจริงๆ ว่า “เหมือนยังกับในภาพยนต์”

ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 สามารถแบ่งสมัยต่างๆ ของการเมืองและสังคมเพื่อพิจารณาพลวัตรของภาพยนต์สงครามที่สหรัฐฯ เป็นผู้สร้างได้ดังนี้  

1.1  แรกเริ่ม

ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) ถึงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง (1939-1945) ในช่วงนี้ผู้บริโภคส่วนมากสหรัฐฯ ไม่ได้ตระหนักว่าตนเป็นชาติมหาอำนาจที่จำเป็นต้องมีบทบาททางการเมืองและการทหารระดับโลก และในความเป็นจริงนั้นช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีศักยภาพที่จะเป็นมหาอำนาจระดับโลกจริงๆ ในความรู้สึกเป็นพันธมิตรหรือเป็นศัตรูกับชาติอื่นนั้น ก่อนการเข้าสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยังไม่มีมติทางสังคมที่เป็นเอกภาพแน่นอนว่าสหรัฐฯ จะต้องทำสงครามโพ้นทะเลเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มพันธมิตร สหราชอาณาจักร-ฝรั่งเศส-รัสเซีย ความสัมพันธ์ด้านการสงครามของสหรัฐฯ กับชาติมหาอำนาจยุโรป 3 ชาตินี้คือการที่สหรัฐฯ ทำสงครามกับสหราชอาณาจักรระหว่างปี 1812-1814 โดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศส การรบกับกลุ่มพันธมิตรเยอรมัน-ออสเตรีย/ฮังกาเรียน ของสหรัฐฯ ไม่ก่อให้เกิดบรรยากาศของความเป็นศัตรูอย่างรุนแรงในสังคม ถึงแม้ว่าจะมีการสูญเสียในระดับสูง แต่ก็ยังน้อยกว่าการสูญเสียชีวิตในการรบสงครมกลางเมืองอเมริกันหลายเท่า และจากการที่ยังไม่มีสื่อโทรทัศน์ทำให้บรรยากาศของศัตรูจำกัดอยู่ในวงแคบกว่าที่จะปรากฎในสมัยต่อๆ มา ในช่วงระหว่างสงครามบรรยากาศหลักของการเมืองและสังคมอเมริกันคือภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจที่เริ่มต้นในปี 1929 หลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดบรรยากาศของความชื่นชมการพัฒนาในรูปแบบต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งความชื่นชมจากการฟื้นตัวของประเทศต่างๆ ทั่วโลกนี้ได้ยังได้บดบังระบบเผด็จการนาซีที่กำลังแข็งแกร่งขึ้นในเยอรมัน ในช่วงทศวรรษที่ 30 ปรากฎการณ์ทางสังคมในประเทศสหรัฐฯ เองยังรวมความสนใจของผู้บริโภคมากกว่าเรื่องสงคราม เช่น เรื่องการห้ามดื่มเหล้า กลุ่มอิทธิพลนอกกฎหมาย และวัฒนธรรมในการบริโภคหลังภาวะตกต่ำ อย่างไรก็ตามปรากฎการณ์ทางการเมืองและสังคมหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมาได้วางรากฐานของบรรยาการมิตรและศัตรูให้แก่ผู้บริโภคภาพยนต์ และสิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งในสมัยนี้คืออิทธิพลของภาพยนต์อเมริกันที่แพร่หลายไปทั่วโลกจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์อันชอบธรรมของทั้งฝ่ายมิตรและศัตรู อดอฟ กัลลันด์ (Adolf Galland) นักบินขับไล่เยอรมันสมัยสงครามโลกครั้งที่สองผู้ที่ฮิตเลอร์เชื่อมือมากยังมีภาพส่วนตัวประจำเครื่องบินเป็น มิกกี้ เมาส์ ถือปืนพกในท่าที่ จอห์น เวนย์ จะต้องภูมิใจ

รูปแบบการนำเสนอภาพยนต์สงครามในยุคนี้จึงไม่ต่างกับภาพยนต์เคาบอยผจญภัยในตะวันตก เป็นได้ชัดว่ามีภาพยนต์สงครามน้อยกว่าภาพยนต์เคาบอยตะวันตก และภาพยนต์ที่เป็นเหตุการณืในประเทศมาก พระเอกในภาพยนต์สงครามในยุคนี้คือพระเอก สำหรับผู้ร้าย การแสดงบุคลิกของตัวละครเป็นเพียงการแสดงบทบาทเท่าที่จำเป็นตามบท ไม่ใด้มีชีวิตเท่ากับฝ่ายพระเอก เช่น เรื่อง For Whom the Bell Tolls ส่วนเรื่อง Sergeant York เป็นกรณีหนึ่งที่น่าสนใจเนื่องจากถูกสร้างขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อแสดงวีรกรรมของทหารอเมริกันสำหรับปลุกใจให้รักชาติ และสมัครเป็นทหารไปรบ ฝ่ายข้าศึกเป็นเพียงเงา และไม่แสดงถึงความโหดร้ายของสงคราม






[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2005, 05:55:53 PM
เรื่องนี้... ต้องดูหนัง + อ่านหนังสือทั้ง 2 อย่าง... ได้อรรถรสดีมากกกก...

ลองดูเนื้อในนะครับ ตามท้องเรื่องนี้... นี่คือครั้งสุดท้ายที่ผู้พันวินเทอร์ฯ ลั่นไกยิง .30-06 ใส่เป้าที่มีชีวิต... แล้วตลอดมหาสงครามอันยาวนานต่อจากจุดนี้ไปเป็นปีตามท้องเรื่อง... ผู้พันวินเทอร์"ไม่เคย"ลั่นกระสุนปืนในมือตนเองใส่ข้าศึกอีกเลย...

แต่เชื่อไหมครับ... บุคลิกผู้นำ ได้ฉายจับนายทหารผู้นำหน่วยที่ว่ากันว่าเยี่ยมที่สุดหน่วยหนึ่งในมหาสงคราม... ตลอดตั้งแต่ต้น จนจบสงคราม... ดูหนัง+อ่านหนังสือแล้ว... นายสมชายว่า Hollywood เลือกผู้แสดงได้เหมาะ... บุคลิกค่อยๆ เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ที่ได้รับ ตลอดเวลาที่ผ่านไป... ใน VCD แผ่นท้ายๆ เห็นเลยว่า ลูกน้องยอมตายแทนได้เลยครับ...

ใครที่กำลังเป็นผู้นำหน่วยรบ หรือหน่วยธุรกิจฯ... น่าศึกษาบุคลิกภาวะผู้นำจากตัวละครตัวนี้ครับ... อ้อไม่ใช่ตัวละคร... มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ครับ...

 ;D เรื่องนี้ผมซื้อ DVD มา 1 ชุด ประทับใจมาก ๆ ดูหลายรอบแล้วครับ เป็นจริงอย่างที่พี่สมชายบอกเลยครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mambo ที่ สิงหาคม 09, 2005, 07:09:26 PM



เรื่องนี้ก็ดีครับ


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ สิงหาคม 09, 2005, 08:20:02 PM
ผมชอบหลายๆเรื่องครับ..แต่ตอนนี้..เอาเรื่องนี้ก่อน
ยุทธวิธีรบในเรื่องนี้..ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก..
ทั้งการรุกและการรับ...
ให้คุณL/Eอธิบายจะเห็นภาพได้ดีกว่าผม..โดยเฉพาะเรื่อง mental ของตัวละคร
"TEARS OF THE SUN"

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2005, 08:38:11 PM
ลองดู The Lost Bttalion ดู ครับสร้างจากเรืองจริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดูแล้วชอบครับ....ทหารเมกา1กองพัน(ทั้งกองพันมีประมาณ 700 คน)เข้าไปติดอยู่ในกลางวงล้อมเยอรมัน...ไม่มีการสนับสนุนใด ๆ ...โดนปืนใหญ่พวกเดียวกันถล่ม...วิทยุใช้ไม่ได้...ผลเป็นเช่นใด..ไม่บอกก๊าบบบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ สิงหาคม 09, 2005, 08:38:43 PM
   ตามมาเชียร์..คุณ LE และ นายสมชาย(ฮา) ครับ... สำหรับ คุณ LE ชื่นชม ในความรอบรู้ครับ ..  ส่วน นายสมชาย(ฮา) สำนวนชวนติดตาม ..มีมุขครับ...จะคอยติดตามอ่านนะครับ...  :D :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ สิงหาคม 09, 2005, 09:34:54 PM
เมื่อคืนดู We were soldiers  อีกรอบ ครับ ดูแล้วคิดได้ว่า ตอนหนุ่มทั้ง 2 คน ต่างวางแผนการรบเพื่อที่จะเอาชนะ  พอแก่ตัวลง ก็มาเป็นเพื่อนกัน  ผมว่าสงครามเกิดมาจากการแตกแยกทางความคิด การปกครอง เศรษฐกิจ ฯลฯ  แต่สุดท้ายหลังเสร็จศึก ก็เป็นเพื่อนกัน ได้ครับ  จึงขอยกตัวอย่างคำพูดในภาพยนต์ XXX ภาค 2 นะครับ  "สงครามเกิดแล้วจบ สหายร่วมรบคงอยู่ตลอดไป"  สวัสดีครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ สิงหาคม 09, 2005, 10:05:01 PM
ตามมาเชียร์..คุณ LE และ นายสมชาย(ฮา) ครับ... สำหรับ คุณ LE ชื่นชม ในความรอบรู้ครับ .. ส่วน นายสมชาย(ฮา) สำนวนชวนติดตาม ..มีมุขครับ...จะคอยติดตามอ่านนะครับ... :D :D

เห็นด้วยครับๆ น่าไปเป็นพิธีกรคู่เลยครับ แนะนำเพิ่มเติมครับ Crimson Tide (เรือดำน้า นายทหารที่อาวุโสน้อยกว่าขัดแย้งกับผู้อาวุโสโดยมีการคานอำนาจกัน), Windtalkers (ใช้ภาษษาอินเดียนแดงรหัสภาษาในการสื่อสารทางวิทยุไม่ให้ญี่ปุ่นถอดได้ แนวซึ้ง), Rules Of Engagement (พระเอกที่เป็นนาวิกโยธินต้องถูกดำเนินคดีว่ากระทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่าในการปกป้องสถานฑูตสหรัฐฯในประเทศตะวันออกกลาง)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 01:16:33 AM

หนังเรื่องล่าสุด...ของนายคนนี้ที่ชอบดู...แต่ไม่รู้จะเขียนถูกหรือปล่าว...the total sum of all fear...ที่มี...เบน เอฟแฟลก...กับ มอแกน ฟรีแมน...เป็นดารานำ...ก็ชอบครับ...

 

 ;D the sum of all fear คับท่าน tra...

ในเรื่องเป็นยุคเกือบพ้นสมัยสงครามเย็นแล้ว...

กำลังเพ่งเล็งถึงภัยจากการก่อการร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อการร้ายโดยอาวุธนิวเคลียร์...

ตามท้องเรื่องในหนังสือ แจ็ค ไรอัน ต้องเป็นรองผู้อำนวยการซี ไอ เอ แต่ในหนังกลับเป็นช่วงที่ แจ็ค เพิ่งเข้ามาทำงานกะ ซี ไอ เอ...

ซึ่งทำให้ซีเคว้นท์ของหนังผิดเพราะกลายเป็นก่อนเรื่อง the patriot ไปคับ... ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 01:20:06 AM
ตามยุคช่วงที่ 1 ที่ท่าน LE บอกนี่พอจะรวม อินเดียน่า โจนส์ เข้าไปด้วยได้ไหมคับ...

แบบว่าพอกล้อมแกล้มเป็นหนังสงครามไหวไหม...

หรือจะโดนจัดเป็นหนังผจญภัย/ตลกไปก็ไม่รู้...

แต่เรื่องนี้ผมชอบชะมัดเลยคับ...;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 07:36:20 AM

หนังเรื่องล่าสุด...ของนายคนนี้ที่ชอบดู...แต่ไม่รู้จะเขียนถูกหรือปล่าว...the total sum of all fear...ที่มี...เบน เอฟแฟลก...กับ มอแกน ฟรีแมน...เป็นดารานำ...ก็ชอบครับ...

 

 ;D the sum of all fear คับท่าน tra...

ในเรื่องเป็นยุคเกือบพ้นสมัยสงครามเย็นแล้ว...

กำลังเพ่งเล็งถึงภัยจากการก่อการร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อการร้ายโดยอาวุธนิวเคลียร์...

ตามท้องเรื่องในหนังสือ แจ็ค ไรอัน ต้องเป็นรองผู้อำนวยการซี ไอ เอ แต่ในหนังกลับเป็นช่วงที่ แจ็ค เพิ่งเข้ามาทำงานกะ ซี ไอ เอ...

ซึ่งทำให้ซีเคว้นท์ของหนังผิดเพราะกลายเป็นก่อนเรื่อง the patriot ไปคับ... ;D


ขอบคุณครับ...พี่rute...สงสัยผมคงจะเพิ่ม...ผลรวมของ...ความกลัวภัยคุกคาม...ที่สุดของอเมริกาเข้าไปด้วยครับ...อิๆ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 10, 2005, 09:06:06 AM
สนับสนุนข้อมูลตามหัวข้อของคุณ LE ครับ...

คุณ LE กำลังขมวดประเด็น...

..."พลวัตร" ของหนังสงครามจากที่ Hollywood ค่อยๆ เลิก"เล่นอยู่ในประเทศ" ออกมาสู่โลกกว้าง เนื่องจากความสนใจของสังคมเป็นตัวพาอุตสาหกรรมภาพยนต์... การตระหนักของอเมริกันชน ว่าตัวเองคือมหาอำนาจ คือจุดพลิกผันที่ทำให้อเมริกันเข้าไป"ยุ่มย่าม"ในประเทศอื่นทั่วโลก ทำตัวเหมือน"ตำรวจโลก" ตามที่พวกเราชอบกระแนะกระแหนอเมริกันชน

จุดพลิกผันของนักศึกษาการเมืองระหว่างประเทศคือ... การที่อเมริกาประกาศลัทธิทรูแมน(Doctrine: US. will defend freedom and democracy worldwide) และการใช้แผนมาแชล ครับ...

สรุปลัทธิทรูแมนคือบอกว่า... คอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ ต้องตามไปทำลาย แม้ว่าจะอยู่นอกประเทศ(ประเด็นนี้ยังคงค้าง เอาไว้ในรัฐธรรมนูญอเมริกันครับ... "Clear and present danger"... เหมือนชื่อหนังสืออีตาทอม แคลนซี่ เลย... ฮา)

และสรุปแผนมาแชล... บอกว่า อเมริกันจะให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจแก่มิตรประเทศ (ประเด็นนี้อเมริกันอยากใช้เป็นการฉีดวัคซีนป้องกันคอมมิวนิสต์... และเป็นเครื่องมือสร้างความพึ่งพา เป็นลูกแหง่...)

นายสมชายไม่ลงในรายละเอียดครับ เพราะความรู้ไม่ถึง... แต่เอา Link ที่เกี่ยวข้อง มายั่วน้ำลายครับ... ประเด็นนี้ นอกจากคุณ LE แล้ว... คาดว่าคงมีนักการทหารระดับผ่านโรงเรียนเสนาธิการฯ ในเวบอีกหลายท่านสามาถให้ข้อคิดได้ดีกว่านายสมชายครับ...

Link นี้เป็น E-Learning ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการสือมวลชน... CNN ไงครับ... เจ้าของคือบริษัท Time Warner ที่นี่ครับ...

http://learning.turner.com/cnn/coldwar/marshall/mpln_ttl.html

ใน Link ข้างบนมีขอมูลให้ค้นโน้นค้นนี่อีกแยะ... ที่น่าสนใจอีกคือ Cold War's Time's line ครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 10, 2005, 09:16:34 AM
ขออนุญาตเลี้ยวเข้าซอยนอกเรื่องนิดหนึ่ง
พี่สมชายเป็นเป็นแฟนมติชนสุดสัปดาห์เหมือนกันหรือครับ สังเกตจากสำนวนที่ใช้
 ::)

สำนวนของคุณสุจิตต์ วงศ์เทศครับ... นายสมชายยืมมา

นายสมชายอ่านหนังสือฉบับนี้ตั้งแต่"ธนุส นิราลัย"ยังเหน็บ Colt Officers ACP ไปเป็นสารวัตรเถื่อนๆ... จากนั้น"ธนุสฯ"ก็ ขึ้นเหนือไปแถวๆ แม่ลาว... แล้วก็วกกลับเข้าวนเวียน กทม.สลับกับชายแดนภาคเหนือเพื่อหักลิ้นช้าง... จนในที่สุดกลายเป็น"นิราโยภิกขุ"ครับ...

นายสมชายเห็นเงาปากกาของท่านนายพลตำรวจเอกวศิษฐ์ฯ ในหนังสือ อวป. ด้วยครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ สิงหาคม 10, 2005, 09:30:06 AM
...ผมก็เป็นแฟน "ธนุส" เหมือนกันครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ สิงหาคม 10, 2005, 09:48:37 AM

หนังเรื่องล่าสุด...ของนายคนนี้ที่ชอบดู...แต่ไม่รู้จะเขียนถูกหรือปล่าว...the total sum of all fear...ที่มี...เบน เอฟแฟลก...กับ มอแกน ฟรีแมน...เป็นดารานำ...ก็ชอบครับ...

 

 ;D the sum of all fear คับท่าน tra...

ในเรื่องเป็นยุคเกือบพ้นสมัยสงครามเย็นแล้ว...

กำลังเพ่งเล็งถึงภัยจากการก่อการร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อการร้ายโดยอาวุธนิวเคลียร์...

ตามท้องเรื่องในหนังสือ แจ็ค ไรอัน ต้องเป็นรองผู้อำนวยการซี ไอ เอ แต่ในหนังกลับเป็นช่วงที่ แจ็ค เพิ่งเข้ามาทำงานกะ ซี ไอ เอ...

ซึ่งทำให้ซีเคว้นท์ของหนังผิดเพราะกลายเป็นก่อนเรื่อง the patriot ไปคับ... ;D


patriot games หรือเปล่าครับ :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 10, 2005, 10:42:04 AM
เมื่อก่อนท่านเขียนให้ ธนุส ใช้ เดโทนิค .45 และ สมิธ โมเดล 27    ...โอ้ย พระเอกผม ใช้แต่ปืนหายากทั้งนั้น  ไม่เหมือน "ลว.สุดท้าย"  พระเอกใช้ คาร์ไบน์ .30  :)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 06:05:32 PM
ผมชอบเรื่อง เซฟวิ่งไพรเวทไรอั่น น่ะ......


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ สิงหาคม 10, 2005, 06:28:12 PM
ล่าสุดมีดีวีดีชุด The Remembrance of War ออกมาก็ทำได้ดี เรื่องราวของสงครามผ่านความเห็นของทหารผ่านศึก กึ่งสารคดีก็ได้มุมมองอีกแบบหนึ่ง
เรื่องคริมสัน ไทด์ เรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ชั้นยอดของยูเอสเนวี่ ต้องออกทะเลปฏิบัติภารกิจด่วน และต้นเรือ(Second in command)ไม่สามารถออกเรือได้ ทางบก.จึงส่งต้นเรือคนใหม่(เดนเซล วอร์ชิงตัน)มา"สมทบ"ปฏิบัติราชการ(ภาษาทหารเรือครับ) ซึ่งก็ไม่ค่อยเป็นที่ชอบขี้หน้าของผบ.เรือเท่าไหร่(ยีน แฮ๊คแมน) นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดที่ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน มันก็ยุ่งหล่ะครับ เบอร์1 กับเบอร์2 คิดต่างกัน ลูกน้องก็เลยแบ่ง(กันเอง)เป็นสองฝ่าย สุดท้ายก็ผิดทั้งคู่ในเรื่องการปกครองบังคับบัญชา หนังเรื่องนี้ทหารเรือ(ที่ทำงานในเรือ)ชอบดูมาก เพราะให้แง่คิดต่างๆได้ดี
อีกเรื่องคือK-19 ผมชอบตอนที่ผู้การเรือ(แฮริสัน ฟอร์ด)บอกกับลูกเรือตอนมารับหน้าที่ใหม่ๆต่อหน้าแถวทหารว่า "Without me   you're nothing, Without you   I'm nothing." ฟังแล้วขนลุก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: เรียว ที่ สิงหาคม 10, 2005, 06:47:39 PM
ไม่มีใครพูดถึง ENEMY AT THE GATE บ้างเลย

** (ทำไมแนบรูปไม่ได้เอ่ย) ** โฟลเดอร์เต็มอีกแล้วหรือครับ ท่าน วมต.
ชอบครับ สุดยอดสไนเปอร์ รัสเซียกับเยอรมัน ชิงไหวชิงพริบกัน ใครยังไม่ได้ดูลองหามาดูนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 08:07:57 PM
   ;D เมื่อคืนหยิบเอาหนังเรื่อง DARK BLUE WORLD (รักเหนือฟ้า ฝ่าสมรภูมิเลือด) เป็นเรื่องราวของนักบินชาวเชคฯ คนหนึ่งเป็นครูการบิน คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ ที่หนีออกจากประเทศของตนเองหลังถูกนาซียึด แล้วมาอยู่หน่วยบินต่างด้าวในอังกฤษ เป็นหนังรักผสมหนังสงครามครับ มีฉากการบินด๊อกไฟท์ของเครื่องบินอยู่หลายฉาก น่าดูครับ ;D
(http://images.rottentomatoes.com/images/movie/coverv/48/192948.jpg)

   ;D อีกเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบินคือ The Memphis Belle ครับ เรื่องราวของเหล่าลูกเรือของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ชื่อ Memphis Belle ของกองทัพบกอเมริกาในอังกฤษ ที่จะต้องบินในภาระกิจสุดท้ายก่อนที่จะถูกส่งกลับบ้านเกิด แต่ภาระกิจสุดท้ายของพวกเค้ากลับเป็นภาระกิจที่เสี่ยงมาก เค้าจะต้องบินให้อยู่รอดเพื่อที่จะได้กลับบ้าน เรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Memphis Belle ครับ ลองเยี่ยมชมประวัติของ Memphis Belle จริง ๆ ได้ที่เวบ www.memphisbelle.com และ www.memphis-belle.com ครับ ;D
(ใครพบเห็นแผ่น DVD หรือ VCD หนังเรื่องนี้ช่วยแจ้งผมด้วยครับ ของผมมันหายไป เสียดายมาก ชอบมากอยากซื้อเก็บไว้ครับ :~))
(http://images.rottentomatoes.com/images/movie/coverv/19/134119.jpg)

   ;D เรื่อง TORA! TORA! TORA! หนังที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงเกี่ยวกับการวางแผนและโจมตีเพิลฮาร์เบอร์ของญี่ปุ่น โดยคำว่า TORA! TORA! TORA! คือสัญญาณสั่งเริ่มทำการทิ้งระเบิดกองเรืออเมริกา เรื่องราวของหนังเรื่องนี้หลายส่วนถูกนำไปสร้างเป็นหนังเรื่องเพิลฮาร์เบอร์ บางฉากก็ก๊อปมาเลยครับ น่าสะสมไว้อีกเรื่องหนึ่งครับ ;D
(http://images.rottentomatoes.com/images/movie/coverv/66/173866.jpg)

   ;D THIN RED LINE เรื่องราวของทหารอเมริกันในสมรภูมิแปซิฟิค ที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ในจิตใจนั้นก็มีความกลัวอยู่ ซึ่งจะแตกต่างจากหนังวีรบุรุษสงครามที่ทั้งเก่งทั้งกล้าไม่กลัวตาย ;D
(http://images.rottentomatoes.com/images/movie/coverv/14/185814.jpg)

   ;D นึกได้แค่นี้ก่อนครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 10, 2005, 10:59:30 PM
patriot games หรือเปล่าครับ :D

 ;D ขอบคุณคับท่านบ้านชายหาด...

patriot games จริงๆคับดันจำสับกับ the patriot (หนังโปรอเมริกันไป)... :-[


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 10, 2005, 11:17:48 PM
ที่ Boomerang ...  Central City ...  บางนา-ตราด กม. 3 มีหนัง Cowboy เก่าๆ เข้ามาหลายเรื่อง คุณยุทธนา ผู้จัดการสั่งเข้ามาเอง เห็น The Wild Bunch เมื่อวันจันทร์ วันพุธนี่หายไปแล้ว คุณยุทธนาบอกว่าเป็น Lot แรก ... ยังมีตามมาอีก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 11, 2005, 10:22:33 AM
อิ อิ ส่วนตัวผมอยากจับ อินดี้ โจนส์ เป็นภาพยนต์ผจญภัยครับคุณหมอ เพราะถึงมีเรื่องเกี่ยวกับสงครามก็เป็นการไปยึมสมัยที่เกิดสงครามมาเป็นฉากหลัง เนื้อหาและการนำแสนอภาพยนต์ไม่ได้เป็นเรื่องเหตุการณ์ใดขแงสงครามที่มี เหตุ เนื้อหา และผลของการยุทธนั้นในเรื่อง

ชุด อินดี้ ผมก็ชอบมากๆๆ เลยครับ เป็นบทที่ผมชอบมากที่สุดของ แฮริสัน ฟอร์ด เลยทีเดียว ผมว่าตัวละครมีความเป็นพระเอกมาก เก่ง สุขุมใ้ช้ได้ มีอารมณ์ขัน มีความเชื่อในวิชาชีพของตัว และเป็นอิสระในตัวเอง ตามแบบอย่างนักผจญภัยผู้ดี แบบ Lord John Roxston ในนิยายเรื่อง The Lost World ของ Conan Doyle หรือบุคคลจริงๆ พวก T.E. Lawrence (Lawrence of Arebia) และพวกผู้ดีอังกฤษนักลุยคนอื่นๆ

เลยขอแนะนำเรื่อง Hannover Street (1979) ที่ แฮริสัน ฟอร์ด แสดง เป็นเรื่องช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (แต่เป็นภาพยนต์ยุคสงครามเย็นในลักษณะที่ไม่ีเด่นนัก ตามที่จะขอพยายามเขียนต่อไปครับ) ฟอร์ด เป็นพระเอกนักบินเครื่อง B 25 เตรื่องทิ้งระเบิด 2 เครื่องยนต์ ขนาดเล็กหน่อย มีเรื่อง "กิ๊ก" เมียชาวบ้าน และมีบทไปปฏิบัติการลับในดินแดนยึดครองด้วย ฟอร์ด เริ่มทำหน้ายิ้มเยาะไม่ยี่หระที่เป็นบุคลิกของ ดร. โจนส์ ด้วยครับ

ส่วนชุด "อินดี้หนุ่ม" ผมชอบตอนที่ไปแย่งจีบสาวกับ "เฮมมิงเวย์" มากที่สุด นางเอกน่ารักดี (ฮ่า ฮ่า) ตอนหลัง เฮมมิงเวย์ บาดเจ็บไปเจอนางพยาบาลนางเอกในชีวิตจริงของเฮมมิงเวย์ซึ่งเป็นประสบการณ์ให้เฮมมิงเวย์เขียนเรื่อง A Farewell to Arms และเป็นเหตุการณ์ที่เอามาสร้างภาพยนต์เรื่อง In Love and War หนังสือเรื่องนี้มีชื่อเดียวกันครับ ปกหน้่ายังเป็นภาพโปสเตอร์ภาพยนต์เลย เพื่อนเฮมมิงเวย์รวบรวมจากจดหมาย/ภาพของจริงครับ มีภาพนางพยาบาล ฟอน คูโรวสกี้ ด้วย ตัวจริงดูแย่กว่า แซนดร้า บูลล๊อก มาก  

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 11, 2005, 12:24:12 PM
นายสมชายอ่านหนังสือฉบับนี้ตั้งแต่"ธนุส นิราลัย"ยังเหน็บ Colt Officers ACP ไปเป็นสารวัตรเถื่อนๆ...
สารวัตรเถื่อน ใช้เดโทนิค ลำกล้องสั้น เหมือนท่านโทนว่าครับ หิ้วกระเป๋า ซัมโซไนท์อีกใบ
ส่วน แม่ลาวเลือด ใช้สมิท ในฉากเปิดเรื่องตอนเจอกะลำเภาที่บ้านอธิบดี เพิ่งทราบว่าเป็นโมเดล27 ส่วน ลว.สุดท้าย หนังสือหายตอนย้ายบ้าน :~) :~)


นายสมชายเห็นเงาปากกาของท่านนายพลตำรวจเอกวศิษฐ์ฯ ในหนังสือ อวป. ด้วยครับ...
;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 11, 2005, 04:18:15 PM
ส่วนชุด "อินดี้หนุ่ม" ผมชอบตอนที่ไปแย่งจีบสาวกับ "เฮมมิงเวย์" มากที่สุด นางเอกน่ารักดี (ฮ่า ฮ่า) ตอนหลัง เฮมมิงเวย์ บาดเจ็บไปเจอนางพยาบาลนางเอกในชีวิตจริงของเฮมมิงเวย์ซึ่งเป็นประสบการณ์ให้เฮมมิงเวย์เขียนเรื่อง A Farewell to Arms และเป็นเหตุการณ์ที่เอามาสร้างภาพยนต์เรื่อง In Love and War หนังสือเรื่องนี้มีชื่อเดียวกันครับ ปกหน้่ายังเป็นภาพโปสเตอร์ภาพยนต์เลย เพื่อนเฮมมิงเวย์รวบรวมจากจดหมาย/ภาพของจริงครับ มีภาพนางพยาบาล ฟอน คูโรวสกี้ ด้วย ตัวจริงดูแย่กว่า แซนดร้า บูลล๊อก มาก [/color]

คุณต็อก ชอบเหมือมผมเลย   :D  อินดีเป็นทหาร สังกัด เบลเยี่ยม    ส่วนในหนัง In love and War  บูลล๊อก ส่งสายตาได้หยาดเยิ้มจริงๆ  :)    :VOV: :VOV:

ยังมีช่วงที่อินดี เข้ารบในแอฟริกาเหนือ ตอนนี้ก็สนุก และผมยังชอบชุดผจัญภัย วัยเด็กของโจนส์ อีกด้วย ผูกเรื่องได้สนุก มีอารมณ์ขัน เยอะ สอดเกร็ดประวัติศาสตร์ไว้ เจอบุคคลสำคัญ เช่นตอนที่ ด.ช. โจนส์  สนทนากะ ซิกส์มันฟรอยด์  ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 11, 2005, 04:55:42 PM
ผมชอบเรื่อง เซฟวิ่งไพรเวทไรอั่น น่ะ......

เรื่องนี้... ได้ลูกโลกทองคำไปก่อน... เสียดายไม่ได้ออสการ์ นายสมชายสงสัยเนื้อหาไม่หนักครับ เทียบกับ The Pianist หรือ Schindler's List แล้วไปหนักที่ฉากแอคชั่นยิ่งใหญ่ตามสไตล์สปิลเบอร์ก...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: INTEND ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:01:32 PM
 
   ;D อีกเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบินคือ The Memphis Belle ครับ เรื่องราวของเหล่าลูกเรือของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ชื่อ Memphis Belle ของกองทัพบกอเมริกาในอังกฤษ ที่จะต้องบินในภาระกิจสุดท้ายก่อนที่จะถูกส่งกลับบ้านเกิด แต่ภาระกิจสุดท้ายของพวกเค้ากลับเป็นภาระกิจที่เสี่ยงมาก เค้าจะต้องบินให้อยู่รอดเพื่อที่จะได้กลับบ้าน เรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Memphis Belle ครับ ลองเยี่ยมชมประวัติของ Memphis Belle จริง ๆ ได้ที่เวบ www.memphisbelle.com และ www.memphis-belle.com ครับ ;D
(ใครพบเห็นแผ่น DVD หรือ VCD หนังเรื่องนี้ช่วยแจ้งผมด้วยครับ ของผมมันหายไป เสียดายมาก ชอบมากอยากซื้อเก็บไว้ครับ :~))
(http://images.rottentomatoes.com/images/movie/coverv/19/134119.jpg)

 

  เรื่องนี้ ใช่ที่ตอนจบ แล้วฐานล้อมันไม่กาง :OO ต้องหมุนด้วยมือใช่ไหมครับ แถมยังมีเครื่องยนคฃต์ไฟไหม้ต้องบินโฉบ
ให้ไฟดับด้วย
 
  ไม่แน่ใจว่าเรื่องเดียวกันหรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:12:55 PM
เรื่องนี้ ใช่ที่ตอนจบ แล้วฐานล้อมันไม่กาง :OO ต้องหมุนด้วยมือใช่ไหมครับ แถมยังมีเครื่องยนคฃต์ไฟไหม้ต้องบินโฉบ
ให้ไฟดับด้วย
 
 ไม่แน่ใจว่าเรื่องเดียวกันหรือเปล่าครับ

 ;D ใช่เลยครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:15:50 PM
เรื่อง Saving Private Ryan นี่แย่มาก ทำให้เบื่อภาพยนต์สงครามเรื่องอื่นหมดเลยครับ ยกเว้นเรื่องที่แสดงประวัติศาสตร์จัดๆ อย่าง The Longest Day หรือเรื่องที่สร้างได้สมกันอย่าง Blackhawks Down

แถม Savingฯ ทำให้เสียเงินไปดูในโรงตั้งหลายรอบ ได้ยินมาว่ามีทหารเมกันที่เคยรบสงครามโลกครั้งที่สองมาหนักๆ ถึงกับช๊อกเพราะรำลึกถึงตอนนั้นจนต้องหามส่ง รพ. ลุงแกคงแก่มากแล้วด้วยละ ของจริงที่หาดโอมาฮ่ายิงกันถึงบ่ายแก่ๆ กว่าจะยึดได้..

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:22:17 PM
 ;D Saving Private Ryan เรื่องนี้ผมก็ติดใจอย่างมาก ๆ ดูแล้วดูอีก หลายสิบรอบแล้วครับ เรื่องนี้สร้างภาพได้สมจริงมากครับ เว้นอยู่ตอนเดียวคือตอนที่เหล่าทหารพันธมิตรกำลังรุมหย่อนระเบิดใส่รถถังไทเกอร์ของเยอร์มัน แล้วทหารเยอรมันอีกหน่วยเอาปืน 20 มม. ยิงใส่ ทหารพันธมิตรดูเป็นหุ่นมากไปหน่อยครับ นอกนั้นชอบหมด ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:34:00 PM
โอ้ว โดน 20 มม. ยิงจนหัวหลุดจากตัวเลย น่าสยองมากครับ ตอนรถถังวิ่งเข้ามา เสียงตีนตะขาบกระหึ่มโรง ผมยังกลัวจริงๆ เลย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2005, 05:39:06 PM
 ;D ตอนรอระหว่างไทเกอร์กำลังวิ่งเข้ามา พื้นสั่นจนรู้สึกสั่นไปด้วยเลย :DD ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ต่อครับ ที่ สิงหาคม 11, 2005, 06:02:13 PM
 ;D

อ้างถึง
เรื่อง Saving Private Ryan นี่แย่มาก ทำให้เบื่อภาพยนต์สงครามเรื่องอื่นหมดเลยครับ
[/color]

เห็นด้วยสุดๆเลยครับ ตั้งแต่เรื่องนี้มาหาหนังสงครามที่ดีเท่าหรือดีกว่าดูไม่ได้เล้ยยยย
ที่พอจะโอเคหน่อยก้อ Band of Brothers ครับ

 ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 11, 2005, 08:22:13 PM
(http://victoryatseaonline.com/war/ww2/images/midway.gif) (http://images.amazon.com/images/P/B0000AZROJ.03._SCLZZZZZZZ_.jpg)


(http://www.kinokunst.de/poster_d/Title_S/SchlachtUmMidway_G1_ED15.jpg)

(http://images.amazon.com/images/P/B00005N5S3.01._SCLZZZZZZZ_.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 11, 2005, 08:45:47 PM
(http://www.history.navy.mil/photos/images/g10000/g17054.jpg)



(http://www.history.navy.mil/photos/images/g310000/g312018.jpg)




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 11, 2005, 08:52:01 PM
(http://www.nestbox.com/trips/midway/midway.jpg)


(http://www.cs.utexas.edu/users/jhchuah/encrypt/images/midway%20plan.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ สิงหาคม 11, 2005, 10:23:48 PM
พ่อผมเคยไปลงที่ Midway (เครื่องใบพัด) ลงเติมน้ำมัน บอกว่าเดินไปทางไหนก็ได้ยินเสียงคลื่นซัด ถามฝรั่งว่า ตัวเมืองอยู่ไหน "Right here" เป็นคำตอบ ว่ากันว่า Midway เป็นหนังที่มีฉากรบที่ Pearl Harbor สมจริงที่สุด Tora, Tora, Tora ก็ดีครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ สิงหาคม 11, 2005, 11:21:40 PM
พ่อผมเคยไปลงที่ Midway (เครื่องใบพัด) ลงเติมน้ำมัน บอกว่าเดินไปทางไหนก็ได้ยินเสียงคลื่นซัด ถามฝรั่งว่า ตัวเมืองอยู่ไหน "Right here" เป็นคำตอบ ว่ากันว่า Midway เป็นหนังที่มีฉากรบที่ Pearl Harbor สมจริงที่สุด Tora, Tora, Tora ก็ดีครับ
ท่านบอกไม๊ครับ ว่าลงยากรึปล่าว น่าจะเจอ cross wind สูงๆ หรือไม่ก็ shear windนะครับ  (ภาพรันเวย์ สวยมากครับคุณ51)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 12, 2005, 02:25:39 AM
ภาพของท่าน 51 งามมากๆคับ...

พอจะมีภาพเรือประจัญบานอาริโซน่าบ้างไหมคับ...;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 12, 2005, 02:28:03 AM
พ่อผมเคยไปลงที่ Midway (เครื่องใบพัด) ลงเติมน้ำมัน บอกว่าเดินไปทางไหนก็ได้ยินเสียงคลื่นซัด
ถามฝรั่งว่า ตัวเมืองอยู่ไหน "Right here" เป็นคำตอบ
ว่ากันว่า Midway เป็นหนังที่มีฉากรบที่ Pearl Harbor สมจริงที่สุด Tora, Tora, Tora ก็ดีครับ



(ภาพรันเวย์ สวยมากครับคุณ 51)


ขอบคุณครับที่ท่าน Enruoblem ชอบ.....(ปลื้ม)

เปรียบเทียบให้ดูครับ...ว่าตอน ค.ศ.1942 กะปัจจุบัน อิ อิ

น่า landing ผิดกันแยะ....เรยยยย์.....


(http://www.nestbox.com/trips/midway/midway.jpg)




งานนี้...ผม post เรื่องนี้....น้ำหมากกระจายยยย....แหง่ม ๆ เหมือน Hawaii Five-O เป็นแน่.....

ไม่อยากบอกว่า....เกิดทัน...หนังสองเรื่องนี้เลย......เคี๊ยก!!!!!

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 12, 2005, 02:38:38 AM
ภาพของท่าน 51 งามมากๆคับ...

พอจะมีภาพเรือประจัญบานอาริโซน่าบ้างไหมคับ...;D

จาดดดดดด....ห้ายยยยยย....ครับ

ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ที่ เพิร์ลฮาเบอร์ ครับ.....



(http://www.temple.edu/history/images/ussarizona1941.gif)


ส่วนภาพนี้....ตั้งแต่ครั้งญี่ปุ่นยังไม่ได้บุก....ครับ


(http://www.homeofheroes.com/pearlharbor/5_az_before.jpg)

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 12, 2005, 02:50:44 AM
(http://www.homeofheroes.com/pearlharbor/5_exp_sm.gif)       (http://www.ingrids-welt.de/reise/haw/bilder/plane11.gif)


จุดจอดเรืออริโซน่า....ในวันที่ญี่ปุ่นบอมบ์...ครับ


(http://www.homeofheroes.com/pearlharbor/5_vestal_arizona.jpg)



จาดดดดด...ห้าย....ท่าน ruth เลยนะเนี่ย......อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 12, 2005, 02:53:13 AM
ปัจจุบัน...กลายเป็นอนุสรณ์และแหล่งท่องเที่ยว...ครับ

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....


(http://www.aracnet.com/~kaminski/TripPics/ArizonaMemorialModel.jpg)




[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ สิงหาคม 12, 2005, 04:40:20 PM
 :VOV:ชอบครับ หาภาพมาเพิ่ม เห็นหมายเลขรันเวย์ด้วยครับ :VOV:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ สิงหาคม 13, 2005, 06:37:31 PM
สวยครับ  และเป็นการต่อสู้ที่สุดยอดมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: b@ll - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 14, 2005, 07:47:06 PM
(http://okladki-divx.neostrada.pl/covers/p/platoon.jpg)

 ;D ผมชอบดูหนังสงครามประเภทนี้ครับ สหรัฐกับทหารเวียดกง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ สิงหาคม 14, 2005, 08:04:41 PM
 ;D
วันนี้ได้นั่งดู Blackhawk down อีกรอบทาง UBC
ก็บันเทิงดีครับ  แต่ผมว่าลูกปืนมันเยอะเกินไปหน่อย
แล้วพวก Marines กับพวก Delta Force ก็ยิงปืนแม่นเกินเหตุไปนี๊ด

พวก Special Effect ที่เป็นวิถีกระสุนบวกเสียงในหนังสงครามสมัยหลังๆนี่น่ากลัวกว่าสมัยก่อนเยอะเลยนะครับ
ก่อนจะได้ดู Saving Private Ryan ที่เต็มอารมณ์กับฉากเปิดเรื่อง
จำได้ว่าเรื่องแรกที่ติดตาคือ Forest Gump ตอนที่หมู่ของเขาเดินลาดตระเวณแล้วโดนเวียดกงซุ่มโจมตีน่ะครับ
เห็นภาพบวกได้ยินเสียงแล้วก็รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องไปจับปืนรบกับใครในสงคราม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 14, 2005, 08:16:48 PM
ภาพจริงจากสงครามเวียดนาม ครับ....
ในภาพแสดงแบบ...โดย ทหารสหรัฐและเวียดกง....ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม...ครับ



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 14, 2005, 09:54:13 PM
(http://okladki-divx.neostrada.pl/covers/p/platoon.jpg)

 ;D ผมชอบดูหนังสงครามประเภทนี้ครับ สหรัฐกับทหารเวียดกง

 ;D ผมลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย เป็นอีกเรื่องที่ผมชอบครับ ซื้อ DVD เก็บไว้แล้ว ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 15, 2005, 12:42:42 AM
ขอบคุณท่าน 51 อย่างสูงคับ...

สำหรับภาพของเรืออาริโซน่าคับ...;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 16, 2005, 01:38:28 PM
เรื่อง Midway สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองครอบรอบชาติเมกันในปี 1976 ด้วยละครับ

ตัดต่อหนังที่ถ่ายจากการรบจริงๆ มาด้วย อย่างน้อยๆ ตอนที่เครื่องบิน "เฮลแคท" ของพระเอกที่พ่อเป็นนายทหารใหญ่ร่อนลงเรือบรรทุกเครื่องบิน พอตะขอท้านเครื่องเกี่ยวลวดบนดาดฟ้า ลวดดึงเครื่องบินที่เสียหายมาขาดกลางลำ ส่วนหน้าวิ่งไปชนหอบังคับการเรือ หรือป้อมปืน ปตอ. บนดาดฟ้า ปีกขาดทั้งสองข้าง เหลือแต่ส่วนหัวกับห้องนักบิน ในภาพยนต์นักบินบาดเจ็บหามไปรักษา แต่ของจริงปีนออกมาเองเฉยครับ

เพิ่งอ่านหนังสือการรบทางอากาศสมัยสงครามโลกครั้งที่สองอีกเล่ม The big show ของ Pierre Closterman ครับ เป็นนักบินฝรั่งเศสที่อยู่นอกฝรั่งเศสตอนเยอรมันมายึกครอง และไปบินเครื่องบินขับไล่หลายรุ่นในกองทัพอากาศอังกฤษ ยิงเครื่องบินข้าศึกตก 34 เครื่อง เป็นเครื่องเยอรมันล้วนๆ ไม่นับที่ทำลายเครื่องบินข้าซศึกบนพื้นดิน รถไฟ รถบรรทุก ฐานจรวด วี 1 ฯลฯ อีกมาก

เรื่องนี้เขียนได้ดีมากครับ บรรยายรายละเอียดดี และมีเทคนิกเครื่องบินต่างๆ ดีมากเพราะเขาจบวิทยการบินที่ Cal. Tech. USA ก่อนฝึกเป็นนักบิน



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NPD ที่ มกราคม 16, 2006, 11:13:12 AM
ยกกระทู้ครับ กำลังอ่านมันส์ ๆ สมาชิกใหม่จะได้เข้ามาดูครับผม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อาร์ พี จี. ที่ มกราคม 16, 2006, 12:01:45 PM
(http://okladki-divx.neostrada.pl/covers/p/platoon.jpg)

 ;D ผมชอบดูหนังสงครามประเภทนี้ครับ สหรัฐกับทหารเวียดกง



นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว....'' PLATOON '' ชอบมากครับเรื่องนี้

(คิดว่าจะได้โพสท์เองซะอีก...อิอิ)









หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มกราคม 16, 2006, 12:38:57 PM
เรื่อง The Hunt for Red October เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ "ดร.แจ๊ค ไรอัล"... นายทหารเรือหนุ่ม มีเมียเป็นหมอฯ เมียขับ Porche สีแดงเพลิง... ฮา... ผู้แต่งคือ... "ทอม แคลนซี่"

อีตาคนนี้ แกเขียนเรื่องนักบินเจแปน แอร์ไลน์ เติมน้ำมันเต็ม แล้วขับเครื่องบิน 747 พุ่งเข้าชนตึกรัฐสภาอเมริกัน  หนังสือตีพิมพ์ก่อนเกิดเรื่อง 9-11 ราวหนึ่งปี
ก็เถียงกันว่า  ผู้ก่อการร้ายได้แนวคิดไปจากนิยาย  หรือว่า ทอม แคลนซี่ ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมาขึ้นมาพร้อม ๆ กับผู้ก่อการร้าย   แต่ที่แน่ ๆ คือ CIA กับ FBI โดนด่าเละ   ที่ไม่รู้จักเอาแนวคิดจากนิยายมาประเมินค่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อั้มแมน ที่ มกราคม 16, 2006, 01:57:04 PM
เดี๋ยว คงต้องไปหา มาชม  '' PLATOON ''  ไม่รู้ ตามร้านเช่า จะยังมีอยู่รึเปล่า นะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 16, 2006, 02:09:32 PM
DVD ฉบับสมบูรณ์ของ THE BIG RAD ONE มีขายแล้วครับ...............

หนังสงครามชั้นดีสมัยก่อน.............แสดงโดย Lee Marvin กับ Mark Hamill ตั้งแต่ยังไม่ได้แสดง Star War เลย

1 ในทีม BIG RAD ONE ต่อมาเป็น ผอ.สร้างหนังฮอลลี่วู้ด เลยเอาเรื่องจริงของตัวเองมาสร้าง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มกราคม 19, 2006, 09:04:45 PM
เรื่อง The Hunt for Red October เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ "ดร.แจ๊ค ไรอัล"... นายทหารเรือหนุ่ม มีเมียเป็นหมอฯ เมียขับ Porche สีแดงเพลิง... ฮา... ผู้แต่งคือ... "ทอม แคลนซี่"

อีตาคนนี้ แกเขียนเรื่องนักบินเจแปน แอร์ไลน์ เติมน้ำมันเต็ม แล้วขับเครื่องบิน 747 พุ่งเข้าชนตึกรัฐสภาอเมริกัน หนังสือตีพิมพ์ก่อนเกิดเรื่อง 9-11 ราวหนึ่งปี
ก็เถียงกันว่า ผู้ก่อการร้ายได้แนวคิดไปจากนิยาย หรือว่า ทอม แคลนซี่ ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมาขึ้นมาพร้อม ๆ กับผู้ก่อการร้าย แต่ที่แน่ ๆ คือ CIA กับ FBI โดนด่าเละ ที่ไม่รู้จักเอาแนวคิดจากนิยายมาประเมินค่า

แฮ่ๆ... ขอบคุณท่านผู้การที่เห็น และเอามาวิจารณ์...

มีอีกครับ... ยุทธการ"พายุทะเลทราย" Desert Storm
ทั้งในฉากยุทธการ และยุทธศาสตร์เบื้องหลังฯ ที่ทำสงครามเพื่อชิงบ่อน้ำมัน... ดันไปเหมือนเข้ากับนิยายของอีตาทอม แคลนซี่เรื่อง "Red Storm Rising" ที่เขียนว่า US. กับโซเวียตทำสงครามแย่งแหล่งน้ำมันเช่นกัน...

แต่งก่อนหน้าสงครามทะเลทรายไม่กี่ปีเช่นกัน... แม้แต่ชื่อยุทธการยังเกือบเหมือนกับชื่อหนังสือครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: APACHE _ Love The King ที่ มกราคม 20, 2006, 07:18:29 AM
....แซวเล่นครับพี่นายใหม่....เรื่องนี่ก็สุดยอดครับ....แต่ปก DVD เป็นตอนที่พระเอกวิ่งหนี้เหล่าร้ายครับ....

(http://tinypic.com/m8l11v.jpg)[/img]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ มกราคม 20, 2006, 08:54:38 AM
เรื่องนี้ก็เช่นกัน... เอามายั่วน้ำลายก่อน... ฮา


ชอบเรื่องนี้เช่นกันครับ เคยเปิดให้คุณพ่อดู ท่านยังออกปากว่าเลยครับว่า"ทำได้สมจริงมาก ๆ " ซึ่งในหนังได้ยกเอาเหตุการณ์ที่หุบเขานาตรังค์ แต่คุณพ่อผมเรียก"นาเตรงค์" ซึ่งในสมัยนั้นส่วนมากจะเรียกนาเตรงค์อาจเพราะเพี้ยนไปจากแต่ละชนชาติก็ได้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 11:44:35 AM
ผมตามหา DVD เรื่อง IRON CROSS ที่นำแสดงโดย เจมส์ โคเบิร์นอยู่ครับ....................

ท่านใดพบเห็นขายที่ไหน ช่วยส่งข่าวด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 20, 2006, 11:48:48 AM
ชอบเซวิ่ง ไฟรเวท ไรอันส์ ชอบเสียงตอน Tiger Tank มันมา  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ มกราคม 20, 2006, 11:54:05 AM
ชอบเซวิ่ง ไฟรเวท ไรอันส์ ชอบเสียงตอน Tiger Tank มันมา  ;D ;D ;D

ผมชอบตอนท้ายที่รถถังเยอรมันกำลังจะข้ามสะพานอยู่แล้ว ผู้กองมิลเลอร์ซึ่งเกือบหมดสภาพในการรบแล้วใช้.45 ยิงจนรถถังระเบิด(จากการโดนทิ้งระเบิดทำลายจากบ.สัมพันธมิตร) ตอนดูครั้งแรกนึกว่าใช้กระสุนอะไร แต่หนังไม่ปล่อยให้คิดนานเกินสองวิ อิอิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ มกราคม 20, 2006, 11:55:53 AM
....แซวเล่นครับพี่นายใหม่....เรื่องนี่ก็สุดยอดครับ....แต่ปก DVD เป็นตอนที่พระเอกวิ่งหนี้เหล่าร้ายครับ....

(http://tinypic.com/m8l11v.jpg)[/img]
อ้างถึง
พระเอกซับไปไหน เดี๋ยวนี้ชักจืดๆไปนะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 12:16:05 PM
ผมตามหา DVD เรื่อง IRON CROSS ที่นำแสดงโดย เจมส์ โคเบิร์นอยู่ครับ....................

ท่านใดพบเห็นขายที่ไหน ช่วยส่งข่าวด้วยครับ

(http://images.heritagecoin.com/images/HNAI/75/55074/55074011008o.jpg)


(http://www.wargamer.com/articles/cross_of_iron/cross_02.jpg)




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 12:18:12 PM
เท่าที่ดูหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมา................มีเรื่องนี้ที่หาอุปกรณ์ได้สมบูรณ์มากเกือบ 100% ครับ................

ที่หาไม่ได้และต้องสร้างขึ้นมา คือ รถถัง TIGER I ...............ใช้รถถัง T34/85 มาแล้วสร้างตัวรถ TIGER I ครอบ แล้วเป็น TIGER I version A ด้วย ซึ่งตรงกับระยะเวลา 1944 ที่มีการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี..............ซึ่งช่วงล่างของรถจะดูไม่สมจริงเพราะเป็นช่วงล่าง+ล้อ+สายพานของรถถัง T34/85 ที่ดูแล้วไม่น่าตำหนิ.....................แต่ที่ไม่สมจริงเลย มี 2 จุด...........คือช่วงที่ผู้กองมิลเลอร์ เอาปืนทอมสันยัดเข้าไปกรอกกระสุนใส่พลขับรถถัง จริงๆทำไม่ได้เพราะ รถถัง TIGER I จะมีแท่งแก้วกันกระสุนสำหรับพลขับรถติดตั้งอยู่ (มีสำรองอะไหล่อีก2-3 แท่ง)....................อีกจุดหนึ่ง ช่วงที่ ผบ.รถ TIGER I เปิดฝาครอบออกมาแล้วโดนพลร่มยิงคาร์บิน เอ็ม1 ใส่ ฝาครอบดูเหมือนฝาถังน้ำมัน200ลิตรบางๆ...............และเปิดแบบยกขึ้นแบบฝาประตูทั่วๆไป ซึ่งรถถัง TIGER I ช่องของ ผบ.รถ จะเป็นฝาเกราะหนาแบบโค้งๆ และเปิดแบบ ยกตัวขึ้นตรงเหนือช่องและบิดหมุนไปข้างหลัง..............

นอกนั้น..............ทั้งอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ สมจริงหมด...............

ยานพาหนะ.............ทั้งเรือยกพลขึ้นบก..........รถกึ่งสายพาน M3 เครื่องร่อน ของสัมพันธมิตร...........รถกึ่งสายพาน Sdkfz 251  รถสายพานมอร์เตอร์ไซค์ Sdkfz 1 รถมอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้าง  รถMarder 1 และ 2 (ที่ถูกยิงด้วยบาซูก้าและระเบิดโมโลตอฟ ค็อคเทล)ของเยอรมัน ................ล้วนแต่เป็นรถในสมัยนั้นจริงๆ

อาวุธ ไม่ว่าจะเป็น M 1 garand M1 Carbine หรือ Springflied 1903 A3 sniper หรือ บาซูก้า 2.75นิ้วของอเมริกัน.................K98  MP40 MG42 ของเยอรมัน ล้วนแต่เป็นของแท้ๆ

เครื่องสนามและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้จุดระเบิดแบบมือหมุน..............ม้วนสายโทรศัพท์ ฯลฯ ก็เป็นของในสมัยนั้นๆ..............

หนัง Saving Private Ryan เป็นหนังที่ "ทำการบ้าน"มาดีมากๆครับ

อีกเรื่องหนึ่ง คือ Band of Brothers  ที่ร่วมกันสร้าง โดยนายสปิลเบริก และ ทอม แฮงค์...............เรื่องนี้ ก็เนียนครับ เรื่องยุทโธปกรณ์และเครื่องแต่งกาย..............

เขาหารถกึ่งสายพานติดปืน 75 มม. Sdkfz 251/22 มาได้(ฉากจ่าบูลหลงอยู่หลังแนวเยอรมันในท่อน้ำ)..................ผมก็ยกนิ้วให้แล้ว..............มีเอามาครอบรถถังปัจจุบัน มี 2 คันครับ.............คือ

รถถัง TIGER I ที่ดักยิงรถ เชอร์แมนและครอมเวล ของอังกฤษ จนเดี้ยง.............เป็นรถถัง T55 เอาตัวถัง TIGER 1 มาครอบ...............

อีตอนที่ พลทหารไบร์ เกิดอาการเบลอ...............ช่วงที่มี รถ Tank destroyer Stug lll วิ่งเข้ามาแล้วมีทหารอเมริกัน ลากบาซูก้า 2.75 นิ้วเข้าไปยิง..............รถคันนั้น เอาช่วงล่างของรถ M18 Hellcat มาทำตัวถัง Stug III Ausf G ครับครับ...............ทำได้สวยและเนียนมาก แต่ก็ยังดูออกว่า ช่วงล่างรถอะไร..........

เครืองแต่งกาย ชุดทหารพลร่มเยอรมัน ถูกต้องและสวยงามมากๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 12:19:21 PM
ผมตามหา DVD เรื่อง IRON CROSS ที่นำแสดงโดย เจมส์ โคเบิร์นอยู่ครับ....................

ท่านใดพบเห็นขายที่ไหน ช่วยส่งข่าวด้วยครับ

(http://images.heritagecoin.com/images/HNAI/75/55074/55074011008o.jpg)


(http://www.wargamer.com/articles/cross_of_iron/cross_02.jpg)




เออ....ผมจำชื่อหนังผิดวุ้ย.............

ขอบคุณ ท่าน51ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 12:23:32 PM
ผมตามหา DVD เรื่อง IRON CROSS ที่นำแสดงโดย เจมส์ โคเบิร์นอยู่ครับ....................

ท่านใดพบเห็นขายที่ไหน ช่วยส่งข่าวด้วยครับ

ที่นี่เลยครับพี่มะขิ่น....คริ คริ

จาดดดดดด...ห้าย.......จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....


http://boomerangshop.com/detail.asp?CateID=3888

แล้ว click ต่อที่  user guide ครับ




(http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00003M5FX.01._SCLZZZZZZZ_.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 12:27:46 PM
แล้วเรื่องสตาลินกราด มีมั๊ย...........

ขี้เกียจหาเองง่ะ

หาหนังสงครามที่มีเยอรมันเป็นพระเอกมั่งนี้ น้อยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 20, 2006, 12:42:30 PM
แล้ว เอ้นเนอร์มี่แอดเดอท์เกท ล่ะพี่ที่ ;D ;D ;D พระเอกเป็นสไนเปอร์รัสเซียรบกับเยอร์มัน พี่ดูรึเปล่า เหมือนจริงไหม  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 12:42:46 PM
แล้วเรื่องสตาลินกราด มีมั๊ย...........

ขี้เกียจหาเองง่ะ

หาหนังสงครามที่มีเยอรมันเป็นพระเอกมั่งนี้ น้อยครับ

เรื่องนี้หรือครับ...พี่มะขิ่น....


(http://www.unzeit.de/poster/Stalingrad/Stalingrad_72.jpg)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 12:45:56 PM
ลอง click  ที่นี่ ครับ สำหรับ สตาลินกราด

http://boomerang.co.th/detail.asp?CateID=3047

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ มกราคม 20, 2006, 12:48:09 PM
แล้ว เอ้นเนอร์มี่แอดเดอท์เกท ล่ะพี่ที่ ;D ;D ;D พระเอกเป็นสไนเปอร์รัสเซียรบกับเยอร์มัน พี่ดูรึเปล่า เหมือนจริงไหม ;D ;D ;D
พระเอกชื่อวาซีลี ไซต์เซฟ ใช่ไหม ผมเคยดู แต่จำชื่อไม่ได้ง่ะ ก็ดีทีเดียวล่ะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 12:56:32 PM
(http://www.bibl.u-szeged.hu/bibl/mil/ww2/konyv/c/craig.jpg)



สำหรับภาพยนตร์  Enemy at the Gates
ก็มีเนื้อหาคล้าย ๆ กัน กับ ภาพยนตร์ Stalingrad ครับ

เพราะ...ผู้สร้างก็นำเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้...
มาทำเป็นหนังสงคราม...ครับ
ซึ่งกล่าวถึงตอนเยอรมัน...บุกเข้ายึดครองเมือง Stalingrad ของรัสเซีย
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ...

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...



(http://bonobo.jones.free.fr/cinema/stalingrad.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Desperado ที่ มกราคม 20, 2006, 12:59:43 PM
Saving Private Desperado


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 01:01:53 PM
แล้ว เอ้นเนอร์มี่แอดเดอท์เกท ล่ะพี่ที่ ;D ;D ;D พระเอกเป็นสไนเปอร์รัสเซียรบกับเยอร์มัน พี่ดูรึเปล่า เหมือนจริงไหม ;D ;D ;D

เรื่องนี้ เอาพื้นฐานประวัติศาสตร์จริงๆมาสร้างครับ.................แล้วใส่บทละครดราม่าเข้าไป...............

วาสินี่ ไซเซฟ เป็นวีรบุรุษสงคราม ที่มีตัวตนจริงๆ..............สถิติผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ คิดว่าประมาณ3-400 ศพ.............กองทัพแดงยกเรื่องของ ไซเซฟชึ้นมา ทำการโฆษณาชวนเชื่อ ต่อฝ่ายเยอรมันเพื่อทำลายขวัญ และ ปลุกปลอบขวัญทหารรัสเซียควบคู่กันไป.............

จนทหารเยอรมันขวัญเสีย...............ทางเยอรมันเลยสั่งการให้ พ.ต.โคนิกซ์ ผบ.โรงเรียนพลซุ่มยิงเยอรมัน ที่ถือว่าเป็น sniper ที่เก่งที่สุดของเยอรมัน เดินทางมาจัดการ ไซเซฟ..................เพื่อมุ่งหวังให้ ขวัญทหารเยอรมันดีขึ้น...............

แต่ผู้พันโคนิกซ์ ก็พลาดท่าเสียที ไซเซฟ.................ทำให้ขวัญของทหารเยอรมันตกต่ำลงไปอีก

วาสินี่ ไซเซฟ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ครับ................เขาจะเป็นแขกรับเชิญของกองทัพรัสเซียทุกปีในวันครบรอบการเฉลิมฉลองชัยชนะของกองทัพรัสเซีย ที่มีต่อ เยอรมัน...............ปืนsniper ทั้งของ ไซเซฟ และ ผู้พันโคนิกซ์ ถูกตั้งแสดงอยู่ในพิพธภัณฑ์ทหารของรัสเซียครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 01:08:22 PM
(http://www.tropaselite.hpg.ig.com.br/sniper_simo_Hayha.jpg)


นี่ไงครับ... VASILY ZAITSEV      Sniper ตัวจริง.....ตามท้องเรื่องของพี่มะขิ่น...ครับ



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 20, 2006, 02:15:41 PM
เรื่อง เซวิ่ง ไพรเวท ไรอันท์ ก็มีสไนเปอร์ที่ยิงสไนเปอร์ด้วยกันทะลุกล้องเข้าตา ;D ;D ;D  เชือดเฉือนกันสุดๆ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ มกราคม 20, 2006, 04:33:31 PM
แล้วอีตาไซท์เซฟ กับอีตาที่คิดค้นปืนอาก้าใครแก่กว่ากันอะครับ (ขอโทษครับที่เขียนห้วนไป)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 20, 2006, 04:37:45 PM
แล้วอีตาไซท์เซฟ กับอีตาที่คิดค้นปืนอาก้าใครแก่กว่ากัน

แล้วอีตาโทนี่แมน ล่ะ  ;D ;D ;D อ้าวไม่เกี่ยวกัน  ;D ;D ;D อีตานั่นดูเด็กอย่างเดียววววว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 20, 2006, 04:42:33 PM
ที่จริงคำถาม หรือการขอข้อมูลนี่................น่าจะใช้คำถามที่อ่านแล้วดู "สุภาพ" และ "สำนวนข้อความที่ดูดี" นะครับ..........

คำถามแบบห้วนๆ สั้นๆ ฟังดูแบบมะนาวไม่มีน้ำนี่..............อ่านเจอแล้ว มีความรู้สึกว่า "ไม่น่าตอบ"  "ไม่น่าให้ข้อมูล" เพราะแค่ถามแบบดูสุภาพ ดูมีการศึกษา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆยังไม่ทำเลย...........

ดังนั้น ข้อมูลความรู้ ก็อย่าเอาไปเลย..................ไปปรับปรุงมรรยาท ที่ควรทำในในสังคมให้ดีก่อน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 20, 2006, 06:09:24 PM
....แซวเล่นครับพี่นายใหม่....เรื่องนี่ก็สุดยอดครับ....แต่ปก DVD เป็นตอนที่พระเอกวิ่งหนี้เหล่าร้ายครับ....
(http://tinypic.com/m8l11v.jpg)[/img]

 :DD เหอ ๆ ให้ผมเป็นพระเอกไมได้หรอ เป็นพระรองเล่นแค่ครึ่งเรื่องเอง ตายซะและ ว่าแต่ตายน่าสงสารเนอะ :~) :DD


เท่าที่ดูหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมา................มีเรื่องนี้ที่หาอุปกรณ์ได้สมบูรณ์มากเกือบ 100% ครับ................

ที่หาไม่ได้และต้องสร้างขึ้นมา คือ รถถัง TIGER I ...............ใช้รถถัง T34/85 มาแล้วสร้างตัวรถ TIGER I ครอบ แล้วเป็น TIGER I version A ด้วย ซึ่งตรงกับระยะเวลา 1944 ที่มีการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี..............ซึ่งช่วงล่างของรถจะดูไม่สมจริงเพราะเป็นช่วงล่าง+ล้อ+สายพานของรถถัง T34/85 ที่ดูแล้วไม่น่าตำหนิ.....................แต่ที่ไม่สมจริงเลย มี 2 จุด...........คือช่วงที่ผู้กองมิลเลอร์ เอาปืนทอมสันยัดเข้าไปกรอกกระสุนใส่พลขับรถถัง จริงๆทำไม่ได้เพราะ รถถัง TIGER I จะมีแท่งแก้วกันกระสุนสำหรับพลขับรถติดตั้งอยู่ (มีสำรองอะไหล่อีก2-3 แท่ง)....................อีกจุดหนึ่ง ช่วงที่ ผบ.รถ TIGER I เปิดฝาครอบออกมาแล้วโดนพลร่มยิงคาร์บิน เอ็ม1 ใส่ ฝาครอบดูเหมือนฝาถังน้ำมัน200ลิตรบางๆ...............และเปิดแบบยกขึ้นแบบฝาประตูทั่วๆไป ซึ่งรถถัง TIGER I ช่องของ ผบ.รถ จะเป็นฝาเกราะหนาแบบโค้งๆ และเปิดแบบ ยกตัวขึ้นตรงเหนือช่องและบิดหมุนไปข้างหลัง..............

นอกนั้น..............ทั้งอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ สมจริงหมด...............

ยานพาหนะ.............ทั้งเรือยกพลขึ้นบก..........รถกึ่งสายพาน M3 เครื่องร่อน ของสัมพันธมิตร...........รถกึ่งสายพาน Sdkfz 251  รถสายพานมอร์เตอร์ไซค์ Sdkfz 1 รถมอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้าง  รถMarder 1 และ 2 (ที่ถูกยิงด้วยบาซูก้าและระเบิดโมโลตอฟ ค็อคเทล)ของเยอรมัน ................ล้วนแต่เป็นรถในสมัยนั้นจริงๆ

อาวุธ ไม่ว่าจะเป็น M 1 garand M1 Carbine หรือ Springflied 1903 A3 sniper หรือ บาซูก้า 2.75นิ้วของอเมริกัน.................K98  MP40 MG42 ของเยอรมัน ล้วนแต่เป็นของแท้ๆ

เครื่องสนามและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้จุดระเบิดแบบมือหมุน..............ม้วนสายโทรศัพท์ ฯลฯ ก็เป็นของในสมัยนั้นๆ..............

หนัง Saving Private Ryan เป็นหนังที่ "ทำการบ้าน"มาดีมากๆครับ

อีกเรื่องหนึ่ง คือ Band of Brothers  ที่ร่วมกันสร้าง โดยนายสปิลเบริก และ ทอม แฮงค์...............เรื่องนี้ ก็เนียนครับ เรื่องยุทโธปกรณ์และเครื่องแต่งกาย..............

เขาหารถกึ่งสายพานติดปืน 75 มม. Sdkfz 251/22 มาได้(ฉากจ่าบูลหลงอยู่หลังแนวเยอรมันในท่อน้ำ)..................ผมก็ยกนิ้วให้แล้ว..............มีเอามาครอบรถถังปัจจุบัน มี 2 คันครับ.............คือ

รถถัง TIGER I ที่ดักยิงรถ เชอร์แมนและครอมเวล ของอังกฤษ จนเดี้ยง.............เป็นรถถัง T55 เอาตัวถัง TIGER 1 มาครอบ...............

อีตอนที่ พลทหารไบร์ เกิดอาการเบลอ...............ช่วงที่มี รถ Tank destroyer Stug lll วิ่งเข้ามาแล้วมีทหารอเมริกัน ลากบาซูก้า 2.75 นิ้วเข้าไปยิง..............รถคันนั้น เอาช่วงล่างของรถ M18 Hellcat มาทำตัวถัง Stug III Ausf G ครับครับ...............ทำได้สวยและเนียนมาก แต่ก็ยังดูออกว่า ช่วงล่างรถอะไร..........

เครืองแต่งกาย ชุดทหารพลร่มเยอรมัน ถูกต้องและสวยงามมากๆ

 ;D เก็บรายละเอียดสุดยอดเลยพี่ แต่เห็นด้วยกับพี่หมดเลย ถือว่าทั้งสองเรื่องเป็นหนังที่ทำการบ้านดีมาก ผมให้เครดิต Band of Brothers อีกนิดตรงที่ว่า คัดสรรผู้แสดงมีบุคลิกหน้าตาท่าทางให้ใกล้เคียงตัวตนจริง ๆ ด้วย ดูแล้วดูอีกเป็นสิบ ๆ รอบแล้วก็ยังไม่เบื่อเลยสำหรับสองเรื่องนี้ Band of Brothers ผมได้แผ่นมาวันแรก นั่งดูจบภายในวันเดียว 10 ตอน + โบนัสแทรค อดหลับอดนอนดูงานการไม่ทำเลย ดูแล้วนอนไม่หลับ อยากดูต่อว่าเป็นอย่างไร ;D
(http://img43.imageshack.us/img43/8131/01201806538va.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มกราคม 20, 2006, 08:19:58 PM
...ผมกำลังหาซื้อ Band of Brothers แบบสมบูรณ์ๆ มาเก็บไว้ดูครับ  ชอบมากๆ ตั้งแต่ฉายทาง UBC


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 08:32:41 PM
ที่จริงคำถาม หรือการขอข้อมูลนี่................
น่าจะใช้คำถามที่อ่านแล้วดู "สุภาพ" และ "สำนวนข้อความที่ดูดี" นะครับ..........

คำถามแบบห้วน ๆ สั้น ๆ ฟังดูแบบมะนาวไม่มีน้ำนี่..............
อ่านเจอแล้ว มีความรู้สึกว่า "ไม่น่าตอบ"  "ไม่น่าให้ข้อมูล"
เพราะแค่ถามแบบดูสุภาพ ดูมีการศึกษา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆยังไม่ทำเลย...........

ดังนั้น ข้อมูลความรู้ ก็อย่าเอาไปเลย..................
ไปปรับปรุงมรรยาท ที่ควรทำในในสังคมให้ดีก่อน


(http://tinypic.com/m96c6b.jpg)


ลองสังเกต....รอบ ๆ ตัวเราดูซิครับ.....
ว่า  มีใครเค้า post โต้ตอบ....หรือไม่

หรือว่า...ต้องรอลง program เหมือน...ในภาพก่อน...ครับ


จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น.....



แล้วอีตาไซท์เซฟ กับอีตาที่คิดค้นปืนอาก้าใครแก่กว่ากัน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 20, 2006, 11:11:02 PM
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D


(http://tinypic.com/m987kz.jpg)




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วรกฤษ ที่ มกราคม 21, 2006, 12:20:42 AM
ชอบ Band of Brothers  ครับ ดูแล้วหยุดดูไม่ได้แบบพี่ใหม่เลยครับหยุดดูแล้วนอนไม่หลับครับ

 :~) ตอนนี้ลืมไปหมดแล้วครับต้องไปหามาดูอีกรอบแล้ว :D~ :D~ 



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกใครหว่า ที่ มกราคม 21, 2006, 12:39:53 AM
ชอบที่สุดก็เรื่อง WE WERE SOLDIER (เขียนถูกเปล่าไม่รู้ครับ) ใจสู้ดีครับ ถึงชนะ ทำให้เข้าใจคำว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนแรกคิดว่าจะรบ แบบธรรมดา แต่กลายเป็นพบกองพันทหารเวียดนามซะงั้น สุดท้ายจับเฉลยได้ เลยประเมินสถานะการณ์ถูก แต่ทหารเวียดนามก็เก่งนะครับ ถ้าไม่ใช่เทคโนโลยีที่เหนือกว่าของสหรัฐ (เรียกเครื่องบินมาทิ้งระเบิดนี่หว่า ใครจะไปสุ้ได้) แต่ชอบพระเอกไม่ยอมทิ้งลูกน้อง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 21, 2006, 03:42:32 AM
...ผมกำลังหาซื้อ Band of Brothers แบบสมบูรณ์ๆ มาเก็บไว้ดูครับ  ชอบมากๆ ตั้งแต่ฉายทาง UBC

 ;D ของผมได้มาเป็นแผ่นก๊อป แต่ถือว่าสมบูรณ์มากครับพี่แก้ว เป็น DVD9 ภาพเสียงชัดแจ๋ว ข้อเสียอย่างเดียวคือซับไทยแปลค่อนข้างมั่ว :~) ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 21, 2006, 03:49:34 AM
พี่ๆครับ ใน เพื่อนตาย สหายศึก ปืนที่ผู้พันวินเทอ ใช้ เห็นบอกว่ามีการปรับแต่งจนสามารถ ยิงแบบออโตได้ และนำไปใช้ใน เกาหลี คิดว่าน่าจะแต่งแบบไหนครับ  ทำการปรับแต่งปืนโดยกำลังพลในหน่วย กองร้อย อีซี่ แต่ผมจำซื่อไม่ได้แล้วล่ะครับ เห็นทีต้องกลับไปอ่านอีก เป็นรอบที่ 3 :VOV: :VOV:


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 21, 2006, 04:12:50 AM
พี่ๆครับ ใน เพื่อนตาย สหายศึก ปืนที่ผู้พันวินเทอ ใช้ เห็นบอกว่ามีการปรับแต่งจนสามารถ ยิงแบบออโตได้ และนำไปใช้ใน เกาหลี คิดว่าน่าจะแต่งแบบไหนครับ  ทำการปรับแต่งปืนโดยกำลังพลในหน่วย กองร้อย อีซี่ แต่ผมจำซื่อไม่ได้แล้วล่ะครับ เห็นทีต้องกลับไปอ่านอีก เป็นรอบที่ 3 :VOV: :VOV:

 ;D ในเรื่องผู้พันวินเทอร์ใช้ M1 Garand ครับ ที่ว่าแต่งยิงออโต้คงเป็น M1 Carbine มากกว่าครับ ซึ่งมีผลิตออกมาเป็นรุ่นยิงฟูลออโต้พานท้ายพับได้ตั้งแต่ช่วงท้าย WWII แล้วล่ะครับ ;D

 ;D M1 Garand ;D
(http://www.emilitarymanuals.com/images/m1gar/garand.jpg)

 ;D M1 Carbine ;D
(http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?action=dlattach;topic=8323.0;id=27255;image)
 :DD อุ้ย! ไม่ใช่ อันนี้มันอาม่าของผม :DD

(http://ccc.valka.cz/pictures/zbrane_44_1.jpg) กระบอกนี้ครับ รุ่นยิงเซมิออโต้ :DD
(http://www.rt66.com/~korteng/SmallArms/images/m1m1a1.jpg) กระบอกล่างเป็นรุ่นยิงฟูลออโต้ (M1A1 Carbine) ครับ ;D

 ;D หรือจะหมายถึงรุ่นนี้ Ruger Mini14 ;D
(http://www.modelguns.co.uk/images/rmini14v.jpg)

 ;D หรือรุ่นนี้ Springfield-Armory M1A SocomII (กึ่งออโต้) ;D
(http://www.springfield-armory.com/images/SOCOMIIb.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มกราคม 21, 2006, 08:15:25 AM
ปืน M1 Carbine ยิง semi-auto พัฒนามาเป็น M2 , M3 ยิงแบบ semi-auto และ full-auto    ที่จริงแล้วปืน  M1,2,3 Carbine , M14 , Mini14 ก็ลอกแบบมาจาก M1 Garand นั่นแหละครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: pantyboy ที่ มกราคม 21, 2006, 10:35:41 AM
ผมชอบเรื่องนี้ครับ ชื่อไทยว่า แผนจารกรรม มิก31
(http://img24.imageshack.us/img24/9750/ffposter0pc.jpg)
(http://img24.imageshack.us/img24/6231/firefox22sq.jpg)
(http://img24.imageshack.us/img24/7905/firefox56ks.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 21, 2006, 11:23:11 AM
(http://tinypic.com/m9ysrb.jpg)


ต้องเรื่องนี้ซิครับ...
รับรอง...พี่ coda น้ำหมากกระจาย...คริ คริ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มกราคม 21, 2006, 11:34:33 AM
ต้องเรื่องนี้ซิครับ...
รับรอง...พี่ coda น้ำหมากกระจาย...คริ คริ

...ผมไม่ได้กินหมาก

...เบาๆ หน่อย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 21, 2006, 12:03:34 PM
ต้องเรื่องนี้ซิครับ...
รับรอง...พี่ coda น้ำหมากกระจาย...คริ คริ

...ผมไม่ได้กินหมาก

...เบา ๆ หน่อย

คริ คริ.....พี่ coda เคยดูม่ะครับ...ป้อมปืน นาวาโรน.....

ก่อนผมเกิดอีกง่ะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 21, 2006, 12:11:17 PM
ต้องเรื่องนี้ซิครับ...
รับรอง...พี่ coda น้ำหมากกระจาย...คริ คริ

...ผมไม่ได้กินหมาก

...เบา ๆ หน่อย

คริ คริ.....พี่ coda เคยดูม่ะครับ...ป้อมปืน นาวาโรน.....

ก่อนผมเกิดอีกง่ะครับ

 ;D ผมมีเป็นม้วนวีดีโอครับ ยังอยากจะเอามาถ่ายลง DVD แต่หาเครื่องวีดีโอไม่ได้ ที่บ้านพังหมดแล้ว :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 21, 2006, 12:12:02 PM
 ;D ;D ;D ;D    (http://007.bond.free.fr/images/Design/007_haut.gif)


(http://tinypic.com/ma8n68.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มกราคม 21, 2006, 01:26:43 PM
อ่านแล้วขอเปิดประเด็น ภาพยนตร์สงครามในเอเชียบ้าง

เท กึก กี
"เลือด เนื้อเพื่อฝัน วันสิ้นสงคราม"
ดูที่บ้านท่านตูรุส (ถ้าจำไม่ผิด)
หนังดี ออกดราม่า ความโหดร้ายของสงครามที่นำเสนอผ่านสองพี่น้อง....ืที่ถูกเกณฑ์

เรื่องนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า เค้าละเอียดในการหาของประกอบฉากแค่ไหน....(ไม่มีความรู้ด้านนี้จริงๆ)
แต่เนื้อหาภาพยนตร์ รวมถึงอารมณ์ของตัวละครโดดเด่นมาก......


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 21, 2006, 06:31:06 PM
พี่ๆครับ ใน เพื่อนตาย สหายศึก ปืนที่ผู้พันวินเทอ ใช้ เห็นบอกว่ามีการปรับแต่งจนสามารถ ยิงแบบออโตได้ และนำไปใช้ใน เกาหลี คิดว่าน่าจะแต่งแบบไหนครับ  ทำการปรับแต่งปืนโดยกำลังพลในหน่วย กองร้อย อีซี่ แต่ผมจำซื่อไม่ได้แล้วล่ะครับ เห็นทีต้องกลับไปอ่านอีก เป็นรอบที่ 3 :VOV: :VOV:

 ;D ในเรื่องผู้พันวินเทอร์ใช้ M1 Garand ครับ ที่ว่าแต่งยิงออโต้คงเป็น M1 Carbine มากกว่าครับ ซึ่งมีผลิตออกมาเป็นรุ่นยิงฟูลออโต้พานท้ายพับได้ตั้งแต่ช่วงท้าย WWII แล้วล่ะครับ ;D

 ;D M1 Garand ;D
(http://www.emilitarymanuals.com/images/m1gar/garand.jpg)

 ;D M1 Carbine ;D
(http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?action=dlattach;topic=8323.0;id=27255;image)
 :DD อุ้ย! ไม่ใช่ อันนี้มันอาม่าของผม :DD

(http://ccc.valka.cz/pictures/zbrane_44_1.jpg) กระบอกนี้ครับ รุ่นยิงเซมิออโต้ :DD
(http://www.rt66.com/~korteng/SmallArms/images/m1m1a1.jpg) กระบอกล่างเป็นรุ่นยิงฟูลออโต้ (M1A1 Carbine) ครับ ;D

 ;D หรือจะหมายถึงรุ่นนี้ Ruger Mini14 ;D
(http://www.modelguns.co.uk/images/rmini14v.jpg)

 ;D หรือรุ่นนี้ Springfield-Armory M1A SocomII (กึ่งออโต้) ;D
(http://www.springfield-armory.com/images/SOCOMIIb.jpg)



รุ่นนี้...M1 เฉย ๆ ครับ




(http://tinypic.com/maecms.jpg)


(http://tinypic.com/maex6h.jpg)



จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 22, 2006, 03:51:10 AM
 ;D ท่าน 51 หาภาพมากจากไหนนี่ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: white63 ที่ มกราคม 22, 2006, 01:46:46 PM
   มีท่านใดได้ดู้เรื่องนี้บ้างครับ เรื่อง BAT21 เป็นหนังเก่าประมาณ16-17ปีได้แล้ว นำแสดงโดย ยีนส์ แฮ๊คแมน กับ มอร์แกน ฟรีแมน ครับ(ถ้าจำไม่ผิด) รู้สึกว่าจะสร้างจากพื้นฐานเรื่องจริงของการช่วยเหลือนักบินอเมริกันที่เครื่องบินถูกยิงตกในสมัยสงครามเวียดนาม เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยการตามช่วยเหลือนักบินอเมริกันของนักบินนี่แหละครับ โดยนักบินต้องเดินทางไปยังจุดนัดหมาย ระหว่างทางก็คอยหลบหลีกพวกเวียดกงไปด้วย คำว่าBAT21มาจากรหัสนักบินหรือรหัสของการช่วยเหลือนี่แหละครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังในความทรงจำครับ เพราะนานมากแล้วตอนนั้นไปดูที่โรงหนังเฉลิมกรุง รายละเอียดจำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แต่ว่าสนุกดี ท่านใดเห็นก๊อปปี้หนังเรื่องนี้แจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ถ้ามีจะได้ไปซื้อมาเก็บไว้ อยากได้มานานแล้วแต่หาไม่ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 02:22:17 PM
มีท่านใดได้ดู้เรื่องนี้บ้างครับ เรื่อง BAT21 เป็นหนังเก่าประมาณ16-17ปีได้แล้ว นำแสดงโดย ยีนส์ แฮ๊คแมน กับ มอร์แกน ฟรีแมน ครับ(ถ้าจำไม่ผิด) รู้สึกว่าจะสร้างจากพื้นฐานเรื่องจริงของการช่วยเหลือนักบินอเมริกันที่เครื่องบินถูกยิงตกในสมัยสงครามเวียดนาม เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยการตามช่วยเหลือนักบินอเมริกันของนักบินนี่แหละครับ โดยนักบินต้องเดินทางไปยังจุดนัดหมาย ระหว่างทางก็คอยหลบหลีกพวกเวียดกงไปด้วย คำว่าBAT21มาจากรหัสนักบินหรือรหัสของการช่วยเหลือนี่แหละครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังในความทรงจำครับ เพราะนานมากแล้วตอนนั้นไปดูที่โรงหนังเฉลิมกรุง รายละเอียดจำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แต่ว่าสนุกดี ท่านใดเห็นก๊อปปี้หนังเรื่องนี้แจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ถ้ามีจะได้ไปซื้อมาเก็บไว้ อยากได้มานานแล้วแต่หาไม่ได้ครับ


Bat*21


(http://tinypic.com/mbsga0.jpg)





จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 02:25:46 PM
;D ท่าน 51 หาภาพมากจากไหนนี่ ;D

จากเว็บ...ทั่ว ๆ ไปแหละครับ ท่านนายใหม่....คริ คริ



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: white63 ที่ มกราคม 22, 2006, 02:40:36 PM
  จำชื่อดารานำผิดจริงๆด้วย ไวจังเลยครับพี่51 แล้วพี่มีหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ หาได้ที่ไหน บอกด้วยครับ.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 02:51:41 PM
จำชื่อดารานำผิดจริงๆด้วย ไวจังเลยครับพี่51 แล้วพี่มีหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ หาได้ที่ไหน บอกด้วยครับ.

แฮ่ ๆ จากการสืบค้นทาง internet ผมยังหาไม่พบครับ คริ คริ

ต้องลองเดินดูแล้วล่ะครับ

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: white63 ที่ มกราคม 22, 2006, 03:17:59 PM
   ผมหลงดีใจเก้อเลยนะครับพี่ นึกว่าได้เจอเนื้อคู่ที่ตามหามานานซะแล้ว ฝันค้างเลยเรา :( :( :(


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bbgun ที่ มกราคม 22, 2006, 03:38:31 PM
ดีครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 22, 2006, 07:39:24 PM


Bat*21


(http://tinypic.com/mbsga0.jpg)





จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รายละเอียดยุทโธปกรณ์ไม่หลุด................

ตอนที่ทีมค้นหาและช่วยเหลือ เข้ามาช่วยในพื้นที่.................โดยใช้ บ. A6 Introder เข้ามาปูพรม................แล้วเครื่อง CH53 เข้ามา.................ช่วงนั้น ปตอ.อัตาจรของเวียดนามเหนือ ใช้ตรงรุ่นเป๊ะ เป็น ZSU23-4 .................แล้วก็โดนทิ้งด้วยเครื่อง A1 Skyredder..................


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 07:46:36 PM
(http://www.nunnie.com/a6.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 07:51:48 PM
(http://tinypic.com/mc5aj9.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 22, 2006, 07:55:41 PM
(http://tinypic.com/mc5cmc.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: poppy ที่ มกราคม 22, 2006, 10:33:07 PM
ภาพเหล่านี้เห็นทุกวันเลย รถถัง สนามรบ  มีภาพสาวๆสวยมาดูดีกว่า  ชดชื่น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 22, 2006, 11:16:53 PM
ดูชื่อกระทู้สิครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 23, 2006, 04:36:55 AM
ภาพเหล่านี้เห็นทุกวันเลย รถถัง สนามรบ  มีภาพสาวๆสวยมาดูดีกว่า  ชดชื่น

 ;D ลองถามหาจากท่านซับครับ เดี๋ยวท่านซับหาส่งให้ครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Pex Shotgun-รักในหลวงครับ ที่ มกราคม 23, 2006, 09:14:56 AM
ผมชอบเรื่องนี้ครับ Windtalker เป็นเรื่องของทหารสื่อสารที่ทหารญี่ปุ่นไม่เคยถอดรหัสได้ โดยใช้ภาษาของอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮ ในอเมริกา และห้าม พนง.วิทยุ ตกอยู่ในมือข้าศึกโดยเด็ดขาด  :o

(http://www.windtalkersthemovie.com/assets/downloads/WT-desktop_640.jpg)


(http://image.allmusic.com/13/adg/cov200/drt200/t219/t21971wk6v9.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bigbuffalo ที่ มกราคม 23, 2006, 02:53:23 PM
ช่วยยกกระทู้ครับ :VOV:


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ekkawit ที่ มกราคม 23, 2006, 06:22:57 PM
เป็นหนังน่าดูทั้งนั้นละครับ 8) 8) 8)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bbgun ที่ มกราคม 24, 2006, 12:39:42 AM
จะหาเวลาไปดูซะหน่อย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 24, 2006, 04:16:02 PM
ผมชอบเรื่องนี้ครับ Windtalker เป็นเรื่องของทหารสื่อสารที่ทหารญี่ปุ่นไม่เคยถอดรหัสได้ โดยใช้ภาษาของอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮ ในอเมริกา และห้าม พนง.วิทยุ ตกอยู่ในมือข้าศึกโดยเด็ดขาด  :o

(http://www.windtalkersthemovie.com/assets/downloads/WT-desktop_640.jpg)


(http://image.allmusic.com/13/adg/cov200/drt200/t219/t21971wk6v9.jpg)


Windtalker  สร้างโดยผู้กำกับหนังบู๊จอมเว่อ  John Woo ที่สร้างหนังสงครามเรื่องนี้ ออกไปทางแนวหนังบู๊แอ็คชั่นตามที่เขาถนัด.................ทำให้ฉากการรบในหนังเรื่องนี้ดูเว่อร์ๆและผิดหลักการรบ...............เช่น ทหารญี่ปุ่นวางแนวตั้งรับทหารอเมริกันอย่างแข็งแรงอยู่ดีๆ  นายทหารญี่ปุ่นก็สั่งให้ดาหน้าเข้าไปลุย...............ซึ่งดูมันสะใจ แต่ผิดหลักโดยสิ้นเชิงที่อยู่ในที่มั่นดีๆ ได้เปรียบข้าศึกที่วิ่งเข้ามาให้ยิง..................จู่ๆก็วิ่งออกไปให้ถูกยิง ฉากนี้เรียกว่าเว่อร์สุดๆ เอามันอย่างเดียว.........หรือฉากที่ทหารญี่ปุ่นวิ่งมาฉกวิทยุไปจากพลทหารยาซี...............แล้วเอาไปโยนหลบ รอให้พระเอกเข้าไปแย่ง..............นี่ก็เว่อสุดๆ.............เพราะถ้าฉกได้ขนาดนั้น ถ้าไม่รีบวิ่งแจ้นเอาไปให้ผู้บังคับบัญชา ก็ต้องทุบทิ้งไม่ให้ข้าศึกแย่งกลับไปได้

แต่ถ้ากล่าวถึงเนื้อเรื่อง ผมถือว่าดี ถึงดีมากๆ......................รวมทั้งการเก็บรายละเอียด ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทำได้เกือบดี 100% ...............ยกเว้นฉากที่พระเอกโยนระเบิดมือ MK 2 ใส่ข้าศึก ผู้สร้างทำภาพสโลว์ตอนที่ลูกระเบิดลอยออกจากมือพระเอกไป มีควันฟู่ออกมาเหมือนโยนดอกไม้ไฟเพื่อให้ได้อรรถรสนั้น................จริงๆจะไม่มี เพราะระเบิดมือ MK 2 มีการจุดตัวของชนวนถ่วงเวลาภายใน ไม่มีไฟฟู่ออกมาให้เห็น ;D...............รวมทั้งฉากที่ปืนใหญ่ญี่ปุ่นถูกทิ้งด้วยเครื่องบิน ลำกล้องขาดออกเหมือนท่อนไม้ ดูขัดๆตาไปหน่อย

ยุทโธปกรณ์ ทั้งรถถัง M4 Sherman M5 และปืนใหญ่ 105 มม.M2 รวมทั้งอาวุธของทหารอเมริกา ยอดเยี่ยมมาก.............ผมชอบที่สุดคือ ตัวละครที่เป็น ผบ.มว.(กันนี่) ถือลูกซองปั๊มของ Winchester Model 12 version Military ปืนกระบอกนั้น เป็นของแท้ที่เป็นแอนติคไปแล้ว..............เครื่องแต่งกายของนาวิกโยธินอเมริกาก็ถูกต้อง................จะสังเกตุได้ว่า ช่วงนั้นอเมริกาเริ่มให้ทหารใช้ชุดพรางแล้ว ซึ่งการรบในภาคพื้นแปซิฟิค ................จะใช้ชุดพราง ในขณะที่ทางภาคพื้นยุโรป ยังไม่ใช้................

ในส่วนของกองทัพญี่ปุ่น.............นาย John Woo เก่งมากที่ไปหา รถถังเบา TEKE ของญี่ปุ่นมาเข้าฉากได้สาม-สี่คัน.....................เรื่องปืนและเครื่องแต่งกายของทหารลูกพระอาทิตย์ สมจริงมาก...............

ที่ดูดีคือ งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ดูดีมากครับ...............




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มกราคม 24, 2006, 04:20:15 PM
หุ หุ แล้วเวลาเขารบกันจริงๆ คู่รบมีการยกปืนเล็กยาวไขว้กันหรือเปล่าครับ?

โลโก้นาย จอน วู จิงๆ เรยยนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: white63 ที่ มกราคม 28, 2006, 02:55:05 PM
   เมื่อวานได้ดูเรื่องนึงครับ going back จำชื่อไทยไม่ได้ครับ (อำมหิตๆนี่แหละครับ)เป็นหนังที่ดารานำไม่ดังครับ ซื้อมา 45 บาทจากตลาดนัด เป็นเรื่องของทหารที่เคยไปรบในเวียดนามแล้วกลับไปอีกครั้งนึงเพื่อถ่ายสารคดีถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในเรื่องเป็นฉากรบกันทั้งในป่าและในเมือง  พอดีผมเดินตลาดนัดที่ จ.เลย เห็นเลยซื้อมา พอดูได้ครับ ถึงจะไม่สมจริงนัก แก้เซ็งเวลาไม่มีอะไรทำได้ครับ.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ มกราคม 28, 2006, 03:53:03 PM
เมื่อวานได้ดูเรื่องนึงครับ going back จำชื่อไทยไม่ได้ครับ (อำมหิตๆนี่แหละครับ)เป็นหนังที่ดารานำไม่ดังครับ ซื้อมา 45 บาทจากตลาดนัด เป็นเรื่องของทหารที่เคยไปรบในเวียดนามแล้วกลับไปอีกครั้งนึงเพื่อถ่ายสารคดีถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในเรื่องเป็นฉากรบกันทั้งในป่าและในเมือง พอดีผมเดินตลาดนัดที่ จ.เลย เห็นเลยซื้อมา พอดูได้ครับ ถึงจะไม่สมจริงนัก แก้เซ็งเวลาไม่มีอะไรทำได้ครับ.

เรื่องนี้รึครับ.....

(http://i1.tinypic.com/mre5cj.jpg)  (http://i1.tinypic.com/mre5qo.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 28, 2006, 10:37:35 PM
(http://tinypic.com/mc5cmc.jpg)
   รุ่นไหนครับนี่ ? มีใช้กันประเทศไหนครับ  แปลกมากๆ พึ่งเคยเห็นครับ ???


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: werasak ที่ มกราคม 28, 2006, 10:40:44 PM
ีุรุ่นไม่ทราบน่าจะ Z..... แต่เป็นของรัสเซียครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 28, 2006, 10:47:11 PM
รถปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบอัตาจร รุ่น ZSU 23-4 ครับ...............ผลิตจากรัสเซีย ติดปตอ.ขนาด 23 มม.   4 กระบอก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 28, 2006, 10:52:24 PM
ขอบคุณครับผม อืม..ผมสงสัยมานานแล้วครับ พลประจำรถถังที่ประจำในป้อมปืน ( เรียกอย่านี้รึเปล่าครับ ? ) เวลายิงปืนใหญ่ เสียงของปืนไม่ทำให้หูได้รับการกระทบกระเทือนอยางรุนแรงหรือครับ  ???  ยิ่งเป็นปืน ปตอ. อย่างในรูป เวลายิงที คงเสียงดังน่าดู


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 28, 2006, 10:55:05 PM
เสียงปืนดังอยู่ข้างนอกป้อมครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 28, 2006, 10:57:14 PM
 ??? ??? ??? ??? :o :o :o


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มกราคม 28, 2006, 11:00:34 PM
สงสัยอะไรหรือครับ เห็นใช้โลโก้แบบนี้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 28, 2006, 11:05:03 PM
ผมเคยปีนเข้าในป้อมของ สติงเรย์ ที่ ค่ายเพชรบูรณ์ วันพบญาติทหารใหม่ จอดตากแดดอยู่ ร้อนมากๆ ข้างในผมเห็นมีรอยเชื่อมอยู่แถวๆ ด้านล่างของตัวรถ พอปีนลงมาถามพี่ทหารที่ประจำรถ เค้าบอก ตัวรับแรงกดส่วนที่ติดกับตัวรถมันร้าว ก็เลยต้องเชื่อมกัน ตัวเกราะเบา แต่แบกอาวุธหนัก แต่อย่าให้มันได้วิ่งเชียวนะ มันวิ่งคล่องมาก ขับกันมันส์เลย HA HA ( พี่เค้าบอกมา อย่างนี้ครับ )


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 28, 2006, 11:06:17 PM
สงสัยอะไรหรือครับ เห็นใช้โลโก้แบบนี้
ผมคิดว่าเสียงคงดังเต็มป้อมเสียอีก ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มกราคม 29, 2006, 03:19:38 AM
ต่อยอดพี่มะขิ่นครับ เอาตัวเลขผลงานของสไนเปอร์ในช่วง W.W II  มาให้ดูกันครับ

World War II
Name Conflict Service Branch Kills
Simo Hayha W.W. II Finland 542 ตำนานนักล่าจากฟินแลนด์ครับ  
Ivan Sidorenko W.W. II U.S.S.R. 500
Nikolay Yakovlevich Ilyin W.W. II U.S.S.R. 496
Kulbertinov W.W. II U.S.S.R. 487
V. N. Pchelintsev  W.W. II U.S.S.R. 456
Mikhail Budenkov W.W. II U.S.S.R. 437
Fyodor Matveevich Okhlopkov W.W. II U.S.S.R. 429
Fyodor Djachenko W.W. II U.S.S.R. 425
Vasilij Ivanovich Golosov W.W. II U.S.S.R. 422
Afanasy Gordienko W.W. II U.S.S.R. 417
Stepan Petrenko W.W. II U.S.S.R. 412
Sulo Kolkka W.W. II Finland 400+
Erwin Konig W.W. II Germany 400
Vasili Zaitsev W.W. II U.S.S.R. 400  
Semen D. Nomokonov W.W. II U.S.S.R. 367
Abdukhani Idrisov W.W. II U.S.S.R. 349
Philipp Yakovlevich Rubaho W.W. II U.S.S.R. 346
Matthäus Hetzenauer W.W. II Germany 345
Victor Ivanovich Medvedev W.W. II U.S.S.R. 331
E. Nicolaev W.W. II U.S.S.R. 324
Leonid Yakovlevich Butkevich W.W. II U.S.S.R. 315
Nikolai Ilyin W.W. II U.S.S.R. 315
Lyudmila M. Pavlichenko (F) W.W. II U.S.S.R. 309
Alexander Pavlovich Lebedev W.W. II U.S.S.R. 307
Ivan Pavlovich Gorelikov W.W. II U.S.S.R. 305
Ivan Petrovich Antonov W.W. II U.S.S.R. 302
Heinz Thorvald W.W. II Germany 300
Gennadij Iosifovich Velichko W.W. II U.S.S.R. 300
Moisej Timofeyevich Usik W.W. II U.S.S.R. 300
Nataly V. Kovshova &
Maria Polivanova (Female team) W.W. II U.S.S.R. 300
Ivan Filippovich Abdulov W.W. II U.S.S.R. 298
Yakov Mikhajlovich Smetnev W.W. II U.S.S.R. 279
Liba Rugova  W.W. II U.S.S.R. 274
Anatolij Chekhov W.W. II U.S.S.R. 265
Zhambyl Evscheyevich Tulaev W.W. II U.S.S.R. 262
Sepp Allerberger W.W. II Germany 257
Fyodor Kuzmich Chegodaev W.W. II U.S.S.R. 250
Ivan Ivanovich Bocharov W.W. II U.S.S.R. 248
Mikhail Ignatievich Belousov W.W. II U.S.S.R. 245
Maxim Passar W.W. II U.S.S.R. 237
David Teboevich Doev W.W. II U.S.S.R. 226
Vasilij Shalvovich Kvachantiradze W.W. II U.S.S.R. 215
Bruno Sutkus W.W. II Germany 209
Mikhail Stepanovich Sokhin W.W. II U.S.S.R. 202
Noj Petrovich Adamia W.W. II U.S.S.R. 200
M.A. Abbasov  W.W.II U.S.S.R. 200
Gefreiter Meyer W.W. II Germany 180
Yekaterina Zuranova  W.W. II U.S.S.R. 155
Vladimir Ptchelinzev W.W. II U.S.S.R. 152
Inna Semyonovna Mudretsova (F) W.W. II U.S.S.R. 143
Feodosy Smeljachkov W.W. II U.S.S.R. 125
I. Merkulov W.W. II U.S.S.R. 125
H. Andruhaev W.W. II U.S.S.R. 125
Oleh Dir  W.W. II Germany 120
Tatiana Igantovna Kostyrina(F) W.W. II U.S.S.R. 120
N.P. Petrova (F) W.W. II U.S.S.R. 107
V. N. Pchelintsev W.W. II U.S.S.R. 102
Yelizaveta Mironova (F) W.W. II U.S.S.R 100+
Aliya Moldagulova (F) W.W. II U.S.S.R. 91
Nina Lobkovskaya (F) W.W. II U.S.S.R. 89
Lidiya Gudovantseva (F) W.W. II U.S.S.R. 76
Helmut Wirnsberger W.W. II Germany 64
Alexandra Shlyakhova (F) W.W. II U.S.S.R. 63
P. Grjaznov W.W. II U.S.S.R. 57
Roza Shanina (F) W.W. II U.S.S.R. 54
A.P.Medvedeva-Nazarkina (F) W.W. II U.S.S.R. 43
Marie Ljalková (F) W.W. II Czech Army 30
James Bedford MacArthur W.W. II Canada 9
* denotes unconfirmed kills    (F) denotes Female sniper

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.snipercentral.com/snipers.htm


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: white63 ที่ มกราคม 30, 2006, 11:05:46 AM
   ใช่เรื่องที่พี่ 51 ลงรูปแหละครับ ไปดูชื่อไทยมาแล้ว ชื่อเรื่อง เดนสงครามบาปอำมหิต ครับผม.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ มกราคม 30, 2006, 10:43:14 PM
 ;D กำลังนั่งดู Band of Brothers รอบที่พันแปด สามวันเพิ่งดูได้ 5 ตอน :~)
 ;D แต่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ja yong ที่ มกราคม 31, 2006, 03:04:14 AM
 แปรนด์ ออฟ ปราเทอร์  ;D ;D ผมว่าจะไปยืมเพื่อนมาดูอยู่เหมือนกัน พักหลังไม่ค่อยให้ยืมแล้ว ทั้งๆที่ ผมแนะนำให้ซื้อมาดูแท้ๆ ( เพื่อนบอก ยืมบ่อยแล้วไม่ให้ยืมแล้วล่ะ อยากดูก็มาดูที่บ้านกะมัน หิ้วช้างมาด้วย 6 ตัว อย่างต่ำ   :<><>:D~ :D~ )


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มกราคม 31, 2006, 12:31:23 PM
เท่าที่ดูหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมา................มีเรื่องนี้ที่หาอุปกรณ์ได้สมบูรณ์มากเกือบ 100% ครับ................

ที่หาไม่ได้และต้องสร้างขึ้นมา คือ รถถัง TIGER I ...............ใช้รถถัง T34/85 มาแล้วสร้างตัวรถ TIGER I ครอบ แล้วเป็น TIGER I version A ด้วย ซึ่งตรงกับระยะเวลา 1944 ที่มีการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี..............ซึ่งช่วงล่างของรถจะดูไม่สมจริงเพราะเป็นช่วงล่าง+ล้อ+สายพานของรถถัง T34/85 ที่ดูแล้วไม่น่าตำหนิ.....................แต่ที่ไม่สมจริงเลย มี 2 จุด...........คือช่วงที่ผู้กองมิลเลอร์ เอาปืนทอมสันยัดเข้าไปกรอกกระสุนใส่พลขับรถถัง จริงๆทำไม่ได้เพราะ รถถัง TIGER I จะมีแท่งแก้วกันกระสุนสำหรับพลขับรถติดตั้งอยู่ (มีสำรองอะไหล่อีก2-3 แท่ง)....................อีกจุดหนึ่ง ช่วงที่ ผบ.รถ TIGER I เปิดฝาครอบออกมาแล้วโดนพลร่มยิงคาร์บิน เอ็ม1 ใส่ ฝาครอบดูเหมือนฝาถังน้ำมัน200ลิตรบางๆ...............และเปิดแบบยกขึ้นแบบฝาประตูทั่วๆไป ซึ่งรถถัง TIGER I ช่องของ ผบ.รถ จะเป็นฝาเกราะหนาแบบโค้งๆ และเปิดแบบ ยกตัวขึ้นตรงเหนือช่องและบิดหมุนไปข้างหลัง..............

นอกนั้น..............ทั้งอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ สมจริงหมด...............

พอดีไปเดินดูร้านโมเดลที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน พบ Tiger I early version ที่มีฝาป้อมปืนเป็นแบบเปิดขึ้นข้างบนครับ .... กล่องข้าง ๆ เป็นเวอร์ชั่นอื่น เป็นฝาแบน แต่ต้องเปิดโดยวิธีหมุนครับ .... ส่วนเรื่องกระจกช่องมองของพลขับไม่ได้สังเกตุครับ .... แจ้งเพื่อทราบ  :)

รูปนี้ไม่ใช่โมนะครับ  ;D เป็น Early Tiger I captured near Tunis จาก en.wikipedia.org
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b4/TigerITankTunis.jpg/800px-TigerITankTunis.jpg)

ลิงค์น่าสนใจครับ ขอเวลาศึกษาก่อน ---> http://www.alanhamby.com/tiger.html


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tamz ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2006, 10:44:50 PM
เมื่อก่อนท่านเขียนให้ ธนุส ใช้ เดโทนิค .45 และ สมิธ โมเดล 27 ...โอ้ย พระเอกผม ใช้แต่ปืนหายากทั้งนั้น ไม่เหมือน "ลว.สุดท้าย" พระเอกใช้ คาร์ไบน์ .30 :)
ผมว่า  พันตำรวจเอกวีร์  บุญแต่ง  นี่คล้ายๆ  กับผู้พันวินเทอร์ส  นะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Dan wesson ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2006, 10:09:00 AM

เรื่องที่เกิดขึ้นจริง  จากบางส่วนในอิรัก

http://www.ogrish.com/index2.html


คลิ๊ก  Video and Image - Iraqi Sniper Dedicates 9 Bullets To Bush - [02/14/06]


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: May 21 ** รักในหลวง ** ที่ สิงหาคม 30, 2006, 04:18:32 PM
ติดตามต่อ เว้นไปนานเลย :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 30, 2006, 05:30:31 PM
โอ้ ยังไงเดี๋ยวจะมาเสนอความเห็นต่อครับ

ประเด็นของผมไม่ใช่ การเปรียบเทียบภาพยนต์สงครามที่เป็นเรื่องของยุคต่างๆ แต่เปรียบเทียบภาพยนต์สงครามที่ถูกสร้างขึ้นในยุคต่างๆ

จะเห็นได้ว่า บรรยากาศทางการเมืองและสังคมในยุคต่างกันมีอิทธิพลต่อผู้สร้างและรสนิยมของตลาด ผมมองว่าแต่ละยุคคือ

- ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเย็นรุนแรง
- ตั้งแต่ช่วงสงครามเวียดนาม สงครามเย็นยังแรงแต่ความเชื่อถือในรัฐบาลประเทศผู้สร้าง (เมกัน) ลดลง
- ตั้งแต่จบสงครามเย็น
- ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 9/11


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: นรกบนดิน ที่ สิงหาคม 30, 2006, 05:47:10 PM
เบนเฮอร์ขอแจมส์ได้มะครับ สงครามในอดีตตต :<< :<<


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 16, 2006, 01:35:18 AM
ขุดกระทู้กับเขามั่ง...

เห็นว่าพักนี้ฮิตครับ... เย้ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2006, 01:44:01 AM
ผมกำลังตามหาอยู่พอดี ขอบคุณมากครับที่ทำให้ผมไม่ต้องออกแรงขุดเอง ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:03:58 AM
ขออนุญาตขุดกระทู้ครับเผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ อยากคุย
 
เนื่องจากช่วงนี้ภาพยนต์เรื่อง Valkyrie กำลังฉาย เป็นเรื่องการพยายามสังหารฮิตเล่อร์ของคณะนายทหารบก โดยการวางระเบิดในวันที่ 20 ก.ค. 1944

ผม (รีบ) ไปดูมาแล้ว อิ อิ ขอแนะนำว่าผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การเมือง การสงครามโลก ครั้งที่ 2 น่าจะดู

ท่านที่ยังไม่ได้ดูข้ามช่วงต่อไปนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะไม่สนุก

อย่างไรก็ตามมีข้อติบางอย่าง

1. อารมณ์ของเรื่อง

ความเป็นดราม่าของเรื่องน้อยไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าควรใช้ดาราที่หน้าตาดราม่ามากๆ เช่น ราฟ ไฟน์ แทน ทอม ครูส

2.ฉาก

 2.1 ในเรื่องไม่ได้แสดงถึงความกดดันต่อคน/ทหารเยอรมันว่าตอนนั้นสงครามทำให้เยอรมัน/ยุโรป พินาศสันตะโรไปเท่าไหร่ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องกำจัดระบบการปกครองของฮิตเล่อร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ในเรื่องไม่มีฉากเมืองที่พัง ความกดดัน/กดขี่ของนาซีต่อคนเยอรมันเอง สภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นจากสงคราม บ้านเมืองที่สร้างมาใหญ่โตหลังฟื้นจากเศรษฐกิจถอถอยก็มาพังลง รวมทั้งอาคารทางประวัติศาสตร์ของเยอรมันทุกยุคที่ผ่านมาด้วย ชาวบ้าน/ทหารทำงานเสียสละเต็มที่แต่ผู้นำเอาตัวรอดและบ้า เช่น ความจริงที่ว่าฮิตเล่อร์ไม่ยอมไปเยี่ยมเมืองที่ถูกบอร์ดเพราะกลัวเห็นภความจริงแล้วใจอ่อนไม่อยากรบต่อ จุดนี้ไม่มีในภาพยนต์เลย มีเพียงแค่ครอบครัวหลบหลุมหลบภันในบ้าน ได้ยินเสียงระเบิดลง ฉากเดียว และยังแสดงความเป็นอยู่เหมือนปรกติมากๆ ตึกต่างๆ ในเบอร์ลินไม่มีร่องรอยเสียหายแม้แต่น้อย มีน้ำมันใช้รถส่วนตัวกันสบายๆ ด้วย "ทำให้สื่อสารแสดงแก่นของเรื่องได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ได้สนใจข้อมูลของเหตุการณ์มาก่อน"

เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีงบสร้างฉากก็ควรนำเสนอผ่านบทสนทนา เช่น ข่าวเมืองเยอรมันที่โดนบอร์ม ถึงแม้ตามจริงทางการจะไม่ออกข่าวความสูญเสียมาก แต่ก็ควรแสดงให้เห็นว่าตัวละครรู้ว่าถูกบอร์มหนักๆ แต่ละครั้งต้องมีคนตายครั้งละหลายหมื่นคน

2.2 ไม่ได้แสดงถึงอำนาจครอบงำของนาซีในสังคมเท่าที่ควร และไม่ได้แสดงถึงอานุภาพของระบอบการปกครอง นำเสนอน้อยไปว่าสิ่งที่ผู้ต้องต้านคิดกระทำนั้นใหญ่หลวงนัก ต่อต้านกับอำนาจที่ครอบงำ และสั่งการกำลังการเมืองที่ปกครองคนหลายร้อยล้านคน และคุมกำลังทหาร 8-9 ล้านคน

ถ้าไม่อยากทำภาพความยิ่งใหญ่เข้มแข็งของนาซี แต่ก็ควรสร้างฉากตัวแทนได้ เช่น ตำรวจลับจับชาวบ้านที่ไม่จงรักภักดีเล็กๆ น้อยๆ ไปเข้าค่ายกักกัน

3. ข้อมูล

ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการหลักในเรื่อง เช่น เมื่อผุ้ก่อการแพ้ ฮิตเล่อร์ก็ออกคลั่ง สั่งกวาดล้างฆ่าผู้ต้องสงสัยไปประมาณ 2,500 คน รวมทั้งคนที่เป็นกำลังของประเทศ เช่น จอมพลรอมเมล และข้อมูลว่านายพันตรีกำลังหนุนที่ฮิตเล่อร์พูดโทรศัพท์โดยตรงให้ไปจับพวกก่อการได้เลื่อนยศเป็นพันเอกเลย ข้อมูลนี้ควรจะมีเพื่อเป็นการเน้นถึงความแหลวแหลกของระบอบผู้นำเผด็จการ เสริมความสำคัญของการก่อการ

ข้อชมครับ

1.เนื่อเรื่อง

สร้างถูกต้องตามเหตุการณ์จริงดีครับ

2. รายละเอียดการสร้าง

2.1 อุปกรณ์ถูกต้องดี เครื่องบินก็ถูกรุ่นตามที่ควรจะเป็น เช่น เครื่องบินโดยสาร Ju52 ฉากสนามบินก็เห็น Me109 ในโรงเก็บ ชเตาเฟนแบร์ก ถูกยิงที่แขนตอนคณะก่อการแพ้จริง แต่มีฉากหนึ่งที่ขึ้นลำปืน PPK โดยเอาลำกล้องกดกับโต๊ะ จุดนี้ไม่แน่ในว่าธรรมเนียมปฏิบัติทหารเยอรมันสมัยนั้นเขาพกปืนดับเบิ้ล/ซิงเกิลขึ้นลำไว้ตลอดหรือไม่ หรือเป็นเพียงการที่ผู้สร้างต้องการแสดงการเตรียมสู้ขั้นสุดท้ายให้เห็นชัดๆ ตามแนวภาพยนต์

2.2 ตัวละคร พยายามสร้างให้ถูกต้องดี ทอม ครูส สูงแค่ 169 ซม มีฉากยืนข้างฮิตเล่อร์ ผู้สร้างก็หาคนเตี้ยกว่ามาแสดงเป็นฮิตเล่อร์ และใช้มุมกล้องช่วยด้วย ตามจริงแล้ว ฮิตเล่อร์สูง 173-175 ซม. (แล้วแต่แหล่งข้อมูล) ส่วน ชเตาเฟนแบร์ก ดูตามภาพควรสูง 187-190 ซม.  


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:10:53 AM
von stauffenberg ตัวจริงยืนตัวสูงซ้ายสุด เทียบกับฮิตเล่อร์ในภาพ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:16:22 AM
เทียบหน้าตา/มาด ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:18:22 AM


Von Stauffenberg.

ผมมีม้วนเทป ที่เคยสร้่างไว้ก่อนหน้า ทำให้ผมรู้จักวีระกรรม ของนายทหารท่านนี้..

ดูอยู่หลายครั้ง.. แต่ตอนนี้หาม้วนไม่พบแล้ว ..  :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:18:55 AM
ม้าเยอรมันตัวใหญ่ดี ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:20:16 AM
โอ้ น่าดูจัง ผมไม่เคยดูเรื่องก่อนครับพี่โรด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:29:49 AM
ปล. หลังเหตุการณ์ เมียของชเตาเฟนแบร์กโดนจับไปควบคุมตัวแต่รอดมาได้ เพิ่งเสียชีวิตปี 2006 ลูกๆ ถูกนาซีส่งไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กและให้ใช้ชื่อใหม่

...กาลต่อมา ลูกชายคนหนึ่งเป็นทหารเยอรมันยุคสงครามเย็นเกษียณยศ พลตรี อีกคนหนึ่งเป็น สส. เยอรมัน/และสมาชิกสภาสหภาพยุโรป


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:30:19 AM
ตามคุณ L E เข้ามาครับ...

กระทู้นี้ทำให้นายสมชายบ้าดูหนัง HTPC เลยครับ... แถมยอมทุ่มเงินซื้อ LCD 46 นิ้ว เพราะกระทู้นี้จุดประกายแท้เชียว...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:31:49 AM
ผมยินดีมากครับที่ทำให้พี่สมชายเสียตังค์ เอ้อ สนุกสนานกับภาพยนต์ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:36:08 AM
ไปดูในวิกิฯ พบภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องอีกมากเลยครับ เพิ่งรู้ว่าสร้างมามากขนาดนี้

German movies
1955: de:Der 20. Juli Directed by ex-resistance-fighter Falk Harnack. IMDB
1955: de: Es geschah am 20. Juli. Alternative West German version directed by Georg Wilhelm Pabst IMDB
1989: Stauffenberg. 13 Bilder &uuml;ber einen T&auml;ter by Hans Bentzien and Erich Thiede, a documentary movie
1990: Stauffenberg – Verschw&ouml;rung gegen Hitler
2004: Die Stunde der Offiziere Semi-documentary movie IMDB [2]
2004: Stauffenberg (Film) by Jo Baier IMDB [3]
2005: Stauffenberg TV documentary

American movies
1951: The Desert Fox: The Story of Rommel. The first movie to feature Stauffenberg as a character.
1967: The Night of the Generals
2008: Valkyrie

American TV
Years link to corresponding "[year] in television" articles:

1988: War and Remembrance played by Sky Dumont in parts 6-8
1990: The Plot to Kill Hitler played by Brad Davis


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 11:48:48 AM
นายสมชายจำเอาไว้เลยครับ... "Valkyrie" ไม่พลาดแน่นอนนนน...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 01:31:41 PM
เคยดูหนังชีวิต  ทีมีเนื้อหาของสงครามเป็นฉาก  ความผูกพันธ์ในวัยเด็กระหว่างเพื่อนเยอรมัน กะเพื่อนเชื้อสายยิว  หนังเล่าถึงความอดสูของชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่เคยร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่1  ชาวยิวที่มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองเยอรมันจริงๆ  ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจนต้องฆ่าตัวตาย   

เพื่อนของตัวละครได้ดิบได้ดีเป็นนายทหารเยอรมัน  เพื่อนชาวยิวเริ่มมองด้วยสายตาเคลือบแคลง   
ต่อมาชาวยิวผู้นั้นได้ ลี้ภัยออกนอกประเทศ  และทราบข่าวภายหลังว่า เพื่อนนายทหารเยอรมันของตนถูกประหาร เพราะอยู่ฝ่ายต่อต้าน ฮิตเลอร์ 

ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้   ::004::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 01:52:37 PM
ขอบคุณน้องต๊อกมากครับ  ;) จะหาเวลาไปดูให้ได้  ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:23:07 PM
 ;D หา ๆๆๆ ดู ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:29:14 PM
กางเกงขี่ม้าแบบขาบานเป็นระฆังนี่เขาว่าแรกเริ่มออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความเท่ของผู้ใส่ครับ คือจะช่วยปกปิดคน "ขาโก่ง" เมื่อใส่แบบนี้ดูหุ่นมาตรฐานทั้งนั้น

ในหนังสือ Culture of War เสนอข้อคิดว่ายุค WWII เครื่องแบบของเยอรมันจะสร้างอารมณ์ทหารเข้มแข็งฮึกเหิมมากที่สุด เป็นกรรักษาแนวเครื่องแบบทหารแต่ปางก่อน ส่วนเมกันแค่เหมือนสูทติดเครื่องหมายทหารเท่านั้น...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:41:45 PM
ปัจจุบัน หลายชาตินิยมใช้หมวกเหล็กดีไซน์เหมือนเยอรมัน มีกระบังมาปิดท้ายทอย/ต้นคอ เพราะช่วยป้องกันได้ดี การออกแบบทรงนี้พวกเชื้อชาติเยอรมัน เยอรมัน/ออสเตรีย ใช้กันมาตั้งแต่ยุคกลาง ในภาพเป็นเกราะออสเตรียครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:49:42 PM
กางเกงขี่ม้า  ช่วงน่องที่สอบลงมาทำรัดรูป เพื่อป้องกันการเสียดสีกะรองเท้าบูต    คนสวมกางเกงแบบนี้ รวมทั้งตำรวจสายตรวจจยย. ถ้าถอดบูตออก จะดูตลกเลยครับ   ส่วนเรื่องต้นขากางเกงบาน น่าจะเป็นอย่างที่คุณต๊อกบอก

เครื่องแบบทหารเยอรมัน จีนคณะชาติ ก๊อปไปทั้งดุ้น  ร่วมถึงการใส่เครื่องหมายที่ปกเสื้อ

คุณต็อก  แก้คำว่า "หมวกเหล็ก" ก่อนนะครับ  :)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:49:55 PM
 ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:52:19 PM
แต่สำหรับฝรั่งแล้ว ชาติแรกที่ใช้หมวกเหล็กทรงแบบนี้คือ        ........โรมัน เจ้าเก่าผู้มีเทคโนโลยีก้าวหน้านั่นเองครับ :DD

ภาพจากเสาสลักของจักรพรรดิ Trajan


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 02:56:48 PM
กางเกงขี่ม้า  ช่วงน่องที่สอบลงมาทำรัดรูป เพื่อป้องกันการเสียดสีกะรองเท้าบูต    คนสวมกางเกงแบบนี้ รวมทั้งตำรวจสายตรวจจยย. ถ้าถอดบูตออก จะดูตลกเลยครับ   ส่วนเรื่องต้นขากางเกงบาน น่าจะเป็นอย่างที่คุณต๊อกบอก

เครื่องแบบทหารเยอรมัน จีนคณะชาติ ก๊อปไปทั้งดุ้น  ร่วมถึงการใส่เครื่องหมายที่ปกเสื้อ

คุณต็อก  แก้คำว่า "หมวกเหล็ก" ก่อนนะครับ  :)

โอ้ ขอบคุณมากครับ ผมไปแก้คำแล้วครับ อิ อิ รองเท้าแบบนี้จะใส่จะถอดทีคงยุ่งมาก ได้ข่าวว่าสมัยก่อนมีโครงไม้เอาไว้ช่วยถอดด้วย ถุงเท้าหย่อนละดึงไม่ได้เลย ผมเห็นของสายตรวจฉลามบกตามหลังกระทรวงเคยอยากไปลองใส่เล่นเหมือนกัน อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:30:26 PM
ประเด็นของผมไม่ใช่ การเปรียบเทียบภาพยนต์สงครามที่เป็นเรื่องของยุคต่างๆ แต่เปรียบเทียบภาพยนต์สงครามที่ถูกสร้างขึ้นในยุคต่างๆ

จะเห็นได้ว่า บรรยากาศทางการเมืองและสังคมในยุคต่างกันมีอิทธิพลต่อผู้สร้างและรสนิยมของตลาด ผมมองว่าแต่ละยุคคือ

- ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเย็นรุนแรง
- ตั้งแต่ช่วงสงครามเวียดนาม สงครามเย็นยังแรงแต่ความเชื่อถือในรัฐบาลประเทศผู้สร้าง (เมกัน) ลดลง
- ตั้งแต่จบสงครามเย็น
- ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 9/11
 
ขอขยายความต่อครับ แนวที่แสดงต่อไปนี้ผมหมายถึงภาพยนต์ส่วนมากของยุคนั้นครับ แน่นอนว่าข้อยกเว้นก็มีบ้าง

- ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเย็นรุนแรง
ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นพระเอก ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ร้ายเต็มตัว หรือไม่ก็ไม่แสดงความเป็นบุคคลเลย เหมือนหุ่นยนต์เท่านั้น ไม่มีบทความเป็นมนุษย์ใกล้ชิด แต่ช่วงนี้ก็มีเรื่องที่สร้างอิงประวัติศาสตร์โดยไม่มีความเป็นดราม่าด้วย เช่น The longest day (1962) ภาพยนต์ยุคนี้ เช่น Where the Eagle dares, Green Beret, Midways ฯลฯ เรื่องที่มีการแสดงมุมมองของฝ่ายตรงข้ามบ้างก็ เช่น The Enemy Below

- ตั้งแต่ช่วงสงครามเวียดนาม สงครามเย็นยังแรงแต่ความเชื่อถือในรัฐบาลประเทศผู้สร้าง (เมกัน) ลดลง
มีเนื้อหาวิพากวิจารณ์รุนแรงมากขึ้น มองย้อนเข้าตัวเองมากขึ้น เช่น The Dear Hunter, Apolacyps now, The dear Huner ฯลฯ

- ตั้งแต่จบสงครามเย็น
เนื้อหาและมุมมองทางฝ่ายแดงมีมากขึ้น แสดงความผิดพลาดของเรามากขึ้น แสดงความโหดร้ายของสงครามในทุกแง่มุม ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นยุคที่สร้างภาพยนต์สงครามดีที่สุด เช่น Hunt for Red October, Saving Provate Ryan, Band of Brothers, Black Hawks Down (ฉากหลัง 9/11 แต่เริ่มสร้างมาก่อน)

- ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 9/11
ความรู้สึกแบ่งแยกฝักฝ่ายรุนแรงยิ่งกว่าสมัยสงครามเย็น เพราะสงครามมาถึงบ้านคนเมกันตายในบ้าน ความเกรงใจชาติอื่นลดลง ผู้สร้างภาพยนต์นำชื่อประเทศอื่นมาใช้อย่างไม่เกรงใจ เช่น เรื่อง Tears of the Sun แม้แต่ในภาพยนต์ 007 ก็มีการแสดงชื่อชาติอื่นออกมาอย่างชัดเจน ลักษณะอีกย่างของยุคนึ้คือถึงฝ่ายเรา (ผู้สร้าง เมกัน) จะงี่เง่าบ้าง แต่ในที่สุดก็ไม่หัวดื้อเกินไป เช่นในเรื่อง Tear of the Sun เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เกิดกระแสต่อต้านนโยบายตอบโต้ 9/11 มากขึ้น รูปแบบภาพยนต์ก็เริ่มเปลี่ยนกลับไปเหมือนยุคก่อน 9/11 มากขึ้น มองหลายด้าน และวิจารณ์ฝ่ายเรา ฝ่ายพระเอกด้วย ไม่ใมีตัวละครใครสมบูรณ์แบบ อาจเห็นได้จากเรื่อง Defiance


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:44:05 PM
เร็วๆ นี้มีเรื่อง Beaufort ครับ ภาพยนต์อิสราเอลสร้าง ฉากไม่อลังการ เป็นแนวดราม่าเรื่อยๆ แสดงดี ไม่เว่อร์ อารมณ์ผู้แสดงได้บรรยากาศดี (เพราะเคยเป็นทหารจริงๆ มาทั้งนั้น อิ อิ) ท้องเรื่องแสดงอีกฉาก/รูปแบบที่ไม่ค่อยเห็นครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:44:37 PM
 8)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:53:16 PM
ผมมองว่าเราเสพหนังฮอลีวูดกันมาก พอหลังเหตุการณ์ 9/11  สังคมอเมริกันช๊อค  หนังที่มีเนื้อหาเกียวกะสงคราม หายไปจากตลาด  จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีหนังสงครามที่ทำดีๆหรือมีก็ออกมาน้อย  แฟนหนังรู้สึกเหงา ไปนาน

เร็วๆ นี้มีเรื่อง Beaufort ครับ ภาพยนต์อิสราเอลสร้าง ฉากไม่อลังการ เป็นแนวดราม่าเรื่อยๆ แสดงดี ไม่เว่อร์ อารมณ์ผู้แสดงได้บรรยากาศดี (เพราะเคยเป็นทหารจริงๆ มาทั้งนั้น อิ อิ) ท้องเรื่องแสดงอีกฉาก/รูปแบบที่ไม่ค่อยเห็นครับ

เรื่องนี้ผมดูไม่จบครับ เบื่อก่อน 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:55:03 PM
ตั้งแต่หลัง 9/11 เป็นต้นมา... หนังฮอลลีวูดเรื่องหลังๆมานี่มักมีแขกตะวันออกกลางก่อการร้ายเป็นผู้ร้ายครับ...

อย่างน้อยเรื่องล่าสุดที่นายสมชายยังดูไม่ค่อยเข้าใจคือ Body of lies มีดาราใหญ่ออสการ์ รัสเซล โครว์ ประกบกับ ลีโอนาโด เดอ คาปริโอ... เป็นเรื่องของสายลับ CIA ติดตามผู้ก่อการร้ายตัวสำคัญ... ผูกเรื่องซับซ้อนมาก นายสมชายดูแล้วหนึ่งรอบ กะว่าสักพักจะหยิบมาดูใหม่อีกรอบนึง อย่างน้อยฉากบู๊ในหนังเรื่องนี้ก็สมจริงเอาเรื่องครับ... โดยเฉพาะนายชู้รักเรือล่มนี่ใช้ G19 ได้เนียนตาจริง...

หนังเรื่องนี้ได้คะแนน 7.4 จากคนโหวตสองหมื่นกว่าคนที่ IMDB ครับ... http://www.imdb.com/title/tt0758774/

ปรกติหนังบู๊ธรรมดาๆ จะไม่ค่อยได้คะแนนโหวตสูงที่ IMDB ซึ่งนายสมชายเข้าใจว่ารสนิยมเหมือนกรรมการออสการ์ ที่ชอบหนังหนักหัว มีสาระแน่น... แต่เรื่องนี้ได้คะแนนสูง เพราะเข้าใจว่าผูกเรื่องซับซ้อน และเกี่ยวพันกับสงครามในอิรัค คาบเกี่ยวกับกิจกรรมสายลับที่อยู่เบื้องหลังสงคราม...

เรื่องย่อ และเกร็ดต่างๆ อยู่ที่นี่ครับ... http://en.wikipedia.org/wiki/Body_of_Lies_(film) เรื่องนี้นายสมชายแนะนำเต็มที่ และสำหรับผู้ที่มีความรู้พื้นหลังเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ จะดูสนุกมากครับ...

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/4/48/Body_of_lies_poster.jpg/200px-Body_of_lies_poster.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:58:05 PM
นั่นสิครับพี่โทน เกิดสงครามจริง เรื่องสงครามใกล้ตัว คนเมกันอาจจะไม่มีอารมณ์ดูหนังสงคราม ผู้สร้่งวิเคราะห์ว่าไม่มีดีมานด์ในตลาด มีแต่ในโลกความจริงที่คนสนับสนุนกับต่อต้าน ขัดแย้งกัน ก็ไม่สร้างหนังมาขาย เมื่อก่อนฝรั่งคนนึงในเมืองไทยชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์สงคราม หลัง9/11 ผมถามว่าตอนนี้อ่านเรื่องอะไร แกบอกเลิกอ่านแนวนี้แล้ว เรื่องสงครามจริงๆ มาใกล้ตัว อารมณ์ไปอีกขั้นแล้ว



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:59:08 PM
ลองสังเกตุดูนะครับ  ช่วงที่มีสงครามเวียดนามอยู่ จะไม่ค่อยมีหนังเกี่ยวกะเวียดนามสักเท่าไหร่   มักจะเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่สองมากกว่า     พอหลังสงครามจบ ก็มีหนังเวียดนามพาเหรดออกมาหลายสำนัก ทั้งฟอร์มเล็กฟอร์มใหญ่

เหมือนกับความจริงอันโหดร้าย  ที่คนในสังคมขณะนั้นยอมรับไม่ได้ ต้องรอให้มันผ่านไปก่อน

คาดว่า หนังสงครามอิรัก , อัฟกานิสถาน  คงจะพาเหรดกันออกมาหลังสงบลงแล้วเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 05:03:27 PM
สำหรับขาโหลดบิต จะโหลต Body of lies ...

1) หนังความละเอียดต่ำ VCD มี English Subtitle ที่นี่ครับ... http://thepiratebay.org/torrent/4697463/Body.Of.Lies_2008_DvDrip_aXXo

2) หนังความละเอียดสูง 1264*528, H.264, เสียงรอบทิศทาง 6 แชนแนล ที่นี่ครับ... http://thepiratebay.org/torrent/4703436/Body_Of_Lies_2008_BRRip_H264_5.1_ch-SecretMyth_(Kingdom-Release)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 05:04:03 PM
ฺBody of lies ผมก็ชอบมากครับ พระเอกไม่เวอร์ไป ผมว่าดีกว่า The Kingdom เรื่องนั้นแอคชั่นมันกว่าแต่เป็นพระเอกเว่อร์ๆ เหมือนซุปเปอร์แมนมาช่วยคนพื้นเมืองหยองกรอด

จะไฮเทค เก่งมาจริงๆ แต่ถ้าไม่ทำงานกับ/ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในประเทศ ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ

ผมว่าอย่างน้อยคนที่ต้องประสานงานกับต่างชาติคงชอบ Body of lies มากกว่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 05:07:39 PM
ใจผมหนะ อยากให้มีหนังสงครามที่มีฉาก  เบรุต ยุค 80  มากกว่า   อยากให้ทำประณีตไปเลย เพราะผมสนใจที่จะศึกษาเหตุการณ์การเมืองที่ซับซ้อนช่วงนั้นมาก  อยากรู้จริงๆว่าเขาดำรงความเป็นประเทศได้อย่างไร  และตรงไหนเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติสงครามกลางเมือง   เหมือนเป็นบทเรียนทางการเมืองที่คนบ้านเราไม่สนใจนัก
 
ผมเลยชอบ "ซาเรน่า"  และ "สปาย วอร์"  


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 05:12:10 PM
ฺBody of lies ผมก็ชอบมากครับ พระเอกไม่เวอร์ไป...

สงสัยคงหมายถึงที่ตรงโดนหมาสี่ขาโฮ่งๆ รุมกัดขาแหงๆครับ... ฮา... เพราะโดนหมากัดเลยได้พบสาว...

นายสมชายดูถึงตรงนี้ยังนึกในใจว่าอีตานี่มันคงได้ยินคนไทยว่านักเลงจริงไม่ยิงหมาครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 05:20:47 PM
The Kingdom, "ซาเรน่า",  และ "สปาย วอร์" ... นายสมชายขอหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 06:42:29 PM
ขอเสนอ พี่สมชายอีกเรื่อง ครับ " In the name of the farther "   และ " The Boxer"
เรื่องแรก หาแผ่นยากหน่อย ผมยังไม่เคยเจอวางขายเลย   เรื่องจริง ของผู้ถูกปรักปรำ ว่าเป็น IRA เป็นผู้วางระเบิดในกรุงลอนดอน ติดคุกฟรีทั้งครอบครัว 16 ปี   มีฉากการรบกันใน กรุง เบลฟาส ไอร์แลนด์เหนือ   เป็นหนังที่ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย แต่คนดูหนังทุกคนบอกว่า แม้ไม่มีรางวัล แต่หนัง เยี่ยมมาก   ::002:: ::002::

อีกเรื่อง โรแมนติกน้ำเน่า  กล่าวถึงชีวิตของนักรบ IRA ที่ออกจากคุก  แล้วต้องกลับไปใช้ชีวิตในชุมชนเดิม  ซึ่งตนเองหันหลังให้กะความขัดแย้งแล้ว  และมุ่งสร้าง โรงยิม มวย  เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าแก่เยาวชน   ต้องต่อสู้กะคนสองนิกาย  สู้กะนักรบหัวรุนแรงในท้องถิ่นที่แสดงตัวคุกคามห้ามไม่ไห้  เมีย ของสมาชิกที่ติดคุก  ไม่ให้มีสามีใหม่   

ส่วนตัวแล้วระยหลัง ผมไม่ให้เครดิต ออสการ์ แล้วครับ   ::009::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 07:04:39 PM
The Kingdom, "ซาเรน่า",  และ "สปาย วอร์" ... นายสมชายขอหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...

ผมดู The Kingdom แล้ว............ เรื่องนี้สนุกมาก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: สุกรจากโลกันต์ ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 09:34:20 PM
ผมชอบแบบ ยุคกลางมากกว่าครับ พวกคิงอาร์เธอร์ เทอร์ทีนวอริเออร์ มูซานี่ โปรดเลย พวกลอร์ด หรือนาเนียผมก็ชอบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2009, 10:56:39 PM
ขออนุญาตขุดกระทู้ครับเผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ อยากคุย
 
เนื่องจากช่วงนี้ภาพยนต์เรื่อง Valkyrie กำลังฉาย เป็นเรื่องการพยายามสังหารฮิตเล่อร์ของคณะนายทหารบก โดยการวางระเบิดในวันที่ 20 ก.ค. 1944

ผม (รีบ) ไปดูมาแล้ว อิ อิ ขอแนะนำว่าผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การเมือง การสงครามโลก ครั้งที่ 2 น่าจะดู

ท่านที่ยังไม่ได้ดูข้ามช่วงต่อไปนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะไม่สนุก

อย่างไรก็ตามมีข้อติบางอย่าง

1. อารมณ์ของเรื่อง

ความเป็นดราม่าของเรื่องน้อยไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าควรใช้ดาราที่หน้าตาดราม่ามากๆ เช่น ราฟ ไฟน์ แทน ทอม ครูส

2.ฉาก

 2.1 ในเรื่องไม่ได้แสดงถึงความกดดันต่อคน/ทหารเยอรมันว่าตอนนั้นสงครามทำให้เยอรมัน/ยุโรป พินาศสันตะโรไปเท่าไหร่ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องกำจัดระบบการปกครองของฮิตเล่อร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ในเรื่องไม่มีฉากเมืองที่พัง ความกดดัน/กดขี่ของนาซีต่อคนเยอรมันเอง สภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นจากสงคราม บ้านเมืองที่สร้างมาใหญ่โตหลังฟื้นจากเศรษฐกิจถอถอยก็มาพังลง รวมทั้งอาคารทางประวัติศาสตร์ของเยอรมันทุกยุคที่ผ่านมาด้วย ชาวบ้าน/ทหารทำงานเสียสละเต็มที่แต่ผู้นำเอาตัวรอดและบ้า เช่น ความจริงที่ว่าฮิตเล่อร์ไม่ยอมไปเยี่ยมเมืองที่ถูกบอร์ดเพราะกลัวเห็นภความจริงแล้วใจอ่อนไม่อยากรบต่อ จุดนี้ไม่มีในภาพยนต์เลย มีเพียงแค่ครอบครัวหลบหลุมหลบภันในบ้าน ได้ยินเสียงระเบิดลง ฉากเดียว และยังแสดงความเป็นอยู่เหมือนปรกติมากๆ ตึกต่างๆ ในเบอร์ลินไม่มีร่องรอยเสียหายแม้แต่น้อย มีน้ำมันใช้รถส่วนตัวกันสบายๆ ด้วย "ทำให้สื่อสารแสดงแก่นของเรื่องได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ได้สนใจข้อมูลของเหตุการณ์มาก่อน"

เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีงบสร้างฉากก็ควรนำเสนอผ่านบทสนทนา เช่น ข่าวเมืองเยอรมันที่โดนบอร์ม ถึงแม้ตามจริงทางการจะไม่ออกข่าวความสูญเสียมาก แต่ก็ควรแสดงให้เห็นว่าตัวละครรู้ว่าถูกบอร์มหนักๆ แต่ละครั้งต้องมีคนตายครั้งละหลายหมื่นคน

2.2 ไม่ได้แสดงถึงอำนาจครอบงำของนาซีในสังคมเท่าที่ควร และไม่ได้แสดงถึงอานุภาพของระบอบการปกครอง นำเสนอน้อยไปว่าสิ่งที่ผู้ต้องต้านคิดกระทำนั้นใหญ่หลวงนัก ต่อต้านกับอำนาจที่ครอบงำ และสั่งการกำลังการเมืองที่ปกครองคนหลายร้อยล้านคน และคุมกำลังทหาร 8-9 ล้านคน

ถ้าไม่อยากทำภาพความยิ่งใหญ่เข้มแข็งของนาซี แต่ก็ควรสร้างฉากตัวแทนได้ เช่น ตำรวจลับจับชาวบ้านที่ไม่จงรักภักดีเล็กๆ น้อยๆ ไปเข้าค่ายกักกัน

3. ข้อมูล

ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการหลักในเรื่อง เช่น เมื่อผุ้ก่อการแพ้ ฮิตเล่อร์ก็ออกคลั่ง สั่งกวาดล้างฆ่าผู้ต้องสงสัยไปประมาณ 2,500 คน รวมทั้งคนที่เป็นกำลังของประเทศ เช่น จอมพลรอมเมล และข้อมูลว่านายพันตรีกำลังหนุนที่ฮิตเล่อร์พูดโทรศัพท์โดยตรงให้ไปจับพวกก่อการได้เลื่อนยศเป็นพันเอกเลย ข้อมูลนี้ควรจะมีเพื่อเป็นการเน้นถึงความแหลวแหลกของระบอบผู้นำเผด็จการ เสริมความสำคัญของการก่อการ

ข้อชมครับ

1.เนื่อเรื่อง

สร้างถูกต้องตามเหตุการณ์จริงดีครับ

2. รายละเอียดการสร้าง

2.1 อุปกรณ์ถูกต้องดี เครื่องบินก็ถูกรุ่นตามที่ควรจะเป็น เช่น เครื่องบินโดยสาร Ju52 ฉากสนามบินก็เห็น Me109 ในโรงเก็บ ชเตาเฟนแบร์ก ถูกยิงที่แขนตอนคณะก่อการแพ้จริง แต่มีฉากหนึ่งที่ขึ้นลำปืน PPK โดยเอาลำกล้องกดกับโต๊ะ จุดนี้ไม่แน่ในว่าธรรมเนียมปฏิบัติทหารเยอรมันสมัยนั้นเขาพกปืนดับเบิ้ล/ซิงเกิลขึ้นลำไว้ตลอดหรือไม่ หรือเป็นเพียงการที่ผู้สร้างต้องการแสดงการเตรียมสู้ขั้นสุดท้ายให้เห็นชัดๆ ตามแนวภาพยนต์

2.2 ตัวละคร พยายามสร้างให้ถูกต้องดี ทอม ครูส สูงแค่ 169 ซม มีฉากยืนข้างฮิตเล่อร์ ผู้สร้างก็หาคนเตี้ยกว่ามาแสดงเป็นฮิตเล่อร์ และใช้มุมกล้องช่วยด้วย ตามจริงแล้ว ฮิตเล่อร์สูง 173-175 ซม. (แล้วแต่แหล่งข้อมูล) ส่วน ชเตาเฟนแบร์ก ดูตามภาพควรสูง 187-190 ซม.  

ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ หนังเรื่องหนึ่งความยาวไม่เกิน 3 ชั่วโมง ไม่มีทางที่จะทำทุกอย่างได้หมด
คนทำหนังต้องเลือกครับว่าจะพูดถึงเรื่องอะไรเป็นหลัก
หากจำฉากเปิดเรื่องของหนัง Valkyrieได้ หนังบรรยายถึงเกียรติยศของทหาร
และคำสัตย์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด
ประเด็นของหนังอยู่ตรงนี้ครับ
เป็นเรื่องของเกียรติยศของทหาร และการตัดสินใจว่าจะทำเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อตัวบุคคล
บางครั้งหลายคนก็สับสน เข้าใจว่า ฮิตเลอร์คือเยอรมัน
หนังทั้งเรื่องก็พูดถึงประเด็นนี้ครับ
นอกนั้นก็เป็นรายละเอียด เรื่องนัดแล้วไม่มา
หรือถ้าฝ่ายก่อการไม่ลังเล สถานการณ์อาจพลิกไปอีกอย่าง
และวีซาฮิตเลอร์อาจหมดอายุแค่นั้นก็ได้
ส่วนประเด็นอื่น อย่างความกดดัน หรือความฉิบหายของยุโรป ที่คุณคิดว่าขาดไป
ผมคิดว่าเป็นพลความครับ เป็นเรื่องที่ละไว้ได้ฐานที่เข้าใจครับ
เอามาพูดมากเดี๋ยวหนังจะยาวเกินความจำเป็น
ฉากความวิบัติก็ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ จำฉากโบสถ์ที่พระเอกถูกทาบทามตอนต้นเรื่องได้หรือเปล่า
หรือประเด็นการจับตัวผู้คน ผมคิดว่าในช่วงปลายสงครามแล้ว คงไม่เกิดแล้วครับ
ส่วนฉากที่พระเอกเห็นลูกเมียกลัวจนตัวสั่นตอนหลบระเบิด
ผมว่าเป็นสิ่งที่ทำให้พระเอกตัดสินใจทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ
เพราะความตายมันใกล้ลูกเมียเข้ามาทุกที
เรื่องความขาดแคลน อาทิเช่น น้ำมัน
ถ้าจะมีก็เฉพาะในหมู่พลเรือน ฝ่ายทหารคงไม่ขาดแคลนหรอกครับ
ส่วนจุดอื่น อย่างเรื่อง casting ผมขออนุญาตไม่ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
สุดท้าย จากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ
ผมเสนอว่าสิ่งสำคัญในการพูดหรือการวิจารณ์หนังคือ
ต้องตีความให้ได้ว่าผู้สร้างต้องการสื่อสารอะไร
ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ...เราต้องการให้หนังมีอะไรหรือเป็นอย่างไร



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bobby ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 10:19:32 AM
ผมก็ชอบหนังactionมากครับ

- เพิ่งได้ดูเรื่องมิวนิค เพราะใช้ฉากสวย เดินเรื่องสนุกดีครับ

- หนังสงครามโลกครั้งที่สองก็ชอบมากครับ ได้ดู Objective Burma หนังสงครามขาวดำรุ่นเก่ามาก สร้างตอนที่ยังรบกันญี่ปุ่น ใช้อุปกรณ์จริง สนุกดีครับ กำลังจะตั้งใจดู Never so few, Go for Broke, Back to Batan ฯลฯ

- อีกเรื่อง ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ครับ (ฉายทางยูบีชี - ใครจำได้ช่วยบอกด้วยครับ จะได้ไปหาชื้อ) เป็นหนังสายลับยุโรปสู้กัน คล้ายๆกันโรนิน พวกพระเอกหนีด้วยรถ BMW E30 ชอบมากครับ เพราะเคยมีแต่งซิ่ง

ชอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bobby ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 10:23:22 AM
The Kingdom, "ซาเรน่า",  และ "สปาย วอร์" ... นายสมชายขอหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...

ผมดู The Kingdom แล้ว............ เรื่องนี้สนุกมาก
ผมก็ดูครับพี่มะขิ่น สนุกมากๆ แต่ทำไมต้องให้นายทหารซาอุฯ ตายด้วยก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยครับ
คล้ายๆกันก็มี vantage pointครับ วนไปวนมาดี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 01:36:57 PM
ขออนุญาตขุดกระทู้ครับเผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ อยากคุย
 
เนื่องจากช่วงนี้ภาพยนต์เรื่อง Valkyrie กำลังฉาย เป็นเรื่องการพยายามสังหารฮิตเล่อร์ของคณะนายทหารบก โดยการวางระเบิดในวันที่ 20 ก.ค. 1944

ผม (รีบ) ไปดูมาแล้ว อิ อิ ขอแนะนำว่าผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การเมือง การสงครามโลก ครั้งที่ 2 น่าจะดู

ท่านที่ยังไม่ได้ดูข้ามช่วงต่อไปนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะไม่สนุก

อย่างไรก็ตามมีข้อติบางอย่าง

1. อารมณ์ของเรื่อง

ความเป็นดราม่าของเรื่องน้อยไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าควรใช้ดาราที่หน้าตาดราม่ามากๆ เช่น ราฟ ไฟน์ แทน ทอม ครูส

2.ฉาก

 2.1 ในเรื่องไม่ได้แสดงถึงความกดดันต่อคน/ทหารเยอรมันว่าตอนนั้นสงครามทำให้เยอรมัน/ยุโรป พินาศสันตะโรไปเท่าไหร่ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องกำจัดระบบการปกครองของฮิตเล่อร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ในเรื่องไม่มีฉากเมืองที่พัง ความกดดัน/กดขี่ของนาซีต่อคนเยอรมันเอง สภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นจากสงคราม บ้านเมืองที่สร้างมาใหญ่โตหลังฟื้นจากเศรษฐกิจถอถอยก็มาพังลง รวมทั้งอาคารทางประวัติศาสตร์ของเยอรมันทุกยุคที่ผ่านมาด้วย ชาวบ้าน/ทหารทำงานเสียสละเต็มที่แต่ผู้นำเอาตัวรอดและบ้า เช่น ความจริงที่ว่าฮิตเล่อร์ไม่ยอมไปเยี่ยมเมืองที่ถูกบอร์ดเพราะกลัวเห็นภความจริงแล้วใจอ่อนไม่อยากรบต่อ จุดนี้ไม่มีในภาพยนต์เลย มีเพียงแค่ครอบครัวหลบหลุมหลบภันในบ้าน ได้ยินเสียงระเบิดลง ฉากเดียว และยังแสดงความเป็นอยู่เหมือนปรกติมากๆ ตึกต่างๆ ในเบอร์ลินไม่มีร่องรอยเสียหายแม้แต่น้อย มีน้ำมันใช้รถส่วนตัวกันสบายๆ ด้วย "ทำให้สื่อสารแสดงแก่นของเรื่องได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ได้สนใจข้อมูลของเหตุการณ์มาก่อน"

เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีงบสร้างฉากก็ควรนำเสนอผ่านบทสนทนา เช่น ข่าวเมืองเยอรมันที่โดนบอร์ม ถึงแม้ตามจริงทางการจะไม่ออกข่าวความสูญเสียมาก แต่ก็ควรแสดงให้เห็นว่าตัวละครรู้ว่าถูกบอร์มหนักๆ แต่ละครั้งต้องมีคนตายครั้งละหลายหมื่นคน

2.2 ไม่ได้แสดงถึงอำนาจครอบงำของนาซีในสังคมเท่าที่ควร และไม่ได้แสดงถึงอานุภาพของระบอบการปกครอง นำเสนอน้อยไปว่าสิ่งที่ผู้ต้องต้านคิดกระทำนั้นใหญ่หลวงนัก ต่อต้านกับอำนาจที่ครอบงำ และสั่งการกำลังการเมืองที่ปกครองคนหลายร้อยล้านคน และคุมกำลังทหาร 8-9 ล้านคน

ถ้าไม่อยากทำภาพความยิ่งใหญ่เข้มแข็งของนาซี แต่ก็ควรสร้างฉากตัวแทนได้ เช่น ตำรวจลับจับชาวบ้านที่ไม่จงรักภักดีเล็กๆ น้อยๆ ไปเข้าค่ายกักกัน

3. ข้อมูล

ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการหลักในเรื่อง เช่น เมื่อผุ้ก่อการแพ้ ฮิตเล่อร์ก็ออกคลั่ง สั่งกวาดล้างฆ่าผู้ต้องสงสัยไปประมาณ 2,500 คน รวมทั้งคนที่เป็นกำลังของประเทศ เช่น จอมพลรอมเมล และข้อมูลว่านายพันตรีกำลังหนุนที่ฮิตเล่อร์พูดโทรศัพท์โดยตรงให้ไปจับพวกก่อการได้เลื่อนยศเป็นพันเอกเลย ข้อมูลนี้ควรจะมีเพื่อเป็นการเน้นถึงความแหลวแหลกของระบอบผู้นำเผด็จการ เสริมความสำคัญของการก่อการ

ข้อชมครับ

1.เนื่อเรื่อง

สร้างถูกต้องตามเหตุการณ์จริงดีครับ

2. รายละเอียดการสร้าง

2.1 อุปกรณ์ถูกต้องดี เครื่องบินก็ถูกรุ่นตามที่ควรจะเป็น เช่น เครื่องบินโดยสาร Ju52 ฉากสนามบินก็เห็น Me109 ในโรงเก็บ ชเตาเฟนแบร์ก ถูกยิงที่แขนตอนคณะก่อการแพ้จริง แต่มีฉากหนึ่งที่ขึ้นลำปืน PPK โดยเอาลำกล้องกดกับโต๊ะ จุดนี้ไม่แน่ในว่าธรรมเนียมปฏิบัติทหารเยอรมันสมัยนั้นเขาพกปืนดับเบิ้ล/ซิงเกิลขึ้นลำไว้ตลอดหรือไม่ หรือเป็นเพียงการที่ผู้สร้างต้องการแสดงการเตรียมสู้ขั้นสุดท้ายให้เห็นชัดๆ ตามแนวภาพยนต์

2.2 ตัวละคร พยายามสร้างให้ถูกต้องดี ทอม ครูส สูงแค่ 169 ซม มีฉากยืนข้างฮิตเล่อร์ ผู้สร้างก็หาคนเตี้ยกว่ามาแสดงเป็นฮิตเล่อร์ และใช้มุมกล้องช่วยด้วย ตามจริงแล้ว ฮิตเล่อร์สูง 173-175 ซม. (แล้วแต่แหล่งข้อมูล) ส่วน ชเตาเฟนแบร์ก ดูตามภาพควรสูง 187-190 ซม.  

ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ หนังเรื่องหนึ่งความยาวไม่เกิน 3 ชั่วโมง ไม่มีทางที่จะทำทุกอย่างได้หมด
คนทำหนังต้องเลือกครับว่าจะพูดถึงเรื่องอะไรเป็นหลัก
หากจำฉากเปิดเรื่องของหนัง Valkyrieได้ หนังบรรยายถึงเกียรติยศของทหาร
และคำสัตย์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด
ประเด็นของหนังอยู่ตรงนี้ครับ
เป็นเรื่องของเกียรติยศของทหาร และการตัดสินใจว่าจะทำเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อตัวบุคคล
บางครั้งหลายคนก็สับสน เข้าใจว่า ฮิตเลอร์คือเยอรมัน
หนังทั้งเรื่องก็พูดถึงประเด็นนี้ครับ
นอกนั้นก็เป็นรายละเอียด เรื่องนัดแล้วไม่มา
หรือถ้าฝ่ายก่อการไม่ลังเล สถานการณ์อาจพลิกไปอีกอย่าง
และวีซาฮิตเลอร์อาจหมดอายุแค่นั้นก็ได้
ส่วนประเด็นอื่น อย่างความกดดัน หรือความฉิบหายของยุโรป ที่คุณคิดว่าขาดไป
ผมคิดว่าเป็นพลความครับ เป็นเรื่องที่ละไว้ได้ฐานที่เข้าใจครับ
เอามาพูดมากเดี๋ยวหนังจะยาวเกินความจำเป็น
ฉากความวิบัติก็ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ จำฉากโบสถ์ที่พระเอกถูกทาบทามตอนต้นเรื่องได้หรือเปล่า
หรือประเด็นการจับตัวผู้คน ผมคิดว่าในช่วงปลายสงครามแล้ว คงไม่เกิดแล้วครับ
ส่วนฉากที่พระเอกเห็นลูกเมียกลัวจนตัวสั่นตอนหลบระเบิด
ผมว่าเป็นสิ่งที่ทำให้พระเอกตัดสินใจทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ
เพราะความตายมันใกล้ลูกเมียเข้ามาทุกที
เรื่องความขาดแคลน อาทิเช่น น้ำมัน
ถ้าจะมีก็เฉพาะในหมู่พลเรือน ฝ่ายทหารคงไม่ขาดแคลนหรอกครับ
ส่วนจุดอื่น อย่างเรื่อง casting ผมขออนุญาตไม่ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
สุดท้าย จากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ
ผมเสนอว่าสิ่งสำคัญในการพูดหรือการวิจารณ์หนังคือ
ต้องตีความให้ได้ว่าผู้สร้างต้องการสื่อสารอะไร
ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ...เราต้องการให้หนังมีอะไรหรือเป็นอย่างไร



 :VOV:ขอบคุณครับพี่ จำบยางฉากได้ครับ เพิ่งดูวันเข้าเย็นพฤหัสเลย ;D

เรื่องขาดแคลน เขาปันส่วนทุกอย่างจริงๆ ครับ ถึงทหารแนวหน้าอาจได้บางอย่างมากกว่าแต่ทหารในเมืองได้เท่าประชาชน เท่าที่จำได้จากที่เคยพบข้อมูล

อาหาร เนื้อ/1 สัปดาห์
ทหารแนวหน้า 250 กรัม
ทหารแนวหลัง ข้าราชการแนวหลัง ประชาชนเยอรมัน 100 กรัม
ประชาชนในประเทศยึดครอง 50 กรัม

กาแฟ เสื้อผ้า รองเท้า ทุกอย่างปันส่วนด้วยคูปองอย่างเคร่งครัด

เรื่องน้ำมันจริงๆ ก็ขาดแคลนมากๆ ครับ ใช้ส่วนตัวคงต้องระดับสมาชิกพรรคตำแหน่งสูงมากๆ ตอนปลายสงคราม Albert Speer เข็นการผลิตออกมาได้มาก เช่นเรื่องหนึ่ง เครื่องบิน Me109 เฉพาะรุ่นนี้รุ่นเดียว เดือนละ 2,500 ลำ (ปี 1944) มากกว่าสมัย Udet รับผิดชอบตอนต้นสงคราม แต่ส่วนมากใช้บินรบไม่ได้จริงเพราะไม่มีน้ำมันจะฝึกนักบิน ให้นักบินขึ้นบิน นักบินขึ้นบินแล้วทำความเสียหายให้ข้าศึกไม่ได้มีโทษเพราะเสียน้ำมันเปล่า ทรัพยากรสำคัญที่สุดที่แตกต่างปลายสงครามคือน้ำมันมากกว่าอาวุธยุทธภัณฑ์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 01:42:22 PM
ผมชอบแบบ ยุคกลางมากกว่าครับ พวกคิงอาร์เธอร์ เทอร์ทีนวอริเออร์ มูซานี่ โปรดเลย พวกลอร์ด หรือนาเนียผมก็ชอบ

เรื่องยุคกลางผมก็ชอบครับ ชอบที่สุด El Cid กับ Ben Hur เร็วๆ นี้มีเรื่อง Outlander ยุคไวกิ้งปนแฟนตาซีอวกาศ เข้าเมื่อไหร่คงต้องไปดูครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 01:47:50 PM
ขอเสนอ พี่สมชายอีกเรื่อง ครับ " In the name of the farther "   และ " The Boxer"
เรื่องแรก หาแผ่นยากหน่อย ผมยังไม่เคยเจอวางขายเลย   เรื่องจริง ของผู้ถูกปรักปรำ ว่าเป็น IRA เป็นผู้วางระเบิดในกรุงลอนดอน ติดคุกฟรีทั้งครอบครัว 16 ปี   มีฉากการรบกันใน กรุง เบลฟาส ไอร์แลนด์เหนือ   เป็นหนังที่ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย แต่คนดูหนังทุกคนบอกว่า แม้ไม่มีรางวัล แต่หนัง เยี่ยมมาก   ::002:: ::002::

อีกเรื่อง โรแมนติกน้ำเน่า  กล่าวถึงชีวิตของนักรบ IRA ที่ออกจากคุก  แล้วต้องกลับไปใช้ชีวิตในชุมชนเดิม  ซึ่งตนเองหันหลังให้กะความขัดแย้งแล้ว  และมุ่งสร้าง โรงยิม มวย  เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าแก่เยาวชน   ต้องต่อสู้กะคนสองนิกาย  สู้กะนักรบหัวรุนแรงในท้องถิ่นที่แสดงตัวคุกคามห้ามไม่ไห้  เมีย ของสมาชิกที่ติดคุก  ไม่ให้มีสามีใหม่  

ส่วนตัวแล้วระยหลัง ผมไม่ให้เครดิต ออสการ์ แล้วครับ   ::009::

ขอบคุณครับ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องที่สองเลย เรื่องไอร์แลนด์เหนือ ผมว่า Michael Collins ก็ดี แนวการเมือง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 03:52:30 PM
ขออนุญาตคุณ wilhelm Tell ไม่ quote ข้อความนะครับ เพราะมันจะทำให้กระทู้ยาวเกินจำเป็น
เข้าเรื่องนะครับ
เรื่องปันส่วน ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
ประเด็นของผมอยู่ที่ประเด็นของหนัง และวิธีในการประเมินคุณค่าของหนังครับ
ว่ากันเฉพาะใน Valkyrie ล้วนๆ เนื้อหนังเขาก็ทำจำกัดวง
พล็อตหลักอยู่ที่ตัวเอกที่หาญทำรัฐประหาร หนังชี้แรงบันดาลใจให้พระเอกยอมเสี่ยงชีวิตหลายตอน
แรกสุดก็คือฉากเปิดเรื่อง ที่พระเอกต้องการรักษาชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ
ประเด็นต่อมาคือฉากที่พระเอกต้องไปแจกเหรียญให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
และอีกประเด็นสำคัญคือฉากที่ลูกเมียกลัวระเบิดจนตัวสั่นตอนหลบในห้องใต้ดินที่บ้าน
ส่วนพล็อตรองคือการทำรัฐประหาร
เรื่องราวทั้งหมดมันก็วนอยู่แต่ตรงนี้ ซึ่งผมว่าพอแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปพูดเรื่องอื่น
ในความคิดของผม การวิจารณ์ก็ควรจะตีกรอบจำกัดวงครับ
ว่ากันเฉพาะสิ่งที่คนทำหนังต้องการนำเสนอ และกลเม็ดในการนำเสนอ
จะเอาทุกเรื่องอย่างเช่นข้อเท็จจริงมาบวกเข้าไปไม่ได้ครับ
เพราะหนังเขาพูดเฉพาะประเด็นหนึ่งประเด็นใด อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับข้อเท็จจริงที่คุณนำเสนอ ถือเป็นความรู้ต่อยอด เป็นของแถมสำหรับการดูหนัง (เรื่องนี้) ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นชี้ข้อดีข้อเสียของหนัง

อีกนิดครับ ขออนุญาตถามหน่อยครับ
คุณ Wilhelm Tell ทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนครับ
ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่
แจ้งทาง pm ก็ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 06:42:20 PM
The Kingdom, "ซาเรน่า",  และ "สปาย วอร์" ... นายสมชายขอหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...

ผมดู The Kingdom แล้ว............ เรื่องนี้สนุกมาก

งั้นนายสมชายหมายหัวหนังเรื่องนี้สองหมายเลยครับ... แปลว่าจะหามาดูในสามสี่วันนี้เลย... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 06:45:08 PM
The Kingdom, "ซาเรน่า",  และ "สปาย วอร์" ... นายสมชายขอหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...

ผมดู The Kingdom แล้ว............ เรื่องนี้สนุกมาก

งั้นนายสมชายหมายหัวหนังเรื่องนี้สองหมายเลยครับ... แปลว่าจะหามาดูในสามสี่วันนี้เลย... เย้

ดูแล้วอย่าเผลอไปซื้อกางเกง 5.11 มาใส่นะครับ   ตัวเองในเรื่องใส่เสื้อผ้ายี่ห้อนี้  :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 06:54:13 PM
ขออนุญาตคุณ wilhelm Tell ไม่ quote ข้อความนะครับ เพราะมันจะทำให้กระทู้ยาวเกินจำเป็น
เข้าเรื่องนะครับ
เรื่องปันส่วน ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
ประเด็นของผมอยู่ที่ประเด็นของหนัง และวิธีในการประเมินคุณค่าของหนังครับ
ว่ากันเฉพาะใน Valkyrie ล้วนๆ เนื้อหนังเขาก็ทำจำกัดวง
พล็อตหลักอยู่ที่ตัวเอกที่หาญทำรัฐประหาร หนังชี้แรงบันดาลใจให้พระเอกยอมเสี่ยงชีวิตหลายตอน
แรกสุดก็คือฉากเปิดเรื่อง ที่พระเอกต้องการรักษาชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ
ประเด็นต่อมาคือฉากที่พระเอกต้องไปแจกเหรียญให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
และอีกประเด็นสำคัญคือฉากที่ลูกเมียกลัวระเบิดจนตัวสั่นตอนหลบในห้องใต้ดินที่บ้าน
ส่วนพล็อตรองคือการทำรัฐประหาร
เรื่องราวทั้งหมดมันก็วนอยู่แต่ตรงนี้ ซึ่งผมว่าพอแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปพูดเรื่องอื่น
ในความคิดของผม การวิจารณ์ก็ควรจะตีกรอบจำกัดวงครับ
ว่ากันเฉพาะสิ่งที่คนทำหนังต้องการนำเสนอ และกลเม็ดในการนำเสนอ
จะเอาทุกเรื่องอย่างเช่นข้อเท็จจริงมาบวกเข้าไปไม่ได้ครับ
เพราะหนังเขาพูดเฉพาะประเด็นหนึ่งประเด็นใด อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับข้อเท็จจริงที่คุณนำเสนอ ถือเป็นความรู้ต่อยอด เป็นของแถมสำหรับการดูหนัง (เรื่องนี้) ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นชี้ข้อดีข้อเสียของหนัง

อีกนิดครับ ขออนุญาตถามหน่อยครับ
คุณ Wilhelm Tell ทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนครับ
ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่
แจ้งทาง pm ก็ได้ครับ

นายสมชายว่าอย่าซีเรียสมากเลยครับ... คุณต๊อกจะทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนอย่างไร นายสมชายไม่สนใจเลยนะครับ...

นายสมชายดูหนังไม่มากเท่าไหร่แค่ดูใน HBO ไม่ได้ เพราะเจอแต่หนังดูแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และก็มีความเห็นว่าคนวิจารณ์หนังตามนิตยสารที่ว่าเยี่ยมแล้วก็ยังไม่เยี่ยมจริงเท่าไหร่หรอกครับ หากนั่งจับประเด็นจริงๆแล้วแต่ละคนก็มีข้อให้นายสมชายติมากมาย แต่นายสมชายไม่ได้สนใจเท่าไหร่ครับ... ที่ตามอ่านมั่งไม่อ่านมั่งเพราะอยากรู้ว่าในหัวเขามีอะไรอยู่ครับ แต่บางคนก็ไม่อยากรู้ เพราะไม่ค่อยมีอะไรให้นายสมชายรู้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่... ฮา

ที่นายสมชายสนใจ และติดตามทุก Post ของคุณต๊อก... คืออยากอ่านทุกเรื่องที่ออกจากสมองของคุณต๊อกครับเท่านั้นเอง คือมันไม่เบื่อ ถึงแม้วิจารณ์หนังสงครามแต่เอาเรื่องถ้วยโถโอชามเข้ามาคุย... นายสมชายก็ยังตามอ่านครับ... ฮา

และถึงแม้คุณต๊อกจะขึ้นกระทู้ว่า"วิจารณ์หนัง แบบตามใจฉัน"... นายสมชายก็ยังตามอ่านอยู่ดีครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 06:57:18 PM
ขออนุญาตคุณ wilhelm Tell ไม่ quote ข้อความนะครับ เพราะมันจะทำให้กระทู้ยาวเกินจำเป็น
เข้าเรื่องนะครับ
เรื่องปันส่วน ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
ประเด็นของผมอยู่ที่ประเด็นของหนัง และวิธีในการประเมินคุณค่าของหนังครับ
ว่ากันเฉพาะใน Valkyrie ล้วนๆ เนื้อหนังเขาก็ทำจำกัดวง
พล็อตหลักอยู่ที่ตัวเอกที่หาญทำรัฐประหาร หนังชี้แรงบันดาลใจให้พระเอกยอมเสี่ยงชีวิตหลายตอน
แรกสุดก็คือฉากเปิดเรื่อง ที่พระเอกต้องการรักษาชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ
ประเด็นต่อมาคือฉากที่พระเอกต้องไปแจกเหรียญให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
และอีกประเด็นสำคัญคือฉากที่ลูกเมียกลัวระเบิดจนตัวสั่นตอนหลบในห้องใต้ดินที่บ้าน
ส่วนพล็อตรองคือการทำรัฐประหาร
เรื่องราวทั้งหมดมันก็วนอยู่แต่ตรงนี้ ซึ่งผมว่าพอแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปพูดเรื่องอื่น
ในความคิดของผม การวิจารณ์ก็ควรจะตีกรอบจำกัดวงครับ
ว่ากันเฉพาะสิ่งที่คนทำหนังต้องการนำเสนอ และกลเม็ดในการนำเสนอ
จะเอาทุกเรื่องอย่างเช่นข้อเท็จจริงมาบวกเข้าไปไม่ได้ครับ
เพราะหนังเขาพูดเฉพาะประเด็นหนึ่งประเด็นใด อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับข้อเท็จจริงที่คุณนำเสนอ ถือเป็นความรู้ต่อยอด เป็นของแถมสำหรับการดูหนัง (เรื่องนี้) ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นชี้ข้อดีข้อเสียของหนัง

อีกนิดครับ ขออนุญาตถามหน่อยครับ
คุณ Wilhelm Tell ทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนครับ
ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่
แจ้งทาง pm ก็ได้ครับ

ขอบคุณครับที่มาสนใจพูดคุยกัน ผมทำงานกระทรวงยุติธรรมครับ ไม่ได้เรียนทางหนังหรือนิเทศอื่นๆ มองตามมุมส่วนตัว/เสียงตอบรับของลูกค้าสือ หนัง ละคร ตามที่รู้ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์และนิติเล็กน้อยครับไม่เคยวิจารณ์หนังนอกจากชวยคุยกันเฉพาะในเวปนี้และสภากาแฟครับ ความคิดเห็นส่วนตัวเลยหลายกระจายหลายกว้างเช่นนี้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 07:25:12 PM
สวัสดีครับพี่สมชาย

อิ อิ ผมพยายามเอาเรื่องโอ่ง อ่าง เอ้อ เสื้อผ้า ถ้วย โถ มาคุยเพื่อเพิ่มรสชาติและเพิ่มวามหายของหนังครับ เนื่องจากผมคิดว่าเมื่ออุตสาร์ดูหนังกันก็น่าจะต่อยอดอะไรๆ นอกจากดูเพื่อศิลปแห่งความเป็นหนังเรื่องนั้น

ที่จริงแล้วหนังเรื่องที่คนสนใจมากๆ ก็เปิดโลกจริงๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น Jurassic Park การสร้างดีกว่าหนังไดโนฯ เมื่อก่อนอย่างมาก ผู้คนสนใจไดโนฯ กันใหญ่ เกิดทุนการค้นคว้า ขุดค้น วิจัย เรื่องไดโนฯ จริงๆ มาก อิทธิพลของหนังยังเข้ามาสู่ภาควิชาการจริงๆ อย่าง การค้นพบมนุษย์วิวัฒนาการขั้นหนึ่งตัวเล็กที่เกาะฟลอสซี่ ยังเรียกกันเล่นๆ ว่า "ฮอปบิต" ตามหนังลอร์ดฯ เหมือนกับ Popular Culture อย่างอื่น เช่น ตั้งชื่อ เด็ก ออสตราโลพิเทคัส ที่ขุดเจอว่า "ลูซี่" ตามชื่อเพลง   

แตกเรื่องมากๆ จึงทำให้หนังมีความสำคัญมากกว่าศิลปความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง

ที่จริงตอนนี้รุ่นน้องที่ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ มีวิชาที่เรียนร่วมกับเด็กนิเทศเรื่องวิจารณ์หนัง เสียดายผมไม่ทัน รุ่นน้องเขาเล่าว่าในห้อง วิจารณ์ เปรียบเทียบ กันอย่างกว้างขวาง มีคนนึงเปรียบเทียบ จอร์ช บุช พ่อลูก กับ พ่อลูก ปลา ในการ์ตูน นีโม ที่น่าวนใจคือการถกกับเด็กคณะอื่นที่มีความรู้ ข้อมูลต่างกัน ป็นประโยชน์ของทุกฝ่าย เสียดายไม่ทันได้เรียน

ที่จริงเรื่อง วัลคารี มีเพื่อนผมตอบข้อติของผมเรื่องการไม่ค่อยให้ข้อมูลการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านว่า ผู้สร้างเมกันต้องการตอบสนองบรรยากาศทางการเมืองปัจจุบันที่เผชิญหน้ากับชาติเผด็กการอย่าง เกาหลีเหนือ หรืออิหร่าน จึงไม่ต้องการแสดงให้ชัดเจนว่าหากต่อต้านเผด็จการแล้วล้มเหลวจะโดนแรงๆ



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 07:35:52 PM
เดี๋ยวจะขี่มอไซด์ไปซื้อวัลคีรี่มาดูครับ อ่านกระทู้แล้วคันไม้คันมือ ก็จริงอย่างอาจารย์สมชายว่าแหละครับ อ่านวิจารณ์หนังก็มีตามหนังสือพิมพ์ ที่บ้านผมรับมติชน  เดลินิวส์  เวลาอ่านนักวิจารณ์ก็คล้ายๆกัน...บรรดาลใจ...บีบคั้น..ไคลแม๊กซ์ของเรื่อง...แทรดจิดี้...ดราม่า...อ่านไม่เคยจบสักที หลายปีมานี้ไม่เคยอ่านครับ คุณต๊อกจบการทูตจากเมืองนอก เวลาอธิบายอะไรไม่ค่อยซ้ำกับใครผมตามอ่านตลอดครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 07:39:24 PM
...เกี่ยวกับเหตุการณ์ในโมกาดิชู Black Hawks Down มีทหารที่ไปรบจริงบอกนักเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องว่า เวลายิงกัน "ยังกับในหนังแอกชั่น" ที่จริงผู้คนในวงการต่างๆ คงเคยคิดหรือคุยกันเพื่อนในทำนองว่า "จริงๆ แล้วงาน (แบบนั้น แบบนี้) ไม่เหมือนในหนังนะเพื่อน" ไม่ว่าจะมองจากพื้นฐานความรู้ไหนเรื่องของหนังจึงออกไปอยู่นอกโรงมามากแล้ว เป็นเรื่อง "วัฒนธรรมสาธารณะ" เหมือนการเมืองละครับ

ความเห็นมาตรฐานเกิดขึ้นเมื่อมีกฎระเบียบ หรือกฎหมายรองรับเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 07:41:34 PM
เดี๋ยวจะขี่มอไซด์ไปซื้อวัลคีรี่มาดูครับ อ่านกระทู้แล้วคันไม้คันมือ ก็จริงอย่างอาจารย์สมชายว่าแหละครับ อ่านวิจารณ์หนังก็มีตามหนังสือพิมพ์ ที่บ้านผมรับมติชน  เดลินิวส์  เวลาอ่านนักวิจารณ์ก็คล้ายๆกัน...บรรดาลใจ...บีบคั้น..ไคลแม๊กซ์ของเรื่อง...แทรดจิดี้...ดราม่า...อ่านไม่เคยจบสักที หลายปีมานี้ไม่เคยอ่านครับ คุณต๊อกจบการทูตจากเมืองนอก เวลาอธิบายอะไรไม่ค่อยซ้ำกับใครผมตามอ่านตลอดครับ

จ๊ากซ์ ออกแผ่นแล้วหรือครับพี่ ขอบคุณครับที่คอยอ่าน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 07:54:29 PM
หนังสงครามที่ผมดูครั้งเดียวยกแผ่นให้เพื่อนไปเลยครับคือเรื่อง  Uprising  ดูแล้วสงสารน้ำตาจะไหล เกี่ยวกับพวกยิวที่อยู่ในเก็ตโต้ในโปแลนด์ทนนาซีกดขี่ไม่ไหวเลยรวมตัวกันแข็งข้อ สุดท้ายโดนนาซีปราบเรียบ สร้างดีนะครับเห็นได้รางวัลอะไรนี่แหละ  แต่ไม่ดังครับมันไม่แฮ๊ปปี้เอนดิ้ง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:10:21 PM
บางท่านชอบดูหนังสงครามที่มีท้องเรื่องย้อนยุค อีกสักยุคก็พวกเรื่อง Waterloo    War and Peace    Patriot (ของเมล กิปสัน)

เลยขอคุยเกี่ยวกับการรบยุคนั้นเพิ่มอารมณ์

จะเห็นกันว่ายุคนั้น ถ้าเป็นการรบประจัญบานกลางแปลงจะเข้าแถวแน่นๆ ยิงใส่กันต่อหน้าต่อตา ฝีมือส่วนบุคคลไม่ช่วยให้รอดตายเท่าไหร่ ที่การรบประจัญหน้ากันเป็นดังนี้สืบเนื่องจากแต่โบราณ

คือตั้งแต่คนเราใช้อาวุธสั้นเข้าสู้กันเป็นกลุ่ม ความจริงอย่างหนึ่งที่จะทำให้กลุ่ม หรือกองทัพของเราชนะอีกข้างได้ สรุปง่ายๆ คือ "การเข้ารุม" ซึ่งไม่ใช่การรุมล้อมอย่างเดียวแต่คือการที่ฝ่ายเราจัดให้จำนวนคน อำนาจอาวุธของเราต่อตีกับข้าศึกจำนวนน้องกว่า มีอำนาจอาวุธน้อยกว่า

วิธีการก็คือการจัดรูปขบวนให้พื้นที่ประจัญหน้าของเราได้เปรียบข้าศึก

จึงต้องจัดรูปขบวนให้แน่นที่สุด เช่น แนวปะทะ ๑๐๐ เมตร มีทหารของเรา ๑๐๐ คน ย่อมฟันดาบ แทงหอก ยิงธนูเข้าใส่ได้เปรียบข้าศึกในแนวปะทะเดียวกันที่มี ๕๐ หรือ ๗๐ คน

หรือจัดรูปขบวนให้ข้าศึกเอาทหารเข้าปะทะในแนวปะทะได้น้อยกว่า เช่น มี ๑๐๐ คนเท่ากัน ถ้าเราล้อมข้าศึก ๑๐๐ คน ให้รวมกันเป็นกระจุดเดียว จะมีคนข้างในกระจุกที่อยู่กลางกลุ่มพวกเดียวกนเองต่อสู้กับเราแทบไม่ได้เลย ส่วนคนของเราอยู่วงนอกหันเข้าในมีหน้าปะทะมากกว่าใช้อาวุธพร้อมกันได้มากกว่ามีความได้เปรียบในการฆ่าข้าศึกลึกเข้าไปเรื่อยๆ ได้ ทั้งนี้ไม่นับข้อได้เปรียบในเรื่องกำลังใจทหารที่ถูกล้อมไม่มีทางเลือกในการเคลื่อนตัว

ตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมาจึงเห็นว่ามีความพยายามจัดกำลังให้แน่น หนา และเพิ่มอำนาจอาวุธมากขึ้นเรื่อยๆ

ตลอดมาในประวัติศาสตร์ การจัดรูปขบวนศึกทั้งอย่างเปิดเผย และหลอกล่อในการรบ จึงเป็นตัวตัดสินหลักสำหรับชัยชนะอย่างหนึ่ง

มาจนถึงยุคปืนบรรจุปาก ประสิทธิภาพของปืนยิงช้าไม่ต่างจากการใช้หอกหรือธนูนักในการเข้าปะทะกันกลางแปลง ดังนั้นอาวุธปืนบรรจุปากจึงยังไม่ส่งผลให้การจัดรูปขบวนกองทัพที่เข้ารบกันเปลี่ยนไป

หลักการจัดขบวนทัพทหารราบใช้ปืนคาบศิลาลำกล้องเรียบระยะยิง ๑๐๐ หลาในการรบที่วอเตอร์ลู ค.ศ. ๑๘๑๕ จึงไม่ต่างอะไรกับขบวนทัพฟาลังก์ทหารกรีกที่ถือ (คอนใต้แขน) หอกยาว ๖ เมตร ของ อเล็กซานเดอร์เดอะเกรท ที่เข้าปะทะกับกองทัพเปอร์เซียเมื่อ ๓ ศตวรรษก่อนพระเยซูเกิด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Firing Pin ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:14:44 PM
ชอบฉากเลิฟซีนกลางสมรภูมิรบใน Enemy at the Gates  8)
ดูแล้วสะท้อนใจลึกๆ  ว่านี่แหล่ะหนามนุษย์ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้   
อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ แม้สภาพแวดล้อมไม่เอื้อ สถานการณ์ไม่อำนวย ดูแล้วได้อารมณ์ดิบๆดีครับ   ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:17:03 PM
ผมดูเรื่อง วัลคีรี ที่ ทอม ครูซ แสดงแล้ว ได้แง่คิดดีมาก จากหนังเรื่องนี้ได้ข้อคิดสำหรับผม คือ

1) ผู้ใดกุมอำนาจทหาร ผู้นั้นมีอำนาจที่แท้จริง

2) ทหาร ระดับ ผบ.พัน นี่ เป็น คีย์ แมน ในการปฏิวัติ หรือ รัฐประหาร เนื่องจากเป็นผู้คุมกำลังระดับปฏิบัติการ จากหนังจะเห็นว่าเมื่อ ผบ.พัน ตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่งแล้ว โดยไม่ยอมจับ รมต. แล้วโทรคุยกับ ฮิตเลอร์ ทำให้ สมดุลอำนาจเปลี่ยนทันที

3) เมื่อมากคน ความลับย่อมรั่วไหลตามมาเสมอ

4) สุดท้าย เลย เหมือนหนังจีนทุกเรื่องที่สอนว่า " จะทำงานใหญ่ ต้องใจเด็ด "

   ถ้าเรื่องนี้ พ.อ. เคล้าส์ ฟอน สเต๊าฟ์เฟนแบร์ก  ได้ โจโฉ ในสามก๊ก มาเป็นผู้ดำเนินการ นะ และ บรรดา กุนซือของเขามี ขงเบ้ง เป็นเสนาธิการ และ มี จูล่ง เป็น ผบ.พัน คุมกำลัง ประวัติศาสตร์โลก สงสัย พลิกกลับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:20:08 PM
ชอบฉากเลิฟซีนกลางสมรภูมิรบใน Enemy at the Gates  8)
ดูแล้วสะท้อนใจลึกๆ  ว่านี่แหล่ะหนามนุษย์ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  
อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ แม้สภาพแวดล้อมไม่เอื้อ สถานการณ์ไม่อำนวย ดูแล้วได้อารมณ์ดิบๆดีครับ   ;D


   ได้อารมณ์ดิบดี .................. แหม ..........แสดงว่าท่านเข็มแทงชนวน ดูจากสีหน้าและแววตา นักแสดง ในฉากนั้นสิครับ (แซวเล่นครับ)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:24:26 PM
หนังสงครามที่ผมดูครั้งเดียวยกแผ่นให้เพื่อนไปเลยครับคือเรื่อง  Uprising  ดูแล้วสงสารน้ำตาจะไหล เกี่ยวกับพวกยิวที่อยู่ในเก็ตโต้ในโปแลนด์ทนนาซีกดขี่ไม่ไหวเลยรวมตัวกันแข็งข้อ สุดท้ายโดนนาซีปราบเรียบ สร้างดีนะครับเห็นได้รางวัลอะไรนี่แหละ  แต่ไม่ดังครับมันไม่แฮ๊ปปี้เอนดิ้ง

ผมเคยไปเที่ยวกรุงวอร์ซอ ที่บริเวณนั้นมีอนุสาวรีย์ใหญ่อยู่ หลังการต่อต้าน นาซีกวาดล้างทำลายตึกรามบ้านช่องเรียบครับระเบิดและทำลายตึกเกลี้ยงระดับเปลี่ยนผังเมืองใหม่ มีอนุสาวรีย์ตรงจุดที่เคยเป็นสถานีรถไฟที่นาซีทยอยจับคนในเกตโต้ส่งไปฆ่าที่เอาช์วิส ด้วยครับ

ตอนนั้นพวกใต้ดินโปลิชก็เฉย ไม่ลุกขึ้นมาสมทบกับยิวไล่ตีเยอรมัน ปล่อยให้เยอรมันกวาดล้างพวกยิวเพราะคนยุโรตะวันออกก็ไม่ค่อยชอบ กีดกันยิวอย่เองแล้ว ต่อมากองทัพโซเวียตบุกเข้ามาใกล้ ใต้ดินโปลิชลุกขึ้นมาสู้กับเยอรมัน กองทัพแดงก็เฉย หยุดทัพรอ ปล่อยให้เยอรมันจัดการพวกโปลิช โปแลนด์จะได้อ่อนแอ ไล่เยอรมั้นแล้วตัวเองเข้ามายึดครอง ปกครองง่ายๆ ทั้งที่ยังไงก็ต้องเข้ารบอยู่แล้ว เข้ามาสบทบกับใต้ดินจะได้เปรียบมากกว่าด้วยซ้ำ เยอรมันป้องกนกรุงวอร์ซอยาก ต่างจากเมืองโปลิชอื่นอย่างเบรสเลา (โปแลนด์ปัจจุบันเรียกโรสเลา) ที่เยอรมันประกาศเป็นเมืองป้อม ตั้งแนวต่อต้านเต็มที่ต้องรบดุเดือด

มีอนุสาวรีย์แสดงการต่อต้านของใต้ดินโปลิชด้วยเหมือนกันครับ ทำเป็นรูปปั้นทหารเยอรมันกลุ่มหนึ่งมุดลงท่อน้ำ ลงไปเล่นงานพวกใต้ดิน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:29:14 PM
ผมดูเรื่อง วัลคีรี ที่ ทอม ครูซ แสดงแล้ว ได้แง่คิดดีมาก จากหนังเรื่องนี้ได้ข้อคิดสำหรับผม คือ

1) ผู้ใดกุมอำนาจทหาร ผู้นั้นมีอำนาจที่แท้จริง

2) ทหาร ระดับ ผบ.พัน นี่ เป็น คีย์ แมน ในการปฏิวัติ หรือ รัฐประหาร เนื่องจากเป็นผู้คุมกำลังระดับปฏิบัติการ จากหนังจะเห็นว่าเมื่อ ผบ.พัน ตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่งแล้ว โดยไม่ยอมจับ รมต. แล้วโทรคุยกับ ฮิตเลอร์ ทำให้ สมดุลอำนาจเปลี่ยนทันที

3) เมื่อมากคน ความลับย่อมรั่วไหลตามมาเสมอ

4) สุดท้าย เลย เหมือนหนังจีนทุกเรื่องที่สอนว่า " จะทำงานใหญ่ ต้องใจเด็ด "

   ถ้าเรื่องนี้ พ.อ. เคล้าส์ ฟอน สเต๊าฟ์เฟนแบร์ก  ได้ โจโฉ ในสามก๊ก มาเป็นผู้ดำเนินการ นะ และ บรรดา กุนซือของเขามี ขงเบ้ง เป็นเสนาธิการ และ มี จูล่ง เป็น ผบ.พัน คุมกำลัง ประวัติศาสตร์โลก สงสัย พลิกกลับ

ครับ อำนาจนักการเมืองคือความชอบธรรมในตำแหน่งของคนสั่ง และความชอบธรรมของคำสั่ง ถ้าหมดความชอบธรรม อำนาจที่เป็นกำลังในตัวเองจริงๆ อย่างทหารจะเหนือกว่าเสมอ...

เรื่องใจเด็ด ในกรณี ๒๐ กค. ๔๔ ถ้าใจเด็ดอีกขั้น ยอมตายหรือยอมโดนจับ โยนระเบิดใส่ฮิตเลอร์ตรงๆ ฮิตเลอร์ต้องตายแน่ๆ ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:38:40 PM
ครั้งที่ผมไปดู ชิลเลอร์ ลิส  เก้าอี้ข้างๆผมว่า  "เป็นข้านะสู้ตายเลยไม่ปล่อยให้ใครมาจัดการง่ายๆหร๊อก พวกยิวนี่ไม่ไหว" นายนั่นต้องมาดูเรื่องนี้ครับ  จนเดี๋ยวนี้พวกยิวเขาก็ยิบตากับทุกๆเรื่องนะครับ หลายปีก่อนยังมีคนกลัวครับว่าจุดที่จะเริ่มสงครามนิวเครียร์จะเป็นอิสราเอลนี่แหละ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mchaivis ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 01:11:47 AM
สวัสดีครับพี่สมชาย

อิ อิ ผมพยายามเอาเรื่องโอ่ง อ่าง เอ้อ เสื้อผ้า ถ้วย โถ มาคุยเพื่อเพิ่มรสชาติและเพิ่มวามหายของหนังครับ เนื่องจากผมคิดว่าเมื่ออุตสาร์ดูหนังกันก็น่าจะต่อยอดอะไรๆ นอกจากดูเพื่อศิลปแห่งความเป็นหนังเรื่องนั้น

ที่จริงแล้วหนังเรื่องที่คนสนใจมากๆ ก็เปิดโลกจริงๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น Jurassic Park การสร้างดีกว่าหนังไดโนฯ เมื่อก่อนอย่างมาก ผู้คนสนใจไดโนฯ กันใหญ่ เกิดทุนการค้นคว้า ขุดค้น วิจัย เรื่องไดโนฯ จริงๆ มาก อิทธิพลของหนังยังเข้ามาสู่ภาควิชาการจริงๆ อย่าง การค้นพบมนุษย์วิวัฒนาการขั้นหนึ่งตัวเล็กที่เกาะฟลอสซี่ ยังเรียกกันเล่นๆ ว่า "ฮอปบิต" ตามหนังลอร์ดฯ เหมือนกับ Popular Culture อย่างอื่น เช่น ตั้งชื่อ เด็ก ออสตราโลพิเทคัส ที่ขุดเจอว่า "ลูซี่" ตามชื่อเพลง  

แตกเรื่องมากๆ จึงทำให้หนังมีความสำคัญมากกว่าศิลปความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง

ที่จริงตอนนี้รุ่นน้องที่ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ มีวิชาที่เรียนร่วมกับเด็กนิเทศเรื่องวิจารณ์หนัง เสียดายผมไม่ทัน รุ่นน้องเขาเล่าว่าในห้อง วิจารณ์ เปรียบเทียบ กันอย่างกว้างขวาง มีคนนึงเปรียบเทียบ จอร์ช บุช พ่อลูก กับ พ่อลูก ปลา ในการ์ตูน นีโม ที่น่าวนใจคือการถกกับเด็กคณะอื่นที่มีความรู้ ข้อมูลต่างกัน ป็นประโยชน์ของทุกฝ่าย เสียดายไม่ทันได้เรียน

ที่จริงเรื่อง วัลคารี มีเพื่อนผมตอบข้อติของผมเรื่องการไม่ค่อยให้ข้อมูลการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านว่า ผู้สร้างเมกันต้องการตอบสนองบรรยากาศทางการเมืองปัจจุบันที่เผชิญหน้ากับชาติเผด็กการอย่าง เกาหลีเหนือ หรืออิหร่าน จึงไม่ต้องการแสดงให้ชัดเจนว่าหากต่อต้านเผด็จการแล้วล้มเหลวจะโดนแรงๆ



ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมเคยทำหนังสั้นตอนเป็นนักศึกษา แล้วหนังเกิดได้รางวัลที่เยอรมัน
อีกหลายปีต่อมา หนังเรื่องนี้ถูกนำไปฉาย และมีเสียงวิจารณ์ตามมาในทำนองว่า...
ภาพในหนังที่ออกสีน้ำตาลให้อารมณ์ความคับแค้นมากเหลือเกิน
ผมอ่านแล้วหัวเราะครับ เพราะเบื้องหลังเป็นคนละเรื่อง
ฟิล์มทั้งหมดที่เอามาตัดต่อ เป็นเศษฟิล์มที่คุ้ยมาจากห้องแล็บครับ
เพราะฟิล์มส่วนใหญ่ถ่ายออกมาไม่โอเวอร์ก็อันเดอร์
ในฐานะคนทำ ผมไม่เคยมีความตั้งใจนำเสนออารมณ์ของภาพอย่างที่ได้รับคำชมแม้แต่น้อย
แต่ก็อีกนั่นแหละ เสน่ห์ของศิลปะคือการสร้างจินตนาการไม่จำกัดตายตัวให้กับผู้เสพ
ต่างจากวิทยาศาสตร์ที่ เมื่อเป็นเอชทูโอ จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำ

อย่างไรก็ตาม ผมขอชื่นชมกับสารพัดข้อมูลที่คุณ Wilhelm Tell ตั้งใจค้นคว้าให้มาครับ
เป็นความรู้รอบตัวที่หาไม่ได้ง่ายๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 09:21:00 AM
"ในฐานะคนทำ ผมไม่เคยมีความตั้งใจนำเสนออารมณ์ของภาพอย่างที่ได้รับคำชมแม้แต่น้อย"

อ่านถึงตรงนี้ ผมชักกลัวว่าคนชมจะหน้าแตก ถูกคืนรางวัล

"แต่ก็อีกนั่นแหละ เสน่ห์ของศิลปะคือการสร้างจินตนาการไม่จำกัดตายตัวให้กับผู้เสพ"

อ่านตรงนี้แล้ว ค่อยใจชื้นว่าผู้สร้างก็เห็นชอบกับความสุขสนุกสนานของผู้ชม ผมเห็นด้วยเลยครับว่าศิลปะน่าจะต้องสร้างจินตนาการให้ด้วย ถ้าเลคเช่อร์ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ให้จำแล้วคนเสพเข้าใจคนละเรื่องกัน นักวิทยาศาสตร์คงหัวเราะไม่ได้เหมือนผู้สร้างศิลปะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 09:31:47 AM
ครั้งที่ผมไปดู ชิลเลอร์ ลิส  เก้าอี้ข้างๆผมว่า  "เป็นข้านะสู้ตายเลยไม่ปล่อยให้ใครมาจัดการง่ายๆหร๊อก พวกยิวนี่ไม่ไหว" นายนั่นต้องมาดูเรื่องนี้ครับ  จนเดี๋ยวนี้พวกยิวเขาก็ยิบตากับทุกๆเรื่องนะครับ หลายปีก่อนยังมีคนกลัวครับว่าจุดที่จะเริ่มสงครามนิวเครียร์จะเป็นอิสราเอลนี่แหละ

บางทีเขาก็ว่ากันครับว่าเรื่องการจับคนไปฆ่าหมู่ย่างเป็นระบบขนาดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนที่โดนกวาดต้อนไปนึกถึง อย่างมาก็คิดว่าเป็นการบังคับใช้แรงงาน พอไปถึงค่ายที่สถานีรถไฟบางที่ก็ยังทำตารางเวลา นาฬิกาหลอกไว้อีก กว่าจะรูตัวก็ใกล้ถูกฆ่าเต็มทนทำอะไรไม่ถูก ตอนถูกอัดรถไฟมาก็หมดแรง ขากน้ำอาหารตายกันไปมากแล้ว หรือไม่บ้างก็อาจคิดว่าสู้ยังไงก็ไม่ไหว ขอมีชีวิตต่ออีกสองสามชั่วโมง หรือสองสามวันดีกว่า มักมีบันทึกว่าพ่อแม่เด็กมักจะพยายามปลอบลูก หลอกลูกไม่ให้รู้เรื่องและเล่นกับลูกให้มีความสุขก่อนถูกฆ่า

ที่ Auschwitz ก็เคยมีการแหกค่ายหนีครับ หนีออกไปได้นิดหน่อย ส่วนมากถูกจับมาฆ่าโชว์ ที่ลายรวมขายชื่อจะมีคานเหล็กรางรถไฟ ผู้คุมเอาไว้แขวนคอโชว์ เขาว่ารวมๆ น่าจะ ๗ หรือ ๘ แปดพันคน ที่ตายไปจากแท่งเหล็กยาวสามสี่เมตร และโดยทั่วไปไม่ว่าที่ค่ายหรือเกตโต้ไหน ถ้ามคนหนีนาซีจะจับคนอื่นมาฆ่าแทนก่อนหลายๆ เท่าพวกคนในค่ายเลยพยายามสอดแนมกันเอง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 10:17:06 AM
ผมเป็นคนแปลกครับ ผมเกลียดหนังออสก้า ตั้งแต่เรื่องด๊อกเตอร์ชิวาโก้มา แต่ก็มายกเว้นเรื่องอันฟอร์กิฟเว่น  หนังเรื่องไอ้ช้างเศร้าครับมาเศร้ามากสุดก็ชิลเลอร์ลิส(มีใครดูเรื่องนี้แล้วจิบเบียร์ไปกินใส้กรอกทอดไปได้มั่งครับ)  ผมว่าคนสร้างอย่างสปีลเบิร์กก็ไม่กะจะสร้างหนังออสก้าร์ทุกๆเรื่องนะครับแกคงหวังให้คนยิ้มเวลาออกจากโรงมั่ง

ปล.ผมเกลียดฉากที่นาซีหลอกต้อนเด็กเล็กยิวเดินเป็นกลุ่มขบวนตบมือร้องเพลงเดินเข้าห้องแก๊สที่สุดครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 11:01:01 AM
ผมเป็นคนแปลกครับ ผมเกลียดหนังออสก้า ตั้งแต่เรื่องด๊อกเตอร์ชิวาโก้มา แต่ก็มายกเว้นเรื่องอันฟอร์กิฟเว่น  หนังเรื่องไอ้ช้างเศร้าครับมาเศร้ามากสุดก็ชิลเลอร์ลิส(มีใครดูเรื่องนี้แล้วจิบเบียร์ไปกินใส้กรอกทอดไปได้มั่งครับ)  ผมว่าคนสร้างอย่างสปีลเบิร์กก็ไม่กะจะสร้างหนังออสก้าร์ทุกๆเรื่องนะครับแกคงหวังให้คนยิ้มเวลาออกจากโรงมั่ง

ปล.ผมเกลียดฉากที่นาซีหลอกต้อนเด็กเล็กยิวเดินเป็นกลุ่มขบวนตบมือร้องเพลงเดินเข้าห้องแก๊สที่สุดครับ

ตั้งแต่ "ลอดจ์ ออฟเดอะริง"  , "โคล เมาเทนท์"    ได้รับรางวัล   ผมก็รู้สึกเฉยๆกะรางวัลออสก้าแล้วครับ   :P


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 12:59:20 PM
ตำนานของหนัง เรือดำน้ำ    The Enemy Below   
ถึงขนาด ในหนังเรื่อง Crimson Tide  มีบทพูด ระหว่างลูกเรือดำน้ำ  กล่าวถึง  " The Enemy Below "

http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below (http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below)
http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related)

เรื่อง ภาระกิจก่อกวนขบวนเรือลำเลียงอเมริกันของเรือดำน้ำเยอรมัน   แล้วเรืออเมริกันต้องมาปราบ  มีลูกเล่น ลูกล่าลูกชนแพรวพราวหักเหลี่ยมในเชิงต่อสู้กันชนิด  Rad October  ยังอาย       แต่ถ้าวิจารณ์ถึงในเชิงการเมือง-สันติภาพ  แล้ว Rad October  เหนือกว่า

บางฉาก  กัปตันเรือด.เยอรมัน สั่งลูกเรือ ร้องเพลงมาร์ช  เพื่อยั่วเรืออเมริกัน
ตั้งแต่ดูหนังมา เป็นหนังเรื่องเดียวที่มีฉากการใช้ทุ่นระเบิดน้ำลึก อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

มีการสอดแทรกผลกระทบอันน่าสลดใจของสงครามไว้ด้วย  ตอนลูกเรืออเมริกันสะเพร่าเอามือวางพาดราวทิ้งทุ่นระเบิดน้ำลึก แล้วเกิดนิ้วขาด  ผู้การเรือก็พยายามปลอบใจลูกน้อง  แต่ลูกน้องบอกว่าผมมีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกา และนิ้วมือผมขาด 4นิ้ว  ....

ฉากสุดท้าย  ผบ.เรือ ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเคร่งครัดวินัย  และมีเมตตาธรรมไปพร้อมๆกัน  เรือเยอรมันเมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องจมเรือของตนเองเพื่อรักษาความลับ  ก่อนจมเรือ ก็ไล่ลูกเรือให้หนีเอาตัวรอดไปก่อน  ลูกเรืออเมริกันก็ช่วยลูกเรือเยอรมันอย่างดี  ฝ่ายอเมริกันก็พยายามถามถึงกัปตันเยอรมัน เมื่อทราบว่ากัปตันเยอรมันพยายามจมตัวเองไปพร้อมๆกะเรือ  ก็รีบเข้าไปช่วย โดยหวังแค่ช่วยทางมนุษยธรรมเท่านั้น

หนังสนุกดำเนินเรื่องได้น่าติดตามตลอดเวลา  มีฉากซึ้งๆเล็กน้อยมาสลับเพื่อคุมอารมณ์คนดูไม่ให้รู้สึกโต่งจนเกินไป  ดูง่าย  เป็นการจงใจกำกับหนัง มาเพื่อคนดูได้เสพ โดยแฝงไว้ศิลปะ  มากกว่าสร้างหนัง  เพื่อสนองอัตตาผู้กำกับเอง

ความที่ลำดับเรื่องให้ดูง่าย ดูสนุกนั้น เป็นการจงใจทำอย่างประณีต  ไม่ใช่ดูง่ายเพราะมีฝีมือกำกับเพียงแค่นั้น  (หนังยุค 50-60 มักจะเป็นแนวนี้)

 ::002:: ::002:: ::002:: ::002::





หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 04:34:40 PM
ครั้งที่ผมไปดู ชิลเลอร์ ลิส  เก้าอี้ข้างๆผมว่า  "เป็นข้านะสู้ตายเลยไม่ปล่อยให้ใครมาจัดการง่ายๆหร๊อก พวกยิวนี่ไม่ไหว" นายนั่นต้องมาดูเรื่องนี้ครับ  จนเดี๋ยวนี้พวกยิวเขาก็ยิบตากับทุกๆเรื่องนะครับ หลายปีก่อนยังมีคนกลัวครับว่าจุดที่จะเริ่มสงครามนิวเครียร์จะเป็นอิสราเอลนี่แหละ

ขออภัย เรื่องของยิวกะเยอรมันน่ะ สู้เรื่องญี่ปุ่นกับจีนไม่ได้หรอก
ตอนที่ญี่ปุ่นยกพลเข้าจีน ระลอกแรก ได้รับการต่อต้าน และต่อสู้อย่างหนัก
แต่พอฝุ่นควันจางลง ปรากฎว่ายังมีทหารญี่ปุ่นหลงเหลือ คราวนี้ ชาวจีน สติแตกเลยครับ

ทำให้งานนั้นชาวจีนถูกฆ่าหลายหมื่นคน ทั้งๆ ทหารญี่ปุ่นที่เหลือจากการโจมตีอยู่ ราวๆ ไม่เกิน100คน

เรื่องนี้ ยังไม่ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ และไม่แน่ใจว่าหากสร้างออกมาจะออกโทนไหน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 05:20:49 PM
พูดถึงเรื่อง สงคราม ระหว่าง จีน กับ ญี่ปุ่น ทำให้นึกถึงสมรภูมินรก นานกิง ..............

 ทารุณ โหดร้าย มาก คนจีนล้มตายเป็นเบือทีเดียว ใครเคยได้ดูรูป ความโหดร้ายที่ทหารญี่ปุ่นทำไว้กับชาวจีน ที่ทำเป็นหนังสือคงจะรู้ว่า โหดแบบไม่น่าเชื่อว่าจะโหดได้ถึงเพียงนั้น

 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 07:57:00 PM
ใช่ครับ ที่นานกิงแหละ ที่ผมกล่าวถึง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 09:20:05 PM
ครั้งแรกเกิดที่เซี่ยงไฮ้ก่อนครับ  ช่วงที่ยังเป็นกรณีพิพาท 1936 สะพานมาโคโปโล  รัฐบาลคณะชาติ ก็เร่งจัดการกู้หน้าโดยโจมตีทหารญี่ปุ่นในเขตเช่า  แอบใช้กำลังที่มากกว่ารุมกินโต๊ะ  ญี่ปุ่นเสียหน้ามาก

หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ยกทัพมาใหม่  แม้กองทัพญี่ปุ่นจะมีสมรรนะเหนือกว่า  แต่ไม่สามารถจัดการกะกำลังคนจำนวนมากๆได้  หลานจักรพรรดิ ก็ตายที่นี้  เลยมีการทำทารุณกรรมชาวบ้าน เชลยศึก  เพื่อที่จะหวังผลให้เกิดความหวาดกลัว  จะได้ใช้กำลังน้อยควบคุมคนจำนวนมากได้  เริ่มจากเซี่ยงไฮ้  จนถึงนานกิง

การกระทำเช่นนี้ เพราะญี่ปุ่นเกิดความกลัวว่าจะจัดการหรือควบคุมสถานะการณ์ไม่ได้  เนื่องจากต้องเผชิญกะจำนวนประชากรจีนที่มาก แม้ญี่ปุ่นจะได้เปรียบในการรบอยู่ก็ตาม

ช่วงท้ายของสงครามกำลังทหารญี่ปุ่นจมปลักในจีน 2-3 ล้านนาย  มีความพยายามเรียกกำลังพลกลับมาป้องกันแผ่นดินแม่  แต่ไม่สามารถถอนกำลังกลับได้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 09:33:55 PM
ไปหา "The Rape of Nanking" โดย Iris Chang มาอ่านครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 10:17:21 PM
ไปหา "The Rape of Nanking" โดย Iris Chang มาอ่านครับ

 ::014:: กราบสวัสดีครับคุณลุง....ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงรักษาสุขภาพด้วยนะครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 10:24:28 PM
ผมเป็นคนแปลกครับ ผมเกลียดหนังออสก้า ตั้งแต่เรื่องด๊อกเตอร์ชิวาโก้มา แต่ก็มายกเว้นเรื่องอันฟอร์กิฟเว่น  หนังเรื่องไอ้ช้างเศร้าครับมาเศร้ามากสุดก็ชิลเลอร์ลิส(มีใครดูเรื่องนี้แล้วจิบเบียร์ไปกินใส้กรอกทอดไปได้มั่งครับ)  ผมว่าคนสร้างอย่างสปีลเบิร์กก็ไม่กะจะสร้างหนังออสก้าร์ทุกๆเรื่องนะครับแกคงหวังให้คนยิ้มเวลาออกจากโรงมั่ง

ปล.ผมเกลียดฉากที่นาซีหลอกต้อนเด็กเล็กยิวเดินเป็นกลุ่มขบวนตบมือร้องเพลงเดินเข้าห้องแก๊สที่สุดครับ

เรื่อง Schindler's List ผมว่าจุดที่แสดงความเป้นสปิลเบิร์กจะๆ เลยคือเด็กผู้หญิงที่เดินหลงตอนกวาดล้างเก็ตโต้ครับ เสื้อสีแดงชัดออกมา และตอนหลังที่ขุดศพมาเผาก็มีศพเด็กในชุดแดงด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2009, 10:38:41 PM
ครั้งที่ผมไปดู ชิลเลอร์ ลิส  เก้าอี้ข้างๆผมว่า  "เป็นข้านะสู้ตายเลยไม่ปล่อยให้ใครมาจัดการง่ายๆหร๊อก พวกยิวนี่ไม่ไหว" นายนั่นต้องมาดูเรื่องนี้ครับ  จนเดี๋ยวนี้พวกยิวเขาก็ยิบตากับทุกๆเรื่องนะครับ หลายปีก่อนยังมีคนกลัวครับว่าจุดที่จะเริ่มสงครามนิวเครียร์จะเป็นอิสราเอลนี่แหละ

ขออภัย เรื่องของยิวกะเยอรมันน่ะ สู้เรื่องญี่ปุ่นกับจีนไม่ได้หรอก
ตอนที่ญี่ปุ่นยกพลเข้าจีน ระลอกแรก ได้รับการต่อต้าน และต่อสู้อย่างหนัก
แต่พอฝุ่นควันจางลง ปรากฎว่ายังมีทหารญี่ปุ่นหลงเหลือ คราวนี้ ชาวจีน สติแตกเลยครับ

ทำให้งานนั้นชาวจีนถูกฆ่าหลายหมื่นคน ทั้งๆ ทหารญี่ปุ่นที่เหลือจากการโจมตีอยู่ ราวๆ ไม่เกิน100คน

เรื่องนี้ ยังไม่ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ และไม่แน่ใจว่าหากสร้างออกมาจะออกโทนไหน

ครับ ยากตั้งแต่ตัดสินในหาพล๊อตเรื่องมาสร้าง แต่ได้ข่าวว่าเร็วๆ เรื่องจริงในจีนที่มีกรอบเรื่องหน่อยก็มีกงสุลเยอรมันที่ช่วยคนจีนไม่ให้ถูกญี่ปุ่นฆ่า กำลังจะสร้างหนังหรือเปล่าไม่แน่ใจ

สร้างหนังอิงปรวติศาสตร์ยากมากเพราะเนื้อหามากไปหมด จะจับมานำเสนออย่างไรให้ตรงเรื่องได้ดี สื่อเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ตอนนั้นๆ ได้ เพราะประวัติศาสตร์ย่อมแสดงชัดอยู่ทั้งสิ้นทั้งปวง ผู้คนก็รู้เรื่องที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่จะนำมาปรากฎในหนังได้ ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องที่ผู้สร้างแต่งเอง ไม่ใครมีความรู้หรือข้อมูลนอกเหนือจากที่ปรากฎในหนัง

ที่จริงแม้แต่การนำเรื่องที่มีเนื้อหาจะกัดอย่างหนังสือมาสร้าง ผู้ชมก็จะเป็นได้ว่าผู้สร้างมีฝีมืออ่านหนังสือแตก ตีความแตกแค่ไหน เพราะต้องเลือกแต่ละฉากมาแสดง หรือแม้แต่ฉากเดียวกันคนละคนสร้างก็ได้รสไม่เหมือนกันอย่างเรื่อง Lolita เวอร์ชั่นเก่ากับใหม่

ผมว่าถ้าพลิกแพลงไปมาก ยืมแค่ประเด็นหลักๆ มาสื่อ แต่เฉไฉท้องเรื่องเฉไฉมากก็น่าจะกล้าใช้ชื่ออื่น แสดงว่าสร้างเรื่องใหม่ของตัวขึ้นมา เช่น พล๊อต Romeo Juliet สื่อแบบเดียวกันทุกเรื่องทั้งหนังที่   โอลิเวียร์ ฮัสซี่   แคล เดนส์   เคท เบตคินแซล   แสดง สองเรื่องแรกใช้ชื่อเดิม เรื่องหลังชื่อ   Underworld   ดีแล้ว ดีกว่าทู่ซี้ตั้งชื่อ   Romeo Juiet, Vampire VS  Wolfy   หรืออะไรเทือกๆ นี้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 12:07:09 AM
ผมเพิ่งได้แผ่นวีซีดีเรื่อง the kingdom นำโดย เจมีฟ๊อก มาดูครับ คาดว่าคงดูเสร็จอาทิตย์หน้า ..


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 01:11:55 AM
ตำนานของหนัง เรือดำน้ำ    The Enemy Below   
ถึงขนาด ในหนังเรื่อง Crimson Tide  มีบทพูด ระหว่างลูกเรือดำน้ำ  กล่าวถึง  " The Enemy Below "

http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below (http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below)
http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related)

เรื่อง ภาระกิจก่อกวนขบวนเรือลำเลียงอเมริกันของเรือดำน้ำเยอรมัน   แล้วเรืออเมริกันต้องมาปราบ  มีลูกเล่น ลูกล่าลูกชนแพรวพราวหักเหลี่ยมในเชิงต่อสู้กันชนิด  Rad October  ยังอาย       แต่ถ้าวิจารณ์ถึงในเชิงการเมือง-สันติภาพ  แล้ว Rad October  เหนือกว่า

บางฉาก  กัปตันเรือด.เยอรมัน สั่งลูกเรือ ร้องเพลงมาร์ช  เพื่อยั่วเรืออเมริกัน
ตั้งแต่ดูหนังมา เป็นหนังเรื่องเดียวที่มีฉากการใช้ทุ่นระเบิดน้ำลึก อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

มีการสอดแทรกผลกระทบอันน่าสลดใจของสงครามไว้ด้วย  ตอนลูกเรืออเมริกันสะเพร่าเอามือวางพาดราวทิ้งทุ่นระเบิดน้ำลึก แล้วเกิดนิ้วขาด  ผู้การเรือก็พยายามปลอบใจลูกน้อง  แต่ลูกน้องบอกว่าผมมีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกา และนิ้วมือผมขาด 4นิ้ว  ....

ฉากสุดท้าย  ผบ.เรือ ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเคร่งครัดวินัย  และมีเมตตาธรรมไปพร้อมๆกัน  เรือเยอรมันเมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องจมเรือของตนเองเพื่อรักษาความลับ  ก่อนจมเรือ ก็ไล่ลูกเรือให้หนีเอาตัวรอดไปก่อน  ลูกเรืออเมริกันก็ช่วยลูกเรือเยอรมันอย่างดี  ฝ่ายอเมริกันก็พยายามถามถึงกัปตันเยอรมัน เมื่อทราบว่ากัปตันเยอรมันพยายามจมตัวเองไปพร้อมๆกะเรือ  ก็รีบเข้าไปช่วย โดยหวังแค่ช่วยทางมนุษยธรรมเท่านั้น

หนังสนุกดำเนินเรื่องได้น่าติดตามตลอดเวลา  มีฉากซึ้งๆเล็กน้อยมาสลับเพื่อคุมอารมณ์คนดูไม่ให้รู้สึกโต่งจนเกินไป  ดูง่าย  เป็นการจงใจกำกับหนัง มาเพื่อคนดูได้เสพ โดยแฝงไว้ศิลปะ  มากกว่าสร้างหนัง  เพื่อสนองอัตตาผู้กำกับเอง

ความที่ลำดับเรื่องให้ดูง่าย ดูสนุกนั้น เป็นการจงใจทำอย่างประณีต  ไม่ใช่ดูง่ายเพราะมีฝีมือกำกับเพียงแค่นั้น  (หนังยุค 50-60 มักจะเป็นแนวนี้)

 ::002:: ::002:: ::002:: ::002::
สวัสดีครับ
ผมก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกันครับ
ภาษาไทยชื่อว่า "ศัตรูใต้สมุด"
เรือพิฆาตในในหนังน่าจะเป็นชั้นเดียวกันกับ รล.ปิ่นเกล้า ของ ทร.ไทย

หนังเรือดำน้ำอีกเรื่องหนึ่งก็ U-571 น่าดูมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:40:17 AM
ผมเป็นคนแปลกครับ ผมเกลียดหนังออสก้า ตั้งแต่เรื่องด๊อกเตอร์ชิวาโก้มา แต่ก็มายกเว้นเรื่องอันฟอร์กิฟเว่น  หนังเรื่องไอ้ช้างเศร้าครับมาเศร้ามากสุดก็ชิลเลอร์ลิส(มีใครดูเรื่องนี้แล้วจิบเบียร์ไปกินใส้กรอกทอดไปได้มั่งครับ)  ผมว่าคนสร้างอย่างสปีลเบิร์กก็ไม่กะจะสร้างหนังออสก้าร์ทุกๆเรื่องนะครับแกคงหวังให้คนยิ้มเวลาออกจากโรงมั่ง

ปล.ผมเกลียดฉากที่นาซีหลอกต้อนเด็กเล็กยิวเดินเป็นกลุ่มขบวนตบมือร้องเพลงเดินเข้าห้องแก๊สที่สุดครับ

เรื่อง Schindler's List ผมว่าจุดที่แสดงความเป้นสปิลเบิร์กจะๆ เลยคือเด็กผู้หญิงที่เดินหลงตอนกวาดล้างเก็ตโต้ครับ เสื้อสีแดงชัดออกมา และตอนหลังที่ขุดศพมาเผาก็มีศพเด็กในชุดแดงด้วย

ฉากแรกเลยครับ... เด็กหญิงเสื้อแดง...

ที่จริงสปีลเบิร์กมี ID ที่มุมกล้องด้วยครับ... นายสมชายยังหาคำจำกัดความไม่ได้ แต่คล้ายๆกับว่าเล่นภาพมุมกว้าง มีจุดนำสายตาหลายจุด แต่แผล็บเดียวเข้าไปรวมที่เดียวกันครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:41:18 AM
ครั้งแรกเกิดที่เซี่ยงไฮ้ก่อนครับ  ช่วงที่ยังเป็นกรณีพิพาท 1936 สะพานมาโคโปโล  รัฐบาลคณะชาติ ก็เร่งจัดการกู้หน้าโดยโจมตีทหารญี่ปุ่นในเขตเช่า  แอบใช้กำลังที่มากกว่ารุมกินโต๊ะ  ญี่ปุ่นเสียหน้ามาก

หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ยกทัพมาใหม่  แม้กองทัพญี่ปุ่นจะมีสมรรนะเหนือกว่า  แต่ไม่สามารถจัดการกะกำลังคนจำนวนมากๆได้  หลานจักรพรรดิ ก็ตายที่นี้  เลยมีการทำทารุณกรรมชาวบ้าน เชลยศึก  เพื่อที่จะหวังผลให้เกิดความหวาดกลัว  จะได้ใช้กำลังน้อยควบคุมคนจำนวนมากได้  เริ่มจากเซี่ยงไฮ้  จนถึงนานกิง

การกระทำเช่นนี้ เพราะญี่ปุ่นเกิดความกลัวว่าจะจัดการหรือควบคุมสถานะการณ์ไม่ได้  เนื่องจากต้องเผชิญกะจำนวนประชากรจีนที่มาก แม้ญี่ปุ่นจะได้เปรียบในการรบอยู่ก็ตาม

ช่วงท้ายของสงครามกำลังทหารญี่ปุ่นจมปลักในจีน 2-3 ล้านนาย  มีความพยายามเรียกกำลังพลกลับมาป้องกันแผ่นดินแม่  แต่ไม่สามารถถอนกำลังกลับได้
ไปหา "The Rape of Nanking" โดย Iris Chang มาอ่านครับ

เก็บไว้ในรายการพลาดไม่ได้อีกหนึ่งครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:44:20 AM
ตำนานของหนัง เรือดำน้ำ    The Enemy Below   
ถึงขนาด ในหนังเรื่อง Crimson Tide  มีบทพูด ระหว่างลูกเรือดำน้ำ  กล่าวถึง  " The Enemy Below "

http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below (http://en.wikipedia.org/wiki/The_Enemy_Below)
http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=YOGu9EP7ZUI&feature=related)

เรื่อง ภาระกิจก่อกวนขบวนเรือลำเลียงอเมริกันของเรือดำน้ำเยอรมัน   แล้วเรืออเมริกันต้องมาปราบ  มีลูกเล่น ลูกล่าลูกชนแพรวพราวหักเหลี่ยมในเชิงต่อสู้กันชนิด  Rad October  ยังอาย       แต่ถ้าวิจารณ์ถึงในเชิงการเมือง-สันติภาพ  แล้ว Rad October  เหนือกว่า

บางฉาก  กัปตันเรือด.เยอรมัน สั่งลูกเรือ ร้องเพลงมาร์ช  เพื่อยั่วเรืออเมริกัน
ตั้งแต่ดูหนังมา เป็นหนังเรื่องเดียวที่มีฉากการใช้ทุ่นระเบิดน้ำลึก อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

มีการสอดแทรกผลกระทบอันน่าสลดใจของสงครามไว้ด้วย  ตอนลูกเรืออเมริกันสะเพร่าเอามือวางพาดราวทิ้งทุ่นระเบิดน้ำลึก แล้วเกิดนิ้วขาด  ผู้การเรือก็พยายามปลอบใจลูกน้อง  แต่ลูกน้องบอกว่าผมมีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกา และนิ้วมือผมขาด 4นิ้ว  ....

ฉากสุดท้าย  ผบ.เรือ ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเคร่งครัดวินัย  และมีเมตตาธรรมไปพร้อมๆกัน  เรือเยอรมันเมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องจมเรือของตนเองเพื่อรักษาความลับ  ก่อนจมเรือ ก็ไล่ลูกเรือให้หนีเอาตัวรอดไปก่อน  ลูกเรืออเมริกันก็ช่วยลูกเรือเยอรมันอย่างดี  ฝ่ายอเมริกันก็พยายามถามถึงกัปตันเยอรมัน เมื่อทราบว่ากัปตันเยอรมันพยายามจมตัวเองไปพร้อมๆกะเรือ  ก็รีบเข้าไปช่วย โดยหวังแค่ช่วยทางมนุษยธรรมเท่านั้น

หนังสนุกดำเนินเรื่องได้น่าติดตามตลอดเวลา  มีฉากซึ้งๆเล็กน้อยมาสลับเพื่อคุมอารมณ์คนดูไม่ให้รู้สึกโต่งจนเกินไป  ดูง่าย  เป็นการจงใจกำกับหนัง มาเพื่อคนดูได้เสพ โดยแฝงไว้ศิลปะ  มากกว่าสร้างหนัง  เพื่อสนองอัตตาผู้กำกับเอง

ความที่ลำดับเรื่องให้ดูง่าย ดูสนุกนั้น เป็นการจงใจทำอย่างประณีต  ไม่ใช่ดูง่ายเพราะมีฝีมือกำกับเพียงแค่นั้น  (หนังยุค 50-60 มักจะเป็นแนวนี้)

 ::002:: ::002:: ::002:: ::002::





นายสมชายเคยดูนานมากแล้วครับ... จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีการหลอกล่อโดยเอาข้างของเครื่องใช้ของลูกเรือใส่ท่อตอร์ฯ แล้วยิงออกไปเพื่อหลอกเรือข้างบนว่าเรือข้างล่างโดนระเบิดน้ำลึกแตกไปแล้วด้วยครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:51:29 AM
ผมเพิ่งได้แผ่นวีซีดีเรื่อง the kingdom นำโดย เจมีฟ๊อก มาดูครับ คาดว่าคงดูเสร็จอาทิตย์หน้า ..

นายสมชายยังหาไม่ได้... จ๊ากซ์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:54:15 AM
ไปหา "The Rape of Nanking" โดย Iris Chang มาอ่านครับ
ขอบพระคุณครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:08:27 AM
ไปหา "The Rape of Nanking" โดย Iris Chang มาอ่านครับ

ผมเคยหา keyword นี้อยู่พักหนึ่งครับ .... วันนั้นไม่พบ วันนี้มีมาฝาก ๒ รายการครับ

วิดีโอสารคดี http://thepiratebay.org/torrent/3593965/The_rape_of_nanking_documentary (http://thepiratebay.org/torrent/3593965/The_rape_of_nanking_documentary)
อ้างถึง
Documentary About the atrocities commited by the japanese army during the battle of nanking and after.

***WARNING!!!*** Very graphic and horrifying content. Not for the faint of heart.

e-book http://www.mininova.org/tor/1744113 (http://www.mininova.org/tor/1744113) มี Iris Chang ในนี้ด้วยครับ (ดูจากชื่อไฟล์)
อ้างถึง
In December 1937, the Japanese army swept into the ancient city of Nanking. Within weeks, more than 360,000 Chinese civilians were systematically raped, tortured, and murdered--

หนังสงคราม .... ผมชอบ Life is Beautiful ครับ ... ไม่ได้ดูบ่อยนัก แต่ดูแล้ว เก็บไปอิ่มใจได้หลายเดือนครับ   :)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:14:02 AM
ช่วงปีสองปีมานี่ ผมชอบเรื่องนี้ครับ The Great Raid 121

เรื่องนี้ เนื้อเรื่องสร้างจากประวัติศาสตร์จริง ................. ที่ชอบมากๆคือรายละเอียด ที่ผู้สร้างทำได้ละเอียดมากตั้งแต่

1. ตัวละคร ......... หาคนหน้าเหมือนตัวจริงมาก (ดูเทียบได้จากภาพยนต์จริงท้ายเรื่อง) ทั้งผู้กอง ผู้พัน

2.ยุทโธปกรณ์ ละเอียดสุดๆ แม้แต่สายสะพายปืน M 1 Garand ก็ตรงยุค .............. เขาไปหารถถัง Chi-Ha กับ Te-Ke ที่ไหนมาวิ่งได้...............นาฬิกาของหัวหน้าพลพรรคใต้ดินฟิลลิบปินส์ ก็เป็น Bulova ไขลาน  ::002::  ..........  ยิ่งปืนของญี่ปุ่น ของแท้ทุกรุ่น

รายละเอียดที่ผมดูแล้วเห็นว่าใส่ใจสุดๆคือ ฉากที่ทหารญี่ปุ่น ประหารเชลยอเมริกัน 11 คน ด้วยปืนพกนัมบุ.................ด้วยการนั่งคุกเข่าหันหลังเรียงกัน 11 คน แล้วใช้นัมบุยิงท้ายทอยข้างหลังทีละคน  :OO

ปืนนัมบุ จุ 8 นัด ...........ในหนังก็มีฉากยิงคนที่ 8 แล้ว กระสุนก็หมดตามความจริง สไลด์ค้าง  ทหารญี่ปุ่นก็ปลดแม็กเปล่าเก็บใส่ซองแม๊ก แถมปิดฝาซองแม๊กเรียบร้อย(เขย่าใจดี)..............ใส่แม๊กใหม่ ดึงสไลด์ป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงแล้วยิงต่อ .....  :OO

อีกฉากที่ชอบส่วนตัว คือที่ผู้พันไปสกัดทหารญี่ปุ่นที่กำลังข้ามลำน้ำ............... ใช้ Spingfeild 1903 ยิง 1 นัด 1 คน  :VOV: .........เห็นการบริหารลูกเลื่อนและท้ายเข็มวิ่ง เมื่อลั่นไกชัดเจน ..............

ซื้อ DVD มาดูร่วมๆ 5-6 รอบแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้

ที่หลุดๆก็มีครับ หลายเรื่อง  ::005::

อย่างเพิร์ล อาเบอร์ ตอนท้ายๆที่กองเรือพบเรือญี่ปุ่น แล้วต้องให้เครื่อง B25 ขึ้นบินก่อน .............พวกคำนวนน้ำมันกับระยะทางด้วยด้วยเครื่องคิดเลขดิจิตอลเฉยเลย  ::005::

แม้กระทั่ง แบร์น ออฟ บราเธอร์ .........หลุดตอนที่ พลทหารเวปเตอร์ ซึ่งพูดภาษาเยอรมันได้ ในตอน The Last Patrol ...........พอตอนต่อมาคือ Points ที่ไปเจอค่ายยิว ........... พลทหารเวปเตอร์ไปเอาอาหารที่ร้านคนเยอรมันมาแจกจ่ายเชลยยิว แล้วถูกพ่อครัวโวย กลับไม่พูดเยอรมันกับพ่อครัว แถมยังว่าด้วยว่าบ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ........ งานนี้ผู้สร้างหลุดไปจังเบอร์  ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:19:57 AM
ช่วงปีสองปีมานี่ ผมชอบเรื่องนี้ครับ The Great Raid 121

เรื่องนี้ เนื้อเรื่องสร้างจากประวัติศาสตร์จริง ................. ที่ชอบมากๆคือรายละเอียด ที่ผู้สร้างทำได้ละเอียดมากตั้งแต่

1. ตัวละคร ......... หาคนหน้าเหมือนตัวจริงมาก (ดูเทียบได้จากภาพยนต์จริงท้ายเรื่อง) ทั้งผู้กอง ผู้พัน

2.ยุทโธปกรณ์ ละเอียดสุดๆ แม้แต่สายสะพายปืน M 1 Garand ก็ตรงยุค .............. เขาไปหารถถัง Chi-Ha กับ Te-Ke ที่ไหนมาวิ่งได้...............นาฬิกาของหัวหน้าพลพรรคใต้ดินฟิลลิบปินส์ ก็เป็น Bulova ไขลาน  ::002::  ..........  ยิ่งปืนของญี่ปุ่น ของแท้ทุกรุ่น

รายละเอียดที่ผมดูแล้วเห็นว่าใส่ใจสุดๆคือ ฉากที่ทหารญี่ปุ่น ประหารเชลยอเมริกัน 11 คน ด้วยปืนพกนัมบุ.................ด้วยการนั่งคุกเข่าหันหลังเรียงกัน 11 คน แล้วใช้นัมบุยิงท้ายทอยข้างหลังทีละคน  :OO

ปืนนัมบุ จุ 8 นัด ...........ในหนังก็มีฉากยิงคนที่ 8 แล้ว กระสุนก็หมดตามความจริง สไลด์ค้าง  ทหารญี่ปุ่นก็ปลดแม็กเปล่าเก็บใส่ซองแม๊ก แถมปิดฝาซองแม๊กเรียบร้อย(เขย่าใจดี)..............ใส่แม๊กใหม่ ดึงสไลด์ป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงแล้วยิงต่อ .....  :OO

อีกฉากที่ชอบส่วนตัว คือที่ผู้พันไปสกัดทหารญี่ปุ่นที่กำลังข้ามลำน้ำ............... ใช้ Spingfeild 1903 ยิง 1 นัด 1 คน  :VOV: .........เห็นการบริหารลูกเลื่อนและท้ายเข็มวิ่ง เมื่อลั่นไกชัดเจน ..............

ซื้อ DVD มาดูร่วมๆ 5-6 รอบแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้

ที่หลุดๆก็มีครับ หลายเรื่อง  ::005::

อย่างเพิร์ล อาเบอร์ ตอนท้ายๆที่กองเรือพบเรือญี่ปุ่น แล้วต้องให้เครื่อง B25 ขึ้นบินก่อน .............พวกคำนวนน้ำมันกับระยะทางด้วยด้วยเครื่องคิดเลขดิจิตอลเฉยเลย  ::005::

แม้กระทั่ง แบร์น ออฟ บราเธอร์ .........หลุดตอนที่ พลทหารเวปเตอร์ ซึ่งพูดภาษาเยอรมันได้ ในตอน The Last Patrol ...........พอตอนต่อมาคือ Points ที่ไปเจอค่ายยิว ........... พลทหารเวปเตอร์ไปเอาอาหารที่ร้านคนเยอรมันมาแจกจ่ายเชลยยิว แล้วถูกพ่อครัวโวย กลับไม่พูดเยอรมันกับพ่อครัว แถมยังว่าด้วยว่าบ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ........ งานนี้ผู้สร้างหลุดไปจังเบอร์  ::005::
แบร์น ออฟ บราเธอร์ ตอนสุดท้ายจำได้ แต่เพิร์ล อาเบอร์ นี้ต้องกลับไปดูอีกรอบครับพี่ ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:24:10 AM
สำหรับคอภาพยนต์ประวัติศาสตร์ครับ

http://www.iseehistory.com/


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:44:18 AM
ใครเคยดูเรื่องนี้มั่งครับ  Gung Ho! (1943 film)
เป็นหนังเกี่ยวกับ US Marine Raiders http://en.wikipedia.org/wiki/Marine_Raiders (http://en.wikipedia.org/wiki/Marine_Raiders)
ทหารจากหน่วยนี้  ยังมีชีวิตเหลืออยู่ 6 ท่าน
ในเดือนเมษา จะมีการงานเชิดชูเกรียติให้  อดีต Raiders ทั้งหกท่านที่  South Carolina โดยจะมี Sen. John McCain ให้เกรียติมาร่วมงานด้วย  พร้อมทั้ง 4 stars
Marine General. ผมจะได้ไปเป็น 1 ใน VIP guard ให้ทั้งหกท่านนี้ในงาน  จะถ่ายรูปมาให้ดูกันครับ
(http://i29.tinypic.com/2i74m6u.jpg)
นี่ตัวจริง ที่นั่งข้างหน้า
(http://www.clearwatergazette.com/20080403/marine.jpg)
รูปจริง สองคนข้างหน้า 1903 อิอิอิ
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Marine-raiders.jpg (http://en.wikipedia.org/wiki/File:Marine-raiders.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:46:13 AM
ยังไม่ได้ดูครับ เรื่องนี้ .......... เดี๋ยวต้องไปตามหา  ::002::

ขอบคุณมากๆครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:54:07 AM
ขอบคุณมากครับพี่ 40 ผมยังไม่เคยดูเลย คุณลุงเสื้อฟ้าแถวหน้าก็หน้าคล้ายๆ โรเบิร์ต มิชชั่ม เลยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:01:20 AM
"ช่วงปีสองปีมานี่ ผมชอบเรื่องนี้ครับ The Great Raid 121"

ฟังพี่มะขิ่นว่ายังงี้เดี๋ยวผมต้องไปหาแผ่นมาดูอีกมั่งครับ

ในเรื่อง Private Ryan ก็มีทำคนหน้าเหมือนจริงครับ คือทหารคนหนึ่งในเรื่อยกพลขึ้นบก หน้าแก่ แก้มตอบ เหมือนกับรูปหนึ่งที่ตากล้อง Robert Capa ถ่ายไว้ตอนเขาไปกับเรือที่ขึ้นหาดโอมาฮ่าด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:17:43 AM
ใครเคยดูเรื่องนี้มั่งครับ  Gung Ho! (1943 film)
เป็นหนังเกี่ยวกับ US Marine Raiders http://en.wikipedia.org/wiki/Marine_Raiders (http://en.wikipedia.org/wiki/Marine_Raiders)
ทหารจากหน่วยนี้  ยังมีชีวิตเหลืออยู่ 6 ท่าน
ในเดือนเมษา จะมีการงานเชิดชูเกรียติให้  อดีต Raiders ทั้งหกท่านที่  South Carolina โดยจะมี Sen. John McCain ให้เกรียติมาร่วมงานด้วย  พร้อมทั้ง 4 stars
Marine General. ผมจะได้ไปเป็น 1 ใน VIP guard ให้ทั้งหกท่านนี้ในงาน  จะถ่ายรูปมาให้ดูกันครับ
(http://i29.tinypic.com/2i74m6u.jpg)
นี่ตัวจริง ที่นั่งข้างหน้า
(http://www.clearwatergazette.com/20080403/marine.jpg)



หู.....คุณ.40เป็นนาวิกเมกาหรือครับนี่ ผมมีดีวีดีสารคดีช่วงเมกาไล่ยุ่นออกจากเลยเต้ไปจนถึงอิโวจิม่า นาวิกเมกาเป็นกำลังหลักเลยนะครับ  ผมติดตามผลงานของลุงทอม แคลนซี่มาตลอด แคลนซี่ยกย่องนาวิกเมกามากนะครับ+1ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:23:58 AM
คุณอภิสิทธิ์ผมไม่ได้เป็น Marine ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:41:20 AM
มีอีกเรื่องที่เพิ่งดู
Defiance (ไม่ยอมจำนน)

นำแสดงโดยDaniel Craig เจมส์ บอนด์ 007 ของเรา
แสดงเรื่องนี้ ได้บทดีมาก เข้ากับเขามากกว่าบทเจมส์ บอนด์เสียอีก

(http://sisterrose.files.wordpress.com/2009/01/defiance.jpg)

สร้างจากเรื่องจริงครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:44:14 AM
ดูแล้วครับ ............


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:49:21 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:51:30 AM
Defiance (ไม่ยอมจำนน)

หรือ "ทรนง" ก็ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:00:58 AM
Defiance http://www.merriam-webster.com/dictionary/defiance (http://www.merriam-webster.com/dictionary/defiance)
1 : the act or an instance of defying : challenge
2 : disposition to resist : willingness to contend or fight


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:02:29 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:07:55 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html
เรื่องนี้ดีครับ รอดได้เพราะนายทหารเยอรมันคนนั้นที่ชอบดนตรีเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:08:03 AM
กระทู้นี้มีประโยชน์ รู้ชื่อหนังน่าดูหลายเรื่อง ..เดี๋ยวต้องค่อยๆไปหามาดู... ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:09:08 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html

The Pianist ผมดูแล้วดีมากๆครับ พระเอกคนนี้จมูกโด่งสุดโต่งเลยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:10:39 AM
ช่วงปีสองปีมานี่ ผมชอบเรื่องนี้ครับ The Great Raid 121

เรื่องนี้ เนื้อเรื่องสร้างจากประวัติศาสตร์จริง ................. ที่ชอบมากๆคือรายละเอียด ที่ผู้สร้างทำได้ละเอียดมากตั้งแต่

1. ตัวละคร ......... หาคนหน้าเหมือนตัวจริงมาก (ดูเทียบได้จากภาพยนต์จริงท้ายเรื่อง) ทั้งผู้กอง ผู้พัน

2.ยุทโธปกรณ์ ละเอียดสุดๆ แม้แต่สายสะพายปืน M 1 Garand ก็ตรงยุค .............. เขาไปหารถถัง Chi-Ha กับ Te-Ke ที่ไหนมาวิ่งได้...............นาฬิกาของหัวหน้าพลพรรคใต้ดินฟิลลิบปินส์ ก็เป็น Bulova ไขลาน  ::002::  ..........  ยิ่งปืนของญี่ปุ่น ของแท้ทุกรุ่น

รายละเอียดที่ผมดูแล้วเห็นว่าใส่ใจสุดๆคือ ฉากที่ทหารญี่ปุ่น ประหารเชลยอเมริกัน 11 คน ด้วยปืนพกนัมบุ.................ด้วยการนั่งคุกเข่าหันหลังเรียงกัน 11 คน แล้วใช้นัมบุยิงท้ายทอยข้างหลังทีละคน  :OO

ปืนนัมบุ จุ 8 นัด ...........ในหนังก็มีฉากยิงคนที่ 8 แล้ว กระสุนก็หมดตามความจริง สไลด์ค้าง  ทหารญี่ปุ่นก็ปลดแม็กเปล่าเก็บใส่ซองแม๊ก แถมปิดฝาซองแม๊กเรียบร้อย(เขย่าใจดี)..............ใส่แม๊กใหม่ ดึงสไลด์ป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงแล้วยิงต่อ .....  :OO

อีกฉากที่ชอบส่วนตัว คือที่ผู้พันไปสกัดทหารญี่ปุ่นที่กำลังข้ามลำน้ำ............... ใช้ Spingfeild 1903 ยิง 1 นัด 1 คน  :VOV: .........เห็นการบริหารลูกเลื่อนและท้ายเข็มวิ่ง เมื่อลั่นไกชัดเจน ..............

ซื้อ DVD มาดูร่วมๆ 5-6 รอบแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้

ที่หลุดๆก็มีครับ หลายเรื่อง  ::005::

อย่างเพิร์ล อาเบอร์ ตอนท้ายๆที่กองเรือพบเรือญี่ปุ่น แล้วต้องให้เครื่อง B25 ขึ้นบินก่อน .............พวกคำนวนน้ำมันกับระยะทางด้วยด้วยเครื่องคิดเลขดิจิตอลเฉยเลย  ::005::

แม้กระทั่ง แบร์น ออฟ บราเธอร์ .........หลุดตอนที่ พลทหารเวปเตอร์ ซึ่งพูดภาษาเยอรมันได้ ในตอน The Last Patrol ...........พอตอนต่อมาคือ Points ที่ไปเจอค่ายยิว ........... พลทหารเวปเตอร์ไปเอาอาหารที่ร้านคนเยอรมันมาแจกจ่ายเชลยยิว แล้วถูกพ่อครัวโวย กลับไม่พูดเยอรมันกับพ่อครัว แถมยังว่าด้วยว่าบ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ........ งานนี้ผู้สร้างหลุดไปจังเบอร์  ::005::

 ;D เห็นตามที่พี่โหน่งบอกหมดเลย 555 ;D
 ;D เพิ่มอีกครับ แบรนออฟบราเธอร์ตอนที่พี่บอก ปืนก็หลุดมานิดนึงครับ ศูนย์หลังสูง ศูนย์หน้าใหญ่ แต้มจุดขาวสามจุดด้วยครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:11:03 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html
เรื่องนี้ดีครับ รอดได้เพราะนายทหารเยอรมันคนนั้นที่ชอบดนตรีเหมือนกัน

 ::002::

http://www.youtube.com/watch?v=RkUVb1AJbSM


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:19:50 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html

The Pianist ผมดูแล้วดีมากๆครับ พระเอกคนนี้จมูกโด่งสุดโต่งเลยครับ

ครับ เหมาะกับบทอย่างแรง จมูกนกแก้ว ฝรั่งเรียกจมูก โรมัน ครับ แต่ต่อมาจมูกอย่างนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ล้อเลียน ยิว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:21:23 AM
Defiance (ไม่ยอมจำนน)

หรือ "ทรนง" ก็ได้ครับ

Defiance http://www.merriam-webster.com/dictionary/defiance (http://www.merriam-webster.com/dictionary/defiance)
1 : the act or an instance of defying : challenge
2 : disposition to resist : willingness to contend or fight


ขอบคุณครับ

เรื่องนี้ ชอบสุดก็ตอนที่หนีจนไม่รู้จะไปไหน จนตรอก ต้องหันกลับมาสู้รถถัง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:25:05 AM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html
เรื่องนี้ดีครับ รอดได้เพราะนายทหารเยอรมันคนนั้นที่ชอบดนตรีเหมือนกัน

 :'( ผมเห็นใจนายพันเยอรมันคนนั้นครับ :'(


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:32:09 AM
จมูกโรมัน / จมูกยิว (มีสัน หัก และถูกขยายว่าเป็นตะขอ)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:34:44 AM
ในรูป ลุงแกเผอิญมีจมูกตามแบบจริงๆ :-[


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:51:54 AM
ช่วงปีสองปีมานี่ ผมชอบเรื่องนี้ครับ The Great Raid 121

เรื่องนี้ เนื้อเรื่องสร้างจากประวัติศาสตร์จริง ................. ที่ชอบมากๆคือรายละเอียด ที่ผู้สร้างทำได้ละเอียดมากตั้งแต่

1. ตัวละคร ......... หาคนหน้าเหมือนตัวจริงมาก (ดูเทียบได้จากภาพยนต์จริงท้ายเรื่อง) ทั้งผู้กอง ผู้พัน

2.ยุทโธปกรณ์ ละเอียดสุดๆ แม้แต่สายสะพายปืน M 1 Garand ก็ตรงยุค .............. เขาไปหารถถัง Chi-Ha กับ Te-Ke ที่ไหนมาวิ่งได้...............นาฬิกาของหัวหน้าพลพรรคใต้ดินฟิลลิบปินส์ ก็เป็น Bulova ไขลาน  ::002::  ..........  ยิ่งปืนของญี่ปุ่น ของแท้ทุกรุ่น

รายละเอียดที่ผมดูแล้วเห็นว่าใส่ใจสุดๆคือ ฉากที่ทหารญี่ปุ่น ประหารเชลยอเมริกัน 11 คน ด้วยปืนพกนัมบุ.................ด้วยการนั่งคุกเข่าหันหลังเรียงกัน 11 คน แล้วใช้นัมบุยิงท้ายทอยข้างหลังทีละคน  :OO

ปืนนัมบุ จุ 8 นัด ...........ในหนังก็มีฉากยิงคนที่ 8 แล้ว กระสุนก็หมดตามความจริง สไลด์ค้าง  ทหารญี่ปุ่นก็ปลดแม็กเปล่าเก็บใส่ซองแม๊ก แถมปิดฝาซองแม๊กเรียบร้อย(เขย่าใจดี)..............ใส่แม๊กใหม่ ดึงสไลด์ป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงแล้วยิงต่อ .....  :OO

อีกฉากที่ชอบส่วนตัว คือที่ผู้พันไปสกัดทหารญี่ปุ่นที่กำลังข้ามลำน้ำ............... ใช้ Spingfeild 1903 ยิง 1 นัด 1 คน  :VOV: .........เห็นการบริหารลูกเลื่อนและท้ายเข็มวิ่ง เมื่อลั่นไกชัดเจน ..............

ซื้อ DVD มาดูร่วมๆ 5-6 รอบแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้

ที่หลุดๆก็มีครับ หลายเรื่อง  ::005::

อย่างเพิร์ล อาเบอร์ ตอนท้ายๆที่กองเรือพบเรือญี่ปุ่น แล้วต้องให้เครื่อง B25 ขึ้นบินก่อน .............พวกคำนวนน้ำมันกับระยะทางด้วยด้วยเครื่องคิดเลขดิจิตอลเฉยเลย  ::005::

แม้กระทั่ง แบร์น ออฟ บราเธอร์ .........หลุดตอนที่ พลทหารเวปเตอร์ ซึ่งพูดภาษาเยอรมันได้ ในตอน The Last Patrol ...........พอตอนต่อมาคือ Points ที่ไปเจอค่ายยิว ........... พลทหารเวปเตอร์ไปเอาอาหารที่ร้านคนเยอรมันมาแจกจ่ายเชลยยิว แล้วถูกพ่อครัวโวย กลับไม่พูดเยอรมันกับพ่อครัว แถมยังว่าด้วยว่าบ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ........ งานนี้ผู้สร้างหลุดไปจังเบอร์  ::005::

The Great Raid 121... นายสมชายหมายหัวอีกครับ... ฮา

แต่ละ Post ของแต่ละท่านนี่คือต้องใช้เวลาตาม+ดู+ศึกษากันหลายวัน ดีไม่ดีเป็นเดือนเลยครับ... กว่านายสมชายจะเข้าใจกระจ่างจนกลับมาต่อเรื่องเดิม... ไม่ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 12:01:31 PM
The Great Raid 121 ก็ดูมาเหมือนกันครับ .... ดูแล้วก็มีสงสัยอยู่ครับ ... ฉากที่ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายอยู่อีกด้านของสะพาน แล้วฝ่ายใต้ดินได้จัดให้เป็นพื้นที่สังหารเรียบร้อยแล้ว ... พอมีการยิงกัน ฝ่ายญี่ปุ่นก็ยังดื้อจะออกมาโจมตีตามเส้นทางเดิม (ข้ามสะพาน) ... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีห่ากระสุนรออยู่ ... ทำไม ? ...

The Pianist ก็ดีครับ ก่อนจบ คิดว่าพระเอกจะเสร็จลูกปืนรัสเซียเสียแล้ว  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 12:16:17 PM
ดูแล้วครับ ............
สนุกมั้ยครับพี่ ;D

ไปหาดูได้เลยครับ เป็นดราม่าเต็มๆ .................

เรื่องของชาวยิวที่หลบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเยอรมัน ........... และตอบโต้กันสุดฤทธิ์

เรื่องนี้ผมก็ชอบมากๆ ..... The Pianist

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thepianist/pianist.html
นึกว่าเป็นหนัง ACTION ประเภท DRAMA ไม่ค่อยถนัดครับพี่ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 12:47:55 PM
The Great Raid 121
ฉากวิ่งจู่โจม เข้าไปในค่ายญี่ปุ่น  ทำเหมือนเอาทหารมาฝึกต่อหน้าเลยครับ  เสียงวิ่ง  เสี่ยงร้องเท้ากระแทกพื้น  ทหารแต่ละนายทั้งเหนื่อยและหนัก วิ่งได้อารมณ์จริงๆ


ใครไม่เคยเห็น ปืนกลเบาติดดาบปลายปืน  ดูได้ในตอนท้ายเรื่องนะครับ   ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:27:20 PM
The Great Raid 121 ก็ดูมาเหมือนกันครับ .... ดูแล้วก็มีสงสัยอยู่ครับ ... ฉากที่ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายอยู่อีกด้านของสะพาน แล้วฝ่ายใต้ดินได้จัดให้เป็นพื้นที่สังหารเรียบร้อยแล้ว ... พอมีการยิงกัน ฝ่ายญี่ปุ่นก็ยังดื้อจะออกมาโจมตีตามเส้นทางเดิม (ข้ามสะพาน) ... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีห่ากระสุนรออยู่ ... ทำไม ? ...

The Pianist ก็ดีครับ ก่อนจบ คิดว่าพระเอกจะเสร็จลูกปืนรัสเซียเสียแล้ว  ;D

ฉากทหารญี่ปุ่น"บันไซ"แบบนี้ ผมเห็นหลายเรื่องแล้ว.............

เรื่อง WIND TALKER ก็มี อยู่ๆก็วิ่งเฮออกมาให้ทหารอเมริกันยิง ทั้งๆที่อยู่ในแนวสนามเพลาะแล้ว อเมริกันบุกเข้าไปยาก ...................

เรื่อง  Letters from Iwo Jima ...........ก็อีก

หนังอเมริกันสร้างทั้งนั้น ......


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:37:57 PM
The Great Raid 121 ก็ดูมาเหมือนกันครับ .... ดูแล้วก็มีสงสัยอยู่ครับ ... ฉากที่ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายอยู่อีกด้านของสะพาน แล้วฝ่ายใต้ดินได้จัดให้เป็นพื้นที่สังหารเรียบร้อยแล้ว ... พอมีการยิงกัน ฝ่ายญี่ปุ่นก็ยังดื้อจะออกมาโจมตีตามเส้นทางเดิม (ข้ามสะพาน) ... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีห่ากระสุนรออยู่ ... ทำไม ? ...

The Pianist ก็ดีครับ ก่อนจบ คิดว่าพระเอกจะเสร็จลูกปืนรัสเซียเสียแล้ว  ;D

ฉากทหารญี่ปุ่น"บันไซ"แบบนี้ ผมเห็นหลายเรื่องแล้ว.............

เรื่อง WIND TALKER ก็มี อยู่ๆก็วิ่งเฮออกมาให้ทหารอเมริกันยิง ทั้งๆที่อยู่ในแนวสนามเพลาะแล้ว อเมริกันบุกเข้าไปยาก ...................

เรื่อง  Letters from Iwo Jima ...........ก็อีก

หนังอเมริกันสร้างทั้งนั้น ......

สวัสดีครับพี่มะขิ่น
 ผมดูหนังเรื่อง The Patriot ที่ Mel Gibson เล่นแล้วสงสัยมาก ว่าฉากรบในสมัยโบราณที่ทหารยิงปืนกันนั้น
ทำไมถึงไม่มีการหลบหาที่กำบังอะไรเลยเข้าแถวยืนเรียงหน้ากระดานเข้าหากันทั้งสองฝ่ายแล้วเดินหน้ายิงกันโต้งๆเลย
โดนก็ล้มไปที่เหลือก็เดินหน้ายิงต่อ....คือสงครามสมัยก่อนเขายิงกันแบบนี้จริงๆหรือ ไม่ใช่เรื่องนี้อย่างเดียวนะเคยเห็นฉากแบบนี้
มาหลายเรื่องแล้ว...แต่หนังสงครามที่ไม่ใช้ปืนโบราณแบบกระทุ้งปากนั้น...ก็ปกติหลบไปสวนไป
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:39:16 PM
คุณLE อธิบายได้ดีกว่าผมครับ....................เพราะศึกษามาเยอะกว่า



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:45:57 PM
เรื่องเรียงแถวยิงกัน วันก่อนผมเขียนอยู่ในหน้า 15 กระทู้นี้พอดีเลยครับ ขอเชิญครับพี่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:55:40 PM
เรื่องเรียงแถวยิงกัน วันก่อนผมเขียนอยู่ในหน้า 15 กระทู้นี้พอดีเลยครับ ขอเชิญครับพี่

เข้าใจที่มาแล้วครับ ขอบคุณครับ
+


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 02:56:59 PM
ตัวอย่างพัฒนาการขบวนรบที่แสดงถึงการจัดขบวนให้แน่นขึ้น และการพัฒนาอาวุธเพื่อรวมศูนย์อำนาจของอาวุธครับ

กรีกเดิม ก่อน ค.ศ. พันกว่าปี ถึง 300 กว่าปี เป็นนักรบ Hoplite อาวุธหลักใช้หอกสั้น กับโล่ อาจมีดาบ มีด ประกอบด้วย หอกสั้นแบบนี้ทำการรบเดี่ยวได้ถนัด เวลาเข้าขบวนรบก็ยืนพอชิดกัน ถือหอกเหนือไหล่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:02:06 PM
ต่อมาศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. พระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชปรับขบวนนักรบเป็น Phalanx (ฟาลังก์) โดยปรับปรุงอาวุธด้วย

นักรบในฟาลังก์ถือหอกยาวกว่าเดิม บันทึกส่วนมากบอกว่ายาว 6 เมตร หอกยาวขนาดนี้ต้องถือโดยการคอนไว้ใต้แนวแขน ด้านปลายมี นน. ถ่วง แถวนักรบก็มีหลายชั้นมากขึ้น ข้อได้เปรียบ Hoplite คือหอกของแถวที่ 2 ที่ 3 จะยื่นออกมาข้างหน้าด้วย เป็นหัวหอกที่เพิ่มขึ้นในการปะทะกัน หอกยาวขนาดนี้นักรบใช้เดี่ยวๆ ไม่ค่อยได้เรื่อง ใช้เข้าขบวนถึงจะมีประสิทธิภาพ เห็นได้ว่าขบวน Hoplite ปะทะ Phalanx ก็จะสู้ไม่ได้ การพัฒนานี้เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งของอเลกซานเดอร์...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:03:09 PM
ที่จริงตามสูตรของแท้ ฟาลังก์จะมีความหนาตั้ง 16 แถว :o


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:09:14 PM
ข้อมูลแน่นรูปสวยขอเซฟไว้นะครับท่าน Wilhelm Tell -(--


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:17:39 PM
เรื่องนักรบยืนเป็นแถวแน่นเอียดแบบนี้... นายสมชายลากมาที่เอเซียมั่งครับ... ฮา

ในหนังเรื่อง Red Cliff เป็นหนังสามก๊ก สร้างโดยจอห์ วู... มีฉากต่อสู้สนุกไม่เบาครับ...

ฉากที่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่นี่ก็มี... คือจูกัดเหลียง(อีกชื่อนึงของขงเบ้ง) ตั้งค่ายกลตามลายบนกระดองเต่าบก สลับใช้อาวุธหลายต่อสู้, มีทั้งหอกยาวแผ่เป็นแพฯ, ใช้โล่ห์ขัดเงาสะท้อนใส่ลูกตาม้าให้ม้าตกใจคนขี่ตกม้า, ใช้โล่ห์กั้นให้ศัตรูวิ่งตามช่องทาง, หรือใช้เกาฑัณฑ์ยิงโด่งใส่เป็นห่าฝนก่อนเข้าระยะประชิดครับ...

นายสมชายแนะนำเข้าสู่กระทู้นี้อีกเรื่องนึงครับ...

รายละเอียดอยู่ที่นี่... http://en.wikipedia.org/wiki/Red_Cliff_(film)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/c/cf/Redcliffposter.jpg/200px-Redcliffposter.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:23:02 PM
ต่อมาก็มีชาติที่รบเก่งกว่ากรีกซะอีก คือโรมัน โรมันจัดขบวนแบบใหม่ เป็น มานิปูล ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามสถานการณ์ โดยพื้นฐาน มานิปูล คือการจัดทหารเป็นกองเหลี่ยมๆ แบบตารางหมากรุก เมื่อปะทะกัน แนวของข้าศึกจะเข้ามาอยู่ในช่องว่างระหว่ากองเหลี่ยมๆ แต่ละเหลี่ยมโรมันก็จะอัด เข้าซ้าย ขวา หรือขยับไปขยี้จุดที่ข้าศึกอ่อน ข้าศึกก็จะเหลือแนวบางๆ ถูกตี 3 ด้าน

อาวุธของทหารโรมันในมานิปูลคือหอกซัด Pilum และดาบสั้น จะซัดหอกเข้าใส่ก่อนแนวเข้าปะทะกัน หอกนี้ออกแบบมาดีมาก คือคอหอกเป็นโลหะเส้น อ่อน เมื่อกระทบเป้า นน. ข้างหลังจะตวัดให้หอกงอ ข้าศึก คนอื่น จะดึงหอกพุ่งสวนกลับมาไม่ได้ทันที หลีงรบกันเสร็จโรมันค่อยไปเก็บหอกมาดัดใช้ใหม่ และเนื่องจากมี นน. ถ่วงหลัง บางทีก็ใช้พุ่งให้ติดกับโล่คือและเนื่องจากอาวุธเฉพาะตัวคือดาบสั้นแบบโรมัน กอง มานิปูล จึงหันรบได้ทุกด้าน ไม่ใช่เล็งไปข้างหน้าอย่างเดียวแบบ ฟาลังก์

ถ้า ฟาลังก์ ปะทะกับ มานิปูล มานิปูลจะปะทะได้ไม่แต็มตลอดแนว แต่จะค่อยๆ กดดันให้ขบวนฟาลังก์แตกแถวล้ำเข้ามาอยู่ตรงช่วงว่าง โดยทหารที่อยู่แถวข้างๆ จะซัดหิดใส่ ฟาลังก์จากทางด้านข้าง ถึงฟงลังก์จะไม่แตกแถว กำลังก็จะอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ถ้าแตกแถวเข้ามาก็เสร็จ มานิปูลครับ เพราะฟงลังก์รบปะทะด้านข้างไม่ได้ หันหอกยาวไม่ได้ ถึงจะทิ้งหอกชักดาบก็ไม่คล่องเท่ามานิปูลที่ฝึกใช้ดาบสั้นรบประชิดโดยตรง แะลโล่ของฟาลังก์ก็เป๋็นวงกลมใหญ่เหลื่อมกันอยู่ด้านหน้า พลิกตัวได้ยากที่สุด ส่วนโล่ของทหารใน มานิปูล เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ซ้อนกัน หันซ้าย/ขวา ยังไงก็คล่อง  


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:23:50 PM
ยินดีครับพี่ กันชน ขอบคุณสำหรับคะแนน ครับ ผมขอมอบด้วย ชวนกันคุยสนุกดีครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:27:18 PM
ทหารราบหลักโรมัน หอกซัด ไพลั่ม ดายสั้น โล่เหลี่ยม ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:28:22 PM
ตามอ่านไม่ลดละครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:29:28 PM
ตามที่ปรากฎในภาพยนต์   กรีก Hoplite ในเรื่อง Troy   ขบวนรบ Phalanx ในเรื่อง Alexander   และกอง Roman Legion ในรูปแบบ Manipule ในเรื่อง Spartacus


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BIGFISH ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:31:16 PM
ไปดูมาครับ

วัลคีรี สิ่งที่น่ากลัวคือผู้มีอำนาจที่หลงผิด ใช้พลังรัฐผ่านระบบขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สามารถทัดทาน คัดค้านได้ตามระบบ

คนที่กล้าดำเนินการแก้ไขโดยสวนทางกับระบบมหึมา โดยมุ่งไปที่ผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง
คุณธรรมของผู้กล้าเหล่านี้ต้องเริ่มที่พื้นฐานความเสียสละ  จากนั้นมีความกล้าหาญ ความสามารถ เป็นตัวต่อยอด
กลไกการพัฒนาเยาวชน การศึกษาในปัจจุบัน ช่วยสนับสนุนการสร้างคนเหล่านี้หรือไม่  ถ้าไม่สามารถผลิตคนเหล่านี้ออกมาได้
คนเหล่านี้ไม่น่าจะมีมากและไม่น่าจะรอด

สงสัยว่าทำไมระเบิดทำงานไม่ได้ผล คำนวณผิดตั้งแต่แรก? การเปลี่ยนห้องประชุม ลดอำนาจทำลาย การขยับเปลี่ยนตำแหน่งกระเป๋า น่าจะเป็นปัจจัยที่ไม่มีน้ำหนัก


http://movie.thaiza.com/Valkyrie_1212_128520_1212_.html



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:38:24 PM
การเหตุการณ์ 20 ก.ค. 1944 ตามที่เขาวิเคราะห์กันมา ปัจจับ เรื่องห้อง ฯลฯ ประกอบกันทำให้ฮิลเลอร์ไม่ตายครับ

เขาสร้างหนังถูกตามรายละเอียดว่า ตอนเตรียมระเบิดไม่มีเวลาพอ เลยใช้ระเบิดแท่งเดียว ระเบิดที่เตรียมไปไม่มีสะเก็ด ห้องโล่งลดแรงอัด กระเป๋าไปเกะกะนายทหารคนหนึ่ง เลยหยิบไปวางหลบหลังเสาโต๊ะ โต๊ะเป็นไม้โอคหนาหนัก ไม้ทั้งแผ่นกั้นระหว่างระเบิดกับตัวท่อนบนของฮิตเลอร์ ตอนระเบิดมีนายทหารอีกคนเอนตัวไปชี้แผนที่บังฮิตเล่อร์อีกชั้นพอดี...

มีรูปหนึ่งแสดงกางเกงที่ฮิเล่อร์ใส่ ขากางเกงขาดกระจุย แต่ฮิตเล่อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยซ้ำ ยังเดินทางไปยืนรับมุสโสลินีที่มาบ่ายววันนั้นได้ครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงฮิลเล่อร์ตายก็อาจไม่มีผลต่อสงครามนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตกลงกันอยู่แล้วว่าจะไม่ยอมเจรจาสงบศึกแยกกัน ต้องยอมแพ้กับโซเวียตอย่างไม่มีเลื่อนไขด้วย รัฐบาลเยอรมันคนไหนก็คงไม่ยอม ต้องรบกันต่อ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:47:02 PM
ยุคปืนบรรจุปาก อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบคือ ปืนใหญ่ เพราะบรรจุลูกปรายยิงกวาดแนวทหารได้เกลี้ยง ข้อสำคัญคือจะตั้งปืนใหญ่ หรือลากปืนใหญ่เข้าไปยิงให้ตรงจุดได้ยังไง เรื่องนี้นโปเลียนเก่งมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปช่วงหนึ่งจึงกลายเป็นประวัติของคนๆ เดียว...

ในการรบกลางแปลง อาวุธที่น่ากลัวต่อมาคือแนวปืนยาวของทหารราบ ถ้าตั้งแนวดีๆ ถ้าไม่มีปืนใหญ่ยิงก็ต้องเอาทหารราบด้วยกันมาปะทะเท่านั้นถึงจะตีแนวแตก

ต่อมาคือทหารม้า ทหารม้ามีประโยชน์มนการสอดแนม ส่งกำลังเร็ว ไล่ตีเมื่อทหารราบแตกแนว โอบล้อมแนวข้าศึก แต่เข้าตีแนวทหารราบตรงๆ ไม่ได้ แถว 10 เมตร ทหารราบยืนเรียง 2-3 ชั้น มีปืนยิงพร้อมกันได้ 10 กระบอก แต่มีทหารม้าวิ่งเข้ามาในแนว 10 เมตร อย่างเก่ง 4-5 คน พื้นสนามรบจริงๆ ไม่เรียบ ม้าวิ่งเข้าเร็วๆ มากไม่ได้ กว่าจะถึงตัวใช้หอก ดาบ หรือแม้แ่ปืนพกยิงทหารราบ ทหารม้าก็โดนปืนยาว 30 กระบอกผลัดกันยิงกลิ้งหมดแล้ว และเมื่อโดนยิงล้ม จะเป็นแนวกีดขวางให้ทหารม้าข้างหลังเข้ามาไม่ได้อีก

ถ้าทหารราบถูกโอบปีก จะพยายามจัดขบวนเป็นสี่เหลี่ยม หลายๆ กอง ทหารม้ายิ่งเข้าตีไม่ได้ ขืนวิงเข้าพื้นที่จะโดนยิงกระนาบ 2-3 ด้าน

รูปขบวนสี่เหลี่ยมของทหาราบจากหนัง Waterloo ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:51:22 PM
ถึงทหารม้าจะเท่ เพราะสวืบเชื้อมาจากแบบการรบของอัศวิน แต่ประโยชน์ในการศึกกลางแปลงไม่มาก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกอันดับรอง

ตอนปลายศตวรรษที่ 19 วินสตัน เชอร์ชิล จบจากโรงเรียนแฮโรว์ แต่เรียนไม่เก่ง ไปเข้า รร.นายร้อย ได้ที่ 94 จากทั้งชั้น 105 คน คะแนนไม่พอไปอยู่เหล่าปืนใหญ่ หรือทหารราบ เลยต้องไปเป็นทหารม้าครับ ::008::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:56:02 PM
สมัยนั้นมีเหล่าทหารม้าปืนใหญ่ เป็นการจัดปืนใหญ่ขนาดเล็กติดรถม้าแล้วใช้ทหารม้าวิ่งลากลุยเข้าไปตั้งยิงตามจุดสำคัญๆ ในแนวรบครับ

ในหนัง จะเห็นอยู่ตอนหนึ่งในเรื่อง How the West Was Won ที่มีฉากลากปืนใหญ่วิ่งในสนามรบ คือการใช้อาวุธในรูปแบบนี้

นอกจากนี้ก็มีทหาร เกรนาเดียร์ มาจากคำ กรีเนท Grenade คือคอมมานโดที่บุกเข้าไปขว้างระเบิดใส่ที่มั่นข้าศึก ระเบิดสมันนั้นคือลูกกลมๆ จุดชนวนแบบในการ์ตูน ไว้ใจเวลาชนวนไม่ได้ ทหารพวกนี้รบเสี่ยงสุดๆ ทั้งระเบิดตายเองทั้งข้าศึกฆ่าตาย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 04:01:33 PM
กางเกงของฮิตเล่อร์ใส่ในวันนั้น :o


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 04:14:02 PM
ห้องประชุม

ภาพที่สอง ฮิตเล่อร์ พามุสโสลินีมาดูห้องที่ถูกระเบิด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 04:46:53 PM
ต่อมาศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. พระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชปรับขบวนนักรบเป็น Phalanx (ฟาลังก์) โดยปรับปรุงอาวุธด้วย

นักรบในฟาลังก์ถือหอกยาวกว่าเดิม บันทึกส่วนมากบอกว่ายาว 6 เมตร หอกยาวขนาดนี้ต้องถือโดยการคอนไว้ใต้แนวแขน ด้านปลายมี นน. ถ่วง แถวนักรบก็มีหลายชั้นมากขึ้น ข้อได้เปรียบ Hoplite คือหอกของแถวที่ 2 ที่ 3 จะยื่นออกมาข้างหน้าด้วย เป็นหัวหอกที่เพิ่มขึ้นในการปะทะกัน หอกยาวขนาดนี้นักรบใช้เดี่ยวๆ ไม่ค่อยได้เรื่อง ใช้เข้าขบวนถึงจะมีประสิทธิภาพ เห็นได้ว่าขบวน Hoplite ปะทะ Phalanx ก็จะสู้ไม่ได้ การพัฒนานี้เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งของอเลกซานเดอร์...

ฉากสุดท้ายของหนัง  Captian Alatriste   มีรูปขบวนรบคล้ายกันครับ  ผมเองก็ไม่ทราบเรียกว่าอะไรเหมือนกัน   ใช้กองทวนประกอบกะ ปืนไฟชุด   

http://www.youtube.com/watch?v=PAxMGzD1ZxI (http://www.youtube.com/watch?v=PAxMGzD1ZxI)
http://www.mono2u.com/main_pages/viewpage.jsp?file=Home&childpage=home_movie_detail&pid=VCD-C-642&menu=menu0 (http://www.mono2u.com/main_pages/viewpage.jsp?file=Home&childpage=home_movie_detail&pid=VCD-C-642&menu=menu0)

พอขบวนเบียดกัน  พวกทหารเก่าเก๋าเกมส์หน่อย  จะย่องลอดใต้แนวทวน  มุดเข้าไปแทงเอวฝ่ายตรงข้าม  ทำกันทั้งสองฝ่าย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 04:58:58 PM
เรื่องนี้ผมไม่ได้ดูครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวต้องหาดูมั่ง

สมัยปืนบรรจุปาก โดยเฉพาะยุคปืนคาบชุด หรือคาบศิลา ยังไงก็ต้องมีหอก ดาบ หรืออย่างน้อยที่สุดดาบปลายปืนประกอบเพราะอาจใช้ปืนยิงไม่ได้เสมอ เช่น เวลาฝนตก หรือถ้าพื้นที่ประชิดกันวิ่งเข้าใส่กันเร็วอย่างในเมือง หรือระยะสุดท้ายในสนาม บรรจุปืนยิงกันไม่ทันก็ต้องจิ้มกันด้วยดาบปลายปืน

กระสุนสมัยก่อนลูกปืนประจำตัวใหญ่ ความเร็วต่ำ มีบันทึกเรื่องหนึ่งของทหารอังกฤษยุครบกับนโปเลียนทำนอง "ข้าพเจ้าถูกกระหน่ำยิงอย่างหนัก เห็นกระสุนเป็นจุดดำแวปมา เขาว่ากันว่าถ้าเห็นลูกกระสุน (แนวกระสุนวิ่งใส่ตรง) ต้องถูกยิงใส่หน้าแน่ แต่ไม่ยักโดน"


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 05:18:26 PM
มีฉากรบกันในสนามเพลาะด้วย  ขุดๆแล้วก็ขุด    :OO
ทำให้นึกถึง  ประวัติศาสตร์สมัยพระนารายน์ ที่เรารบกะทหารฝรั่งเศส แถวกรุงเทพ และปากแม่น้ำ   ฝรั่งเขียนภาพมาว่า มีการขุดคูและโอบล้อมและขยายลึกเข้าไป  ตอนหลังมีการไขน้ำเข้าคู เพื่อใช้เรือลำเลี่ยงอาวุธและเสบียง

คุณต๊อก  ใน "วอเตอร์ลู"  เขาใช้ทหารม้าจัดการกะทหารปืนใหญ่ใช่ไหม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 05:20:53 PM
เรื่องนักรบยืนเป็นแถวแน่นเอียดแบบนี้... นายสมชายลากมาที่เอเซียมั่งครับ... ฮา

ในหนังเรื่อง Red Cliff เป็นหนังสามก๊ก สร้างโดยจอห์ วู... มีฉากต่อสู้สนุกไม่เบาครับ...

ฉากที่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่นี่ก็มี... คือจูกัดเหลียง(อีกชื่อนึงของขงเบ้ง) ตั้งค่ายกลตามลายบนกระดองเต่าบก สลับใช้อาวุธหลายต่อสู้, มีทั้งหอกยาวแผ่เป็นแพฯ, ใช้โล่ห์ขัดเงาสะท้อนใส่ลูกตาม้าให้ม้าตกใจคนขี่ตกม้า, ใช้โล่ห์กั้นให้ศัตรูวิ่งตามช่องทาง, หรือใช้เกาฑัณฑ์ยิงโด่งใส่เป็นห่าฝนก่อนเข้าระยะประชิดครับ...

นายสมชายแนะนำเข้าสู่กระทู้นี้อีกเรื่องนึงครับ...

รายละเอียดอยู่ที่นี่... http://en.wikipedia.org/wiki/Red_Cliff_(film)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/c/cf/Redcliffposter.jpg/200px-Redcliffposter.jpg)

ว่าไปเพิ่งนึกออก จีนมักใช้เกาทัณฑ์ ยิงขึ้นฟ้าให้ตกใส่ศัตรูก่อน
หลังจากนั้นจึงใช้หอก มีการตั้งแนวหอกคล้ายฟาลังก์ของพระเจ้าฟิลิปที่ 2

แต่ทำไม นักรบตะวันตกอย่างฝรั่ง ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับธนูหรือ เกาทัณฑ์มากนัก ทั้งๆที่ระยะเอื้อมถึง ไกลกว่า
และน่าจะช่วยลดจำนวนศัตรูลงได้ระดับหนึ่ง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 05:46:14 PM
เกาฑัณฑ์ กับ ธนู ต่างกันอย่างไร 
เกาฑัณฑ์ ใช้แรงดีดจาก เอ็นที่มีความยืดหยุ่นได้ คล้ายหนัง สะติ๊ก
ธนู ใช้แรงดีดจาก ปีก

ฝรั่งให้ความสำคัญกะธนูมาก  จนมีตำนาน โรบิน ฮูด  สมัยก่อนในอังกฤษ มีข้อบังคับให้ทุกบ้านต้องปลูกต้นยิว  เพื่อใช้ทำธนู  แสดงว่าหาแหล่งทรัพยากรสำรองสำหรับการทำสงคราม   อย่างสัญลักษณ์ ชูสองนิ้ว ที่คุณต๊อกเคยว่าไว้  ก็มีสาเหตุมาจากธนู


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:08:08 PM
ที่จริงฝรั่งก็สนใจมากๆ ครับอังกฤษถึงกับออกกฎหมายบังคับให้ผู้ชายทุกคนต้องยิงธนูยาวให้ได้ตามมาตรฐาน

ธนูยาวของยุคกลางจะเป็นะนูยาวท่วมหัว เป็น Composite Bow มีมุมการโค้งทั้งคันบน คันล่าง มาตรฐานทางการให้ยิงยิงถูกตัวคนที่ 200 หลา รู้สึกว่าจะ 12 นัด ใน 1 นาที ธนูยาวพวกนี้ถ้าใช้หัวถูกชนิดและยิงมุมดีๆ ประสิทธิภาพยิงทะลุเกราะอัศวินได้

ทางฝั่งทวีปยุโรปมักนิยมใช้หน้าไม้มากกว่า นายวิลเฮลม์ เทล ก็ใช้หน้าไม่ยิงแอปเปิลบนหัวลูกชาย ไม่ใช่ธนู

อย่างไรก็ตามชนชั้นปกครองไม่ค่อยชอบเรื่องการใช้ธนู เพราะทหารราบชาวบ้านมีอำนาจท้าทายอัศวินได้ มีอาวุธยิงทะลุเกราะอัศวินได้ จึงพยายามกดไว้ และเหยียดหยามว่าเป็นทหารระดับต่ำ ไม่ให้เกียรติมากทั้งที่มีประโยชน์ในการรบสูง คล้ายๆ นักปกครองที่ไม่ชอบให้ชาวบ้านมีไรเฟิลยิงไกลๆ

แต่อังกฤษรบกับฝรั่งเศสบ่อน สมัยกลาง บ้านเมืองเล็กกว่า คนน้อยกว่า เลยต้องเน้นใช้พลธนู อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยพัฒนาไปเร็วกว่าฝรั่งเศสและชาติอื่นที่ใช้ธนูน้อย เพราะชนชั้นปกครองอังกฤษต้องฟังเสียงชาวบ้านที่ยิงไกลเก่งมากขึ้น

ในปี 1415 การรบที่ Argincourt พลธนูอังกฤษยิงอัศวินฝรั่งเศสที่เข้าตีหน้าแนวเดี้ยงไปเป็นพันคน ที่ไม่ตายม้าก็ตื่นกลับไปชนแนวฝรั่งเศสระส่ำระสาย

เมื่อฝรั่งเศสจับเชลยเป็นพลธนูอังกฤษได้จึงตัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางทิ้ง เพื่อให้ยิงธนูอีกไม่ได้ สมัยนั้นไม่ค่อยฆ่าเชลยเล่น มักเก็บไว้เรียกค่าไถ่

พลธนูอังกฤษที่ยังไม่ถูกจับจึงมีท่าโชว์นิ้ว อังกฤษจึงมีท่าเย้ยหนฃยันแสดงความทรยฃนงของคนโดยการชู 2 นิ้ว หลังมือออก อย่างที่ เชอชิล ชูในโลโก้ผมนี่แหละครับ แต่การชูสองนิ้วแบบนี้แปลงไปมีความหมายอื่นซะอีก...

ก่อนยุคกลางก็มีการใช้อาวุธยิงไกลอย่างมากในยุโรป ในหนังสือ กอลิก วอร์ ที่ซีซาร์เขียนเล่าเรื่องไปรบกับคนป่าในเยอรมัน ฝรั่งเศษ อังกฤษ ก็มีบ่อยๆ ว่าในการเข้าล้อมตีที่มั่น ตีเมืองต้องขุดสนามเพลาะเข้าไปเพราะมีการยิงอาวุธกันอย่างหนาแน่น ขอกจากธนูธรรมดา โรมันก็สร้างเครื่องยิงธนูยักษ์ เครื่องดีดหินอีกหลายแบบ

ที่จริง ธนู เป็นอาวุธแบบหนึ่งที่ชนทุกกลุ่มทุกมุมโลกพัฒนากันขึ้นมาใช้โดยไม่ได้ลอกจากกัน ตั้งแต่ อะบอริจิน ในออสเตรเลีย ไปจนถึงเมกันพื้นเมือง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:14:14 PM
รูปร่วมสมัย ที่ agincourt พลธนูยิงข้าศึกเดี้ยง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:20:43 PM
การรบที่ Crecy อังกฤษใช้ธนู ฝรั่งเศสใช้หน้าไม้ หน้าไม้จะฝึกใช้ง่ายกว่า แต่ยิงช้า และระยะใกล้กว่า มีระบบการขึ้นสายต่างกันหลายแบบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:33:23 PM
ในการรบที่ Crecy เครซี ปี 1346 มีบันทึกเรื่องการใช้ปืนใหญ่เป็นครั้งแรกของยุโรป แต่สมัยนั้นให้ผลทางจิตวิทยามากกว่าจริงจัง

ต่อมาเมื่อปืนมีขนาดเล็กลงประจำตัวทหารแต่ละคนได้ก็มีประสิทะภาพไม่ดี ยิงช้า ไม่แน่นอน ระยะใกล้ การทำงายต่ำ แต่อย่างไรก็ตามการใช้ปืนก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่น่าสนใจคือประสิทธิภาพของปืนที่ทหารทั่วไปใช้ (ยกเว้นปืนไรเฟิลซึ่งยังแพงมาก ไม่ใช้ประจำตัวทหารราบส่วนมากๆ ในกองทัพ) แม้จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 19 ก็ยังสู้ธนูยาวไม่ได้ ปืนยาวสำหรับทหารทั่วไปยุคนโปเลียนยองหวังผลได้ไม่ถึง 200 หลา อัตรายิงประมาณแค่ 2 นัดต่อนาที

...แต่ทำไม ธนู ที่มีประสิทธภาพสูงกว่าจึงสูญพันธุ์ไปจากสนามรบก่อนหน้านั้นหลายร้อยปีแล้ว??

คำอธิบายที่เป็นไปได้มากทีสุดคือ ในการศึกจริงๆ เดินทัพกันนาน สมัยก่อนระบบส่งกำลังบำรุงแย่มาก การอนามันก็แย่ จะเห็นกว่าถ้าเดินทัพกันนานๆ ทหารป่วยตาย อดตายกันตามทางในอัตราส่วนที่สูงมาก เมื่อใช้ธนูในการรบ จึงไม่มีแรงยิงธนูให้ได้ระยะ ความแม่นยำ ความเร็ว เท่ามาตรฐานที่ฝึกกันได้ในบ้านยามสงบ ธนูยาวของฝรั่ง นน. ดึงก็พอๆ กับธนูแงซาย ป้อแป้ปวกเปียก ดึงยิงต่อเนื่อง เร็วๆ ไม่ไหวครับ

ส่วนปืนนั้น กรอกดินปืนเข้าไปเหร่ ก็ได้แรงส่งกระสุนเท่านั้น พอมีแรงแบกปืน บรรจุปืน ยิงได้ ก็ใช้อาวุธได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว

ปืนจึงครองสนาม

ในรูป ปืนใหญ่ยุคการรบที่ เครซี ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:54:10 PM
มีคำถามครับ ว่าในเรื่อง 300 นั้น เขาใช้รูปขบวนแบบไหนครับ แบบ ฟาลังซ์ หรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 06:55:40 PM
มีฉากรบกันในสนามเพลาะด้วย  ขุดๆแล้วก็ขุด    :OO
ทำให้นึกถึง  ประวัติศาสตร์สมัยพระนารายน์ ที่เรารบกะทหารฝรั่งเศส แถวกรุงเทพ และปากแม่น้ำ   ฝรั่งเขียนภาพมาว่า มีการขุดคูและโอบล้อมและขยายลึกเข้าไป  ตอนหลังมีการไขน้ำเข้าคู เพื่อใช้เรือลำเลี่ยงอาวุธและเสบียง

คุณต๊อก  ใน "วอเตอร์ลู"  เขาใช้ทหารม้าจัดการกะทหารปืนใหญ่ใช่ไหม

ที่วอเตอร์ลู มีบางจุดที่ฝรั่งเสสยิงปืนใหญ่จนหมดดินดำเลยครับ มีบันทึกว่าทหารประจำปืนก็ทนอยู่กับปืน ไม่หนี เพราะหวังจะให้ข้าศึกยังเกรงใจปืนอยู่ ในที่สุดก็โดนลุยเรียบ แต่ถ้าจุดไหน หมดทหารราบแล้วส่งทหารม้าเข้าด้านข้างได้ปืนก็เสร็จครับ เข็นเลี้ยวไม่ทัน ผมจำไม่ได้ว่าจุดไหนบ้าง

ในหนังชอบใช้ทหารม้าเข้าลุยปืนใหญ่ ใน War and Peace ก็มีฉากที่ส่งทหารราบเข้าตีแล้วไม่สำเร็จต้องส่งม้าเข้าไป ที่จริงถ้าเข้าแนวเดียวกันควรจะเสร็จปืน กับทหารราบที่ตั้งรับหมดครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:01:59 PM
เอ้อ เรื่องสมร้อยผมไม่ได้ดูครับ ที่จริงไม่ค่อยชอบแฟนตาซีแนวนี้ หรือลอร์ด ออฟ เดอะริง เท่าไหร่

แค่ยุค เปอร์เซียน วอร์ กรีกรบเปอร์เซีย เกือบ 500 ปีก่อน ค.ศ. ยังไม่ได้พัฒนารูปแบบฟาลังก์อย่างอเลกซานเดอร์ครับครับ นักรบสปาร์ต้าเป็นแนวโฮปไลท์ เข้าแนวแต่หอกสั้น

อิ อิ กรีกโบราณเขามีวัฒนธรรมคู่เกย์ บางครั้งเลยจัดกองนักรบเรียกว่า Sacred Band กองพวกนี้จะรบพุ่งห้าวหาญ กล้าตายมากเพราะอยู่ต่อหน้าแฟนจะขลาดไม่ได้ และก็ต้องสู้เพื่อช่วยให้ชนะแฟนจะได้รอด มีบางครั้งกองกำลังศักดิ์สิทธิ์นี้สู้ไม่ถอยจนตายหมดเลย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:04:39 PM
ขอบคุณครับ คุณต๊อก   :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:06:17 PM
ได้ยินว่า นักรบสปาร์ตันเขาคัดเลือกตั้งแต่เกิด เหมือนในหนัง เป็นความจริงหรือเปล่าครับ ว่าเด็กที่เกิดมาถ้าไม่สมบูรณืแข็งแรงจะถูกโยนทิ้ง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:12:38 PM
รูปหล่อนักรบสปาร์ต้า ร่วมสมัยสงครามเปอร์เซีย ท่ายกหอกเหนือไหล่แบบโฮปไลท์

จริงครับ ที่สปาร์ต้าฆ่าเด็กที่ไม่สมบูรณ์ สปาร์ต้าเป็นสังคมเผด็จการทหารอย่างเข้มวงด เด็กชายอายุ 7 ปีจะถูกส่งไปเลี้ยงรวม ก็คือค่ายทหารนั่นเอง สปาร์ต้าไม่สร้างกำแพงเมือง เพราะถือว่ากำลังนักรบคือเครื่องป้องกันเมืองที่ดีที่สุด เข้าสู้กลางแปลงให้ชนะก่อนข้าศึกเข้าถึงบ้าน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:14:14 PM
มีคำถามครับ ว่าในเรื่อง 300 นั้น เขาใช้รูปขบวนแบบไหนครับ แบบ ฟาลังซ์ หรือเปล่าครับ

เรื่อง 300  เป็นการรบแบบกลุ่มระวังภัยและสอดประสานครับ...................

นครรัฐสปาตัน ซึ่งเป็นนครรัฐอารักขาของเอเธนส์นั้น เป็นเผ่านักรบแท้ๆ เด็กชายทุกคนของรัฐต้องเป็นทหารเมื่ออายุ 7 ขวบ ต้องเข้ารับการฝึก .............. เด็กที่เกิดมาไม่สมบูรณ์จะถูกนำไปโยนทิ้งหน้าผา........

นครรัฐนี้ จะมีข้าทาสไว้สำหรับ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ให้ตน โดยจะให้ความคุ้มครองทาสเป็นการตอบแทน ............

สปาตันจึงมีแต่คนสมบูรณ์ ................

ขบวนรบสปาตัน ใช้กลุ่มรบประมาณ  5-6 คน  ทุกคนจะระวังทางซ้ายของตนให้กับนักรบที่อยู่ทางซ้าย และแถวหลัง จะเป็นตัวสอดประสาน ในการใช้หอกยาวและดาบ ................ และใช้โล่ห์แบบคล่องตัวสูงสุด

นักรบสปาตัน จะแต่งกายแค่นุ่งผ้าเตี่ยวและเสื้อคลุมสีแดงเท่านั้น .................โดยสีแดงเพื่อสำหรับให้กลมกลืนกับเลือดที่หลั่งออกมา นักรบคนอื่นเห็นจะไม่เสียขวัญ ................

การนุ่งเตี่ยว ......เพื่อความคล่องตัวสูงสุด ในการใช้โล่ห์ที่หนักอึ้ง กับหอกและดาบ ............จะสวมหมวกเหล็กและเสริมแผ่นเกราะโลหะ ที่แขนท่อนล่างกับหน้าแข้งเท่านั้น ..................

ในตำนานกรุงทรอย ...... ปารีสไปพาเฮเลน ชายาเจ้าครองนครสปาตันหนี เลยเป็นเหตุให้อากาเมนอน ที่จ้องจะเล่นงานเมืองเศรษฐีอย่างกรุงทรอย ......... รวบรวมเมืองต่างๆ เข้าตีทรอย  กลายเป็นตำนานแห่งกรุงทรอยไป ..........


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:25:59 PM
มีคำถามครับ ว่าในเรื่อง 300 นั้น เขาใช้รูปขบวนแบบไหนครับ แบบ ฟาลังซ์ หรือเปล่าครับ

เรื่อง 300  เป็นการรบแบบกลุ่มระวังภัยและสอดประสานครับ...................

นครรัฐสปาตัน ซึ่งเป็นนครรัฐอารักขาของเอเธนส์นั้น เป็นเผ่านักรบแท้ๆ เด็กชายทุกคนของรัฐต้องเป็นทหารเมื่ออายุ 7 ขวบ ต้องเข้ารับการฝึก .............. เด็กที่เกิดมาไม่สมบูรณ์จะถูกนำไปโยนทิ้งหน้าผา........

นครรัฐนี้ จะมีข้าทาสไว้สำหรับ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ให้ตน โดยจะให้ความคุ้มครองทาสเป็นการตอบแทน ............

สปาตันจึงมีแต่คนสมบูรณ์ ................

ขบวนรบสปาตัน ใช้กลุ่มรบประมาณ  5-6 คน  ทุกคนจะระวังทางซ้ายของตนให้กับนักรบที่อยู่ทางซ้าย และแถวหลัง จะเป็นตัวสอดประสาน ในการใช้หอกยาวและดาบ ................ และใช้โล่ห์แบบคล่องตัวสูงสุด

นักรบสปาตัน จะแต่งกายแค่นุ่งผ้าเตี่ยวและเสื้อคลุมสีแดงเท่านั้น .................โดยสีแดงเพื่อสำหรับให้กลมกลืนกับเลือดที่หลั่งออกมา นักรบคนอื่นเห็นจะไม่เสียขวัญ ................

การนุ่งเตี่ยว ......เพื่อความคล่องตัวสูงสุด ในการใช้โล่ห์ที่หนักอึ้ง กับหอกและดาบ ............จะสวมหมวกเหล็กและเสริมแผ่นเกราะโลหะ ที่แขนท่อนล่างกับหน้าแข้งเท่านั้น ..................

ในตำนานกรุงทรอย ...... ปารีสไปพาเฮเลน ชายาเจ้าครองนครสปาตันหนี เลยเป็นเหตุให้อากาเมนอน ที่จ้องจะเล่นงานเมืองเศรษฐีอย่างกรุงทรอย ......... รวบรวมเมืองต่างๆ เข้าตีทรอย  กลายเป็นตำนานแห่งกรุงทรอยไป ..........
ขอบคุณครับผู้การมะขิ่น ได้ความรู้อีกแล้วครับ
ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:31:22 PM
คำกล่าวหนึ่งของกษัตริย์สปาร์ต้า Archidamus ที่สอง ยุค 400 กว่าปี ก่อน ค.ศ.

"เราไม่เชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นมีอะไรแตกต่างอะไรกันนักหนา แต่เฃื่อว่าความเป็นเลิศนั้นย่อมอยู่กับคนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหนาสาหัสที่สุด"


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:36:18 PM
ขอบคุณมากครับพี่มะขิ่น เพิ่งทราบเรื่องแนวเสริมด้านหลังของกลุ่มนักรบสปาร์ต้าครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:39:18 PM
ได้ความรู้อีกแล้ว บวกไปคนละ 1 แต้มครับ ผู้การมะขิ่น กับพี่Wilhelm Tell


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:44:57 PM
คุณต๊อกดู MASTER AND COMMANDER  หรือเปล่าครับ น่าสนใจมากนะครับ  ตัวเอกว่าการเอาชายร้อยกว่าคนมารวมกันอยู่ในเรือไม้เล็กๆเป็นเดือนๆต้องมีการใช้หลักอำนาจปกครอง  ผมเคยอ่านมาว่าถ้าไม่มีเหล้ารัมหรือเหล้ารัมหมดเมื่อไหร่ลูกเรือจะกบฎทันที....ขี้เหล้าอังกฤษเวลาหิวเหล้าแล้วโมโหร้ายนะครับ :D :D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: swk317 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 07:49:48 PM
วู้ววววว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:00:35 PM
ครับพี่ กฎเหล็กในเรือเข้มมาก ผู้การเรือพิพากษา ตัดสิน ลงโทษได้เอง โทษถึงตายก็ได้

ในเรือสมัยก่อน ทั้งเรือรบและเรือพานิช ถ้ากบฎขึ้นมาต้องสู้กันอย่างเดียว ไม่มีทางให้ใครช่วยได้ ลูกเรือกับนายทหารจะอยู่คนละส่วนแยกกันเด็ดขาด ส่วนหลังเรือของนายทหารจะเข้าได้จากประตูด้านบนซึ่งจะมีช่องยิงปืน ใช้เวลาสู้กับข้าศึกที่ขึ้นเรือเราได้และเพื่อปราบลูกเรือที่กระด้างกระเดื่อง

สำหรับในเรือรบอังกฤษ จะไม่ให้ลูกเรือมีดาบติดตัว จะแจกเมื่อก่อนจะเข้ารบเท่านั้น และมีกฎอีกมาก เช่น ห้ามมีแผนที่ ห้ามวัดดาว หาทิศ หาตำแหน่งของเรือกลางทะเล เพราะถ้าจะกบฎยึกเรือก็ต้องมีข้อมูลพวกนี้

มีเรื่องจริงครั้งหนึ่งของกองเรือรบอังกฤษ ลูกเรือแอบหาทิศ หาตำแหน่งแล้วรู้ว่ากองเรือกำลังจะแล่นไปชนหินโสโครก เลยเสี่ยงไปบอกผู้การ ผิดกฎอย่างแรง โดนจับแขวนคอทันที และผู้การเรือก็ไม่เชื่อสั่งรักษาทิศเดิม กองเรือก็ไปชนหินโสโครกจมน้ำตายไปมาก ผู้การเรือก็ตาย

เรื่องเครื่องชูกำลังใจ ทหารเรืออังกฤษมีการแจกเหล้ารัมเป๊กหนึ่งให้ทุกคนทุกวัน ไม่งั้นอาจทนกดดันในเรือไม่ไหวครับ น้ำไม่ได้อาบ อาหารเลว อาหารแป้งหลักเรียกว่า Hard tag คือแป้งขนมปังแข็งโป๊ก อัดให้แน่นแล้วอบ ก่อนจะกินต้องแช่น้ำไม่งั้นฟันหัก อาหารสดก็ขาดแคลน มักขาดวิตามินฟันหลอกัน หรือเป็นโรคลักปิดลักเปิด ในนิยายสมบัติพระศุลีกัปตันกู๊ดก็ฟันหลอ เป็นไปตามจริงของทหารเรือยุคนั้นครับ

ดื่มรัมที่เป็นยี่ห้อ Navy Rum ก็ได้อารมณ์ดีครับ

และก่อนจะรบก็ต้องแจกเหล้าย้อมใจอีก เป็นกันหลายวัฒนธรรมทั้งรบทางทะเล ทั้งรบทางบก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:03:50 PM
ท่าน วิลเฮมล์ นี่จบอักษรศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ เหรอครับ เก่งมากๆเลยครับ สามารถหาข้อมูล และรูปภาพ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆมาอธิบายได้ดีมากเลย ยอมรับเลยครับ ชอบอ่านมากครับได้ความรู้ดีครับ

 อ่านที่ท่านเขียนมานี่ ทำให้ผมนึกถึง หนังสือ ต่วยตูน ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ของฝรั่งยุคโบราณ ให้อ่านมากมาย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:36:14 PM
ขอบคุณมากครับ ผมจบทางรัฐศาตร์ กับสังคมวิทยาวัฒนธรรม ครับ เรื่องประวัติศาสตร์ทหารพวกนี้สนใจชอบอ่านครับ สมัยนี้หารูปง่าย นึกๆ เรื่องแล้วก็กูเกิ้ลหารูปเอา บางภาพรู้ว่ามีเพราะเจอในหนังสือมาก่อนก็ไปหาครับ

เด็กๆ ผมก็ชอบอ่านต่วย ตูน เหมือนกัน ส่วนมากพวกเล่มพิเศษ เล่มพ๊อกเก็ต บุ๊ค อ่านเรื่องของบางท่าน สมันโน้นมี คุณเตชะทิพย์ แสงสิงแก้ว   อนันต์ แจ้งกลีบ   อุดร จารุรัตน์   บางเรื่องก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ผู้ใหญ่ตั้งวงอะไรก็ไม่รู้ใต้ต้นมะม่วงเย็นวันเสาร์ ทำไมดูสนุกกันจัง อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:40:37 PM
มีหนังเรื่องกบฎในเรือ Bounty ของอังกฤษ ครับ สร้างจากเรื่องจริง ลูกเรือยึดเรือไปอยู่เกาะกับชาวบ้านมีลูกหลาน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:45:24 PM
เรียนถามพี่มะขิ่น ทำไมหนังสงครามสมัยก่อน (หนังเรื่องแพททริออท) ทหารปืนยาวต้องยืนดวลกันต่อหน้าต่อตา ทำไมเขาไมหลบหรือนอนราบแล้วยิงกัน ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:46:38 PM
ตามที่พี่มะขิ่นบอกครับ ทหารอังกฤษก็ใส่ชุดแดงเพื่อให้เห็นเลือดไหลยาก จะได้ไม่เสียขวัญ ในชั้นปืนใหญ่เรือรบสมัยก่อนก็ทาสีแดงด้วย ก่อนรบจะเทขี้เลื่อย หรือทรายไว้ซับเลือด กันเจิ่งนองมากไปจะลื่น ยิงกันกระจุยกระจายอย่างในหนัง ไพเรทฯ นั่นละครับ

ในรูปนี้ เป็นนาทีหลังการรบที่ Trafalgar 1805 สังเกตุได้จากหน้าต่างปืนใหญ่ว่าข้างในทาสีแดง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:49:15 PM
เรียนถามพี่มะขิ่น ทำไมหนังสงครามสมัยก่อน (หนังเรื่องแพททริออท) ทหารปืนยาวต้องยืนดวลกันต่อหน้าต่อตา ทำไมเขาไมหลบหรือนอนราบแล้วยิงกัน ::014::

ขออนุญาตเชิญพี่จอยที่หน้า 15 กระทู้นี้ ครับ

...เพื่อเน้นอำนาจการยิงจึงต้องจัดแถวแน่น แตกขบวนเพื่อหลบไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มั่นก็มักจะทำที่กำบังกันไม่ว่าเป็นคูหรือแนวรั้วครับ

เรื่องนอนราบ นอนไม่ได้เพราะต้องยืนเทดินปืนบรรจุปากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:53:01 PM
เรื่อง In the Name of the Father ส่วยตัวผมว่าเป็นหนังชีวิตครับ เพราะที่ IRA สู้กับรัฐบาลไม่ใช่สงครามกลางเมือง ถึงเรื่องนี้จะมีกรอบของฉากเป็นผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง แต่จุดมุ่งหมายคือการนำเสนอเรื่องชีวิต

แต่ถ้าเป็นเรื่อง Michael Collins ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังการเมืองครับ

หัวข้อนี้ขอใช้คำว่า "ส่วนตัว" มากหน่อยเพราะเป็นการคุยกันสนุกๆ ไม่มีผิดถูกแบบเลขคณิต แล้วแต่มุมมองการตัดสินของทุกท่านครับ : )
ถ้าเรื่อง เกี่ยวกับIRA ผมชอบเรื่องนี้ครับ
The devil's own
The wind that shakes the barley


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:54:42 PM
ขอแนะนำตัวนะคะ พึ่งจะผ่านเข้ามาในเวปปืนเป็นครั้งแรกค่ะ กำลังศึกษาเพราะเพิ่งหัดยิงปืนเมื่อไม่นานค่ะ เผอิญเห็นกระทู้นี้เลยขอร่วมออกความเห็นนะคะ เพราะเป็นคนชอบดูหนังคนหนึ่งคะ

ตอบคุณ mchaivis
ดิฉันมีความเห็นอย่างนี้ และขอเปรียบเปรยเป็นอาหารนะคะ จะได้เห็นภาพ

- การวิจารณ์หนังจะวิจารณ์แบบในกรอบเท่าที่หนังนั้นทำมาก็น่าจะได้เมื่อหนังนั้นสมบูรณ์แบบหรือสร้างมาได้ดีมากแล้ว ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรขาดไป เช่น หากเป็นต้มยำ มีข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว น้ำปลา เนื้อสัตว์ที่เข้ากัน ก็ถือว่าผ่านแล้ว ไม่ต้องไปติอะไรเขาอีก แต่หากมีอะไรขาดไป จนรสชาติไม่ใช่ก็ต้องวิจารณ์ใช่ไหมคะ เช่น ขาดมะนาว ก็ไม่ควรอ้างว่าเป็นต้มยำ คนรู้จริงเขาจะไม่รับเอา

ภาพยนตร์ก็เหมือนกัน แต่ละชนิดของหนังก็มีสูตรของเขาอยู่ จะทำโรแมนติกคอเมดี้ ก็อย่าง จะทำหนังสยองขวัญก็อย่าง หนังตลกก็อย่าง จะปนกันได้ไหมก็คงได้ จะเปลี่ยนได้ไหมก็ลองดูได้ไม่มีใครว่า แต่ไม่เก่งจริงก็คงทำไปก็ไม่ได้ผล เพราะมันไม่ประทับใจ หนังประวัติศาสตร์ก็เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ ก็ต้องทำการบ้าน ทำให้สมกับประวัติศาสตร์ที่อ้างมา ไม่งั้นก็จงอ้างเป็น fantasy ไป เหมือนหนัง outlander หรือเป็นหนังจิตวิทยา เช่น สลับไปมาภาพ valkyrie กับชีวิตทหารเมกันในอิรัก เป็นต้น ไรทำนองนี้ยังพอน่าสนใจ  

 Valkyrie ขายตัวเองว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์(โฆษณาบนโปสเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งดันเลือกทำเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนตายเป็นเบือ และเยอรมันนีทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพฝันร้าย สำหรับทั้งคนโดนล้างสมอง และไม่โดนล้างสมองด้วยระบบเผด็จการของฮิตเล่อร์ ไหนจะอดหยากปางตาย ไหนจะกลัวรัสเซียบุก กลัวตำรวจลับ กลัวสารพัดกลัว  แต่หนังเรื่องนี้ดันมีฉากแค่หยุมหยิมแสดงความเสียหายแค่เพียงบ้านสั่นสะเทือน ลูกเมียกลัว ถือว่าน้อยมากค่ะ มุขทำฉากในบ้านเนี่ย ทำละครเวทีดีกว่าค่ะ เปลืองน้อยกว่าด้วย แถมคนเล่นก็ดูได้ชัดว่าไม่สามารถสื่อถึงความเครียดที่รู้สึกชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายได้สักคน หากดิฉันอธิบายไม่เห็นภาพ ขอแนะนำให้ไปดูหนังสงครามอื่นๆ เทียบเอาค่ะ โดยเฉพาะหนังสงครามโลกที่ประเทศยุโรปสร้างเองจะเข้าใจความเครียดความกลัวที่ควรจะต้องมี โดยเฉพาะหนังที่พระเอกเหมือนต่อสู้อยู่กับมารร้าย (ฮิตเล่อร์+ระบอบของแก) เช่นนี้

ถ้าจะอ้างว่า ตัดหลายอย่างออกเพื่อให้หนังกระชับ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ก็ต้องถามอีกแหละค่ะ ว่าแล้วคนดูเข้าใจหรือคะ คนดูทั่วไปที่ไม่ได้รู้เรื่องมาก่อนจะเข้าใจไหม ถ้าหนังไม่แสดงปูพื้น ให้คนดูเข้าใจว่า ระบบที่ฮิตเล่อร์สร้างม้นใหญ่โต ครอบงำขนาดใหน และผลของการกระทำของพระเอกเสี่ยงแค่ไหน ความประทับใจที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนคิดต่อต้านระบบเผด็จการ ยอมเอาครอบครัวเป็นเดิมพัน ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อโอกาสเดียวเนี่ย มันถึงไม่เกิด ดูแล้วก็เฉยๆ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะทำได้ไม่ยาก ยอมลงทุนหน่อย ก็ได้แล้ว แค่ 1-2 ฉากก็พอ ปูพื้นไปนิด แล้วพระเอกจะดูฮีโร่ขึ้นอีก ซึ่งแค่ปูพื้นยังขี้เกียจ แล้วมาอ้างว่าเป็นเหตุผลแบบติสท์เนี่ยไม่ได้หรอกค่ะ ชุ่ยมากกว่า  

- การจะปรับแก้งานศิลปะ ให้ดีขึ้น โดยอ้างว่าเป็นเพื่อการสร้างสรรค์ให้มันชัดเจนขึ้นทำได้ค่ะ แต่ต้องเคารพหัวใจของงานศิลปะนั้น เช่น จะทำต้มยำกุ้ง ไม่ตำน้ำพริกเผา ใช้คนอร์ก็ทำได้ แต่การปรับแก้เอาซ๊อสมะเขือเทศใส่ แล้วอ้างเป็นต้มยำนั้น ไม่ได้หรอกค่ะคุณ คนชิมที่เขารู้ เขาไม่รับหรอกค่ะ
หนัง Valkyrie ก็เหมือนกัน จะไปตัดทอน ลดอะไรออก หาอะไรมาแทน ก็ต้องเคารพ เรื่องที่เอามาทำ ซึ่งอีกเช่นกัน อ้างไว้ว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ก็ต้องเคารพประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เอามาสร้าง โดยควรจะต้องให้อ้างอิงให้ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้น ก็อย่าขายตัวเองว่ามาจากเรื่องจริงให้กลุ้มดีกว่า เช่น ไปเลือก Tom Cruise หน้าตาไม่เหมือนตัวจริง แถมยังหน้าตาดูอิตาเลี่ยนสุดๆ เดินไปมาในฉากหนังเยอรมันนีให้คนดูเชื่อว่าเป็นเยอรมันนีไม่ได้หรอกค่ะ แถมแกยังสื่อไม่ได้ทั้งความเป็นเยอรมัน ความเป็นทหาร หรือความเป็นคนเยอรมัน ที่เป็นทหาร ในยุคนั้น แล้วมันจะเหลืออะไรให้คาดหวังอีกละคะ แถมเพื่อนนักแสดงทหารแกพูดอังกฤษสำเนียงหลากหลายจัดตั้งแต่ออกสารพัดสำเนียง ซึ่งแค่ผู้กำกัลจะทำให้สมจริง จ้าง voice trainer มายังไม่ได้เนี่ย มันไม่แสดงความติสท์หรอกค่ะ มันแสดงความชุ่ย

- งานภาพยนตร์คุณภาพเนี่ยมันต้องดูทุกอย่างคะ ว่า สอดคล้องกันไหม เข้ากันไหม ไม่ใช่ว่า แค่วน plot หลัก plot รองแล้วพอ อันนั้น มันโฆษณาทีวีมากกว่าค่ะ  ลองดูในพวกแผ่นดีวีดีที่เป็นของจริงสิคะ ที่เขาแถมเสียงวิจารณ์ของคนทำมานะค่ะ แล้วจะเห็นว่าการสร้างหนังเป็นเรื่องละเอียด ต้องคิดทุกอย่าง คนดูไม่โง่นะคะ อาจมีถูกหลอก แต่ไม่โง่หรอกค่ะ  

ดิฉันรักการดูหนังค่ะ ผิดหวังเหมือนกันกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ทำไงได้ หนังลงโรงเดี๋ยวนี้ คนทำก็ชุ่ยขึ้นๆ ขาดความตั้งใจ ขาดความเป็นศิลปิน ซึ่งจะว่าทุนน้อยหรือ ก็ไม่เกี่ยวค่ะ ความชุ่ย นั้น ทุนเยอะก็ชุ่ยได้เหมือนกัน ทุนน้อยสร้างสรรค์ตั้งใจทำ ก็ไม่ชุ่ย นอกจากนี้ ดิฉันเห็นว่า หากคนทำหนังเขาตั้งใจทำหนังอย่างปราณีตให้เราดู เราก็ควรจะหัดดูหนังอย่างปราณีตด้วย ไม่งั้น ที่หนังบางเรื่องเขาลงทุนย้อมผ้าแบบธรรมชาติ ก็เพื่ออะไรละคะ ถ้าไม่ใช่เพื่อให้คนดูได้เห็นภาพที่ชัดเจนที่สุด  หนังเป็นศิลปะแขนงเคลื่อนไหวจะทำออกมาก็ควรให้ดึงดูดอารมณ์คนดูให้เชื่อได้มากที่สุด หนังที่คนทำไม่คิด ไม่สนใจในอารมณ์คนดู นั้น เขาเรียกหนังสนองอีโก้คนทำและไม่ถือเป็นงานศิลปะ เพราะไม่ให้อะไรกับใคร ไม่ทำให้คนดูได้คิด ได้มุมมองใหม่ หรือเกิดความรื่นรมย์จริงๆ (ใหนๆ คุณก็ใช้ศัพท์เทคนิคหลายอัน:ก็ catharsis ไงคะ )  และใช้เหตุผลศิลปะแบบที่คนยกมาไปวิจารณ์จึงไม่ได้

โอเคนะค้า?
 
ขออนุญาตคุณ wilhelm Tell ไม่ quote ข้อความนะครับ เพราะมันจะทำให้กระทู้ยาวเกินจำเป็น
เข้าเรื่องนะครับ
เรื่องปันส่วน ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
ประเด็นของผมอยู่ที่ประเด็นของหนัง และวิธีในการประเมินคุณค่าของหนังครับ
ว่ากันเฉพาะใน Valkyrie ล้วนๆ เนื้อหนังเขาก็ทำจำกัดวง
พล็อตหลักอยู่ที่ตัวเอกที่หาญทำรัฐประหาร หนังชี้แรงบันดาลใจให้พระเอกยอมเสี่ยงชีวิตหลายตอน
แรกสุดก็คือฉากเปิดเรื่อง ที่พระเอกต้องการรักษาชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ
ประเด็นต่อมาคือฉากที่พระเอกต้องไปแจกเหรียญให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
และอีกประเด็นสำคัญคือฉากที่ลูกเมียกลัวระเบิดจนตัวสั่นตอนหลบในห้องใต้ดินที่บ้าน
ส่วนพล็อตรองคือการทำรัฐประหาร
เรื่องราวทั้งหมดมันก็วนอยู่แต่ตรงนี้ ซึ่งผมว่าพอแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปพูดเรื่องอื่น
ในความคิดของผม การวิจารณ์ก็ควรจะตีกรอบจำกัดวงครับ
ว่ากันเฉพาะสิ่งที่คนทำหนังต้องการนำเสนอ และกลเม็ดในการนำเสนอ
จะเอาทุกเรื่องอย่างเช่นข้อเท็จจริงมาบวกเข้าไปไม่ได้ครับ
เพราะหนังเขาพูดเฉพาะประเด็นหนึ่งประเด็นใด อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับข้อเท็จจริงที่คุณนำเสนอ ถือเป็นความรู้ต่อยอด เป็นของแถมสำหรับการดูหนัง (เรื่องนี้) ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นชี้ข้อดีข้อเสียของหนัง

อีกนิดครับ ขออนุญาตถามหน่อยครับ
คุณ Wilhelm Tell ทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนครับ
ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่
แจ้งทาง pm ก็ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 08:58:28 PM
เรียนถามพี่มะขิ่น ทำไมหนังสงครามสมัยก่อน (หนังเรื่องแพททริออท) ทหารปืนยาวต้องยืนดวลกันต่อหน้าต่อตา ทำไมเขาไมหลบหรือนอนราบแล้วยิงกัน ::014::

ขออนุญาตเชิญพี่จอยที่หน้า 15 กระทู้นี้ ครับ

...เพื่อเน้นอำนาจการยิงจึงต้องจัดแถวแน่น แตกขบวนเพื่อหลบไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มั่นก็มักจะทำที่กำบังกันไม่ว่าเป็นคูหรือแนวรั้วครับ

เรื่องนอนราบ นอนไม่ได้เพราะต้องยืนเทดินปืนบรรจุปากครับ
กระจ่างเลยครับ ท่ามองในแง่เรามีกำลังพลน้อยกว่า ไม่ปะทะโดนตรง ยิงแบบกองโจรเหมือนต้นเรื่อง น่าจะเข้าท่าดี(ความคิดผมนะ) ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:04:33 PM
ความคิดพี่จอยก็ตรงกับนายทัพสมัยนั้นเลยครับ ในยุคสงครามกลางเมือเมกันฝ่ายรัฐบาลเหนือที่มีกำลังมากกว่าก็ยังจัดกองรบพิเศษไว้ซุ่มยิง ตอดเล็กตอดน้อย และใส่ชุดเขียวเพื่อพรางตัวด้วย ต่างกับทหารทั่วไปสมัยนั้น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:06:15 PM
เรื่อง In the Name of the Father ส่วยตัวผมว่าเป็นหนังชีวิตครับ เพราะที่ IRA สู้กับรัฐบาลไม่ใช่สงครามกลางเมือง ถึงเรื่องนี้จะมีกรอบของฉากเป็นผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง แต่จุดมุ่งหมายคือการนำเสนอเรื่องชีวิต

แต่ถ้าเป็นเรื่อง Michael Collins ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังการเมืองครับ

หัวข้อนี้ขอใช้คำว่า "ส่วนตัว" มากหน่อยเพราะเป็นการคุยกันสนุกๆ ไม่มีผิดถูกแบบเลขคณิต แล้วแต่มุมมองการตัดสินของทุกท่านครับ : )
ถ้าเรื่อง เกี่ยวกับIRA ผมชอบเรื่องนี้ครับ
The devil's own
The wind that shakes the barley

เรื่อง The wind ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ ไม่ได้เข้าโรง แต่เห็นแผ่นแวปๆ ต้องไปหามามั่งแล้ว ขอบคุณมากครับ บวกๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 09:25:37 PM

หนังเรื่องล่าสุด...ของนายคนนี้ที่ชอบดู...แต่ไม่รู้จะเขียนถูกหรือปล่าว...the total sum of all fear...ที่มี...เบน เอฟแฟลก...กับ มอแกน ฟรีแมน...เป็นดารานำ...ก็ชอบครับ...

 

 ;D the sum of all fear คับท่าน tra...

ในเรื่องเป็นยุคเกือบพ้นสมัยสงครามเย็นแล้ว...

กำลังเพ่งเล็งถึงภัยจากการก่อการร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อการร้ายโดยอาวุธนิวเคลียร์...

ตามท้องเรื่องในหนังสือ แจ็ค ไรอัน ต้องเป็นรองผู้อำนวยการซี ไอ เอ แต่ในหนังกลับเป็นช่วงที่ แจ็ค เพิ่งเข้ามาทำงานกะ ซี ไอ เอ...

ซึ่งทำให้ซีเคว้นท์ของหนังผิดเพราะกลายเป็นก่อนเรื่อง the patriot ไปคับ... ;D
เรื่องนี้เอาฉาก backfire ยิง missile ถล่มกองเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา เอามาจากหนังสือ ของ Tom เรื่อง Red storm rising


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:07:47 PM
 อ่านคุณ bluebunny วิจารณ์แล้ว นึกถึง เรื่อง Letters form Iwo Jima   ผมว่าเละทั้งเรื่อง  ส่วนตัวแล้วผมดูหนังเรื่องนี้ผมเสียดาย ข้าวของอุปกรณ์ประกอบฉากทุกอย่างที่ทำได้เหมือน  แต่กำกับมาไม่ได้อารมรณ์เลย

เรื่อง In the Name of the Father ส่วยตัวผมว่าเป็นหนังชีวิตครับ เพราะที่ IRA สู้กับรัฐบาลไม่ใช่สงครามกลางเมือง ถึงเรื่องนี้จะมีกรอบของฉากเป็นผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง แต่จุดมุ่งหมายคือการนำเสนอเรื่องชีวิต

แต่ถ้าเป็นเรื่อง Michael Collins ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังการเมืองครับ

หัวข้อนี้ขอใช้คำว่า "ส่วนตัว" มากหน่อยเพราะเป็นการคุยกันสนุกๆ ไม่มีผิดถูกแบบเลขคณิต แล้วแต่มุมมองการตัดสินของทุกท่านครับ : )
ถ้าเรื่อง เกี่ยวกับIRA ผมชอบเรื่องนี้ครับ
The devil's own
The wind that shakes the barley

ลืมนึกถึงเรื่อง  The wind that shakes the barley  ไปเลยครับ  ตอนมี่ข่าวใหม่ๆ ว่าจะหามาดู  จนแล้วจนรอด ลืมไปเลย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 01:15:40 AM
ยอดเยี่ยมครับ นับถือ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 07:29:50 AM
หนังอิงประวัติศาสตร์ หรือหนังสงครามหลายเรื่องจะเกี่ยวกับ คองกีสตาดอร์ หรือนักรบสเปนที่ไปยึกดครองทวีปอเมริกา มีทั้งหนังเมกัน หนัง สเปน หรือแม้แต่หนังเยอรมัน เรื่อง อากีเร แสดงโดย เคลาส์ คินสกี้ (เรื่องนี้หมวกดีไซน์อื่น) หมวกเหล็กสเปนยุคนั้นมักมีลักษณะเด่นเป็นกลีบโง้งหน้าหลัง ซึ่งมีที่มาที่ไป มีประโยชน์จริงไม่ใช่เป็นแค่แฟชั่น...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 07:32:29 AM
เพราะการที่มีกลีบโง้งขึ้นเช่นนี้ เวลาสู้ประจัญหน้ากับข้าศึก ถ้าถูกดาบฟันใส่หัวบนลงล่างหรือเฉียงลง กลีบจะช่วยเบี่ยงให้ใบดาบแฉลบออกด้านข้าง ไม่ใส่แรงกระแทก แรงเฉือนเข้าหัวโดยตรง ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 07:44:34 AM
เหมือนกับชุดเกราะที่หลายครั้งดูเหมือนทำพุงป่องมากไป และหมวกเหล็กหลายรุ่นที่มีหน้าแหลมออกมา ไม่ใช้เพื่อเอาไว้จิกข้าศึกแต่เพื่อไว้แฉลบปลายหอก ธนูที่พุ่งเข้าใส่หน้า... ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 08:10:32 AM
เข้ามาอ่านครับ...

ขนาดแค่อ่าน+คิดตาม+ค้นเรื่องประกอบจาก Google...
เมื่อคืนนายสมชายนอนเกือบตีหนึ่งครับ... ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 09:25:40 AM
...............  ขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความรู้ ในทุกความเห็นครับ.  ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 10:17:05 AM
เรียนถามพี่มะขิ่น ทำไมหนังสงครามสมัยก่อน (หนังเรื่องแพททริออท) ทหารปืนยาวต้องยืนดวลกันต่อหน้าต่อตา ทำไมเขาไมหลบหรือนอนราบแล้วยิงกัน ::014::

ขออนุญาตเชิญพี่จอยที่หน้า 15 กระทู้นี้ ครับ

...เพื่อเน้นอำนาจการยิงจึงต้องจัดแถวแน่น แตกขบวนเพื่อหลบไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มั่นก็มักจะทำที่กำบังกันไม่ว่าเป็นคูหรือแนวรั้วครับ

เรื่องนอนราบ นอนไม่ได้เพราะต้องยืนเทดินปืนบรรจุปากครับ



นึกถึงว่าถ้าผมจะต้องเอาปืนแก๊ปมาดวลกับคู่อริ ผมขอเกี่ยงยิงทีหลังครับให้มันยิงก่อน  อิอิ..คือกะจะเข้าไปจ่อยิงสักห้าหลาน่ะครับ(ปืนแก๊ปไม่มีศูนย์ครับยิงโดนยากแถมยังมีไม่แตกบ่อยด้วยครับ)  ออกตัวก่อนนะครับเคยยิงเมื่อสามสิบปีก่อนสี่ห้านัดเองครับ ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เขาพัฒนามาจนปืนแก๊ปยิงแม่นแล้วหรือยัง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 10:36:05 AM
อ่านคุณ bluebunny วิจารณ์แล้ว นึกถึง เรื่อง Letters form Iwo Jima   ผมว่าเละทั้งเรื่อง  ส่วนตัวแล้วผมดูหนังเรื่องนี้ผมเสียดาย ข้าวของอุปกรณ์ประกอบฉากทุกอย่างที่ทำได้เหมือน  แต่กำกับมาไม่ได้อารมรณ์เลย
ผมกลับชอบเรื่องนี้ครับ ผมว่าดีกว่า Flags of Our Fathers ....

ผมว่าตัวเอกเล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวเอง
(http://ia.media-imdb.com/images/M/MV5BMjEyNzA4ODYwNV5BMl5BanBnXkFtZTcwNTkzNzgxMg@@._V1._SX271_SY400_.jpg) (http://www.imdb.com/title/tt0498380/)

ผมว่ามันจะเสียท่าก็ตรงฉากหลัง ๆ ก่อนจบนี่ล่ะ ;D ;D



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 10:51:35 AM
อ่านคุณ bluebunny วิจารณ์แล้ว นึกถึง เรื่อง Letters form Iwo Jima   ผมว่าเละทั้งเรื่อง  ส่วนตัวแล้วผมดูหนังเรื่องนี้ผมเสียดาย ข้าวของอุปกรณ์ประกอบฉากทุกอย่างที่ทำได้เหมือน  แต่กำกับมาไม่ได้อารมรณ์เลย
ผมกลับชอบเรื่องนี้ครับ ผมว่าดีกว่า Flags of Our Fathers ....

ผมว่าตัวเอกเล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวเอง
(http://ia.media-imdb.com/images/M/MV5BMjEyNzA4ODYwNV5BMl5BanBnXkFtZTcwNTkzNzgxMg@@._V1._SX271_SY400_.jpg) (http://www.imdb.com/title/tt0498380/)

ผมว่ามันจะเสียท่าก็ตรงฉากหลัง ๆ ก่อนจบนี่ล่ะ ;D ;D



ถ้าเปรียบเที่ยบกันเอง  ผมก็มีความเห็นแบบเดียวกันครับ   :)   แต่ภาพรวม  ผมหมายถึงทั้งคู่ 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 11:04:50 AM

ถ้าภาพยนตร์สงคราม เรื่องยาว ต้องยกนิ้วให้ "Band of Brothers ."

ผมดูเกิน ๑๐ ครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าผ่านการวิพากษ์ วิจารณ์อย่างเจาะลึก บ้างแล้วยัง ครับ.  :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 11:14:35 AM
เรียนถามพี่มะขิ่น ทำไมหนังสงครามสมัยก่อน (หนังเรื่องแพททริออท) ทหารปืนยาวต้องยืนดวลกันต่อหน้าต่อตา ทำไมเขาไมหลบหรือนอนราบแล้วยิงกัน ::014::

ขออนุญาตเชิญพี่จอยที่หน้า 15 กระทู้นี้ ครับ

...เพื่อเน้นอำนาจการยิงจึงต้องจัดแถวแน่น แตกขบวนเพื่อหลบไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มั่นก็มักจะทำที่กำบังกันไม่ว่าเป็นคูหรือแนวรั้วครับ

เรื่องนอนราบ นอนไม่ได้เพราะต้องยืนเทดินปืนบรรจุปากครับ



นึกถึงว่าถ้าผมจะต้องเอาปืนแก๊ปมาดวลกับคู่อริ ผมขอเกี่ยงยิงทีหลังครับให้มันยิงก่อน  อิอิ..คือกะจะเข้าไปจ่อยิงสักห้าหลาน่ะครับ(ปืนแก๊ปไม่มีศูนย์ครับยิงโดนยากแถมยังมีไม่แตกบ่อยด้วยครับ)  ออกตัวก่อนนะครับเคยยิงเมื่อสามสิบปีก่อนสี่ห้านัดเองครับ ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เขาพัฒนามาจนปืนแก๊ปยิงแม่นแล้วหรือยัง

ตอนนี้ฝรั่งเขาทำปืนแกปแบบไฮเทคด้วยครับ ทำนองว่า เพื่อใช้ล่าสัตว์ในฤดูที่เขาอนุญาตให้แต่เฉพาะปืนแกป เป็นปืนแบบสุดท้านที่ผมอยากมีเลย หน้าตา/กลไก คาบลูกคาบดอก ประหลับประเหลือกพิกล

 http://www.knightrifles.com/catalog.aspx?catid=muzzleloaders

สมัยใช้ปืนบรรจุปากดวลกัน บางทีไม่บรรจุดินมาก ให้พอเจ็บเพื่อรักษาเกียรติสุภาพบรุษแแฝรั่ง แต่ก็มีตายเหมือนกัน ท่ายิงก้มีหลายแนว ยางแนวบอกว่ายืนเอียงตัวจะได้เป็นเป้าเล็ก อีกแนวว่าถ้ายืนเอียง หากถูกยิงจะโดนอวัยวะมากกว่า เช่น ทะลุร้อยปอดทั้งสองข้าง ยืนแอ่นอกตรงหน้าดีกว่า ยังไงก็สรุปว่าไม่โดนยิงดีที่สุด อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:06:16 PM
ตอบคุณโทน โอ้ โอเคค่ะ จะได้ไม่ดู Letters from Iwo Jima

โดยส่วนตัวดิฉันชอบ Tora Tora Tora และ Midwest ที่สุดแล้วค่ะ ในบรรดาหนังสงคราม (และด้วยเหตุนี้เลยไม่ชอบ Pearl Harbour)
ส่วนหนังสงครามแนวชีวิตคนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ดิฉันชอบ The Pianist หรือ Empire of the Sun (เขียนถูกไหมนี่) มันได้อารมณ์วังเวง หลงทาง โหยหวนสมเป็นสงครามหน่อยค่ะ
 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:19:19 PM

ถ้าภาพยนตร์สงคราม เรื่องยาว ต้องยกนิ้วให้ "Band of Brothers ."

ผมดูเกิน ๑๐ ครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าผ่านการวิพากษ์ วิจารณ์อย่างเจาะลึก บ้างแล้วยัง ครับ.  :D

 ;D ผมก็เกิน 10 ครับ ว่างเป็นเอามาดู ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:21:13 PM
Pearl Harbour   ขนาดเจ้าของหนังเอง ยังยอมรับคุณภาพเลยครับ ว่า  ด้อย หลายๆด้าน   แต่เขาบอกว่า มีรายได้ดีเพราะการตลาดดีต่างหาก  ภาษาหนังเรียก  "หน้าหนังดี"  มีการโปรโมรชั่น พิมพ์ภาพลงบนสินค้าอื่นๆ

ผมก็ชอบ  Empier of the Sun  ครับ   แต่น่าจะจัดเป็นหนังชีวิต(เด็ก) ที่มีฉากหลังเป็นสงครามมากกว่า   ชอบเพลงประกอบฉากใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:26:27 PM
ตอบคุณโทน โอ้ โอเคค่ะ จะได้ไม่ดู Letters from Iwo Jima

โดยส่วนตัวดิฉันชอบ Tora Tora Tora และ Midwest ที่สุดแล้วค่ะ ในบรรดาหนังสงคราม (และด้วยเหตุนี้เลยไม่ชอบ Pearl Harbour)
ส่วนหนังสงครามแนวชีวิตคนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ดิฉันชอบ The Pianist หรือ Empire of the Sun (เขียนถูกไหมนี่) มันได้อารมณ์วังเวง หลงทาง โหยหวนสมเป็นสงครามหน่อยค่ะ
 


ทั้งสองเรื่องนี้ สร้างตั้งแต่สมัยผมเป็นวับรุ่น ครั้งนั้นหนังทำมายิงใหญ่ ดูดีมาก.    :D
+ ให้อีก ๑ แต้มครับ   แต้มที่มีอยู่ ๔   เป็นของผมซะ  ๒.    :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:32:24 PM
ตอบคุณ submachine / คุณ wilhelm tell

ไม่แน่ใจว่าจะช่วยหรือเปล่านะคะ แต่จำได้ว่าเคยอ่านเจอว่า ธนูเป็นอาวุธคลาสสิกดั้งเดิม น่าจะพัฒนามาจากลูกดอก และความจำเป็นที่คนต้องล่าสัตว์ใหญ่ สัตว์อันตราย หรือสัตว์ตัวเล็กๆ ไม่อยู่กับที่ และธนูมีมานาน ตั้งแต่ยุคหิน ยุคอียิปต์ ยุคกรีกโรมัน ยุคมองโกล (เข้าใจว่าพวกมองโกลยึดเมืองได้ถึงเกือบหมดยุโรปก็ด้วยเก่งธนู และเก่งขี่ม้า นี่แหละค่ะ เลยได้ทั้งความเร็วและความแม่น บวกกับวิธีรบแบบกองโจร และการสร้างชื่อเสียงข่มขู่ล่วงหน้า ว่าบุกไปไหน ฆ่าคนตายเรียบ) แต่ต่อมา เมื่อยุโรปรบกันเยอะขึ้น ก็ต้องหาอาวุธที่ทำให้อีกฝ่ายสลบหรือตายเร็วๆ ยิ่งขึ้น ดังนั้น พวกอาวุธเหล็ก ใช้หินตกแต่งถึงได้ค่อยๆ ทดแทนธนู ซึ่งเสียเวลาซ้อม เวลาผลิต และอาจไม่ได้ผลยับยั้งศัตรูเท่าอาวุธอื่นๆ ในระยะไกล เช่น เครื่องเหวี่ยงหิน หรือสร้างกำแพงเมืองสูงๆ หรือจัดการศัตรูระยะใกล้เท่าขวาน มีด หรือดาบ  หรือว่าไงคะ หากคุณ Wilhem Tell มีข้อมูล ก็กรุณาแบ่งปันก็ดีค่ะ    


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:50:24 PM
การรบในสมัยโบราณ อาวุธยังถูกเน้นไปที่ ความรุนแรง จำกัดเขตที่ทำลายทีละคน ..
แต่ไม่ได้ฉีกแนวให้ สามารถทำลายได้เป็นวงกว้าง ที่ละมาก มาก

แต่ตะก่อน ทั้งสนามรบ ถ้าได้เกิดหลักคิด และพัฒนาอาวุธให้ทำลายได้คราวละมาก มาก และเก็บงำไว้ใช้

โอกาสชนะ ในการรบไม่ใช่เรื่องยากเย็น อย่างที่เป็น.  :OO .


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 12:59:32 PM
ใส่กระสุนลูกปราย ลงในกระบอกปืนใหญ่โบราณ  ใช้ยิงทหารราบ  ย่อมดีกว่า ในลูกเหล็กกลม ที่ใช้ยิงกำแพง
ดีกว่ากันเป็นไหน ไหน  เหมือนอย่างที่ คุณ Leo บอกที่กองทัพของ นโปเลียน รบกับอังกฤษ ก็มีการนำมาใช้

ก่อนกรุงศรีแตก .. ที่ทุ่งมะขามหย่อม..  ทุ่งลุมพี .. ชานกรุงศรีฯ   ชาวกรุงเก่าอยู่ในที่มั่น ถ้าได้คิืดปรับปรุง
ใช้กลยุทธ + อาวุธที่เหมาะสม.. คนน้อยย่อมสามารถเอาชนะคนที่มากกว่าได้ ไม่ยาก. 

หรือว่ามีใช้ในสงคราม แล้วผมยังไม่ทราบ ต้องขออภัยด้วย ครับ.  :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 01:30:03 PM
ตอบคุณ road ขอบคุณค่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 01:47:11 PM
ใช่ค่ะ ในยุคโน้น ชาวยิวในค่ายอพยพบางคนก็เลือกรักตัวเองมากกว่า เลยคอยสอดแนมพวกเดียวกันเอง เพื่อเอาตัวสบาย :)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BIGFISH ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 02:23:41 PM
คำกล่าวหนึ่งของกษัตริย์สปาร์ต้า Archidamus ที่สอง ยุค 400 กว่าปี ก่อน ค.ศ.

"เราไม่เชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นมีอะไรแตกต่างอะไรกันนักหนา แต่เฃื่อว่าความเป็นเลิศนั้นย่อมอยู่กับคนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหนาสาหัสที่สุด"

"แต่อย่างไรก็ตาม ถึงฮิลเล่อร์ตายก็อาจไม่มีผลต่อสงครามนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตกลงกันอยู่แล้วว่าจะไม่ยอมเจรจาสงบศึกแยกกัน ต้องยอมแพ้กับโซเวียตอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย รัฐบาลเยอรมันคนไหนก็คงไม่ยอม ต้องรบกันต่อ"

ขอแสดงความเลื่อมใสคุณ Willhem ได้ความรู้ดีมาก ท่อนสองตรงใจครับ คือถ้าสำเร็จผลจะออกมาอย่างไร จำเป็นต้องทำหรือไม่  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 02:40:17 PM
ทราบว่าปืนใหญ่บนเรือใส่โซ่เป็นกระสุนด้วย เพื่อให้โซ่กวาดเสากระโดง ใบเรือฝ่ายตรงข้าม
พยายามค้นหาภาพ แต่ไม่เจอ คงไหว้วานคุณต๊อกและคุณbluebunny

อ้อคุณbluebunny ชอบแพนด้าเหรอครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 02:43:49 PM
ทราบว่าปืนใหญ่บนเรือใส่โซ่เป็นกระสุนด้วย เพื่อให้โซ่กวาดเสากระโดง ใบเรือฝ่ายตรงข้าม
พยายามค้นหาภาพ แต่ไม่เจอ คงไหว้วานคุณต๊อกและคุณbluebunny

อ้อคุณbluebunny ชอบแพนด้าเหรอครับ  ;D

ในเรื่อง "ปืนใหญ่โจรสลัด" ก็มี. ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 02:48:25 PM
อีกเรื่องที่ชอบ ไม่แน่ใจว่าจัดเป็นหนังสงคราม
ที่ชอบเพราะเป็นเรื่องที่ฝรั่งผู้สร้าง เข้าใจความเป็นเอเชียได้ดี

ปกติฝรั่งจะมองคนเอเชียเหมือนๆกันไปหมด
ทั้งจีน ไทย ญี่ปุ่น
บางทีเคยให้ตัวละครที่แสดงเป็นจีน ถือดาบญี่ปุ่น มั่วไปหมด เขาแยกแยะไม่ค่อยออก

แต่เรื่อง Last Samurai

(http://www.swotti.com/tmp/swotti/cacheDGHLIGXHC3QGC2FTDXJHAQ==RW50ZXJ0YWLUBWVUDC1NB3ZPZXM=/imgThe%20Last%20Samurai2.jpg)

ฝรั่งสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นไว้ในหนังได้มาก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 02:59:06 PM
ตอบคุณโทน โอ้ โอเคค่ะ จะได้ไม่ดู Letters from Iwo Jima

โดยส่วนตัวดิฉันชอบ Tora Tora Tora และ Midwest ที่สุดแล้วค่ะ ในบรรดาหนังสงคราม (และด้วยเหตุนี้เลยไม่ชอบ Pearl Harbour)
ส่วนหนังสงครามแนวชีวิตคนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ดิฉันชอบ The Pianist หรือ Empire of the Sun (เขียนถูกไหมนี่) มันได้อารมณ์วังเวง หลงทาง โหยหวนสมเป็นสงครามหน่อยค่ะ
 

เรื่องนี้ก็ชอบมากครับ...

มีเรื่องกินใจหลายอย่าง เช่นต้นเรื่องเลย เรื่องเด็กเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเอาไฟฉายตอบกลับไฟฉายบนเรือ... เลยเกิดสงคราม...
เรื่องมิตรภาพระหว่างเด็กญี่ปุ่นอยากเป็นนักบิน... ตอนหลังทำให้ทั้งคู่มาพบกันต่างสถานะ...
เรื่องเด็กดีใจกับอิสระ กลับมาที่บ้านขี่จักรยานเล่นโดยไม่มีใครดุ... หวงข้าวของที่ยังคิดว่าเป็นของตนเอง เวลาคนใช้กลับมาขนฯ...
เรื่องความใจสู้ของเด็ก และนับว่าโชคดีที่เจอจอห์น มัลโควิช ช่วยคุมกฏให้... ม่ายงั้นแย่แน่...

และเรื่องอีกหลายเรื่อง แม้แต่ฉากตลกเศร้าตอน"คุณนาย"เสียชีวิต จังหวะเดียวกับฮิโรชิมาโดนบอมบ์... ฟ้าสว่างวูบมาถึงท้องทุ่ง บรรดาผู้อพยพต่างนอนกระจัดกระจาย บางคนยังไม่ตาย แต่"คุณนาย"ตายตอนนั้นพอดี... เด็กน้อยคิดว่าแสงสว่างวูบ เกิดจากวิญญาณออกจากร่าง... ฮา

และที่สะเทือนใจฉากสุดท้าย พ่อแม่หาลูกชายจนพบ ลูกจ้องพ่อแม่ใหญ่ สีหน้าอธิบายยากจริงๆ... ตรงนี้นายสมชายน้ำตาซึมครับ...

ที่จริงมีอีกแยะครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 03:04:19 PM
อีกเรื่องที่ชอบ ไม่แน่ใจว่าจัดเป็นหนังสงคราม
ที่ชอบเพราะเป็นเรื่องที่ฝรั่งผู้สร้าง เข้าใจความเป็นเอเชียได้ดี

ปกติฝรั่งจะมองคนเอเชียเหมือนๆกันไปหมด
ทั้งจีน ไทย ญี่ปุ่น
บางทีเคยให้ตัวละครที่แสดงเป็นจีน ถือดาบญี่ปุ่น มั่วไปหมด เขาแยกแยะไม่ค่อยออก

แต่เรื่อง Last Samurai

(http://www.swotti.com/tmp/swotti/cacheDGHLIGXHC3QGC2FTDXJHAQ==RW50ZXJ0YWLUBWVUDC1NB3ZPZXM=/imgThe%20Last%20Samurai2.jpg)

ฝรั่งสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นไว้ในหนังได้มาก

แปลกแฮะ... คุณซับฯ ไม่ได้พูดถึงสาวสวยในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะภรรยาม่ายของอัศวินเกราะแดง ที่ทอมครูสเป็นผู้สังหารสามีของเธอ...

เรื่องนี้นายสมชายก็ชอบมาก... จักรพรรดิ์ยังเป็นเด็กตัวนิดนึง แต่บุคลิกผู้ใหญ่ผสมเด็ก เห็นแค่ฉากเดียวแต่เข้าใจเลยว่าบุคลิกแบบนี้ถึงได้ควบคุมผู้คนได้...

ฉากสุดท้าย โดนปืนกลลำกล้องหมุนยิงตายเรียบ... นายสมชายนึกในใจว่าเทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีโหดร้ายจัง... สามารถทำลายทุกอย่างของซามูไรที่อุตส่าห์ฝึกมาทั้งชีวิตครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 03:10:24 PM
ใส่กระสุนลูกปราย ลงในกระบอกปืนใหญ่โบราณ  ใช้ยิงทหารราบ  ย่อมดีกว่า ในลูกเหล็กกลม ที่ใช้ยิงกำแพง
ดีกว่ากันเป็นไหน ไหน  เหมือนอย่างที่ คุณ Leo บอกที่กองทัพของ นโปเลียน รบกับอังกฤษ ก็มีการนำมาใช้

ก่อนกรุงศรีแตก .. ที่ทุ่งมะขามหย่อม..  ทุ่งลุมพี .. ชานกรุงศรีฯ   ชาวกรุงเก่าอยู่ในที่มั่น ถ้าได้คิืดปรับปรุง
ใช้กลยุทธ + อาวุธที่เหมาะสม.. คนน้อยย่อมสามารถเอาชนะคนที่มากกว่าได้ ไม่ยาก. 

หรือว่ามีใช้ในสงคราม แล้วผมยังไม่ทราบ ต้องขออภัยด้วย ครับ.  :D


อ่านมาหลาย Post แล้ว... พี่ Ro@d "เล่น"กับข้อมูลประวัติศาสตร์แยะมากเลยครับ คราวก่อนก็แทรกเรื่อง"ทุ่งคุรุเกษตร" ในกระทู้เขาพระวิหาร เล่นเอานายสมชายไปค้นเรื่องมหาภารตะยุทธเสียจนนอนตีหนึ่งตีสองเสียหลายคืน... ฮา

เดี๋ยวนายสมชายจะหาเรื่องที่สงสัยแล้วยังไม่ได้คำตอบ เอามาถามพี่ Ro@d ดีกว่าครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 05:24:27 PM
ใส่กระสุนลูกปราย ลงในกระบอกปืนใหญ่โบราณ  ใช้ยิงทหารราบ  ย่อมดีกว่า ในลูกเหล็กกลม ที่ใช้ยิงกำแพง
ดีกว่ากันเป็นไหน ไหน  เหมือนอย่างที่ คุณ Leo บอกที่กองทัพของ นโปเลียน รบกับอังกฤษ ก็มีการนำมาใช้

ก่อนกรุงศรีแตก .. ที่ทุ่งมะขามหย่อม..  ทุ่งลุมพี .. ชานกรุงศรีฯ   ชาวกรุงเก่าอยู่ในที่มั่น ถ้าได้คิืดปรับปรุง
ใช้กลยุทธ + อาวุธที่เหมาะสม.. คนน้อยย่อมสามารถเอาชนะคนที่มากกว่าได้ ไม่ยาก. 

หรือว่ามีใช้ในสงคราม แล้วผมยังไม่ทราบ ต้องขออภัยด้วย ครับ.  :D


วันก่อนอ่านเรื่องสงครามเก้าทัพ ไทยเรา "ปิดตรอกตีพม่า" ... ขอยกมา (จาก http://www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=7473 โดยเสนาธิการ Zhou Yu)
อ้างถึง
ทางฝ่ายค่ายพม่าตั้งหอรบขึ้นหลายแห่งหน้าค่ายเอาปืนใหญ่ขึ้นตั้งยิงค่ายไทย ข้างฝ่ายไทย
จึงเอาปืนลูกไม้ตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีเข็นออกไปตั้งหน้าค่ายยิงหอรบพม่าหักพังลง ทหารพม่าก็ถูกปืนลูกไม้ล้มตายเป็นอันมาก ไม่อาจออกนอกค่ายได้ิ เสบียงอาหารก็ขัดสน กรมพระราชวังบวรจึงให้แต่งหนังสือบอกข้อราชการสงครามมาถวายยังกรุงเทพมหานคร

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงทราบถึงข้อราชการก็ทรงพระวิตกว่าจะเอาชนะข้าศึกไม่ได้โดยเร็ว ครั้นถึงวันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้น ๙ ค่ำ จึงทรงเสด็จออกจากกรุงเทพมหานครพร้อมทัพหลวง ๒๐,๐๐๐ ไปทางเรือถึง ณ ค่ายลาดหญ้าเมืองกาญจนบุรี กรมพระราชวังบวรฯกราบทูลว่าทัพพม่าใกล้แตกแล้วขอทรงเสด็จกลับพระนครเถิด ค่ำวันนั้นจึงเสด็จกลับพระนคร

ทางข้างพม่าได้ยินเสียงฆ้องกลองช้างม้าดังสนั่นจึงขึ้นดูบนหอรบ เห็นทัพหลวงมาหนุนก็เกิดครั่นคร้ามทัพไทย แม่ทัพพม่าทั้งสองนายคือเมียนหวุ่นกับเมียนเมวุ่น จึงให้เก็บลูกปืนไม้ที่ยิงตกมาในค่ายไปถวายพระเจ้าปดุงอังวะ และกราบทูลว่า ”ไทยเอาไม้ทำเป็นลูกปืนได้ ต่อไม้หมดทั้งป่าจึงจะสิ้นกระสุน แล้วเมื่อใดไม้ในป่าจึงจะสิ้น จะตีให้ได้เมืองไทยนั้นเหลือกำลัง ทั้งกองโจรไทยก็มาซุ่มสะกัดตีตัดลำเลียงเสบียงอาหารจะส่งถึงกันก็ขัดสน รี้พลก็อดอยากถดถอยกำลังลงทุกวันจึงขอพระราชทานล่าทัพ”

ที่เหลือขอเชิญอ่านต่อเอาเองครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 08:34:12 PM
นอกจากนี้ ยังมีกระสุนดินเผาด้วย  เนื่องจากกระสุนโลหะเป็นของหายาก  อาจขาดแคลนได้    กระสุนไม้ กระสุนดินเผา จึงเปรียบเสมือน "ลูกซ้อม" 

พม่าเองก็มีใช้ เช่นกัน

ความเชื่อที่ว่า จีนเป็นเพียงผู้เริ่มทำดินปืน  แต่ไม่ใช่ผู้ริเริ่มทำปืนใหญ่  ถูกหักล้าง โดยมีการขุดค้นพบปืนใหญ่โบราณ  ทางภาคกลางของจีน มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกะ ปืนใหญ่ที่เก่าที่สุดที่มีในภูมิภาคอื่น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 08:49:37 PM
หนังฝรั่งรุ่นเก่า เวลากองโจรจะแอบเข้าไปทำลายปืนใหญ่ข้าศึก  จะยัดดินปืนมากๆแล้วหาอะไรมาอุดลำกล้อง หรือปักปากกระบอกลงพื้นโคลน  แล้วจุด เพื่อให้ลำกล้องปืนแตก


แต่ระยหลัง  ผู้สร้างเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น  ทั้งหนังซ๊รีย์ทีวี  หนังใหญ่  พบว่าวิธีการของตัวละครเปลี่ยนไป   โดยทำลายด้วย การใช้เหล็กตะปู ขนาดฟิตกะช่องนมหนู  แล้วตอกอุดลงไป  พร้อม ทำลายล้อลาก  ไม่ให้ดัดแปลงไปขนสัมภาระอื่นได้อีก 
ไม่ เห็นต้องระเบิด เหมือนสมัยก่อนเลย   ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 08:52:39 PM
หนังฝรั่งรุ่นเก่า เวลากองโจรจะแอบเข้าไปทำลายปืนใหญ่ข้าศึก  จะยัดดินปืนมากๆแล้วหาอะไรมาอุดลำกล้อง หรือปักปากกระบอกลงพื้นโคลน  แล้วจุด เพื่อให้ลำกล้องปืนแตก


แต่ระยหลัง  ผู้สร้างเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น  ทั้งหนังซ๊รีย์ทีวี  หนังใหญ่  พบว่าวิธีการของตัวละครเปลี่ยนไป   โดยทำลายด้วย การใช้เหล็กตะปู ขนาดฟิตกะช่องนมหนู   แล้วตอกอุดลงไป  พร้อม ทำลายล้อลาก  ไม่ให้ดัดแปลงไปขนสัมภาระอื่นได้อีก 
ไม่ เห็นต้องระเบิด เหมือนสมัยก่อนเลย   ;D

ช่องนมหนูหรือช่องใส่ดินหู


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 10:30:46 PM
ขออนุญาตขุดกระทู้ครับเผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ อยากคุย
 
เนื่องจากช่วงนี้ภาพยนต์เรื่อง Valkyrie กำลังฉาย เป็นเรื่องการพยายามสังหารฮิตเล่อร์ของคณะนายทหารบก โดยการวางระเบิดในวันที่ 20 ก.ค. 1944

ผม (รีบ) ไปดูมาแล้ว อิ อิ ขอแนะนำว่าผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การเมือง การสงครามโลก ครั้งที่ 2 น่าจะดู

ท่านที่ยังไม่ได้ดูข้ามช่วงต่อไปนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะไม่สนุก

อย่างไรก็ตามมีข้อติบางอย่าง

1. อารมณ์ของเรื่อง

ความเป็นดราม่าของเรื่องน้อยไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าควรใช้ดาราที่หน้าตาดราม่ามากๆ เช่น ราฟ ไฟน์ แทน ทอม ครูส

2.ฉาก

 2.1 ในเรื่องไม่ได้แสดงถึงความกดดันต่อคน/ทหารเยอรมันว่าตอนนั้นสงครามทำให้เยอรมัน/ยุโรป พินาศสันตะโรไปเท่าไหร่ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องกำจัดระบบการปกครองของฮิตเล่อร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ในเรื่องไม่มีฉากเมืองที่พัง ความกดดัน/กดขี่ของนาซีต่อคนเยอรมันเอง สภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นจากสงคราม บ้านเมืองที่สร้างมาใหญ่โตหลังฟื้นจากเศรษฐกิจถอถอยก็มาพังลง รวมทั้งอาคารทางประวัติศาสตร์ของเยอรมันทุกยุคที่ผ่านมาด้วย ชาวบ้าน/ทหารทำงานเสียสละเต็มที่แต่ผู้นำเอาตัวรอดและบ้า เช่น ความจริงที่ว่าฮิตเล่อร์ไม่ยอมไปเยี่ยมเมืองที่ถูกบอร์ดเพราะกลัวเห็นภความจริงแล้วใจอ่อนไม่อยากรบต่อ จุดนี้ไม่มีในภาพยนต์เลย มีเพียงแค่ครอบครัวหลบหลุมหลบภันในบ้าน ได้ยินเสียงระเบิดลง ฉากเดียว และยังแสดงความเป็นอยู่เหมือนปรกติมากๆ ตึกต่างๆ ในเบอร์ลินไม่มีร่องรอยเสียหายแม้แต่น้อย มีน้ำมันใช้รถส่วนตัวกันสบายๆ ด้วย "ทำให้สื่อสารแสดงแก่นของเรื่องได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ได้สนใจข้อมูลของเหตุการณ์มาก่อน"

เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีงบสร้างฉากก็ควรนำเสนอผ่านบทสนทนา เช่น ข่าวเมืองเยอรมันที่โดนบอร์ม ถึงแม้ตามจริงทางการจะไม่ออกข่าวความสูญเสียมาก แต่ก็ควรแสดงให้เห็นว่าตัวละครรู้ว่าถูกบอร์มหนักๆ แต่ละครั้งต้องมีคนตายครั้งละหลายหมื่นคน

2.2 ไม่ได้แสดงถึงอำนาจครอบงำของนาซีในสังคมเท่าที่ควร และไม่ได้แสดงถึงอานุภาพของระบอบการปกครอง นำเสนอน้อยไปว่าสิ่งที่ผู้ต้องต้านคิดกระทำนั้นใหญ่หลวงนัก ต่อต้านกับอำนาจที่ครอบงำ และสั่งการกำลังการเมืองที่ปกครองคนหลายร้อยล้านคน และคุมกำลังทหาร 8-9 ล้านคน

ถ้าไม่อยากทำภาพความยิ่งใหญ่เข้มแข็งของนาซี แต่ก็ควรสร้างฉากตัวแทนได้ เช่น ตำรวจลับจับชาวบ้านที่ไม่จงรักภักดีเล็กๆ น้อยๆ ไปเข้าค่ายกักกัน

3. ข้อมูล

ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการหลักในเรื่อง เช่น เมื่อผุ้ก่อการแพ้ ฮิตเล่อร์ก็ออกคลั่ง สั่งกวาดล้างฆ่าผู้ต้องสงสัยไปประมาณ 2,500 คน รวมทั้งคนที่เป็นกำลังของประเทศ เช่น จอมพลรอมเมล และข้อมูลว่านายพันตรีกำลังหนุนที่ฮิตเล่อร์พูดโทรศัพท์โดยตรงให้ไปจับพวกก่อการได้เลื่อนยศเป็นพันเอกเลย ข้อมูลนี้ควรจะมีเพื่อเป็นการเน้นถึงความแหลวแหลกของระบอบผู้นำเผด็จการ เสริมความสำคัญของการก่อการ

ข้อชมครับ

1.เนื่อเรื่อง

สร้างถูกต้องตามเหตุการณ์จริงดีครับ

2. รายละเอียดการสร้าง

2.1 อุปกรณ์ถูกต้องดี เครื่องบินก็ถูกรุ่นตามที่ควรจะเป็น เช่น เครื่องบินโดยสาร Ju52 ฉากสนามบินก็เห็น Me109 ในโรงเก็บ ชเตาเฟนแบร์ก ถูกยิงที่แขนตอนคณะก่อการแพ้จริง แต่มีฉากหนึ่งที่ขึ้นลำปืน PPK โดยเอาลำกล้องกดกับโต๊ะ จุดนี้ไม่แน่ในว่าธรรมเนียมปฏิบัติทหารเยอรมันสมัยนั้นเขาพกปืนดับเบิ้ล/ซิงเกิลขึ้นลำไว้ตลอดหรือไม่ หรือเป็นเพียงการที่ผู้สร้างต้องการแสดงการเตรียมสู้ขั้นสุดท้ายให้เห็นชัดๆ ตามแนวภาพยนต์

2.2 ตัวละคร พยายามสร้างให้ถูกต้องดี ทอม ครูส สูงแค่ 169 ซม มีฉากยืนข้างฮิตเล่อร์ ผู้สร้างก็หาคนเตี้ยกว่ามาแสดงเป็นฮิตเล่อร์ และใช้มุมกล้องช่วยด้วย ตามจริงแล้ว ฮิตเล่อร์สูง 173-175 ซม. (แล้วแต่แหล่งข้อมูล) ส่วน ชเตาเฟนแบร์ก ดูตามภาพควรสูง 187-190 ซม.  

กำลังอ่านเรื่องราวของ ''จิ้งจอกทะเลทราย'' นายพล เออร์วิน รอมเมล ขุนศึกผู้นำสงคราม (War Leader) หนึ่งในผู้นำสงครามของฝ่ายอักษะ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
"เออร์วิน รอมเมล" ยอดขุนพลคนโปรดของจอมเผด็จการฮิตเลอร์ ผู้พิชิตศึก "รถถัง" ด้านทะเลทราย จนเป็นที่ครั่นคร้ามของอังกฤษ และได้รับสมญานามว่า "จิ้งจอกทะเลทราย"
ผู้ถูกฮิตเลอร์บังคับให้กลืนยาพิษลงโทษตนเองก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติลง
เรื่องราวของนายพลเยอรมันผู้นี้น่าสนใจมาก ความฉลาดและจิตวิญญาณในความเป็นทหารของเขาน่าทึ่งมาก
แม้ว่าเยอรมันจะพ่ายแพ้สงคราม และมีชะตากรรมที่น่าสงสารและน่ายกย่องแม้ถึงฉากสุดท้ายของชีวิตไม่แพ้ Von stauffenberg
ไม่ทราบว่าเคยมีภาพยนต์ที่เคยสร้างเกี่ยวกับ นายพลเยอรมันผู้นี้หรือไม่ครับ

http://www.geocities.com/saniroj/rommel11

http://www.geocities.com/saniroj/rommel2

http://www.geocities.com/saniroj/rommel3


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 12:57:50 AM
หนังฝรั่งรุ่นเก่า เวลากองโจรจะแอบเข้าไปทำลายปืนใหญ่ข้าศึก  จะยัดดินปืนมากๆแล้วหาอะไรมาอุดลำกล้อง หรือปักปากกระบอกลงพื้นโคลน  แล้วจุด เพื่อให้ลำกล้องปืนแตก


แต่ระยหลัง  ผู้สร้างเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น  ทั้งหนังซ๊รีย์ทีวี  หนังใหญ่  พบว่าวิธีการของตัวละครเปลี่ยนไป   โดยทำลายด้วย การใช้เหล็กตะปู ขนาดฟิตกะช่องนมหนู  แล้วตอกอุดลงไป  พร้อม ทำลายล้อลาก  ไม่ให้ดัดแปลงไปขนสัมภาระอื่นได้อีก 
ไม่ เห็นต้องระเบิด เหมือนสมัยก่อนเลย   ;D

นโปเลียน ๒  ก็มีฉากนี้ ครับ. ใช้ตะปู และค้อนไม้ ๒ โป๊ก  และย้ำอีก ๑.  :D.

การที่ผลิตปืนใหญ่เองไม่ได้ นั้น.. อาจใช้กลยุทธ บุกเข้าไปชิงเอา ดื้อ ดื้อ ง่ายกว่าหล่อเอง.  นะครับ.  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 10:12:37 AM
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/3/38/Schindler%27s_List_movie.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 10:47:58 AM
ตอบคุณ submachine / คุณ wilhelm tell

ไม่แน่ใจว่าจะช่วยหรือเปล่านะคะ แต่จำได้ว่าเคยอ่านเจอว่า ธนูเป็นอาวุธคลาสสิกดั้งเดิม น่าจะพัฒนามาจากลูกดอก และความจำเป็นที่คนต้องล่าสัตว์ใหญ่ สัตว์อันตราย หรือสัตว์ตัวเล็กๆ ไม่อยู่กับที่ และธนูมีมานาน ตั้งแต่ยุคหิน ยุคอียิปต์ ยุคกรีกโรมัน ยุคมองโกล (เข้าใจว่าพวกมองโกลยึดเมืองได้ถึงเกือบหมดยุโรปก็ด้วยเก่งธนู และเก่งขี่ม้า นี่แหละค่ะ เลยได้ทั้งความเร็วและความแม่น บวกกับวิธีรบแบบกองโจร และการสร้างชื่อเสียงข่มขู่ล่วงหน้า ว่าบุกไปไหน ฆ่าคนตายเรียบ) แต่ต่อมา เมื่อยุโรปรบกันเยอะขึ้น ก็ต้องหาอาวุธที่ทำให้อีกฝ่ายสลบหรือตายเร็วๆ ยิ่งขึ้น ดังนั้น พวกอาวุธเหล็ก ใช้หินตกแต่งถึงได้ค่อยๆ ทดแทนธนู ซึ่งเสียเวลาซ้อม เวลาผลิต และอาจไม่ได้ผลยับยั้งศัตรูเท่าอาวุธอื่นๆ ในระยะไกล เช่น เครื่องเหวี่ยงหิน หรือสร้างกำแพงเมืองสูงๆ หรือจัดการศัตรูระยะใกล้เท่าขวาน มีด หรือดาบ  หรือว่าไงคะ หากคุณ Wilhem Tell มีข้อมูล ก็กรุณาแบ่งปันก็ดีค่ะ    

ครับ ธนูมีมาตั้งแต่ยุคหินเก่า (หินเก่าไม่มีการเกษตร หินใหม่มีการเกษตรแล้ว) ที่ตกมาถึงปัจจุบันก็ อะบอริจิน ในออสเตรเลีย เป็นวัฒนธรรมยุคหินเก่า ใช้ธนู

ตอยพบ Ice man บนภูเขาแอลป์ อายุประมาณ 5,300 ปี ก็พบธนูของเขา และพบหัวธนูในร่างกายด้วย ถูกยิงทะลุเสื้อเข้าไหล่

สำหรับชนเผ่ายุคหินเก่าด้วยกัน พวกที่เป็นกลุ่ม "ไล่ล่าหาเก็บ" (Hunter gatherer) จะรบไม่เก่งเหมือนพวกเลี้ยงปศุสัตว์ในทุ่ง ฟังเผินๆ อาจรู้สึกขัดๆ เพราะนายพรานควรรบพุ่งต่อสู้เก่ง แต่ที่จริงคือ พวกเลี้ยงสัตว์ในทุ่งจะต้องต้อนฝูงสัตว์ ให้เดินทาง รวมตัว จึงมีทักษะในการจัดระเบียบแบ่งหน้าที่ในกลุ่ม โอบล้อม กระตุ้นต้อน ดักทาง และสังเกตุเดาทางการเคลื่อนไหว ทั้งหมดนี้เป็นทักษะที่สำคัญในการสู้รบระหว่างกลุ่มคน หรือกองทัพ นอกจากนี้คนเลี้ยงฝูงสัตว์มักพัฒนาสัตว์มาใช้เป็นพาหนะอย่างมีประสิทธิภาพ เคลื่อนที่ได้เร็วด้วย รวมเรียกง่ายๆ ว่านักรบหลังม้า (ในอียิปต์เก่าใช้แต่อูฐมาก่อนใช้ม้า บางวัฒนธรรมอย่างสุเมเรียนใช้ตัว โอนาเกอร์ เล็กกว่าม้า ขี่ไม่ได้ใช้เทียมรถศึกอย่างเดียว)

ถ้าเป็นสังคมยุคหินใหม่ มีการเกษตรแล้ว ศักยภาพในการรบอยู่ที่ระดับการพัฒนาสังคมว่าใหญ่โต ทำเกษตรเก่งแค่ไหน ยั่งยืนแค่ไหน เพราะถ้าทำเกษรได้มีประสิทธิภาพมาก ผลิตอาหารให้สังคมได้พอเพียง มีการเก็ยอาหารได้พอ อาจเก็บไว้ทำเหล้าได้ด้วย (เห้าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญทางอารยธรรม) เมื่อทุกคนไม่ต้องทำมาหาอาหารเอง จึงมีการจัดระเบียบสังคม แบ่งงานเฉพาะด้านได้ เป็นกลุ่มปกครอง กลุ่มศาสนา และกลุ่มนักรบ ที่ฝึกฝนการรบอย่างเดียว เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ...  

สำหรับการที่ นักรบหลังม้าไปตีบ้านเมืองได้มาก จุดสำคัญคือการเคลื่อนที่ได้เร็วมากกว่า ฝ่ายอื่นระดมพลไม่ทัน เคลื่อนกำลังไปสู้ไม่ทัน ยิ่งสมันโบราณข่าวสารมาไม่เร็ว หลายครั้งกว่าจะรู้ตัวก็คือเมื่อเห็นกองทัพข้าศึกแล้ว

ในนิยายมักบรรยายกองทัพนักรบหลังม้าว่ามามืดฟ้ามัวดิน และในบันทึกโบราณก็บรรยาว่ามามากท่วมท้น ในกรณีส่วนมากก็จริงที่ นัรบหลังม้ามามากกว่าชุมชนส่วนมากที่โดนตี แต่จากการวิเคราะห์ของ Sir John Keegan อาจารย์สอนที่ Sandhurst รร.นายร้อย ทบ. อังกฤษ (สอนหนังสือจนได้เป็นอัศวินครับ) ในหนังสือ History of Warfare เสนอว่าที่จริงกิงทัพนักรบหลังม้าอย่างของ Attila อัลติลา เดอะฮั่น ควรจะรวมพลมากสุดในเวลาใดเวลาหนึ่งแค่ประมาณ 4-5 หมื่นคนเท่านั้น เขาวิเคราะห์จำนวนม้าที่นักรบหลังม้าต้องใช้ในการรบต่อเนื่อง ทั้งขี่รบ ทั้งขนของ ม้าสำรองตัวที่บาดเจ็บ ป่วยล้มตาย ฯลฯ ว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ตัวต่อนักรบ 1 คน และวิเคราะห์ภูมิประเทศ ทุ่งหญ้าที่เกี่ยวข้อง ว่าจะสามารถเลี้ยงดูม้าในกองทัพได้กี่ตัว

ดังนั้นการที่ฝรั่งรบแพ้อัลติลา ไม่ได้มาจากถูกรุมด้วยกำลังที่ท่วมท้น แต่มากจากปัจจับอื่นๆ เช่น การรวมพล การเคลื่อนทัพ การถูกตัดขาดปิดล้อม และกลยุทธในการรบกลางแปลงครับ

ในรูป Iceman


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 10:53:29 AM
Standard of ๊Ur (Ur อยู่ในอิรักปัจจุบัน) ไม้ประดับอายุประมาณ 4,500 ปี เป็นวัตถุที่เก่าที่สุดภาพหนึ่งที่แสดงกองทัพ การสงครามอย่างชัดเจน สัตว์เทียมรถคือ Onager ลาแถบนั้นครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 11:41:52 AM
คำกล่าวหนึ่งของกษัตริย์สปาร์ต้า Archidamus ที่สอง ยุค 400 กว่าปี ก่อน ค.ศ.

"เราไม่เชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นมีอะไรแตกต่างอะไรกันนักหนา แต่เฃื่อว่าความเป็นเลิศนั้นย่อมอยู่กับคนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหนาสาหัสที่สุด"

"แต่อย่างไรก็ตาม ถึงฮิลเล่อร์ตายก็อาจไม่มีผลต่อสงครามนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตกลงกันอยู่แล้วว่าจะไม่ยอมเจรจาสงบศึกแยกกัน ต้องยอมแพ้กับโซเวียตอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย รัฐบาลเยอรมันคนไหนก็คงไม่ยอม ต้องรบกันต่อ"

ขอแสดงความเลื่อมใสคุณ Willhem ได้ความรู้ดีมาก ท่อนสองตรงใจครับ คือถ้าสำเร็จผลจะออกมาอย่างไร จำเป็นต้องทำหรือไม่  ::014::

ขอบคุณมากครับพี่ ถ้าทหารเยอรมันปฏิวัติก่อนสงครามหรือต้นสงครามก่อนรบกับโซเวียต ประวัติศาสตร์คงเปลี่ยน

มุกนี้ผมเอาไว้ใช้เวลาเจอต่างชาติหัวดื้อชอบโวยเรื่องเมืองไทยมีทหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครับ

"ตอนนี้ยูไม่ชอบใจที่ทหารไทยยึดอำนาจปี 2006 ใช่มั๊ย? เหอะๆ ถ้าปี 1936 ทหารเยอรมันยึดอำนาจรัฐบาลเยอมันที่มาจากการเลือกตั้ง ไอเชื่อว่ายูก็คงโวยเหมือนกัน"


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 11:42:15 AM
แบบนี้หรือเปล่าOnager สัตว์ทะเลทรายหรือเปล่า คุณต๊อก


รูปนี้เป็นPERSIAN ONAGER
(http://www.quantum-conservation.org/EEP/onager.gif)


(http://www.sbs.utexas.edu/levin/bio311d/biomes/deserts/onager.gif)


(http://www.marietta.edu/~biol/biomes/images/grassland/equus_caballus-przewalskii_1799.jpg)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 11:42:43 AM
หนังฝรั่งรุ่นเก่า เวลากองโจรจะแอบเข้าไปทำลายปืนใหญ่ข้าศึก  จะยัดดินปืนมากๆแล้วหาอะไรมาอุดลำกล้อง หรือปักปากกระบอกลงพื้นโคลน  แล้วจุด เพื่อให้ลำกล้องปืนแตก


แต่ระยหลัง  ผู้สร้างเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น  ทั้งหนังซ๊รีย์ทีวี  หนังใหญ่  พบว่าวิธีการของตัวละครเปลี่ยนไป   โดยทำลายด้วย การใช้เหล็กตะปู ขนาดฟิตกะช่องนมหนู   แล้วตอกอุดลงไป  พร้อม ทำลายล้อลาก  ไม่ให้ดัดแปลงไปขนสัมภาระอื่นได้อีก 
ไม่ เห็นต้องระเบิด เหมือนสมัยก่อนเลย   ;D

ช่องนมหนูหรือช่องใส่ดินหู

ช่องนมหนูสำหรับใส่ดินหู ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 11:48:41 AM
แบบนี้หรือเปล่าOnager สัตว์ทะเลทรายหรือเปล่า คุณต๊อก


รูปนี้เป็นPERSIAN ONAGER
(http://www.quantum-conservation.org/EEP/onager.gif)


(http://www.sbs.utexas.edu/levin/bio311d/biomes/deserts/onager.gif)


(http://www.marietta.edu/~biol/biomes/images/grassland/equus_caballus-przewalskii_1799.jpg)


แบบนี้หรือเปล่าOnager สัตว์ทะเลทรายหรือเปล่า คุณต๊อก


รูปนี้เป็นPERSIAN ONAGER
(http://www.quantum-conservation.org/EEP/onager.gif)


(http://www.sbs.utexas.edu/levin/bio311d/biomes/deserts/onager.gif)


(http://www.marietta.edu/~biol/biomes/images/grassland/equus_caballus-przewalskii_1799.jpg)



ดูรูปแล้วก็หน้าตาเหมือนนะครับ อิ อิ

สมัยก่อนม้าตามธรรมชาติตัวไม่ใหญ่มาก ใช้ขี่ไม่ค่อยได้เพราะถ้าวิ่งในถนนปูหินกีบจะแตก กรีกยุคต้นมากๆ ก็ไม่ค่อยขี่ม้า ต้องผสมพันธุ์ม้าให้ตัวใหญ่ขึ้นๆ จนยุคกลางม้าศึกที่ตัวก็ใส่เกราะและต้องขนอัศวินใส่เกราะตัวเบ้ิอเริ่ม

เมื่อมนุษย์เอเซียนอพยพไปเมกาหมื่นกว่าปีก่อนล่าม้าพื้นเมืองสูญพันธุ์ไป ทวีปเมกาไม่มีม้าจนกระทั่งสเปนไปยึดครอง ม้าสเปนหลุดไปอยู่ตามธรรมชาติ ผสมกันเองไม่มีการคัดพ่อ/แม่พันธุ์ตัวใหญ่ ขนาดเลยย่อมลงมากว่าม้านักรบสเปน กลายเป็นม้าพันธุ์มัสแตง สีก็หลากหลาย บางตัวมีหลายสี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 11:58:21 AM
เรียนพี่ซิกสุราษฎร์

ผมนึกหนังเรื่องของรอมเมลโดยเฉพาะไม่ออกเลยไปดูในวิกิ มีบ้างครับ ไม่เคยดูเหมือนกัน เคยดูแต่เรื่องอื่นที่มีบทรอมเมลอย่าง The longest day

http://en.wikipedia.org/wiki/Erwin_Rommel


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Stevie G - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 12:40:09 PM
อ่านสนุกได้ความรู้ดีครับ   ::014::

สอบถามเพิ่มเติม ลูกปืนใหญ่สมัยกรุงศรีฯ  เป็นลูกเหล็กธรรมดา หรือ เป็นแบบใด    ....     การทำลายเป้าหมายด้วยแรงจากการชนกระแทก หรือ  การระเบิด     ครับ        ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 12:55:57 PM
ลูกปืนใหญ่สมัยนั้นมีทั้ง ลูกตัน และ ลูกแตก ครับ

แต่ลูกแตก ใช้ยาก อันตรายกับผู้ใช้ และเชื่อถือไม่ค่อยได้ ฝรั่งทำมาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 16 ถ้าเป็นปืนครก ใช้ลูกเป็นลูกระเบิดเอามือยื่นไปจุดชนวนจากปากลำกล้องตอนจะยิง ถ้าเป็นปืนใหญ่ลำกล้องยาวก็ทำชนวนอยู่รอบๆ ร่องบนผิว ให้ไฟจากการยิงจุดชนวนให้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:04:22 PM
ที่พิศดารสมัยนั้นก็คือ ลูกร้อน Hot shot นี่ละครับ เอาลูกปืนเผาไฟให้ร้อนแดง แล้วคีบมาหย่อนใส่ปากลำกล้องยิงออกไป ตกใส่เรือ บ้านเรือน ร้อนไฟติด 

อาจเป็นต้นตอของคำ Hot shot = คนที่เจ๋งๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:07:10 PM
ในนิยายมักบรรยายกองทัพนักรบหลังม้าว่ามามืดฟ้ามัวดิน และในบันทึกโบราณก็บรรยาว่ามามากท่วมท้น ในกรณีส่วนมากก็จริงที่ นัรบหลังม้ามามากกว่าชุมชนส่วนมากที่โดนตี แต่จากการวิเคราะห์ของ Sir John Keegan อาจารย์สอนที่ Sandhurst รร.นายร้อย ทบ. อังกฤษ (สอนหนังสือจนได้เป็นอัศวินครับ) ในหนังสือ History of Warfare เสนอว่าที่จริงกิงทัพนักรบหลังม้าอย่างของ Attila อัลติลา เดอะฮั่น ควรจะรวมพลมากสุดในเวลาใดเวลาหนึ่งแค่ประมาณ 4-5 หมื่นคนเท่านั้น เขาวิเคราะห์จำนวนม้าที่นักรบหลังม้าต้องใช้ในการรบต่อเนื่อง ทั้งขี่รบ ทั้งขนของ ม้าสำรองตัวที่บาดเจ็บ ป่วยล้มตาย ฯลฯ ว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ตัวต่อนักรบ 1 คน และวิเคราะห์ภูมิประเทศ ทุ่งหญ้าที่เกี่ยวข้อง ว่าจะสามารถเลี้ยงดูม้าในกองทัพได้กี่ตัว

เท่าที่ทราบ มีการใช้ทำอาหารด้วย เอาม้าที่เจ็บเกินเยียวยามาทำอาหาร เลี้ยงทหาร
มีการต้อนสัตว์ที่ให้น้ำนม เช่น วัว จามรี ไปกับกองทัพ เพื่อเอาของเหลวในตัวสัตว์เป็นอาหาร

กองทัพมองโกล ของเจงกีสข่าน (บุรุษในรอบสหัศวรรษ ปี1001-2000)ก็ใช้วิธีนี้ ถึงสามารถเอาชนะกำแพงเมืองจีน (Great Wall)ได้
ชนะโดยวิธีง่ายๆ แต่ใช้เวลาคือ เดินทัพอ้อมกำแพงเมืองจีนไปเข้าตีปักกิ่ง ว่ากันว่า ในยุคนั้น สามารถเดินทัพได้ไม่เกิน 5 กม.ต่อวัน
เนื่องจากการต้อนสัตว์ให้น้ำนมไปด้วย ต้องใช้เวลาส่วนหนี่งไปกับให้สัตว์เลี้ยงกินหญ้า และหาแหล่งน้ำทั้งทหารและสัตว์เลี้ยง

เหตุที่มองโกลเข้าตี มีอย่างเดียว คือกลัวจีนเข้าตี เนื่องจากมองโกลเริ่มรุ่งเรือง จากการเปลี่ยนวิถีชีวิต ไม่ร่อนเร่ แต่ปักหลักอยู่กับที่
บนทุ่งหญ้า เลี้ยงสัตว์ รวบรวมกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย เป็นกลุ่มใหญ่ ตั้งเป็นชุมชน เริ่มมีอารยธรรม ปราบโจรผู้ร้ายที่เข้าปล้นสะดมภ์


(ลักษณะชนเผ่าเร่ร่อน แบบก่อนมองโกลเริ่มรวมตัวหรือ ชนเผ่าอื่นๆ อาทิพวกคนในทะเลทราย มักจะเจอการปล้นสะดมภ์บ่อย
ทางแก้มีอย่างเดียว คือ รวมกลุ่มและปักหลักอยู่กับที่)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Stevie G - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:09:15 PM
ลูกปืนใหญ่สมัยนั้นมีทั้ง ลูกตัน และ ลูกแตก ครับ

แต่ลูกแตก ใช้ยาก อันตรายกับผู้ใช้ และเชื่อถือไม่ค่อยได้ ฝรั่งทำมาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 16 ถ้าเป็นปืนครก ใช้ลูกเป็นลูกระเบิดเอามือยื่นไปจุดชนวนจากปากลำกล้องตอนจะยิง ถ้าเป็นปืนใหญ่ลำกล้องยาวก็ทำชนวนอยู่รอบๆ ร่องบนผิว ให้ไฟจากการยิงจุดชนวนให้
ที่พิศดารสมัยนั้นก็คือ ลูกร้อน Hot shot นี่ละครับ เอาลูกปืนเผาไฟให้ร้อนแดง แล้วคีบมาหย่อนใส่ปากลำกล้องยิงออกไป ตกใส่เรือ บ้านเรือน ร้อนไฟติด 

อาจเป็นต้นตอของคำ Hot shot = คนที่เจ๋งๆ

   ขอบคุณครับพี่ต็อก    ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:09:58 PM
หนังฝรั่งรุ่นเก่า เวลากองโจรจะแอบเข้าไปทำลายปืนใหญ่ข้าศึก  จะยัดดินปืนมากๆแล้วหาอะไรมาอุดลำกล้อง หรือปักปากกระบอกลงพื้นโคลน  แล้วจุด เพื่อให้ลำกล้องปืนแตก


แต่ระยหลัง  ผู้สร้างเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น  ทั้งหนังซ๊รีย์ทีวี  หนังใหญ่  พบว่าวิธีการของตัวละครเปลี่ยนไป   โดยทำลายด้วย การใช้เหล็กตะปู ขนาดฟิตกะช่องนมหนู   แล้วตอกอุดลงไป  พร้อม ทำลายล้อลาก  ไม่ให้ดัดแปลงไปขนสัมภาระอื่นได้อีก  
ไม่ เห็นต้องระเบิด เหมือนสมัยก่อนเลย   ;D

ช่องนมหนูหรือช่องใส่ดินหู

ช่องนมหนูสำหรับใส่ดินหู ครับ


แหะ แหะ ว่าแล้ว ขอตัวโปรยข้าวเปลือก เรียกกลับมาก่อนนะครับ  ;D

มา มะ  กุ๊ก...กุ๊ก...กุ๊ก...กุ๊ก...กุ๊ก...กุ๊ก...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:19:40 PM
เรื่องมูลเหตุของมองโกล ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะไม่ได้อ่านด้านนี้นัก

แต่เรื่องเดินทัพ ก็แล้วแต่แผนครับ ไม่จำเป้นต้องต้อนไปพร้อมๆ กันทั้งคณะใหญ่ ถึงหองทัพนักรบหลังม้าไปทั้งคณะใหญ่ก็ไปได้ไกลมากกว่า 5 กม/ วัน แน่ๆ

คณะนักรบแยกไปก่อนก็ได้ตามที่จะขนอาหารไปได้ โรมันก็มีชื่อเสียงว่าเคลื่อนทัพได้เร็วมาก ซึ่งทัพโรมันก็ต้องต้อนสัตว์ตามไปเหมือนกัน หมาร๊อตไวเล่อร์ก็ว่าสืบเชื้อมาจากหมาต้อนสัตว์ในกองทัพโรมันที่ไปอยู่ในเยอรมันภาคใต้

โดยเฉพาะ จูเลียส ซีซาร์ ใช้วิธีแบ่งขบวนเดินทางเป็นกองๆ มีความยืดหนุ่นสูง ถึงแม้ว่าทหารส่วนมากเป็นทหารราบ เดินเท้า แต่กองทัพโรมันเคลื่อนทัพได้เร็วมาก บางบันทึกบอกว่าอย่างน้อยวันละ 35 กม. บางทีบอกว่าไกลกว่า 40 กม / วัน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 02:28:25 PM
ระยะทางที่มองโกลเดินทัพ ยาวครับ  ถึงล่วงไปก่อน ก็ไปรอข้างหน้าอยู่ดี

ส่วนใหญ่ ที่ล่วงหน้ามักเป้นพวกสอดแนมไปก่อน

อ้อ...ลืมบอกไป เนื่องจากการเดินทัพยาวนาน
จึงให้ทหารที่มีครอบครัว พาภรรยาไปด้วย โดยใช้รถม้า(หรือเกวียนอะไรเทือกนั้น)
เท่าที่ทราบ มีหน้าที่ดูแลอาหารกับเย็บพวกผ้าไหมซ้อนหลายๆชั้น
เอามาทำเกราะให้นักรบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 02:42:15 PM
ของกองทัพแถบเอเชีย เช่นไทย+พม่า+ลาว... มีกองหน้าไปปลูกข้าวรอเอาไว้เลยครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 03:06:16 PM
ระยะทางที่มองโกลเดินทัพ ยาวครับ  ถึงล่วงไปก่อน ก็ไปรอข้างหน้าอยู่ดี

***

เอ้อ ผมหมายความสรุปว่า กำลังรบของทัพนักรบหลังม้า หรือแม้แต่เดินเท้า เดินทางไปได้เร็วกว่าอัตรา 5 กม./วัน น่ะครับ ถ้าไม่ใช่ปีนเขาหรือลุยป่าดงดิบนะครับ ::008::

กำลังรบไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคณะใหญ่ "ตลอดเวลา" หรือต้องรอให้ถึงพร้อมกันค่อยเข้าตีบ้านเมือง ในเหตุการณ์ต่างๆ ฐานหลักอยู่โน่น ทหารม้าวิ่งมาตีเมืองนี่แล้ว พวก Camp followers หรือคนตามกองทัพนี่บางครั้งมีมากกว่ากำลังรบตั้ง 3-4 เท่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 03:25:08 PM
ตอบรูป Onager

น่าจะใช่เหลนหรือโหลนของม้าเปอร์เซีย ที่เป็นบรรพบุรุษของม้าอาหรับนะคะ เพราะว่าเคยอ่านในหนังสือเกี่ยวกับอิหร่านว่า ชาวอิหร่านโบราณ (เปอร์เซียน) มีม้าพันธุ์โบราณตัวไม่ใหญ่อาศัยอยู่แถบภูเขาแถบชายแดนตอนเหนือของเขา (ไม่แน่ใจว่าชายแดนอิรัก หรือชายแดนฝั่งติดกับเติร์กเมนิสถาน) แต่ต่อมาก็ลดจำนวนลง โดยปัจจุบัน เหลือแค่พวกชาวอิหร่านเชื้อสายชาวเผ่าที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ใช้ขนของไป-มา และใช้เอาไว้แข่งกีฬาบนหลังม้าต่างๆ ไว้หาหนังสือเล่มที่อ่านเจอ จะเอามาแบ่งปันเพิ่มเติมนะคะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 03:33:54 PM
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้ความรู้เพิ่มเติมค่ะ จะได้ดูหนังจีน (ที่มีการรบกันกับทหารมองโกล) ได้อินขึ้นค่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2009, 05:51:06 PM
อย่างสัตว์ต่าง  ช้าง  จะไม่ถูกกลิ่นกะ ม้า หรือ ควาย    อันนี้เจอมาจริงๆ  และคนเลี้ยงช้างก็บอก  คนเลี้ยงม้าก็บอก
ถ้าจัดทัพต้องแยกคนละขบวนและทิ้งช่วงห่างกันมาก

ม้ามองโกล  จุดเด่นน่าจะอยู่ที่ ความทรหดอดทน มากกว่าฝีเท้าเร็ว  ม้าที่ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี  จะช่วยให้กองทัพประหยัดค่าบำรุงรักษา  อาจเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เดินทัพได้เร็ว

ม้าอาหรับ  ไม่ค่อยทน แต่ขึ้นชื่อเรื่องฝีเท้า
เคยไปเที่ยวชนบทในเมืองจีน  เจอม้าลูกผสม  สูงใหญ่แต่ไม่สูงเท่าม้าอาหรับ  มีแข้งขาหนาแบบม้ามองโกล  ยังใช้ขี้เล่น และไถนากันอยู่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:40:43 AM
เคยไปเที่ยวชนบทในเมืองจีน  เจอม้าลูกผสม  สูงใหญ่แต่ไม่สูงเท่าม้าอาหรับ  มีแข้งขาหนาแบบม้ามองโกล  ยังใช้ขี้เล่น และไถนากันอยู่

 :DD เอ่อ! ตาโทน เดี๋ยวจะเหม็นกันทั้งกระทู้เอานา :DD


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 10:50:05 AM
เคยไปเที่ยวชนบทในเมืองจีน  เจอม้าลูกผสม  สูงใหญ่แต่ไม่สูงเท่าม้าอาหรับ  มีแข้งขาหนาแบบม้ามองโกล  ยังใช้ขี้เล่น และไถนากันอยู่

 :DD เอ่อ! ตาโทน เดี๋ยวจะเหม็นกันทั้งกระทู้เอานา :DD

 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 10:53:03 AM
เคยไปเที่ยวชนบทในเมืองจีน  เจอม้าลูกผสม  สูงใหญ่แต่ไม่สูงเท่าม้าอาหรับ  มีแข้งขาหนาแบบม้ามองโกล  ยังใช้ขี้เล่น และไถนากันอยู่

 :DD เอ่อ! ตาโทน เดี๋ยวจะเหม็นกันทั้งกระทู้เอานา :DD

 ::007:: ::007:: ::007::

 :P :P เดี๋ยวเข้าไปแก้    นึกถึงห้องน้ำแถวนั้นเลย    :OO :OO


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 02:34:37 PM
ม้ามองโกลครับ

Mongolian horse

ขาสั้นแต่อึดมาก

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/42/Mongolian-horse.jpg/800px-Mongolian-horse.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:06:50 PM
ขอบคุณครับ ม้าตัวนี้หน้าตาเหมือน.. อิ อิ ::005::

พวกม้าๆ นี่ดูแล้วเรื่องมากเหมือนกันนะครับ แต่คงเลี้ยงดู ใช้งานง่ายกว่าช้างหรือเปล่า? เพราะได้ยินบ่อยๆ ว่าช้างจะเชื่อฟังผูกพันกับควานแค่คนเดียว แต่ทั่วๆ ไปสลับม้าใช้งานกันได้ :VOV:


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:20:52 PM
แปลกแฮะ... คุณซับฯ ไม่ได้พูดถึงสาวสวยในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะภรรยาม่ายของอัศวินเกราะแดง ที่ทอมครูสเป็นผู้สังหารสามีของเธอ...

เรื่อง นี้นายสมชายก็ชอบมาก... จักรพรรดิ์ยังเป็นเด็กตัวนิดนึง แต่บุคลิกผู้ใหญ่ผสมเด็ก เห็นแค่ฉากเดียวแต่เข้าใจเลยว่าบุคลิกแบบนี้ถึงได้ควบคุมผู้คนได้...

ฉาก สุดท้าย โดนปืนกลลำกล้องหมุนยิงตายเรียบ... นายสมชายนึกในใจว่าเทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีโหดร้ายจัง... สามารถทำลายทุกอย่างของซามูไรที่อุตส่าห์ฝึกมาทั้งชีวิตครับ...



สาเหตุที่ปืนกลกำเนิดก็เนื่องจาก  ต้องการลดจำนวนทหาร ที่เข้าสู่สนามรบ เมื่อปืนกลหนึ่งกระบอกสามารถมีอำนาจการยิงมากกว่าทหาร ประมาณ 10-30 นาย นี่เป็นเจตนาของผู้ออกแบบปืนกล(ชื่อMaxim มั้ง จำไม่ได้ คลับคลายคลับคลา)ครับ เคยดูจากสารคดี ของ NG


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:24:11 PM
หมอแกตลิ้งครับ เป็นคนออกแบบปืนลำกล้องหมุน
สาเหตุเนื่องจาก ครอบครัว ถูกโจรสังหารเรียบ(ยุคคาวบอย)

แกตลิ้งออกแบบโดยใช้การหมุนกระเดื่องเป็นการยิงปืน
หมุนไปเรื่อยๆ ปืนก็ยิงไปเรื่อยๆ

เพื่อให้คน คนเดียว ต่อกรกับกลุ่มโจรได้




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:26:39 PM
พ่อค้ามองโกล ก็เป็นสายให้กองทัพมองโกล ครับ ประกอบกับสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วของพลนำสารจึง สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิิภาพครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:29:21 PM
ประวัติโดยย่อของ Richard Gatling ครับ

คลิกที่รูปได้เลย

(http://library.thinkquest.org/06aug/01102/pictures/richardgatling.jpg) (http://library.thinkquest.org/06aug/01102/pages/gatling.htm)




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:32:50 PM
http://en.wikipedia.org/wiki/Maxim_gun


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:35:01 PM
(http://endragu.files.wordpress.com/2009/01/gat_sepia.jpg?w=225&h=300)

ชาตะ 12 กย.1818
มรณะ 26กพ.1903
 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:37:57 PM
http://en.wikipedia.org/wiki/Maxim_gun

ตัวนี้ ออกแบบทีหลังครับ
(ดูช่วงเวลาได้ครับ)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:39:39 PM
คลิกที่ชื่อได้เลยครับ
Richard Jordan Gatling (http://en.wikipedia.org/wiki/Richard_Jordan_Gatling)

ดูพีเรียดช่วงเวลาการออกแบบครับ
Gatling gun (http://en.wikipedia.org/wiki/Gatling_gun)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:40:46 PM
ขอบคุณครับพี่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:50:09 PM
จ้า...บ่เป็นไร....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 04:54:58 PM
พอดีสารคดีที่ดูเขานำเสนอ ปืนแกตลิ่ง ยิงแข่งกับปืนแก็ป แล้วก็ Maxim ยิงต้นไม้จนขาด กับยิงลูกโป่งตรงหน้า และด้านข้าง จำได้แต่แม็กซิมครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 05:13:04 PM
วุ๊ย...ปืนพวกนี้ ยิงแข่งกัน แก้วหูกระเทือน
ขนราด แกตลิ่งขนาด 20 มม. ติด เครื่องบิน ธันเดอร์โบลท์ เอ10
ยิงที แรงสะท้อนถอยหัลัง ทำให้เครื่องเหมือนถูกเบรค ความเร็ววูบลงเลย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 05:15:50 PM
ว่าเรื่องม้ามองโกลกันต่อ

(http://www.worldofstock.com/slides/PCU4785.jpg)

(http://www.ansi.okstate.edu/breeds/horses/mongolian/mongol3.jpg)


ภาพเขียนยุคโบราณ แสดงให้เห็นว่า ม้าไม่ได้ตัวโตเลย

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/4/43/Mongol_Archer.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 05:20:10 PM
มองโกลเก่งขนาดพิชิตดินแดนไปครึ่งยุโรป แต่เอ ทำไม่สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ยกกองเรือไปตีตั้งสองสามครั้ง ใครรู้เล่าให้ฟังหน่อยเถอะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 06:32:53 PM
วุ๊ย...ปืนพวกนี้ ยิงแข่งกัน แก้วหูกระเทือน
ขนราด แกตลิ่งขนาด 20 มม. ติด เครื่องบิน ธันเดอร์โบลท์ เอ10
ยิงที แรงสะท้อนถอยหัลัง ทำให้เครื่องเหมือนถูกเบรค ความเร็ววูบลงเลย

A10 Thunderbolt ติดปืนใหญ่อากาสแบบลำกล้องหมุน ขนาด 30 มม. ครับ ...........



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 06:44:24 PM
ตอบคุณสมชาย ฮา
หนังเรื่อง Empire of the Sun ชอบฉากลูกชายเจอพ่อแม่เหมือนกันค่ะ จนป่านนี้ยังจำได้อยู่เลยค่ะ

ตอบคุณ Submachine
แพนด้าชอบค่ะ เป็นสัตว์รักสงบ นิสัยดี แต่หนัง Last Samurai ไม่ค่อยชอบค่ะ



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 06:45:24 PM
ดูรูปที่คุณซับเอามาลงให้ดู ม้ามองโกลดูตัวเล็กนั้น เป็นรูปเขียน ม้าอะไรตัวเท่าคนเท่านั้นเอง ผิด scale หรือเปล่า รูปถ่ายข้างบนที่เด็กขี่ ม้าดูตัวใหญ่ หรือว่าเด็กตัวเล็กครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 09:44:09 PM
วันนี้ได้ดู the kingdom นำโดยเจมี่ ฟ็อกซ์ จบไป  สนุกฉากยิงมันส์มาก
แต่ก็เว่อร์นิดๆตรงที่ว่า คนแค่ ๓-๔ คน สามารถยิงสู้กับกองโจร ..ได้  เรื่องจริงคงลำบากกว่าในหนัง ..


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 09:49:50 PM
อยากดูเรื่องนี้ครับ ขออภัยด้วยอาจไม่ใช่หนังสงคราม  แต่ใครเคยดูมาแล้วช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ว่าสนุกหรือไม่

(http://content.mthai.com/data/35/1/2008-09-18/28883/detail/detail_images?)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: นายขม รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2009, 10:13:45 PM
มีใครชอบ Body of Lies ครับ  ;D  ไม่ใช่หนังสงครามเสียที่เดียว แต่ก็เป็นผลเกี่ยวเนื่องจากสงคราม

ผมเองโดยส่วนตัวชอบการแสดงของ พ่อหนุ่มลีโอนาโดมาก  ผมว่าเขา"เข้าถึง"บทดี  ติดใจจากเรื่อง Romeo & Juliet, Blood diamond, The departed, และล่าสุด Bodies of lies

เรื่องนี้ ดูไปต้องเดาตลอดเลยว่าใครแบไต๋ ใครหมกเม็ด ฉากบู๊ยิงกันก็ทำได้สะใจ แบบไม่เวอร์เกินไปนัก   ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 09:23:56 AM
แปลกแฮะ... คุณซับฯ ไม่ได้พูดถึงสาวสวยในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะภรรยาม่ายของอัศวินเกราะแดง ที่ทอมครูสเป็นผู้สังหารสามีของเธอ...

เรื่อง นี้นายสมชายก็ชอบมาก... จักรพรรดิ์ยังเป็นเด็กตัวนิดนึง แต่บุคลิกผู้ใหญ่ผสมเด็ก เห็นแค่ฉากเดียวแต่เข้าใจเลยว่าบุคลิกแบบนี้ถึงได้ควบคุมผู้คนได้...

ฉาก สุดท้าย โดนปืนกลลำกล้องหมุนยิงตายเรียบ... นายสมชายนึกในใจว่าเทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีหนอ เทคโนโลยีโหดร้ายจัง... สามารถทำลายทุกอย่างของซามูไรที่อุตส่าห์ฝึกมาทั้งชีวิตครับ...



สาเหตุที่ปืนกลกำเนิดก็เนื่องจาก  ต้องการลดจำนวนทหาร ที่เข้าสู่สนามรบ เมื่อปืนกลหนึ่งกระบอกสามารถมีอำนาจการยิงมากกว่าทหาร ประมาณ 10-30 นาย นี่เป็นเจตนาของผู้ออกแบบปืนกล(ชื่อMaxim มั้ง จำไม่ได้ คลับคลายคลับคลา)ครับ เคยดูจากสารคดี ของ NG
ใช่ครับ ปืนแมกซิม เป็นปืนกลรุ่นแรกจริงๆ ทำการยิงต่อเนื่องจากการยิงนัดก่อน เหนื่ยวไกแช่ ยิงต่อเนื่องได้ถ้ายังมีกระสุนป้อน

ตอนแรก เซอร์ ฮีแรม แมกซิม เกิดเป็นเมกันแต่ย้านไปยุโรป  เป็นนักประดิษฐ์ของทั่วไป ไม่ได้อยู่ในวงการปืน หรือครอบครัวช่างปืนอย่าง บราวนิง เรื่องเล่าว่าวันหนึ่งแมกซิมเจอคนเมกันในงายเลี้ยงในยุโรป แล้วคนนั้นบอกว่า "ถ้าอยากประดิษฐืของขายให้รวยละก็ คิดืำอาวุธให้พวกยุโรปนี่ฆ่ากันได้มากๆ สิ รวยแน่" ไปๆ มาๆ แมกซิมก็ทำปืนกลแมกซิม ตอนจะไปเสนอขายทหารชาติต่างๆ มีเรื่องเล่าว่าเคยเจอคนไม่มีวิสัยทัศน์ บ่นว่า "ปืนอะไรยิงเร็ว ผลาญกระสุนเป็นบ้า ใครขืนเอาไปใช้หมดตัวค่ากระสุนแน่" อย่างไรก็ตามมีทหารหลายชาติซื้อไปใช้

อังกฤษใช้ก่อนเยอรมัน ตอนนั้นอังกฤษกับเยอรมันยังไม่แตกกันเป็นเจ้าเป็นญาติกัน พระนางเจ้าวิกตอเรียมีศักดิ์เป็นป้าพระเจ้าไกเซอร์ จึงยังสยบความขัดแย้งทางการเมืองได้ ตอนนั้นราชวงศ์วินเซอร์ชื่อว่า ฮันโนเวอร์ ตามวงศ์ของพระนางวิกตอเรีย เจ้าชายอับเบิร์ตสวามีพระนางวิกตอเรียก็เป็นเจ้าเยอรมันวงศ์ ซักโตบวกโกธาร์

ราชกุมารอังกฤษเป็นผู้ไปคุยกับพระเจ้าไกเซอร์เองว่า ตอนนี้กองทัพอังกฤษซื้อปืนแมกซิมมาใช้ ดีจริงๆ พระเจ้าไกเซอร์จึงเชิญแมกซิมไปทดลองปืนต่อหน้า และสั่งซื้อจำนวนมาก เข้าประจำการทั่วถึงยิงกว่าในกองทัพอังกฤษ ซื้อแบบไปผลิตด้วยเรียกปืนชปันเดา

อิทธิฤทธิ์ของปืนแมกซิมปรากฎในสงครามอาณานิคมหลายครับ เพราะคนพื้นเมืองมักใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านเข้าลุยกับฝรั่งต่อหน้า นักรบจำนวนมากแต่อาวุธไม่ดี ส่วนฝรั่งมีปืนกล...

ที่เด่นๆ เช่น การรบในซูดาน นอกเมือง Omdurman ที่นี่เป็นสนามรบที่ วินสตัน เชอร์ชิล เป็นทหารม้าเข้าลุยในบางแนวของคนซูดาน เชอร์ชิลใช้ปืนพกเมาเซอร์ เพราะไหล่ไม่ค่อยดี ทหารม้าคนอื่นใช้ดาบ แต่ชัยชนะอยู่ที่อำนาจการยิงของปืนแมกซิม และปืนจากเรือในแม้น้ำสนับสนุน

ซูดาน 50,000 กว่าคน เข้าลุย แนวหน้าอังกฤษตั้งปืนแมกซิม 20 กระบอก...

เชอร์ชิล เขียนว่ายิงจนน้ำในกระบอกหล่อลำกล้อง และถังคอนเดนเซอร์ แห้งหมด ต้องมาเติมใหม่

ผลการรบไม่กี่ชั่วโมง ซูดาน สูญเสีย เจ็บ/ตาย 20,000 กว่าคน อังกฤษ ตายไม่ถึง 50 คน

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ และเยอรมัน ใช้ปืนแมกซิม และชปันเดายิงกัน สูญเสีย เจ็บ/ตาย วันละกว่า 5 หมื่นคนก็มี

แมกซิมได้เป็นท่านอัศวินเพราะผลงานประดิษฐ์นี่แหละครับ

กลอนยุคนั้นของ Hilaire Belloc

The Modern Traveller

Blood thought he knew the native mind;
He said you must be firm, but kind.
A mutiny resulted.
I shall never forget the way
That Blood stood upon this awful day
Preserved us all from death.
He stood upon a little mound
Cast his lethargic eyes around,
And said beneath his breath:
'Whatever happens, we have got
The Maxim Gun, and they have not.'

ทำนองว่า

บลัด (นายพล เซอร์บินดอน บลัด) คิดว่าเขารู้ใจคนพื้นเมือง
เขาบอกว่าเราต้องแน่วแน่แต่มีเมตตา
จึงพาให้เกิดกบฎ..
ข้าฯ จะไม่ลืม
บลัดที่ยืนหยัดในวันอันสยดสยอง
และช่วยพวกเราพ้นจากความตาย
เขายืนบนเนินน้อย
กวาดสายตาอันอ่อนเปลี้ย
เปรยเ่อ่ยคำ
"ไม่ว่าจะเกิดอะไร พวกเราก็มีปืนแมกซิม
แต่พวกมันนั้นหาไม่"



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 09:30:30 AM
หมอแกตลิ้งครับ เป็นคนออกแบบปืนลำกล้องหมุน
สาเหตุเนื่องจาก ครอบครัว ถูกโจรสังหารเรียบ(ยุคคาวบอย)

แกตลิ้งออกแบบโดยใช้การหมุนกระเดื่องเป็นการยิงปืน
หมุนไปเรื่อยๆ ปืนก็ยิงไปเรื่อยๆ

เพื่อให้คน คนเดียว ต่อกรกับกลุ่มโจรได้




อือม์ ที่จริงถ้าดูตามโดยหลักการของปืนกลทั่วไป เขาไม่นับว่าปืนแกตลิ่งเป็นปืนกล ในความหมายของ Machine gun ครับ เพราะต้องอาศัยแรงกลจากภายนอกอย่างต่อเนื่องมาทำการ บรรจุ ง้างเข็ม สลัดปลอก สำหรับการยิง "ทุกนัด" ไม่ใช่กดไกแช่อย่างเดียวได้

เปรียบเทียบโดยหลักการ ปืนแกตลิ่งไม่ต่างจากปืนลูกโม่ที่บรรจุกระสุนเข้าโม่เองและยิงออกจากโม่โดยตรง

สมัยนี้ใช้แรงมอเตอร์มาหมุนเลยดูว่าเป็นปืนกลเพราะถ้าระบบพร้อมก็กดไกแช่

แล้วแต่การมองนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 09:33:57 AM
มีใครชอบ Body of Lies ครับ  ;D  ไม่ใช่หนังสงครามเสียที่เดียว แต่ก็เป็นผลเกี่ยวเนื่องจากสงคราม

ผมเองโดยส่วนตัวชอบการแสดงของ พ่อหนุ่มลีโอนาโดมาก  ผมว่าเขา"เข้าถึง"บทดี  ติดใจจากเรื่อง Romeo & Juliet, Blood diamond, The departed, และล่าสุด Bodies of lies

เรื่องนี้ ดูไปต้องเดาตลอดเลยว่าใครแบไต๋ ใครหมกเม็ด ฉากบู๊ยิงกันก็ทำได้สะใจ แบบไม่เวอร์เกินไปนัก   ::002::

ผมชอบครับ

สำหรับนายลีโอ ผมว่าแกแสดงเก่งตั้งแต่เรื่อง Aviator ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยชอบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 09:42:00 AM
เข้ามาอ่านครับ...

สยองมาก คนตายวันละเป็นหมื่นๆคน... เอาแค่ทำอย่างไรไม่ให้ศพเน่าเหม็นจนคนที่ยังไม่ตายต้องเดือดร้อนกับกลิ่นเน่าเหม็นก็แย่แล้วครับ... ไม่ต้องคิดเรื่องการฌาปนกิจตามประเพนีเลยครับ...

สมมติว่าคนซูดานตัวผอมหนักแค่ 50 กิโลกรัม... น้ำหนักศพ 20,000 คน รวมกันแล้วเท่ากับ 1,000 เมตริกตันครับ นี่ยังไม่นับเรื่องเครื่องใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์อีกต่างหาก...

งานนี้ อังกฤษบาปหนามาก...



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 10:12:31 AM
ครับ ในการปะทะกันทางอารยะธรรม ฝรั่งฆ่าคนชาติอื่นตายไปมากๆ หลายๆ ที่ มาโดยตลอด ที่ คาจามากา ในอเมริกา นักรบสเปนประมาณ 160 คน ฆ่าชาวอินคาไปตั้ง 7-8 พันคน โดยฝ่ายคนไม่สูญเสียเลย ในที่นั้นเป็นกองทัพอินคาที่ไม่ได้คิดว่าฝรั่งเป็นพระเจ้าอย่างที่ ชาวแอสแต๊ก คิดด้วยซ้ำ อาวุธหลักไม่ต่างกันเท่าไหร่ ไม่ใด้ใช้ปืนเป็นหลัก ต่างกันที่ เกราะเหล็ก ดาบเหล็ก นักรบบนม้าศึก สู้กับ อาวุธบรอนซ์ และขวานหินเหล็กไฟ

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝรั่งฆ่ากันตายกันเป็นเบือแนวละหลายแสนคนเพราะยุทธวิธีไม่สัมพันธ์กับอาวุธ อำนาจอาวุธสูงไปโดยเฉพาะในรูปแบบการตั้งรับแต่การเข้าตีปรับรูปแบบไม่ทัน

บางที่อังกฤษมักตายมากเพราะมีความดื้อด้านแบบอังกฤษ บุกแล้วไม่ได้ผลก็ยังลุยต่อ ที่ซอร์ม (Somme) ปี 1916 วันแรกวันเดียวสูญเสีย 5-6 หมื่นคน ที่จริงก่อนเข้าตีปืนใหญ่อังกฤษระดมยิงเยอรมัน ร่วมสัปดาห์ แต่ที่นั้นเยอรมันมาอยู่นานมีเวลาสร้างบังเกอร์ลึกพอ และกระสุนที่ยิงส่วนมากเป็นกระสนุ ชรัปเนล สาดสะเก็ดลงพื้นเท่านั้น ไม่ทะลุที่มั่นไประเบิด พอวันที่ 1 ก.ค. 1916 อังกฤษหยุดยิง ส่งทหารราบเข้าตีด้วยความทรนงเต็มที่ สมัยนั้นอังกฤษชอบเอาลูกผู้ดีที่เรียนโรงเรียนประจำ เคยฝึกทหารมานิดหน่อยก็ให้เป็นนายร้อย พวกนี้ความเป็นผู้นำสูง ศักดิ์ศรีสูง กล้าหาญจนไม่รอบคอบ นำทหารเข้าลุยลูกเดียว ตายไปแยะทั้งนายทหารทั้งกำลังพล

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มีตัวอย่างคือสงครามญี่ปุ่น รัสเซีย ญี่ปุ่นเข้าตี ปอร์ท อาเธอร์ ระดมตีแนวตั้งรับรัสเซียแตกจนได้ เป้นตัวอย่างว่าถ้าบุกหนักๆ ยังไงก็ตีแตก แต่ทางยุโรปลืมไปว่าญี่ปุ่นยอมเสียหายหลัก กว่าจะตีแตกเสียทหารไป 5 หมื่นกว่าคน...

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เชอชิล ผู้มีวิสัยทัศน์ทางการทหารสูง และอยู่ที่ อมเดอมาน ด้วยตนเอง เขียนว่า "บัดนี้ อาวุธพัฒนาไปมาก มีอำนาจทำลายล้างสูงเกินไปที่ชาติเจริญจะรบกันเอง" แต่ต่อมามนุษย์ก็รบกัน ฆ่ากันอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

ที่น่าคิดคือสมัยนี้เราก็คิดว่า อาวุธนิวเคลียร์มีอำนาจทำลายล้างสูงเกินไปจนคงไม่มีใครนำมาใช้รบกันเหมือนกัน...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:10:57 PM
มองโกลเก่งขนาดพิชิตดินแดนไปครึ่งยุโรป แต่เอ ทำไม่สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ยกกองเรือไปตีตั้งสองสามครั้ง ใครรู้เล่าให้ฟังหน่อยเถอะ

ลองดูครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Mongol_invasions_of_Japan

กองเรือโดนพายุกามิกาเซ่ทั้งสองครั้ง มารบกันบนชายฝรั่งญี่ปุ่นด้วย ในการรบชายฝั่งพื้นที่ไม่กว้าง ไม่เหมาะกับการรบแบบนักรบหลังม้ามองโกล นอกการการใช้อาวุธอื่นดาบทหารม้าโค้งยาวใช้มือเดียวเหวี่ยง ลงมาเดินดินก็เสียเปรียบดาบซามูไรญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามการรบกับมองโกลทำให้เสียเสถียรภาพทางการเมืองในญี่ปุ่นเองด้วย เพราะเมืองในพื้นที่ไม่พอใจเรื่องการสนับสนุนจากเมืองอื่น ไปๆ มาๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงของอำนาจภายในเกาะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:15:44 PM
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:25:53 PM
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน

อือม์ ผมว่าท่าจะจริงครับ แต่ตอนนั้น ยุโรป ไม่ค่อยเห็นเมกาในสายตา...

เคยเจอประเด็นหนึ่งว่า ปรุสเซียนส่งทหารไปดูงานฝ่ายเหนือในสงครามกลางเมืองเรื่องการใช้รถไฟ ระดมพล และส่งกำลัง ซึ่งสงครามกลางเมืองเป็นสงครามใหญ่แรกที่ใช้ระบบรถไฟอย่างมาก ปรุสเซียนนำเรื่องการใช้รถไฟมาจัดระบบ วางแผนการรบ เลยทำให้ระดมพล บุกฝรั่งเศสได้เร็วมากในปี 1870 ในที่สุดรบขนะในปี 1871

สงครามโลกครั้งที่ 1 ชาติมหาอำนาจมีอาวุธใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้รบกันเองมาก่อนหลายอย่าง ปืนกล ปืนใหญ่สนามยิงเร็ว แกสพิษ ป่าลวดหนาม ฯลฯ ส่งทหารเข้าตีที่มั่นในลักษณะสนามรบหยุดนิ่งกันบ่อยๆ เลยตายมากๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:28:01 PM
วุ๊ย...ปืนพวกนี้ ยิงแข่งกัน แก้วหูกระเทือน
ขนราด แกตลิ่งขนาด 20 มม. ติด เครื่องบิน ธันเดอร์โบลท์ เอ10
ยิงที แรงสะท้อนถอยหัลัง ทำให้เครื่องเหมือนถูกเบรค ความเร็ววูบลงเลย

A10 Thunderbolt ติดปืนใหญ่อากาสแบบลำกล้องหมุน ขนาด 30 มม. ครับ ...........



ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:42:51 PM
ในหนังเรื่อง Elizabeth ภาค 1 มีฉากหลังการรบ ฝ่ายชนะ เก็บของจากศพในสนามรบ และเปลี้องผ้าด้วย เรื่องนี้จริงตามประวัติศาสตร์มาก เพราะสมัยก่อนที่การอุตสาหกรรมจะผลิตสินค้าออกมาได้มากๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทิ้งไม่ได้ หลังจากการรบถ้ามีเวลา จะต้องเก็บของ และเปลื้องเสื้อผ้าเอามาใช้ใหม่

แม้กระทั่งไม่นานมานี้ ในภาพวาดร่วมสมัยการรบที่ Waterloo ปี 1815 ฝังศพทหารก็ฝังรวมและเปลื้องผ้าก่อน   


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 03:04:07 PM
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน

อือม์ ผมว่าท่าจะจริงครับ แต่ตอนนั้น ยุโรป ไม่ค่อยเห็นเมกาในสายตา...

เคยเจอประเด็นหนึ่งว่า ปรุสเซียนส่งทหารไปดูงานฝ่ายเหนือในสงครามกลางเมืองเรื่องการใช้รถไฟ ระดมพล และส่งกำลัง ซึ่งสงครามกลางเมืองเป็นสงครามใหญ่แรกที่ใช้ระบบรถไฟอย่างมาก ปรุสเซียนนำเรื่องการใช้รถไฟมาจัดระบบ วางแผนการรบ เลยทำให้ระดมพล บุกฝรั่งเศสได้เร็วมากในปี 1870 ในที่สุดรบขนะในปี 1871

สงครามโลกครั้งที่ 1 ชาติมหาอำนาจมีอาวุธใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้รบกันเองมาก่อนหลายอย่าง ปืนกล ปืนใหญ่สนามยิงเร็ว แกสพิษ ป่าลวดหนาม ฯลฯ ส่งทหารเข้าตีที่มั่นในลักษณะสนามรบหยุดนิ่งกันบ่อยๆ เลยตายมากๆ

ซีรีย์  อินเดียน่าโจน วัยเด็ก  มีพูดถึงจุดนี้ด้วยครับ  เขาว่า ในสงความกลางเมืองอเมริกัน มีข้อผิดพลาดเยอะ  ทำให้เสียทหารจำนวนมาก  แล้ว ในสารคดี ชุด ทหาร ของ BBC ก็เคยพูดถึงด้วย

คือยุคสงครามกลางเมือง ปืนเริ่มพัฒนาขึ้นมากแล้ว  แต่นายกองยังนิยมตั้งแถวประจันหน้ายิง และยิงห่างกันแค่ 50-60 หลา  ซึ่งน่าจะเป็นระยะการจู่โจมของทหารม้ามากกว่า   


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 03:14:30 PM
โอ้...

สงครามสมัยก่อนคนตายแยะ ตายซับตายซ้อนจริงเชียว... ที่ไหนๆ ก็ตายแยะ...

นึกถึง เมล กิบสัน พากองลูกเสือเข้าสู้ในสงครามกลางเมืองในหนัง The patriot... ยังนึกอยู่ว่าทำไมมันยืนโง่ให้ยิงชัดๆหว่า ซึ่งในหนังก็บอกว่าเป็นการแสดงความกล้าหาญการ"ไม่แตกแถว"นับเป็นเกียรติอย่างสูง...

ส่วนกองลูกเสือฯ ยิงแล้ววิ่ง ซุ่มยิงแล้ววิ่ง... ถือว่ารบแบบไม่มีเกียรติ... ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 04:10:56 PM
ครับพี่ ห้ามแตกแถวเชียว

กรีกโบราณพูดว่า ถ้าอยากเป็นลูกผู้ชายคนกล้า สู้เพื่อชาติ ก็ต้องอยู่แถวหน้า

กอง มานิปูล โรมัน กองที่อยู่ข้างหลังเป็นทหารผ่านศึก ที่มีประสบการณ์/แกร่งกว่า เอาไว้ข้างหลังเพราะจะได้ต้อนข้างหน้าไม่ให้แตก เวลาโดนตีหนักๆ 

ส่วน พระเจ้า เฟรดเดอริก เดอะเกรท แห่งปรุสเซียน ตั้งกฎว่า ถ้าทหารราบในแถวแตกแถวถอยออกมาเกิน 2 ก้าว ให้นายสิบเอาดาบแทงทันทีครับ...

มีบันทึกว่า การบาดเจ็บของทหาร ส่วนหนึ่งเกิดจาก ชิ้นเนื้อติดกระดูก ของเพื่อนในแถวที่กระจายใส่เมื่อโดนลูกโตๆ ยิง :OO


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 04:15:36 PM
ภาพการเข้าดี [_] บริติช (กองทหารสก๊อตนุ่งคิลท์) ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 04:41:31 PM
ภาพวาดร่วมสมัยบางครั้งก็ไม่ตรงความจริงนักเพราะต้องการให้ดูระทึก เร้าใจ และบางครั้งผู้วาดไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตรง วาดจามจินตนาการของตัวเอง ต้องดูบันทึกของคนในเหตุการณืจริง และวิเคราห์ทางเทคนิกข้อเท็จจริงประกอบ

เช่น  ภาพ Scotland forever โดย Lady Elizabeth Butler นี้ ดูเร้าใจดี แต่มีคำวิจารณ์ว่าแถวทหารม้าควบชิดกันมากเกินไป ม้าควบเป็นขบวนแน่นขนาดนี้ไม่ได้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 05:11:58 PM
ว่ากันว่า ความสูญเสียหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 จะไม่เกิดขึ้นถ้า นักการทหารศึกษากรณีสงครามกลางเมืองอเมริกา ก่อน

ความอิหลักอิเหลื่อของ ยุทธวิธี และเทคโนโลยี่อาวุธ

ทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ขี่ม้า สะพายปืนลูกเลื่อน ถือหอก ใส่หน้ากากกันแกสพิษ ในยุคที่ใช้ปืนกล ปืนใหญ่ยิงเร็ว และเครื่องบิน ภาพทหารแบบนี้มีทุกชาติ ที่ปวดใจคือขนาดตอนสงครามโลกครั้งที่สองทหารโปลิชยังขี่ม้าถือหอกแบบนี้เข้าลุยกับรถถังเยอรมัน ::012::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 05:16:59 PM
ปี 1939 แล้วนะ ::011::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 05:21:22 PM
ดูรูปที่คุณซับเอามาลงให้ดู ม้ามองโกลดูตัวเล็กนั้น เป็นรูปเขียน ม้าอะไรตัวเท่าคนเท่านั้นเอง ผิด scale หรือเปล่า รูปถ่ายข้างบนที่เด็กขี่ ม้าดูตัวใหญ่ หรือว่าเด็กตัวเล็กครับ

เรื่องภาพเขียนนั้น ดูผิดสเกลจริงๆครับ แต่ตริงๆ ภาพเขียนยุคนั้น ต้องการเน้น ม้าตัวไม่ใหญ่มาก

มีอีกภาพที่เขียนในยุคใหม่กว่า ถูกต้องตามอนาโตมี่กว่า แสดงสัดส่วนม้ากับคน และการใช้ธนูบนหลังม้า
(http://english.cri.cn/mmsource/image/2005-6-15/shootback.jpg)

ส่วนเด็กขี่ม้า ผมดูตามอนาโตมี่แล้ว เป็นม้าม้ามองโกลที่เริ่มโตเต็มวัยครับ (คาดเดานะครับ)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 05:36:26 PM
อย่างสัตว์ต่าง  ช้าง  จะไม่ถูกกลิ่นกะ ม้า หรือ ควาย    อันนี้เจอมาจริงๆ  และคนเลี้ยงช้างก็บอก  คนเลี้ยงม้าก็บอก
ถ้าจัดทัพต้องแยกคนละขบวนและทิ้งช่วงห่างกันมาก


กิรดัง ได้สดับมานะครับ   ;D

เหตุที่ม้ากับควาย ไม่ถูกกันนั้น โบราณท่านบอกไว้ว่า
ก่อนหน้านั้น ควายกับม้าเป็นเพื่อนรักกัน ไปไหนมาไหน ด้วยกัน

วันหนึ่งระหว่างเดินเล่นในทุ่ง ควายเริ่มร้อนจากแดด (นิสัยควายชอบคลุกปลักแช่น้ำ  ;D)
เลยชวนม้าไปอาบน้ำแถวแม่น้ำใกล้ๆทุ่ง
พอไปถึงแม่น้ำ ทั้งม้าและควาย ก็จัดการปลดเปลื้องสิ่งเดียวที่ติดตัวออกวางริมฝั่งน้ำ
แล้วก็เล่นน้ำด้วยกัน สบายใจเฉิบ....


อีทีนี้ นิสัยม้า ไม่ชอบน้ำมากๆเหมือนควาย เล่นน้ำได้สักพัก ก็เริ่มหนาวสั่นสะท้าน
อย่ากระนั้นเลย ให้เพื่อนควายแช่น้ำตามประสาเพื่อน เราเดินและเล็มหญ้าในทุ่งดีกว่า
ม้าเลยบอกเพื่อนว่าจะไปกินหญ้ากลางทุ่ง

พอขึ้นจากน้ำมาได้ ก็จัดการหันหาสิ่งของ ของตัวที่วางอยู่ริมน้ำ ซึ่งมีของเพื่อนควายวางอยู่ข้างๆ
พอมองแล้วนึกเปรียบเทียบ....ขนาด....
แล้วก็อิจฉาของ ของควายที่ช่างโอฬารเสียนี่กระไร... :o :o :o

เพื่อนควายเล่นน้ำเพลิดเพลินกำลังเผลอ เพื่อนม้าก็จัดการเอาของเพื่อนควายอันโอฬารมาติดไว้กับตัว
แล้วก็วิ่งหนีไป ดีใจที่ได้เพิ่มขนาด ร้อง ฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...


เพื่อนควายพออิ่มเอมจากการเล่นน้ำ ขึ้นมาเห็นของไซด์เอสที่เหลืออยู่ เข่าอ่อนแทบเป็นลม
รู้ว่าเพื่อนม้า ทรยศเสียแล้ว ได้แต่กล้ำกลืนเอาของขนาดย่อมกว่ามาติดท้องน้อย...
แล้ววิ่งหาเพื่อนม้า พร้อมส่งเสียงเรียก "อาว..ว.ว....มา.....อาว..ว.ว....มา.....อาว..ว.ว....มา....."
จนเพี้ยนเป็น มอ.อ..อ.....จนปัจจุบัน  ;D

หลังจากนั้น เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทั้งสองก็เข้าหน้ากันไม่ติด ตั้งแต่วันนั้น...เจอกันไม่ได้เชียว...

คนเฒ่า คนแก่บอกว่า ม้ามันนิสัยไม่ดี ชอบทำดีใจเยาะเย้ยควาย 
เจอควาย มันจะร้องฮี้...ฮี้...ฮี้...ฮี้...ก่อนเสมอ...
ควายเลยต้องทวง....อาว..ว.ว....มา.....อาว..ว.ว....มา...


ไม่มีครั้งไหนหรอก ที่ควายเจอม้าแล้วควายจะออกอาการก่อน
ผมเองก็ไม่เคยสังเกตุ ว่าม้ามันออกอาการก่อนหลังหรือเปล่า

แต่เขาเล่ากันมาอย่างนี้ครับ

 ;D ;D ;D

อ่านเพลินๆครับ คั่นจังหวะ





หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2009, 09:09:21 PM
Hold the line ! Stay with me ! จาก the gradiator


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 01, 2009, 01:29:44 AM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มีนาคม 01, 2009, 07:02:04 AM
ไม่เห็นมีใครพูดถึงเครื่องยิงหินอย่างพวกคาตาพัลต์ (Catapult) หรือพวกทรีบูเซต (Trebuchet) บ้างเลยครับ  :)

ผมชอบฉากที่สุลต่านซาลาดินบัญชาการให้นักรบมุสลิมใช้เครื่องทรีบูเซตยิงก้อนหินกับหม้อน้ำมันเข้าไปถล่มพวกครูเสด (Crusader) ในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นฉากการรบแบบโบราณในภาพยนตร์เรื่อง Kingdom of Heaven ที่ผมชอบมากครับ  ::002::

ทหารฝรั่งเศสใช้เครื่องคาตาพัลต์ยิงลูกระเบิดมือใส่ข้าศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3d/French_grenade_catapult.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 01, 2009, 08:37:16 AM
Catapult = แคททาโพลท
Trebuchet = เทรบบูเชต
Crusader  = ครูเสเดอร์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 01, 2009, 09:00:05 AM
Catapult = แคททาโพลท
Trebuchet = เทรบบูเชต
Crusader  = ครูเสเดอร์
การออกเสียง เน้นพยางค์ไหนครับพี่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 01, 2009, 09:52:19 AM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

สมัยโรมัน มีเอมเปรอเรอบางคนที่มีนายบำเรอชัดๆ ครับ แต่ทั่วๆ ไปสังคมไม่ยอมรับเปิดเผย บางยุคมีกฎหมายห้ามผู้ชายกับผู้ชาย โทษถึงตาย แต่ก็นั่นแหละ มีสถานผู้ชายบริการด้วยครับ

ก็เหมือนกันเกย์ยุคอื่น แอบบ้าง อวดบ้าง แล้วแต่ประเพณีว่ายอมรับ รังเกียจมากแค่ไหน ถ้าคนอวดมีอำนาจก็ทำได้ อาจโดนโจมตี หรือเปลี่ยนแนวประเพณีไป

โรมันแต่งงานกันเอง พี่ น้อง บ้างครับ ส่วนมากในครอบครัวไฮโซ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 01, 2009, 09:58:36 AM
ไม่เห็นมีใครพูดถึงเครื่องยิงหินอย่างพวกคาตาพัลต์ (Catapult) หรือพวกทรีบูเซต (Trebuchet) บ้างเลยครับ  :)

ผมชอบฉากที่สุลต่านซาลาดินบัญชาการให้นักรบมุสลิมใช้เครื่องทรีบูเซตยิงก้อนหินกับหม้อน้ำมันเข้าไปถล่มพวกครูเสด (Crusader) ในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นฉากการรบแบบโบราณในภาพยนตร์เรื่อง Kingdom of Heaven ที่ผมชอบมากครับ  ::002::

ทหารฝรั่งเศสใช้เครื่องคาตาพัลต์ยิงลูกระเบิดมือใส่ข้าศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3d/French_grenade_catapult.jpg)

ขอบคุณครับ รูปดีดแบบนี้นี้ไม่เคยเห็นเลย ฉากใช้เครื่องดีดที่ผมชอบมากในหนังคือเรื่อง El Cid ที่ดีดขนมปังเข้าเมือง วาเลเซีย ทำให้ชาวเมืองที่อดอยากแข็งข้อกับเจ้าเมืองมัวร์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 03, 2009, 09:52:18 PM
ผมจำไม่ได้ว่าท่านใดตามหาเรื่อง Iron cross ผู้การมะขิ่นหรือเปล่าครับ
ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:23:41 PM
ใครเคยดูเรื่อง Mc Arthur บ้างครับ
(http://www.hotmoviesale.com/dvds/3014/1/MacArthur.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:27:22 PM
ใหม่หน่อยก็เรื่อง Bravo Two  Zero น่าดูมากๆ
(http://graphics8.nytimes.com/images/section/movies/amg/dvd/cov150/drt100/t153/t15332oa4ma.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:31:18 PM
ผมจำไม่ได้ว่าท่านใดตามหาเรื่อง Iron cross ผู้การมะขิ่นหรือเปล่าครับ
ด้วยความเคารพ

ผมมีแล้วครับเรื่องนี้ ........... ;)

ใครเคยดูเรื่อง Mc Arthur บ้างครับ
(http://www.hotmoviesale.com/dvds/3014/1/MacArthur.jpg)

ยกมือครับ .................

 :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:37:13 PM
ครับผม   McArthur   สุนทรพจน์ที่กล่าวอำลาชีวิตทหาร  ด่า Truman ดีๆนี่เอง
McArthur ได้กล่าวประโยคนี้ในงานครั้งนั้นด้วย "Old soldiers never die, they just fade away."



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:39:03 PM
ครับผม   McArthur   สุนทรพจน์ที่กล่าวอำลาชีวิตทหาร  ด่า Truman ดีๆนี่เอง
McArthur ได้กล่าวประโยคนี้ในงานครั้งนั้นด้วย "Old soldiers never die, they just fade away."



งานนั้น โรงเรียนนายร้อยเวสท์พอยท์ จัดเพื่อเทิดเกียรตินายพลท่านนี้ที่เป็นศิษย์เก่า .................ในฐานะที่อำลาชีวิตรับราชการครับ ................


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:43:17 PM
ครับผม   McArthur   สุนทรพจน์ที่กล่าวอำลาชีวิตทหาร  ด่า Truman ดีๆนี่เอง
McArthur ได้กล่าวประโยคนี้ในงานครั้งนั้นด้วย "Old soldiers never die, they just fade away."



งานนั้น โรงเรียนนายร้อยเวสท์พอยท์ จัดเพื่อเทิดเกียรตินายพลท่านนี้ที่เป็นศิษย์เก่า .................ในฐานะที่อำลาชีวิตรับราชการครับ ................
ใช่ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 03, 2009, 10:54:49 PM
ผมดูแล้วครับ    ชอบตอนที่พูดถึงการเตรียมการสำหรับญี่ปุ่นในอนาคตหลังสงคราม    ถ้ากรณีอิรัก มีอย่างนี้ก็คงดี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 03, 2009, 11:33:59 PM
ผมดูแล้วครับ    ชอบตอนที่พูดถึงการเตรียมการสำหรับญี่ปุ่นในอนาคตหลังสงคราม    ถ้ากรณีอิรัก มีอย่างนี้ก็คงดี
ใช่ครับ ปกติเค้าต้องมี Occupation plans 



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 03, 2009, 11:56:54 PM
ใหม่หน่อยก็เรื่อง Bravo Two  Zero น่าดูมากๆ
(http://graphics8.nytimes.com/images/section/movies/amg/dvd/cov150/drt100/t153/t15332oa4ma.jpg)
เรื่องนี้เอามาจากเรื่องจริงของ SAS ที่ทำงานในสงครามอ่าวครั้งแรก
ไปลาดตระเวณ เพื่อทำลาย ช่องทางสื่อสารของอิรัค แต่ดันไปเจอคนเลี้ยงสัตว์เลยเสียลับ โดนทหารอิรัคไล่ล่าเข้าแบบเต็มๆก็หนี วิทยุที่เอามาด้วยก็ใช้อะไรไม่ได้ สู้จนกระสุนหมด ตายบ้าง โดนจับบ้าง  สุดท้ายก็หลงกันแยกเป็นสองกลุ่มและมีอยู่คนหนึ่งเดินทางในทะเลทรายไปจนถึงชายแดนซีเรีย โดยที่มีอาหารและน้ำไม่มาก
ผมอ่านพบครั้งแรกในหนังสือ นาวิกศาสตร์ จากนั้นก็ไปเดินเที่ยวห้าง เจอ VCD ลดราคา อ่านหลังปกแล้วเนื้อเรื่องคล้ายๆกับที่เคยอ่านก็เข้ามาอยู่ในที่สะสมของผมครับ ตินิดเดียวที่บทภาค ภาษาไทยไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 04, 2009, 08:45:36 AM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 04, 2009, 11:14:33 AM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


รู้สึกจะเข้าใจดีนะครับ   ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 04, 2009, 11:19:31 AM
ฮ่ะ...
 :<><>


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 04, 2009, 12:31:42 PM
ใครเคยดูเรื่อง Mc Arthur บ้างครับ
(http://www.hotmoviesale.com/dvds/3014/1/MacArthur.jpg)

เคยดูครับ นานมากแล้ว ผมไม่มีเก็บไว้

ได้ยินว่าตอนลงนามชนะสงครามโลกกับญี่ปุ่น ท่านแมก หยิบปากกาที่พกมาเองลงนาม เป็นปากกา ปาร์กเกอร์ ไม่ทราบจริงไหมครับ?

เลยนึกถึง แพทตั้น ไม่ทราบว่าปืนพก SAA ด้ามงาที่พกประจำอยู่ที่มิวเซียมไหน หรืออยู่กับครอบครัว ได้ข่าวว่าลูกชายท่านก็เป็นนายพลตรีไปรบเวียดนามด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 04, 2009, 12:41:48 PM
ใหม่หน่อยก็เรื่อง Bravo Two  Zero น่าดูมากๆ
(http://graphics8.nytimes.com/images/section/movies/amg/dvd/cov150/drt100/t153/t15332oa4ma.jpg)
ใหม่หน่อยก็เรื่อง Bravo Two  Zero น่าดูมากๆ
(http://graphics8.nytimes.com/images/section/movies/amg/dvd/cov150/drt100/t153/t15332oa4ma.jpg)

ดูด้วยครับ

...ดูสมัยนี้ในอัฟกานิสถาน กับอิรัก ผมว่าอุปกรณ์บุคคลทหารอังกฤษสู้เมกันไม่ได้เลยครับ ส่วนมากไม่มีสนับเข่า

เป้ก็เป็นรุ่นโบราณ แบบเป้เล็กๆ ทั่วไป ไม่มีสายคาดหน้าอกยึดสายสะพายไหล่ซ้าย/ขวา สองข้าง เวลาแบก นน. จะถ่วงช่วงแขนไปข้างหลัง ผมมีเป้เมกันของเหลือใช้สงครามเวียดนาม ยังมีสายยึดแล้ว

หมวกเหล็กทรงเาก็ดูเกะกะ ผมว่าไม่ยอมใช้แบบสากลนิยมเพราะคล้ายกับของเยอรมันเมื่อก่อน เพราะอังกฤษมีปมไม่ถูกกับเยอรมัน

ฮี่โร่ของชาติอังกฤษปัจจุบัน

1. เหล่า SAS
2. นายเจมส์ บอนด์
3. นายแฮรี่ พอตเตอร์
4. นายเดวิท แบคแฮม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ มีนาคม 04, 2009, 05:40:27 PM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


เอ่อ ไม่เกี่ยวกับการเดินทางหรอกค่ะ จักรพรรดิโรมัน ชอบและมีเด็กผู้ชายเป็นฮาเร็มก็มีค่ะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: RSIA01 - รักในหลวง ที่ มีนาคม 04, 2009, 06:54:10 PM
ใครเคยดูเรื่อง Mc Arthur บ้างครับ
(http://www.hotmoviesale.com/dvds/3014/1/MacArthur.jpg)

เคยดูครับ นานมากแล้ว ผมไม่มีเก็บไว้

ได้ยินว่าตอนลงนามชนะสงครามโลกกับญี่ปุ่น ท่านแมก หยิบปากกาที่พกมาเองลงนาม เป็นปากกา ปาร์กเกอร์ ไม่ทราบจริงไหมครับ?

เลยนึกถึง แพทตั้น ไม่ทราบว่าปืนพก SAA ด้ามงาที่พกประจำอยู่ที่มิวเซียมไหน หรืออยู่กับครอบครัว ได้ข่าวว่าลูกชายท่านก็เป็นนายพลตรีไปรบเวียดนามด้วย
ด้วยความเคารพครับพี่ต๊อก ปืนของนายพลแพตตั้น เป็นปืน สมิทแอนด์เวสสัน รีจิสเตอร์แม็คนั่ม (ก่อนเป็น เอ็ม ยี่สิบเจ็ด) ขนาดจุดสามห้าเจ็ด ลำกล้องยาว สามนิ้วครึ่งไม่ใช่เหรอครับ จำได้ว่า ชื่อ เดอะคิลลิ่งกัน ขออภัยด้วยครับพี่ต๊อก  ::014:: ถูกต้องแล้วครับ ท่านนายพลมีทั้งโคลท์เอสเอเอ และสมิท ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ มีนาคม 04, 2009, 09:39:15 PM
กระบอกที่คาดเอวเป็น Colt SAA ขาด .45 ด้ามงา ไม่เคยได้ยินหรือเห็น S&W


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: RSIA01 - รักในหลวง ที่ มีนาคม 04, 2009, 11:50:12 PM
 ::014::
สมิท แอนด์ เวสสัน รีจิสเตอร์แม็คนั่มนั้น มีใช้จริงครับ ผมสิเพิ่งรู้ว่ามีโคลท์เอสเอเอด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 05, 2009, 09:24:54 AM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


เอ่อ ไม่เกี่ยวกับการเดินทางหรอกค่ะ จักรพรรดิโรมัน ชอบและมีเด็กผู้ชายเป็นฮาเร็มก็มีค่ะ

คุณทรัพย์หาข้ออ้างให้ตัวเองสำหรับการรอนแรมมาทำงานใน กทม. มั๊งครับ ::007:: ::007:: ::010::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 08, 2009, 12:33:46 PM
1968 TUNNER RATS .   อย่าได้ไปดูเลยครับ   ::009::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 08, 2009, 01:50:00 PM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


เอ่อ ไม่เกี่ยวกับการเดินทางหรอกค่ะ จักรพรรดิโรมัน ชอบและมีเด็กผู้ชายเป็นฮาเร็มก็มีค่ะ

อ้าว..เพิ่งทราบ  ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 08, 2009, 06:34:48 PM
ทำไม่ นายพล แพตตัน ไม่ใช้ US Army .45 นะ หรือไม่ได้รับ แจก หรือไม่ชอบครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 08, 2009, 06:37:16 PM
ทำไม่ นายพล แพตตัน ไม่ใช้ US Army .45 นะ หรือไม่ได้รับ แจก หรือไม่ชอบครับ

เหตุผลส่วนตัวละครับ   จริงๆท่านอาจจะใช้หลายอย่างก็ได้  แต่ของส่วนตัวที่คนใกล้ชิดสังเกตุเห็น ก็ย่อมเป็นข่าวอย่างที่เราพูดถึงเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 08, 2009, 08:12:48 PM
เอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ อาจไม่จงใจสร้างก็ได้ ;D

จอร์จ คัสเตอร์ ไว้ผมยาวคาเครื่องแบบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 08, 2009, 08:14:07 PM
แมก อาเธอร์ คาบไปท์ซังข้าวโพด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 08, 2009, 08:18:37 PM
หนังสือ The Culture of War โดย Martin Van Creveld บอกว่า โม่เช่ ดายัน ไปดูงานที่เวียดนามช่วงสงครามเวียดนาม เอาหมวกกลับมาใบหนึ่งใส่ประจำเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีหมวกแบบเดียวกันอีกแล้วในอิสราเอล

ไม่รู้ว่าเป็นหมวกในภาพนี้หรือเปล่านะครับ ในภาพ คนขวาคือ เอเรียล ชารอน ตอนสงคราม ยม คิปปูร์ ปี 1973 (เรียกว่าการรบ "ตรุษยิว" น่าจะได้)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 09, 2009, 07:36:39 AM
นายพลแม็ค แว่นเรย์แบนใส่แล้วหล่อถึงว่า แบรนด์นี้อยู่มานาน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มีนาคม 09, 2009, 09:15:19 AM
เข้ามาอ่านครับ...

จนป่านนี้ยังโหลด The Kingdom มาไม่ครบเลย... ครั้นจะไปหาแผ่น VCD ก็กลัวไม่สนุกกับหนังระดับนี้ชมครับ...
มันต้อง 1920*1080p DTS 5.1 เท่านั้นครับ... เลยยาวเลย... ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 09:18:48 AM
นายพลแม็ค แว่นเรย์แบนใส่แล้วหล่อถึงว่า แบรนด์นี้อยู่มานาน
นายพลแม็ค แว่นเรย์แบนใส่แล้วหล่อถึงว่า แบรนด์นี้อยู่มานาน
นายพลแม็ค แว่นเรย์แบนใส่แล้วหล่อถึงว่า แบรนด์นี้อยู่มานาน
นายพลแม็ค แว่นเรย์แบนใส่แล้วหล่อถึงว่า แบรนด์นี้อยู่มานาน

ใช่ๆ ครับ เอกลักษณ์หลัก เคยได้ยินเขาเรียกว่ารุ่นแมกอาเธอร์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 09:22:50 AM
เข้ามาอ่านครับ...

จนป่านนี้ยังโหลด The Kingdom มาไม่ครบเลย... ครั้นจะไปหาแผ่น VCD ก็กลัวไม่สนุกกับหนังระดับนี้ชมครับ...
มันต้อง 1920*1080p DTS 5.1 เท่านั้นครับ... เลยยาวเลย... ฮา

ฮ่า พี่สมชายเอา DVD แบบเด็ดๆ เลยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มีนาคม 09, 2009, 09:35:00 AM
ฮ่า พี่สมชายเอา DVD แบบเด็ดๆ เลยครับ

หนังแบบนั้นมีให้โหลดแยะเลยครับ...

หากโหลดแยะเมียดุตายเลยครับ... โอ๋ย...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:52:19 AM
หนังสงครามแบบเด็ดๆ ครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 09, 2009, 04:32:34 PM
ผมนั่งดูหนังนูเรมเบริกกับอาปา  จอมพลเกอริ่งเป็นแม่ทัพฟ้าสุดท้ายโดนแขวนคอข้อหาอาชญากรสงคราม ทั้งที่แกไม่เคยยึดพื้นที่ ฆ่า-ข่มขืนล้างเผ่าพันธ์  เยอร์มันโดนชำระความอย่างถ้วนถี่ หลังจากนั้นยิวยังตามจองล้างพวกนาซีที่เกี่ยวข้องกับโฮโลคอสส์อีกหลายคน

          ก็ให้เจ็บใจครับ พ่อเล่าให้ฟังว่าพวกญี่ปุ่นพอเข้านานกิงได้เจอคนเป็นฆ่า  และหลายเดือนต่อมาก็เข้ามากวางตุ้ง-ซัวเถา  มีทหารยุ่นสักหมู่ปืนเล็กเข้ามาตั้งแคมป์ที่ตำบลของแก พวกคนหนุ่มก็รวมตัวกันหาอาวุธจะไปคิดบัญชี ไปเป็นร้อยครับแต่โดนมันยิงตายไปเยอะ  คนกลับมาเล่าว่าพวกมันเหมือนผีเร็วมาก เดี๋ยวยิงตรงโน้นเดี๋ยวยิงตรงนี้  คนนำขบวนไปโดนหั่นด้วยซามูไรเป็นสี่ท่อน วางไว้ปากทางเข้าหมู่บ้าน สุดท้ายทั้งตำบลต้องส่งข้าวให้มัน พวกผู้หญิงต้องหาเขม่ามาทาหน้า

       พอยุ่นแพ้สงคราม โตโจ กับบิ๊กไม่กี่คนโดนแขวนคอ  พวกฆาตกรฆ่าข่มขืนเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต น่าเจ็บใจนะครับ

       


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 04:48:46 PM
นายเกอริงแกไม่ได้เป็นทหารอากาศเพียวๆ ครับพี่ เป็นผู้บริหารพรรคและเคยเป็น รมต. มหาดไทย และ ผบ. ตำรวจ แคว้นปรุสเซีย และใช้อำนาจผู้บริหารพรรคออกคำสั่งให้ เอสๆ จับยิวไปฆ่าครับ ตามธรรมดาฮิเลอร์สั่งแต่ปาก แต่เกอริงลงนามในเอกสารเลย ตอนโดนพิพากษาให้ถูกแขวนคอแกร้องขอให้ยิงเป้าแทน แต่ถูกปฏิเสธ แกเลยกินยาพิษที่ซ่อนมาในตลับครีมทาปากตายครับ

พ่อเพื่อนผมเป็นเด็กอยู่ที่ปีนัง เล่าว่าเห็นญี่ปุ่นจับคนจีนฝังทั้งเป็นเลยครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 09, 2009, 05:08:10 PM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 05:29:21 PM
ครับพี่ เมกันต้องเลี้ยงญี่ปุ่นไว้ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นสตาลินก็ออกท่าเต็มที่ส่งทหารเข้าจีน เกาหลียุ่งไปหมด ที่จริงโซเวียตเป็นพันธมิตรกับอังกฤษ เมกัน แต่ไม่ได้ประกาศสงครามกับญี่ปุ่นเพิ่งมา "ฉวยโอกาส" ประกาศสงครามกับญี่ปุ่น "หลังจาก" ญี่ปุ่นโดนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าแล้ว 2 วันครับ วันต่อมาก็โดนอีกลูกที่นางาซากิ ประกาศสงครามเป็นทางการเพื่อจะส่งทหารมายึดเท่านั้น

แม่ทัพญี่ปุ่นบางคนก็โดนพิพากษาแขวนคอข้อหาอาชญากรสงคราม อย่าง นายพล Yamashita ที่ฟิลิปปินส์ แต่ทั่วไปก็ไม่เท่าเยอรมันละครับ

ผมว่าสงครามโลกหลายเรื่องสร้างยุคสงครามเย็น ซึ่งมีบรรยากาศการเผชิญหน้ากันจริงๆ ในจิตใต้สำนึกฝรั่ง ตอนเด็กๆ ในโรงเรียนก็หัดให้เด็กเล็กๆ มุดใต้โต๊ะก่อนถ้ามีอะไรมา (Duck and cover) ถ้าสร้างหนังสงครามใหญ่ล้างผลาญเมืองฝรั่งแบบเครียดๆ ลูกค้าคงไม่ชอบ ที่มีแนวดราม่าก็มักเป็นสงครามเวียดนาม รบเสร็จแล้วและผมกระทบต่อเนื่องหลักอยู่ที่คนที่ไปรบและครอบครัว ไม่ใช่โครงสร้างการดำรงชีวิตในบ้านเมืองตัวเองครับ

เลยนึกถึงเรื่อง War of the world เวอร์ชั่นล่าสุดครับ ทอม ครูส แสดงได้ดี สร้างได้ดี แต่ขาดฉากที่แสดงสัญลักษณ์ความย่อยยับของเมืองเมกัน เช่น เทพีเสรีภาพหักครึ่ง หรือแลนด์มาร์กอื่นที่พังพินาศ ผมว่าเป็นเพราะสร้างหลัง 911 มาไม่นาน ถ้าทำฉากบ้านเมืองตัวเองพังมากๆ คนจะไมชอบดู


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 05:32:10 PM
ตอนนั้นเทกซัสยังไม่ได้เป็นรัฐรวมในประเทศเมกา ประชาชนหลักๆ แล้วเป็นคนเมกัน (คนพูดอังกฤษ) มากกว่า แต่เม๊กซิโกเลยอยากรวมให้อยู่ใต้อำนาจปกครองครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: anasnarak ที่ มีนาคม 09, 2009, 06:44:03 PM
เข้ามาอ่านครับ...

จนป่านนี้ยังโหลด The Kingdom มาไม่ครบเลย... ครั้นจะไปหาแผ่น VCD ก็กลัวไม่สนุกกับหนังระดับนี้ชมครับ...
มันต้อง 1920*1080p DTS 5.1 เท่านั้นครับ... เลยยาวเลย... ฮา
ขี่โคซิครับ ท่านสมชาย จะได้โหลดเร็วๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ มีนาคม 09, 2009, 07:29:10 PM
ดิฉันว่า หนังเมกาก็สะท้อนความรู้สึกคนเมกันแต่ละช่วงที่หนังถูกสร้างออกมาน่ะค่ะ

สำหรับเมกา หนังสงครามโลก คงทำง่าย เพราะคนสร้างหนังเมกันรู้อยู่ว่าตัวเองชนะ คนสร้างหนังยุคนั้นก็สะท้อนความคิดคนเมกันยุคนั้น ที่เห็นตัวเองเป็นผู้ไปช่วยเหลือผู้อืน และแม้จะโดนทำร้ายก็กลับมาเอาชนะศัตรูได้ ดูแล้วเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด เท่ และแม้จะชนะก็ให้เกียรติอีกฝ่าย สรุปรวมคือ มีความเป็นมนุษย์ที่ดี รบเมื่อจำเป็น รบเพื่อช่วยผู้อื่น อะไรทำนองนั้น

แต่สงครามเวียดนาม เมกาแพ้มากกว่าชนะ ก็เลยเซ็ง ทำให้คนสร้างหนังเมกัน คงเกิดอาการสับสนเหมือนคนเมกันทั่วไป ว่า ตกลงที่เราไปรบ รบไปทำไม รบไปได้อะไร หนังเวียดนามหลังสงครามเวียดนาม เลยออกมาในทำนองว่า สงครามโหดร้าย (badge of honor? Year zero? ถ้าสะกดชื่อผิด ขออภัยค่ะ ไม่ได้ดูนานแล้ว ) สงครามบ้าคลั่ง (apocalypse now?) ความฮีโร่ในหนังสงครามโลกเลยหายไปเยอะ เหลือแต่ด้านมืด หรือ ความสกปรก บ้าบอ (MASH สงครามเกาหลี แต่ดูก็รู้ว่า พูดถึงสงครามเวียดนาม)  

ที่น่าสนใจคือตอนนี้ หลัง 9/11 ที่เมกา รู้สึกช๊อก ล้มเหลว อ่อนแอ หนังสงคราม หนังการสู้รบ (และหนังธรรมดา) ก็สะท้อนความรู้สึกสับสน หวาดกลัว  อย่าง The lion and the lamb, Kingdom, Syriana, Body of Lies, Blood Diamond หรือแม้แต่หนังฮีโร่ Batman/Spiderman ภาคล่าสุด ก็เห็นชัด ตัวเอก จะเป็นฮีโร่/CIA/ทหาร/นักการเมือง เมกา ไม่สามารถทำได้หมด ไม่ได้เก่งตลอดเวลา โดนหลอกบ้าง ถูกหักหลังบ้าง ต้องให้คนอื่นมาช่วย หรือไม่ก็ต้องโดนเป็นแพะรับบาป ต้องยอมทำอะไรเลว หรือยอมโดนใส่ความ หรือก็ถ้าเลวอยู่ก่อนก็จะมีการกลับใจ หรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ระหว่างดีกับเลว ซึ่งก็คงเป็นส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึกคนเมกัน ที่รู้สึกมีส่วนรับผิดชอบกับสงคราม ::004::

ที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า เมื่อคนเมกัน เบื่อที่จะรู้สึกแย่กับสงคราม (ที่ประเทศตัวเองดันไปมีส่วนร่วม) แล้ว หนังสงคราม (และหนังอื่นๆ) จะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่ อาจกลายเป็นการไม่พูดถึงหนังสงครามอีกเลย หรือไปพูดถึงสงครามโบราณแบบที่ไกลตัวคนเมกันมากๆ (escapism) ที่ไม่ทำให้สะเทือนใจนึกถึงอิรัก เช่น 300 (ที่ดูเป็นการ์ตูนมากกว่าหนัง) หรืออาจกลายเป็นหนังสงครามล้อเลียนเสียดสี เช่น tropic thunder หรืออาจจะเป็นหนังสงครามไซไฟกันอีกรอบ แบบ starwars หรือไม่ก็หายไปเลย จนกว่าตาโอบาม่าแกจะไปริรบกับใคร.. ::012::

ดังนั้น หากมีแผ่นหนังสงครามที่ชอบเก็บไว้ดีๆ นะคะ ใครจะไปรู้ว่า อาจกลายเป็นของหายาก เพราะไม่มีการทำหนังแบบนั้นแนวนั้นอีกแล้ว...  ;)



 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ มีนาคม 09, 2009, 07:33:25 PM
ตอบคุณอภิสิทธิ์
ไม่ค่อยดูหนังฝรั่งเศส เลยไม่ค่อยรู้ค่ะ (ใครดูบ่อยๆ มาแชร์กันก็ดีนะคะ ) แต่คิดว่าฝรั่งเศส ก็ทำหนังเกี่ยวกับเวียดนามนะคะ แต่ออกแนวเป็นหนังชีวิตดราม่าที่อยู่ในช่วงที่ตัวเองยึดเวียดนามได้ เช่น Indochine แต่ว่าฝรั่งเศสจะทำหนังสงครามเพียวๆ คงลำบากใจมั๊งคะ เพราะโดนไล่ออกจากเวียดนามด้วยความรุนแรง จะไปทำหนังระลึกถึงตอนนั้น เดี๋ยวจะขุ่นเคืองกันอีกกับเวียดนามที่อุตส่าห์คืนดีกันได้  เพราะคนฝรั่งเศส ตอนยึดเวียดนาม ยึดเขมรไว้ก็ทำกับประเทศเขาไว้เยอะเหมือนกัน 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 09, 2009, 07:52:19 PM
ขอบคุณครับคุณต๊อกกับคุณบันนี่ หนังฝรั่งเศสที่มาเมืองไทยดูแล้วสนุกไม่เบานะครับ อาทิ ไอ ฟอร์ อิคารัส  (หนังด่าหน่วยสืบฯฝรั่งเศส) ลีออง(หนังด่าปสส.ฝรั่งเศส ;D)และหนังเพลงเรื่องสองเรื่องจำชื่อไม่ได้ครับ :D  คงจะจริงครับหนังฝรั่งเศสรบญวนก็คงจะต้องให้ญวนสร้างอ่ะครับ  ถ้ามีใครสร้างศึกร่มเกล้าผมคงไม่ดูก็ทหารไทยตายเยอะออกอย่างงั้น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 09, 2009, 08:07:53 PM
นึกๆ อีกทีเรืองศาลอาชญากรสงคราม ผมว่าทางยุโรปมีคู่แค้นเยอรมันชาติอื่นอีกอย่าง โซเวียต และฝรั่งเศส เลยทำให้กวาดล้างนาซีหนักครับ โดยเฉพาะโซเวียต ต้องการทำลายบุคลากร ภาวะผู้นำขอเยอรมันต่อเนืองเพื่อเอ้อโอกาสให้ครอบงำเพิ่ม ตอนนั้นหลายชาติที่เสียหาย ไม่มีกินก็หันไปทางฝ่ายซ้าย พรรคซ้ายมีเสียงมากขึ้น อย่างกรีก เกือบจะกลายเป็นคอมฯ ไปเลย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 09, 2009, 09:38:52 PM
อ้างถึง
ดังนั้น หากมีแผ่นหนังสงครามที่ชอบเก็บไว้ดีๆ นะคะ ใครจะไปรู้ว่า อาจกลายเป็นของหายาก เพราะไม่มีการทำหนังแบบนั้นแนวนั้นอีกแล้ว... 
ขนาดนั้นเชียวหรือครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:09:38 PM
ทำไม่ นายพล แพตตัน ไม่ใช้ US Army .45 นะ หรือไม่ได้รับ แจก หรือไม่ชอบครับ

ไม่ชอบครับ ท่านเป็นคนที่ชอบของไม่ทันสมัยที่สะใจ Patton พก Colt SAA ด้ามงาตั้งแต่ก่อนสงคราม WWII ตอนอยู่ New Orleans มีนักหนังสือพิมพ์ถามว่า Pearl Handle ใช่ไหม Patton บอกว่า Ivory ไอ้พวกพกปืนด้าม Pearl (เปลือกหอยมุก) น่ะ มันเเป็นพวกนักเลงคุมซ่อง

Patton เชื่อใน Reincarnation กลับชาติมาเกิด บอกว่าเคยรบในชาติก่อนๆหลายชาติ เคยบอกสมรภูมิได้ก่อนเห็น เคยมาที่นี่แล้ว
 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:13:14 PM
ถามหน่อยครับในสมัยโรมันนั้นพี่น้องแต่งงานกันได้ไหมครับ  แล้วผู้ชายนอกจากมีเมืยแล้ว ยังมีคู่รักที่เป็นผู้ชายด้วยหรือครับ

เรื่องพี่น้อง ไม่ทราบ แต่เรื่อง มีคู่รักเป็นผู้ชายนี่ เนื่องจากเดินทางรอนแรมไปทำศึก สงคราม ไกลๆ
ความว้าเหว่ ก็ทำให้ชายรักชายได้ครับ


คนโรมันผมไม่ทราบ แต่ถ้า Greek ละก็ใช่ เป็นที่ทราบกันทั่วไป


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:24:08 PM
ผมนั่งดูหนังนูเรมเบริกกับอาปา  จอมพลเกอริ่งเป็นแม่ทัพฟ้าสุดท้ายโดนแขวนคอข้อหาอาชญากรสงคราม ทั้งที่แกไม่เคยยึดพื้นที่ ฆ่า-ข่มขืนล้างเผ่าพันธ์  เยอร์มันโดนชำระความอย่างถ้วนถี่ หลังจากนั้นยิวยังตามจองล้างพวกนาซีที่เกี่ยวข้องกับโฮโลคอสส์อีกหลายคน

          ก็ให้เจ็บใจครับ พ่อเล่าให้ฟังว่าพวกญี่ปุ่นพอเข้านานกิงได้เจอคนเป็นฆ่า  และหลายเดือนต่อมาก็เข้ามากวางตุ้ง-ซัวเถา  มีทหารยุ่นสักหมู่ปืนเล็กเข้ามาตั้งแคมป์ที่ตำบลของแก พวกคนหนุ่มก็รวมตัวกันหาอาวุธจะไปคิดบัญชี ไปเป็นร้อยครับแต่โดนมันยิงตายไปเยอะ  คนกลับมาเล่าว่าพวกมันเหมือนผีเร็วมาก เดี๋ยวยิงตรงโน้นเดี๋ยวยิงตรงนี้  คนนำขบวนไปโดนหั่นด้วยซามูไรเป็นสี่ท่อน วางไว้ปากทางเข้าหมู่บ้าน สุดท้ายทั้งตำบลต้องส่งข้าวให้มัน พวกผู้หญิงต้องหาเขม่ามาทาหน้า

       พอยุ่นแพ้สงคราม โตโจ กับบิ๊กไม่กี่คนโดนแขวนคอ  พวกฆาตกรฆ่าข่มขืนเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต น่าเจ็บใจนะครับ

      

เรื่องนานกิงเกิด 1937 ญี่ปุ่นบุกเมืองไทย 1941 เป็นไปได้ไหมว่าผู้นำเราเวลานั้นกลัวญี่ปุ่นจะฆ่าพวกเราแบบที่นานกิง เลยยอมให้ญี่ปุ่นผ่านไปมะลายูและสิงค์โปร์ง่ายๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:26:07 PM
The Rape of Nanking .


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ มีนาคม 09, 2009, 10:43:19 PM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ

พวกอเมริกันเข้าไปอยู่ใน Mexico มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Mexico อยากให้คนไปอยู่ตอนเหนือของ Mexico มากๆขึ้น มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็น Mexican และเปลี่ยนศาสนาเป็น Roman Catholic ประธานาธิบดี Santa Ana ชักไม่ชอบใจ ล้มรัฐธรรมนูญ ประชาชนโกรธ แข็งข้อ Santa Ana มาปราบ ฆ่าอเมริกันที่ The Alamo 187 คนหมด โยนกองกันเผาเลย (ตามธรรมเนียมต้องฝัง) ทารุณมาก คนที่ Goliad ยอมแพ้ แต่ถูกยิงทิ้งหมด
Remember the Alamo และ Remember Goliad จึงเป็น Battle Cry

Sam Houston ไปชนะพวก Mexican ที่ San Jacinto จับ Santa Ana ได้ แต่ปล่อยตัวไป สั่งว่าอย่ากลับมาอีกนะ วันนั้นฆ่าไปเยอะ ฆ่าอย่างป่าเถื่อนเพราะความแค้น หนองน้ำเต็มไปศพ ขนาดเดินได้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 09, 2009, 11:23:40 PM
Santa Ana ปลอมตัวเป็นประชาชนธรรมดาตอนหนี   แต่โดนจับได้เพราะทหารชั้นผู้น้อยของตัวเอง
Texas เมื่อก่อนเป็นของ Mexico
แต่ทุกวันนี้พวก Mexican ก็เกือบจะยึดคืนได้แล้ว  อิอิอิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 17, 2009, 11:24:55 AM
เพิ่งไปเจอรายการนี้ครับ มีหลายเรื่องแปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยินเลย

http://www.wwiilectureinstitute.com/films/films.htm


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 17, 2009, 12:24:26 PM
The Desert Fox (1951)  ----The Desert Rats (1953)    อยากได้สองเรื่องนี้ครับ แมมฟิส เบลล์  ฝูงบินแกะดำก็อยากได้ครับ  แต่สั่งอเมซอนมาก็ดูไม่รู้เรื่องไม่มัน  เพราะพูดฝรั่งซับฝรั่ง ;D ;D



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 17, 2009, 12:36:32 PM
อิ อิ  The Bunker (1981) เรื่องนี้น่าสนใจครับ แอยโทนี่ ฮอปกินส์ แสดงเป็น ฮิตเล่อร์ ซะด้วย

แปลกดีมีเรื่องเฉพาะด้านขนาด The Wannsee Conference (1984) นาซีประชุมแผนฆ่ายิว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 17, 2009, 12:45:27 PM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ

พวกอเมริกันเข้าไปอยู่ใน Mexico มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Mexico อยากให้คนไปอยู่ตอนเหนือของ Mexico มากๆขึ้น มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็น Mexican และเปลี่ยนศาสนาเป็น Roman Catholic ประธานาธิบดี Santa Ana ชักไม่ชอบใจ ล้มรัฐธรรมนูญ ประชาชนโกรธ แข็งข้อ Santa Ana มาปราบ ฆ่าอเมริกันที่ The Alamo 187 คนหมด โยนกองกันเผาเลย (ตามธรรมเนียมต้องฝัง) ทารุณมาก คนที่ Goliad ยอมแพ้ แต่ถูกยิงทิ้งหมด
Remember the Alamo และ Remember Goliad จึงเป็น Battle Cry

Sam Houston ไปชนะพวก Mexican ที่ San Jacinto จับ Santa Ana ได้ แต่ปล่อยตัวไป สั่งว่าอย่ากลับมาอีกนะ วันนั้นฆ่าไปเยอะ ฆ่าอย่างป่าเถื่อนเพราะความแค้น หนองน้ำเต็มไปศพ ขนาดเดินได้

ขอบคุณในข้อมูลครับพี่ ซันแด๊นซ์ ::014::+1

Santa Ana ปลอมตัวเป็นประชาชนธรรมดาตอนหนี   แต่โดนจับได้เพราะทหารชั้นผู้น้อยของตัวเอง
Texas เมื่อก่อนเป็นของ Mexico
แต่ทุกวันนี้พวก Mexican ก็เกือบจะยึดคืนได้แล้ว  อิอิอิ


 :D :Dพวก Mexican  นี่รบไม่เก่ง แต่ผลิตทายาทเก่งนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 17, 2009, 12:46:31 PM
Make love not war.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 18, 2009, 09:21:47 AM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ

พวกอเมริกันเข้าไปอยู่ใน Mexico มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Mexico อยากให้คนไปอยู่ตอนเหนือของ Mexico มากๆขึ้น มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็น Mexican และเปลี่ยนศาสนาเป็น Roman Catholic ประธานาธิบดี Santa Ana ชักไม่ชอบใจ ล้มรัฐธรรมนูญ ประชาชนโกรธ แข็งข้อ Santa Ana มาปราบ ฆ่าอเมริกันที่ The Alamo 187 คนหมด โยนกองกันเผาเลย (ตามธรรมเนียมต้องฝัง) ทารุณมาก คนที่ Goliad ยอมแพ้ แต่ถูกยิงทิ้งหมด
Remember the Alamo และ Remember Goliad จึงเป็น Battle Cry

Sam Houston ไปชนะพวก Mexican ที่ San Jacinto จับ Santa Ana ได้ แต่ปล่อยตัวไป สั่งว่าอย่ากลับมาอีกนะ วันนั้นฆ่าไปเยอะ ฆ่าอย่างป่าเถื่อนเพราะความแค้น หนองน้ำเต็มไปศพ ขนาดเดินได้

ขอบคุณในข้อมูลครับพี่ ซันแด๊นซ์ ::014::+1

Santa Ana ปลอมตัวเป็นประชาชนธรรมดาตอนหนี   แต่โดนจับได้เพราะทหารชั้นผู้น้อยของตัวเอง
Texas เมื่อก่อนเป็นของ Mexico
แต่ทุกวันนี้พวก Mexican ก็เกือบจะยึดคืนได้แล้ว  อิอิอิ


 :D :Dพวก Mexican  นี่รบไม่เก่ง แต่ผลิตทายาทเก่งนะครับ
สาว Mexican สวยครับ ผมชอบหลายคนอยู่เช่น คนนี้ แต่เอ๊ เธอใช่เม็กซิกันหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bluebunny รักในหลวง ที่ มีนาคม 18, 2009, 03:58:11 PM
eva mendes ไม่น่าใช่นะคะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 18, 2009, 04:02:11 PM
น่าไปเที่ยวถิ่นของสาวเชื้อสายสเปนจริงๆ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 18, 2009, 04:45:43 PM
The Big Red One  ดูหลายรอบมากครับ  ดูตั้งแต่เข้าโรงภาพยนต์ใหม่ๆเลย  คุณพ่อพาไปดู 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 18, 2009, 06:05:17 PM
ถ้าให้ผมโหวตหนังสงครามยอดเยี่ยมในรอบสิบปีนี้ ผมโหวตให้  Black  Hawk Down  ครับถ่ายทอดเรื่องราวได้เคลียร์ดีครับ และเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ที่อเมริกาเข้าไปมีเรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ(อันนี้ฟังผู้รู้มาอีกทีครับ) โดยนักร้องสาวใหญ่ Barbra Streisand จัดคอนเสริต์หาทุนช่วยผู้อดอยากในโซมาเรียได้เงินมาก้อนหนึ่งจึงซื้อข้าวแจก ปรากฏว่าผู้นำชนเผ่าหนึ่งชื่อ  นายพล ฟาร่าห์  ไอดิชช์ แฮ๊ปข้าวเป็นของตนเพื่อใช้ข้าวระดมผู้คนมาเป็นพลรบ(militia)ของตน เลยเกิดเรื่อง แบล๊คฮ๊อคดาวน์ขึ้นมา

               ผมอยากทราบเรื่องละเอียดของกรณีนี้จังครับ ::014:: แต่ประเทศนี้ไม่ค่อยมีใครเขียนถึง กระทั่งตัวร้ายคือนายพลไอดิชช์  พบจุดจบอย่างไร(ตอนนี้รู้แต่ว่าตายแล้ว) ก็หารายละเอียดอ่านไม่ได้ครับ  ปัจจุบันใครเป็นนายกฯ?  ปกครองแบบไหน?   :D ;D ประเทศนี้มันช่างมืดตื้ดตื๋ออับข้อมูลจริงๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 18, 2009, 07:48:10 PM
ตอบคุณอภิสิทธิ์
ไม่ค่อยดูหนังฝรั่งเศส เลยไม่ค่อยรู้ค่ะ (ใครดูบ่อยๆ มาแชร์กันก็ดีนะคะ ) แต่คิดว่าฝรั่งเศส ก็ทำหนังเกี่ยวกับเวียดนามนะคะ แต่ออกแนวเป็นหนังชีวิตดราม่าที่อยู่ในช่วงที่ตัวเองยึดเวียดนามได้ เช่น Indochine แต่ว่าฝรั่งเศสจะทำหนังสงครามเพียวๆ คงลำบากใจมั๊งคะ เพราะโดนไล่ออกจากเวียดนามด้วยความรุนแรง จะไปทำหนังระลึกถึงตอนนั้น เดี๋ยวจะขุ่นเคืองกันอีกกับเวียดนามที่อุตส่าห์คืนดีกันได้  เพราะคนฝรั่งเศส ตอนยึดเวียดนาม ยึดเขมรไว้ก็ทำกับประเทศเขาไว้เยอะเหมือนกัน 

ตอนฝรั่งเศสยึดเวียตนาม ก็แบ่งแยกเพื่อปกครอง
พอออกจากเวียตนาม ก็อุตส่าห์ใจดีออกไปแต่ตัว ทิ้งอาวุธไว้ให้อเมริกา มารับช่วงไปต่อ

ยุคแรก ก้าวแรกของทหารอเมริกันบนแผ่นดินเวียตนาม เคยปรากฎบนแผ่นฟิล์มเมื่อปี 2544 (2002)


(http://www.thaidvd2u.com/images/We-Were-Soldiers.gif)


(http://z.about.com/d/countrymusic/1/0/D/y/3/weweresoldierscover.jpg)







หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 18, 2009, 08:00:59 PM
ผมนั่งดูหนังนูเรมเบริกกับอาปา  จอมพลเกอริ่งเป็นแม่ทัพฟ้าสุดท้ายโดนแขวนคอข้อหาอาชญากรสงคราม ทั้งที่แกไม่เคยยึดพื้นที่ ฆ่า-ข่มขืนล้างเผ่าพันธ์  เยอร์มันโดนชำระความอย่างถ้วนถี่ หลังจากนั้นยิวยังตามจองล้างพวกนาซีที่เกี่ยวข้องกับโฮโลคอสส์อีกหลายคน

          ก็ให้เจ็บใจครับ พ่อเล่าให้ฟังว่าพวกญี่ปุ่นพอเข้านานกิงได้เจอคนเป็นฆ่า  และหลายเดือนต่อมาก็เข้ามากวางตุ้ง-ซัวเถา  มีทหารยุ่นสักหมู่ปืนเล็กเข้ามาตั้งแคมป์ที่ตำบลของแก พวกคนหนุ่มก็รวมตัวกันหาอาวุธจะไปคิดบัญชี ไปเป็นร้อยครับแต่โดนมันยิงตายไปเยอะ  คนกลับมาเล่าว่าพวกมันเหมือนผีเร็วมาก เดี๋ยวยิงตรงโน้นเดี๋ยวยิงตรงนี้  คนนำขบวนไปโดนหั่นด้วยซามูไรเป็นสี่ท่อน วางไว้ปากทางเข้าหมู่บ้าน สุดท้ายทั้งตำบลต้องส่งข้าวให้มัน พวกผู้หญิงต้องหาเขม่ามาทาหน้า

       พอยุ่นแพ้สงคราม โตโจ กับบิ๊กไม่กี่คนโดนแขวนคอ  พวกฆาตกรฆ่าข่มขืนเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต น่าเจ็บใจนะครับ

       

เรื่องนานกิงเกิด 1937 ญี่ปุ่นบุกเมืองไทย 1941 เป็นไปได้ไหมว่าผู้นำเราเวลานั้นกลัวญี่ปุ่นจะฆ่าพวกเราแบบที่นานกิง เลยยอมให้ญี่ปุ่นผ่านไปมะลายูและสิงค์โปร์ง่ายๆ

อาจเป็นได้ครับ ญี่ปุ่นวางแผนสำหรับสงครามโลกครั้งที่สองนานครับ

พ่อเล่าให้ฟังว่า ที่ทางใต้แถวบ้านผม มีญี่ปุ่นมาเปิดร้านถ่ายรูป ล้างอัดรูป
เพราะตอนนั้น เรื่องถ่ายรูปคนไทยยังทำไม่เป็น และไม่ค่อยนิยมถ่ายรูป

ญี่ปุ่นคนนั้น ก็เก่ง ถึงคนไม่นิยมถ่ายรูป ก็เปิดร้านเสมอๆ
คนที่เข้าร้านถ่ายรูปในยุคนั้น ก็จะเป็น กลุ่มคน ที่เป็นชนชั้นปกครอง ประมาณข้าราชการในอำเภอ
ซึ่งก็ต้องเป็นโอกาสพิเศษ เช่นเลื่อนตำแหน่ง ติดยศสูงขึ้น หรือถ่ายรูปบุตร ธิดา

ถึงรายได้น้อย พอตอนเย็น ก็ปิดร้านออกหาปลา หาผักมากิน เป็นที่น่าสงสารของชาวบ้าน
บ้างก็แบ่งปันที่ตัวเองมีมาให้

พอญี่ปุ่นประกาศสงคราม ช่างถ่ายรูปคนนั้น แต่งเครื่องแบบทหารญี่ปุ่นเฉย.....


ทหารกลุ่มใหม่หลังประกาศสงคราม ที่เดินเรือมาขึ้นฝั่งละแวกนั้น ....
ต่างพากันเดินเท้ามา ที่จุดนัดพบที่วัดแห่งหนึ่ง...กันนับร้อยคน...
โดยทำความเคารพต่อช่างถ่ายรูป แบบที่ทำความเคารพ ผู้บังคับบัญชา


อ้อ....มาตามแผนที่ด้วยนะครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 18, 2009, 08:06:24 PM
ดิฉันว่า หนังเมกาก็สะท้อนความรู้สึกคนเมกันแต่ละช่วงที่หนังถูกสร้างออกมาน่ะค่ะ

สำหรับเมกา หนังสงครามโลก คงทำง่าย เพราะคนสร้างหนังเมกันรู้อยู่ว่าตัวเองชนะ คนสร้างหนังยุคนั้นก็สะท้อนความคิดคนเมกันยุคนั้น ที่เห็นตัวเองเป็นผู้ไปช่วยเหลือผู้อืน และแม้จะโดนทำร้ายก็กลับมาเอาชนะศัตรูได้ ดูแล้วเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด เท่ และแม้จะชนะก็ให้เกียรติอีกฝ่าย สรุปรวมคือ มีความเป็นมนุษย์ที่ดี รบเมื่อจำเป็น รบเพื่อช่วยผู้อื่น อะไรทำนองนั้น


คุณblue bunny ทำให้ผมนึกไปถึงเรื่อง Letter from Iwo Jima

มีทั้งสองเวอร์ชั่น แต่ดูแค่ครั้งเดียนวทั้งสองเวอร์ชั่น จดจำอะไรจากหนังไม่ค่อยได้เลย

(http://z.about.com/d/movies/1/0/H/H/O/lettersfromiwojimaposter.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มีนาคม 18, 2009, 08:10:38 PM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ

พวกอเมริกันเข้าไปอยู่ใน Mexico มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Mexico อยากให้คนไปอยู่ตอนเหนือของ Mexico มากๆขึ้น มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็น Mexican และเปลี่ยนศาสนาเป็น Roman Catholic ประธานาธิบดี Santa Ana ชักไม่ชอบใจ ล้มรัฐธรรมนูญ ประชาชนโกรธ แข็งข้อ Santa Ana มาปราบ ฆ่าอเมริกันที่ The Alamo 187 คนหมด โยนกองกันเผาเลย (ตามธรรมเนียมต้องฝัง) ทารุณมาก คนที่ Goliad ยอมแพ้ แต่ถูกยิงทิ้งหมด
Remember the Alamo และ Remember Goliad จึงเป็น Battle Cry

Sam Houston ไปชนะพวก Mexican ที่ San Jacinto จับ Santa Ana ได้ แต่ปล่อยตัวไป สั่งว่าอย่ากลับมาอีกนะ วันนั้นฆ่าไปเยอะ ฆ่าอย่างป่าเถื่อนเพราะความแค้น หนองน้ำเต็มไปศพ ขนาดเดินได้

ขอบคุณในข้อมูลครับพี่ ซันแด๊นซ์ ::014::+1

Santa Ana ปลอมตัวเป็นประชาชนธรรมดาตอนหนี   แต่โดนจับได้เพราะทหารชั้นผู้น้อยของตัวเอง
Texas เมื่อก่อนเป็นของ Mexico
แต่ทุกวันนี้พวก Mexican ก็เกือบจะยึดคืนได้แล้ว  อิอิอิ


 :D :Dพวก Mexican  นี่รบไม่เก่ง แต่ผลิตทายาทเก่งนะครับ
ชาว Mexican จะนับถือ Catholic ไม่เชื่อเรื่องกุมกำเนิด  ถ้าเป็นพวกแม็กที่อยู่ในเมกา  ก็ผลิตออกมาเยอะๆ  จะได้ ๆด้ขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล( wellfare ) ได้เยอะๆ ( ไอ้เวร  ตูก็จ่ายไปเถอะภาษีน่ะ)   พวกนี้เลี้ยงลูกเหมือนลิงเหมือนขโมน( จากที่เห็น) โตขึ้นมาดีก็ดีไป
ส่วนมากก็เข้า แก๊งค์  เป็นที่รักใคร่ของประชาชนโดยทั่วไป  
ภาษาอังกฤษอยู่กันมาเป็นปีๆ  ตูก็ไม่ยอมหัดพูด หรือแกล้งโง่  จนหลายๆๆรัฐ มีภาษาสำรองเป็นภาษาแม็กแล้ว  
ใครจะด่าจะว่า ตูไม่สนตูจะอยู่ของตูแบบนี้  ครายจะทำไม  เวร...........


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2009, 01:43:05 AM
ผมนั่งดูหนังนูเรมเบริกกับอาปา  จอมพลเกอริ่งเป็นแม่ทัพฟ้าสุดท้ายโดนแขวนคอข้อหาอาชญากรสงคราม ทั้งที่แกไม่เคยยึดพื้นที่ ฆ่า-ข่มขืนล้างเผ่าพันธ์  เยอร์มันโดนชำระความอย่างถ้วนถี่ หลังจากนั้นยิวยังตามจองล้างพวกนาซีที่เกี่ยวข้องกับโฮโลคอสส์อีกหลายคน

          ก็ให้เจ็บใจครับ พ่อเล่าให้ฟังว่าพวกญี่ปุ่นพอเข้านานกิงได้เจอคนเป็นฆ่า  และหลายเดือนต่อมาก็เข้ามากวางตุ้ง-ซัวเถา  มีทหารยุ่นสักหมู่ปืนเล็กเข้ามาตั้งแคมป์ที่ตำบลของแก พวกคนหนุ่มก็รวมตัวกันหาอาวุธจะไปคิดบัญชี ไปเป็นร้อยครับแต่โดนมันยิงตายไปเยอะ  คนกลับมาเล่าว่าพวกมันเหมือนผีเร็วมาก เดี๋ยวยิงตรงโน้นเดี๋ยวยิงตรงนี้  คนนำขบวนไปโดนหั่นด้วยซามูไรเป็นสี่ท่อน วางไว้ปากทางเข้าหมู่บ้าน สุดท้ายทั้งตำบลต้องส่งข้าวให้มัน พวกผู้หญิงต้องหาเขม่ามาทาหน้า

       พอยุ่นแพ้สงคราม โตโจ กับบิ๊กไม่กี่คนโดนแขวนคอ  พวกฆาตกรฆ่าข่มขืนเดี๋ยวนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต น่าเจ็บใจนะครับ

      

เรื่องนานกิงเกิด 1937 ญี่ปุ่นบุกเมืองไทย 1941 เป็นไปได้ไหมว่าผู้นำเราเวลานั้นกลัวญี่ปุ่นจะฆ่าพวกเราแบบที่นานกิง เลยยอมให้ญี่ปุ่นผ่านไปมะลายูและสิงค์โปร์ง่ายๆ

ผมเชื่อว่ามีการประสานงานในระดับสูงอยู่แล้วครับ...

จอมพลป.ฯตอนลี้ภัยก็ออกไปเขมรก่อนจะไปญี่ปุ่น...

จนจบชีวิตที่นู่น น่าจะพอแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดในระดับสูงได้ครับ...

ก่อนหน้านั้นไม่นานช่วงสงครามอินโดจีนญี่ปุ่นก็เข้ามาเป็นคนไกล่เกลี่ยระหว่างไทยกับฝรั่งเศสครับ... ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มีนาคม 19, 2009, 08:39:29 AM
นายสมชายเพิ่งดูเรื่องวัลคีรี่(Valkyrie)จบครับ... เห็นประเด็นที่คุณ L/E บอกเอาไว้ครับ ว่าไม่ได้เน้นเรื่องเหตุผลความจำเป็นที่ต้องการยึดอำนาจให้ชัดเจน ทั้งที่เหตุผลแรงจูงใจของคณะผู้ก่อการฯ เกิดจากความยากจนข้นแค้นของบรรดาประชาชนพลเมืองครับ... โดยเฉพาะสภาพบ้านเรื่องและชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวอีตาทอม ครู๊สยังไม่ยากเข็ญเท่าใด และชื่อการปฏิบัติการ Valkyrie ได้มาจากชื่อแผ่นเสียงตราหมาฟังเพลงที่เปิดค้างเอาไว้ระหว่างที่อีตาทอมครู๊สพาลูกเมียหลบกระเบิดอยู่ห้องใต้ดิน...

ดูในหนังแล้ว หากคณะผู้ก่อการได้นายทหารไทยที่เคยก่อการฯ ในประเทศไทยไปช่วยวางแผนให้... ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแน่ครับ... ไม่ฮา

ลำดับแรกเมื่อระเบิดทำงานในห้องประชุมแล้วน่าจะมีดาบสอง ตามไปโยนระเบิดมือสักสามสี่ลูกใส่ซากปรักพังจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลือในห้องประชุม... ทหารรักษาการณ์ไม่ต้องกังวล เพราะขณะนั้นทุกคนจะงงหมด ให้หนีให้ได้เป็นพอครับ... เมื่อฮิตเลอร์และทหารในห้องตายหมดแล้ว ใครยศสูงที่สุดจะ In charge โดยอัตโนมัติ ซึ่งก็จะเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว(อีตามทอมครูสทำงานไม่ละเอียดหลายอย่าง ไม่น่าไต่เต้าได้ถึงขนาดนั้น... มีระเบิดสำรองก็ไม่ได้ใช้อีกแน่ะ)...

ลำดับสองเรื่องการสื่อสาร... ผู้ก่อการไม่ได้ยึดศูนย์การสื่อสารเอาไว้ ทั้งชุมสายโทรศัพท์และศูนย์การส่งผ่านคำสั่ง... จะเห็นว่าเริ่มต้นส่งคำสั่งของทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อทราบว่าฮิตเลอร์ไม่ตาย ก็เลิกส่งคำสั่งของผู้ก่อการ (ที่จริงถึงแม้ไม่ตาย แต่ทำให้คนคิดว่าตายจริง ก็ได้ผลเช่นเดียวกันแหละ)... ส่วนของไทยแผล็บเดียวได้เห็นคุณอาคม มกรานนท์อ่านแถลงการณ์... ฮา

ลำดับสาม ไม่ได้เตรียมการเรื่องคนคุมกำลังเอาไว้... เมื่อฮิตเลอร์คุยโทรศัพท์กับนายทหารคุมกำลัง สถานการณ์เปลี่ยนทันที... ส่วนของไทยที่เคยทำ จะคุยกับหน่วยคุมกำลังเอาไว้ตั้งแต่แรก(อ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์)...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 19, 2009, 09:29:44 AM
ยุคแรก ก้าวแรกของทหารอเมริกันบนแผ่นดินเวียตนาม เคยปรากฎบนแผ่นฟิล์มเมื่อปี 2544 (2002) โดยคุณซับฯ

กลำงรบของทหารเมกันอย่างเป็นทางการคือการยกพลขึ้นบกของนาวิกที่ ดานัง ปี 1965 ครับ หลังเหตุการอ่าว ตองกิง (ตังเกี๋ย) ไม่มีการต่อต้านการขึ้นบก

ที่จริงที่ปรึกษาทางทหารเข้าไปตั้งแต่ปี 1959 ในอนุสาวรีย์สงครามเวียดนามรูปตัว V ที่ วอชิงตัน ดีซี จารึกผู้ที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 1959

1945 ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก ฝรั่งเศสกลับเข้ามาปกครองอาณานิคมอินโดจีน ตอนนั้นเวียดนามยังถูกแบ่งเป็น 3 เขต

1954 เวียดมินต์รบชนะฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู ฝรั่งเศสถอดใจถอนออกจากอินโดจีน ในส่วนของเวียดนามแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ เหนือระบอบสังคมนิยม ใต้ระบอบเลือกตั้ง

คนเวียดนามปกครองกันเอง เหมือนเยอรมันตะวันตก ตะวันออก อยู่กันมา 5 ปี

1959 เวียดนามเหนือ รุกราน เวียดนามใต้ เวียดนามใต้เรียกเมกันมาช่วย

การรบในประเทศเวียดนามที่ต่อเนื่องกันเป็นช่วงสุดท้าย คนเวียดนามเริ่มรบกับคนเวียดนาม เอาชนะเพื่อให้รัฐบาลของตัว /ระบอบของตัว ไปปกครองคนเวียดนามทั้งหมด

จุดประสงค์ของสงครามดั้งเดิมและคลาสสิกครับ "รบทำลายข้าศึก เพื่อเข้าปกครองประเทศ" :<><>


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 19, 2009, 10:15:11 AM
ครับพี่สมชาย

เรื่องวัลคีรีหลายตอนสร้างเหมือนกับนึกว่าคนดูไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดำเนินเรื่องเป็น "สงครามสมัครเล่น" ไซเรนมาก็หลบห้องให้ติน 2 นาทีก็ระเบิดลง 

เยอรมันเริ่มตรวจจับการแจ้งเตือน ทั้งฟังวิทยุ ทั้งเรด้าห์ตั้งแต่ขบวนเครื่องทิ้งระเบิด เริ่มรวมพล ที่อังกฤษ การรวมพล ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เครื่องหลายร้อยลำ หรือเป็นพันลำึ้ขึ้นจากหลายสิบสนามบิน แต่ละกลุ่มยิงพลุสลับสีให้สัญญาณเรียกลูกฝูงรวมตัว กว่าจะตั้งขบวนได้มักชนกันตายไปเองหลายลำ เมื่อเริ่มบินกันมาจะมีเส้นทางหลอก หักเลี้ยว 2-3 ครั้ง เยอรมันก็ตามโดยตลอด เตือนทุกเมืองมาตามทาง ยามคอยเฝ้า ขับไล่ดำเนินการรวมพลเข้าสู้ ฯลฯ เป็นการรบทางอากาศแบบเผชิญหน้า วัดฝีมือสกัดกั้น วัดใจฝ่าดง ปตอ.    ...ไม่มีเรื่องเตือน 2 นาทีแล้วระเบิดลง

เรื่องที่ไปหลบในห้องใต้ดินก็เต็มทน จนถึงปี 1944 เยอรมันถูกบอร์มทำลายล้างอย่างรุนแรงมาหลายเมือง อย่างต่อเนื่องแล้ว ฮัมบูรก์ ก็โดนบอร์มตั้งแต่ 1943 เยอรมันสร้างหลุมหลบภัยเฉพาะกิจไว้ทั้งนั้น ไม่ให้คนหลบกันในบ้าน บังเกอร์แต่ละแห่งจุคนหลายร้อนหรือเป็นพันคนการบอร์มอย่างรุนแรงในช่วงลังสงครามถึงขั้นเปลี่ยนเมืองเป็นเตา ร้อนระดับอลูมิเนียมละลาย ถนนหนทางกลายเป็นช่องลมดูดอากาศเข้าจุดศูนย์กลางควันไฟขึ้นระดับ 2-3 หมื่นฟุต นักบินทิ้งระเบิดเมกันบันทึกว่าเอามือแตะหน้าต่างเครือ่งบินยังร้อน ขนาดในบังเกอร์ใหญ่ๆ ไม่โดนระเบิดโดยตรงคนยังตายเพราะโดนอบ หรือพบบ่อยๆ ว่าตายเพราะหายใขไม่ออก อากาศโดนดูดเข้าเมืองกองไฟหมด

เขาว่ามีนายทหารบางคนที่ใจถึงยอมตายอาสาจะโดยนระเบิดใส่หน้าฮิตเล่อร์เหมือนกันครับ แต่ไม่อยู่ใในตำแหน่งที่เข้าถึงตัวได้ ตามธรรมดาจะมีการตรวจกระเป๋าเสมอ แต่ยามเกรงใจ ชเตาเฟนแบร์ก ที่พิการ เลยรอดไป

ที่จริงวันก่อนหน้าที่ ชเตาเฟนแบร์ก เอาระเบิดไปแล้วไม่มีโอกาสวางระเบิด ชเตาเฟนแบร์ก เจอ ฮิตเล่อร์ ใกล้ชิดครับ รูปถ่ายที่ผมลงในหน้า 11 กระทู้นี้ก็คือเหตุการณ์วันนั้น..


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 19, 2009, 11:16:28 AM
ตอนจะจบผบ.คุมกำลังรักษาดินแดนรับสายฮิตเลอร์จากนั้นเกมก็พลิกนี่ถ้าจะพากษ์ไทยเสียงฮิตเลอร์ให้ได้อารมณ์ คงจะเป็น "จำเสียงป๋าได้ไหมลูก" :D :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Jack Sparrow ที่ มีนาคม 19, 2009, 10:24:56 PM
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ::014::.......
      ผมได้ติดตามอ่านบทวิจารย์ภาพยนต์สงครามของพี่ๆ.......จากหน้าแรก...ติดต่อกับสามวันจนถึงหน้าสุดท้าย ::002::
               บอกตามตรง...ว่าผมสนใจชมและเก็บสะสมภาพยนต์สงครามมานานแล้ว
                      และจากได้อ่านไป...จดชื่อหนังไป......จึงมีคำถามว่า :D~.......พี่ๆหาซื้อหนังพวกนี้จากร้านไหนครับ
                                                                                         ผมหามาเก็บมั่งครับ ::014:: ::014::

             


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มีนาคม 19, 2009, 10:46:13 PM
เรื่องแผ่น DVD แผ่น Blu-ray ของภาพยนตร์พวกนี้ลองหาซื้อจาก www.boomerangshop.com , www.amornmovie.com และ www.cap.co.th ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Skynavy ที่ มีนาคม 19, 2009, 10:56:57 PM
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ::014::.......
      ผมได้ติดตามอ่านบทวิจารย์ภาพยนต์สงครามของพี่ๆ.......จากหน้าแรก...ติดต่อกับสามวันจนถึงหน้าสุดท้าย ::002::
               บอกตามตรง...ว่าผมสนใจชมและเก็บสะสมภาพยนต์สงครามมานานแล้ว
                      และจากได้อ่านไป...จดชื่อหนังไป......จึงมีคำถามว่า :D~.......พี่ๆหาซื้อหนังพวกนี้จากร้านไหนครับ
                                                                                         ผมหามาเก็บมั่งครับ ::014:: ::014::

            

ผมซื้อที่ซีคอนสแควร์เป็นหลักครับ ....ชั้น1 ฝั่งโลตัส จะมีร้านเหรียญทอง (CAP) มีDVD และVCD หนังสงครามค่อนข้างเยอะ อย่างเมื่อเย็นผมไปเดินดู ยังเห็น  Letters from Iwo Jima , We were soldiers , Black hawk down , The Big Red One  ฯลฯ วางอยู่ครับ  ;)

ชั้น 3 ฝั่งโรงหนังที่คลองถมซีคอนฯ จะมีอีกเพียบครับ ล่าสุด Valkyrie มาแล้ว  ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 19, 2009, 11:21:12 PM
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ::014::.......
      ผมได้ติดตามอ่านบทวิจารย์ภาพยนต์สงครามของพี่ๆ.......จากหน้าแรก...ติดต่อกับสามวันจนถึงหน้าสุดท้าย ::002::
               บอกตามตรง...ว่าผมสนใจชมและเก็บสะสมภาพยนต์สงครามมานานแล้ว
                      และจากได้อ่านไป...จดชื่อหนังไป......จึงมีคำถามว่า :D~.......พี่ๆหาซื้อหนังพวกนี้จากร้านไหนครับ
                                                                                         ผมหามาเก็บมั่งครับ ::014:: ::014::

            

ผมซื้อที่ซีคอนสแควร์เป็นหลักครับ ....ชั้น1 ฝั่งโลตัส จะมีร้านเหรียญทอง (CAP) มีDVD และVCD หนังสงครามค่อนข้างเยอะ อย่างเมื่อเย็นผมไปเดินดู ยังเห็น  Letters from Iwo Jima , We were soldiers , Black hawk down , The Big Red One  ฯลฯ วางอยู่ครับ  ;)

ชั้น 3 ฝั่งโรงหนังที่คลองถมซีคอนฯ จะมีอีกเพียบครับ ล่าสุด Valkyrie มาแล้ว  ::005::

ขอเสริมครับ  แรกๆอาจซื้อผิดซื้อถูกบ้าง  ต่อไปดูมากๆ  จะดูใบปิดหนังออกทันทีเลยครับ ว่าน่าสนใจมากน้อยเพียงไร  หรือดูออกว่า ทำมาสวยเท่านั้นเนื้อหายังไม่เคลียร์ใจเท่าไหร่   


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 20, 2009, 11:08:07 AM
เมกามันโอ๋ญี่ปุ่นเหลือเกินครับ ในการพิจารณาคดีพวกนายทหารระดับล่างๆที่โหดๆไม่โดนเอามาพิจารณาคดีครับ  นึกแล้วขำตัวเองครับคุณต๊อก ::007:: อ่านกระทู้นี้แล้วหนังสงครามเก่าๆมีกี่เรื่องผมเก็บมาดูใหม่หมด เสร็จแล้วก็มาสังเกตุอย่างครับพวกสงครามโลกดูเสร็จก็โปร่งใจดี  แต่พวกสงครามเวียดนามดูแล้วมันเบื่อๆคาอกคาใจ  แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ทำหนังที่มันรบกันกับญวนด้วยนะครับแปลกไหม 

      อลาโม่สร้างสองครั้ง ดูแล้วสนุกแต่ก็งงๆ เอมันรบกันเพราะอะไรเอ่ยและจะเอาอะไรหว่า  :Dไอ้เราก็บ้านั่งดูได้สองรอบสามรอบ

พวกอเมริกันเข้าไปอยู่ใน Mexico มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Mexico อยากให้คนไปอยู่ตอนเหนือของ Mexico มากๆขึ้น มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็น Mexican และเปลี่ยนศาสนาเป็น Roman Catholic ประธานาธิบดี Santa Ana ชักไม่ชอบใจ ล้มรัฐธรรมนูญ ประชาชนโกรธ แข็งข้อ Santa Ana มาปราบ ฆ่าอเมริกันที่ The Alamo 187 คนหมด โยนกองกันเผาเลย (ตามธรรมเนียมต้องฝัง) ทารุณมาก คนที่ Goliad ยอมแพ้ แต่ถูกยิงทิ้งหมด
Remember the Alamo และ Remember Goliad จึงเป็น Battle Cry

Sam Houston ไปชนะพวก Mexican ที่ San Jacinto จับ Santa Ana ได้ แต่ปล่อยตัวไป สั่งว่าอย่ากลับมาอีกนะ วันนั้นฆ่าไปเยอะ ฆ่าอย่างป่าเถื่อนเพราะความแค้น หนองน้ำเต็มไปศพ ขนาดเดินได้

ขอบคุณในข้อมูลครับพี่ ซันแด๊นซ์ ::014::+1

Santa Ana ปลอมตัวเป็นประชาชนธรรมดาตอนหนี   แต่โดนจับได้เพราะทหารชั้นผู้น้อยของตัวเอง
Texas เมื่อก่อนเป็นของ Mexico
แต่ทุกวันนี้พวก Mexican ก็เกือบจะยึดคืนได้แล้ว  อิอิอิ


 :D :Dพวก Mexican  นี่รบไม่เก่ง แต่ผลิตทายาทเก่งนะครับ
ชาว Mexican จะนับถือ Catholic ไม่เชื่อเรื่องกุมกำเนิด  ถ้าเป็นพวกแม็กที่อยู่ในเมกา  ก็ผลิตออกมาเยอะๆ  จะได้ ๆด้ขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล( wellfare ) ได้เยอะๆ ( ไอ้เวร  ตูก็จ่ายไปเถอะภาษีน่ะ)   พวกนี้เลี้ยงลูกเหมือนลิงเหมือนขโมน( จากที่เห็น) โตขึ้นมาดีก็ดีไป
ส่วนมากก็เข้า แก๊งค์  เป็นที่รักใคร่ของประชาชนโดยทั่วไป  
ภาษาอังกฤษอยู่กันมาเป็นปีๆ  ตูก็ไม่ยอมหัดพูด หรือแกล้งโง่  จนหลายๆๆรัฐ มีภาษาสำรองเป็นภาษาแม็กแล้ว  
ใครจะด่าจะว่า ตูไม่สนตูจะอยู่ของตูแบบนี้  ครายจะทำไม  เวร...........


กลุ้มใจแทนเลยครับ ::004::  เงินเมกาสัญญานเริ่มไม่ค่อยดีครับ(โภคภัณฑ์ทองคำน้ำมันเริ่มทะยานออกตัว) เมื่อวานมีรายงานผู้รับเงินชดเชยว่างงานจากรัฐบาล5,400,000(ห้าล้านสี่แสนคน)คนจ่ายภาษีอานเลยครับ 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 20, 2009, 04:07:40 PM
http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/7907437.stm

'Good Nazi of Nanjing' sparks debate   

A film about a member of the Nazi party who saved thousands of Chinese during the massacre in Nanjing recently opened in Germany. The BBC's Zoe Murphy looks at the possible impact this unlikely hero's story may have on Sino-Japanese relations.

On Christmas Eve in 1937, German businessman John Rabe visited the mortuary in China's then capital, Nanjing.


 He later described in his diary the charred body of a civilian man whose eyes had been gouged out, and a boy of perhaps seven, whose corpse was punctured with bayonet wounds.

"I wanted to see these atrocities with my own eyes, so that I can speak as an eyewitness later," he wrote. "A man cannot be silent about this kind of cruelty!"

The Second Sino-Japanese War was raging.

Japanese troops had stormed the capital, carrying out mass executions and raping tens of thousands of local women and girls, in a six-week orgy of violence that became known as the Rape of Nanjing.

Risking his life, Rabe remained in China and, along with a handful of Westerners, set up a "safety zone" in Nanjing that is thought to have prevented the massacre of more than 200,000 Chinese during one of the bloodiest episodes of the Japanese invasion.

As Germany and Japan were allies, Rabe used his Nazi party membership to do all he could to protect civilians in the zone - including 650 sheltering refugees in his own house and garden.

With a flash of his swastika armband and through sheer force of personality, he intervened in acts of looting and attempted rape by the Japanese troops.

The diaries of this unlikely and unsung hero only became public knowledge in the late 1990s, when they were published in Germany. They have now been made into a film, simply titled John Rabe.

The biopic, which premiered recently in Germany, may stoke historical tensions between Beijing and Tokyo. But it is hoped that Rabe's story may renew debate and ultimately help heal old wounds.

Historical document

The events of 1937 have left enormous psychological scars in China, and the Chinese believe that Japan has not done enough to atone for its militarist past.

China says 300,000 people were killed during the assault on Nanjing. But much to the anger of Beijing, some conservative Japanese politicians and academics have said such figures are exaggerated. Some even deny that a massacre ever took place.

Such declarations also frustrate mainstream historians in Japan and further afield.

William Kirby, head of the Fairbank Center for Chinese Studies at Harvard University, says the exact death toll is not the main issue.

"What you have is a great massacre of a civilian population that goes on for weeks… Nanjing is surrendered but the Japanese proceed to terrorise the inhabitants. These facts are incontrovertible."

Coming to light nearly 60 years after the event, he says that John Rabe's diaries are a powerful new document detailing what happened day-by-day.

Mr Kirby says that Rabe had "no anti-Japanese axe to grind" at the outset.

"He saw the Japanese as a normal army and initially resisted the stories of wrongdoing - he was a neutral outsider."

During the conflict, Rabe wrote: "Last night up to 1,000 women and girls are said to have been raped... If husbands or brothers intervene, they're shot.

"What you hear and see on all sides is the brutality and bestiality of the Japanese soldiery."

Nazi links

The film's director Florian Gallenberger says it was by staying true to the events as described by Rabe that the film achieved neutrality.

"At the beginning of the conflict I think [Rabe] has great trust in the Japanese as German allies to behave in a disciplined and fair way - but when it turns out otherwise he is shocked. He feels it is his responsibility to act."

He says Rabe's courage was fuelled by his sense of morality, rather than any political conviction.

As bombs rained down, Rabe wrote: "Anyone who has ever... held a trembling Chinese child in each hand through the long hours of an air raid can understand what I feel."

At one point, he covered a shelter with a huge swastika flag, which he described as being considered "especially bombproof".

After living in China for 30 years, Rabe had a naive image of Germany's National Socialism as a humanistic workers' movement, says Mr Gallenberger.

Rabe even wrote to Adolf Hitler asking for his intervention in the violence, as he believed the Nazi leader would not have condoned Japan's actions.

'Hard to watch'

The passage of time has allowed Germany to review its own wartime actions, notably the Nazi genocide of some six million European Jews during World War II.

Now with historical distance, the 37-year-old director hopes the film will trigger a new dialogue and help Japan also come to terms with its own past.

"After such a long time, there should be a way of dealing differently with the responsibility they have, rather than trying to avoid it or make it disappear," he says.

John Rabe is expected to be widely viewed in China after it premieres at the Shanghai Film Festival in June. But it is unclear whether the film will be released in Japanese cinemas.

The film's producers hope that the involvement of Japanese star Teruyuki Kagawa will prevent the film from being silenced there.

Teruyuki Kagawa plays the emperor's relative, Prince Asaka, who was the top ranking Japanese officer in Nanjing at the height of the atrocities.

During the Tokyo War Crimes Tribunal in 1946, Prince Asaka denied any massacre of Chinese and said he had never received any complaint about his soldiers' conduct.

Controversially, the film speculates on his involvement in the decision-making process.

Teruyuki Kagawa says: "When faced with this film, many people will be shocked [to learn] the Japanese carried out such cruel acts.

"I think Japanese people will find the two hours very hard [to watch]."




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Jack Sparrow ที่ มีนาคม 20, 2009, 08:15:31 PM
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากเลยครับ ::014::
      ที่ช่วยชี้แนะร้านขายแผ่น....ให้กับผมครับ :VOV:


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 12:51:37 PM
ชวนดูภาพยนต์ครับ Inglourious Bastards ครับ

ประเภท ดราม่าทาแรนติโน่

ฉาก ช่วงประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ณ ดินแดนฝรั่งเศสส่วนที่เยอรมันยึดครอง

เนื้อเรื่อง ยืมเครื่องต้มยำมาแกงกะทิแล้วกลายเป็นเย็นตาโฟรสชาดสุดยอด

การนำเสนอ เนียนนุ่มเรียบลื่นยังกับไหมทอลายตรง

สีสัน ไม่เลอะเทอะเลือดท่วมทั้งแดงขาวดำอย่างเรื่อง "นครแห่งบาป" หรือ เลือนจริงราวกับรูป ซัลวาดอร์ ดาลี่ อย่างเรื่อง "สังหารคุณบิล" หรือ คลุ้งกลิ่นสมุนไพรยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อย่างเรื่อง "นิยายเละๆ"

คะแนน กลุ่มดาวลูกไก่ ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 12:55:09 PM
 ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:00:05 PM
 :DD


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:06:10 PM
 8)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:08:47 PM
Almost last but certainly not least ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:10:07 PM
ท่าน จนท.  กรุณานำ DVD มาส่งป๋มที่ office หน่อยดิกั๊บ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:12:02 PM
วุ๊ย หนังใหม่ๆ ทาโลชั่นตึงๆ ขอเชิญท่านแมงฯ ทัศนาในโลง เอ้อ โรงนะครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:21:20 PM
ผู้กำกับจอมบ้า และ ซิก 228

ปล. ห้ามเลียนแบบการจับถืออาวุธปืนโดยอันตรายเช่นนี้เด็ดขาด ::010::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:31:38 PM
 :) ขอบคุณ คุณ.ต๊อก ครับ

ว่าจะไปดูวันศุกร์นี้แหละครับ เห็นเค้าว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ภาพยนตร์เรื่องแรกของเมืองไืทย ที่ได้รับการจัดเรตติ้งหลังมีการประกาศใช้ พรบ. เกี่ยวกับเรตติ้งครับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เรต น.18+

ตัวอย่างครับ
Inglourious Basterds Official Trailer HD (http://www.youtube.com/watch?v=daxfUdqQM2w&feature=player_embedded#ws-normal)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:32:47 PM
วุ๊ย หนังใหม่ๆ ทาโลชั่นตึงๆ ขอเชิญท่านแมงฯ ทัศนาในโลง เอ้อ โรงนะครับ อิ อิ

เออ..ป๋มไม่เพื่อนดูด้วยอ่ะกั๊บ...
ดูคนเดียว มันมืด  กัวปี๋กั๊บ...ท่าน จนท.


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:34:43 PM
ยินดีครับพี่วัฒน์ ถ้าไม่ชอบให้คืนตั๋วข้าวโพดคั่วโค๊กยักษ์เลยครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:35:33 PM
วุ๊ย หนังใหม่ๆ ทาโลชั่นตึงๆ ขอเชิญท่านแมงฯ ทัศนาในโลง เอ้อ โรงนะครับ อิ อิ

เออ..ป๋มไม่เพื่อนดูด้วยอ่ะกั๊บ...
ดูคนเดียว มันมืด  กัวปี๋กั๊บ...ท่าน จนท.

ชวนท่่านซับไปสิครับ ไม่ต้องกลัวผี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 01:41:42 PM
เท่าที่ผมเห็นที่จัดเรตติ้งคือติดป้ายบอกเรตที่โปสเตอร์หนังกับขึ้นจอก่อนฉายครับ ไม่ได้มีการบังคับระเบียบโดยการตรวจบัตร ฯลฯ

อย่างไรก็ตามแบบที่ผมว่าไม่เข้าท่าจริงๆ คือเซนเซอร์เซรามิกภาพขวดเหล้ากับเชือดคอ ในโรงหนังอย่างเรื่อง สวีนี่ ท๊อด ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:01:58 PM
เรื่องนี้ ไม่มีแรงบับดาลใจให้ไปดูเลยอ่ะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:23:15 PM
โอ้... ขอบคุณ คุณต๊อกครับ...

หนังเรื่องนี้ได้แต้ม 8.7 จาก IMDB เชียวครับ http://www.imdb.com/title/tt0361748/ (http://www.imdb.com/title/tt0361748/) จากคนโหวตเกือบสองหมื่นคน... นับว่าสูงมากสำหรับคนโหวตที่นี่ แม้แต่หนังออสการ์หลายเรื่องได้ไม่สูงเท่านี้ครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:30:16 PM
ครับพี่สมชาย เนื้อหาไม่ค่อยตรงตามจริงเพราะจุดประสงค์ของหนังไม่ใช่การประกอบประวัติศาสตร์อย่าง  The Longest day / Tora Tora Tora หรือเกร็ดประวัติศาสตร์จริงอย่าง Band of Brothers แต่ตามที่แจ้ง เป็นเมนูจากเชฟทาแรนติโน่ที่ผมชอบที่สุดครับ

ถ้าท่านซับไม่ดูอาจจะเสียใจ ผมดูยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยก็รู้ตัวว่าจะซื้อแผ่นเก็บไว้ เฟรนช์ฟรายในช่องฟรีซ เลยละ (มัน cool มาก)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:32:05 PM
เรื่องนี้ ไม่มีแรงบับดาลใจให้ไปดูเลยอ่ะ

เอารูปยายไดแอน ครูเกอร์ มาให้คุณปืนกลมือดูครับ เผื่ออยากไปดูหนัง...

(http://img45.imageshack.us/img45/2974/dianekrugerwallpaperde0.jpg)
(http://community.fxuk.com/blogs/fox_insider/Diane%20Kruger.jpg)

ส่วนรูปนี้มีวับๆ แวมๆ นิดๆ... ตามไปดูที่นี่ครับ(ยังเป็นศิลปะอยู่ ไม่ใช่ X หรือ R)... http://hotcelebrity.name/wp-content/uploads/2008/11/dianekruger.jpg (http://hotcelebrity.name/wp-content/uploads/2008/11/dianekruger.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:33:45 PM

อย่างไรก็ตามแบบที่ผมว่าไม่เข้าท่าจริงๆ คือเซนเซอร์เซรามิกภาพขวดเหล้ากับเชือดคอ ในโรงหนังอย่างเรื่อง สวีนี่ ท๊อด ครับ


 :) ผมล่ะเกลียดมากเลยครับ ไอ้เซ็นเซอร์แบบนี้ ไม่ว่าหนังที่เข้าโรงหรือเป็นแผ่นมาขาย ถ้าฉายตามสื่อสาธารณะก็ว่าไปอย่าง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:36:16 PM
อู๊ย...ย.ย...
เริ่มแล้วครับ พี่สมชาย(ฮา)
เริ่มมีแรงบันดาลใจไปดูแล้วครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:36:46 PM
ยายนี่ก็สวยดี แต่ชื่ออ่านว่ายังไงก็ไม่รู้... ฮา

(http://www.biosstars.com/m/melanie-laurent/Melanie_Laurent%20001.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:38:47 PM
ท่านซับไปดูคนนี้ก็ได้ครับ Melanie Laurent ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:42:20 PM
Melanie Laurent อ่านแบบยี่ห้อนี่ละครับ YSL Yves Saint Laurent


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:48:00 PM
ครับพี่สมชาย เนื้อหาไม่ค่อยตรงตามจริงเพราะจุดประสงค์ของหนังไม่ใช่การประกอบประวัติศาสตร์อย่าง  The Longest day / Tora Tora Tora หรือเกร็ดประวัติศาสตร์จริงอย่าง Band of Brothers แต่ตามที่แจ้ง เป็นเมนูจากเชฟทาแรนติโน่ที่ผมชอบที่สุดครับ

ถ้าท่านซับไม่ดูอาจจะเสียใจ ผมดูยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยก็รู้ตัวว่าจะซื้อแผ่นเก็บไว้ เฟรนช์ฟรายในช่องฟรีซ เลยละ (มัน cool มาก)


Tora Tora Tora เรื่องเคยดูสมัยเด็กๆ ยังจำเนื้อเรื่องได้เลย อีกเรื่องที่ยังอยากดูอีก "ยุธทภูมิมิดเวย์" ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:48:25 PM
Melanie Laurent อ่านแบบยี่ห้อนี่ละครับ YSL Yves Saint Laurent

ขอบคุณครับ...

รูปยาย"โลรอง"ที่"ใบแปะหนัง"ไม่มีไฝเลยสักเม็ดครับ... แต่รูปอื่นมีไฝหลายเม็ด...
สงสัยไม่ Computer Graphic ก็... คงแอบเอากรรไกรตัดเล็บ"แง๊บๆ"ไฝออกเสียก่อน... ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:48:54 PM
 ::008::ฮิ ฮิ บอกให้ตื่นเต้น มีฉาก แบรด พิต ใช้นิ้วซอกซอน ไดแอน ครูเกอร์ ด้วยละครับ :VOV: แค่นี้พอแล้วเดี๋ยวทะลุเรตติ้ง ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:50:49 PM
Melanie Laurent อ่านแบบยี่ห้อนี่ละครับ YSL Yves Saint Laurent

ขอบคุณครับ...

รูปยาย"โลรอง"ที่"ใบแปะหนัง"ไม่มีไฝเลยสักเม็ดครับ... แต่รูปอื่นมีไฝหลายเม็ด...
สงสัยไม่ Computer Graphic ก็... คงแอบเอากรรไกรตัดเล็บ"แง๊บๆ"ไฝออกเสียก่อน... ฮา

ฮ่าๆ จริงครับพี่สมชาย ผมว่าเพราะในใบแปะหนังต้องการให้รูปออกมาเป็น "ภาพลักษณ์ของตัวละคร" มากกว่า "ตัวบุคคลจริงของนักแสดง" เลยจัดการแต่งโฉมซะ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:51:27 PM
อืม..ม..ม.ม...
อยากดูขึ้นมาติดหมัด....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 25, 2009, 02:56:09 PM
หนังของอีตา เควนติน ทาเรนติโน แต่ล่ะเรื่องบอกตรงๆว่าสุดบรรยายครับแต่ล่ะมุขที่ขุดมาใช้นี่สุดๆ อย่างเรื่อง สุกี้ยากี้ มุขยิงปืนเผื่อลมแบบนั้น คิดได้ยังไง  ::007:: ::007::

กาย ริชชี่ ก็อีกคนคิดมุขเสียดแทงจริงๆ   ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 03:01:07 PM
หนังของนายบอดี้ กาย ริชชี่ เนี่ยผมว่าจะเลิกดูแล้วครับ เรื่องสุดท้ายที่ดูเรื่อง "หมุนๆ" รีวอลเเวอร์ น่ารำคาญมาก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 25, 2009, 03:36:48 PM
หนังของนายบอดี้ กาย ริชชี่ เนี่ยผมว่าจะเลิกดูแล้วครับ เรื่องสุดท้ายที่ดูเรื่อง "หมุนๆ" รีวอลเเวอร์ น่ารำคาญมาก
พี่ Wilhelm Tell  ดูเรื่อง Rock n Rolla แล้วรึยังครับ ผมชอบหนังเรื่องนี้นะ แต่บางคนก็บอกดูไม่รู้เรื่อง  :~) :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 25, 2009, 03:59:58 PM
ยังไม่ได้ดูเลยครับคุณไฮฯ ผมชักรำคาญมุกอังกฤษๆ หักเหลี่ยมหักมุม เฉือนคมลมปาก ผมแก่แล้วชักรำคาญหนังอังกฤษที่มีตัวละครฟอร์มลิเบอรั่ลฮิปปี้เสรีเอียงซ้ายสำเนียงเหน่อใส่สูทฟอร์มมาเฟียรวยลัดครับ ฟังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (ตา ฮิวจ์ แกรนด์ หน้าจิ๊กโก๋ แต่ยังพูดจาสำเนียงน่าฟังดี) ผมชอบฟอร์มอังกฤษแบบ  ปีเตอร์ โอ ทูล / อเล๊ก กินเนส / เดวิด นิเวน มากกว่าครับ ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 25, 2009, 05:50:56 PM
รบกวนหน่อยครับ..
ผมอยากได้แผ่นหนังเรื่องนี้ครับ..(เป็นของรัสเซีย)

ท่านใดพอรู้ที่ซื้อหรือพอมีเก็บไว้..
ขอแบ่งปันให้ผมบ้างจักเป็นพระคุณยิ่งครับ..

http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Pter ที่ สิงหาคม 25, 2009, 06:04:36 PM
รบกวนหน่อยครับ..
ผมอยากได้แผ่นหนังเรื่องนี้ครับ..(เป็นของรัสเซีย)

ท่านใดพอรู้ที่ซื้อหรือพอมีเก็บไว้..
ขอแบ่งปันให้ผมบ้างจักเป็นพระคุณยิ่งครับ..


Oh  :<<   น่าดูครับ 

พอจะทราบชื่อเรื่องรึเปล่าครับ?


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: krajong ที่ สิงหาคม 25, 2009, 06:39:32 PM
รบกวนหน่อยครับ..
ผมอยากได้แผ่นหนังเรื่องนี้ครับ..(เป็นของรัสเซีย)

ท่านใดพอรู้ที่ซื้อหรือพอมีเก็บไว้..
ขอแบ่งปันให้ผมบ้างจักเป็นพระคุณยิ่งครับ..


Oh  :<<   น่าดูครับ 

พอจะทราบชื่อเรื่องรึเปล่าครับ?

โอโห หนังพี่เยี่ยมจริงๆ ก่อนจรวดระเบิด เห็นควันหลังจรวดด้วย สงสัยไม่เอ็ฟเฟ็กครับ ท่าทางจะเอาลูกฝึกยิงประกอบหนังครับ

ซื้อที่ไหน อนุเคราห์บอกผมด้วยครับ จะตามไปซื้อ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 25, 2009, 06:44:10 PM
รบกวนหน่อยครับ..
ผมอยากได้แผ่นหนังเรื่องนี้ครับ..(เป็นของรัสเซีย)

ท่านใดพอรู้ที่ซื้อหรือพอมีเก็บไว้..
ขอแบ่งปันให้ผมบ้างจักเป็นพระคุณยิ่งครับ..


Oh  :<<   น่าดูครับ 

พอจะทราบชื่อเรื่องรึเปล่าครับ?
ผมไม่มีข้อมูลหนังเรื่องนี้เลยครับ..
ต้องอาศัยคอหนังสงครามตัวจริง..ช่วยแล้วล่ะงานนี้... :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 26, 2009, 01:48:49 PM
แวะเอามาฝากครับ...
ชอบภาพเรื่องนี้....ดูได้รายละเอียดเยอะดี..

http://video.mthai.com/player.php?id=23M1215369411M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1215369411M0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:05:18 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:13:53 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:19:11 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)

มีแปลไทยไหมครับ  อยากได้เหมือนกันเลย  แต่ดูแล้วเหมือนมีดาราประกอบของฮอลิวูดเหมือนกันนะครับ  ตาเคราน่ะผมว่าแสดงในเรื่อง แบดบอย2 นะผมว่า   ;D ต้องลองถามพี่ต๊อกดู  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:24:30 PM
เรื่องนี้ผมไม่เคยดูครับ

เรื่อง แบดบอย ผมจำดาราไม่ค่อยได้เลยครับ จำได้แค่ภาค 1 "ที เลออเน่" เป็นนางเอก (ต่อมาแสดงเรื่องจูราสสิกภาค 3 เจริญวัยมากขึ้นซะจำแทบไม่ได้)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:31:26 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)

ถ้าเรื่องนี้ นายสมชายจำได้แล้วครับ... เป็นฉากแรกที่นักบินโดนยิงตายหนึ่งคน ส่วนคนที่เหลือโดนตามล่า แต่ต้องย้อนกลับมาเอาข้อมูลภาพถ่าย ที่เก้าอี้นักบิน...
หนังเรื่องนี้เยี่ยมมากครับ สุดยอด... http://www.imdb.com/title/tt0159273/ (http://www.imdb.com/title/tt0159273/)

ถึงแม้ได้แต้มแค่ 6.1/10 แต่นายสมชายว่าสนุกไม่แพ้หนังสงครามหลายต่อหลายเรื่องครับ... ถ้านายสมชายให้แต้ม จะให้ 8/10 ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:36:07 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)

ถ้าเรื่องนี้ นายสมชายจำได้แล้วครับ... เป็นฉากแรกที่นักบินโดนยิงตายหนึ่งคน ส่วนคนที่เหลือโดนตามล่า แต่ต้องย้อนกลับมาเอาข้อมูลภาพถ่าย ที่เก้าอี้นักบิน...
หนังเรื่องนี้เยี่ยมมากครับ สุดยอด... http://www.imdb.com/title/tt0159273/ (http://www.imdb.com/title/tt0159273/)

ถึงแม้ได้แต้มแค่ 6.1/10 แต่นายสมชายว่าสนุกไม่แพ้หนังสงครามหลายต่อหลายเรื่องครับ... ถ้านายสมชายให้แต้ม จะให้ 8/10 ...

ผมดูต่อภาค 2-3 ผิดหวังมากครับ  เหมือนตั้งใจทำเป็นหนังแผ่นเลย ภาค 2-3 นี่ให้แค่ 2/10  :P


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Pter ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:39:45 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)

ถ้าเรื่องนี้ นายสมชายจำได้แล้วครับ... เป็นฉากแรกที่นักบินโดนยิงตายหนึ่งคน ส่วนคนที่เหลือโดนตามล่า แต่ต้องย้อนกลับมาเอาข้อมูลภาพถ่าย ที่เก้าอี้นักบิน...
หนังเรื่องนี้เยี่ยมมากครับ สุดยอด... http://www.imdb.com/title/tt0159273/ (http://www.imdb.com/title/tt0159273/)

ถึงแม้ได้แต้มแค่ 6.1/10 แต่นายสมชายว่าสนุกไม่แพ้หนังสงครามหลายต่อหลายเรื่องครับ... ถ้านายสมชายให้แต้ม จะให้ 8/10 ...

Behind Enemy Line ภาคแรกสนุกดีครับ ดูแล้วก็อยากดูอีก  :D


ส่วนภาคสอง......

 ถ้าไม่ติดว่าเป็นแผ่นเช่า ผมจะเอาไปติดเป็นไฟท้ายจักรยานครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:42:34 PM
ใครเป็นแฟนหนังสงครามไทยๆบ้างครับ

ว่าจะหาหนังสงครามของทรนง ศรีเชื้อ ยุคเขาเฟื่องฟู

ดูเถื่อนๆ ดิบๆ ดี   
(อีกอย่าง อยากดูรพีพรรณ กรสกุล ตอนสาวๆ  :D~ )


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:47:30 PM
ผมดูต่อภาค 2-3 ผิดหวังมากครับ  เหมือนตั้งใจทำเป็นหนังแผ่นเลย ภาค 2-3 นี่ให้แค่ 2/10  :P
ภาคต่อที่ทำออกมาเป็นหนังทุนต่ำครับพี่กวาง ห่วยแตก

ไม่ทราบว่าพี่ๆ เคยดูกันแล้วหรือยังครับ
BraveHeart
(http://i42.tinypic.com/hx7z8p.jpg)

The Patriot
(http://tf.org/images/covers/ThePatriot.jpg)

(http://www.movietrimmer.com/content/default/english/images/movies/46371_3.jpg)

ผมเป็นแฟนหนังของลุง เมล กิ๊บสัน ครับมีโอกาสก็มักจะไม่ค่อยพลาดหนังที่ลุงแสดง แสดงเองก็เยี่ยม พอมากำกับเองก็ยอดครับ

อีกเรื่องก็ Tear Of The Sun
(http://www.firstuniversal.clara.net/tears-of-the-sun-poster.jpg)

หนัง ลุงบรูส ผมก็ไม่ค่อยจะพลาด  ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:49:59 PM
ส่วนภาคสอง......

 ถ้าไม่ติดว่าเป็นแผ่นเช่า ผมจะเอาไปติดเป็นไฟท้ายจักรยานครับ

ฮา...

คิดได้ไงครับ... แต่ภาคสองมันห่วยจริงๆ...
นายสมชายต่อยอด... เอาไปผูกกับไฟกระพริบๆ ห้อยตรงหางช้างเดินถนนในกรุงท่าจะดีครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:51:20 PM
หนังเรื่อง Behind Enemy Line ภาคแรกนี่ครับ  :VOV: ผมมีแผ่น DVD เก็บไว้ชุดนึง ซื้อตอนนั้นแผ่นตั้ง 600 กว่าบาท  ::012::
ไม่รู้ว่า...ท่านรพินทรนาถ....พอจะรู้รายละเอียดของหนังเรื่องนี้มั๊ยครับ...
ผมมีข้อมูลแค่..เป็นหนังของรัสเซีย...
อยากจะซื้อเก็บมาก....
เบื่อหนังฮอลลีวู๊ด..เต็มทน..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1233478249M0)

ถ้าเรื่องนี้ นายสมชายจำได้แล้วครับ... เป็นฉากแรกที่นักบินโดนยิงตายหนึ่งคน ส่วนคนที่เหลือโดนตามล่า แต่ต้องย้อนกลับมาเอาข้อมูลภาพถ่าย ที่เก้าอี้นักบิน...
หนังเรื่องนี้เยี่ยมมากครับ สุดยอด... http://www.imdb.com/title/tt0159273/ (http://www.imdb.com/title/tt0159273/)

ถึงแม้ได้แต้มแค่ 6.1/10 แต่นายสมชายว่าสนุกไม่แพ้หนังสงครามหลายต่อหลายเรื่องครับ... ถ้านายสมชายให้แต้ม จะให้ 8/10 ...

ผมดูต่อภาค 2-3 ผิดหวังมากครับ  เหมือนตั้งใจทำเป็นหนังแผ่นเลย ภาค 2-3 นี่ให้แค่ 2/10  :P

นายสมชายไม่ให้แต้มเลยครับ... ดูฉากสองฉากแรกเห็นมุมกล้องก็เสียดายเงินแล้ว...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 26, 2009, 04:56:17 PM
ผมดูต่อภาค 2-3 ผิดหวังมากครับ  เหมือนตั้งใจทำเป็นหนังแผ่นเลย ภาค 2-3 นี่ให้แค่ 2/10  :P
ภาคต่อที่ทำออกมาเป็นหนังทุนต่ำครับพี่กวาง ห่วยแตก

ไม่ทราบว่าพี่ๆ เคยดูกันแล้วหรือยังครับ
BraveHeart
(http://i42.tinypic.com/hx7z8p.jpg)

The Patriot
(http://tf.org/images/covers/ThePatriot.jpg)

(http://www.movietrimmer.com/content/default/english/images/movies/46371_3.jpg)

ผมเป็นแฟนหนังของลุง เมล กิ๊บสัน ครับมีโอกาสก็มักจะไม่ค่อยพลาดหนังที่ลุงแสดง แสดงเองก็เยี่ยม พอมากำกับเองก็ยอดครับ

อีกเรื่องก็ Tear Of The Sun
(http://www.firstuniversal.clara.net/tears-of-the-sun-poster.jpg)

หนัง ลุงบรูส ผมก็ไม่ค่อยจะพลาด  ;D ;D

BraveHeart... พระเอกตายตอนจบ ถ้านายสมชายรู้ก่อนจะไม่ดูครับ... ฮา

The Patriot... นั่งดูกับพ่อสองคน, นายสมชายน้ำตาซึมเลยครับ...

Tear Of The Sun... สนุกดี แต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่หากเทียบกับเรื่องอื่นของลุงบรุซฯ คือหน้าตาลุงเหมาะสำหรับแสดงได้หลายอารมณ์มากกว่าหน้าทหารนักฆ่าครับ... ที่ชอบมากเป็นเรื่องที่ลุงแกแสดงเป็นนักเจรจาต่อรองตัวประกันจับบ้านคนรวย เป็นคนทำบัญชีให้พวกค้ายาฯ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 26, 2009, 05:08:55 PM
เรื่อง เบรฟฮาร์ด ผมดูที่อังกฤษ บรรดาป้า และยายแก่อังกฤษสะอึกสะอื้นสงสารพระเอกกันเป็นแถวครับ ถ้าเป็นในสกอตแลนด์ป้าๆ คงจะแถมเขกหัวอังกฤษแถวนั้นด้วย (ถ้ามี) ฮา ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 26, 2009, 06:08:14 PM
เอามาฝากอีกเรื่องครับ..Enemy at the Gates
 ผมชอบวลีเด็ดๆหลายวลีในหนังเรื่องนี้ครับ..
http://video.mthai.com/player.php?id=23M1217831205M0 (http://video.mthai.com/player.php?id=23M1217831205M0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 26, 2009, 06:23:30 PM
เรื่อง เบรฟฮาร์ด ผมดูที่อังกฤษ บรรดาป้า และยายแก่อังกฤษสะอึกสะอื้นสงสารพระเอกกันเป็นแถวครับ ถ้าเป็นในสกอตแลนด์ป้าๆ คงจะแถมเขกหัวอังกฤษแถวนั้นด้วย (ถ้ามี) ฮา ::005::


 :D :D 555555  ดีเอ็นเอก็เดียวกันไกล้กันพื้นที่ภูมิประเทศไกล้กันภาษาก็เดียวกัน จนเดี๋ยวนี้ยังจะเขกหัวกันหรือครับคุณต๊อก  นี่ถ้าใครมาสร้างหนังทัพพิษรุโลกบุกมาตีเชียงใหม่โดยยึดลำปางเป็นที่พักทัพผมคงไม่อยากเขกหัวใครที่พูดไทยกลางหรอกครับ ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 26, 2009, 07:03:58 PM
Tear Of The Sun... สนุกดี แต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่หากเทียบกับเรื่องอื่นของลุงบรุซฯ คือหน้าตาลุงเหมาะสำหรับแสดงได้หลายอารมณ์มากกว่าหน้าทหารนักฆ่าครับ... ที่ชอบมากเป็นเรื่องที่ลุงแกแสดงเป็นนักเจรจาต่อรองตัวประกันจับบ้านคนรวย เป็นคนทำบัญชีให้พวกค้ายาฯ...
The Hostage ครับพี่ เรื่องนี้ผมก็ไม่พลาด  ;D ;D

(http://www.siamzone.com/movie/pic/2005/hostage/poster7.jpg)

(http://www.siamzone.com/movie/pic/2005/hostage/poster11.jpg)


เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้เป็นหนังฟอร์มใหญ่แต่ก็สนุกใช้ได้ครับ  ;D
(http://images.hunsa.com/movie_review/block6.jpg)

เรื่อง เบรฟฮาร์ด ผมดูที่อังกฤษ บรรดาป้า และยายแก่อังกฤษสะอึกสะอื้นสงสารพระเอกกันเป็นแถวครับ ถ้าเป็นในสกอตแลนด์ป้าๆ คงจะแถมเขกหัวอังกฤษแถวนั้นด้วย (ถ้ามี) ฮา ::005::


 :D :D 555555  ดีเอ็นเอก็เดียวกันไกล้กันพื้นที่ภูมิประเทศไกล้กันภาษาก็เดียวกัน จนเดี๋ยวนี้ยังจะเขกหัวกันหรือครับคุณต๊อก  นี่ถ้าใครมาสร้างหนังทัพพิษรุโลกบุกมาตีเชียงใหม่โดยยึดลำปางเป็นที่พักทัพผมคงไม่อยากเขกหัวใครที่พูดไทยกลางหรอกครับ ::005::

เรื่อง Braveheart เป็นหนังที่สร้างมาจากประวัติศาสตร์จริงครับ ตัว Sir William Wallace เองก็มีตัวตนอยู่จริง
การที่คนสก๊อตจะไม่ชอบอังกฤษเองก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะถูกอังกฤษกดขี่ข่มเหงไว้มากเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติกับเมืองขึ้นอื่นๆของตนเอง
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/5d/William_Wallace.jpg/200px-William_Wallace.jpg)

สนใจอ่านได้ที่นี่ครับ  ::014:: ::014::
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1_%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%8B (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1_%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%8B)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ สิงหาคม 26, 2009, 08:03:31 PM
Behind Enemy Line ตั้งแต่ภาค 2 ถัดมา เนื้อเรื่องและบทไม่เป็นสรรพรสเลยครับ เช่า DVD มาดูๆไปได้ครึ่งเรื่องก็เลิกดูละครับ คุณภาพหนังและคนแสดงห่วยมากจริงๆ

ส่วน Behind Enemy Line ภาคแรกดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของเรืออากาศเอก Scott O'Grady (http://en.wikipedia.org/wiki/Scott_O%27Grady) ในสงครามบอสเนียครับ โดยแกได้ขับเครื่องบิน F-16C จากฐานทัพในอิตาลีเข้าไปลาดตระเวนเขตห้ามบินทางตอนใต้ของบอสเนีย เลยเจอพวกเซิร์บสอยด้วยจรวด SA-13 Gopher จนร่วง ต้องตกระกำลำบากในป่าตั้งนาน ส่วนรายละเอียดที่เหลือติดตามได้ที่ http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=46525.msg2092138#msg2092138 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=46525.msg2092138#msg2092138) ครับ  :)

ภาพข่าวของเรืออากาศเอก Scott O'Grady ครับ
(http://img195.imageshack.us/img195/7362/48495478.jpg)

(http://img295.imageshack.us/img295/4674/39201677.jpg)

(http://img194.imageshack.us/img194/8328/18522018.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 26, 2009, 09:31:18 PM
Behind Enemy Line ตั้งแต่ภาค 2 ถัดมา เนื้อเรื่องและบทไม่เป็นสรรพรสเลยครับ เช่า DVD มาดูๆไปได้ครึ่งเรื่องก็เลิกดูละครับ คุณภาพหนังและคนแสดงห่วยมากจริงๆ

ส่วน Behind Enemy Line ภาคแรกดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของเรืออากาศเอก Scott O'Grady (http://en.wikipedia.org/wiki/Scott_O%27Grady) ในสงครามบอสเนียครับ โดยแกได้ขับเครื่องบิน F-16C จากฐานทัพในอิตาลีเข้าไปลาดตระเวนเขตห้ามบินทางตอนใต้ของบอสเนีย เลยเจอพวกเซิร์บสอยด้วยจรวด SA-13 Gopher จนร่วง ต้องตกระกำลำบากในป่าตั้งนาน ส่วนรายละเอียดที่เหลือติดตามได้ที่ http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=46525.msg2092138#msg2092138 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=46525.msg2092138#msg2092138) ครับ  :)

ภาพข่าวของเรืออากาศเอก Scott O'Grady ครับ
(http://img195.imageshack.us/img195/7362/48495478.jpg)

(http://img295.imageshack.us/img295/4674/39201677.jpg)

(http://img194.imageshack.us/img194/8328/18522018.jpg)
ผมคิดว่า..ผมได้เพื่อนสนทนาที่ถูกคอแล้วล่ะครับ.. ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 26, 2009, 09:41:21 PM
The Hostage ครับพี่ เรื่องนี้ผมก็ไม่พลาด  ;D ;D
เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้เป็นหนังฟอร์มใหญ่แต่ก็สนุกใช้ได้ครับ  ;D
(http://images.hunsa.com/movie_review/block6.jpg)

เรื่อง The Hostage อีตาบรูซหลายอารมณ์ดีครับ... โดนเมียด่า, ลูกโดนจับ, ลูกน้องโดนยิง...
เหมือนโลกถล่มเลยครับ... หนังสนุกถึงแม้ว่าผูกเรื่องเว่อร์ไปหน่อยว่าพระเอกเป็นฮีโร่เก่าที่แขวนไมค์(เจรจา)แล้ว...
เรื่องนี้คอหนังบู๊ไม่น่าพลาดครับ...

ส่วนเรื่อง 16 Blocks นี่นายสมชายยังไม่ได้ดูครับ... จะหามาดู ขอบคุณครับ... เย้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 11:25:55 AM
พี่อภิสิทธิ คุณไฮฯ

ฮิ ฮิ นั่งละครับ เขกกันแน่ๆ ชาวเกาะบริเทนหลายเชื้อชาติรวมศูนย์การปกครองกันได้ด้วยการชนะสงคราม และยังมีความต้องการแสดงความเป็นตัวเองอยู่สูง นอกจากนี้ก็เหมือนฝรั่งในยุโรปทั่วไปคือรวมกันยาก เรื่องมันนานมาตั้ง 7-8 ร้อยปีแล้วก็ทำบาดหมางกันอยู่จนทะเลาะกันมาเรื่อยๆ คนใน UK ไม่ได้คิดว่าเป็นพวกเดียวกันจริงๆ ในอังกฤษคนพูดถึงบ้านเมืองของเราก็หมายความถึงอิงแลนด์ เพื่อนคนเวลส์บอกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของไอ อิ อิ ในเวลส์ตามถนนจะมีภาษาเวลส์ที่อ่านไม่รู้เรื่องคู่กัน แคว้นเวลส์เองเขามีชื่อเรียกว่า Cymru เมื่อก่อนไม่กี่สิบปีมานี้ "ลอนดอน" ยังพยายามกลืนวัฒนธรรมห้ามพูดภาษาเวลส์ในโรงเรียน เด็กคนไหนพูดโดนทำโทษ ปัญหาไอริชเป็นตัวอย่างที่แ่ย่ที่สุดเพราะยังชอบตักันทั้งที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นอยู่เหมือนในตะวันออกกลาง ข้อมูลข่าวสาร การศึกษาอะไรก็มี

ที่จริงเมืองไทยเป็นกรณีที่น่าสนใจที่สุดที่คนแต่ละเชื้อชาติมีความเป็นไทยได้ตามเท่าที่ใจสมัคร ไม่ว่าผิวสีอะไร คือความเป็นไทยหมายถึงวัฒนธรรมตามเสรีไม่ใช่เชื้อชาติสายพันธุ์

กลับเข้าเกาะครับ แรกเริ่มเดิมทีหมู่เกาะนี้ รวมๆ กันขชาวโรมันเรียกว่า อัลเบียน Albion คนพื้นเมืองก้เป็นพวก Celtic เผ่าต่างๆ จูเลียส ซีซ่าร์ ขึ้นเกาะตีเมืองได้ช่วง 54-55 ปีก่อน ค.ศ. ก็จัดตั้งการปกครองแบบโรมัน โรมันขี้เกียจขึ้นไปรบกับคนป่าทางเหนือไกลๆ เพราะไม่มีแร่ธาติอะไรดีๆ ก็สร้างกำแพงกั้นทางเหนือไว้ คือ เฮเดียน วอล ทางตะวันตกไกลๆ ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งมากนัก พวกคนพื้นเมืองทางใต้ในพื้นที่การปกครองรวมศูนย์แบบโรมันเป็นสังคมใหญ่ขึ้น พื้นที่นี้กลายเป็นอิงแลนด์ เมืองที่ลวท้าย ...ester คือเมืองโรมันสร้าง Leicester Winchester Manchester Lancaster ฯลฯ ต่อมาศตวรรษที่ 5-6 พวกเผ่า Anglis และพวก Saxon จากเยอรมันก็อพยพเข้ามารวมในอิงแลนด์อีกมากมีอำนาจการเมืองพวกนี้ก็เรียกรวมๆ ว่าแองโกล แซกซั่น ต่อมาพวก ไวกิ้งก็เข้ามาปืนอยู่สร้างเขตปกครอง เดนส์ ลอว์ (ไวกิ้งเดนมาร์ก) ในพื้นที่อิงแลนด์ตะวันออกเฉียงเหนือ พวก สกอต เวลส์ และไอริช ก้ยังเป็นเผ่า ตาม clan แมกๆ โอๆ พี่ แมก โดนัล นั้น โอ คอนเนอร์ นี่ ไปตามเรื่อง กระโปรงก็ย้อมตามสีของตระกูลใช้ดอกไม้พื้นบ้านที่นิยมคนละแบบคนละสีลายสกอตกัน

1066 นอร์มันมาตี พวกแองโกล แซกซั่นได้ นอร์มันเป็นพวกแรกที่ไปรบตีเวลส์เข้ามาอยู่ในการปกครองของ ลอนดอน พวก เวลส์ สกอต ไอริช เป็นสังคมเล็กแบบชนเผ่า ชอบตีกันเองบ่อยๆ นานๆ รวมตัวกันมารบพวกอังกฤษได้แต่ส่วนมากมักแพ้ กว่าจะรวมกันได้ก็ยุ่งแทบตาย ที่จริงตายจริงๆ กันไปมาก

ตอนนี้ในสกอตแลนด์ก็ชอบแสดงเอกลักษณ์ของตัวสเอง มีธนบัตรหน้าตาไม่เหมือนในอังกฤษ และชอบทำเจ๋งเพราะถือว่าตัวมีน้ำมันในทะเลเหนือนอกฝั่งสกอตแลนด์ พวกเวลส์ก็พยายามยึดวัฒนธรรมตัว ตอนนี้ใช้เผยแพร่ภาษาของตนได้ทั่วไปแล้ว

ก็อย่างว่าครับ เรื่องมันหลายร้อยปีมาแล้วแต่ก็ยังทำเป็นปมกันอยู่ แบบที่ฟุตบอลทีมชาติก็คนละทีมกันนั่นละครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 27, 2009, 01:07:37 PM
พี่อภิสิทธิ คุณไฮฯ

ฮิ ฮิ นั่งละครับ เขกกันแน่ๆ ชาวเกาะบริเทนหลายเชื้อชาติรวมศูนย์การปกครองกันได้ด้วยการชนะสงคราม และยังมีความต้องการแสดงความเป็นตัวเองอยู่สูง นอกจากนี้ก็เหมือนฝรั่งในยุโรปทั่วไปคือรวมกันยาก เรื่องมันนานมาตั้ง 7-8 ร้อยปีแล้วก็ทำบาดหมางกันอยู่จนทะเลาะกันมาเรื่อยๆ คนใน UK ไม่ได้คิดว่าเป็นพวกเดียวกันจริงๆ ในอังกฤษคนพูดถึงบ้านเมืองของเราก็หมายความถึงอิงแลนด์ เพื่อนคนเวลส์บอกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของไอ อิ อิ ในเวลส์ตามถนนจะมีภาษาเวลส์ที่อ่านไม่รู้เรื่องคู่กัน แคว้นเวลส์เองเขามีชื่อเรียกว่า Cymru เมื่อก่อนไม่กี่สิบปีมานี้ "ลอนดอน" ยังพยายามกลืนวัฒนธรรมห้ามพูดภาษาเวลส์ในโรงเรียน เด็กคนไหนพูดโดนทำโทษ ปัญหาไอริชเป็นตัวอย่างที่แ่ย่ที่สุดเพราะยังชอบตักันทั้งที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นอยู่เหมือนในตะวันออกกลาง ข้อมูลข่าวสาร การศึกษาอะไรก็มี

ที่จริงเมืองไทยเป็นกรณีที่น่าสนใจที่สุดที่คนแต่ละเชื้อชาติมีความเป็นไทยได้ตามเท่าที่ใจสมัคร ไม่ว่าผิวสีอะไร คือความเป็นไทยหมายถึงวัฒนธรรมตามเสรีไม่ใช่เชื้อชาติสายพันธุ์

กลับเข้าเกาะครับ แรกเริ่มเดิมทีหมู่เกาะนี้ รวมๆ กันขชาวโรมันเรียกว่า อัลเบียน Albion คนพื้นเมืองก้เป็นพวก Celtic เผ่าต่างๆ จูเลียส ซีซ่าร์ ขึ้นเกาะตีเมืองได้ช่วง 54-55 ปีก่อน ค.ศ. ก็จัดตั้งการปกครองแบบโรมัน โรมันขี้เกียจขึ้นไปรบกับคนป่าทางเหนือไกลๆ เพราะไม่มีแร่ธาติอะไรดีๆ ก็สร้างกำแพงกั้นทางเหนือไว้ คือ เฮเดียน วอล ทางตะวันตกไกลๆ ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งมากนัก พวกคนพื้นเมืองทางใต้ในพื้นที่การปกครองรวมศูนย์แบบโรมันเป็นสังคมใหญ่ขึ้น พื้นที่นี้กลายเป็นอิงแลนด์ เมืองที่ลวท้าย ...ester คือเมืองโรมันสร้าง Leicester Winchester Manchester Lancaster ฯลฯ ต่อมาศตวรรษที่ 5-6 พวกเผ่า Anglis และพวก Saxon จากเยอรมันก็อพยพเข้ามารวมในอิงแลนด์อีกมากมีอำนาจการเมืองพวกนี้ก็เรียกรวมๆ ว่าแองโกล แซกซั่น ต่อมาพวก ไวกิ้งก็เข้ามาปืนอยู่สร้างเขตปกครอง เดนส์ ลอว์ (ไวกิ้งเดนมาร์ก) ในพื้นที่อิงแลนด์ตะวันออกเฉียงเหนือ พวก สกอต เวลส์ และไอริช ก้ยังเป็นเผ่า ตาม clan แมกๆ โอๆ พี่ แมก โดนัล นั้น โอ คอนเนอร์ นี่ ไปตามเรื่อง กระโปรงก็ย้อมตามสีของตระกูลใช้ดอกไม้พื้นบ้านที่นิยมคนละแบบคนละสีลายสกอตกัน

1066 นอร์มันมาตี พวกแองโกล แซกซั่นได้ นอร์มันเป็นพวกแรกที่ไปรบตีเวลส์เข้ามาอยู่ในการปกครองของ ลอนดอน พวก เวลส์ สกอต ไอริช เป็นสังคมเล็กแบบชนเผ่า ชอบตีกันเองบ่อยๆ นานๆ รวมตัวกันมารบพวกอังกฤษได้แต่ส่วนมากมักแพ้ กว่าจะรวมกันได้ก็ยุ่งแทบตาย ที่จริงตายจริงๆ กันไปมาก

ตอนนี้ในสกอตแลนด์ก็ชอบแสดงเอกลักษณ์ของตัวสเอง มีธนบัตรหน้าตาไม่เหมือนในอังกฤษ และชอบทำเจ๋งเพราะถือว่าตัวมีน้ำมันในทะเลเหนือนอกฝั่งสกอตแลนด์ พวกเวลส์ก็พยายามยึดวัฒนธรรมตัว ตอนนี้ใช้เผยแพร่ภาษาของตนได้ทั่วไปแล้ว

ก็อย่างว่าครับ เรื่องมันหลายร้อยปีมาแล้วแต่ก็ยังทำเป็นปมกันอยู่ แบบที่ฟุตบอลทีมชาติก็คนละทีมกันนั่นละครับ


   แปลกจริงนะครับคุณต๊อกเกาะนิ๊ดเดียวแต่เรื่องราวเยอะ เวลาก็เกือบพันปียังกลืนชาติกันไม่สำเร็จคุยกับคุณต๊อกแล้วได้รู้เรื่องที่ไม่รู้ขึ้นมาอีกเยอะ  แต่จะว่าไปแล้วบ้านเราก็ยังคนกันไม่เข้าเนื้อ ภาคใต้ทำท่าว่าจะไปได้สวยแท้ๆ ตาเหลี่ยมดันมาทำให้ร้อนระอุกลับขึ้นมาอีก ตอนนี้พวกร้อนวิชาแถวบ้านผมก็ไม่รู้ไปเห็นดีเห็นงามอะไรขึ้นมาไปขุดเอาพยัญชนะสระภาษาล้านนาเก่าๆมาสอนเด็กๆกันอีก  เรื่องเครื่องแต่งกายเหนือๆนี่เชียงใหม่เขาฮิตแต่งกันมาหลายปีแล้ว    อิ..อิ.. ::005::ไม่ใช่อะไรหรอกครับผมกลัวจะเป็นเหตุให้เกิดสามจังหวัดชายแดนภาคเหนือขึ้นมาอีก  ตาเพชรวรรตเห็นเอาประวัติเจ้าตนโน้นตนนี้มาพูดถึงอยู่บ่อยๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BIGFISH ที่ สิงหาคม 27, 2009, 02:08:17 PM
แนะนำ ออสเตรเลีย ด้วย มีสงครามนิดหนึ่งให้เข้าเรื่อง

สะดุดใจ คือ การปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง หรือต่างเผ่าพันธ์ คนดำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำขอโทษเมื่อปี 2008 เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ในการเคารพเท่าเทียม สิทธิ ผิดขอโทษ

เห็นตาชาวอะบอริจิ้น พุ่งหอกแล้ว ปกป้องหลานจากคนผิวขาวแล้ว อดคิดไปถึงชาวกระเหรี่ยง พม่า ลี้ภัยพม่า ม้งลี้ภัยลาว ในขณะที่ทรัพยากรเรามีจำกัด แขกขายโรตี แม้กระทั่งปล่อยเงินกู้ หรือแรงงานเถื่อนย้ายถิ่น ของเรานอกจากจะไม่ใช่ผู้รุกรานแล้ว ยังเป็นฝ่ายที่อาจจะโดนรุกรานเสียเองอีก

ฟังว่า ที่มาเลเซีย ชาวจีนยังต้องเช่าที่ดิน 99 ปี
เขมรยึดที่เป็นของหลวงได้ง่ายๆ

มี 2 ด้านระหว่าง ความใจดี ของคนไทย กับการปล่อยปละละเลย

เรื่องที่ 2 แนวคิดในการทำประชาสัมพันธ์ประเทศด้านการท่องเที่ยว ผ่านภาพยนต์ หน่วยรัฐต้องร่วมมือกับผู้สร้างหนังเอกชนครับ
ภาพยนต์หลายเรื่องที่ชอบ เพราะชอบดูธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 27, 2009, 02:38:42 PM
แนะนำ ออสเตรเลีย ด้วย มีสงครามนิดหนึ่งให้เข้าเรื่อง

สะดุดใจ คือ การปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง หรือต่างเผ่าพันธ์ คนดำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำขอโทษเมื่อปี 2008 เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ในการเคารพเท่าเทียม สิทธิ ผิดขอโทษ

เห็นตาชาวอะบอริจิ้น พุ่งหอกแล้ว ปกป้องหลานจากคนผิวขาวแล้ว อดคิดไปถึงชาวกระเหรี่ยง พม่า ลี้ภัยพม่า ม้งลี้ภัยลาว ในขณะที่ทรัพยากรเรามีจำกัด แขกขายโรตี แม้กระทั่งปล่อยเงินกู้ หรือแรงงานเถื่อนย้ายถิ่น ของเรานอกจากจะไม่ใช่ผู้รุกรานแล้ว ยังเป็นฝ่ายที่อาจจะโดนรุกรานเสียเองอีก

ฟังว่า ที่มาเลเซีย ชาวจีนยังต้องเช่าที่ดิน 99 ปี
เขมรยึดที่เป็นของหลวงได้ง่ายๆ

มี 2 ด้านระหว่าง ความใจดี ของคนไทย กับการปล่อยปละละเลย

เรื่องที่ 2 แนวคิดในการทำประชาสัมพันธ์ประเทศด้านการท่องเที่ยว ผ่านภาพยนต์ หน่วยรัฐต้องร่วมมือกับผู้สร้างหนังเอกชนครับ
ภาพยนต์หลายเรื่องที่ชอบ เพราะชอบดูธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม

ขอมาเพิ่มอีกนิดครับ
เรื่องนี้นิโคล คิดแมน แสดงนำ
ผมชอบตอนที่เด็กชายเผาอะบอริจิน ขวางฝูงวัวไม่ให้ตกหน้าผา ครับ อดใจหายใจคว่ำไม่ได้ แต่ฉากที่ประทับใจที่สุดก็อีกตอนเจ้าของร้านเหล้ายอมให้คนอะบอริจิน เดินเข้ามา ดื่มเหล้าใน(ซาก)ร้านเหล้าของตัวเอง ด้วยแก้วใส


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 27, 2009, 03:54:27 PM
เรื่อง"ออสเตรเลีย" ท่ายืนขาเดียวของชนพื้นเมืองนี่เท่ห์ชะมัดครับ... หายเมื่อยดีเสียด้วย... ฮา


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:18:45 PM
เรื่อง"ออสเตรเลีย" ท่ายืนขาเดียวของชนพื้นเมืองนี่เท่ห์ชะมัดครับ... หายเมื่อยดีเสียด้วย... ฮา

ผมว่าอีกหน่อยต้องออกมาเป็นท่าในหนังล้อเลียนอย่างท่าโดดเตะเมตริกแน่เลยครับพี่ อิ อิ อาจจะอะบอริจิ้นยืนท่านี้อยู่แล้วควักมือถือมาพูด หรือยืนอยู่แล้วมีโรลส์รอยมาจอดรับขึ้นรถ ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: I Love My King (AkNaRiN~*) ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:26:46 PM
   
    

   
ชื่ออังกฤษ   
Inglourious Basterds

ชื่อไทย   ยุทธการเดือดเชือดนาซี
ประเภทหนัง   Action
ผู้กำกับ   Quentin Tarantino
ผู้แต่ง   -
วันที่เข้าฉาย   20 August 2009
ความยาวหนัง   -
นักแสดง   Brad Pitt, Mélanie Laurent, Christoph Waltz, Diane Kruger
เรทภาพยนตร์   R (restricted)
สถานที่ถ่ายทำ   -
ภาษา   -
เว็บไซต์   http://inglouriousbasterds-movie.com/ (http://inglouriousbasterds-movie.com/)
    
ยุทธการเดือดเชือดนาซี | เรื่องย่อ
          เมื่อครอบครัวของเด็กสาวชาวยิวถูกพวกนาซีสังหาร เธอก็ได้ลี้ภัยไปยังปารีส และได้พบกับหญิงสาวใจดีที่รับอุปการะเธอ เมื่อได้ทำงานให้ผู้หญิงคนนี้ที่โรงภาพยนตร์ของเธอ เด็กสาวก็ได้พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในเมื่อวีรบุรุษสงครามชาวเยอรมันเกลี้ยกล่อมให้ผู้บังคับบัญชาของเขาฉายภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อเรื่องล่าสุดของพวกเขาที่โรงภาพยนตร์แห่งนี้ แล้วเธอจะแก้แค้นรึเปล่า ในขณะเดียวกัน กลุ่มทหารอเมริกัน-ยิวที่รู้ถึงแผนการที่จะจัดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้คิดวางแผงเบื้องหลังแนวรบศัตรูเพื่อทำให้ฟันเฟืองเครื่องจักรสงครามเยอรมันสะดุดลง




มีใครดูเรื่องนี้หรือยังครับ...

ผมนั่งดูแล้วหัวเราะทั้งเรื่อง...

แต่ออกมาแล้วทะเลาะกับแฟนตั้งนาน...

มันตลกร้าย...เกินไปกระมัง...
 
 
   


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:37:29 PM
แนะนำ ออสเตรเลีย ด้วย มีสงครามนิดหนึ่งให้เข้าเรื่อง

สะดุดใจ คือ การปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง หรือต่างเผ่าพันธ์ คนดำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำขอโทษเมื่อปี 2008 เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ในการเคารพเท่าเทียม สิทธิ ผิดขอโทษ

เห็นตาชาวอะบอริจิ้น พุ่งหอกแล้ว ปกป้องหลานจากคนผิวขาวแล้ว อดคิดไปถึงชาวกระเหรี่ยง พม่า ลี้ภัยพม่า ม้งลี้ภัยลาว ในขณะที่ทรัพยากรเรามีจำกัด แขกขายโรตี แม้กระทั่งปล่อยเงินกู้ หรือแรงงานเถื่อนย้ายถิ่น ของเรานอกจากจะไม่ใช่ผู้รุกรานแล้ว ยังเป็นฝ่ายที่อาจจะโดนรุกรานเสียเองอีก

ฟังว่า ที่มาเลเซีย ชาวจีนยังต้องเช่าที่ดิน 99 ปี
เขมรยึดที่เป็นของหลวงได้ง่ายๆ

มี 2 ด้านระหว่าง ความใจดี ของคนไทย กับการปล่อยปละละเลย

เรื่องที่ 2 แนวคิดในการทำประชาสัมพันธ์ประเทศด้านการท่องเที่ยว ผ่านภาพยนต์ หน่วยรัฐต้องร่วมมือกับผู้สร้างหนังเอกชนครับ
ภาพยนต์หลายเรื่องที่ชอบ เพราะชอบดูธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม

แนะนำ ออสเตรเลีย ด้วย มีสงครามนิดหนึ่งให้เข้าเรื่อง

สะดุดใจ คือ การปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง หรือต่างเผ่าพันธ์ คนดำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำขอโทษเมื่อปี 2008 เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ในการเคารพเท่าเทียม สิทธิ ผิดขอโทษ

เห็นตาชาวอะบอริจิ้น พุ่งหอกแล้ว ปกป้องหลานจากคนผิวขาวแล้ว อดคิดไปถึงชาวกระเหรี่ยง พม่า ลี้ภัยพม่า ม้งลี้ภัยลาว ในขณะที่ทรัพยากรเรามีจำกัด แขกขายโรตี แม้กระทั่งปล่อยเงินกู้ หรือแรงงานเถื่อนย้ายถิ่น ของเรานอกจากจะไม่ใช่ผู้รุกรานแล้ว ยังเป็นฝ่ายที่อาจจะโดนรุกรานเสียเองอีก

ฟังว่า ที่มาเลเซีย ชาวจีนยังต้องเช่าที่ดิน 99 ปี
เขมรยึดที่เป็นของหลวงได้ง่ายๆ

มี 2 ด้านระหว่าง ความใจดี ของคนไทย กับการปล่อยปละละเลย

เรื่องที่ 2 แนวคิดในการทำประชาสัมพันธ์ประเทศด้านการท่องเที่ยว ผ่านภาพยนต์ หน่วยรัฐต้องร่วมมือกับผู้สร้างหนังเอกชนครับ
ภาพยนต์หลายเรื่องที่ชอบ เพราะชอบดูธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม


เรื่องมาเลเซียยุ่งหน่อยครับพี่ เพราะการเข้ามาของคนจีนและอินเดียไม่เป็นธรรมชาติโดยการยินยอมของมาเลย์เดิมครับ คืออังกฤษเอาเข้ามาตอนมาปกครอง อังกฤษชอบนำคนจีนและอินเดียเข้าไปเป็นแรงงานในอาณานิคม และใช้งานวิชาชีพต่างๆ ที่คนเจ้าของประเทศมีไม่พอ เอาแรงงานต่างประเทศเข้าไปง่ายดี ช่วยคานอำนาจในสังคมด้วย เพราะคนพวกนี้อยู่ได้สบายด้วยระบบการปกครองของฝรั่งเจ้าอาณานิคม จะช่วยเกื้อหนุนเจ้าอาณานิคม ถ้าคนเจ้าของประเทศมีความรู้และบทบาทมากๆ จะเป็นภัยต่อฝรั่ง จากสถานการณ์เช่นนี้ คานธีก็เคยไปทำงานที่อัฟริกาใต้ ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดคือการเอาคนต่างเชื้อชาติจากที่อื่นมาเป็นทหาร

ที่นี้ไปๆ มาๆ คนจีนและแขก เมื่อได้รับการสนับสนุนรวมทั้งขยันด้วยก็เลยมีบทบาทมีตำแหน่งมีอิทธิพลโดยเฉพาะการค้ามากกว่าคนเจ้าของประเทศ แล้วก็เลยกลายเป็นกลุ่มกันชนระหว่างฝรั่งกับเจ้าของประเทศ ทีนี้พอฝรั่งไป ในกรณีมาเลเซีย คนมาเลย์มีอำนาจการเมืองแต่ไม่มีเงินและความรู้โดยเฉลี่ยสู้ไม่ได้ก็เลยออกกฎต่างๆ เอื้อประโยชน์คนมาเลย์มากกว่า ในทศวรรษ 60 ยังมีจลาจลไล่ฆ่าคนจีนตามถนนอยู่เลยครับ

ทั้งนี้เป็นเพราะเกิดจากสถานการณ์ย้ายถิ่นที่ไม่เป็นธรรมชาติ เจ้าบ้านไม่ชอบ คนมาก็ไม่มีความรู้สึกเป็นชาติเดียวกัน มาทำงานหากินอย่างเดียวไม่ได้ตั้งใจเป็น "คนชาติ" ของประเทศนั้น ไม่เข้าร่วมในระบบสาธารณะของชาติเช่นไม่นิยมรับราชการ ซึ่งในปัจจุบันถึงรับราชการก็ไม่สามารถเจริญเท่าที่ควร

ไม่เหมือนเมืองไทยที่การย้ายถิ่นเป็นธรรมชาติ เพราะเจ้าบ้านเดิมคุมอำนาจตัดสินใจมาตลอด จะไทยหน้าขาวหรือหน้าดำ ถ้ามีคุณวุฒิ/ความสามารถเหมาะสมก็เป็นปลัดกระทรวง แม่ทัพ ฯลฯ ได้ยิ่งยุคสงครามเย็นมีขบวนการคอมฯ สายจีน มีนักต่อต้านอย่างชินเป็ง ยิ่งทำให้ฝ่ายอำนาจการเมืองของคนมาเลย์ระแวงเข้าไปอีก

สถานการณ์อย่างนี้ทำให้มาเลเซียเสียประโยชน์ไปเองเพราะคนมีความสามารถถูกจำกัดในทางปฏิบัติไม่ไห้เข้าไปทำงานหลายวงการ นักเรียนนอกมาเลย์ที่ได้ทุนรัฐบาลก็มีแต่คนมาเลย์ คนจีนก็เซ็งต้องออกเงินเอง แล้วก็ไม่อยากทำงานรัฐ รัฐอยากไม่ให้โอกาสก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเข้ากระเป๋าถอนทุนชีวิตคืนดีกว่า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:42:36 PM
อิ อิ ผมไปดูแล้วครับพี่ Aknarin~ ชวนพี่ๆ ที่ยังไม่ดูอยู่ที่หน้า 35 กระทู้นี้ครับ

บางตอนมันตลกจริงๆ ครับ  "พี่บ้องโต"  "มาก๊าเหล่เต้"  "เดอก๊กโก้"  "อาปาเช่กะไอ้ตัวเล็ก"  ขำกลิ้งครับ ก๊าก ก๊าก ๆๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:52:06 PM
ปล. เรื่องนี้ซับไตเติ้ลทำได้ฮาเข้าอารมณ์ดีมากด้วยนะครับ รู้เลยว่าคนวัยไหน " อี๋ โครชวนป๋วยเลยไอ้นี่" ก๊าก ก๊าก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 27, 2009, 04:59:05 PM
เรียนพี่อภิสิทธิ์

เรื่องวัฒนธรรมพื้นบ้านผมว่าต้องรักษาไม่ให้สูญหายครับ แต่ก็ต้องระวังการนำเสนอในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อให้หลงผิดเสียเอกภาพของประเทศ ทั้งนี้ผมว่าต้องขึ้นกับความพร้อมและข้อแม้อย่างอื่นในสังคมด้วย ตามที่พี่เล่านี้ผมรู้สึกกลิ่นเน่าเหลี่ยมๆ มันตุๆ พิกลครับ

ตัวอย่างที่ดีของประเทศที่มีหลานวัฒธนธรรม/ภาษา/เชื้อชาติต่างกันแต่อยู่กันได้คือ สวิสเซอร์แลนด์ เพราะเขารู้ตัวดีว่าอะไรคือเอกภาพของชาติ อะไรคือประเพณีส่วนตัว/ส่วนท้องถิ่น อะไรคือผลประโยชน์ร่วมกัน อะไรคือผมประโยชน์เฉพาะกลุ่มอันไม่สร้างสรรค์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 27, 2009, 06:51:21 PM
แวะมาฝากอีกเรื่องครับ..
อาจโหลดคลิ๊ปช้าหน่อย..แต่ถ้ารอดูได้..เพื่อนๆคงรู้สึกได้เหมือนผม..

APOCALYPTICA feat 9th COMPANY (http://www.youtube.com/watch?v=OxwxX0mjXpA#normal)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: mod.19 ที่ สิงหาคม 27, 2009, 07:16:38 PM
ดูแล้วเข้าถึงสงครามเลยครับ คุณ todsagun   ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 27, 2009, 07:20:21 PM

ใบแปะหน้าหนัง..
(http://img386.imageshack.us/img386/7522/9thcompany.jpg) (http://img386.imageshack.us/i/9thcompany.jpg/)



เป็นหนังรัสเซียอีกแล้ว..
หนังปี2007...ไม่ได้เข้าฉายบ้านเรา..
ยังหาซื้อแผ่นไม่ได้..เหมือนเคย..
ใครมีข้อมูลเพิ่ม..ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับผม...ขอบคุณครับผม.. ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 27, 2009, 08:00:13 PM
เรื่องนี้ก็น่าดูมากครับไม่ทราบว่าพี่ๆท่านไหนแนะนำไปแล้วรึยัง ยืนๆคุยกันอยู่ลูกปืนบินเข้าหัวซะงั้น ::014:: ::014::  หนัง ลุงเมล อีกแล้ว  ::005:: ::005::

(http://live-download.webobo.com/journal/5/2/7/3/journal_527344.jpg)

(http://the3500.files.wordpress.com/2008/03/we-were-soldiers-mel-gibson.jpg)

(http://thecia.com.au/reviews/w/images/we-were-soldiers-1.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 27, 2009, 08:13:28 PM
มีเพื่อนหลายท่าน..ชอบเหมือนกันครับ..(หนังน้าเมล..)
ตอนนี้ผมหันมาหาหนังทางรัสเซียเก็บน่ะครับ..
ทางฮอลลีวู้ดจะค่อนข้างธรรมดาไปแล้ว..
อยากดูมุมมองทางรัสเซียบางว่า..จะนำเสนอออกมาแบบไหน..
เท่าที่พอผ่านตาไปบ้าง..ผมดูแล้วอินกว่าทางฝั่งฮอลลีวู้ดเยอะครับ..
สะท้อนออกมาได้สมจริงกว่า..ละเมียดละไมกว่า..เข้าถึงความรู้สึกเราได้มากกว่า..
แต่ปัญหาก็คือ..หามาเก็บยากมาก..และก็ไม่มีซับไทยครับ.. :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ สิงหาคม 27, 2009, 11:24:17 PM
เรื่องนี้ก็น่าดูมากครับไม่ทราบว่าพี่ๆท่านไหนแนะนำไปแล้วรึยัง ยืนๆคุยกันอยู่ลูกปืนบินเข้าหัวซะงั้น ::014:: ::014::  หนัง ลุงเมล อีกแล้ว  ::005:: ::005::
(http://live-download.webobo.com/journal/5/2/7/3/journal_527344.jpg)
ชอบหนังป๋าเมลเหมือนกันครับ มีทั้ง vcd / dvd ครับ .....  ::002::

ใบแปะหน้าหนัง..
(http://img386.imageshack.us/img386/7522/9thcompany.jpg) (http://img386.imageshack.us/i/9thcompany.jpg/)
เป็นหนังรัสเซียอีกแล้ว..
หนังปี2007...ไม่ได้เข้าฉายบ้านเรา..
ยังหาซื้อแผ่นไม่ได้..เหมือนเคย..
ใครมีข้อมูลเพิ่ม..ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับผม...ขอบคุณครับผม.. ;)
หากูเกิ้ลได้เกมส์  ::007:: ( http://www.google.co.th/search?rlz=1C1GGLS_thTH334TH334&sourceid=chrome&ie=UTF-8&q=9th+Company+Roots+Of+Terror (http://www.google.co.th/search?rlz=1C1GGLS_thTH334TH334&sourceid=chrome&ie=UTF-8&q=9th+Company+Roots+Of+Terror) )

http://www.youtube.com/watch?v=L-wKV4-R4ro

ข้อมูลหนังครับ http://n2.nabble.com/9th-Company-td782333.html#a782333 (http://n2.nabble.com/9th-Company-td782333.html#a782333)
อ้างถึง
Similar in style to Stanley Kubrick’s Full Metal Jacket, there are effectively two parts to this film.
  ::003:: .... Jar head ???
อ้างถึง
A moving, brutally honest Russian film, this is one of the best war films in years because it feels so authentic.
  :VOV: ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ สิงหาคม 28, 2009, 04:57:31 AM
แวะมาฝากอีกเรื่องครับ..
อาจโหลดคลิ๊ปช้าหน่อย..แต่ถ้ารอดูได้..เพื่อนๆคงรู้สึกได้เหมือนผม..

APOCALYPTICA feat 9th COMPANY (http://www.youtube.com/watch?v=OxwxX0mjXpA#normal)

 ;D ได้ดูหลายครั้งจากเคเบิลทีวี แต่ดูได้ไม่จบเลยสักครั้ง :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 28, 2009, 05:46:48 AM
ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)
ผมก็ได้ไฟล์torrent เหมือนกันครับ...
พยายามเต็มที่แล้ว..6ชม.
ได้หนังมา20%จากทั้งเรื่อง..ซาวด์จะเป็นฝรั่งเศษซะล่ะมั๊งไม่แน่ใจ..

เห็นในเว็ปอเมซอล..ขายอยู่24เหรียญ..ซัปอังกฤษ..

เกิดไอเดียปิ๊งๆ..ขึ้นมาว่า..
คนละเหรียญ..24คน..ก็24เหรียญ..พอดีเลยครับ..
อุดหนุนหนังลิขสิทธิ์สั่งนำเข้าเองโดยตรงเลย..ดีมั๊ยครับ..

คิดเสียว่า..ลูกวิน.38มันด้านไปลูกนึงแล้วกัน.. ::008::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ สิงหาคม 28, 2009, 08:06:27 AM
มีหนังอีกเรื่องที่ผมเคยชมผ่านตาในเคเบิ้ลทีวี เรื่องราวเกี่ยวกับการทำสงครามปราบปรามพวกกบฏกู้ชาติในประเทศแอลจีเรียของกองทัพฝรั่งเศสภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเนื้อเรื่องดำเนินผ่านตัวละครที่แสดงเป็นจ่าในกองทัพฝรั่งเศส ที่พบเห็นความไม่ชอบธรรมในวิธีการทรมานต่างๆที่ทหารฝรั่งเศสด้วยกันใช้กับชาวแอลจีเรียครับ ส่วนชื่อเรื่องไม่ทราบจริงๆ  :-\

ส่วนอีกเรื่องที่ผมพึ่งซื้อมาก็คือ "1612 รอยเลือดข้าแผ่นดินจารึก" เป็นภาพยนตร์ของรัสเซีย เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในรัสเซียในช่วงปีค.ศ. 1612 และวีรกษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โรมานอฟที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซียในอีก 300 ปีต่อมา  ::014::

(http://img6.imageshack.us/img6/316/wm1612f.jpg) 

(http://img142.imageshack.us/img142/7311/wm1612b.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 28, 2009, 05:15:53 PM

แนะนำ ออสเตรเลีย ด้วย มีสงครามนิดหนึ่งให้เข้าเรื่อง

สะดุดใจ คือ การปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง หรือต่างเผ่าพันธ์ คนดำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำขอโทษเมื่อปี 2008 เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ในการเคารพเท่าเทียม สิทธิ ผิดขอโทษ

เห็นตาชาวอะบอริจิ้น พุ่งหอกแล้ว ปกป้องหลานจากคนผิวขาวแล้ว อดคิดไปถึงชาวกระเหรี่ยง พม่า ลี้ภัยพม่า ม้งลี้ภัยลาว ในขณะที่ทรัพยากรเรามีจำกัด แขกขายโรตี แม้กระทั่งปล่อยเงินกู้ หรือแรงงานเถื่อนย้ายถิ่น ของเรานอกจากจะไม่ใช่ผู้รุกรานแล้ว ยังเป็นฝ่ายที่อาจจะโดนรุกรานเสียเองอีก

ฟังว่า ที่มาเลเซีย ชาวจีนยังต้องเช่าที่ดิน 99 ปี
เขมรยึดที่เป็นของหลวงได้ง่ายๆ




เรื่องมาเลเซียยุ่งหน่อยครับพี่ เพราะการเข้ามาของคนจีนและอินเดียไม่เป็นธรรมชาติโดยการยินยอมของมาเลย์เดิมครับ คืออังกฤษเอาเข้ามาตอนมาปกครอง อังกฤษชอบนำคนจีนและอินเดียเข้าไปเป็นแรงงานในอาณานิคม และใช้งานวิชาชีพต่างๆ ที่คนเจ้าของประเทศมีไม่พอ เอาแรงงานต่างประเทศเข้าไปง่ายดี ช่วยคานอำนาจในสังคมด้วย เพราะคนพวกนี้อยู่ได้สบายด้วยระบบการปกครองของฝรั่งเจ้าอาณานิคม จะช่วยเกื้อหนุนเจ้าอาณานิคม ถ้าคนเจ้าของประเทศมีความรู้และบทบาทมากๆ จะเป็นภัยต่อฝรั่ง จากสถานการณ์เช่นนี้ คานธีก็เคยไปทำงานที่อัฟริกาใต้ ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดคือการเอาคนต่างเชื้อชาติจากที่อื่นมาเป็นทหาร

ที่นี้ไปๆ มาๆ คนจีนและแขก เมื่อได้รับการสนับสนุนรวมทั้งขยันด้วยก็เลยมีบทบาทมีตำแหน่งมีอิทธิพลโดยเฉพาะการค้ามากกว่าคนเจ้าของประเทศ แล้วก็เลยกลายเป็นกลุ่มกันชนระหว่างฝรั่งกับเจ้าของประเทศ ทีนี้พอฝรั่งไป ในกรณีมาเลเซีย คนมาเลย์มีอำนาจการเมืองแต่ไม่มีเงินและความรู้โดยเฉลี่ยสู้ไม่ได้ก็เลยออกกฎต่างๆ เอื้อประโยชน์คนมาเลย์มากกว่า ในทศวรรษ 60 ยังมีจลาจลไล่ฆ่าคนจีนตามถนนอยู่เลยครับ

ทั้งนี้เป็นเพราะเกิดจากสถานการณ์ย้ายถิ่นที่ไม่เป็นธรรมชาติ เจ้าบ้านไม่ชอบ คนมาก็ไม่มีความรู้สึกเป็นชาติเดียวกัน มาทำงานหากินอย่างเดียวไม่ได้ตั้งใจเป็น "คนชาติ" ของประเทศนั้น ไม่เข้าร่วมในระบบสาธารณะของชาติเช่นไม่นิยมรับราชการ ซึ่งในปัจจุบันถึงรับราชการก็ไม่สามารถเจริญเท่าที่ควร

ไม่เหมือนเมืองไทยที่การย้ายถิ่นเป็นธรรมชาติ เพราะเจ้าบ้านเดิมคุมอำนาจตัดสินใจมาตลอด จะไทยหน้าขาวหรือหน้าดำ ถ้ามีคุณวุฒิ/ความสามารถเหมาะสมก็เป็นปลัดกระทรวง แม่ทัพ ฯลฯ ได้ยิ่งยุคสงครามเย็นมีขบวนการคอมฯ สายจีน มีนักต่อต้านอย่างชินเป็ง ยิ่งทำให้ฝ่ายอำนาจการเมืองของคนมาเลย์ระแวงเข้าไปอีก

สถานการณ์อย่างนี้ทำให้มาเลเซียเสียประโยชน์ไปเองเพราะคนมีความสามารถถูกจำกัดในทางปฏิบัติไม่ไห้เข้าไปทำงานหลายวงการ นักเรียนนอกมาเลย์ที่ได้ทุนรัฐบาลก็มีแต่คนมาเลย์ คนจีนก็เซ็งต้องออกเงินเอง แล้วก็ไม่อยากทำงานรัฐ รัฐอยากไม่ให้โอกาสก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเข้ากระเป๋าถอนทุนชีวิตคืนดีกว่า


นึกถึงอเมริกันเลยครับ  ชาติเขาไม่มีสุมมติฐาน "ความไม่ไว้ใจพลเมือง" เป็นที่ตั้ง  ทหารอเมริกัน มีหลายเชื้อชาติ  หลายผิวสี 
เขาสร้างชาติด้วยพื้นฐานความไว้ใจพลเมือง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ สิงหาคม 29, 2009, 04:53:56 PM
ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)
ผมก็ได้ไฟล์torrent เหมือนกันครับ...
พยายามเต็มที่แล้ว..6ชม.
ได้หนังมา20%จากทั้งเรื่อง..ซาวด์จะเป็นฝรั่งเศษซะล่ะมั๊งไม่แน่ใจ..

เห็นในเว็ปอเมซอล..ขายอยู่24เหรียญ..ซัปอังกฤษ..

เกิดไอเดียปิ๊งๆ..ขึ้นมาว่า..
คนละเหรียญ..24คน..ก็24เหรียญ..พอดีเลยครับ..
อุดหนุนหนังลิขสิทธิ์สั่งนำเข้าเองโดยตรงเลย..ดีมั๊ยครับ..

คิดเสียว่า..ลูกวิน.38มันด้านไปลูกนึงแล้วกัน.. ::008::
ผมเกิดปิ๊งไอเดียว่า เซิร์ชกูเกิ้ลหาซับก็ได้นี่นา  ::005::

ผมแนบไฟล์มาให้ด้วย แต่ไม่รู้จะเข้ากันได้กับหนังที่คุณ todsakan มีอยู่หรือไม่ แต่ที่ผมโหลดมา เข้ากันได้ดีครับ ;)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 29, 2009, 05:08:17 PM
ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)
ผมก็ได้ไฟล์torrent เหมือนกันครับ...
พยายามเต็มที่แล้ว..6ชม.
ได้หนังมา20%จากทั้งเรื่อง..ซาวด์จะเป็นฝรั่งเศษซะล่ะมั๊งไม่แน่ใจ..

เห็นในเว็ปอเมซอล..ขายอยู่24เหรียญ..ซัปอังกฤษ..

เกิดไอเดียปิ๊งๆ..ขึ้นมาว่า..
คนละเหรียญ..24คน..ก็24เหรียญ..พอดีเลยครับ..
อุดหนุนหนังลิขสิทธิ์สั่งนำเข้าเองโดยตรงเลย..ดีมั๊ยครับ..

คิดเสียว่า..ลูกวิน.38มันด้านไปลูกนึงแล้วกัน.. ::008::
ผมเกิดปิ๊งไอเดียว่า เซิร์ชกูเกิ้ลหาซับก็ได้นี่นา  ::005::

ผมแนบไฟล์มาให้ด้วย แต่ไม่รู้จะเข้ากันได้กับหนังที่คุณ todsakan มีอยู่หรือไม่ แต่ที่ผมโหลดมา เข้ากันได้ดีครับ ;)
ไฟล์.srt ผมยังไม่อยากได้ครับ..
ตอนนี้..ผมอยากได้ไฟล์แม่ก่อน..
คือสองวัน..ได้มา..35เปอร์เซนต์เอง.. :~)
ชักท้อแล้วครับ... ::012::
ไม่รู้ว่า..ท่านjakrit97 พอจะให้คำแนะนำทางเทคนิคแก่ผมได้บ้างไหมครับ..
ไงแจ้งทางpm ก็ได้ครับ... ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ สิงหาคม 29, 2009, 09:27:32 PM
ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)
ผมก็ได้ไฟล์torrent เหมือนกันครับ...
พยายามเต็มที่แล้ว..6ชม.
ได้หนังมา20%จากทั้งเรื่อง..ซาวด์จะเป็นฝรั่งเศษซะล่ะมั๊งไม่แน่ใจ..

เห็นในเว็ปอเมซอล..ขายอยู่24เหรียญ..ซัปอังกฤษ..

เกิดไอเดียปิ๊งๆ..ขึ้นมาว่า..
คนละเหรียญ..24คน..ก็24เหรียญ..พอดีเลยครับ..
อุดหนุนหนังลิขสิทธิ์สั่งนำเข้าเองโดยตรงเลย..ดีมั๊ยครับ..

คิดเสียว่า..ลูกวิน.38มันด้านไปลูกนึงแล้วกัน.. ::008::
ผมเกิดปิ๊งไอเดียว่า เซิร์ชกูเกิ้ลหาซับก็ได้นี่นา  ::005::

ผมแนบไฟล์มาให้ด้วย แต่ไม่รู้จะเข้ากันได้กับหนังที่คุณ todsakan มีอยู่หรือไม่ แต่ที่ผมโหลดมา เข้ากันได้ดีครับ ;)
ไฟล์.srt ผมยังไม่อยากได้ครับ..
ตอนนี้..ผมอยากได้ไฟล์แม่ก่อน..
คือสองวัน..ได้มา..35เปอร์เซนต์เอง.. :~)
ชักท้อแล้วครับ... ::012::
ไม่รู้ว่า..ท่านjakrit97 พอจะให้คำแนะนำทางเทคนิคแก่ผมได้บ้างไหมครับ..
ไงแจ้งทางpm ก็ได้ครับ... ::014::
ผมว่าเดี๋ยวผมลองส่ง torrent ที่ผมใช้ไปให้คุณ todsakan ดีกว่าครับ เพราะผมโหลดครบแล้ว คุณ todsakan มา load ต่อจากผมในประเทศน่าจะเร็วกว่า

ขออภัยที่ไม่ได้ทำ torrent ใหม่ เพราะถ้าผมไปฝาก tracker ที่ใช้ประจำ มันก็มีกติกามากเหลือเกิน (จริง ๆ แล้วยังไม่เคยทำ)

โพสก่อนก็จะส่งไฟล์ให้ด้วยครับ แต่ขนาดมันเกินที่เวปกำหนดครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 29, 2009, 09:40:46 PM
ผมไปเจอไฟล์เสียงในฟิล์มครับ .... ภาษารัสเซีย  :OO อีกสองวันมาอัพเดทครับ  :~)
ผมก็ได้ไฟล์torrent เหมือนกันครับ...
พยายามเต็มที่แล้ว..6ชม.
ได้หนังมา20%จากทั้งเรื่อง..ซาวด์จะเป็นฝรั่งเศษซะล่ะมั๊งไม่แน่ใจ..

เห็นในเว็ปอเมซอล..ขายอยู่24เหรียญ..ซัปอังกฤษ..

เกิดไอเดียปิ๊งๆ..ขึ้นมาว่า..
คนละเหรียญ..24คน..ก็24เหรียญ..พอดีเลยครับ..
อุดหนุนหนังลิขสิทธิ์สั่งนำเข้าเองโดยตรงเลย..ดีมั๊ยครับ..

คิดเสียว่า..ลูกวิน.38มันด้านไปลูกนึงแล้วกัน.. ::008::
ผมเกิดปิ๊งไอเดียว่า เซิร์ชกูเกิ้ลหาซับก็ได้นี่นา  ::005::

ผมแนบไฟล์มาให้ด้วย แต่ไม่รู้จะเข้ากันได้กับหนังที่คุณ todsakan มีอยู่หรือไม่ แต่ที่ผมโหลดมา เข้ากันได้ดีครับ ;)
ไฟล์.srt ผมยังไม่อยากได้ครับ..
ตอนนี้..ผมอยากได้ไฟล์แม่ก่อน..
คือสองวัน..ได้มา..35เปอร์เซนต์เอง.. :~)
ชักท้อแล้วครับ... ::012::
ไม่รู้ว่า..ท่านjakrit97 พอจะให้คำแนะนำทางเทคนิคแก่ผมได้บ้างไหมครับ..
ไงแจ้งทางpm ก็ได้ครับ... ::014::
ผมว่าเดี๋ยวผมลองส่ง torrent ที่ผมใช้ไปให้คุณ todsakan ดีกว่าครับ เพราะผมโหลดครบแล้ว คุณ todsakan มา load ต่อจากผมในประเทศน่าจะเร็วกว่า

ขออภัยที่ไม่ได้ทำ torrent ใหม่ เพราะถ้าผมไปฝาก tracker ที่ใช้ประจำ มันก็มีกติกามากเหลือเกิน (จริง ๆ แล้วยังไม่เคยทำ)

โพสก่อนก็จะส่งไฟล์ให้ด้วยครับ แต่ขนาดมันเกินที่เวปกำหนดครับ
รับทราบ..พร้อมปฏิบัติครับผม....ขอบคุณมากครับ.. ::011::
ผมจะขอรับรายละเอียดเพิ่มได้จากที่ไหนครับ.. ???


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ สิงหาคม 29, 2009, 09:49:05 PM
ทางอีเมล์ครับ ..... ส่งให้แล้วที่ nofullbath .....  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ สิงหาคม 29, 2009, 09:54:19 PM
ทางอีเมล์ครับ ..... ส่งให้แล้วที่ nofullbath .....  ;D

ขอบคุณครับ...ผม ::011:: ::014::

เสริมเพิ่มนิด..
ท่านที่ใช้..bitcomet...
ถ้าท่านสามารถปลดล็อคพรอทด์ฟังได้...จะเพื่อศักยภาพการโหลดได้อีกมากโข..
ส่วนวิธีปลดล็อค..ท่านใดสนใจลองโพล็ทแจ้งมา..เดี๋ยวผมจะบอกในโอกาสต่อไปครับ..
ผมเองก็เพิ่งหาวิธีปลดล็อคเจอน่ะครับ..


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ กันยายน 04, 2009, 12:39:39 PM
พูดถึงเรื่องหนังสงครามคงไม่มีใครขึ้นจอได้บ่อยเท่านายฮิตเลอร์  หลายคนพยายามทำให้นายคนนี้กลายเป็น ฮิตเลอร์ เชิญยิ้ม  และชาลี แชปปลินก็ทำได้สำเร็จ และผมก็เพิ่งมาเจอยูทูปป์ฝีมือคนไทยขำมากขำมายครับ(ผมเพิ่งหยุดหัวเราะมาตะกี้นี้เองเอง)


[ซับนรก]ฮิตเลอร์เตรียมสอบ (http://www.youtube.com/watch?v=7gK2k2YNhgo#ws-normal)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2009, 02:19:11 PM
ขออนุญาตคุยเรื่องภาพยนต์สงครามเรื่อง “แก๊งค์ครอดแสบเกือกติยศ” ต่อนะครับ สะกดผิดๆ ถูกๆ แบบชื่อปะกิดตามแนวคุณทาแรนติโนซะหน่อย หวังว่าหลายท่านคงชมและได้รับความบันเทิง สาระแฝงและอารมณ์หลากหลายจากเรื่องนี้มาแล้ว

ขอคุยเรื่อง บทบาทของตัวละครต่างๆ ครับ ประเด็นหนึ่งที่เรื่องนี้สร้างได้เด็ดมากคือความเป็นตัวตนของตัวละคร ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิก ลักษณะ บทบาท หน้าที่ จิตใจ โดดเด่นและแตกต่างกันออกไปอย่างกับ ขั้วโลกเหนือต่างกับ ป่าดงดิบเชียวครับ การปรากฎตัวของตัวละครต่างๆ จึงสร้างอารมณ์และบรรยากาศต่างกัน เมื่อตัวละครเหล้านี้โลดแล่นในเรื่องในฉากเดียวกันจึงก่อให้เกิดรสชาดเผ็ดมันเป็นยิ่งนัก ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเหล่านี้จึงมีพลังต่อพลวัตรของเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิต คน มากกว่าเรื่องของเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ มากนัก มาคุยกันเรื่องตัวละครแต่ละตัวเลยครับ

1. น้องโรงหนัง หรือนางสาว โชชานนา หญิงสาวยิว นางเอกของเรื่อง เป็นตัวละครที่บุคลิกถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากโศกนาศกรรมในชีวิต และการดิ้นรนอย่างเงียบๆ ในการใช้ชีวิตที่ยังเหลือโดยการหลบซ่อนในนามแฝงและความเป็นคนใหม่ในยุคสมัยที่ความเป็นยิวคือคำสั่งประหารชีวิต

น้องโรงหนังเป็นผู้ที่มีจิตกระจ่าง รู้บทบาทของตัวเอง มีอุดมคติที่แน่วแน่ แจ่ไม่ได้เป็นผ้มีจิตแจ่มใสเนื่องจากโศกนาศกรรมและชีวิตปิดบังดังกล่าว น้องโรงหนังจึงมีชีวิตเศร้าภายใน และมีความขัดแย้งทางอารมณ์เนื่องจากถูกปล้นความรื่นรมย์ของชีวิตสาวไปด้วยโศกนาศกรรม

2.ผู้การโหด นายพันเอก เอสเอส ตัวละครนี้มีดีกรีความเป็นผู้ร้ายเต็มขั้น ตัวอักษร เอส ดี ที่แขนเสื้อซึ่งโดเด่นตั้งแต่ฉากแรกของเรื่องชี้ให้เป็นว่าบุคคลผู้นี้ไม่ใช่ เอสเอส ฝ่ายการเมือง ใจโหดธรรมดาๆ แต่อยู่ในหนหน่วยความมั่นคงของ เอสเอส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีนายใหญ่อันอื้อฉาวคือ เรนฮาร์ด เฮย์ดริช เอง

ตัวละครผู้การโหดนี้ผสมไปด้วยประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง และปมเด่นปมด้อยอย่างฮากลิ้ง ส่วนตัวผมเองคิดว่าดาราในบทนี้แสดงได้มากๆ คาดว่าอาจได้รางวัลดาราประกอบสักอย่าง

ถึงแม้ผู้การโหดจะทำงานตามบทบาทหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงแต่กเป็นบุคคลมีจิตคิดปลิ้นปล้อน ยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าหน้าที่และความสัตย์ บุคลิกสตอบเอรี่นี้จึงมีสีสันและมีรสชาดชวนติดตามอย่างมาก 

3. ผู้หมวดลุย แสดงโดย แบรด พิต ผู้หมวดลุยและพวกเป็นผู้ที่มีจิตกระจ่าง รู้จักตนเอง หน้าที่ และมีบทบาทคงตัว สม่ำเสมอ ตรงไปตรงมา บทบาทของตัวละครกล่มนึ้จึงไม่สร้างความเครียดกดดันอารมณ์เหมือนบทบาทของตัวละครอื่นส่วนมาก

4. ไอ้หนุ่มชาติทหาร พลทหารหนุ่ม เยอรมัน สไนเปอร์วีรบุรุษสงคราม ผู้มรติดพันและตามตื้อน้องโรงหนังอย่างคงเส้นคงวา ไอ้หนุ่มชาติทหารเองก็เป็นบุคคลที่มีจิตกระจ่างเหมือนกับผู้หมวดลุย และพลพรรค เป็นตัวละครที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในท้องเรื่อง ไอ้หนุ่มชาติทหารจึงมีความพึงพอใจในตนเอง ถึงแม้จะมีอารมณ์แฝงบ้างแต่โดยรวมก็เป็นผู้ที่มีความมั่นใจสูงในบทบาทของตนในโลก แม้กระทั่งวาระสุดท้ายที่ไอ้หนุ่มชาติทหารรู้ตัวว่า “พลาดไปแล้ว” แต่ไอ้หนุ่มชาติทหารก็ยังคงความเป็นชายชาติทหารของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น

5. คุณหมวดเนี๊ยบ ผู้หมวดคอมมานโดอังกฤษ หมวกเบเรต์เขียวเข้ม และเครื่องหายคอมมานโดรูปปืนกลมือทอมสันประกอบเครื่องเคราบนเครื่องแบบในฉากปรากฎตัวประกาศศักดาเสียเหลือเกิน แถมมีตัวละคร วินสตัน เชอร์ชิล มาประกอบฉากสร้างอารมณ์หัวกะทิแห่งจักรวรรดิบิรติช พระอาทิตย์ไม่ตกดินเสียอีก แต่ทว่า อนิจจาเอ๋ย ตัวละครนี้เกือบๆ จะเป็นตัวตลกละครับ เนี๊ยบ เรียบ หรู ซะเหลือเกิน หยิ่ง เท่ เก๊ก มั่นใจ ผู้ดีอังกฤษ ครอดๆ ท่าดีตราบจนทีเหลวครับ 

6. สาวใหญ่ดาราบู๊ ตัวละครดาราสาวใหญ่เยอรมัน นำแสดงโดย ไดแอน ครูเกอร์ ผู้ซึ่ง ใบหน้า ทรวดทรง เยอรมั๊น เยอรมัน สมกับนามสกุลจริงๆ ครับ สาวใหญ่ดาราผู้นี้ไม่ปรากฎข้อมูลว่าบู๊ในจอตามบทบาทของตัวละครหรือไม่ แต่บู๊ในจอตามเรื่องละกัน สาวใหญ่ดาราไม่บู๊ในจอ แต่บู๊ในเรื่องเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีจิตกระจ่าง มีความมั่นใจและแน่วแน่ในอุดมการณ์ของตนเองเหนือเรื่องส่วนตัว ถึงแม้จะโดนผู้หมวดลุยแกล้งชอนไชจนต้องครวญครางแต่ก็ยังยึดมั่นหน้าที่ของตนอยู่อบ่างไม่เสื่อมคลายครับ นอกจากนี้ ตัวละครสาวใหญ่ดาราบู๊ยังมีประสิทธิภาพความเลือดเย็นสมกับที่ทำงานลับแอบแฝงอีกด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2009, 02:25:10 PM
คุยเรื่อตัวละครหลักๆ แล้วก็ขอคุยเรื่องฉากประทับใจครับ ไม่ขอเรียงตามเหตุการณ์ละ เอาฉากที่ผมชอบมากที่สุดก่อนเลย

1. ฉาก “หนุ่มชุดขาว สาวชุดแดง” ฉากนี้ตามเนื้อเรื่องแล้วเป็นฉากประกอบเหตุการณ์หลัก แต่เนื่องด้วยความแรงของฉาก ทำให้เหตุการณ์อื่นกลายเป็นเหตุการณ์ประกอบที่นำไปสู่ความเป็นฉากนี้

ฉากนี้ยังประกอบด้วยเพลงประกอบ 3 เพลงหลัก (ขอแนะนำแผ่นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยครับ ฟังได้อารมณ์คุ้มมากๆ) เพลง “ความฮึกเหิมแห่งสาวชุดแดง” เพลง “ความตื่นเต้นแห่งการเตรียมเผา” และเพลง “โรแมนติกคู่รักคู่ศึก” ฉากนี้เป็นฉากโรแมนติกยอดเยี่ยมฉาก หนึ่ง เป็นฉากที่ความจริงถูกเปิดเผย ปลดปล่อยจิตใจของตัวละคร และเป็นผลรวมความดราม่าของเรื่อง เรียกว่าเป็นฉากจบแฝงของเรื่องก็ยังได้ครับ

นอกจากนี้ ยังมีฉากแฝงที่แสดงถึงจิตใจวัยสาวของน้องโรงหนังที่ถูกโศกนาสกรรมปล้นไป คือฉากที่น้องโรงหนังหมุนตัวอวดชุดแดงหรู หน้าระรื่นได้ไม่กี่วินาทีแล้วก็กลับมีหน้าเครียดตามบทบาทในชีวิต และฉากที่น้องโรงหนังแสดงความผูกพันกับไอ้หนุ่มชาติทหารชุดขาวหลังจากที่ไอ้หนุ่มชาติทหารลงไปกองอยู่กับพื้น เป็นการปลดปล่อยตนเองช่วงสั้นๆ ของน้องโรงหนัง ส่วนไอ้หนุ่มชาติทหารนั้น ก็ได้รับรู้ความจริงที่ถูกเปิดเผมออกมาอย่างปุปปับฉับพลัน ถึงแม้จะไม่ได้เปิดเผยต่อหน้าต่อตาแต่เป็นข้างหลัง อย่างไรก็ตาม ในฉากนี้ หลังจากซัดชุดแรกออกไปแล้ว ไอ้หนุ่มโรงหนังมีการชะงักนิดหน่อย เหมือนเปิดโอกาสให้ซึมซับรับรู้ความจริง แต่แล้วไอ้หนุ่มชาติทหารก็ซัดตบท้ายอีกครั้ง เป็นการยืนยันการยึดมั่นในบทบาทหน้าที่ของตนมากกว่าการแว้งตอบตามสัญชาตญาณ เป็นความสมบูรณ์แบบในภาคหนึ่ง ของตัวละครหนึ่งในเรื่องนี้

อือม์ เริ่มเมื่อยมือแล้วครับ โอกาสหน้าผมจะมาขอคยถึงฉากประทับใจอื่นต่อครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2009, 02:42:33 PM
ฉากต่างๆ ที่จะขอคุยกันต่อไปครับ อิ อิ

2. ฉาก “พี่บ้องโต ลุยฟาร์มโคนม”

3. ฉาก “หมวดลุยจากหลังเขา รวมพลังเราทหารยิว”

4.  ฉาก “จ่าอารยัน และพลทหารกตัญญู”

5. ฉาก “ชตูเดิลหน้าครีม ทิ่มแทงจิตใจ”

6. ฉาก “คุณหมวดเนี๊ยบ เรียบกลีบโง้ง”

7. ฉาก “โรงเบียร์เยอรมัน กินกันยันตาย”

8. ฉาก “มาก๊าเหล่เต้ เท่ไม่ออก”



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 04:49:47 PM
ฉาก “โรงเบียร์เยอรมัน กินกันยันตาย”

ขอคุยกันต่อนะครับ อิ อิ สำหรับฉากนี้ที่จริงต้องเรียกว่าเป็น โรงเหล้าฝรั่งเศส แต่ในท้องเรื่องเป็นเมืองเยอรมันเข้ายึด เยอรมันนั่งดื่ม และเยอรมันเข้าปะทะ บรรยากาศก็เยอรมันอย่างแรง ทั้งองค์ประกอบของตัวละคร และอารมณ์ของตัวละคร สรุป ขอเรียกว่าโรงเบียร์เยอรมันแล้วกัน

เรื่อง พวกครอดแสบฯ มีความเป็นละครอย่างสูง ในการนำเสนอแต่ละตอนจะเปลี่ยนจาก Chapter เป็น Act ยังพอได้ ฉาก โรงเบียร์ นี้มีความเป็นละครอย่างที่สุด สามารถแสดงเป็นละครเวทีได้เลย ทั้งฉาก ทั้งเนื้อหา และการนำเสนอ ไม่ได้อาศัยมุมกล้อง หรือเทคนิกในลักษณะที่ต้องฉายออกจอถึงจะสื่อได้ เช่น ไม่ได้มีโคลสอัฟเฉพาะจุด ไม่ได้มีสโลโมชั่น ฉากนี้ให้มุมมองเหมือนผู้ชมเข้าไปอยู่ในพื้นที่จริงเท่านั้น ไม่มีมุมกล้องที่ไม่เป็นธรรมชาติจนเกินการนำเสนอของเวทีละครที่ใช้แสง การเคลื่อนไหว บทพูดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมในจุดต่างๆ สำหรับฉากนี้ท่านสามารถจิตนาการได้เลยว่าหากเป็นละครเวทีจะจัดฉากอย่างไร ตัวละครต่างๆ จะปรากฎตัวอย่างไร ใช้แสดงช่วยได้อย่างไร ปิดฉากอย่างไร 

ฉากนี้มีฉากย่อยประกอบอีก 1 ฉาก เนื้อหาเริ่มต้นจากการเตรียมการอย่างหนึ่งเพื่อจุดประสงค์อย่างหนึ่ง แต่เหตุการณ์ได้นำไปสู่สถานการณ์ และความพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน เป็นจุกหักเหของท้องเรื่องครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 05:24:23 PM
 :) เรื่อง Hitler: The Rise Of Evil

เรื่องย่อ
ฮิตเลอร์ ทหารในกองทัพเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เข้าร่วมพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือที่รู้จักกันว่านาซี เขาเป็นสุดยอดนักพูดที่โน้มน้าวใจทุกคนได้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์อันชั่วร้าย เขาจึงเริ่มปฏิบัติการแผนยึดครองอำนาจที่แฝงความร้ายกาจขึ้นอย่างแนบเนียน โดยไม่มีใครคาดคิดว่าคนตัวเล็กๆเเพียงคนเดียวนี่แหละ ที่กลายเป็นชนวนเพลิงแห่งสงครามโลก

ตัวอย่างครับ

Hitler - The Rise of Evil (http://www.youtube.com/watch?v=Qlp3VNWPta8&feature=player_embedded#normal)


 ::014:: ผมยังไม่ได้ดูเหมือนกันครับ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2010, 01:40:39 PM
ภาพยนต์สงคราม/การเมืองเรื่อง Downfall

เร็วๆ นี้ผมไปโพสเกี่ยวกับภาพยนต์สงคราม/การเมืองเรื่อง Downfall ในกระทู้อื่น ซึ่งเป็นต้นฉบับของหนังสั้นที่นำมาใส่ซับไตเติ้ลล้อเลียนยอดฮิต เลยขอนำมารวมในหัวข้อนี้ครับ

Downfall เป็นหนังเยอรมันทั้งเรื่องยาว 2.5 ชม. มั๊ง สร้างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในบังเกอร์บัญชาการของฮิตเล่อร์ตอนเยอรมันกำลังจะแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง

จับตัวเอกหลักที่ นางทรูเดิล ยุงเกอร์ Treadle Junge เลขาพิมพ์ดีดส่วนตัวของฮิตเลอร์ ผู้สร้างภาพยนต์ยังได้ปรึกษา พันตรี บารอน ฟอน โรลิงโฮเฟน ซึ่งผมเคยโพสไว้ในหัวข้อ “มาเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่สองกันครับ” ของคุณ nars

นาง ยุงเกอร์ เป็นแค่พนักงานพิมพ์ดีด ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมของฮิตเลอร์ด้วย แต่งงานกับ วัฟเฟน เอสเอส ซึ่งไปรบเสียชีวิต เคยใมห้สัมภาษณ์กับนักข่าว และผู้สร้างสารคดีชุด BBC เรื่องสงครามโลก

สำหรับบุคลิกส่วนตัวของฮิตเล่อร์ เธอบอกผู้ผลิตสารคดี BBC ว่า ฮิตเล่อร์เป็นนายที่ใจดีที่สุดที่เจอมา...

พวกเผด็จการโหด หลายคนใจดีกับคนใกล้ชิดครับ เคยอ่านเจอเรื่องภารโรงในเครมลินที่อยู่มาตั้งแต่สตาลิดถึง กอบาชอฟ เขาก็บอกว่าสตาลินใจดีกับเขา่มากที่สุด ว่างๆ ก็เรนียกไปคุยถามสารทุกข์สุกดิบ

ในเรื่องพยายามสร้างหลายฉากให้ภาพและมุมเหมือนกับรูปถ่ายจริง รายละเอียดเหตุการณ์ตามที่มีการค้นคว้าและคำพูดตามคำให้การจริง ยกเว้นตอนจบที่นางยุงเกอร์หนีออกจากบังเกอร์แล้วไปเจอเด็ก ตอนนั้นไม่มีจริงครับ สร้างเพื่ออารมณ์ของภาพยนต์

บางภาพ เช่น ตอนที่ฮิตเลอร์ไปมอบเหรียญกล้าหาญให้ยุวชนฮิตเล่อร์ในวันเกิดอายุ 56 ปีของตน วันที่ 20 เมษษ 1945 และตอนออกมาดูทรากปรักหักพังที่ทางเข้าบังเกอร์ เป็นรูปถ่ายรูปสุดท้ายของฮิตเล่อร์ครับ

บทสนทนาในเรื่องตอนที่นางยุงเกอร์ได้ยินเสียงปืนจากห้องฮิตเล่อร์แล้วลูกชายคนหนึ่งของเกิบเบิลพูดว่า “That’s bulleye!” เข้าเป้เาเลย นั้นก็เป็นไปตามคำให้สัมภาษณ์ BBC ของนางยุงเกอร์ครับ ฯลฯ

สำหรับตัวภาพยนต์ จากการแค่พยายามสร้างให้มีรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ถูกต้องก็เกิดความรู้สึกบีบคั้ง ตึงเครียดแล้ว บรรยากาศในบังเกอร์มีแสงนีออนสว่างเทียมอย่ตลอดเวลา ภายนอกเป็นทรากปรักหักพัง ผู้คนสับสน ทั้งพยายามป้องกันเมือง พวกที่ยังคลั่งลัทธินาซีทั้งในและนอกเครื่องแบบก็ตระเวนไล่ล่าตั้งศาลเตี้ยฆ่าคนที่ออกอาการยอมแพ้ ฯลฯ

กรุงเบอร์ลินแตกเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เมืองแตกอย่างวิบัติในประวัติศาสตร์ ถึงรู้ว่าจะต้องแพ้แน่นอนเยอรมันก็ยังรบป้องกันเมืองจากกองทัพโซเวียต ประมาณกันว่าเยอรมันฝ่ายตั้งรับเสียชีวิตในการรบป้องกันเบอร์ลินเกือบ 100,000 คน บาดเจ็บอีกกว่า 200,000 คน ส่วนฝ่ายโซเวียตเสียหายกว่าอย่างน้อยสองเท่า

Cornelius Ryan นักเขียนหนังสือสงครามโลกครั้งที่สองผู้เขียนเรื่อง The longest day (การยกพลขึ้นยกนอร์มังดี 6 มิถุนา 1944) A bridge too far (ปฏิบัติ Market Garden กันยา 1944 ก็ได้เขียนหนังสือการบุกยึดเบอร์ลินชื่อ The last battle ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2010, 01:42:38 PM
ภาพจริงและฉากในภาพยนต์ ฮิตเลอร์ตรวจแถวและมอบเหรียญกล้าหาญในกับยุวชนฮิตเล่อร์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2010, 01:43:36 PM
 :-[


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2010, 01:48:47 PM
ภาพถ่ายสุดท้าย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2010, 01:49:33 PM
 :P


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 02, 2010, 03:44:47 PM
ภาพยนต์สงคราม The Hurt Locker

ไปดูมาช่วงหยุด 3 วันครับ ภาพยนต์สงครามเรื่องเกี่ยวกับหน่อยกู้ระเบิดในอิรัก

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน วุ่นวาย หรือมีพล๊อตหักมุมมาก เป็นการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แสดงชีวิตทหารทั้งในฐานะบุคคล และจักรกลของการสงคราม

ถ่ายทำได้ดี ดูเหมือนจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เล่นศิลป์แสงสี สโลโมชั่น หรือเพลงประกอบ มากจนเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์จริงดีครับ

 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: zx9 ที่ มีนาคม 02, 2010, 04:18:08 PM
ขอบคุณเจ้าของกระทู้....และเพื่อนสมาชิกที่แนะนำหนังเข้ามาครับ   มีหนังดีๆที่ยังไม่ได้ดูอีกเยอะเลย   จะพยายามหามาดูให้ได้มากที่สุดครับ   ชอบหนังแนวสงครามเหมือนกัน   ดิดว่าตัวเองดูหนังสงครามมาแทบทุกเรื่อง   แต่วันนี้รู้แล้วว่า  ที่ได้ดูกับยังไม่ได้ดูมันพอๆกันเลย  ขอบคุณอีกครั้งครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 02, 2010, 04:23:31 PM
ยินดีที่ได้คุยกันครับ ;D

ผมไม่ได้ดูหลายเรื่องที่เป็นแนวดราม่าอย่างเช่น From here to eternity ซึ่งจับฉากที่ฮาวาย ก่อน และช่วง เพิล์ ฮาเบอร์ โดนโจมตี ตอนนี้เห็นมีในหลายร้านครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: RouRou_Mel - รักในหลวง ที่ มีนาคม 02, 2010, 07:31:07 PM

เรื่องนี้น่าดูมากครับ Mini Series เรื่อง "The Pacific"
จากทีมผู้สร้าง Saving Private Ryan และ Band of Brother

The Pacific: Trailer (HBO) (http://www.youtube.com/watch?v=e99B80crU3E#normal)
อ่านเจอว่าทุนสร้าง 200 Million USD เท่าๆกับ Avatar

ที่ไทย ไม่ทราบว่าฉายที่ไหน อาจจะเป็น UBC ....
ผมคงรอให้ออกเป็น DVD ครับ
 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: BANGRACHAN ที่ มีนาคม 02, 2010, 11:53:15 PM
 ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Peerapat - รักในหลวง ที่ มีนาคม 03, 2010, 01:35:59 AM

เรื่องนี้น่าดูมากครับ Mini Series เรื่อง "The Pacific"
จากทีมผู้สร้าง Saving Private Ryan และ Band of Brother

The Pacific: Trailer (HBO) (http://www.youtube.com/watch?v=e99B80crU3E#normal)
อ่านเจอว่าทุนสร้าง 200 Million USD เท่าๆกับ Avatar

ที่ไทย ไม่ทราบว่าฉายที่ไหน อาจจะเป็น UBC ....
ผมคงรอให้ออกเป็น DVD ครับ
 

เห็นแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Band of Brothers ผมชอบมากครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 04, 2010, 10:55:08 AM
ภาพยนต์สงคราม The Hurt Locker

ไปดูมาช่วงหยุด 3 วันครับ ภาพยนต์สงครามเรื่องเกี่ยวกับหน่อยกู้ระเบิดในอิรัก

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน วุ่นวาย หรือมีพล๊อตหักมุมมาก เป็นการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แสดงชีวิตทหารทั้งในฐานะบุคคล และจักรกลของการสงคราม

ถ่ายทำได้ดี ดูเหมือนจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เล่นศิลป์แสงสี สโลโมชั่น หรือเพลงประกอบ มากจนเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์จริงดีครับ

 
ดูเรื่องนี้แล้วครับ .... ยังไม่เข้าใจผู้กำกับครับ  ???

WAR is A DRUG


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มีนาคม 04, 2010, 11:45:30 AM
ภาพยนต์สงคราม The Hurt Locker

ไปดูมาช่วงหยุด 3 วันครับ ภาพยนต์สงครามเรื่องเกี่ยวกับหน่อยกู้ระเบิดในอิรัก

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน วุ่นวาย หรือมีพล๊อตหักมุมมาก เป็นการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แสดงชีวิตทหารทั้งในฐานะบุคคล และจักรกลของการสงคราม

ถ่ายทำได้ดี ดูเหมือนจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เล่นศิลป์แสงสี สโลโมชั่น หรือเพลงประกอบ มากจนเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์จริงดีครับ

 
ผมว่าดูแล้วมันงงๆ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ มีนาคม 04, 2010, 01:34:37 PM
ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะทราบสำนวนเต็มๆของสำนวนนี้บ้างครับ
"หากคุณไม่มีทักษะ คุณก็ต้องมีปริมาณ" (อาจผิดครับ)
ใครพูด,พูดที่ไหน,อย่างไร
ขอบคุณมากครับ ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 05, 2010, 12:20:58 PM
ภาพยนต์สงคราม The Hurt Locker

ไปดูมาช่วงหยุด 3 วันครับ ภาพยนต์สงครามเรื่องเกี่ยวกับหน่อยกู้ระเบิดในอิรัก

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน วุ่นวาย หรือมีพล๊อตหักมุมมาก เป็นการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แสดงชีวิตทหารทั้งในฐานะบุคคล และจักรกลของการสงคราม

ถ่ายทำได้ดี ดูเหมือนจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เล่นศิลป์แสงสี สโลโมชั่น หรือเพลงประกอบ มากจนเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์จริงดีครับ

 
ดูเรื่องนี้แล้วครับ .... ยังไม่เข้าใจผู้กำกับครับ  ???

WAR is A DRUG

ผมว่าน่าจะหมายถึงตานักกู้ระเบิดครับ เสพติดความตื่นเต้น ผลงาน และอุดมการณ์ ถอนตัวไม่ขึ้น สมัครทัวร์ต่อเรื่อยๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 05, 2010, 12:22:14 PM
ภาพยนต์สงคราม The Hurt Locker

ไปดูมาช่วงหยุด 3 วันครับ ภาพยนต์สงครามเรื่องเกี่ยวกับหน่อยกู้ระเบิดในอิรัก

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน วุ่นวาย หรือมีพล๊อตหักมุมมาก เป็นการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แสดงชีวิตทหารทั้งในฐานะบุคคล และจักรกลของการสงคราม

ถ่ายทำได้ดี ดูเหมือนจริง เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เล่นศิลป์แสงสี สโลโมชั่น หรือเพลงประกอบ มากจนเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์จริงดีครับ

 
ผมว่าดูแล้วมันงงๆ ;D

ผมเวียนหัวเลยครับพี่ ตามธรรมดาชอบนั่งกลางโรงอยู่แล้ว แถมไปดูตอนเช้า แอร์ในโรงยังไม่เย็น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 05, 2010, 12:23:33 PM
ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะทราบสำนวนเต็มๆของสำนวนนี้บ้างครับ
"หากคุณไม่มีทักษะ คุณก็ต้องมีปริมาณ" (อาจผิดครับ)
ใครพูด,พูดที่ไหน,อย่างไร
ขอบคุณมากครับ ::014:: ::014:: ::014::
ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะทราบสำนวนเต็มๆของสำนวนนี้บ้างครับ
"หากคุณไม่มีทักษะ คุณก็ต้องมีปริมาณ" (อาจผิดครับ)
ใครพูด,พูดที่ไหน,อย่างไร
ขอบคุณมากครับ ::014:: ::014:: ::014::

นึกไม่ออกครับ แต่ประโยคนี้พวกรัสเซีย จีน พูดได้สนิทปากทั้งนั้น อิ อิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มีนาคม 05, 2010, 01:48:21 PM
เรื่อง "The Pacific" เห็นโฆษณาใน UBC แล้วครับ น่าจะต่อจากเรื่อง Band of Brother ที่กำลังฉายอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 13, 2010, 09:52:42 AM
ไปดู"เขตเขียว"หรือยังครับ

http://movie.kapook.com/view10673.html (http://movie.kapook.com/view10673.html)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ มีนาคม 13, 2010, 08:15:16 PM
ไปดู"เขตเขียว"หรือยังครับ

http://movie.kapook.com/view10673.html (http://movie.kapook.com/view10673.html)

ตอนนี้เจอแต่ "เขตแดง" ครับพี่่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 14, 2010, 07:07:48 PM
ชวนดูหนังนะ ตาโจ๊ก ..........พักเรื่องแดงๆ ไว้ก่อนสิ..........กำลังลุ้นว่ามันจะมาที่ทำงานหรือเปล่าถ้ามาก็บรรลัยละจ้า


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 14, 2010, 07:11:40 PM
ชวนดูหนังนะ ตาโจ๊ก ..........พักเรื่องแดงๆ ไว้ก่อนสิ..........กำลังลุ้นว่ามันจะมาที่ทำงานหรือเปล่าถ้ามาก็บรรลัยละจ้า
ปืนคู่ใน2มือพี่  ก็ซัลโวไปโลดครับ  ;D ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มีนาคม 14, 2010, 07:14:12 PM
นี่ก็อีกคน...........


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มีนาคม 16, 2010, 01:31:23 AM
มี สมช ท่านใดเคยดูมั่งครับ "50เดนตาย" ผมเคยดูตอนเด็กๆไม่รู้ว่าชื่อภาษาอังกฤษเรื่องอะไร :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: RbungA+ ที่ มีนาคม 16, 2010, 07:56:24 AM
มี สมช ท่านใดเคยดูมั่งครับ "50เดนตาย" ผมเคยดูตอนเด็กๆไม่รู้ว่าชื่อภาษาอังกฤษเรื่องอะไร :D
จำได้เลาๆเพราะตอนนั้นเด็กมั๊กๆ ดูแถวปิ่นเกล้า 35 โบว์ ตอนจบที่วิ่งขึ้นเครื่องบิน
แล้วไม่ทัน เพื่อนเลยจำใจ ยิงไป 1 ชุด แต่พวกกบฎแห่กันมายังกับหนังเรื่อง Tear of the sun

หนังชื่อ THE WILD GEESE
http://www.imdb.com/title/tt0078492/ (http://www.imdb.com/title/tt0078492/)

THE WILD GEESE AT THE AIRPORT (http://www.youtube.com/watch?v=g7sVtOZGCT0&feature=related#normal)

อีกฉากตรงสะพานก็เจ๋งดีครับ ลองเข้าไปดูในยูทูปครับ ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มีนาคม 17, 2010, 05:11:23 AM
มี สมช ท่านใดเคยดูมั่งครับ "50เดนตาย" ผมเคยดูตอนเด็กๆไม่รู้ว่าชื่อภาษาอังกฤษเรื่องอะไร :D
จำได้เลาๆเพราะตอนนั้นเด็กมั๊กๆ ดูแถวปิ่นเกล้า 35 โบว์ ตอนจบที่วิ่งขึ้นเครื่องบิน
แล้วไม่ทัน เพื่อนเลยจำใจ ยิงไป 1 นัด แต่พวกกบฎแห่กันมายังกับหนังเรื่อง Tear of the sun

http://www.imdb.com/title/tt0078492/ (http://www.imdb.com/title/tt0078492/)

THE WILD GEESE AT THE AIRPORT (http://www.youtube.com/watch?v=g7sVtOZGCT0&feature=related#normal)

ใช้เลยครับตอนจบเเบบนั้นเลย ดีใจมีเพื่อนดูเรื่องเดียวกัน  ;Dเลยอยากดูอีกเพราะตอนนั้นยังเด็กมากดูเข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่ง ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: manja ที่ มีนาคม 18, 2010, 11:42:52 AM

เรื่องนี้น่าดูมากครับ Mini Series เรื่อง "The Pacific"
จากทีมผู้สร้าง Saving Private Ryan และ Band of Brother

The Pacific: Trailer (HBO) (http://www.youtube.com/watch?v=e99B80crU3E#normal)
อ่านเจอว่าทุนสร้าง 200 Million USD เท่าๆกับ Avatar

ที่ไทย ไม่ทราบว่าฉายที่ไหน อาจจะเป็น UBC ....
ผมคงรอให้ออกเป็น DVD ครับ
 
ได้ดูตอนแรกแล้วครับ ชื่อตอน Guadalcanal รายละเอียดดีมากครับ เห็นรอยไฟแช็กในกระเป๋าหน้าอกเสื้อด้วยครับ
ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ตอนยกพลขึ้นเกาะนี้พลทหารยังใช้ปืนไรเฟิลลูกเลื่อนอยู่เลย กับปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ พลปืนกลต้องพกถุงมือกันร้อนแบบที่ใช้ในครัวอยู่เลยครับ ขอถามว่าตอนนั้นยังไม่ได้ผลิตปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ หรือว่ายังแจกจ่ายไม่ถึงครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มีนาคม 18, 2010, 11:55:10 AM
ขออนุญาตแทรกคำถามครับ... เมื่อวานงัดหนังเรื่อง เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน... มาดูฉากท้ายๆ เกิดคำถามขึ้นว่า... เจ้าแมงกะไซค์ที่มีตีนตะขาบ... ที่ในหนังเรียกว่ากระต่ายหรือแรบบิตนั้น... จริงๆ แล้วคือยานยนต์โมเดลไหน... และใช้ในหน่วยใดครับ... ::014::

(http://www.sproe.com/images/screenshots/rabbit-03-large.jpg)



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 18, 2010, 12:11:11 PM
ขออนุญาตแทรกคำถามครับ... เมื่อวานงัดหนังเรื่อง เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน... มาดูฉากท้ายๆ เกิดคำถามขึ้นว่า... เจ้าแมงกะไซค์ที่มีตีนตะขาบ... ที่ในหนังเรียกว่ากระต่ายหรือแรบบิตนั้น... จริงๆ แล้วคือยานยนต์โมเดลไหน... และใช้ในหน่วยใดครับ... ::014::

SdKfz 2 Kleines Kettenkraftrad HK 101 or Kettenkrad
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/34/Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg/300px-Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg)

Length:      3000 mm (118")
Width:       1000 mm (39")
Height:       1200 mm (47")

Engine:       Watercooled four cylinder in-line engine with (OHV), Manufacturer: Opel (GM)

Capacity:          1478 cc. (taxed) 1488 cc. (real)
Bore x Stroke:  80 mm x 74 mm

Compression ratio:    6:1
Power:                      36 bhp (26 kW)  at: 3400 rpm
Top Speed:               70 km/h (44 mph)
Perm. total weight:    1560 kg (3444 lb)
Gearbox:                   For. 3 / Rev. 1 speed x 2 range
Clutch:                      Single plate dry clutch
Carburettor:              SOLEX Off-road carburettor type 32 FJ-II
Crew:                        3 (Driver + 2 passengers)
Tire size:                    3.50-19

http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2 (http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: คุณพ่อตัวดี ที่ มีนาคม 18, 2010, 12:23:14 PM
ขออนุญาตแทรกคำถามครับ... เมื่อวานงัดหนังเรื่อง เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน... มาดูฉากท้ายๆ เกิดคำถามขึ้นว่า... เจ้าแมงกะไซค์ที่มีตีนตะขาบ... ที่ในหนังเรียกว่ากระต่ายหรือแรบบิตนั้น... จริงๆ แล้วคือยานยนต์โมเดลไหน... และใช้ในหน่วยใดครับ... ::014::

SdKfz 2 Kleines Kettenkraftrad HK 101 or Kettenkrad
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/34/Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg/300px-Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg)

Length:      3000 mm (118")
Width:       1000 mm (39")
Height:       1200 mm (47")

Engine:       Watercooled four cylinder in-line engine with (OHV), Manufacturer: Opel (GM)

Capacity:
Bore x Stroke: 1478 cm&sup3; (taxed) 1488 cm&sup3; (real)
80 mm x 74 mm

Compression ratio:    6:1
Power:                      36 bhp (26 kW)  at: 3400 rpm
Top Speed:               70 km/h (44 mph)
Perm. total weight:    1560 kg (3444 lb)
Gearbox:                   For. 3 / Rev. 1 speed x 2 range
Clutch:                      Single plate dry clutch
Carburettor:              SOLEX Off-road carburettor type 32 FJ-II
Crew:                        3 (Driver + 2 passengers)
Tire size:                    3.50-19

http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2 (http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2)
::002:: ::002::








หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มีนาคม 18, 2010, 01:58:34 PM
ขออนุญาตแทรกคำถามครับ... เมื่อวานงัดหนังเรื่อง เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน... มาดูฉากท้ายๆ เกิดคำถามขึ้นว่า... เจ้าแมงกะไซค์ที่มีตีนตะขาบ... ที่ในหนังเรียกว่ากระต่ายหรือแรบบิตนั้น... จริงๆ แล้วคือยานยนต์โมเดลไหน... และใช้ในหน่วยใดครับ... ::014::

SdKfz 2 Kleines Kettenkraftrad HK 101 or Kettenkrad
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/34/Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg/300px-Bundesarchiv_Bild_101I-725-0184-22%2C_Russland%2C_Soldaten_auf_Kettenkrad.jpg)

Length:      3000 mm (118")
Width:       1000 mm (39")
Height:       1200 mm (47")

Engine:       Watercooled four cylinder in-line engine with (OHV), Manufacturer: Opel (GM)

Capacity:          1478 cc. (taxed) 1488 cc. (real)
Bore x Stroke:  80 mm x 74 mm

Compression ratio:    6:1
Power:                      36 bhp (26 kW)  at: 3400 rpm
Top Speed:               70 km/h (44 mph)
Perm. total weight:    1560 kg (3444 lb)
Gearbox:                   For. 3 / Rev. 1 speed x 2 range
Clutch:                      Single plate dry clutch
Carburettor:              SOLEX Off-road carburettor type 32 FJ-II
Crew:                        3 (Driver + 2 passengers)
Tire size:                    3.50-19

http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2 (http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_2)

ขอบคุณมากๆ ครับ... ::014::



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: mrt ที่ มีนาคม 29, 2010, 10:16:45 AM
เมื่อคืนดูเรื่องนี้มาครับ หนังสนุกมาก ดูจบไม่รู้ตัว  ::002:: แนะนำครับ
(http://image.ohozaa.com/id/45499slh_1sht.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=0653fd9fd77bdc6034eda5af8d1f519c)
อาจจะไม่เข้ากับกระทู้ แต่หนังสนุก ไม่อยากให้มองข้ามไปครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ เมษายน 07, 2010, 11:12:05 PM
เพิ่งลาโรงไปครับ Green Zone  สนุกมาก ไม่ใช่หนังสงครามโดยตรงออกไปแนวสืบสวน ค้นหาความจริงที่ถูกปิดบัง ที่มีฉากสงครามและชะตาของสันติภาพผูกติดเบื้องหลัง

ช่วงท้าย ออกน้ำเน่าๆนิดๆ ชนิดคอหนังฝรั่งเดาผลออก ...และยังสรุป โดยผูกเรื่องไว้อิงสถานะการณ์ปัจจุบันของสงครามอิรัค
การดำเนินเนื้อเรื่อง ใช้ประวิติศาสตร์เป็นเค้าโครงเรื่อง  พร้อมๆกับเสริมจินตนาการผู้สร้างลงไป  เป็นแทรนด์หนังยุคหลังๆ ตั้งแต่ Young Indiana Jones ที่ดำเนินเรื่องล้อประวัติศาสตร์  แต่ต่างกันที่ Green Zone ดำเนินเรื่องจำเพาะจุด ดุดัน โหด กว่า

ผู้ชมควรเข้าใจ เหตุการณ์บ้านเมืองช่วงก่อนเกิดสงคราม ทั้งแนวคิดที่ว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จใส่ร้ายอิรัค รวมถึงปัญหาภายในอิรัคเอง (ว่าทำไมถึงไม่ทำการต่อต้านอย่างเต็มที่)

กลิ่นไอของหนัง นั่งดูรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองแขกเลยครับ  สภาพบ้านช่อง การแต่งกายของพวกนายทหารรีพับรีกันการ์ด  ไม่มีใส่ชุดทหารกางเกงที่มีกระเป๋าข้าง หรือรองเท้าบูตเลย  มีแต่ใส่ สูทรัดรูป ขับรถยุโรป ถือ AK 47  .... ::002:: 

จะมีผิดจังหวะก็ตรงที่มีมือปืนท้องถิ่นรับทำงานให้อเมริกัน แบบสะดวกง่ายจนเกินไปนี้แหละ เพราะถ้าอเมริกัน มีคนท้องถิ่นทำงานให้ถึงขนาดนั้น ก็คง จะไม่มีปัญหาส่งมาถึงพระเอก หรือคู่แข่ง ต้องมาทำงาน เดินเรื่องให้เราดูกันอยู่หรอก



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ เมษายน 07, 2010, 11:37:44 PM
ผมดูไม่ทันครับGreen Zone.....ลาโรงเร็วเหลือเกิน.....


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ เมษายน 07, 2010, 11:42:36 PM
มี สมช ท่านใดเคยดูมั่งครับ "50เดนตาย" ผมเคยดูตอนเด็กๆไม่รู้ว่าชื่อภาษาอังกฤษเรื่องอะไร :D
จำได้เลาๆเพราะตอนนั้นเด็กมั๊กๆ ดูแถวปิ่นเกล้า 35 โบว์ ตอนจบที่วิ่งขึ้นเครื่องบิน
แล้วไม่ทัน เพื่อนเลยจำใจ ยิงไป 1 นัด แต่พวกกบฎแห่กันมายังกับหนังเรื่อง Tear of the sun

http://www.imdb.com/title/tt0078492/ (http://www.imdb.com/title/tt0078492/)

THE WILD GEESE AT THE AIRPORT (http://www.youtube.com/watch?v=g7sVtOZGCT0&feature=related#normal)

ใช้เลยครับตอนจบเเบบนั้นเลย ดีใจมีเพื่อนดูเรื่องเดียวกัน  ;Dเลยอยากดูอีกเพราะตอนนั้นยังเด็กมากดูเข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่ง ;D

เจ๋งครับเรื่องนี้ แต่ก่อนที่บ้านเคยมีวีดีโอ อารมณ์เดียวกับ Tears of the sun ได้

ตอนจบแอบหลั่งน้ำตาตรงที่ต้องยิงเพื่อนตัวเองครับ

ปล น้าโรเจอร์ มัวร์ ก็เล่นนะเรื่องนี้ ผมชอบมุขตอนฝึกโดดร่ม ที่บอกว่า โดดออกมาจากเครื่องบินนะครับ ไม่ใช่โดดจากหน้าต่างซ่อง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ เมษายน 09, 2010, 06:00:44 PM
ผมก็ชอบเรื่อง ห่านป่า ครับ ที่บ้านมีวีดีโอดูตั้งแต่เด็กๆ  

ไปดูเรื่อง เขตเขียว และ ฮาร์ด ล๊อกเกอร์ ในโรงทัน สึกว่าทั้งสองเรื่องเป็นการวาง "กระแสมุมมองต่อสงครามอิรัก" ของฮอลีวู้ด ซึ่งเป็นมุมมองหลักทีเดียว จะมีการสร้างภาพยนต์บนกระแสมุมมองนี้ได้อีกหลายเรื่อง คือกระแสมุมมอง

๑.คนเมกันจริงใจในการสู้กับเผด็จการที่พยายามก่อกวนเสถียรภาพความมั่นคงของโลก (ด้วยอาวุธร้ายแรง) แต่ไม่ได้ทำการตมเหตุผลนี้จริงเพราะรัฐบาลหลอก หรือด้อยประสิทธิภาพในกระบวนการตัดสินใจ

๒. สงครามนี้ก็เหมือนกับสงครามอื่นคือ ทหารรบเพื่อปกป้องเพื่อนและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือมีประเด็นทางการเมืองส่วนตัวของตนเอง

ข้อ ๒ นี้อาจดูเผินๆ ได้ว่าเป็นมุมมองธรรมชาตที่ใครๆ จะจับมาสร้างก็ได้ แต่จริงๆ แล้วถ้าสงครามนั้นฝ่ายผู้สร้าง และตลาดผู้ชมยังแสดงความบริสุทธิ์ใจได้ไม่พอก็จะไม่อยากสร้างกัน

เช่น ภราดรภาพของทหารญี่ปุ่นที่อยู่ในสถานการณ์ต้องไปรบและฆ่า ทรมานพลเรือนจีน กรณีนี้กระสหลักยังเป็นความศรัทธาอย่างจริงใจส่วนบุคคลในการอุทิศตัวเพื่อชาติของคนญี่ปุ่นยุคนั้น และความต้องการลืมๆ เรื่องที่ญี่ปุ่นทำไม่ดี จึงไม่ต้องการสร้างภาพยนต์ที่ระดับบุคคลแสดงความจริงใจในภาพรวมที่เป็นข้อกังขา หรือระดับบุคคลแสดงข้อกังขาต่อภาพรวมที่เลวร้าย

กระแสมุมมองหนึ่งของฮอลีวู้ดต่อสงครามเวียดนามคือ ทหารเมกันพยายามต่อสู้ แต่ถูกหักหลังจากมิตรเทียม เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกในซีรีย์ "Tour of duty"


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ เมษายน 09, 2010, 10:41:01 PM
รบกวนถามนิดครับ พอดีผมหาหนังสือ red storm rising ไม่ได้เลย ถามหมดแล้วทุกร้าน ทั้ง นายอินทร์ แพร่ b2s ไม่มีเลยครับ รบกวนด้วยนะครับ  :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ เมษายน 10, 2010, 03:24:34 AM
รบกวนถามนิดครับ พอดีผมหาหนังสือ red storm rising ไม่ได้เลย ถามหมดแล้วทุกร้าน ทั้ง นายอินทร์ แพร่ b2s ไม่มีเลยครับ รบกวนด้วยนะครับ  :D

ถ้าเอาฉบับภาษาอังกฤษ ผมหาให้ได้ครับ ที่ร้านมือสองที่นี่มีขาย หนังสือ ทอม แคลนซี่ ดีๆเยอะมากๆ กลางปีนี้กลับไทยจะเอาไปฝากครับพี่

ส่วนภาษาไทยถ้าได้แล้ว รบกวนบอกผมต่อด้วยครับ แหะๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ สิงหาคม 13, 2010, 12:29:05 PM
สวัสดีครับคุณ Don Quixote และชาว อวป. ที่ชื่นชอบภาพยนต์สงครามครับ
ผมมาตามคำแนะนำของคุณ Don Quixote ครับ
เลยถือโอกาสเอารูปของ ตัวจริงของเจ้าหนูไรอัน ในหนังเรื่องเซฟวิ่งฯ มาให้ดู หากเป็นการเอามะพร้าวมาขายสวนก็กราบขออภัยท่านสมาชิกด้วยนะครับ

จากเรื่องจริงของ Frederick' Fritz ' Niland สังกัดกองร้อย H กองพันที่ 3 กรมพลร่มที่ 501 กองพลพลร่มที่ 101 ที่ต้องสูญเสียพี่ชายถึง 3 คน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ. เรื่องราวของการสูญเสียของพี่น้องตระกูล Niland นี่เองที่ สตีเว่น สปิลเบิร์ก ได้แรงบันดาลใจเอามาสร้างหนังครับ
ตัว Frederick' Fritz ' Niland กลับบ้านอย่างปลอดภัยครับ





หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 13, 2010, 02:42:48 PM
สวัสดีครับ

อือม์ เรื่องพี่น้องตายในสงครามโลกครั้งที่สอง เลยนึกถึงเรื่องการเสียชีวิตของพี่น้อง ซุลลิแวน ทั้ง ๕ คน เมื่อเรื่อลาดตระเวยเมกัน อินเดียนาโปลิส ถูกตอร์ปิโดญี่ปุ่นจมในแปซิฟิกตอนปลายเดือน ก.ค. ๔๕ สงครามแทจะจบลงแล้ว และเป็นเรือลำแทบสุดท้ายที่ถูกญี่ปุ่นจม เป็นความซวยจริงๆ ที่พี่น้องไปอยู่ในเรือลำเดียวกันที่เกิดเหตุเช่นนั้น

เรื่องเรือ อิเดียฯ มีความผิดพลาดเสริมตอร์ปิโด ทำให้ลูกเรือตายไปมาก เนื่องจาก เมื่อเรือจมลูกเรือส่วนมากรอดชีวิตอยู่บนเรือชูชีพและลอยอยู่ในน้ำ แต่ไม่มีใคร รวททั้งจุดปลายทางสังเกตุว่าเรือหายไป เลยไม่ได้ออกามหา ลูกเรือเสียชีวิตจากการตากแดด ขาดน้ำ อาหาร และถูกฉลามกินไปมาก อีก ๔ วันต่อมามีเรือไปเจอลูกเรือเรือตกบางคนโดยบังเอิญ เลยรู้เรื่องกัน

ภาพยนต์เรื่อง จอว์ ก็อ้างเหตุการณ์นี้สำหรับตัวละครหนึ่ง ว่าเป็นลูกเรือรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้เลยคลั้งไคล้ต่อต้านฉลาม



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 13, 2010, 06:36:02 PM
เรื่องจอว์ ก็เขียนโดยพลร่ม 101 นี่ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ สิงหาคม 13, 2010, 06:59:26 PM
เรื่องจอว์ ก็เขียนโดยพลร่ม 101 นี่ครับ

พลทหารเวปเตอร์ หรือเปล่าครับ หากไม่ใช่ขออภัยด้วยนะครับ

พลทหารเวปเตอร์(ไม่ยอมรับยศไดๆ จนปลดประจำการ)ยอดนักเขียนประจำกองร้อยอีซี่ ปลดประจำการแล้วก็บ้าเรื่องฉลามอย่างเดียว ออกทะเลแล้วก็หายสาปสูญ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ สิงหาคม 13, 2010, 07:04:39 PM
ผมชอบหนังเรื่องนี้ครับ ภาพสวยงามมากครับ ประกอบกับนางเอกยอมเล่นแบบไม่หวงตัวเลยครับ
หนังเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า ชาวอิตาเลี่ยน ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้บ้าสงครามไปกับมุโสลินีครับ  ;)




หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 13, 2010, 07:56:23 PM
รบกวนถามนิดครับ พอดีผมหาหนังสือ red storm rising ไม่ได้เลย ถามหมดแล้วทุกร้าน ทั้ง นายอินทร์ แพร่ b2s ไม่มีเลยครับ รบกวนด้วยนะครับ  :D


ตาทอมมีมุมมองล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จริง  เรื่องเดอะ ทีทออฟไทเกอร์ก็นำเสนอข้อมูลการจับมือกันระหว่างพวกก่อการร้ายประเภทอัลไคด้ากับพวกค้ายาเสพติดโคลัมเบีย  ไม่รู้ว่าเหมือนกับบ้านเราที่พวกโจรอาร์เคเคจับมือกับพวกค้ายาภาคใต้ไหม
ถ้าเอาฉบับภาษาอังกฤษ ผมหาให้ได้ครับ ที่ร้านมือสองที่นี่มีขาย หนังสือ ทอม แคลนซี่ ดีๆเยอะมากๆ กลางปีนี้กลับไทยจะเอาไปฝากครับพี่

ส่วนภาษาไทยถ้าได้แล้ว รบกวนบอกผมต่อด้วยครับ แหะๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 13, 2010, 09:21:53 PM
รบกวนถามนิดครับ พอดีผมหาหนังสือ red storm rising ไม่ได้เลย ถามหมดแล้วทุกร้าน ทั้ง นายอินทร์ แพร่ b2s ไม่มีเลยครับ รบกวนด้วยนะครับ  :D


ตาทอมมีมุมมองล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จริง  เรื่องเดอะ ทีทออฟไทเกอร์ก็นำเสนอข้อมูลการจับมือกันระหว่างพวกก่อการร้ายประเภทอัลไคด้ากับพวกค้ายาเสพติดโคลัมเบีย  ไม่รู้ว่าเหมือนกับบ้านเราที่พวกโจรอาร์เคเคจับมือกับพวกค้ายาภาคใต้ไหม
ถ้าเอาฉบับภาษาอังกฤษ ผมหาให้ได้ครับ ที่ร้านมือสองที่นี่มีขาย หนังสือ ทอม แคลนซี่ ดีๆเยอะมากๆ กลางปีนี้กลับไทยจะเอาไปฝากครับพี่

ส่วนภาษาไทยถ้าได้แล้ว รบกวนบอกผมต่อด้วยครับ แหะๆ

ลองสั่งที่นี่ครับพี่  ผมกับพี่โจ๊ก ได้ของมาอ่านแล้วครับ
https://sites.google.com/site/acupofidea/tom-clancy-4


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 14, 2010, 01:03:27 AM
เรื่องจอว์ ก็เขียนโดยพลร่ม 101 นี่ครับ

ดูแล้วไม่ใช่ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Peter_Benchley (http://en.wikipedia.org/wiki/Peter_Benchley)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 14, 2010, 03:54:07 AM
ขอบคุณครับพี่ Don


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 19, 2010, 02:47:02 AM
สวัสดีครับพี่ๆและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน เนื่องจากท่าน Don Quixote ไปเห็นผมแบกท่อ Bangalore Torpedo เก้กังอยู่ในกระทู้นั้นและท่านเห็นว่าผมชอบหนังสงครามจึงชวนให้มาที่นี่ ผมนั้นใจง่ายอยู่แล้วก็รีบตามมาโดยพลัน(ตามหลังท่านWinters มาติดๆเลย) ผมชอบหนังสงครามมาตั้งแต่เด็กครับ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูมากนัก  จะมาได้ดูบ้างก็ตอนที่เป็นผู้ใหญ่นี่แหละ หนังคาวบอยก็ชอบครับถ้ามีทหารม้ายิ่งชอบใหญ่(ตอนโตแล้วกลับสงสารอินเดียนแดงและเกลียดพวกผิวขาว) ส่วนหนังโรมันหรือหนังจีนก็ต้องขอให้มีกองทัพใหญ่ๆ ทหารเยอะๆไว้ก่อน ยิ่งเป็นฉากทัพม้าเข้าประจัญบานกันละก็นั่งไม่ติดเชียวครับ (ผมเข้าข่ายบ้าสงครามหรือเปล่าก็ไม่รู้)  ผมพิมพ์ยังไม่ค่อยคล่องนักและก็เพิ่งใช้คอมพ์เป็นเมื่อเร็วๆนี้เอง มาเริ่มใช้เอาตอนแก่ก็เลยเรียนรู้ช้าหน่อย ประกอบกับกลัวพิมพ์ผิดด้วยเลยพากันช้าเข้าไปใหญ่(บางคำไม่แน่ใจก็ยอมเสียเวลาเปิดพจนานุกรมก่อน) เวลาเห็นคำผิดๆในกระทู้แล้วก็หงุดหงิดน่ะครับ อยากช่วยท้วงติงแต่ก็แยะเหลือเกิน  แต่อย่างไรก็ตามถ้าเห็นผมสะกดไม่ถูกหรือพิมพ์อะไรไม่สมควรก็ช่วยกรุณาบอกด้วยครับ เพราะบางทีตรวจทานแล้วก็ยังมีหลงหูหลงตาไปอีก  ผมขอไปไล่อ่านกระทู้ทั้งหมดก่อนนะครับ ขอขอบพระคุณในไมตรีจิตของทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย (Webนี้มีแต่เพื่อนจริงๆครับ) ขอบพระคุณท่านDonอีกครั้งที่ชวนมาครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 19, 2010, 04:49:31 AM
ยินดีครับที่ได้มาคุยกัน

เรื่อง Is Paris burning นี้ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ 

คำพูดดังกล่าวเป็นของฮิตเล่อร์ คือเมื่อเยอรมันรบแพ้ขึ้นเรื่อยๆ ฮิตเล่อร์ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และยึดนโยบายไม่ยอมถอยอย่างเดิมที่ยึดมาตั้งแต่สมรภูมิสตาลินกราด ทำให้กองทัพเยอรมันเสียเปรียบมากเพราะในการรบจริงๆ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายถอนกำลังบ้างเข้าสู่ภูมิประเทศเพื่อให้ได้เปรียบในการรบ หรือเพื่อรวมกำลังเข้าตีตอบโต้

เห็นได้ว่าฮิตเล่อร์ยังติดกับภาพการรบสนามเพลาะที่ตนที่ประสบการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ช่วงกลาง-จบ ซึ่งเป็นสนามรบไม่เคลื่อนที่ รบแย่งพื้นที่ต่อหน้ากัน การถอยถูกแปลว่าเป็นการให้พื้นที่แก่ข้าศึก เสมือนความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับอุดมการณ์รุนแรง ฮิตเล่อร์ก็เลือกที่จะให้ทหารรบ ณ จุดที่ตั้งจนตาย ส่วนเมืองก็ทำลายเมืองเสีย เช่น เมื่อกองทัพที่ ๖ ของพลเอกเพาลุส จะโดนโซเวียตล้อมที่สตาลินกราด ฮิตเล่อร์ก็ไม่ยอมถอยให้สู้ในพื้นที่นั้นต่อไป ต่อมากองทัพที่ ๖ สูญเสียหนักใกล้แพ้ ฮิตเล่อร์ก็เลื่อนขั้นให้เพาลุสเป็นจอมพล เพราะในประวัติศาสตร์ของปรุสเซียน และเยอรมันเมื่อรวมชาติแล้ว ไม่เคยมีจอมพลยอมแพ้ข้าศึกเลย มีแต่เสียชีวิตหรือฆ่าตัวตาย ฮิตเล่อร์หวังให้เพาลุสรบจนตัวตายหรือฆ่าตัวตายบ้าง

แต่วันร่งขึ้นหลังการแต่งตั้ง เพาลุส ก็ยอมแพ้ต่อกองทัพโซเวียต

ดังนั้น เมื่อสัมพันธมิตรจะเข้าปารีสได้ ฮิตเล่อร์ก็สั่งให้เผากรุงปารีสทิ้งเสียจึงโทรไปถามดังกล่าว แต่ผู้บัญชาการทหารไม่ยอม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 19, 2010, 04:59:22 AM
สำหรับคอภาพยนต์สงครามผมขอแนะนำกระทู้นี้ด้วยครับ นำเที่ยวหาดนอร์มังดี และบางพื้นที่ใน overlord Operation การยกพลขึ้นบก ๖ มิถุนาฯ ๔๔, The longest day

"ท้าม ท้าม ท้าม ถ่ามม" ทำนองซิมโฟนี่เลขที่ ๕ ของบีโธเฟ่น ที่นำไปประกอบภาพยนต์ The longest day นี้มีนัยยะด้วยครับ คือ จังหวะ สั้น สั้น สั้น ยาว ..._ นี้ในรหัวมอสหมายถึงอักษรตัว V (Victory) ด้วยครับ ;D 

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=87423.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=87423.0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 19, 2010, 06:59:29 AM
ยินดีครับที่ได้มาคุยกัน

เรื่อง Is Paris burning นี้ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ 

คำพูดดังกล่าวเป็นของฮิตเล่อร์ คือเมื่อเยอรมันรบแพ้ขึ้นเรื่อยๆ ฮิตเล่อร์ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และยึดนโยบายไม่ยอมถอยอย่างเดิมที่ยึดมาตั้งแต่สมรภูมิสตาลินกราด ทำให้กองทัพเยอรมันเสียเปรียบมากเพราะในการรบจริงๆ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายถอนกำลังบ้างเข้าสู่ภูมิประเทศเพื่อให้ได้เปรียบในการรบ หรือเพื่อรวมกำลังเข้าตีตอบโต้

เห็นได้ว่าฮิตเล่อร์ยังติดกับภาพการรบสนามเพลาะที่ตนที่ประสบการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ช่วงกลาง-จบ ซึ่งเป็นสนามรบไม่เคลื่อนที่ รบแย่งพื้นที่ต่อหน้ากัน การถอยถูกแปลว่าเป็นการให้พื้นที่แก่ข้าศึก เสมือนความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับอุดมการณ์รุนแรง ฮิตเล่อร์ก็เลือกที่จะให้ทหารรบ ณ จุดที่ตั้งจนตาย ส่วนเมืองก็ทำลายเมืองเสีย เช่น เมื่อกองทัพที่ ๖ ของพลเอกเพาลุส จะโดนโซเวียตล้อมที่สตาลินกราด ฮิตเล่อร์ก็ไม่ยอมถอยให้สู้ในพื้นที่นั้นต่อไป ต่อมากองทัพที่ ๖ สูญเสียหนักใกล้แพ้ ฮิตเล่อร์ก็เลื่อนขั้นให้เพาลุสเป็นจอมพล เพราะในประวัติศาสตร์ของปรุสเซียน และเยอรมันเมื่อรวมชาติแล้ว ไม่เคยมีจอมพลยอมแพ้ข้าศึกเลย มีแต่เสียชีวิตหรือฆ่าตัวตาย ฮิตเล่อร์หวังให้เพาลุสรบจนตัวตายหรือฆ่าตัวตายบ้าง

แต่วันร่งขึ้นหลังการแต่งตั้ง เพาลุส ก็ยอมแพ้ต่อกองทัพโซเวียต

ดังนั้น เมื่อสัมพันธมิตรจะเข้าปารีสได้ ฮิตเล่อร์ก็สั่งให้เผากรุงปารีสทิ้งเสียจึงโทรไปถามดังกล่าว แต่ผู้บัญชาการทหารไม่ยอม
สวัสดีครับท่านDonและเพื่อนสมาชิก  ผมก็ใจง่ายตามท่านไปอีกแล้วหละ กระทู้หาดนอร์มังดีภาพสวยมากครับ เย็นนี้กลับจากทำงานจะมาตามดูให้หมด   ขอนอกเรื่องนิดนะครับ ชื่อดอนกีโฮเต้ทำให้ผมคิดถึงคำว่า " แมนออฟลามันช่า " สองคำนี้เกี่ยวข้องกันหรือเปล่าครับ (อย่างที่เคยเรียนไว้ว่าความจำผมแย่ คุยกับใครก็มักต้องขึ้นต้นว่า "คลับคล้ายคลับคลา" เป็นประจำ  ขอไปทำงานก่อนละครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 19, 2010, 03:24:33 PM
ชื่อหนังสือเต็มๆ ครับ "ฮิดัลโก้ ดอน กิโฮเต้ แห่งลามันช่า ผู้รุ่งโรจน์" ก็เลยเรียกกันต่างๆ ได้ด้วยว่า ชายแห่งลามันช่า ฯลฯ มีภาพยนต์ มีอะไรออกมาแยะ

หนังสือเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมแห่งชาตของสเปน เขียนโดยนาย มิเกล เด เซอบานเตส ภาคแรกออกมาปี ๑๖๐๕ ภาคสองปี ๑๖๑๕ ตอนปี ๒๐๐๕ ก็ฉลองเป็นการใหญ่ในโอกาสวรรณกรรมเรื่องนี้ครบ ๔๐๐ ปี

มีคำพูด (คันๆ) ว่า "คนสเปนทุกคนต้องอ่านหนังสือสองเล่ม คือคัมภีย์ไบเบิ้ล และ ดอน กิโฮเต้ และก็อ่านไม่จบทั้งสองเล่ม"

ล่ามันช่า เป็นชื่อแคว้นทางภาคกลางของสเปน ปัจจุบันชื่อเต็มคือ คาสติล-ลามันช่า ทางใต้ของแคว้น คาสติล-ลีออน

เนื้อเรื่งอนกจากจะเป็นนิยายสนุกสนามแปลกดีแล้วยังมีนัยยะแฝงทางสังคมยุคนั้นในคิดกันได้หลายแง่ เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่สเปนกำลังออกจาระบบฟิวดัลฝรั่งไพร่ติดที่ดิน ไปยังการพัฒนาสังคมเมืองปกครองตนเอง อุดมการณ์สังคมการเมือง และเทคโนโลยีการดำรงชีวิตก็กำลังเปลี่ยนไป

เช่น การที่ ดอนฯ โจมตีโรงสีลมเพราะนึกว่าเป็นอสูรร้ายนั้น สะท้อนการใช้เทคโนโลยี่การผลิตสมัยใหม่ที่มาแทนแรงงานชาวบ้านตกงาน

ไม่ว่ายุคไหนแรงงานก็ต่อต้านการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ตนตกงาน เช่น ต้นกำเนิดคำว่า Sabotage (วินาศกรรม) ก็มาจากคำว่า Sabot รองเท้าไม้ของคนดัชท์ เพราะดัชท์เคยใช้รองเท้าไม้ทุบตีทำลายเครื่องทอผ้าที่ทำให้ตนตกงาน

ปัจจุบันมี อ.ม.รามฯ ท่านหนึ่ง แปล ดอนฯ ภาคแรก ฉบับเต็มเป็นภาษาไทยแล้วครับ

ปล. โรงสีลมในแคว้นลามันช่าหน้าตาไม่เหมือนโรงสีลมดัชท์ครับ ตัวโรงเป็นปูนสีขาวทรงกระบอก หลังคากรวย เหมือนหมวกเวียดนาม ใบกังหันคล้ายๆ กัน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 19, 2010, 07:59:16 PM
ขอบคุณครับท่านDon (ผมอยากเรียกท่านว่าห้องสมุดเคลื่อนที่มากกว่า)  ท่านพูดถึง Sabotage และ Sabot ผมก็คลับคล้ายคลับคลา(อีกแล้ว)ว่า วงการกระสุนปืนเอามาใช้เรียกหัวกระสุนแบบที่มีเปลือกหุ้มหัวที่เล็กกว่าอยู่ข้างในใช่ไหมครับ ถ้าใช่จริงแล้วทำไมจึงเอาหัวกระสุนแบบนี้มาเปรียบเทียบกับรองเท้าไม้ล่ะครับ อันที่จริงเปลือกหุ้มหัวกระสุนดังกล่าวเวลาแยกออกจากกันจะดูให้เหมือนรองเท้าไม้ก็พอได้เหมือนกันนะครับ นับประสาอะไรกับกระสวยทอผ้าก็ยังเอาไปเรียกยานขนส่งอวกาศได้นี่ครับ สวัสดีครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 19, 2010, 09:30:16 PM
อิ อิ ไม่ใช่ห้องหรอกครับ เผอิญคุยกันเรื่องที่ผมชอบคุยเท่านั้นเองครับ

ครับ Sabot ที่นำมาเรียกเปลือกหุ้นหัวกระสุน ก็มาจากศัทพ์รองเท้าไม้ คำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่าน ซาโบ เพราะเมื่อ t อยู่ข้างหลังไม่ออกเสียง ที่จริงรองเท้าแบบนี้ใช้หลายประเทศเหมือนกัน

ที่จริงการใช้เปลือหุ้มหัวกระสุนมามานานแล้วตั้งแต่ยุคปืนดินดำบรรจุปาก เป็นความพยายามที่จะยิงลูกกระสุนบรรจุดินปืนเพื่อให้ไประเบิดที่เป้าหมาย เลยใช้ไม้ทำเป็นกระเปาะหุ้มท้าย พร้อมกับมีระบบชนวนอยู่ข้างในไว้ซึ่งจะจุดชนวนจากดินปืนในการยิง ที่ทำอย่างนี้เพราะถ้าให้ชนวนจากลูกปืนสัมผัสดินปืนในรังเพลิงโดยตรงจะมีโอกาสสูงที่ลูกปืนระเบิดทันทีในลำกล้องได้

ส่วน กระสวยอวกาศ (Space shuttle) นั้นหมายถึงยานอวกาศที่ขึ้นไปแล้วหลับลงมาใหม่ได้หลายๆ ครั้งครับ ไม่ใช่ยานอวกาศทั่วไปแบบดั้งเดิมที่ยิงขึ้นไปแล้วตกกลับลงมาแค่บางส่วน ส่วนมากทิ้งไปหรืออยู่ในวงโคจรเป็นสถานีอวกาศไป

ตามคำกริยา shuttle กลับไปกลับมา เหมือนกับ shuttle bus นั่นละครับ

กระสวยทอผ้านั้นก็คือตัวดึงด้ายวิ่งซ้ายขวากลับไปกลัยมาในเครื่องทอผ้านั่นเอง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ สิงหาคม 19, 2010, 09:46:58 PM
อิ อิ ไม่ใช่ห้องหรอกครับ เผอิญคุยกันเรื่องที่ผมชอบคุยเท่านั้นเองครับ

ครับ Sabot ที่นำมาเรียกเปลือกหุ้นหัวกระสุน ก็มาจากศัทพ์รองเท้าไม้ คำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่าน ซาโบ เพราะเมื่อ t อยู่ข้างหลังไม่ออกเสียง ที่จริงรองเท้าแบบนี้ใช้หลายประเทศเหมือนกัน

ที่จริงการใช้เปลือหุ้มหัวกระสุนมามานานแล้วตั้งแต่ยุคปืนดินดำบรรจุปาก เป็นความพยายามที่จะยิงลูกกระสุนบรรจุดินปืนเพื่อให้ไประเบิดที่เป้าหมาย เลยใช้ไม้ทำเป็นกระเปาะหุ้มท้าย พร้อมกับมีระบบชนวนอยู่ข้างในไว้ซึ่งจะจุดชนวนจากดินปืนในการยิง ที่ทำอย่างนี้เพราะถ้าให้ชนวนจากลูกปืนสัมผัสดินปืนในรังเพลิงโดยตรงจะมีโอกาสสูงที่ลูกปืนระเบิดทันทีในลำกล้องได้

ส่วน กระสวยอวกาศ (Space shuttle) นั้นหมายถึงยานอวกาศที่ขึ้นไปแล้วหลับลงมาใหม่ได้หลายๆ ครั้งครับ ไม่ใช่ยานอวกาศทั่วไปแบบดั้งเดิมที่ยิงขึ้นไปแล้วตกกลับลงมาแค่บางส่วน ส่วนมากทิ้งไปหรืออยู่ในวงโคจรเป็นสถานีอวกาศไป

ตามคำกริยา shuttle กลับไปกลับมา เหมือนกับ shuttle bus นั่นละครับ

กระสวยทอผ้านั้นก็คือตัวดึงด้ายวิ่งซ้ายขวากลับไปกลัยมาในเครื่องทอผ้านั่นเอง

เรื่อง Sabot บางครั้งผมดูช่องพวก history เขานำเสนอว่าเป็นไม้ ที่ขนาดพอกับรังเพลิง ใส่เข้าไปก่อนใส่กระสุนน่ะครับพี่ต๊อก ทำให้อำนาจของกระสุนมากขึ้นเพราะแรงอัดตอนจุดระเบิดมากขึ้นจากการที่มีไม้ปิด เพราะถ้าใส่ลูกไปเลย แก๊สจากการระเบิดจะรั่วออกมา ทำให้กระสุนลดอานุภาพลงไปน่ะครับ


พี่ต๊อกผมดูหนังเรื่อง Inglorious Bastard ที่เป็นเนื้อเรื่องสมมุติแล้ว โรคจิตสมเป็นหนังขอวเควนตินจริงๆพี่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 19, 2010, 09:52:59 PM
ขอบคุณมากครับท่านDon   ได้ความรู้เยอะแยะเลย  ผมกำลังตามเก็บกระทู้เก่าๆของท่านอยู่  ผมเคยดูหนังที่ปีเตอร์ โอทูล เล่นเป็นดอนกีโฮเต้ ใส่เสื้อเกราะและขี่ม้าผอมๆแก่ๆ แต่นึกไม่ออกว่าดูที่ไหนเพราะนานมากแล้ว  เรื่องนัยเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยของฝรั่งน่าสนใจดีนะครับ  


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 12:48:42 AM
อิ อิ ไม่ใช่ห้องหรอกครับ เผอิญคุยกันเรื่องที่ผมชอบคุยเท่านั้นเองครับ

ครับ Sabot ที่นำมาเรียกเปลือกหุ้นหัวกระสุน ก็มาจากศัทพ์รองเท้าไม้ คำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่าน ซาโบ เพราะเมื่อ t อยู่ข้างหลังไม่ออกเสียง ที่จริงรองเท้าแบบนี้ใช้หลายประเทศเหมือนกัน

ที่จริงการใช้เปลือหุ้มหัวกระสุนมามานานแล้วตั้งแต่ยุคปืนดินดำบรรจุปาก เป็นความพยายามที่จะยิงลูกกระสุนบรรจุดินปืนเพื่อให้ไประเบิดที่เป้าหมาย เลยใช้ไม้ทำเป็นกระเปาะหุ้มท้าย พร้อมกับมีระบบชนวนอยู่ข้างในไว้ซึ่งจะจุดชนวนจากดินปืนในการยิง ที่ทำอย่างนี้เพราะถ้าให้ชนวนจากลูกปืนสัมผัสดินปืนในรังเพลิงโดยตรงจะมีโอกาสสูงที่ลูกปืนระเบิดทันทีในลำกล้องได้

ส่วน กระสวยอวกาศ (Space shuttle) นั้นหมายถึงยานอวกาศที่ขึ้นไปแล้วหลับลงมาใหม่ได้หลายๆ ครั้งครับ ไม่ใช่ยานอวกาศทั่วไปแบบดั้งเดิมที่ยิงขึ้นไปแล้วตกกลับลงมาแค่บางส่วน ส่วนมากทิ้งไปหรืออยู่ในวงโคจรเป็นสถานีอวกาศไป

ตามคำกริยา shuttle กลับไปกลับมา เหมือนกับ shuttle bus นั่นละครับ

กระสวยทอผ้านั้นก็คือตัวดึงด้ายวิ่งซ้ายขวากลับไปกลัยมาในเครื่องทอผ้านั่นเอง

เรื่อง Sabot บางครั้งผมดูช่องพวก history เขานำเสนอว่าเป็นไม้ ที่ขนาดพอกับรังเพลิง ใส่เข้าไปก่อนใส่กระสุนน่ะครับพี่ต๊อก ทำให้อำนาจของกระสุนมากขึ้นเพราะแรงอัดตอนจุดระเบิดมากขึ้นจากการที่มีไม้ปิด เพราะถ้าใส่ลูกไปเลย แก๊สจากการระเบิดจะรั่วออกมา ทำให้กระสุนลดอานุภาพลงไปน่ะครับ


พี่ต๊อกผมดูหนังเรื่อง Inglorious Bastard ที่เป็นเนื้อเรื่องสมมุติแล้ว โรคจิตสมเป็นหนังขอวเควนตินจริงๆพี่

ครับ มีหลายแนว สำหรับปืนเล็กยาวบางครั้งก็ใช้ชิ้นหนังยัดลงไปกอ่นกระสุนเหมือนกัน เขม่าดินดำติดลำกล้องมาก ถ้าลูกกระสุนพอดีเกินไป ยิงๆ ไปแล้วจะยัดไม่ลง

ฮา เรื่องนี้ผมชอบมากครับ อย่างฮา และบ้าดี เป็นตัวอย่างของแฟนตาซีแอบอิงบุคคลจริง และทำได้ป๊อปดีมากด้วย ขายดี ไม่ต้องปีนกระไดดู ท่าทางแต่ละคนอย่างเกิลเบิลนี่ลอกมาจากตอนแสดงสุนทรพจน์เลย ฮามาก

แฟนผมดูตอนที่ "น้องโรงหนัง" ยิงตาสไนเปอร์คว่ำไปแล้วไปพลิกดู เขาว่า "เดี๋ยวก็โดนยิงหรอก" ตอนผมดูยังไม่นึกถึงช๊อตนี้ ฮา



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 12:52:54 AM
แนวชุดชนวนเป็นรุ่นนี้ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Paixhans_gun (http://en.wikipedia.org/wiki/Paixhans_gun)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 12:55:39 AM
ขอบคุณมากครับท่านDon   ได้ความรู้เยอะแยะเลย  ผมกำลังตามเก็บกระทู้เก่าๆของท่านอยู่  ผมเคยดูหนังที่ปีเตอร์ โอทูล เล่นเป็นดอนกีโฮเต้ ใส่เสื้อเกราะและขี่ม้าผอมๆแก่ๆ แต่นึกไม่ออกว่าดูที่ไหนเพราะนานมากแล้ว  เรื่องนัยเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยของฝรั่งน่าสนใจดีนะครับ 

งั้นผมขอนำเสนออีกกระทู้ครับ ::014::

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 20, 2010, 09:16:14 AM
-ขอบวกคะแนนคุณต๊อกอีกคะแนนนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 20, 2010, 04:03:30 PM
พี่ต๊อกนี้สุดยอดจริงๆ
.
.
แต่ขอแทรกหน่อยครับ

ภาพนี้เขาบอกว่าเป็นเวียดนาม แต่ทหารยังใช้ M-1 แล้วทหารที่ใส่ชุดลายปลากระสงนี้ทหารประเทศไหนครับ
(http://image.ohozaa.com/iz/vietnam3.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=faadb2202b976064c9877fb4beb30ac8)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 05:55:41 PM
ขอบคุณครับพี่อภิสิทธิ์และคุณหนุ่ม เพราะมีพี่ๆ เพื่อนๆ มาคุยกันละครับถึงเป็นเรื่องเป็นราวได้

รูปนี้น่าสนใจ เห้นแล้วน้ำลายสอ ก็อยากได้ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติที่เหน็บพุงแห้งๆของนายเสื้อลายนั่นละครับ ฮา

ทหารเป็นฝรั่ง หมวกเหล็กของคนใกล้ก็เป็นเมกัน ซึ่งรุ่นนี้ต่างจากรุ่นสงครามโลกครั้งที่สองนิดหน่อยครับ คือตื้นกว่า รุ่นเก่าจะกลมลึกเป็นก้นหม้อยาแม่มดมากกว่านี้

แต่หมวกเหล็กของคนไกลที่โดนบังยังกับเป็นรุ่นสงครามโลก

ตามภาพ ผมว่าเสื้อลายเป็นทหารเวียดนามใต้ละครับทาหรฝรั่งก็ควรเป็นเมกัน แต่เป็นหน่วยไหน ช่วงใดพูดลำบาก เลยขอท้าวความสักนิด

เมื่อฝรั่งเศสแพ้ที่เดียนเบียนฟู ถอนทหารออกไป และเกิดการแบ่งพื้นที่ประเทศใหม่ตามสนธิสัญญาเจนีวาปี ๑๙๕๔ นั้น เวียกนามแบ่งเหนือ-ใต้ ที่เส้ร ๑๗ องศสเหนือ โดยสัญญาเจนีวาบอกแค่ว่าเป็นการแบ่งให้พื้นที่กำลังของฝ่ายคอม และฝ่ายรัฐบาลไซง่อนหลังตนถอนทหาร กระบวนการคือจะจัดการเลือกตั้งเลือกรัฐบ่ลสำหรับเวียดนามประเทศเดียว

ในทางปฏิบัติจริงทั้งฝ่ายเหนือใต้ก็ไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้งในพื้นที่ฝ่ายตรงกันข้าม ทางเหนือคอมฯ โดยโฮ จิ มินต์ ได้ท่วมท้น ทางใต้รัฐบาลของ โง ดิน เดียม ก็ได้ท่วมท้นบางพื้นที่คะแนนเสียงทะลุ ๑๐๐% ก็มี ฮา ต่างฝ่ายต่างก็ประกาศตั้งประเทศกัน

อย่างไรก็ตามในช่วงพรมแดนยังไม่ปิดมีคนเวียดนามล้านกว่าคนอพยพจากเหนือลงใต้ ส่วนมากเป็นคริสต์ที่กลัวคอมฯ ส่วนใต้ขึ้นเหนือเป็นหลักหมื่น

เวียกนามเหนือก็พยายามใช้กองโจรใต้ดินแทรกแซงเวียดนามใต้มาตลอดและในปี ๑๙๕๙ รัฐบาลคอมฯ เวียดนามเหนือก็ออกนโยบายเป็นทางการ (ตอนนั้นยังลับอยู่) ใช้กำลังรวมชาติ (ยึดเวียดนามใต้) รวมเป็นประเทศเดียวกัน

เมกันก็เริ่มส่งที่ปรึกษาทางทหารเข้าไปในปีนี้ ที่อนุสาวรีย์สงครามเวียดนาม ณ กรุง ดีซี ก็นับผู้เสียชีวิตตั้งแต่ปี ๑๙๕๙ - ๑๙๗๕ (ไซง่อนแตก) ครับ

อาวุธปืนเล็กยาว เอ็ม๑ การแรนด์ ก็ส่งเข้าไปให้ทหารเวียดนามใต้ใช้มากครับ เคยได้ยินว่ามีการตัดพานท้ายให้สั้นด้วยเพราะคนเวียดนามตัวเล็กเกินไป ช่วงเหนี่ยวไกไปพอ

ส่วนกำลังรบเมกันจริงๆ นั้น กลุ่มแรกเป็นนาวิกฯ ที่ขึ้นบกที่ดานังปี ๑๙๖๕ ตอนนั้นใช้ เอ็ม๑๔ กันครับ

ตามความเห็นผมคิดว่าภาพนี้เป็นช่วงต้นๆ ในการให้การปรึกษา ก่อนกำลังรบเมกันเข้าไป หรืออาจจะหลังจากนั้นสักหน่อยก็ได้ แต่ไม่คงรเป็นกำลังรบของเมกัน

ภาพการขึ้นนบกที่ดานัง ปี ๑๙๖๕ ทหารเมกันใช้ เอ็ม๑๔ กันหมดแล้ว ไม่ใช่เป็นการรบยกพลขึ้นบก แค่เคลื่อนกำลังเข้าพื้นที่ในเวียดนามใต้ ทหารใช้เรือเปิดหัวขึ้นหาด ไม่ได้ใช้ท่าเรือ เท้าเปียกและเปื้อทหารตามขั้นตอน รปภ. เท่านั้น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 06:06:25 PM
แล้วก็คล้องพวงมาลัยกัน

ภาพเหล่านี้โดยนาย ลาร์ลี่ แบโรว์ ตากล้องสงครามมีชื่อ ถ่ายภาพสงครามเวียกนามไว้มาก

นายแบโรว์นี้เองที่เป็นช่างเทคนิกล้างภาพของ โรเบิร์ต คาปา ที่ถ่ายตอนขึ้นบกหาดโอมาฮ่า นอร์มังดี แต่ใจร้อนเร่งความร้อนเกินไป ภาพส่วนมากเสียหาย

นายคาปา เหยียบกับระเบิดเสียชีวิตในอินโดจีนปี ๑๙๕๔ ก่อนฝรั่งเศสถอนออกไป ส่วนนายแบโรว์ เสียชีวิต ฮ. ถูกยิงตกในลาว ปี ๑๙๗๑


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 20, 2010, 11:49:38 PM
ขอบคุณมากครับท่านDon   ได้ความรู้เยอะแยะเลย  ผมกำลังตามเก็บกระทู้เก่าๆของท่านอยู่  ผมเคยดูหนังที่ปีเตอร์ โอทูล เล่นเป็นดอนกีโฮเต้ ใส่เสื้อเกราะและขี่ม้าผอมๆแก่ๆ แต่นึกไม่ออกว่าดูที่ไหนเพราะนานมากแล้ว  เรื่องนัยเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยของฝรั่งน่าสนใจดีนะครับ 

งั้นผมขอนำเสนออีกกระทู้ครับ ::014::

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=80858.0)
กราบขอบพระคุณท่านดอนเป็นอย่างสูงที่กรุณาสละเวลามาเขียนตอบและแนะนำกระทู้ดีๆให้หลายครั้งแล้ว  กระทู้ดังกล่าวน่าสนใจและให้ความรู้ดีมากครับ  ตำราประวัติศาสตร์ของท่านดอนนอกจากได้ความรู้แล้วยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอยู่ทั่วไปทำให้อ่านสนุกเหมือนอ่านหนังสืออ่านเล่น ให้ความรู้ไปพร้อมกับความเพลิดเพลินแบบนี้น้อยคนนะครับที่จะทำได้ และยังทำให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนด้วย  ไม่ทราบว่าท่านดอนเขียนตำราอะไรไว้บ้างหรือเปล่าครับ ผมอยากหามาอ่านบ้าง  กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 20, 2010, 11:55:04 PM
เห็นคุยกันค้างอยู่กระทู้โน้นเลยขอคุยต่อครับ (ผมพยายามโพสรูปตั้งหลายครั้งแล้วไม่ติด เดี๋ยวจะลองในโอกาสหน้าครับ)

หมวกเหล็กอังกฤษทรงกะทะ เรียกกันเล่นๆ ว่า Tin cap นี้ มีปีกรอบตัว จุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อกันแดดนะครับ แต่เพื่อกันกระสุน ชรัปเนล (Shrapnel) ซึ่งนิยมใช้ในช่วงศตวรรษที่ ๑๙ - ต้น ๒๐

กระสุนชรัปเนลคือกระสุนปืนใหญ่สังหารบุคคล ยุคแรกก็เหมือนกระสุนลูกซองสำหรับปืนใหญ่ธรรมดา ต่อมามีชนวนถ่วงเวลา ตั้งเวลายิงวิถีโค้งให้ระเบิดกลางอากาศก่อนถึงพื้นพอประมาณสาดลูกปรายใส่ทหารในพื้นที่

อังกฤษจึงออกแบบหมวกเหล็กให้มีปีกรอบตัวดังกล่าว เพิ่มพื้นที่ป้องกันหน้า คอ และไหล่จากลูกปรายจากมุมสูง

ในยุคกลาง ทหารยุโรปก็ใช้หมวกทรงนี้เหมือนกันครับ แต่ปีกนั้นใช้ประโยชน์ในการกันคมดาบที่ฟันลงมาตรงๆ ใส่หัว ช่วงคอ อังกฤษเลิกใช้ไปแล้ว และนำหมวกทรงนี้กลับมาใช้เพื่อจุดประสงค์ข้างต้น ไม่ได้ใช้ต่อเนื่องมาครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 12:04:44 AM
ขอบคุณมากครับท่าน youngnoi7474 ยินดีที่ได้คุยกันครับ ไม่มีต้นเรื่องใครมาถามไถ่ ก็ไม่รู้จะคุยอะไร

ผมเป็นผู้สนใจธรรมดาครับ ไม่มีวิชาชีพทางวิชาการ ไม่เคยเขียนอะเรเป็นเล่ม คิดจะเขียนเหมือนกันครับแต่คงต้องให้มีมาตรฐานอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้แน่นอนให้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ และเพื่อไม่ให้ละเมิดความรู้เขา เคยยังเป็นโครงการใหญ่รอไปก่อนครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 12:17:20 AM
ผมเพิ่งเข้าใจประโยชน์ของหมวกทหารอังกฤษเดี๋ยวนี้นี่เอง (ตอนเด็กๆดูหนังสงครามก็คิดว่าหมวกทหารอังกฤษไม่สวยเลย) ใจผมคิดว่าหมวกเหล็กของทหารเยอรมันสวยกว่าเพื่อนนะครับ หมวกเหล็กสมัยใหม่ก็ทรงนี้แล้ว (ล้ำสมัยด้วยเพราะดาร์ทเวเดอร์ยังเอาไปใช้เลย ::005::)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 01:05:17 AM
ท่านดอนเขียนถึงคุณจินตนา ปิ่นเฉลียว ไว้ในกระทู้การศึกษารัฐศาสตร์ฯ เมื่อ 30 ม.ค.2010  ผมก็จำได้ว่าผมก็เป็นแฟนหนังสือของคุณปกรณ์ ปิ่นเฉลียว ตั้งแต่เริ่มอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คใหม่ๆ ผมซื้อพ็อคเก็ตบุ๊คปกแข็งของท่านไว้หลายเล่ม รู้สึกว่าเรื่องคาวคนหรืออะไรทำนองนี้แหละครับ ต่อมาก็ชำรุดสูญหายไปจนหมด  ภรรยาของคุณปกรณ์ชื่ออาจารย์สายสมร ก็เคยสอนวิชาเรขาคณิตผม(ท่านถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว) และบุตรชายของท่านชื่อดร ปิ่นเฉลียว ก็เคยเรียนห้องเดียวกันกับผมตอนมัธยมต้น เคยมากินข้าวและเที่ยวที่บ้านผม ต่อมาเขาก็ไปเข้าเตรียมทหาร และนายร้อยตำรวจ ทราบว่าปัจจุบันเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ผมจำยศของคุณปกรณ์ไม่ได้เลยไม่กล้าระบุลงไป) ขอบพระคุณท่านดอนที่จุดประกายให้ผมระลึกถึงนักเขียนในดวงใจ ครูในอดีต และเพื่อนเก่าเมื่อ 40 ปีก่อน   ผมขออนุญาตเสนอท่านดอนเรื่องหนังสือสักนิดถ้าไม่เป็นการล่วงเกินนะครับ คือถ้าท่านจะเขียนเรื่อง "ปืนในหนังสงคราม" จะเป็นไปได้ไหมครับ  ตอนแรกว่าจะเสนอเรื่อง "อาวุธในหนังสงคราม" ก็เกรงว่าจะกว้างไป (เอาแค่เฉพาะปืนก็คงหนามากแล้ว)  และต้องขออภัยท่านดอนด้วยที่ดึงเรื่องกระทู้อื่นมาไว้ที่กระทู้นี้เพราะเห็นว่าท่านยังเขียนที่นี่ติดพันอยู่ก็ไม่อยากรบกวนให้ท่านต้องเสียเวลาครับ . ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 01:40:17 AM
                    เรียนท่านDonผมอยากให้ท่านเล่าถึงเรื่องหมวกเหล็กของทหารไทยบ้าง เพื่อเป็นความรู้ของคนที่สนใจและไม่ได้เป็นทหาร เช่น ผมเคยได้ยินคำว่ารองในของหมวกเหล็กก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร บางทีก็เห็นมีตาข่ายรัดอยู่รอบหมวกผมก็เดาว่าคงจะเพื่อเสียบกิ่งไม้เวลาพรางตัวซึ่งไม่รู้ว่าเดาถูกหรือผิด ในหนังสงครามบางเรื่องก็เห็นเหมือนหมวกเหล็กซ้อนกันสองใบ และผมดูหมวกเหล็กของ ส.ห.คล้ายกับว่า มีการบีบด้านข้างให้แบนเข้ากว่าปกติ ก็สงสัยว่าเพื่อประโยชน์อะไรหรือเปล่า หมวกเหล็กปัจจุบันใช้วัสดุอะไรทำครับหรือยังเป็นเหล็กอยู่ หมวกทหารไทยสมัยเก่าผมเห็นมีสันเป็นแนวตรงกลางคือเป็นเหล็กอีกชิ้นต่างหากติดอยู่ด้านบน  หลายเรื่องหน่อยนะครับ
                     ผมเขียนมาจนจบเพิ่งเห็นว่าน่าจะผิดหน้าเสียแล้ว ท่านดอนจะคุยที่นี่หรือยกเอาไปตอบในกระทู้ "การศึกษารัฐศาสตร์ฯ" เพื่อให้เข้ากับเรื่องเสื้อเกราะก็สุดแต่ท่านจะเห็นสมควรนะครับ ขอบพระคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 07:41:37 AM
น้าจินตนาเป็นเพื่อนคุณแม่ผมที่คณะอักษรจุฬาฯ ครับ แต่น้าจินตนาเสียชีวิตไปเกือบ ๒๐ ปีแล้วจากโรคมะเร็ง

ที่จริงพี่น้องปิ่นเฉลียวชื่อ "ไมรา" "วาทิน" "จินตนา" คล้องจองกัน แต่คุณไมราเปลี่ยนชื่อเป็น "ปกรณ์ ปิ่นเฉลียว" ลุงวาทินก็คุณ ต่วย ตูน

เรื่องปืนสงครามผมไม่ถนัดทางเทคนิกมาก คือถ้าเอามาคุยกันก็จะเป็นการเปิดตำราอ้างอิง ไม่ค่อยรู้สึกสนุกนัก และก็จะยาวมากเรื่องไปครับ

พวกที่ศึกษาเรื่องนี้ศึกษากันจริงจังมีหนังสือเฉพาะด้านยาวๆ เช่นเรื่องปืนเอ็ม ๑๖ นาย เอ็ดเสิร์ด อีเซล ผู้ดูแลแผนกอาวุธของสมิทโซเนียนเขียนเรื่องประวัติปืน เอ็ม ๑๖ ไว้ ทั้งแนวคิดการเปลี่ยนรูปแบบปืนเล็กยาวประจำตัวทหาร จนถึงปืนคลอดออกมาใช้งาน แกเขียนเป็นวิทยานิพจน์ปริญญาเอก ชื่อเรื่อง The great rifle controversy ซึ่งเมื่ออ่านแล้วจะตลกว่าตั้งชื่อได้ดีจริงๆ แปลความหมายของชื่อหนังสือได้ทั้งอย่างมีนัยยะทั้ง "ความขัดแย้งของปืนที่ยิงใหญ่" "หรือความขัดแย้วที่ยิ่งใหญ่ของปืน" เพราะกว่าจะเปลี่ยนจากปืนขนาด ๗.๖๒ มาเหลือ ๕.๕๖ ได้ก็เรื่องยาว

ปืนรุ่นอื่นๆ ที่มีหนังสือเฉพาะตัวก็มีอีกหลายรุ่น อย่างน้อยเท่าที่มีแต่ยังไม่ได้อ่านก็ AK๔๗/ Garand/ Luger อยู่ในภาพยนต์หลายเรื่อง เอามาเขียนเองไม่ไหวครับ

หมวกเหล็กไทยผมไม่ค่อยได้ศึกษา ส่วนรองในคือหมวกอีกชั้นด้านในของหมวกเหล็กชั้นนอกซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เหล็กแล้วเป็นเคฟล่าร์ ภายในรองในก็มีแถบผ้าอีกชั้นรองรับหัว

หมวกเหล็กของไทยรุ่นที่มีสันเป็นการใช้ตามแบบของฝรั่งเศส

สมัยไทยปฏิรูปกองทัพส่งทหารบกไปเรียนฝรั่งเศสมาก ม.จ.ขจรจบกิตติคุณ กิติยากร ผู้แปลเรื่อง แนวรบด้านตะวันตกเหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ก็ทรงศึกษาในโรงเรียนนายร้อยแซงค์ซีย์ของฝรั่งเศส คณะราษฎร์สายทหารส่วนมากที่เป็นทหารบกก็เรียนฝรั่งเศส

แต่ที่จริงทหารบกไทยไปเรียกเยอรมันก็มีมาก เจ้าคุณพหลฯ ก็เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยเยอรมันรุ่นเดียวกับ แฮร์มัน เกอริ่ง และ ฮิเดกิ โตโจ...

ผมเคยโพสในบอร์ดเรื่องจำไม่ได้หัวข้อไหน เรื่องเกอริ่งซี้กับนักเรียนนายร้อยไทยมาก ชอบเล่นหัวกัน ครั้งหนึ่งเล่นแรงไป โดน นร. ไทยต่อยฟันหน้าหัก ตอนพรรคนาซีครองอำนาจแล้ว ปี ๑๙๓๕ เกอริ่งยังเคยเขียนจดหมายมาหาเพื่อนเก่าที่เมืองไทยบอกว่าอยากส่งลูกชายไปเรียนนายร้อยที่เยอรมันไหม? จะจัดการให้

ตอนสงครามโลกครั้งที่สองเจ้าคุณพหลฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปเยื่อนญี่ปุ่น โตโจก็ชวนเล่น "โยนลูกเหล็ก" เหมือนกับสมัยเป็นนักเรียนนายร้อยที่เยอรมัน คือเอาลูกปืนใหญ่มาติดห่วงเล็กๆ แล้วโยนให้รับกันโดยใช้นิ้วๆ เดียว เจ้าคุณพหลฯ ก็เล่นอีก แต่ด้วยวัยทำให้นิ้วเดาะ ต้องให้หมอรักษา

เข้าเรื่องครับ อิ อิ ต่อมาไทยติดต่อทางเมกันมากกว่าก็เลยเปลี่ยนไปใช้หมวกแบบเมกัน

ส่วนหมวก สห. ที่ทำให้แคบลงนั้นเพื่อช่วยให้ดูด้านหน้าแล้ว "ตัวใหญ่ไหล่กว้าง"ขึ้นครับ เพื่อผลทางจิตวิทยาสำหรับการทำหน้าที่


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ สิงหาคม 21, 2010, 07:42:50 AM
คุณต๊อกตื่นแต่เช้าเชียว ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 08:24:14 AM
 ::001::ไปนอนต่อก็ได้ครับพี่ ::008::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 09:27:26 AM
                        กราบขอบพระคุณท่านดอนมากครับที่กรุณาสละเวลาอธิบายเสียละเอียดแจ่มแจ้ง และแถมเกร็ดความรู้ที่หาได้ยากเช่นเคย  ผมก็เป็นแฟนต่วยตูนตั้งแต่ครั้งท่านเขียนการ์ตูนลงในชาวกรุง จนเมื่อท่านมาออกหนังสือเองก็ติดตามหนังสือในเครือของท่านทุกเล่ม
                        ขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 21, 2010, 09:44:29 AM
บวกอีกหนึ่งครับคุณต๊อก กระสุนชรัปเนลผมเคยอ่านผ่านๆเจอจากไหนสักที่แต่ไม่รู้เรื่อง   :Dวันนี้รู้เรื่องละ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 01:48:23 PM
                        กราบขอบพระคุณท่านดอนมากครับที่กรุณาสละเวลาอธิบายเสียละเอียดแจ่มแจ้ง และแถมเกร็ดความรู้ที่หาได้ยากเช่นเคย  ผมก็เป็นแฟนต่วยตูนตั้งแต่ครั้งท่านเขียนการ์ตูนลงในชาวกรุง จนเมื่อท่านมาออกหนังสือเองก็ติดตามหนังสือในเครือของท่านทุกเล่ม
                        ขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ

 ::014:: ::014::โอ้ ไม่ต้องกราบขอบพระคุณนะครับพี่ ผมเป็นเด็กรุ่นหลังกว่าพี่หลายๆ ปีมากครับ ได้คุยกันเรื่องชอบๆ ผมก็สนุกเหมือนกัน ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 01:55:48 PM
ผมเพิ่งเข้าใจประโยชน์ของหมวกทหารอังกฤษเดี๋ยวนี้นี่เอง (ตอนเด็กๆดูหนังสงครามก็คิดว่าหมวกทหารอังกฤษไม่สวยเลย) ใจผมคิดว่าหมวกเหล็กของทหารเยอรมันสวยกว่าเพื่อนนะครับ หมวกเหล็กสมัยใหม่ก็ทรงนี้แล้ว (ล้ำสมัยด้วยเพราะดาร์ทเวเดอร์ยังเอาไปใช้เลย ::005::)

อิ อิ หมวกฝ่ายจักรวรรดิในสตาร์วอร์นั้นจงใจสร้างให้เหมือนกับเยอรมันเดิมเลยครับ เพราะว่าอยากแอบอิงภาพลักษณ์จักรวรรดิฝ่ายมืด อย่างไรก็ตามเนื้อหาโดยเฉพาะภาค ๒ มีการวิจารณ์ว่าเป็นการเสียดสีบทบาทของเมกันเองในสงครามเวียดนามด้วย เปรียบการสู้รบระหว่างกองทัพประเทศใหญ่กับชาวบ้าน

ฝ่ายบันเทิงเมกันนั้นจะทำอะไรออกมาขายก็ได้ ด่ารัฐบาลได้เก่งยิ่งดัง แบบไมเคิล มัวร์ อย่างไรก็ตามมีตัวแทนของกลุ่มต่างๆ ครบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้าน ขวา ก้าวหน้า ถอยหลัง และที่ขาดไม่ได้คือยิว

หมวกเหล็กเยอรมันนั้นตามที่เคยเขียนไว้ในกระทู้นี้ละครับว่าเดี๋ยวนี้ใช้กันมากเพราะพบว่าออกแบบมาให้ป้องกันได้ครอบคลุมดีที่สุด ซึ่งดีไซด์นี้มีมาตั้งแต่สมันโรมันเดี๋ยวผมไปดูก่อน ถ้าไม่มีในหัวข้อนี้จะโพสใหม่ให้รวมกันไว้ครับ

(ผมเชื่อว่าอังกฤษใช้หมวกเหล็กทรงกลมใหม่ของตัวเพราะทิฐิต่อต้านภูมิปัญญาเยอรมันตามเคย)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 02:08:50 PM
เจอเรื่องหมวกเหล็กทรงเยอรมันแล้ว อยู่หน้า ๑๒-๑๓ ครับ เลยขอแสดงภาพเพิ่มเติม ถ่ายที่มิวเซียมแองวาลิด

หมวกเหล็กเยอรมันรุ่นสงครามโลกครั้งที่สองจะมีตุ่มสองข้าง ไม่ใช่รูระบายอากาศนะครับ (ฮา) แต่เป็นตุ่มสำหรับเสริมเกราะกันหัวด้านหน้าตามภาพ ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันหัวในการโผล่จากสนามเพลาะขึ้นมาสังเกตุการณ์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 21, 2010, 05:02:51 PM
เห็นคุณต๊อกอยากได้ 1911 ผมก็เลยหาภาพมาให้เพื่อจะได้เสียเงินบ้าง คราวที่แล้วเล่นผมไปที่หนึ่งคราวนี้เอาคืนบ้างละครับ ::005:: ::005::

(http://image.ohozaa.com/ii/29nhsmh.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=7985260654ae7a92afd9d6b9837eabae)

(http://image.ohozaa.com/i8/pvvn2.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=c805c83e32631cc8dc53e6e6ace288ad)

(http://image.ohozaa.com/ih/tunnelrat1.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=dff292d62a224bc0364900892dc80607)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 21, 2010, 05:08:29 PM
ยังมีอีกครับ.....1911 ในสงครามเวียตนามผมว่าดูขลังที่สุดเลย

(http://image.ohozaa.com/i9/34dojrl.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=2a651a9c913b649a7234da9932657f9c)

(http://image.ohozaa.com/il/vietnam2.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=c551b7b536118c90334bbf68090dc418)

(http://image.ohozaa.com/ix/vietnam1.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=231beb494bf0ea85619e36bdf6f1fa03)

แต่ใครเป็นใครในภาพต้องรอคุณต๊อกมาช่วยบอกอีกทีนะครับ....ภาพที่เตรียมมุดรูนั้น ถูกนำไปใช้ในภาพยนต์เรื่อง พลาทูน (Platoon). ทอม เบเรนเจอร์ เป็นผู้รับบทมุดรูเวียตกง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ สิงหาคม 21, 2010, 05:23:55 PM
หาได้ที่ไหนครับ "Apocalypse Now"

(http://image.ohozaa.com/ih/apocalypsenow19795bvcdmastere0b89ee0b8b2e0b881e0b8a2e0b98ce0b984e0b897e0b8a25d.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6ac58be4acce47bfb6fe5f4aa14db507)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 05:33:10 PM
                        กราบขอบพระคุณท่านดอนมากครับที่กรุณาสละเวลาอธิบายเสียละเอียดแจ่มแจ้ง และแถมเกร็ดความรู้ที่หาได้ยากเช่นเคย  ผมก็เป็นแฟนต่วยตูนตั้งแต่ครั้งท่านเขียนการ์ตูนลงในชาวกรุง จนเมื่อท่านมาออกหนังสือเองก็ติดตามหนังสือในเครือของท่านทุกเล่ม
                        ขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ

 ::014:: ::014::โอ้ ไม่ต้องกราบขอบพระคุณนะครับพี่ ผมเป็นเด็กรุ่นหลังกว่าพี่หลายๆ ปีมากครับ ได้คุยกันเรื่องชอบๆ ผมก็สนุกเหมือนกัน ::002::
           ตกลงครับเพื่อความสบายใจของท่านดอน เรื่องนี้ผมขอเก็บไว้ในใจก็แล้วกัน  ผมนั้นยึดถือมาตลอดว่าใครทำอะไรให้ผมไว้เขาเป็นผู้มีพระคุณ ยิ่งเป็นการให้ความรู้ด้วยผมถือเป็นครูเลย ไม่ว่าอายุจะมากกว่าหรือน้อยกว่าผมกราบไหว้หมดละครับ (แหะ..แหะ...พอเขาเอ็นดูเดี๋ยวเขาก็ให้อีกแหละครับ) ผมถือว่าคนดีๆไหว้ได้ตลอดครับ
                         ผมไล่ตามดูกระทู้ยังไม่ถึงหน้า 12-13 เลยครับ  เครื่องของผมช้ามาก  ผมดูรูปหมวกเหล็กใบนี้เหมือนสีทอง ไม่ทราบว่าเขามีหลายสีหรือครับและแบ่งแยกกันตามอะไร (ผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องการพรางด้วย) แต่ถ้าท่านดอนเล่าไว้แล้วไม่ต้องอธิบายซ้ำนะครับ เดี๋ยวผมตามกลิ่นไปเอง และดูที่ร่องของเกราะเขาทำเหมือนจะให้กระดกเปิดได้นะครับ คิดตามประสาผมคงจะกระดกเปิดให้สูงแล้วค่อยๆโผล่แค่เกราะก่อน ถ้าไม่โดนยิงก็ลดเกราะลงปิดตามเดิมแล้วค่อยโผล่ขึ้นไปใหม่ (ผมก็เดาเอาเล่นๆนะครับ) แต่น่าจะมีประโยชน์บ้างหรอกไม่งั้นก็ทำเป็นร่องตรงๆก็ได้  ของเก่าหลายๆอย่างที่คนเก่าๆออกแบบหรือสร้างไว้มันล้ำลึกจริงๆครับ หมวกเหล็กนี่ใส่นานๆคงจะทั้งร้อนทั้งหนัก น่าจะมีทางระบายอากาศ(แบบที่ท่านดอนพูดเล่นๆ)โดยยังคงความปลอดภัยได้ตามเดิมนะครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 06:23:00 PM
อิ อิ ขอบคุณครับคุณหนุ่ม ผมคงไม่มีปัญญาหาปืน ๑๙๑๑ เมกันยุคเก่าจริงๆ แบบที่นำจดเมืองไทย เพราะดูไม่เป็นว่าเครื่องในเป็นยังไง ของจริงหรือเปล่า? แต่ตอนนี้จอง Colt WWI Replica กับสวัสดิการ สน.สก. ไปแล้วครับ

อิ อิ รูปยุคเวียดนามไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ ฮ่า ฮ่า ยกเว้นบางรูปที่เคยเห็นมาก่อนและจำได้ว่าที่ไหน ตามรูปที่ยกมาขอคุยแค่ว่าเครื่อแบบลายๆ นั่นเรียกว่า Tiger stripe เริ่มใช้ในสงครามเวียดนาม

ส่วนปืนพกทหาร ที่จริงในสงครามจริงมีบทบาทในการรบน้อยครับ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จำนวนทหารเมกันบาดเจ็บล้มตายจากอุบัติเหตุปืนพก "สูงกว่า" จำนวนข้าศึกที่ยืนยันได้ว่าถูกปืนพกยิง อย่างไรก็ตามปืนพกก็ย่อมมีประโยชน์ดีในการป้องกันตัวในชุมชนละครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 06:54:41 PM
หมวกเหล็กเยอรมันส่วนมากเป็นสีเขียวเข้มอมเทาครับ ตาฝรั่งมองว่าเทา สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเครื่องแบบเยอรมันในที่ทำการทรงฟิตที่เราเห็นบ่อยๆ เรียกว่า Steel grey เทาเหล็ก แต่ตาผมยังคงเห็นเขียวเข้มอมเทามากกว่า

ระบบการพรางเครื่องแบบของเยอรมันกว้างหน้ามากที่สุดชาติหนึ่ง สมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็มีเครื่องแบบสนามลายพรางทั้งตัวแล้ว หมวกก็มีการพรางหลานรูปแบบ ทั้งพ่นสี ผ้าหุ้ม  และมีตาข่ายคลุม

สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ไม่เคยได้ยินเรื่องค่อยๆ กระดกเปิดดังกล่าวครับ แต่แอบโหล่ขึ้นไปเลย ผมว่าการที่เขาทำรองดงกล่าวเพื่อให้ผลิตง่าย ปั๊มแผ่นออกมาแล้วก็บากร่อง เจาะรูร้อยสายคาด ถ้าทำให้เป็นห่วงออกมาคล้องตุ่มจะเสียเวลาผลิตมากกว่า

สมัยนั้นเรื่องหัวอบอ้าวไม่ใช่ประเด็นครับ เพราะสภาพอย่างอื่นทรุดโทรมแย่กว่ามาก สงครามสนามเพลาะก่อให้เกิดสภาพความทรมานสำหรับทหารอย่างใหม่ๆ เช่นเท้าเน่า เรียกว่า Trench foot หรือ เท้าสนามเพลาะ ปากสนามเพลาะก็มี คือการอยู่กินลำบากขาดอนามัย และสารอาหาร ฟันจะคลอน เหงือกร่น และมีเลือดออกตามเหงือก

สงครามสนามเลพาะในสงครามโลกครั้งที่ ๑ มีทหารตายมหาศาล โดยไม่ได้บรรลุเป้าหมายทางทหารแต่อย่างใด เพราะยุทธวิธีตามอำนาจการทำลายล้างของอาวุธไม่ทัน พื้นที่ทั่วไปก็แย่มาก ทหารที่ตายก็เน่าตรงนั้น ส่วนมากเก็บไปฝังไม่ได้ มีภาพทหารหลายชาติเหลือแต่โครงกระดูกในเครื่องแบบเกะกะในสนามรบ

ภาพเท้าสนามเพลาะ เกิดจากการที่เท้าแช่น้ำ แช่โคลนมากเกินไป ชื้นแฉะ ไม่ได้ถอดรองเท้าหลายวัน อาทิตย์ หรือเป็นเดือน จนเป็นแผลติดเชื้อ เป็นมากกว่านี้ก็เน่าหายไปเลยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 21, 2010, 08:03:58 PM
เข้ามาติดตามอ่านครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 21, 2010, 08:11:36 PM
หาได้ที่ไหนครับ "Apocalypse Now"

(http://image.ohozaa.com/ih/apocalypsenow19795bvcdmastere0b89ee0b8b2e0b881e0b8a2e0b98ce0b984e0b897e0b8a25d.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6ac58be4acce47bfb6fe5f4aa14db507)

สามารถโหลดบิตได้จากที่นี่ครับ... http://www.kickasstorrents.com/search/apocalypse-now/ (http://www.kickasstorrents.com/search/apocalypse-now/)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: ZeroBravo ที่ สิงหาคม 21, 2010, 10:06:13 PM
Green Zone  จริงในเท็จ เท็จในจริง หนังกัดจิก อเมริกันในสงครามอิรัก ที่น่าดูครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ สิงหาคม 21, 2010, 10:19:02 PM
หาได้ที่ไหนครับ "Apocalypse Now"

(http://image.ohozaa.com/ih/apocalypsenow19795bvcdmastere0b89ee0b8b2e0b881e0b8a2e0b98ce0b984e0b897e0b8a25d.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6ac58be4acce47bfb6fe5f4aa14db507)

สามารถโหลดบิตได้จากที่นี่ครับ... http://www.kickasstorrents.com/search/apocalypse-now/ (http://www.kickasstorrents.com/search/apocalypse-now/)

 :) หรือที่นี่ครับ http://www.boomerangshop.com/web/productdetail.aspx?pid=263408 (http://www.boomerangshop.com/web/productdetail.aspx?pid=263408)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 21, 2010, 11:28:13 PM
                       แผลที่เท้าน่ากลัวจังครับ ตามภาพนี้คงรักษาไม่ไหวแล้วต้องตัดอย่างเดียว หยูกยาสมัยนั้นก็คงไม่ดีนักคงเอาไม่อยู่แน่  ในหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมเห็นทหารเมื่อได้รับบาดเจ็บเป็นแผล เขาจะฉีกซองโรยยาผงสีขาวลงไปไม่ทราบว่าเป็นยาอะไรครับ  ไม่ว่าเรื่องไหนก็เห็นพี่แกใช้แต่ไอ้ผงนี่ทุกที บางครั้งก็มียาฉีดหลอดเล็กๆด้วยผมเดาว่าคงเป็นมอร์ฟีนกระมังครับ
                       ท่านดอนเคยได้ทราบเรื่องการใช้ผงชูรสโรยแผลเพื่อห้ามเลือดบ้างหรือเปล่าครับ(ในสงครามยุคหลังๆนี้) เท็จจริงแค่ไหนครับ  ส่วนเรื่องใช้ผ้าอนามัยของผู้หญิงแทนผ้าพันแผลนั้น ผมว่าเข้าเค้าอยู่เพราะทั้งสะอาดและซึมซับดี  เรื่องยาห้ามเลือดนี้ ผมเคยเห็นปู่เอาไม้กวาดทางมะพร้าวไปเขี่ยหยากไย่เหนือเตาไฟเพื่อเอามาปิดแผลห้ามเลือด ก็เห็นเลือดหยุดชะงัดดีครับและไม่เห็นมีใครเป็นบาดทะยักเลย(คนโบราณคงแข็งแรงมีภูมิต้านทานสูงกว่าคนสมัยนี้)  เรื่องหยากไย่เหนือแม่เตาไฟนี้ก็เป็นส่วนผสมหนึ่งของยาหม้อสำหรับหญิงหลังคลอดบุตรด้วย    เรื่องตำรายาโบราณนี้ก็แปลกเขาจะไม่ค่อยคัดลอกกัน คนจะไปเจียดยาจากร้านก็จะมาขอยืมตำราที่จดไว้นี้ เสร็จธุระแล้วก็เอามาคืนเพื่อคนอื่นจะได้ยืมกันอีก  ถึงกับมีการพูดกันว่าตำรายาโบราณถ้าคัดลอกต่อๆกันไปเกินสามครั้งกินตาย(หมายถึงกินแล้วโรคไม่หายแต่อาจเป็นโทษถึงชีวิต) ความข้อนี้ก็เข้าเค้าเพราะคนเก่าๆที่ไม่ค่อยเก่งหนังสือหนังหาก็มาก เวลาเขียนลอกกันหลายหนก็อาจผิดเพี้ยนได้เขาจึงห้ามไว้ดังที่ว่า  
                        จากเรื่องหมวกเหล็กของฝรั่งกลายมาเป็นยาหม้อของไทยไปได้อย่างไรก็ไม่รู้  ท่านดอนและท่านผู้อ่านอื่นๆคงไม่ว่านะครับ ::014::
                        


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 11:47:21 PM
สวัสดีครับพี่สมชาย อิ อิ ::014:: ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 21, 2010, 11:58:36 PM
.....ผงที่โรยนั่นเป็นยาซัลฟาครับ (Sulfa) ใช้ฆ่าเชื้อโรคที่แผลและป้องกันการติดเชื้อต่างๆ

.....หลอดนั่นก็มอร์ฟีนละครับ

.....เรื่องผงชูรสเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่อย่างไรครับ ไม่เคยถามแพทย์เรื่องนี้

.....ส่วนการเอาผ้าอนามัยปิดแผลนั่นพวก ผกค. นิยมใช้กันมาก ผมว่ากองโจรชาติอื่นก็คงใช้เหมือนกัน

.....เรื่องหยากไย่นี่เคยได้ยินว่ายุโรปโบราณก็ใช้เหมือนกันครับ

.....เลยขอคุยเรื่องสารอีกตัวที่ใช้ในสงคราม...

ที่จริงในสงครามโลกครั้งที่สอง และจนถึงปัจจุบันมีการให้ทารใช้ เมทแอมเฟตามีน ด้วย ซึ่งก็คือสารเสพติดของยาบ้านี่ละครับ แต่เป็นการใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ กระตุ้นร่างกายสำหรับทหารที่จำเป็นจริงๆ ไม่ให้มีผลเสียกันร่างกาย เช่น เคยอ่านเจอว่านักบินในสงครามอ่าวครั้งแรกได้รับเมทฯ สำหรับปฏิบัติการซึ่งออกฤทะเหมือนกาแฟหลายๆ แก้ว

สารเมทฯ นี้ นักเคมีฯปุ่นชื่อ ดร. ซาไก เป็นผู้วิเคราะห์ขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ใช้ในทางการแพทย์ก็ได้ และมีการนำมาใช้ในทางที่ผิดเหมือนมอร์ฟีน

ในสงครามโลกครั้งที่สองก็ใช้กันทั้ง เมกัน ญี่ปุ่น เยอรมัน ส่วนมากให้นักบินใช้ เช่น นักบินเมกันที่บินไกลๆ เช่นจากไซปันไปบอร์มญี่ปุ่น



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ สิงหาคม 22, 2010, 12:15:24 AM
                   เมทแอมเฟตามีนนี้เดิมเรียกว่ายาขยัน รู้สึกว่าจะหาซื้อได้ทั่วไปด้วยซ้ำนะครับ  นานมาแล้วคนที่ผมรู้จักบางคนใช้ผสมในน้ำดื่มให้ลูกจ้างที่ทำไร่กิน ปรากฏว่าดายหญ้า ฟันดิน กันทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอน เดี๋ยวนี้คงเลิกแล้วเพราะบาปและโทษแรงเสียด้วย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ สิงหาคม 22, 2010, 04:10:06 PM
สวัสดีครับพี่สมชาย อิ อิ ::014:: ::002::

นายสมชายตามอ่านตลอดแหละครับ แต่บางทีมันไม่รู้จะแทรกตรงไหน(เพราะไม่รู้+อ่านไปค้นโน่นนี่ไปจากข้อมูลใหม่ในแต่ละ Post จนเพลิน)... นานๆทีได้มีโอกาสครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 05, 2010, 06:14:19 PM
                    วันนี้ผมได้ดูหนังสงคราม " PACIFIC " ทางยูบีซี(ขออนุญาตเรียกแบบเก่านะครับ) เลยตามมาผลักดันกระทู้นี้อีกเพราะเงียบมานานแล้ว (ผมก็มัวแต่ไล่อ่านรถถัง เรือรบ เครื่องบิน และสงครามโลกอยู่จนเพลิน)  หนังเรื่องนี้ก็เก็บรายละเอียดได้ดีนะครับ เช่นเวลาจะเคลื่อนย้ายปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ก็ยังไม่ลืมเรื่องถุงมือ  แถมยังเอามาเล่นตอนแสดงความทรหดของทหารเมื่อถุงมือหายอีก ปืนกลรุ่นนี้ผมได้ฝึกเมื่อสมัยเรียน รด.ด้วยครับ น้ำหนักมากเอาการอยู่ ไม่ทราบว่าปืนแบบนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ และผมก็แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งที่ทหารในเรื่องไม่ได้ใช้ M-1 Garand กันเลยและมีฉากที่นาวิกโยธินเปิดลังปืน M-1 Garand พร้อมทั้งคุยกันเป็นทำนองน้อยใจว่าทหารบกมีปืนทันสมัยกว่าพวกเขา เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงประการใดครับ(ที่ผมสงสัยเพราะไม่ค่อยได้เห็นหนังรุ่นเดียวกันให้ทหารใช้ปืนไรเฟิลลูกเลื่อนเลย) แต่หนังเรื่องนี้ทำการบ้านมามากและมีที่ปรึกษามากมาย เรื่องไรเฟิลลูกเลื่อนคงเป็นจริงตามนั้น (มีทหารบางคนใช้ปืนกลทอมสัน คาร์ไบน์ และลูกซองปั๊มด้วย)
                      ตามความคิดของผมนั้น ผมว่าหนังเรื่องนี้มีฉากในเมืองมากไปหน่อย(ถึงแม้จำเป็นต้องมีเพื่อปูพื้นของตัวละครก็ตาม) เลยทำให้ฉากในสนามรบน้อยไปนิด ผมว่าเป็นรองsaving private ryanอยู่นะครับ และอีกอย่างอาจเป็นเพราะเรื่องsaving private ryan มีฉากslowอยู่ด้วยหลายตอน เลยเห็นรายละเอียดได้ดีกว่าก็เป็นได้ครับ
                      ผมนั้นเรียนตามตรงว่าความรู้น้อย หนังสือหรือหนังก็ไม่ได้ดูมากนัก จึงไม่ทราบว่าจะหยิบยกเรื่องใดมาเป็นข้อสนทนา ทั้งเรื่องของสงครามก็มีมากมายหลายยุค แต่ละยุคก็รบรากันหลายครั้งหลายหนรายละเอียดมากมายก่ายกอง ก็ได้แต่ตามอ่านเพียงอย่างเดียวครับ ไม่ค่อยจะมีข้อซักถามหรือเป็นต้นเรื่องให้สนทนานัก(เพราะไม่มีภูมินั่นเอง)  อ่านแล้วก็ได้แต่นึกขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาพิมพ์ทั้งลงรูปให้อีก ผมขอคารวะน้ำใจของทุกท่านครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 05, 2010, 06:35:40 PM
                  ผมคุยเรื่องไรเฟิลลูกเลื่อนของนาวิกโยธินในการรบที่แปซิฟิกก็นึกถึงหนังอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของทหารเหล่าม้าที่ได้รับคำสั่งให้ทำลายม้าโดยการใช้ปืนกลยิง เพราะไม่มีงบจะดูแล แต่ทหารกลุ่มหนึ่งทำไม่ลงจึงต้อนม้าขึ้นเหนือไปแคนาดา หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสงคราม ผมก็จำชื่อเรื่องไม่ได้เสียแล้วอยากดูอีกน่ะครับ(อีกหน่อยยูบีซีเขาคงเอามาฉายอีก) ในเรื่องนี้ทหารก็ใช้ไรเฟิลลูกเลื่อนเหมือนกัน แต่ลำกล้องจะสั้นกว่านิดนึง คงเป็นรุ่นที่เรียกว่าคาร์ไบน์นะครับ เพราะทหารม้าเขาใช้ลำกล้องยาวๆคงเกะกะ  ตอนที่พวกนี้เดินทางไปท่ามกลางความร้อนระอุของเปลวแดดนั้นเขาแต่งหน้าได้สมจริงมาก หน้าดำคล้ำแบบคนโดนแดดเผาทั้งริมฝีปากก็แห้งแตกเหมือนจริงมาก ผมนับถือทีมงานจริงๆ กระทู้นี้เล่าสู่กันฟังน่ะครับไม่มีอะไรสงสัย


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 05:21:45 AM
สงครามโลกครั้งที่สอง เมกันรบในแปซิฟิกก่อน เมกันผลิตกาแรนด์ส่งให้กองทัพบกแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดสงคราม แต่ช่วงแรกๆ ในแปซิฟิกทหารใช้ปืนลูกเลื่อนสปริงฟิวด์ ๑๙๐๓ มากครับ ทั้งนาวิกและกองทัพบก

ที่กาแรนด์แมกกาซีน ๘ นัดนั้นเพราะตอนแรกเขาทดลองใช้กระสุนขนาด .๒๗๖ พีเดอร์เซน ก่อนครับ .๒๗๖ เป็นคลิแ ๑๐ นัด เพราะลูกเล็กกว่า ต่อมาเปลี่ยนเป็น .๓๐-๐๖ เลยเหลือ ๘ นัด 

ส่วนทางยุโรป-อัฟริกาเหนือ ทหารเมกันไปรบที่ตูนีเซีย อัฟริกาเหนือปลายปี ๑๙๔๒ ต่อไปก็อิตาลี และฝรั่งเศสหลังยกพลขึ้นบก ๖ มิ.ย. ๔๔ ปืนเล็กยาวเป็นการแรนดืแล้วทั้งนั้นครับ ทางอัฟริกาเหนือ-ยุโรป นี่ทหารราบเมกันมีแต่กองทัพบกครับ นาวิกไม่ได้ไปรบ

เรื่อง แปซิฟิก ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ อีกเรื่องก็น่าสนใจมาก ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 09:16:02 AM
                          ขอบพระคุณครับท่านDonที่ไขข้อข้องใจให้ผม  สงสารทหารอเมริกันในหนังน่ะครับกว่าจะยิงได้แต่ละนัด แต่พอเห็นญี่ปุ่นแพ้ก็สงสารญี่ปุ่นอีก ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 10:56:30 AM
หนังเรื่อง PACIFIC .......... ลงรายละเอียดดีครับ

ช่วงเวลาที่นาวิกโยธิน ที่ 1 เข้าทำการรบที่เกาะกัวดาคาแนล .............ปืนเล็กยาวยังใช้ Springfield 1903 ซึ่งเป็นไรเฟิลลูกเลื่อนอยู่ครับ ................เมื่อส่งมอบเกาะกัวดาคาแนลที่ยึดได้ ให้กองทัพบกรักษาพื้นที่แทน นาวิกโยธินที่ 1 ก็ไปฟื้นฟูกำลังรบ โดยไปพักและฝึกที่ เมลเบริน ออสเตรเลีย ...........เพื่อรอรับภารกิจต่อไป

ช่วงนั้นมีการปรับเปลี่ยนปืนเล็กยาวของ นาวิกโยธินที่ 1 จาก 1903 เป็น M 1 Garand ซึ่งทันสมัยกว่า ..........

เก็บรายละเอียดเล็กๆดีครับ หนังเรื่องนี้ เพราะกองกำลังทหารบกที่เข้าไปรับมอบการรักษาพื้นที่เกาะกัวดาคาแนลนั้น ..............เป็นกองกำลังใหม่ๆสดๆ ที่ได้รับยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่กว่า นาวิกฯที่ 1 ซึ่งตอนที่ทำการรบยึดเกาะนั้น ยังใช้อาวุธรุ่นเก่าอยู่............. เลยมีคำพูดของ นาวิกฯที่ไปเปิดลังอาวุธของ ทบ. ว่า ทบ.มีของเล่นใหม่ ส่วนพวกเขาใช้ปืนโบราณกว่า ..............แต่พอนาวิกฯกลับไปฟื้นฟูกำลัง ก็เปลี่ยนปืนเหมือน ทบ.เช่นกัน ........

หนังเรื่องนี้คุยมาเลยครับ ............. ผมดูมาสัก 5-6 รอบแล้ว เพราะรายละเอียดดี และตัวละครเยอะมาก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 06, 2010, 11:01:19 AM
ไม่ทราบว่ามีเป็นแผ่นมารึยังครับ จะหามาดูหน่อยครับผม  ::014:: :D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 11:03:21 AM
ไม่ทราบว่ามีเป็นแผ่นมารึยังครับ จะหามาดูหน่อยครับผม  ::014:: :D

ผมซื้อมาดูได้ 2 เดือนแล้วครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 06, 2010, 11:04:42 AM
ไม่ทราบว่ามีเป็นแผ่นมารึยังครับ จะหามาดูหน่อยครับผม  ::014:: :D

ผมซื้อมาดูได้ 2 เดือนแล้วครับ  ::005::

อ่า................ :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ กันยายน 06, 2010, 11:13:17 AM
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9656598/X9656598.html (http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9656598/X9656598.html)

อยากดูเพิ่ม...พี่ๆคนไหนพอชี้ทางสว่างบอกด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 11:18:26 AM
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9656598/X9656598.html (http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9656598/X9656598.html)

อยากดูเพิ่ม...พี่ๆคนไหนพอชี้ทางสว่างบอกด้วยครับ

กระทู้ในพันทิป ภาพที่แสดง อาวุธยังปนๆกันอยู่ครับ .................. เลยมีคอมเม้นผิดๆว่าปืน M16 เข้าร่วมสงครามเกาหลี ซึ่งจริงๆ M 16 เข้าสงครามครั้งแรกในสงครามเวียดนามครับ ............

ช่วงสงครามเกาหลี ปืน carbine M1 ได้รับการปรับปรุงเป็น M2 ยิงฟูลออโตได้และใช้ซองกระสุน 30 นัด แทน 15 นัดแบบเก่า................


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 12:48:29 PM
ไม่ทราบว่ามีเป็นแผ่นมารึยังครับ จะหามาดูหน่อยครับผม  ::014:: :D

ผมซื้อมาดูได้ 2 เดือนแล้วครับ  ::005::
                             ขอบพระคุณท่านมะขิ่นมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 01:00:45 PM
ไม่ทราบว่ามีเป็นแผ่นมารึยังครับ จะหามาดูหน่อยครับผม  ::014:: :D

ผมซื้อมาดูได้ 2 เดือนแล้วครับ  ::005::        ขอบพระคุณท่านมะขิ่นมากครับที่ให้ความรู้เพิ่มเติมและเรื่องหนังที่มีขายแล้ว  ::014:: ผมก็มัวแต่รอดูทางTVอยู่นั่นแหละ  ::004:: วันไหนออกจากหลังเขาจะไปซื้อบ้างครับ  ขอบคุณครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 07:27:41 PM
บางส่วนจากสารคดี BBC ชุด The World at War ที่เคยแนะนำครับ เขาว่าภาพยนต์ในตอนต่างๆ คัดมาเฉพาะที่ถ่ายในเหตุการณ์นั้นจริง ไม่สร้างฉากจำลองใหม่ ยกเว้นกราฟฟิกบรรยายแผนที่ และบทสัมภาษณ์

ขอสรุปเป็นตอนๆ ครับ ช่วงปลายสงครามในแปซิฟิก เมกันตีล้อมกรอบญี่ปุ่น

ปี ๑๙๔๓ นาวิกขึ้นยึดเกาะ ทาราวา (Tarawa) เกาะเล็กแค่ไม่ถึง ๑ ตารางไมล์ กำลังญี่ปุ่น ๓,๐๐๐ คน รบกัน ๓ วันถึงยึดเกาะได้ เมกันจับเชลยได้ ๑๗ คน

World at war - Pacific part 1 (http://www.youtube.com/watch?v=G0OzZlSGSo0#)

การรบทางอากาศในทะเลฟิลิปปินส์  เครื่องบินเมกันกว่า ๙๐๐ ลำ จากเรือบรรทุกเครื่องลิน ไล่ยิงเรื่องบินญี่ปุ่นจำนวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง นักบินช่วงปลายสงครามฝึกหัดมาไม่ดี ไม่มีทั้งเครื่องบินดีๆ จะฝึก ครูเก่งๆ น้ำมัน และเวลา อ่อนประสบการณ์ ส่วนเมกันมาตรฐานสูงขึ้นเรื่อยๆ นักบินขับไล่ต้องฝึกบินเดี่ยวอย่างน้อย ๖๐๐ ชม. ถึงจะส่งไปรบได้ การรบครั้งนี้เรียกว่า หมู่เกาะมาเรียน่า Mariana turkey shoot (ล่าไก่งวงเกาะมาเรียน่า) ภายใน ๘ ชม. เรียกได้ว่าเมกันทำลายกำลังทางอากาสของกองทัพเรือญี่ปุ่นย่อยยับ เครื่องบินญี่ปุ่น ๔๓๐ ลำเหลือแค่ ๑๐๐ ลำ

วันต่อมาเครื่องบินเมกันโจมตีกองเรือญี่ปุ่นต่ออีก จมเรือบรรทุกเครื่องบิน ๑ ลำ เสียหายอีก ๒ เครื่องบินเมกันลาดตระเวนเจอกองเรือญี่ปุ่นตอนบ่าย ห่างออกไปมาก แต่กองเรือเมกันสั่งให้เครื่องบินไปโจมตี หลายลำต้องกลับมาตอนมืดแล้ว หลายลำน้ำมันหมดตกระหว่างทาง

ฉากต่อมาการโจมตียึดเกาะ ไซปัน/ ติเนียน/ กวม มีฉากที่ปืนเรือยิงถล่มมากจนต้องเอาสายยางดับเพลิงฉีดน้ำใส่ลำกล้องลดความร้อน

ต่อไปการโจมตียึดเกาะ พาเลา ป้องกันโดยทหารญี่ปุ่น ๑๐,๐๐๐ คน ซึ่งขุดบังเกอร์ตั้งรับลึกตลอดพื้นที่ภายในเกาะ

World at war - Pacific part 2 (http://www.youtube.com/watch?v=gl83uMSlMEQ#)

เกาะ พาเลา (ต่อ) เมกัน ตาย และบาดเจ็บ ๔๐%

ตุลา ๑๙๕๕ แมกอาเธอร์กลับฟิลิปปินส์ได้

การรบทางเรือที่อ่าว เลย์เต้ (เป็นการรบของกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์) ญี่ปุ่นหมดสภาพ

เมกันขึ้นบกที่อ่าว เลย์เต้ การรบบนบกในฟิลิปปินส์ เมกันรบกับญี่ปุ่นประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ คน ๓ เดือนต่อมา กุมภา ๑๙๔๕ เมกันรบแย่งกรุงมะนิลา พลเมืองเสียชีวิตจำนวนมาก บางส่วนถูกญี่ปุ่นฆ่าตอนจะถอย

ภาพการรุมตื๊บคนฟิลิปปินส์ที่ร่วมมือกับญี่ปุ่น

๑๙ กุมภา ๑๙๔๕ เมกันยกพลขึ้นบกยึดเกาะ อิโว จิม่า หมู่เกาหินภูเขาไฟขนาด ๘ ตารางไมล์ห่างจากญี่ปุ่น ๖๐๐ ไมล์ ที่เมกันต้องการไปสร้างสนามบินเพื่อดจมตีญี่ปุ่น และให้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีญี่ปุ่นที่เสียหายลงระหว่างทางก่อนถึงฐานที่ไซปัน/ ติเนียน เมกันยิง/ บอร์มถล่ม อิโว จิม่า มาแล้ว ๗๖ วัน ถล่ม ๑๐๐% ซ้ำซ้อนทุกตารางนิ้ว ญี่ปุ่นสร้างพื้นที่ตั้งรับพื้นที่ภายในเหมือนกัน

(ขอเสริมครับ - ปธน. จอร์จ บุช (พ่อ) เป็นนักบินกองทัพเรือตั้งแต่ อายุ ๑๙ อายุน้อยที่สุดของกองทัพเรือ บุชขับเครื่องดำทิ้งระเบิดรบที่นี่ โจมตีสถานีวิทยุบนเกาะเล็ก เครื่องบินโดนยิงเสียหาย พลทิ้งระเบิดและพลปืนหลังโดดหนีก่อน บุชโดดหนีทีหลัง ต่อมาเรือดำน้ำเมกันมาช่วยบุชได้ แต่ลูกเรืออีก ๒ คนเสียชีวิต ชีงิตบุชโลกโผนสร้างภาพยนต์ได้ เป็นกัปตันทีมเบสบอล เป็นนักบินรบ เป็นทูตเมกันประจำปักกิ่งช่วงเริ่มความสัมพันธ์ เป็นผู้อำนวยการ ซีไอเอ เป็น ปธน. และเป็นพ่อ ปธน. อีกคนที่โดนด่ามากที่สุดคนหนึ่ง) 

World at war - Pacific part 3 (http://www.youtube.com/watch?v=7ec8-dqHvpA#)

เดี๋ยวมาต่ออีกครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 07:36:59 PM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 07:44:45 PM
                         ผมมาปูเสื่อรออยู่หน้าจอแล้วครับ (ไม่ยักมีอ้อยควั่นกับถั่วลิสงต้มขาย) ขอบคุณมากครับ   ::014::
                         ที่ว่ากำลังญี่ปุ่น 3,000 คน จับเป็นเชลย 17 คนนี่ แสดงว่านอกนั้นสู้จนตัวตายหมดใช่ไหมครับ :OO
                         ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆเคยดูหนังเรื่อง วีรบุรุษอิโวจิม่า ด้วย(แต่ลืมเนื้อเรื่องหมดแล้วครับ) ประทับใจภาพที่ทหารช่วยกันปักธงมากครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 07:49:15 PM
ปล. นึกขึ้นได้ว่าเกาะที่บุชไปบอร์ม มีชื่อของตนเองแต่ผมจำไม่ได้ ชื่อ อิโว จิม่า เป็นชื่อเกาะใหญ่ครับ

(ต่อ) ญี่ปุ่นขุดอยู่ในภูเขา สุริบาชิ เน้นการใช้ปืนใหญ่ยิงลงมา วัน- คืนแรกที่เมกันขึ้นบก ขยับไปไหนไม่ได้ ได้แต่ใช้ปืนใหญ่ ปืนครกยิงสวนขึ้นไป ทหารราบอื่นๆ ที่อยู่หลังที่กำลังก็นั่งหงอยๆ เมกันส่งกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ สังเกตได้ว่าญี่ปุ่นไม่มีปืนใหญ่ กระสุนพอเพียง ถ้ามีมากควรจะยิงกำลังหนุนที่ขนของขึ้นหาดเสียหายได้มาก คงจำเป็นต้องเก็บไว้ใช้ในระยะประชิดเมื่อเมกันรุกยึดพื้นที่มากกว่า

รถถัง/ รถเกราะชนิดต่างๆ ของเมกันค่อยๆ รุกยึดพื้นที่เกาะ วันที่ ๒๓ กุมภา นาวิกเมกันปักธงบนยอดเขาได้ จากจำนวนญี่ปุ่นป้องกันเกาะทั้งหมด ๒๑,๐๐๐ คน เมกันจับเชลยได้ ๒๐๐ คน เมกันสร้างสนามบินจนใช้การได้ก่อนที่จะยึดเกาะได้ทั้งเกาะเสียอีก

๑ เมษา ๑๘๔๕ เมกันโจมตีเกาะ โอกินาว่า พื้นที่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ

เครื่องบินญี่ปุ่นโจมตีกองเรือเมกันแบบ กามิกาเซ่

World At War: Pacific 4 of 5 (http://www.youtube.com/watch?v=6ue5_nJKws8#)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 07:55:30 PM
ครับ ญี่ปุ่นสู้จนตัวตายหมด และเมกันก็ไม่เสี่ยงจับเชลยด้วย

มีฉากหนึ่งก่อนการบุกทาราวา นายทหารเมกันบนเวทีพูดปลุกใจว่า "อย่าลืมว่าพวกเราเจ๋งกว่าแจป เราแข็งแรงกว่า สติดีกว่า อาวุธดีกว่า มีกำลังสนับสนุนมากมาย และอย่างที่ท่านนายพลบอกไว้ ถ้ามีความเสี่ยงที่จะจับเป็นเชลย ก็อย่างจับมัน" 

ในบทความหนึ่ง นาย Antony Beevor นักประวัติศาสตร์ทหารเขียนว่า "ในสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารชาติเผด็จการเยอรมัน ญี่ปุ่นนั้น ล้าจากการรบ ช้ากว่าทหารชาติประชาธิปไตยอย่างอังกฤษ เมกัน เพราะคนเยอรมัน ญี่ปุ่น โตมากับภาวะกดดัน และการบังคับมากกว่า"


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 06, 2010, 07:55:48 PM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ จนเครื่อง Catarena ไปเก็บขึ้นมา

ถูกยิงตกที่ Chichi-jima และลอยอยู่บนแพ 4 ชั่วโมง ก่อนที่เรือดำน้ำสหรัฐ USS Finback (SS-230) จะมารับครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 07:57:38 PM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ จนเครื่อง Catarena ไปเก็บขึ้นมา

ขอบคุณมากครับพี่มะขิ่น


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 07:58:59 PM
ขอบคุณมากครับคุณโจ๊ก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 08:20:03 PM
                       ผมจำได้ว่าบรรดาทหารญี่ปุ่นที่ตกเป็นเชลยก็เพราะบาดเจ็บหรือป่วยจนไม่มีแรงจะทำอะไร ไม่งั้นคงไม่ยอมให้จับเป็นหรอกนะครับ นับถือเลือดบูชิโดจริงๆ  (ชาวบ้านบางระจันและบรรพบุรุษนักรบของเราก็เก่งไม่แพ้เขาเหมือนกัน)
                        พวกชาวบ้านญี่ปุ่นก็ฆ่าตัวตายหรือกระโดดหน้าผาตายกันใช่ไหมครับ แต่..เอ..จะเป็นที่เกาะไหนกันนะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 08:21:49 PM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ จนเครื่อง Catarena ไปเก็บขึ้นมา

ถูกยิงตกที่ Chichi-jima และลอยอยู่บนแพ 4 ชั่วโมง ก่อนที่เรือดำน้ำสหรัฐ USS Finback (SS-230) จะมารับครับ

ขอบคุณมากครับ .............


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 08:22:10 PM
โอกินาว่า (ต่อ) จะเห็นว่าเครื่องบินกามิกาเซ่พยายามพุ่งชนเรือบรรทุกเครื่องยินเพราะมีโอกาสทำลายเรือได้มากกว่าพุ่งชนเรือรบเกราะหนาๆ เรือบรรทุกเครื่องบินเมกันดากฟ้าปูไม้กระดานเพื่อให้ซ่อมแซมง่าย ถ้าพุ่งลงมาชนได้จังๆ เครื่องจะทะลุลงไปข้างล่างมีระเบิด น้ำมัน ฯลฯ ระเบิดต่อเนื่องเผลอๆ เรือพังทั้งลำได้

ญี่ปุ่นเสียเครื่องบินกามิกาเซ่ (แน่นอนว่าพร้อมนักบิน) กว่า ๒,๐๐๐ ลำ เรือเมกันจม ๓๕ ลำ เสียหายอีกว่า ๒๐๐ ลำ

ผู้หมวดทหารเรือเมกันให้สัมภาษณ์ว่า พล ปตอ. ๔๐ มม. คนหนึ่งเครียดสติแตก อยู่ดีๆ ร้องว่า "วันนี้ร้อนจังโว้ย" แล้วกระโดลงน้ำไป

ทหารเมกันขึ้นบกโอกินาว่า ไม่มีการต่อสู้ที่ชายฝั่ง แต่มีทหารญี่ปุ่น ๑๐๐,๐๐๐ แสนคน บนเกาะ สู้รบอย่างดุเดือนในพื้นที่ภายใน พลเรือนญี่ปุ่น ๒๔,๐๐๐ คนเสียชีวิต

World At War: Pacific 5 of 5 (http://www.youtube.com/watch?v=l1zTx_n2Y0E#)

จบตอน Pacific ตอนที่ ๒๓ ของสารคดีชุด The World at War ชุดนี้ดูตาแฉะครับ

ปล.๑ เพลงไตเลิ้ลของยูทูปท่อนแรก ก่อนไตเติ้ลสารคดีคือ เพลงนาวิกเมกัน (Marine hymn) ครับ

ปล.๒ จำนวนที่สรุปมานี้เป็นไปตามสารคดีชุดนี้ครับ คงจะไม่ตรงกับแหล่งข้อมูลอื่นบ้าง

ปล.๓ ปีสองปีมานี้ผมเห็นข่าวว่ามีคนทำวิจัยเรื่องพลเรือนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายที่โอกินาว่า พบว่าชุมชนที่ใกล้ที่ตั้งทหารมีอัตราฆ่าตัวตายมากกว่า การวิจัยชี้ว่าทหารญี่ปุ่นยุยงสนับสนุนให้พลเรือนฆ่าตัวตาย แต่คิดอีกที พื้นที่ตั้งทหารญี่ปุ่นย่อมมีการรบมากกว่าด้วย พลเรือนมีแนวโน้มสติแตก หรือมุ่งมั่นตามอุดมการณ์ "ตายดีกว่าแพ้" มากกว่าด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 08:34:10 PM
                       ผมจำได้ว่าบรรดาทหารญี่ปุ่นที่ตกเป็นเชลยก็เพราะบาดเจ็บหรือป่วยจนไม่มีแรงจะทำอะไร ไม่งั้นคงไม่ยอมให้จับเป็นหรอกนะครับ นับถือเลือดบูชิโดจริงๆ  (ชาวบ้านบางระจันและบรรพบุรุษนักรบของเราก็เก่งไม่แพ้เขาเหมือนกัน)
                        พวกชาวบ้านญี่ปุ่นก็ฆ่าตัวตายหรือกระโดดหน้าผาตายกันใช่ไหมครับ แต่..เอ..จะเป็นที่เกาะไหนกันนะครับ

ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับ เชลยทหารญี่ปุ่นที่ถูกจับมักเป็นเพราะหมดสภาพ หรือแทบหมดสติแล้ว

ญี่ปุ่นถูกปลูกฝังให้ยอมตายดีกว่ายอมแพ้ เมกันก็งงเหมือนกัน หลังสงครามโลกทางการเมกันให้นักสังคมวิทยาทำวิจัยเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ออกมาเป็นหนังสือเรื่อง ดอกเบญมาศกับดาบซามูไร มีแปลเป็นภาษาไทยด้วยครับ เป็นข้อมูลเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง

ตอนหนึ่งบอกว่าสำหรับทหารชาติตะวันตกโดนทั่วๆ ไป ถ้ารบจนสูญเสียกว่า ๒๕% มักจะยอมแพ้แล้ว แต่สำหรับทหารญี่ปุ่น (จำตัวเลขไม่ได้แน่) ตาย ๒๗๐ กว่าคน ถึงจะยอมแพ้ ๑ คน

ทหารญี่ปุ่นเมื่อไปรบ จะตัดผมและเล็บให้ครอบครัวไว้เลย สำหรับเก็บไว้ถ้าตัวตาย เรียกว่าพร้อมไปตายอยู่แล้ว

วัฒนธรรมแบบนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นปฏิบัติกับเชลยศึก หรือพลเรือนชาติที่ตนเอาชนะแบบไม่ใช่คนด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนญี่ปุ่นสมัยนั้นโลกทัศน์ปิดแคบมากๆ ใช้ความรู้สึก วัฒนธรรมของตนเท่านั้นตัดสินคนอื่น
 
ภาพยนต์ที่ถ่ายชาวบ้านญี่ปุ่นโดหน้าผาฆ่าตัวตายมาได้คือเกาะ โอกินาว่า ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 08:36:16 PM
                    วันนี้ผมได้ดูหนังสงคราม " PACIFIC " ทางยูบีซี(ขออนุญาตเรียกแบบเก่านะครับ) เลยตามมาผลักดันกระทู้นี้อีกเพราะเงียบมานานแล้ว (ผมก็มัวแต่ไล่อ่านรถถัง เรือรบ เครื่องบิน และสงครามโลกอยู่จนเพลิน)  หนังเรื่องนี้ก็เก็บรายละเอียดได้ดีนะครับ เช่นเวลาจะเคลื่อนย้ายปืนกลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ก็ยังไม่ลืมเรื่องถุงมือ  แถมยังเอามาเล่นตอนแสดงความทรหดของทหารเมื่อถุงมือหายอีก ปืนกลรุ่นนี้ผมได้ฝึกเมื่อสมัยเรียน รด.ด้วยครับ น้ำหนักมากเอาการอยู่ ไม่ทราบว่าปืนแบบนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ
ปืนกลที่คุณกล่าวถึงก็คือปืนกลหนัก Browning M1917 (http://en.wikipedia.org/wiki/M1917_Browning_machine_gun) ใช้กระสุนขนาด .30-06 Springfield (7.62x63 mm.) ครับ

(http://img571.imageshack.us/img571/4240/m1917a12.jpg)

(http://img59.imageshack.us/img59/340/m1917mg.jpg)

ปืนกล Browning M1917 เป็นปืนกลระบบ Recoil operated ระบายความร้อนด้วยน้ำ อัตรายิง 450 นัด/นาที และ 450-600 นัด/นาที ในรุ่น A1 ด้วยความที่มีน้ำหนักมากจึงทำให้ต้องใช้พลปืนถึง 3 นายในการเคลื่อนย้ายครับ

นาวิกโยธินสหรัฐฯกำลังเตรียมยิงปืนกล M1917 ต้านทานการบุกของทหารญี่ปุ่นในศึก Battle of Cape Gloucester (http://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Cape_Gloucester)
(http://img827.imageshack.us/img827/7370/776pxmarinesbrowningm19.jpg)

ทหารอเมริกันขณะทำการยิงปืนกล Browning M1917 ในสงครามเกาหลี
(http://img443.imageshack.us/img443/204/model1917korea.jpg)

ต่อมาภายหลังจึงได้มีการพัฒนาและปรับปรุงเป็นปืนกลเบา Browning M1919 (http://M1919_Browning_machine_gun) ซึ่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ และทำให้มีน้ำหนักลดลงกว่าเดิมครับ

ปืนกลเบา M1919A4
(http://img199.imageshack.us/img199/3111/m1919a42.jpg)

ปืนกลเบา M1919A6
(http://img337.imageshack.us/img337/3239/800pxhafmbrowning30cal7.jpg)

โดยปืนกล Browning M1917 และปืนกล Browning M1919 นี้ ทางกองทัพไทยได้การสนับสนุนมาจากกองทัพสหรัฐฯ และใช้ชื่อในทางราชการว่า ปืนกลหนักแบบ 88 (ปกน. 88) และ ปืนกลเบาแบบ 88 (ปกบ. 88) ตามลำดับครับ โดยปืนกล Browning M1917 เราได้รับรุ่น A1 มา ส่วนปืนกล Browning M1919 เราได้รับมาทั้งรุ่น A4 , A5 และ A6 ครับ

ทหารอเมริกันขณtทำการยิงปืนกล M1919A4 ในสงครามโลกครั้งที่ 2
(http://img375.imageshack.us/img375/6595/gimachineguncrewinaache.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 08:44:23 PM
                          ขอบพระคุณทุกท่านครับที่มาให้ความรู้และช่วยเสริมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ::014::  และขอบพระคุณท่านรพินทรนาถมากครับที่อธิบายเรื่องปืนกล ผมขออนุญาตเก็บภาพไว้นะครับ(อีกหน่อยอาจจะไม่มีคนรู้จักแล้ว)  การระบายความร้อนด้วยน้ำนั้นใช้น้ำหล่อลำกล้องไว้เท่านั้นใช่ไหมครับหรือน้ำหมุนเวียนแบบหม้อน้ำรถยนต์ครับ
                          ผมขอย้อนไปเรื่องปืนไรเฟิลพีเดอร์เซนด์หน่อยนึงนะครับ จำได้ว่าเคยเห็นรูปนานมาแล้วเป็นไรเฟิลที่มีแม็กกาซีนยาวๆเสียบอยู่ด้านข้างใช่ไหมครับ ดูเหมือนกระสุนจะสั้นๆหน่อย
                          ตอนเด็กๆผมชอบไปซื้อหนังสือเก่าที่สนามหลวง ปัจจุบันหนังสือพวกนี้กระดาษกรอบหมดแล้วเสียดายจริงๆครับ ::004::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 08:44:47 PM
ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับ เชลยทหารญี่ปุ่นที่ถูกจับมักเป็นเพราะหมดสภาพ หรือแทบหมดสติแล้ว

ญี่ปุ่นถูกปลูกฝังให้ยอมตายดีกว่ายอมแพ้ เมกันก็งงเหมือนกัน หลังสงครามโลกทางการเมกันให้นักสังคมวิทยาทำวิจัยเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ออกมาเป็นหนังสือเรื่อง ดอกเบญมาศกับดาบซามูไร มีแปลเป็นภาษาไทยด้วยครับ เป็นข้อมูลเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง

ตอนหนึ่งบอกว่าสำหรับทหารชาติตะวันตกโดนทั่วๆ ไป ถ้ารบจนสูญเสียกว่า ๒๕% มักจะยอมแพ้แล้ว แต่สำหรับทหารญี่ปุ่น (จำตัวเลขไม่ได้แน่) ตาย ๒๗๐ กว่าคน ถึงจะยอมแพ้ ๑ คน

ทหารญี่ปุ่นเมื่อไปรบ จะตัดผมและเล็บให้ครอบครัวไว้เลย สำหรับเก็บไว้ถ้าตัวตาย เรียกว่าพร้อมไปตายอยู่แล้ว

วัฒนธรรมแบบนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นปฏิบัติกับเชลยศึก หรือพลเรือนชาติที่ตนเอาชนะแบบไม่ใช่คนด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนญี่ปุ่นสมัยนั้นโลกทัศน์ปิดแคบมากๆ ใช้ความรู้สึก วัฒนธรรมของตนเท่านั้นตัดสินคนอื่น
 
ภาพยนต์ที่ถ่ายชาวบ้านญี่ปุ่นโดดหน้าผาฆ่าตัวตายมาได้คือเกาะ โอกินาว่า ครับ
เรียนพี่ต็อกครับ

เหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่ที่เกาะโอกินาวานั้น ส่วนหนึ่งมาจากการโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพญี่ปุ่นว่า ทหารอเมริกันที่บุกขึ้นมาบนเกาะนั้นจะทำการจับชาวบ้านทุกคนไปเป็นเชลย และบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสครับ (ไอ้ยุ่นเอาพฤติกรรมของตัวเองมาบิดเบือนซะอย่างนั้น  ::009:: )

ด้วยเหตุนี้ จึงมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อและพาครอบครัวของตัวเองไปโดดหน้าผาตายกันเป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าหากใครไม่ยอมโดด คนในครอบครัวจะช่วยจับเหวี่ยงลงมาก่อนจะพากันโดดลงมาตายตามครับ ::004::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 06, 2010, 08:53:40 PM
ขอบคุณครับ บวก ๑ ครับคุณ รพินทรนาถ รักในหลวง


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 09:09:26 PM
                          ขอบพระคุณทุกท่านครับที่มาให้ความรู้และช่วยเสริมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ::014::  และขอบพระคุณท่านรพินทรนาถมากครับที่อธิบายเรื่องปืนกล ผมขออนุญาตเก็บภาพไว้นะครับ(อีกหน่อยอาจจะไม่มีคนรู้จักแล้ว)  การระบายความร้อนด้วยน้ำนั้นใช้น้ำหล่อลำกล้องไว้เท่านั้นใช่ไหมครับหรือน้ำหมุนเวียนแบบหม้อน้ำรถยนต์ครับ
                          ผมขอย้อนไปเรื่องปืนไรเฟิลพีเดอร์เซนด์หน่อยนึงนะครับ จำได้ว่าเคยเห็นรูปนานมาแล้วเป็นไรเฟิลที่มีแม็กกาซีนยาวๆเสียบอยู่ด้านข้างใช่ไหมครับ ดูเหมือนกระสุนจะสั้นๆหน่อย
                          ตอนเด็กๆผมชอบไปซื้อหนังสือเก่าที่สนามหลวง ปัจจุบันหนังสือพวกนี้กระดาษกรอบหมดแล้วเสียดายจริงๆครับ ::004::
ปืนกล M1917 ใช้น้ำในการหล่อเพื่อระบายความร้อนจากลำกล้อง จึงต้องมีการต่อท่อน้ำเข้ากับถังน้ำบริเวณขาหยั่งปืนไว้ด้วย ส่วนหลักการทำงานนั้นจะใช้หลักการกาลักน้ำในการดูดน้ำมาเติมหม้อน้ำหรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจครับ  ::014::

ส่วนปืนกลที่เสียบซองกระสุนด้านข้างนั้น เรียกว่าปืนกลเบา M1941 Johnson (http://en.wikipedia.org/wiki/M1941_Johnson_machine_gun) ครับ ใช้กระสุน .30-06 Springfield ระบบ Recoil-operated แบบ Short recoil ครับ

(http://img696.imageshack.us/img696/8945/machinegunm1941johnson1.jpg)

(http://img186.imageshack.us/img186/2836/machinegunm1941johnson3.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 09:11:36 PM
ขอบคุณครับ บวก ๑ ครับคุณ รพินทรนาถ รักในหลวง
ขอขอบพระคุณและขอทอนคืนให้ครับพี่  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 10:24:22 PM
                        ขอบพระคุณครับท่านรพินทรนาถที่อธิบายเรื่องการระบายความร้อนด้วยน้ำและเรื่องปืน M 1941 Johnson  ::014::ผมขอรบกวนเรื่องปืนกลหนักกับท่านรพินทรนาถอีกสักหนึ่งกระบอกเถิดนะครับ  กระบอกนี้คล้ายๆกับ M1919 A4 แต่มือจับมีสองข้าง ไกปืนเป็นแป้นแบนๆเหมือนปีกผีเสื้อ อยู่ระหว่างมือจับทั้งสอง ลักษณะเหมือนกับว่าต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกดไกน่ะครับ มักจะมีกล่องกระสุนติดอยู่ข้างปืนเสมอ เป็นปืนอะไรครับ (กระบอกนี้เห็นครั้งแรกในหนังTVเรื่องสิงห์ทะเลทรายครับ) ใช้กระสุนขนาด .50นิ้วที่เรียกว่า.50BMGใช่ไหมครับ และเป็นขนาดเดียวกับ12.7มิล. ใช่ไหมครับ  หลายคำถามหน่อยนะครับ ท่านรพินทรนาถอย่าเพิ่งเบื่อนะครับ  ::014:: แต่ถ้าท่านอื่นอ่านพบกระทู้นี้ก่อนและทราบรายละเอียดจะกรุณาตอบก็จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 10:39:54 PM
                       ขอบพระคุณครับท่านรพินทรนาถที่อธิบายเรื่องการระบายความร้อนด้วยน้ำและเรื่องปืน M 1941 Johnson  ::014::ผมขอรบกวนเรื่องปืนกลหนักกับท่านรพินทรนาถอีกสักหนึ่งกระบอกเถิดนะครับ  กระบอกนี้คล้ายๆกับ M1919 A4 แต่มือจับมีสองข้าง ไกปืนเป็นแป้นแบนๆเหมือนปีกผีเสื้อ อยู่ระหว่างมือจับทั้งสอง ลักษณะเหมือนกับว่าต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกดไกน่ะครับ มักจะมีกล่องกระสุนติดอยู่ข้างปืนเสมอ เป็นปืนอะไรครับ (กระบอกนี้เห็นครั้งแรกในหนังTVเรื่องสิงห์ทะเลทรายครับ) ใช้กระสุนขนาด .50นิ้วที่เรียกว่า.50BMGใช่ไหมครับ และเป็นขนาดเดียวกับ12.7มิล. ใช่ไหมครับ  หลายคำถามหน่อยนะครับ ท่านรพินทรนาถอย่าเพิ่งเบื่อนะครับ  ::014:: แต่ถ้าท่านอื่นอ่านพบกระทู้นี้ก่อนและทราบรายละเอียดจะกรุณาตอบก็จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ ::014::
ปืนกลที่คุณถามถึงก็คือ ปืนกล แบบ 93 (ปก. 93) หรือ Browning M2 (http://en.wikipedia.org/wiki/M2_Browning_machine_gun) ครับ ใช้กระสุนขนาด 12.7x99 mm. NATO หรือ .50 BMG นั่นเอง ระบบ Recoil-operated อัตรายิงประมาณ 450-550 นัด/นาที สามารถใช้ติดตั้งบนยานพาหนะหรือขาหยั่งก็ได้ครับ  ::014::

ปืนกล Browning M2HB
(http://img227.imageshack.us/img227/1459/m2hb0.jpg)

ภาพการยิงปืนกล Browning M2HB
(http://img291.imageshack.us/img291/2990/800pxcal50browning2rei2.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 06, 2010, 10:54:06 PM
M2HB กระบอกนี้ ปรับเป็นยิงเซมิ-ออโตได้นะครับ ..........


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 06, 2010, 11:19:40 PM
M2HB กระบอกนี้ ปรับเป็นยิงเซมิ-ออโตได้นะครับ ..........
เรียนอามะขิ่นครับ  ::014::

ไม่ทราบว่าเวลาปรับโหมดการยิงของปืนกล 93 มันปรับตรงไหน อย่างไรหรือครับ แล้วปืนกล 93 เวลาบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงใช้วิธีดันกระสุนจากสายกระสุนไปข้างหน้าหรือว่าดึงมาข้างหลังครับ

ผมขอรบกวนเพียงเท่านี้และขอขอบพระคุณมาล่วงหน้าด้่วยครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 06, 2010, 11:32:39 PM
                  ผมว่า John M Browning นี่แกอัจฉริยะจริงๆนะครับ ออกแบบปืนสารพัดมากมาย ทั้งปืนทหารและปืนพลเรือน  ผมก็ยังดีใจที่มี ลูกซอง Browning A 5 ของแกไว้กระบอกหนึ่ง ขอนอกเรื่องภาพยนต์สงครามหน่อยนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ผ่านมาอ่าน  คือเจ้าลูกซอง5นัดของผมตัวนี้เขาถีบแรงจริงๆ(เพื่อนๆออกปากว่าถีบขี้ข้า ก็ไม่รู้ว่ามันถีบแบบไหนถึงได้เรียกอย่างนั้น) ผมก็ลองกลับแหวนตามคู่มือก็แล้ว เช็ดนำมันรอบหลอดกระสุนก็แล้ว ก็ยังเป็นขี้ข้าอยู่นั่นแหละ  :<<(คือผมเชื่อคู่มือมาก เวลาใช้ลูกแรงสูงหรือแรงต่ำก็จะกลับแหวนตามคู่มือบอกเป๊ะๆ)เขาก็ถีบขี้ข้าตลอด   จนผลสุดท้ายก็ลองตั้งแหวนแบบใช้ลูกแรงสูง เช็ดน้ำมันรอบหลอดกระสุนด้วยน้ำมันจักรให้บางที่สุดเอาแค่พอกันสนิม แล้วยิงด้วยลูกฐานเตี้ยสุดเท่านั้น  ปรากฎว่ารีคอยล์แทบไม่มีเลยครับ แถมปฎิบัติการก็เรียบร้อยดีทุกนัด (จนเดี๋ยวนี้เพื่อนๆ บอกว่าปืนถีบผู้ดีแล้วละครับ) เสียอยู่อย่างเดียวผมไม่กล้ายิงด้วยลูกแรงสูงอีกต่อไป กลัวปืนช้ำน่ะครับ ส่วนที่เคยยิงมาก่อนหน้านี้ก็นึกกลัวๆว่าปืนจะเป็นอะไรหรือเปล่า ::004:: แผ่นรองพานท้ายก็เป็นพลาสติคแข็งเดิมๆครับ ซื้อยางรองมาแล้วแต่ไม่ใส่(ถีบไม่ว่ากลัวไม่สวยอย่างเดียวครับ ::008::)
                       ผมนึกออกแล้วครับทำไมเพื่อนๆถึงใช้คำว่าถีบขี้ข้า เขาคงหมายถึงเท้าที่โตๆและเรี่ยวแรงมากเพราะทำงานหนักนั่นเอง แรงถีบแรงเตะจึงมาก(เท้าผู้ดีก็คงจะเล็กๆ เรียวแรงก็ไม่ค่อยมี ถึงได้ถีบเบานะครับ) ผมนอกเรื่องมามากแล้ว เดี๋ยวถูกไล่ไปหน้าทดสอบปืนเสียเปล่าๆ ขอกลับมาอ่านภาพยนต์สงครามและยุทธวิธีต่อดีกว่า กราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งครับที่มาให้ความรู้บวกความเพลิดเพลิน ::014:: ::014:: ::014::
                    หลังจากพิมพ์ข้อความข้างบนแล้วจึงเพิ่งเห็นว่าท่านรพินทรนาถได้กรุณาอธิบายเรื่องปืนกล93ไว้แล้ว กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ ::014::  ลำกล้องของกระบอกนี้ใช่ไหมครับที่ทำเป็นปืนซุ่มยิงที่ลงใน อวป.เมื่อเร็วๆนี้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 07, 2010, 12:07:30 AM
                      ผมตามท่านรพินทรนาถเข้าไปใน Wiki มานิดนึงครับ ภาษาประกิดของผมแย่เอามากๆเลยอ่านได้ช้าแถมเดาผิดบ่อยๆ  ประวัติของปืนกลหนัก  M2 เขายิ่งใหญ่และน่าสนใจมากจริงๆครับ กราบขอบพระคุณท่านรพินทรนาถที่นำทางให้ครับ ::014::
                      ผมเห็นมีข้อความในWikiบอกว่า ปืนกระบอกนี้มีชื่อเล่นว่า Ma Deuce ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไรครับ ท่านรพินทรนาถพอจะทราบบ้างไหมครับ (Ma ผมเดาว่าคือ แม่ ส่วน Deuce ผมเปิดพจนานุกรมดูเขาพูดถึงแต้มบนไพ่ กับแต้ม 40 เวลาเล่นเทนนิส ผมเดาไม่ออกครับ) เดี๋ยวดึกๆจะเข้าไปดูกระบอกอื่นๆในWiki ตามที่ท่านรพินทรนาถปักป้ายไว้อีกครับ(การบ้านผมเยอะขึ้นทุกวัน)   แถมอีกนิดครับ เรื่องชื่อเล่นของปืนฝรั่งเขาก็ช่างตั้งนะครับ  ที่ผมเคยได้ยินก็มี Grease Gun ที่เขาเรียกปืนกลมือ M-3 (เหมือนกระบอกอัดจาระบีจริงด้วยครับ) ปืนกลมือทอมสันก็เรียกทอมมี่ (ตามแบบการเรียกชื่อเล่นของคนฝรั่งใช่ไหมครับ) คงยังมีอีกเยอะนะครับ  (ไทยเราก็มี อีโบ๊ะ อีเดี่ยว เหมือนกัน)  ผมขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมวงสนทนาและให้ความรู้ครับ ::014:: ::014::
                     


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 07, 2010, 03:59:12 AM
M2HB กระบอกนี้ ปรับเป็นยิงเซมิ-ออโตได้นะครับ ..........

ของคุณมากครับพี่

....แสดงว่าที่ คาร์ลอส ฮิชคอก เอาไปติดกล้องยิงระยะไกลคงปรับยิงเซมิ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 07, 2010, 09:04:16 AM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ จนเครื่อง Catarena ไปเก็บขึ้นมา

ถูกยิงตกที่ Chichi-jima และลอยอยู่บนแพ 4 ชั่วโมง ก่อนที่เรือดำน้ำสหรัฐ USS Finback (SS-230) จะมารับครับ

ขอบคุณมากครับ .............

อามะขิ่นครับ ทำไมอังกฤษถึงยังไม่ใช้ปืนที่เป็น self-loading rifle ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังใช้ปืนลูกเลื่อนอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 07, 2010, 03:54:26 PM
M2HB กระบอกนี้ ปรับเป็นยิงเซมิ-ออโตได้นะครับ ..........
เรียนอามะขิ่นครับ  ::014::

ไม่ทราบว่าเวลาปรับโหมดการยิงของปืนกล 93 มันปรับตรงไหน อย่างไรหรือครับ แล้วปืนกล 93 เวลาบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงใช้วิธีดันกระสุนจากสายกระสุนไปข้างหน้าหรือว่าดึงมาข้างหลังครับ

ผมขอรบกวนเพียงเท่านี้และขอขอบพระคุณมาล่วงหน้าด้่วยครับ  ::014::

สายกระสุนของ ปก.93 เป็นแบบดึงถอยหลังครับ ..................

จังหวะที่ลูกเลื่อนถอย...........ลูกเลื่อนปืน มีขอเกี่ยวกระสุนทำหน้าที่ดึงกระสุนออกจากสายด้วยการเกี่ยวที่ร่องจานท้าย  เมื่อดึงออกมาแล้ว พอลูกเลื่อนถอยหลังจนสุด........จานท้ายกระสุนจะเข้าร่องหน้าลูกเลื่อน(ลักษณะเป็นร่องทางดิ่ง) และไหลลงทางดิ่งไปอยู่ด้านล่างของหน้าลูกเลื่อน......................ก็เข้าไปจับจานท้ายกระสุนนัดต่อไปที่สายกระสุน(สายกระสุนเลื่อนเข้ามา โดยคันเลื่อนสายกระสุนทำหน้าที่เลื่อนสายกระสุนให้กระสุนนัดต่อไปมารออยู่ พร้อมกับผลักข้อสายกระสุนของนัดแรก เลื่อนออกไปทางด้านข้าง..............

จังหวะลูกเลื่อนปิด.............. ลูกเลื่อนจะเดินหน้าจนสุด นำกระสุนเข้ารังเพลิง พร้อมกับขอเกี่ยวกระสุนด้านบน ก็เข้าไปจับจานท้ายกระสุนนัดต่อไป ในจังหวะนี้ถ้ายังกดไกปีกผีเสื้ออยู่ เข็มแทงชนวนจะตอกจานท้ายทันที่ที่ลูกเลื่อนขัดกลอนเสร็จ ปืนจะยิงออกไปในจังหวะออโต ลูกเลื่อนจะลากปลอกกระสุนออกมาพร้อมกับขอเกี่ยวด้านบนลากกระสุนนัดใหม่ออกมาจากสายกระสุน(Link) ปลอกกระสุนจะเลื่อนลงไปตามร่องหน้าลูกเลื่อน ตกออกไปด้านล่างใต้โครงปืน เข้าวงรอบลูกเลื่อนถอย......................ถ้าไม่กดไก นี่คือการบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงพร้อมยิง......................

ที่กล่าวมา ................เป็นวงรอบการยิงออโต

หากจะยิงเซมิ-ออโต ใน ปก.93 .......................ที่ท้ายปืน บริเวณกึ่งกลางใต้ไกปีกผีเสื้อ(บนแกนตามรูป) จะมีกระเดื่องค้างลูกเลื่อนอยู่.................กระเดื่องตัวนี้ ทำหน้าที่สำหรับการค้างลูกเลื่อน และเป็นตัวกลไกสำหรับปรับการยิงให้เป็นออโตและ เซมิ-ออโต โดยหากต้องการให้ลูกเลื่อนค้างเมื่อถอยหลัง ก็ปล่อยให้กระเดื่องตัวนี้อยู่ในตำแหน่งบน(ลอยตัว) ดึงลูกเลื่อนมาทุกครั้งลูกเลื่อนจะค้าง ถ้าจะปิดลูกเลื่อนให้วิ่งไปข้างหน้า ต้องกดกระเดื่องตัวนี้ลง...............

ซึ่งหากต้องการยิงออโต ...............บริเวณแกนใต้กระเดื่องจะมีขอเกี่ยวกระเดื่องตัวนี้อยู่ ................ให้กดกระเดือ่งตัวนี้ให้ยุบตัวลงล่าง แล้วบิดขอเกี่ยวนี้ คล้องกระเดื่องให้ยุบตัวค้างไว้ .................ปืนจะทำการยิงแบบออโต เมื่อโหลดกระสุนแล้วกดไปปีกผีเสื้อ

หากต้องการยิงแบบเซมิ-ออโต .................เมื่อโหลดกระสุนเข้ารังเพลิงแล้ว ให้ปล่อยกระเดื่องนี้ไว้เป็นอิสระ ลอยตัวอยู่ในตำแหน่งบน  ...............เมื่อกดไกปีกผีเสื้อ กระสุนจะลั่นออกไป ลูกเลื่อนจะถอยหลัง คัดปลอกและดึงกระสุนนัดใหม่ออกมา .............แล้วจะค้างอยู่(เนื่องจากเราปล่อยให้กระเดื่องนี้ลอนตัวขัดลูกเลื่อนอยู่)....................ก็กดกระเดื่องปล่อยลูกเลื่อนให้โหลดกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง.................แล้วกดไปยิงนัดต่อไป .................เรียกว่า กดไกยิง 1 นัด แล้วกดกระเดื่องป้อนกระสุนใหม่เข้ารังเพลิง แล้วกดไกยิงนัดต่อไปทีละนัดๆ ..................ทำแบบนี้ไปทุกๆนัด...............ปืนจะยิงออกไปแบบทีละนัด................

จังหวะยิงทีละนัดนี้ ..................ใช้สำหรับการยิงปรับระยะ ใช้สำหรับตั้งศูนย์ เพื่อหาตำบลกระสุนตก ในการวางเขตการยิงของ ปก.93 .................ในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม มีทหารสหรัฐ ใช้กล้องเล็งไรเฟิล มาดัดแปลงติด ปก.93 ใช้ยิงทีละนัดแบบสไนเปอร์ จนได้ผล..................แล้วกลายเป็นการริเริ่มคิดค้นและออกแบบใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงขนาด .50 มาจนถึงปัจจุบัน



อามะขิ่นครับ ทำไมอังกฤษถึงยังไม่ใช้ปืนที่เป็น self-loading rifle ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังใช้ปืนลูกเลื่อนอยู่ครับ

อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ ................. คงคิดกันไม่ทัน สงครามก็เริ่มแล้วกระมังครับ

ปล.ถ้าเรียกผมว่าอา ผมจะไม่ตอบอีกนะครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 07, 2010, 04:08:20 PM
ในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม มีทหารสหรัฐ ใช้กล้องเล็งไรเฟิล มาดัดแปลงติด ปก.93 ใช้ยิงทีละนัดแบบสไนเปอร์
สนับสนุนรูปครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ กันยายน 07, 2010, 04:25:06 PM
ในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม มีทหารสหรัฐ ใช้กล้องเล็งไรเฟิล มาดัดแปลงติด ปก.93 ใช้ยิงทีละนัดแบบสไนเปอร์
สนับสนุนรูปครับ


พี่ JOYHUNTER ครับปืนตัวนี้หากไม่มีกระสุนขึ้นลำไม่ได้หรือครับ เพราะผมเคยขึ้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ทหารเรือเขาลองขึ้นลำให้ดู แต่พอลั่นไกมันไม่ลั่นหรือว่าเขาไม่ได้ปลดห้ามไก (แล้วมันมีห้ามไกไหม..งงจัง) ::003:: ::003::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 07, 2010, 04:28:39 PM
ในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม มีทหารสหรัฐ ใช้กล้องเล็งไรเฟิล มาดัดแปลงติด ปก.93 ใช้ยิงทีละนัดแบบสไนเปอร์
สนับสนุนรูปครับ


พี่ JOYHUNTER ครับปืนตัวนี้หากไม่มีกระสุนขึ้นลำไม่ได้หรือครับ เพราะผมเคยขึ้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ทหารเรือเขาลองขึ้นลำให้ดู แต่พอลั่นไกมันไม่ลั่นหรือว่าเขาไม่ได้ปลดห้ามไก (แล้วมันมีห้ามไกไหม..งงจัง) ::003:: ::003::
ต้องรออามะขิ่นครับ ผมแค่พลทหารแบกปืนครับ ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 07, 2010, 04:34:27 PM
 ;D

Browning M2 .50 Animation (http://www.youtube.com/watch?v=bb4GWulXVxg#)



Barrett 50cal and Browning 50 cal operating (http://www.youtube.com/watch?v=hmD1w6133Og#)



M2HB (http://www.youtube.com/watch?v=-wpzyeuebbw#)



M2 .50 BMG Piedmont 06/14/2008 (http://www.youtube.com/watch?v=Y47lYJsSumM#)





หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ กันยายน 07, 2010, 04:37:44 PM
ในประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม มีทหารสหรัฐ ใช้กล้องเล็งไรเฟิล มาดัดแปลงติด ปก.93 ใช้ยิงทีละนัดแบบสไนเปอร์
สนับสนุนรูปครับ


พี่ JOYHUNTER ครับปืนตัวนี้หากไม่มีกระสุนขึ้นลำไม่ได้หรือครับ เพราะผมเคยขึ้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ทหารเรือเขาลองขึ้นลำให้ดู แต่พอลั่นไกมันไม่ลั่นหรือว่าเขาไม่ได้ปลดห้ามไก (แล้วมันมีห้ามไกไหม..งงจัง) ::003:: ::003::
ต้องรออามะขิ่นครับ ผมแค่พลทหารแบกปืนครับ ::005::

ได้ครับพี่...ผมรองพลทหารล้างหม้อล้างชามกับเติมลมล้อรถถังครับ :~) :~)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 07, 2010, 04:42:04 PM
ปก.93 ไม่มีห้ามไกครับ .................

แต่ถ้าจะให้ปืนปลอดภัย ขณะที่บรรจุกระสุนอยู่ ใช้การปลดล็อคกระเดื่องค้างลูกเลื่อน ให้ลูกเลื่อนแขวนค้างไว้ ..............ในขณะที่มีกระสุนรออยู่ในร่องหน้าลูกเลื่อน

เมื่อจะทำการยิงก็กดกระเดื่องค้างลูกเลื่อน(แล้วเกี่ยวให้ยุบตัวไว้) ................... ลูกเลื่อนจะเดินหน้าบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงแล้งกดไกยิงได้เลย ..............


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 07, 2010, 06:07:21 PM
                      ผมตามท่านรพินทรนาถเข้าไปใน Wiki มานิดนึงครับ ภาษาประกิดของผมแย่เอามากๆเลยอ่านได้ช้าแถมเดาผิดบ่อยๆ  ประวัติของปืนกลหนัก  M2 เขายิ่งใหญ่และน่าสนใจมากจริงๆครับ กราบขอบพระคุณท่านรพินทรนาถที่นำทางให้ครับ ::014::
                      ผมเห็นมีข้อความในWikiบอกว่า ปืนกระบอกนี้มีชื่อเล่นว่า Ma Deuce ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไรครับ ท่านรพินทรนาถพอจะทราบบ้างไหมครับ (Ma ผมเดาว่าคือ แม่ ส่วน Deuce ผมเปิดพจนานุกรมดูเขาพูดถึงแต้มบนไพ่ กับแต้ม 40 เวลาเล่นเทนนิส ผมเดาไม่ออกครับ) เดี๋ยวดึกๆจะเข้าไปดูกระบอกอื่นๆในWiki ตามที่ท่านรพินทรนาถปักป้ายไว้อีกครับ(การบ้านผมเยอะขึ้นทุกวัน)   แถมอีกนิดครับ เรื่องชื่อเล่นของปืนฝรั่งเขาก็ช่างตั้งนะครับ  ที่ผมเคยได้ยินก็มี Grease Gun ที่เขาเรียกปืนกลมือ M-3 (เหมือนกระบอกอัดจาระบีจริงด้วยครับ) ปืนกลมือทอมสันก็เรียกทอมมี่ (ตามแบบการเรียกชื่อเล่นของคนฝรั่งใช่ไหมครับ) คงยังมีอีกเยอะนะครับ  (ไทยเราก็มี อีโบ๊ะ อีเดี่ยว เหมือนกัน)  ผมขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมวงสนทนาและให้ความรู้ครับ ::014:: ::014::
                     
Ma Deuce มันเป็นคำสแลงของพวกมะกันมันครับ ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันแปลว่าอะไร :D

ส่วนชื่อเล่นของปืนแต่ละชนิด บางทีก็เป็นการเรียกเพื่อความขำขันแก้เครียด  ;D บางทีก็ใช้เรียกแทนชื่อทางการของปืนรุ่นนั้นด้วย โดยเรียกจากรูปลักษณ์หรือคุณสมบัติของปืนนั่นเองครับ   ;) 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 07, 2010, 06:51:59 PM
ปธน.บุชผู้พ่อ เป็นนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด/ตอร์ปิโด รุ่น Avenger ครับ ................ ตั้งชื่อเครื่องว่า "บาบาร่า" ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา แม่ของบุชคนลูก(ตอนนั้น เป็นแฟนกันอยู่) ............

ผมจำไม่ได้ว่าบุชผู้พ่อถูกญี่ปุ่นยิงตกที่ไหน? แต่ ............... โดนยิงตกแล้วลอยคอ จนเครื่อง Catarena ไปเก็บขึ้นมา

ถูกยิงตกที่ Chichi-jima และลอยอยู่บนแพ 4 ชั่วโมง ก่อนที่เรือดำน้ำสหรัฐ USS Finback (SS-230) จะมารับครับ

ขอบคุณมากครับ .............

อามะขิ่นครับ ทำไมอังกฤษถึงยังไม่ใช้ปืนที่เป็น self-loading rifle ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังใช้ปืนลูกเลื่อนอยู่ครับ

จนจบสงครามเกาหลีปี ๑๙๕๓ ทหารราบอังกฤษยังใช้ปืนลูกเลื่อนเป็นปืนเล็กยาวประจำกายอยู่เลยครับ

...ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ผมว่าเป็นเพราะนโยบายสันตินิยมของอังกฤษ โดยอังกฤษหลงเชื่อโฆษณาของตนเองว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งคือสงครามที่ยุติสงครามทั้งปวง เมื่อตนชนะสงคราม ความเชื่อเช่นนี้ยิ่งเน้นย้ำความยิ่งใหญ่ในชัยชนะของตนเข้าไปใหญ่ และสร้างความชอบธรรมของการปฏิบัติต่อข้าศึก ในเรื่อง สนธิสัญญา ฯลฯ อีกด้วย ดังนั้นจึงหลอกตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่า จะไม่มีสงครามใหญ่กันอีกแล้ว

เห็นชัดในด้านการเมืองที่นายก เนวิล เชมเบอร์เลน บินไปมิวนิกประเคนซูเดเตนให้ฮิตเล่อร์ พอกลับมาถึงอังกฤษประกาศที่สนามบินว่า "ผมกลับมาจากเยอรมันพร้อมกับสันติภาพในยุคของเรา" “I have returned from Germany with peace in our time” และการนิ่งเฉยต่อการละเมิดสัญญสแวร์ซาย์ของเยอรมันในทุกเรื่อง

การเตรียมพร้อมด้านอาวุธของอังกฤษจึงน้อยมากๆ ในทุกเรื่อง รถถังก็ไม่ค่อยพัฒนา เครื่องบินใหม่ๆ มีต้นแบบขึ้นมาใช้ได้แต่ก็ผลิตช้าอย่างเหลือทน

จนมีการวเคราะห์ว่าที่อังกฤษยอมฮิตเล่อร์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งบุโปแลนด์จึงค่อยรบนั้น ให้ผลจริงดีกว่ามากโดยไม่รู้ตัว เพราะถ้าแข็งกับเยอรมันแล้วรบก่อนหน้านี้อังกฤษจะไม่มีอาวุธสู้กับเยอรมัน

ปืนเล็กยาวก็ยังใช้ลูกเลื่อนอยู่อย่างนั้น ซึ่งว่าไปแล้วอังกฤษคงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ประเทศอื่นอย่างเยอรมันซึ่งเป็นคู่ปรับยังใช้ลูกเลื่อนเหมือนกัน ของอังกฤษแมกบรรจุได้มากกว่าตั้งเท่าตัว ฮา

,,,หลังสงคราม อังกฤษชนะสงครามมาได้แบบรอดตาย เศรษฐกิจน่ำแย่ ความเป็นอยู่ของประชาชนแร้นแค้นพอควร ต้องซ่อมบ้านเมือง และปันส่วนอาหารทั้งประเทศต่อมาอีกหลายปี เลยยังไม่มีแรงจะไปคิดเปลี่ยนแบบปืนเล็กยาวครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 07, 2010, 07:22:01 PM
                      ผมตามท่านรพินทรนาถเข้าไปใน Wiki มานิดนึงครับ ภาษาประกิดของผมแย่เอามากๆเลยอ่านได้ช้าแถมเดาผิดบ่อยๆ  ประวัติของปืนกลหนัก  M2 เขายิ่งใหญ่และน่าสนใจมากจริงๆครับ กราบขอบพระคุณท่านรพินทรนาถที่นำทางให้ครับ ::014::
                      ผมเห็นมีข้อความในWikiบอกว่า ปืนกระบอกนี้มีชื่อเล่นว่า Ma Deuce ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไรครับ ท่านรพินทรนาถพอจะทราบบ้างไหมครับ (Ma ผมเดาว่าคือ แม่ ส่วน Deuce ผมเปิดพจนานุกรมดูเขาพูดถึงแต้มบนไพ่ กับแต้ม 40 เวลาเล่นเทนนิส ผมเดาไม่ออกครับ) เดี๋ยวดึกๆจะเข้าไปดูกระบอกอื่นๆในWiki ตามที่ท่านรพินทรนาถปักป้ายไว้อีกครับ(การบ้านผมเยอะขึ้นทุกวัน)   แถมอีกนิดครับ เรื่องชื่อเล่นของปืนฝรั่งเขาก็ช่างตั้งนะครับ  ที่ผมเคยได้ยินก็มี Grease Gun ที่เขาเรียกปืนกลมือ M-3 (เหมือนกระบอกอัดจาระบีจริงด้วยครับ) ปืนกลมือทอมสันก็เรียกทอมมี่ (ตามแบบการเรียกชื่อเล่นของคนฝรั่งใช่ไหมครับ) คงยังมีอีกเยอะนะครับ  (ไทยเราก็มี อีโบ๊ะ อีเดี่ยว เหมือนกัน)  ผมขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมวงสนทนาและให้ความรู้ครับ ::014:: ::014::
                     
Ma Deuce มันเป็นคำสแลงของพวกมะกันมันครับ ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันแปลว่าอะไร :D

ส่วนชื่อเล่นของปืนแต่ละชนิด บางทีก็เป็นการเรียกเพื่อความขำขันแก้เครียด  ;D บางทีก็ใช้เรียกแทนชื่อทางการของปืนรุ่นนั้นด้วย โดยเรียกจากรูปลักษณ์หรือคุณสมบัติของปืนนั่นเองครับ   ;) 
                 ::014::  กราบขอบพระคุณท่านรพินทรนาถมากครับ  ::014::  ท่านดอนด้วยครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: kaittisak291 ที่ กันยายน 07, 2010, 08:53:27 PM
 ::014:: ดูตั้งแต่กระทู้หน้าที่ 50 ย้อนหลังไปถึงกระทู้หน้าแรก เยี่ยมมากๆ ครับ ::002::..หลายๆ เรื่องมีแผ่นเก็บไว้.. ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 07, 2010, 09:13:31 PM
ขอบคุณครับพี่ต๊อกกับพี่มะขิ่น

แหะๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 09, 2010, 01:14:04 AM
                ปืนไรเฟิลของทหารอังกฤษ เป็นปืนลีเอนด์ฟิน ขนาด .303  และของเยอรมันเป็นเมาเซอร์ ใช่ไหมครับ บรรจุได้กระบอกละกี่นัดครับ  และก็ปืนกลมือของเยอรมันอีก(ชื่อคล้ายๆเครื่องบินขับไล่เมสเซอร์ชมิดน่ะครับ) ผมเห็นในหนังบ่อยมาก ทหารเยอรมันยิงแม่นทุกเรื่องใช้สายสะพายช่วยยิงจากระดับเอวถูกทุกที  ขอบพระคุณมากครับ
                 ถ้าท่านใดมีเวลาผมขอความกรุณาเล่าเรื่องแก็สพิษที่ใช้ในสงครามบ้างนะครับ ผมได้ยินว่ามันโหดเหลือหลายจนต้องห้ามใช้ (ผมเคยได้ยินคำว่ามัสตาดแก็ส ไม่ทราบว่าเป็นแก็สพิษหรือเปล่าครับ)  ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 07:07:29 AM
ขอตอยสั้นๆ ก่อนครับ วันนี้เนตผมเจ๊งๆ

ปืนกลมือ MP38/ MP40 เรียกว่า ชไมเชอร์

ครับ Lee Enfield แมกกาซีนบรรจุ ๑๐ นัดครับ แต่ใช้คลิปช่วยบรรจุคลิปละ ๕ นัด

Mauser 98K แมกกาซีนบรรจุ ๕ นัดครับคลิปกระสุนช่วยบรรจุ ๕ นัด

สงครามโลกครั้งที่สองไม่ได้ตกลงห้ามใช้แกสกันครับ มีเตรียมกันไว้ทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ใช้กันเอง ที่จริงไม่ค่อยมีใครอยากใช้กัน โดยเฉพาะที่ยุคนั้นการโจมตีทางอากาศถึงเมืองใหญ่ทำได้มากกว่า ถ้าใช้กันพลเรือนจะลำบากมาก และเชื่อกันว่าฮิตเล่อร์ไม่ใช้เพราะตัวเองเคยโดนตอนรบสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ก็มีการเตรียมให้ประชาชนรู้จักใช้ และพกพาหน้ากากติดตัว เช่น อังกฤษตั้งแต่เริ่มโดนบอร์ม เคยเห็นมีคลิปภาพยนต์คนอังกฤษเต้นรำกันใส่หน้ากากไปด้วย ควรเป็นการจัดฉากแต่ก็แสดงอะไรได้หลายอย่าง ช่วงนั้นอังกฤษพยายามใช้ชีวิตเหมือนปรกติ ด้วยความทรนงภายใต้การโจมตีทางอากาศ มีเหตุการณ์แบบว่า คนเต้นรำกันแล้วมีเครื่องบินที่เสียหายตกทะลุหลังคาแดนซ์ฮอลลงมา

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายมาก เริ่มด้วยการเปิดถังปล่อยให้ลอยตามลม จนถึงบรรจุในกระสุนปืนใหญ่ เร็วๆ นี้เพิ่งอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งว่าช่วงปลายสงครามผลิตกระสุนแบบนี้ในสัดส่วนที่สูง แต่ที่จริงหทารส่วนมากมีหน้ากากป้องกันทั้งนั้น ทำให้เสียชีวิตจากแกสในสัดส่วนที่ต่ำ อย่างไรก็ตามแกสพวกนี้หนักกว่าอากาศ จึงลอยลงไปในหลุมเพลาะต่างๆ ทหารที่ไม่มีหน้ากาก หรือทนอยู่ไม่ไหวอาจหนีขึ้นมาข้างบนทำให้ถูกอาวุธอื่นเสียชีวิตได้ เป็นผลทางอ้อมของแกส

ผลจากการใช้แกสในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอีกเรื่องคือ ฝรั่งเลิกแฟชั่นหนวดเครา เพราะต้องโกนหนวดเคราให้เกลี้ยงถึงจะใส่หน้ากากกันแกสได้กระชับ ลองสังเกตดูสิครับ แฟชั้นหนวดเคราเลิกไปช่วงนั้นในประเทศหลักๆ ที่ร่วมสงคราม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 09, 2010, 07:57:02 AM
ติดตามอ่านอย่างไม่ลดละครับ... แฮ่ๆ...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 09, 2010, 08:38:24 AM
                         ขอบพระคุณครับท่านDon ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 05:57:35 PM
ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ทั้งสองฝ่ายทดลองเตรียมแกสกันทั้งคู่ แต่เยอรมันใช้ก่อน ตอนแรกก็แค่เปิดถังจากสนามเพบาแนวหน้าสุดเมื่อลมดีพัดไปหาข้าศึกครับ ต่อมาก็ให้บรรจุในกระสุนปืนใหญ่

ปี ๑๙๑๖ สัดส่วนการผลิตกระสุนแกสแค่ ๑% ของกระสุนทั้งหมด จนในปีสุดท้าย ๑๙๑๘ สูงถึง ๓๐% แต่สัดส่วนของทหารที่ตายด้วยแกสแค่ ๓%

ตอนแรกใช้แค่แกส ไฮโดรคลอไรด์ (ผลิตจากเอาไฟฟ้าผ่านน้ำเกลือ) ต่อมาใช้แกสแรงขึ้น เช่น มัสตาด และ phosgene ครับ

หน้ากากกันแกสสมันสงครามโลกมีทั้งแบบกรองอากาศ และแบบใช้อากาศหมุนเวียน (จะเห็นเป็นถังต่อจากท่อหายใจ) พวกแบบใช้อากาศหมุนเวียนนี้ปิดสนิท มีแค่สารเอาไว้ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ คนใส่ก็ต้องใช้อกากศแค่ในหน้ากาก นานๆ ไปออกซิเจนหมด อาจทนไม่ไหวต้องวิ่งขึ้นที่สูงหาที่ถอดหน้ากากจนถูกอาวุธชนิดอื่นได้ดังกล่าว

ฮิลเล่อร์เป็นพลนำสาร โดยแกสเข้าไปช่วงปลายสงคราม ตามองไม่เห็นไปนานพอควร วันที่เยอรมันยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ ๑ ฮิตเล่อร์ก็แอ้งแม้งอยู่บนเตียง รพ.ครับ

------

ทหารอังกฤษฝึกยิงปืนเล็กยาวมาเร็วดีมาก ต้นสงครามโลกทางแนว เวลาอังกฤษระดมยิง เยอรมันคิดว่าโดนปืนกลทั้งที่จริงๆ ไม่มี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 09, 2010, 07:32:28 PM

ทหารอังกฤษฝึกยิงปืนเล็กยาวมาเร็วดีมาก ต้นสงครามโลกทางแนว เวลาอังกฤษระดมยิง เยอรมันคิดว่าโดนปืนกลทั้งที่จริงๆ ไม่มี

ที่เรียกกันว่ายิงแบบวอลเลย์ หรือเปล่าครับพี่ต๊อก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 09, 2010, 08:21:13 PM
                       ไม่ทราบเป็นเพราะแก็สพิษหรือเปล่านะครับฮิตเลอร์ถึงได้เป็นอย่างนี้  (คิดเล่นๆน่ะครับ)  ::005::
                       ท่านJokeทำเอาผมเปิดดิกชันนารีเสียมือหงิกกว่าจะหาเจอคำว่ายิงแบบวอลเลย์(Volley=การยิงพร้อมกัน,การระดมยิงติดต่อกันเป็นชุด) ตอนแรกว่าจะเอาทางลัดถามท่านJoke เพราะคิดว่าคำนี้มีที่มาจากวอลเลย์บอล ก็กลัวท่านJokeจะหาว่าขี้เกียจ เลยลองเปิดDictดู เขาแปลไว้ตรงๆเลยครับ  ขอบพระคุณท่านDonและท่านJokeมากครับที่ช่วยเพิ่มเติมความรู้  ::014::
                       ผมรบกวนถามเรื่องเรือรบโบราณหน่อยนะครับ รุ่นที่ใช้ใบและมีปืนใหญ่ที่บรรจุกระสุนทางปากกระบอกโผล่มาเป็นแถวน่ะครับ เวลาจะบรรจุกระสุนเขาทำอย่างไรครับเพราะปากกระบอกมันยื่นออกมานอกช่องยิงอย่างนั้น  ตอนแรกว่าจะไปถามในหัวข้อเรือรบแต่ผมเห็นว่าพอจะกล้อมแกล้มไปกับหนังสงครามได้ก็เลยหมกเม็ดมาเสียเลย ขอบพระคุณครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 11:27:18 PM
ครับคุณโจ๊ก

Volley ใช้กับปืนเล็ก ส่วน Bombard ใช้กับปืนใหญ่เพราะเน้นความหมายยิงทำลาย

ในยุคปืนบรรจุปากยุคแรกๆ ศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ยังใช้คำว่า Bombard เป็นนำนามหมายถึงปืนใหญ่ที่ใช้ยิงทำลายที่มั่นเป็นหลักด้วย สมัยนั้นปืนใหญ่เทอะทะ หนาหนักมาก เพราะโลหะศาสตร์สำหรับปืนยังไม่ก้าวหน้านัก ต้องทำเผื่อให้หนาไว้ก่อน จึงไม่ได้ใช้ทางยุทธวิธี ลากกระบอกใหญ่ๆ มาตั้งอยู่กับที่ยิงทำลายป้อม/ ประตูป้อม ฯลฯ

ตอนที่พวกเติร์กตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกปี ๑๕๔๓ ก็ใช้ปืน บอร์มบาด พวกนี้ยิงทำลายป้อม/ กำแพง ประกอบกับการโจมตีด้วยทหารราบ

ต่อมา นน. รวมของปืนใหญ่เบาขึ้นมากเลยเอาปืนใหญ่ติดล้อใหญ่ แต่ นน.เบา ใช้ม้าลากวิ่งไปตั้งยิงสนับสนึนทางยุทธวิธีตามจุดต่างๆ อย่างยุคต่อมา อย่างที่นโปเลียนเก่งมาก

 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 11:40:56 PM
ปืนเรือยุคนั้นติดกับเรือรบด้วยระบบลูกรอกครับ สามารถดึงเชือกเลือนไปหน้า/ ถอยหลังได้

ที่จริงเวลายิงแรงสะท้อนก็ดันปืนถอยกลับแล้วครับ พลปืนก็ต้องดึงให้เข้าถอยตำแหน่งบรรจุใหม่

๑. ใช้ไม้หัวผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดในลำกล้อง เพื่อดับไฟจากดินปืนที่อาจเหลืออยู่ มีงั้นบรรจุถุงดินปืนใหม่เข้าไปจะติดไฟทันที ผ้าพอหมดถูกลำกล้องร้อนๆ จะแห้งเอง

๒. บรรจุถุงดินปืน กระทุ้งเข้าไปให้แน่น รังเพลิงปืนใหญ่พวกนี้เล็กกว่าขนาดลำกล้องครับ

๓. บรรจุหมอนรอง และกระสุนแบบต่างๆ ตามต้องการ ลูกโดด ห่อลูกปราย ลูกตุ้ม ๒-๓ ลูก ยิงตัดเสากระโดง ฯลฯ อัดให้แน่น

๔. เติมดินหัวเชื้อในชุดคาบศิลา ปืนพวกนี้ใช้การจุดชนวนแบบชุดคาบศิลาเหมือนปืนเล็ก ใช้เชือกดึงไก แน่นอนดีกว่าเอาไฟจี้ที่ช่องนมหนู ผมเคยโพสรูปชุดลั่นไกไว้ที่หัวข้อนำเที่ยวสเปนฯ ในห้องภาพ ประมาณเดือนกันยาปีที่แล้วครับ

๕. ดึงเชือกลากปืนเข้าประจำที่

๖. ยิงตามต้องการ

ถ้าเป็นปืนขนาดใหญ่ๆ เช่นขนาด ๒๔ ปอนด์ ขึ้นไป (คือปืนขนาดที่ลูกโดหนัก ๒๔ ปอนด์ สมัยนั้นชอบเรียกขนาดปืนตาม นน. ลูกโดด) ใช้พลประจำปืน ๖ คน หรือกว่า ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 11:45:49 PM
มีปัญหาโพสรูปไม่ได้ เดี๋ยวจะโพสรูปภายในชั้นปืนใหญ่ในเรือเพิ่มเติมครับ

สมัยนั้นจะเห็นว่ามีปืนใหญ่ทั้งสองด้าน ปืนกระบวกตรงกันข้ามกันนี่ใช้พลปืนชุดเดียวกันประจำปืนนะครับ

ดังนั้นถ้าแล่นผ่านข้าศึกทั้งซ้ายขวา จะสามารถยิง Broad side ทั้งสองกราบได้ชุดเดียว เพราะพอแบ่งพลปืนมาดึงเชือกลั่นไกได้ทั้งสองกราบ แต่ถ้าบรรจุใหม่ต้องเลือกเอาว่าจะบรรจุข้างไหน

แต่ที่จริงเวลาแล่นผ่านยิงกันไม่มีปัญหาครับเพราะบรรจุนาน ยังไงก็แล่นเลยไปแล้ว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 09, 2010, 11:57:44 PM
http://www.hampshirecam.co.uk/may2608.html (http://www.hampshirecam.co.uk/may2608.html)

ดูรูปที่นี่เลยครับ เรือ วิกตอรี่ เรือธงของนายพลเรือ เนลสัน ในการรบที่ทราฟัลการ์ ปี ๑๘๐๕ เป้นการรบที่ทำให้กำลังทางทะเลของนโปเลียนหมดประสิทธิภาพไป ฝ่ายฝรั่งเศสมีสเปนซึ่งยังเป็นพันธมิตรกัน (ที่จริงเป็นประเทศลูกคู่) ร่วมขบวนรบด้วย

เรือวิกต่อรี่เสียหายมาก เสากระโดงหักไปเสาครึ่ง เนลสันตายบนดาดฟ้าจากพลแม่นปืนบนหอเสากระโดงเรือฝรั่งเศส

อังกฤาซ่อมแซมเรือใช้ต่อ และเมื่อหมดยุคก็เก้บไว้ที่เมืองปอร์ตมัทให้คนเข้าชม


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 10, 2010, 12:42:23 PM
                             ขอบพระคุณท่านDonมากครับ  ::014::ตอนแรกผมนึกว่าปืนเรือพวกนี้ยึดติดกับแท่นแบบปืนใหญ่ที่หน้ากระทรวงกลาโหมเสียอีก  ขณะทำการรบภายในเรือคงโกลาหลน่าดูนะครับ   เรือวิคตอรี่มีหลายชั้นแบบนี้คงต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากแล้วก็ไหนจะน้ำหนักปืนอีก(คงอุ้ยอ้ายน่าดู) เห็นของพวกนี้แล้วนับถือคนเก่าๆจริงครับ ไม่รู้สร้างกันได้ยังไงเก่งจริงๆ
                              นายพลเรือเนลสันแกมีแขนข้างเดียวใช่ไหมครับ ถ้าใช่แกเสียแขนเพราะอะไรครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 06:24:35 PM
เนลสันเสียแขนขวาในการรบที่ แทเนริฟ ปี ๑๗๙๗ ครับ ก่อนหน้านั้นแกก็ตาบอดจากการรบที่ คอร์ซิก้า ในปี  ๑๗๙๔

ที่จริงแกชื่อเสียงในแวดวงสังคมไม่ดีเท่าไหร่เพราะไปเป็นชู้กับ เลดี้ เอมา แฮมิลตัน ทั้งทีที่ทั้งคู่แต่งงานแล้ว

ว่ากันว่าเพราะชื่อเสียในแวดวงสังคม ทำให้รัฐบาลอังกฤษสร้างอนุสาวรีย์ให้ และตั้งชื่อจัตตุรัสทราฟัลการ์เป็นเกียรติตามชื่อ แหลมใก้ท้องทะเลที่ทำการรบ แต่ทำรูปหล่อเนสสันอยู่บนยอดเสาสูงไม่ค่อยเห็นตัว

ชอบพูดกันว่าที่เนลสันโดนยิงเพราะประดับเหรียญตราเต็มยศล่อเป้ามากไป เหมือนตั้งใจอยากตายในการรบให้ชื่อเสียงดีๆ เลื่องลือ แต่ถ้าดูกันขริงๆ แล้ว สมัยนั้นแม่ทัพ นายทหารทุกคนแต่งตัวเลิศหรูเครื่องเคราเต็มที่ออกรบอกันทั้งนั้น และยังเป็นยุคปืนไม่มีเกลียว ไม่แม่น เน้นการระดมอำนาจการยิงอยู่ ผลของการรบจะขึ้นอยู่กับควาทรงนงกล้าเข้ายิงซึ่งหน้าเข้า ไม่มียุทธวิธีในการพรางตัว หลบหลีกอยู่แล้ว การทำตัวเก่นล่อเป้าเป็นเรื่องธรรมดา

ดังนั้น ผมเองเชื่อว่าเนลสันไม่ได้อยากล่อเป้า หรือมีความคิด เฟตัลลิสติก ท้าทายความตายอะไร แค่เสดงตัวตามควรของแมทัพยุคนั้น

การยิงเนลสันถือเป็นการรบเผชิญหน้าเพราะตอนนั้นเรือฝรั่งเศสเข้ามาเทียบ ทหารมาตะลุมลอนกันบนดาดฟ้าแล้ว

แต่ที่จริง การแอบยิง/ ใช้โอกาสเต็มที่ เหนือไปจากการรบเผชิญหน้านั้นผิดธรรมเนียมของนักรบฝรั่งยุคนั้น เคยมีตัวอย่างว่าประวัติศาสตร์อาจเปลี่ยนได้บ้างอย่างน้อย ๒ เรื่องที่ผมนึกออกตอนนี้

๑. ในสงครมมประกาศอิสรภาพเมกัน มีเมกันขี่ม้ามายืนสังเกตการณ์ภูมิประเทศในระยะยิงของทหารอังกฤษ ทหารอังกฤษถามนายทหารว่าจะให้ยิงคนนี้ไหม? นายทหารอังกฤษบอกว่าไม่ให้ (ลอบ) ยิงเพราะเขาไม่รู้ตัว เมกันคนนั้นคือ จอร์จ วอชิงตัน

๒. ก่อนการรบที่วอเตอร์ลู นโปเลียนขี่ม้าไปสร้างกำลังใจหน้าแนวทหารฝนั่งเศส อยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่อังกฤษ มีทหารอังกฤษถามเวลลิงตัวว่าจะให้ระดมยิงไหม? เวลลิงตันก็ไม่ให้ยิง



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 06:31:35 PM
ปล. ที่วอเตอร์ลู ประวัติศาสตร์คงไม่เปลี่ยนไปนักแต่ทหารจะตายน้อยลงมาก เพราะถ้านโปเลียนโดนยิงเจ็บ หรือเสียชีวิต คนอื่นจะต้องบัญชาการทัพแทน อย่างน้อยก็จะต้องเลื่อนการรบออกไปพอควร ทำให้กองทัพปรุสเซียนที่มาเป็นกำลังหนุนอังกฤษมาถึงเร็ว ฝรั่งเศสควรแพ้เร็วขึ้น คนตายน้อยลงมากครับ แต่อย่างว่า สมัยนั้นถือว่าชนะแบบไร้เกียรติตามที่ยึดถือกัน นั้นรับไม่ได้


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 10, 2010, 06:44:14 PM
อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง The Patriot ครับ(หนังสงครามกลางเมือง USA. - http://www.imdb.com/title/tt0187393/ (http://www.imdb.com/title/tt0187393/))... เมล กิ๊บสันใช้วิธีสงครามกองโจรรบกับทหารอีกฝ่ายนึงฯ, นายสมชายดูแล้วก็ให้นึกว่าสมัยโน้นช่างรักเกียรติกันมากมายเหลือเกิน พากันฆ่าตัวตายด้วยการตั้งแถวยืนซดลูกปืนกันซึ่งหน้าแบบเพื่อนข้างๆล้มลง ฉันก็ไม่สะดุ้งสะเทือน...

(http://aram.free.fr/covers/images/the_patriot.jpg)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 06:46:48 PM
อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง The Patriot ครับ(หนังสงครามกลางเมือง USA. - http://www.imdb.com/title/tt0187393/ (http://www.imdb.com/title/tt0187393/))... เมล กิ๊บสันใช้วิธีสงครามกองโจรรบกับทหารอีกฝ่ายนึงฯ, นายสมชายดูแล้วก็ให้นึกว่าสมัยโน้นช่างรักเกียรติกันมากมายเหลือเกิน พากันฆ่าตัวตายด้วยการตั้งแถวยืนซดลูกปืนกันซึ่งหน้าแบบเพื่อนข้างๆล้มลง ฉันก็ไม่สะดุ้งสะเทือน...

เป็นหนังเรื่องโปรดของผมเรื่องหนึ่งเลยครับ พี่สมชาย อีกเรื่องก็ เบรฟฮาร์ท  ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 06:52:49 PM
การรบในเรือรบสมัยนั้น แน่นอนว่าเละเทะมากๆ ครับ ชั้นปืนใหญ่จะทาสรีแดงทั้งพื้น ผนัง และเพดาน เวลาคนบาดเจ็บ แขนขา ตัว ขายเลือดสาด จะได้ไม่เห็นรอยเลือดชัดมากทำให้เสียขวัญเพิ่ม และต้องมีขี้เลื่อนโรยพื้นซับเลือกจะไม่ได้ลื่นครับ

แนวคิดนี้เป็นที่มาของชุดแดงของทหารอังกฤษเหมือนกัน เวลาบาดเจ็บจะได้ไม่เห็นเลือดตัวเองชัดเจนมากนัก

เรือใบรบในปลายศตวรรษที่ ๑๘- ต้น ๑๙ นั้นถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงสุดของเรือใบรบติดปืนแล้วครับ บางรุ่นมีแผ่นเหล็กประกบกราบเรือเรียกว่า Iron clad เรือพวกนี้เป็นความสมดุลระหว่าง ประสิทธิภาพการแล่นใบ นน. อาวุธ และความสามารถในการท่องทะเลระยะยาว เรือต้องบรรทุกอาหารใด้พอได้สำหรับ ๓ เดือน ฯลฯ

เรือ วิกตอนี่ เป็นเรือใหญ่มากที่สุดลำหนึ่ง ระวางขับน้ำ ๓,๕๐๐ ตัน ความเร็วสูงสุด ๑๕ -๑๘ กม./ ชม. ลูกเรือประมาณ ๘๐๐ คน

ต่อจากยุคเรือใบรบล้วนๆ ประเภทนี้ก็เป็นยุคเรือเครื่องจักรไอน้ำ หรือระบบผสมแล้ว โครงสร้างเป็นเหล็กเพิ่มขึ้นมาก เรือใบพาณิชที่ยังใช้ใบอยู่มีการพัฒนาเป็นเรือแบบที่เรียกว่า Clipper แล่นเร็วมากกว่าเรือใรบอย่างวิกตอรี่ แต่ไม่ได้เป็นเรือรบ บรรทุดอาวุ เรือใบคลิปเปอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดลำหนึ่งคือเรือ คัตตี้ ซาร์ค ที่เอามาเป็นยี่ห้อเหล้า ความเร็วสูบสุดได้ถึง ๓๐ กว่า กม./ ชม. เคยทำสถิติแล่นจาก อังกฤษไปออสเตรเลีย (อ้อมแหลมกู๊ดโฮป ปลายอัฟริกา) ภายใน ๑๑ อาทิตย์

http://en.wikipedia.org/wiki/HMS_Victory (http://en.wikipedia.org/wiki/HMS_Victory)

http://en.wikipedia.org/wiki/Cutty_Sark (http://en.wikipedia.org/wiki/Cutty_Sark)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 06:57:04 PM
ครับพี่สมชาย สมัยนั้นถือปืนทั่วไปที่ลำกล้องเรียบ (ยกเว้นปืนไฮโซที่ทำเป็นไรเฟิล) จะไม่แม่นมากนัก แต่ดูแล้วก็พอๆ กับลูกซองลูกโด จะให้เรามายินแอ่นอกแลกกระสุนลูกโดดกันระยะ ๕๐ หลา นี่ต้องประสาทแข็งมากๆ ครับ

ปล. สงสัยพี่พิพม์ผิดจากสงครามประกาศอิสรภาพ เป็นสงครามกลางเมือง USA ครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 10, 2010, 07:15:35 PM
อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง The Patriot ครับ(หนังสงครามกลางเมือง USA. - http://www.imdb.com/title/tt0187393/ (http://www.imdb.com/title/tt0187393/))... เมล กิ๊บสันใช้วิธีสงครามกองโจรรบกับทหารอีกฝ่ายนึงฯ, นายสมชายดูแล้วก็ให้นึกว่าสมัยโน้นช่างรักเกียรติกันมากมายเหลือเกิน พากันฆ่าตัวตายด้วยการตั้งแถวยืนซดลูกปืนกันซึ่งหน้าแบบเพื่อนข้างๆล้มลง ฉันก็ไม่สะดุ้งสะเทือน...

(http://aram.free.fr/covers/images/the_patriot.jpg)

ผมชอบอีตาผู้การของหน่วยทหารม้าดรากูนครับ มันโหดได้สมบทบาทจริงๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 07:44:42 PM
สำหรับอำนาจการยิงของปืนใหญ่ในขบวนเรือรบ ถ้าเทียบกับการรบทางบกในยุคเดียวกันแล้ว จะเห็นว่าขบวนเรือรบมีอำนาจการยิงของปืนใหญ่สูงกว่ามาก

กองทัพของนโปเลียนที่วอเตอร์ลู ปี ๑๘๑๕ มีจำนวนกว่า ๗๐,๐๐๐ คน มีปืนใหญ่ ๓๖๖ กระบอก ขนาดตั้งแต่ ๖- ๑๒ ปอนด์ (นน. ของลูกโดด) ใช้ทหารประจำปืน ประจำขบวนม้าลาก ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ๙,๐๐๐ คน

ขบวนเรือรบของเนลสันที่ทราฟัลการ์ ๑๘๐๕ มีเรือรบทั้งหมด ๒๗ ลำ มีปืนใหญ่ ๒,๒๓๒ กระบอก ขนาดตั้งแต่ ๑๒- ๖๘ ปอนด์ พลประจำทั้งหมด ๑๔,๐๐๐ คน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กันยายน 10, 2010, 08:09:18 PM
ขอเสริมคุณต๊อก สมัยก่อนมีการใช้ทรายสาดใส่ แนวฐานปืน เพื่อเพิ่มความฝืดขณะปืนรีคอยล์ ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 08:57:05 PM
ขอบคุณครับพี่โทน


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 10, 2010, 09:46:07 PM
                         ขอบพระคุณท่านดอน ท่านสมชาย ท่านอรชุน ท่านโจ๊ก และท่านโทนมากครับ   ::014::
                         ผมดูหนังหลายเรื่อง(ที่มีเรือรบแบบที่กำลังพูดถึงกัน)  สภาพของนายทหารและลูกเรือต่างกันราวฟ้ากับดินเลยนะครับ  พวกลูกเรือมอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำนานเป็นเดือน แต่นายทหารสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า (คงมีข้อจำกัดเรื่องน้ำจืดด้วยนะครับ)  เรื่องความเป็นอยู่และอาหารการกินก็เช่นกัน  (ดูภาพเรือวิคตอรี่ที่ท่านดอนลงไว้ก็ยิ่งเห็นชัดในเรื่องนี้)  หนังบางเรื่องมีลูกเรือทนไม่ไหวก็ก่อการกบฏด้วย  ผมว่านายทหารเหล่านี้ต้องมีบารมีหรือมีลักษณะพิเศษกว่าธรรมดา จึงจะสามารถควบคุมลูกเรือจำนวนมากๆในสภาพนั้นได้นะครับ .


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 10, 2010, 10:10:56 PM
                         ขอบพระคุณท่านดอน ท่านสมชาย ท่านอรชุน ท่านโจ๊ก และท่านโทนมากครับ   ::014::
                         ผมดูหนังหลายเรื่อง(ที่มีเรือรบแบบที่กำลังพูดถึงกัน)  สภาพของนายทหารและลูกเรือต่างกันราวฟ้ากับดินเลยนะครับ  พวกลูกเรือมอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำนานเป็นเดือน แต่นายทหารสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า (คงมีข้อจำกัดเรื่องน้ำจืดด้วยนะครับ)  เรื่องความเป็นอยู่และอาหารการกินก็เช่นกัน  (ดูภาพเรือวิคตอรี่ที่ท่านดอนลงไว้ก็ยิ่งเห็นชัดในเรื่องนี้)  หนังบางเรื่องมีลูกเรือทนไม่ไหวก็ก่อการกบฏด้วย  ผมว่านายทหารเหล่านี้ต้องมีบารมีหรือมีลักษณะพิเศษกว่าธรรมดา จึงจะสามารถควบคุมลูกเรือจำนวนมากๆในสภาพนั้นได้นะครับ .

คงต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ เลยล่ะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 10:47:03 PM
อิ อิ ที่จริงนายทหารก็ไม่อาบน้ำเหมือนกันครับ มอมแต่แต่งตัวสงย ส่วนลูกเรือนั้น เน่าสนิทครับ

สภาพการเป็นอยู่ก็แออัด อาหารก็ห่วย

อาหารคาร์โบฯ จะมาจาก Hardtack คือขนมปังไม่มีเชื้อแน่นๆ อบมาแข็งกระโด๊ก เวลากินต้องละลายน้ำก่อน เนื้อก็เนื้อเค็มปี๋ เพื่อให้เก็บได้นาน ปริมาณก็น้อยมาก ส่วนอาหารสดผักผลไม้นั้นมีน้อยที่สุดและเก็บไม่ได้นาน มีพวกผักดองบ้างไม่มาก ผลกระทบคือชาวเรือจะขาดวิตามินเป็นโรคลักปิดลักเปิด มากเข้า ในที่สุดอาจฟันร่วงหมดปาก

ในนิยายสมบัติพระศุลี กัปตันกู๊ดฟันหลอมีฟันปลอมทั้งชุด นั้นสะท้อนความจริงของชาวเรือยุคนั้นครับ

วินับและอำนาจของกัปตันเรือทั้งพาณิชและเรือรบสูงมาก เพราะสมัยก่อนเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆ เรียกให้ใครช่วยหรือ แค่ติดต่อสื่อสารให้รู้เรื่องก็ไม่ได้

ผู้การเรือรบทำโทษลูกเรือได้ถึงตาย หรือผูกกับเสาเฆี่ยนอย่างหนัก แส้ชาวเรือสมัยนั้นที่น่ากลัวเรียกว่า Cat เป็นแส้หนังหลายชาย ปลายชายแส้ผูกเศษโลหะไว้ เวลาเฆี่ยนหลังคิดเอาเองครับ กัปตันเรือพาณิชก็โหมดพอกัน สมัยนั้นลูกเรือมักป่วย มีอุบัติเหตุตายกันอยู่แล้วเป็นธรรมดา อาจตายจากการลงโทษเกินเหตุไปก็ไม่เป็นเรื่องใหญ่

นายทหาร/ นายในเรือพาณิช กับลูกเรืออยู่คนละส่วนกัน ลูกเรือจะอยู่เคบินใต้ดาดฟ้าหัวเรือ นายทหารจะอยู่ช่วงหลังล๊อกประตู อาคารท้ายเรือจะมีช่องยิงปืน ใช้ยิงกวาดดาดฟ้าเวลาข้าศึกขึ้นเรือได้ และก็ใช้ยิงลูกเรือเวลากบฎได้เหมือนกัน ตามธรรมดาจะไม่แจกปืน/ ดาบให้ลูกเรือจนกว่าจะรบกันจริงๆ ครับ หังการรบก็เก็บอาวุธคืน ลูกเรือมีแค่มีดประจำตัวไว้ใช้กินอาหาร ทำงานเท่านั้น

ในกองทัพเรือ จะห้ามไม่ให้ลูกเรือหาตำแหน่ง ทิศทางการเดินเรือเด็ดขาด เป็นการลดโอกาสคิดกบฎเพราะลูกเรือไม่รู้ว่าอยู่ตำแหน่งไหนในทะเล โทษถึงตายเหมือนกัน

คราวหนึ่ง ลูกเรือในกองเรือรบอังกฤษแอบหาทิศ แล้วพบว่ากองเรือจะแล่นเข้าชนหินโสโครก เลยไปบอกผู้การเรือ ถูกทำโทษแขวนคอตามระเบียบ และผู้การเรือก็ไม่เช่อ แล่นไปทิศเดิม ในที่สุดชนหินโสโครกทั้งกองเรือเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้การเรือเองก็เสียชีวิต

สมัยนั้นความเป็นอยู่ในเรือรบและเรือพาณิชแย่มากขนาดทางการอังกฤษต้องมี Press gang หรือทีมอุ้มกลาสี ไป press หรือตีหัว/ ไล่จับกลาสีตามท่าเรือขึ้นเรือรบไปใช้งาน  


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 10, 2010, 10:56:59 PM
แส้แบบนี้บางทีเรียกว่า "แมวเก้าหาง" เก้าชาย ปลายอาจเป็นขมวดหนังก็ได้ ยังไงก็หวดสยองเนื้อหนังฉีกครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2010, 01:31:07 AM
                         ขอบพระคุณท่านดอน ท่านสมชาย ท่านอรชุน ท่านโจ๊ก และท่านโทนมากครับ   ::014::
                         ผมดูหนังหลายเรื่อง(ที่มีเรือรบแบบที่กำลังพูดถึงกัน)  สภาพของนายทหารและลูกเรือต่างกันราวฟ้ากับดินเลยนะครับ  พวกลูกเรือมอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำนานเป็นเดือน แต่นายทหารสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า (คงมีข้อจำกัดเรื่องน้ำจืดด้วยนะครับ)  เรื่องความเป็นอยู่และอาหารการกินก็เช่นกัน  (ดูภาพเรือวิคตอรี่ที่ท่านดอนลงไว้ก็ยิ่งเห็นชัดในเรื่องนี้)  หนังบางเรื่องมีลูกเรือทนไม่ไหวก็ก่อการกบฏด้วย  ผมว่านายทหารเหล่านี้ต้องมีบารมีหรือมีลักษณะพิเศษกว่าธรรมดา จึงจะสามารถควบคุมลูกเรือจำนวนมากๆในสภาพนั้นได้นะครับ .

พี่youngnoi7474 ลองหาหนังเรื่อง Master And Commander มาดูครับ ครบทุกรสทีเดียว


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2010, 03:22:22 AM
Master And Commander นี่ก็เรื่องโปรดครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 11, 2010, 03:36:37 AM
                       ขอบพระคุณท่านDon  ท่านJoke  ท่านSoap ท่านอรชุน  ท่านสมชาย  และท่านโทน  มากครับที่สู้อุตส่าห์อดนอนมาบอกเล่าเรื่องสนุกๆสู่กันฟัง ::014::
                       ท่านดอนพูดถึงกัปตันฮู๊ดฟันหลอ จากสมบัติพระศุลี  ผมจำได้ครับแกชอบรำพึงว่า โอ..ก๊อด พร้อมกับทำตาเหลือกหาพระเจ้าแล้วทำฟันปลอมหลุดดังหนับ (อีตานี่หรือเปล่าครับที่โกนเคราค้างไว้ซีกเดียวจนคนป่าเห็นเป็นเทพเจ้า)
                       ท่านอรชุน-ท่านSoapครับ หนังเรื่อง Master and Commander นี่ Russell Crowe แสดงนำใช่ไหมครับ ผมจะรีบไปหามาดูโดยด่วน ครบทุกรสแน่ๆนะครับ
                       เรื่อง The Patriot ของท่านสมชายผมก็ชอบครับ  แต่ให้ไปยืนเข้าแถวหน้ากระดานยิงกันแบบนั้นผมขอลดเกียรติไปยืนแถวหลังสุดละครับ ผมชอบตอนพ่อลูกเขาช่วยกันโจมตีขบวนทหารน่ะครับ ต้องหาขวาน Tomahawk มาเหน็บพุงบ้าง(หลังจากผิดหวังจากมีด Kukri ของท่านดอน)
                       แส้แมวเก้าหางผมเคยเห็นในหนังแล้วครับ แต่ไม่ใช่หนังสงครามหรอกนะครับ ไม่ยักกะมีตุ้มหรือมัดปลายน่ากลัวอย่างที่ท่านดอนว่า  แล้วเขาก็ตีกันเบาด้วยหละ  ::008::...อุ๊ยตาย..ผมพูดอะไรไปเนี่ย ::005::
                       ท่านSoap นอนดึกเหมือนกันนะครับ อ้อ..พรุ่งนี้วันเสาร์  ราตรีสวัสดิ์นะครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2010, 07:27:56 AM
                      ขอบพระคุณท่านDon  ท่านJoke  ท่านSoap ท่านอรชุน  ท่านสมชาย  และท่านโทน  มากครับที่สู้อุตส่าห์อดนอนมาบอกเล่าเรื่องสนุกๆสู่กันฟัง ::014::
                       ท่านดอนพูดถึงกัปตันฮู๊ดฟันหลอ จากสมบัติพระศุลี  ผมจำได้ครับแกชอบรำพึงว่า โอ..ก๊อด พร้อมกับทำตาเหลือกหาพระเจ้าแล้วทำฟันปลอมหลุดดังหนับ (อีตานี่หรือเปล่าครับที่โกนเคราค้างไว้ซีกเดียวจนคนป่าเห็นเป็นเทพเจ้า)
                       ท่านอรชุน-ท่านSoapครับ หนังเรื่อง Master and Commander นี่ Russell Crowe แสดงนำใช่ไหมครับ  ผมจะรีบไปหามาดูโดยด่วน ครบทุกรสแน่ๆนะครับ
                       เรื่อง The Patriot ของท่านสมชายผมก็ชอบครับ  แต่ให้ไปยืนเข้าแถวหน้ากระดานยิงกันแบบนั้นผมขอลดเกียรติไปยืนแถวหลังสุดละครับ ผมชอบตอนพ่อลูกเขาช่วยกันโจมตีขบวนทหารน่ะครับ ต้องหาขวาน Tomahawk มาเหน็บพุงบ้าง(หลังจากผิดหวังจากมีด Kukri ของท่านดอน)
                       แส้แมวเก้าหางผมเคยเห็นในหนังแล้วครับ แต่ไม่ใช่หนังสงครามหรอกนะครับ ไม่ยักกะมีตุ้มหรือมัดปลายน่ากลัวอย่างที่ท่านดอนว่า  แล้วเขาก็ตีกันเบาด้วยหละ  ::008::...อุ๊ยตาย..ผมพูดอะไรไปเนี่ย ::005::
                       ท่านSoap นอนดึกเหมือนกันนะครับ อ้อ..พรุ่งนี้วันเสาร์  ราตรีสวัสดิ์นะครับ

Master and Commander: The Far Side of the World 
ใช่ครับ รัสเซล โครว นำแสดงเป็น กัปตัน Jack Aubrey ผบ.เรือรบหลวง เซอไพรซ์ (H.M.S. SURPRISE) ราชนาวีอังกฤษ

Master and Commander Official Trailer HQ (http://www.youtube.com/watch?v=pFeCVCKYo4Y#ws)

Master and Commander - Tribute to the Film (Extended Trailer) - HD (http://www.youtube.com/watch?v=ItLsASsuDHk#ws)

Master & Commander - Vivaldi Concerto (http://www.youtube.com/watch?v=fA7X4_Xpjok#ws)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 11, 2010, 11:02:22 AM
                     ขอบพระคุณท่านอรชุนมากครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 12, 2010, 03:57:27 AM
                      ขอบพระคุณท่านDon  ท่านJoke  ท่านSoap ท่านอรชุน  ท่านสมชาย  และท่านโทน  มากครับที่สู้อุตส่าห์อดนอนมาบอกเล่าเรื่องสนุกๆสู่กันฟัง ::014::
                       ท่านดอนพูดถึงกัปตันฮู๊ดฟันหลอ จากสมบัติพระศุลี  ผมจำได้ครับแกชอบรำพึงว่า โอ..ก๊อด พร้อมกับทำตาเหลือกหาพระเจ้าแล้วทำฟันปลอมหลุดดังหนับ (อีตานี่หรือเปล่าครับที่โกนเคราค้างไว้ซีกเดียวจนคนป่าเห็นเป็นเทพเจ้า)
                       ท่านอรชุน-ท่านSoapครับ หนังเรื่อง Master and Commander นี่ Russell Crowe แสดงนำใช่ไหมครับ ผมจะรีบไปหามาดูโดยด่วน ครบทุกรสแน่ๆนะครับ
                       เรื่อง The Patriot ของท่านสมชายผมก็ชอบครับ  แต่ให้ไปยืนเข้าแถวหน้ากระดานยิงกันแบบนั้นผมขอลดเกียรติไปยืนแถวหลังสุดละครับ ผมชอบตอนพ่อลูกเขาช่วยกันโจมตีขบวนทหารน่ะครับ ต้องหาขวาน Tomahawk มาเหน็บพุงบ้าง(หลังจากผิดหวังจากมีด Kukri ของท่านดอน)
                       แส้แมวเก้าหางผมเคยเห็นในหนังแล้วครับ แต่ไม่ใช่หนังสงครามหรอกนะครับ ไม่ยักกะมีตุ้มหรือมัดปลายน่ากลัวอย่างที่ท่านดอนว่า  แล้วเขาก็ตีกันเบาด้วยหละ  ::008::...อุ๊ยตาย..ผมพูดอะไรไปเนี่ย ::005::
                       ท่านSoap นอนดึกเหมือนกันนะครับ อ้อ..พรุ่งนี้วันเสาร์  ราตรีสวัสดิ์นะครับ

ครับกัปตันกู๊ดนี่แหละ ตอนแกโกนหนวดเคราไปครึ่งเดียวยังไม่ได้สวมกางเกงด้วย เลยต้องเดินโชว์ขายไปเรื่อย แต่เข้าใจว่าคงสวมบ๊อกเซอร์อยู่นะครับ ไม่งั้นเสี่ยงหญ้าคาแย่

อือม์ หนังโหดเหี้ยมที่หวดแส้กันแบบนั้นเขามักใส่ชุดหนังดำกันแส้อยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ? 


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 09:09:36 AM
                        นั่นแน่.........ท่าน Don ก็ดูหนังแนวเดียวกับผมเหมือนกัน..... ::005:: (เปลี่ยนแผ่นดีกว่าเดี๋ยวโดนย้าย)
                       
                        ผมถอดชุดหนังและเก็บแส้แล้ว(อ้าวถูกมัดมืออยู่อีก ขอเวลาแก้แป๊บนึง) นุ่งกุงเกงเรียบร้อยแล้วด้วย  ขอลงเรือต่อนะครับ 
                       
                        พวกเรือโบราณเหล่านี้ผมเห็นบริเวณหัวเรือมักจะนิยมแกะเป็นรูปร่างผู้หญิง ไม่ทราบว่ามีที่มายังไงครับ ทำให้นึกถึงชาวเรือไทยก็มีแม่ย่านางเรือ(อันเป็นเพศหญิงเหมือนกัน)  ผมเคยได้ยินว่าฝรั่งเขาเรียกเรือเป็นเพศหญิงด้วย เพื่อนที่เรียนภาษาฝรั่งเศสมันบอกว่าสิ่งของทุกอย่างมีเพศทั้งนั้น
                        เวลาดูหนังที่มีฉากบนเรือพวกนี้ ต้องเห็นพวกลูกเรือใช้แปรงขัดล้างพื้นเรือกันทุกเรื่อง ผมเห็นบ่อยจนสงสัยว่าไม่ได้ทำเพื่อความสะอาดเสียแล้ว ผมเดาว่าน้ำเค็มคงมีผลอะไรกับไม้พื้นเรือสักอย่างแน่(แต่ก็เห็นตักน้ำทะเลมาราดอีกแหละ) ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมไม่ทาสีเสียเลยล่ะครับ
                        บนเสากระโดงเรือจะมีที่สำหรับให้คนยืนสังเกตุการณ์ ของไทยเราเรียกว่ารังกา ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าฝรั่งเขาก็เรียกเหมือนของเรา แต่เปิด Dict.แล้วหาไม่เจอครับ ภาษาปะกิดเขาว่ายังไงครับ  (การ์ตูนฝรั่งมันให้อีกาเป็นผู้สังเกตุการณ์บ่อยๆ ทำให้มั่นใจว่าต้องเรียกแบบเดียวกันแน่)
                        เรื่องสุดท้ายแล้วครับ(ถามมากเดี๋ยวโดนแส้) ธงเรือโจรสลัดที่เป็นพื้นดำมีรูปหัวกะโหลกและกระดูกไขว้มีที่มายังไงครับ ลำไหนก็ลำนั้นชักธงเหมือนกันหมด
                        แถมอีกเรื่องนึงครับ(อยากโดนแส้...โอ๊ว....) เวลาปล่อยเรือลงน้ำทำไมต้องเอาขวดแชมเปญทุบหัวเรือทุกทีด้วยครับ ผมเห็นทำกันทุกชาติเลย
                        ระหว่างรอท่านที่มาตอบ  ผมขอขึ้นจากเรือไปใส่ชุดหนังสีดำมันๆของผมต่อนะครับ  ::008:: ขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 09:21:58 AM
                      ผมขอแถมเรื่องเกี่ยวกับแส้อีกนิด(เอ๊ะ..อีตานี่ชอบแนวนี้เสียจริง)  ไทยเราก็มีคล้ายกับฝรั่งเหมือนกันครับ เป็นไม้เรียวเรียกว่า " ไม้ขี้ฉ้อ " ตรงปลายจะแยกเป็นสองแฉก ตีทีเดียวได้สองแนว ผมไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน(ก็อยากได้ไว้ดูเล่นเท่านั้นแหละครับ  ::008::)  ทุกวันนี้มีแต่แส้ม้า(ชักเผยธาตุแท้  ::005::)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 10:32:25 AM
                  ท่านอรชุนครับ งานเข้าแล้วครับ
                  สืบเนื่องมาจาก  Master and Commander ที่ท่านเคยแนะนำผมไว้แหละครับ  ผมไปถามเพื่อนนักดูหนังคนหนึ่งว่ามีหนังเรื่องนี้ไหม(ผมพลาดที่ไม่ได้บอกชื่อคนแสดงไปด้วย) มันบอกว่ามีเดี๋ยวจัดการไร้ท์ให้ มันถามยิ้มๆต่ออีกว่าชอบหนังแนวนี้เหมือนกันหรือ ผมบอกชอบมานานแล้ว เรื่องนี้เพื่อนในเวปบอกมีครบทุกรสด้วย
                  เมื่อเช้าได้หนังมาแล้วครับ รีบเปิดดูก่อนกินข้าวอีก ก็ทะแม่งๆตั้งแต่ไตเติ้ลแล้วว่ามันคุ้นๆอยู่  พอเข้าเรื่องก็ชัดเลยครับ รีบปิดแทบไม่ทัน(บุญที่ไม่ได้เรียกลูกหลานมานั่งดูด้วย)  หนังของเพื่อนผมไม่มีเรือซักกะลำ มีแต่ใส่ปลอกคอล่ามโซ่แบบหมา-เฆี่ยนกันทั้งเรื่อง  :OO(เวอร์ชั่นนี้น่าจะโหดกว่าที่อีตา Russell Crowe เล่นนะครับ) เป็นความผิด(หรือโชคดีก็ไม่รู้)ที่ไม่ได้บอกชื่อนักแสดงกับเพื่อน  กราบลาไปดูต่อละครับ  :D~ ::014::
 :D~                   


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 12, 2010, 12:06:54 PM
                  ท่านอรชุนครับ งานเข้าแล้วครับ
                  สืบเนื่องมาจาก  Master and Commander ที่ท่านเคยแนะนำผมไว้แหละครับ  ผมไปถามเพื่อนนักดูหนังคนหนึ่งว่ามีหนังเรื่องนี้ไหม(ผมพลาดที่ไม่ได้บอกชื่อคนแสดงไปด้วย) มันบอกว่ามีเดี๋ยวจัดการไร้ท์ให้ มันถามยิ้มๆต่ออีกว่าชอบหนังแนวนี้เหมือนกันหรือ ผมบอกชอบมานานแล้ว เรื่องนี้เพื่อนในเวปบอกมีครบทุกรสด้วย
                  เมื่อเช้าได้หนังมาแล้วครับ รีบเปิดดูก่อนกินข้าวอีก ก็ทะแม่งๆตั้งแต่ไตเติ้ลแล้วว่ามันคุ้นๆอยู่  พอเข้าเรื่องก็ชัดเลยครับ รีบปิดแทบไม่ทัน(บุญที่ไม่ได้เรียกลูกหลานมานั่งดูด้วย)  หนังของเพื่อนผมไม่มีเรือซักกะลำ มีแต่ใส่ปลอกคอล่ามโซ่แบบหมา-เฆี่ยนกันทั้งเรื่อง  :OO(เวอร์ชั่นนี้น่าจะโหดกว่าที่อีตา Russell Crowe เล่นนะครับ) เป็นความผิด(หรือโชคดีก็ไม่รู้)ที่ไม่ได้บอกชื่อนักแสดงกับเพื่อน  กราบลาไปดูต่อละครับ  :D~ ::014::
 :D~                   

อ้าว........... สรุปว่าดีรึไม่ดีครับพี่  ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 01:19:24 PM
                       แหะ....แหะ......ก็ดีเหมือนกันแหละครับท่านอรชุน   :VOV:  เสียแต่ว่าทำเลียนแบบหนังเขาไม่ไหวแล้ว  ::004::
                       ได้แผ่นที่ถูกต้องมาแล้วครับ DVD เสียด้วย ตั้ง 138 นาทีแน่ะ  ป้ายบอกราคา 14.99 $ เดี๋ยวคืนนีจะป่าวหมู่ลูกหลานมาดูกัน  (ที่กล่องโปรยคำนิยมไว้เยอะเชียว Two Thumbs Way Up , Magnificent , The Best Movie Of The Year ! )  อ่านหลังกล่องดูเขาบอกว่าอีตากัปตันนี่มีชื่อเล่นว่า " Lucky " ชื่อจริง Jack Aubrey คราวนี้ไม่ผิดแน่ครับ
                        ไอ้เจ้าเพื่อนก็ดี๊ดีไม่ยักเอาแผ่นเก่าคืน   ::008:: ::008::
                        ขอบคุณท่านอรชุนมากครับที่เป็นห่วงและเข้ามาดูอาการ  ::014::
                       


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 12, 2010, 06:28:22 PM
ที่สังเกตุการณ์บนเสากระโรงเรือ

เรียกว่าทอป (top) ยอดเสาธรรมดานี่แหละครับ สำหรับพลแม่นปืนที่ยิงเนลสันนั้นยิงจากยอดเสากระโดงรอง (mizen) หลังเสาโดรงใหญ่ใหญ่ ไม่ใช่เสากระโดงหน้า ซึ่งจะเรียกว่า Foreward mast

ปล. ชื่อเรียก mizen ในหนังสือของนาย Jahn Keegan อ.ที่ รร.นายร้อนแซนเฮิร์ส สะกดมี z ตัวเดียว แต่ในภาพผังเรือเก่า และในวิกิพีเดียมี z สองตัว

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e8/Warship_diagram_orig.jpg (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e8/Warship_diagram_orig.jpg)

ธงใดๆ ก็ตามที่ชักเพื่อแสดงตนเป็นโจรสลัดเรียกกันว่าJolly Roger แปลงว่า "โรเจอร์เริงร่า"

มีหลักฐานการใช้ครั้งแรกในบันทึกของหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสในปี ๑๖๘๗ โจรสลัดที่เดินดินใช้ธรง "พื้นแดง" มีหัวกระโลกกระดูกไขว้

คำ Jolly Roger ปรากฎในหนังสือเรื่องประวัติศาสตร์โจรสลัด พิพม์ในอังกฤษปี ๑๗๒๔ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีการใช้ธงพื้นดำเป็นธงโจรสลัดแล้ว

ส่วนธงพื้นดำหัวกะโหลกกระดูกไขว้นั้นเชื่อกันว่า นายแซมมวล เบลามี โจรสลัดระบือนามในปลายศตวรรษที่ ๑๗ ต้อน ๑๘ หรือไอ้เคราดำ ใช้เป็นคนแรกครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Pirate_flag (http://en.wikipedia.org/wiki/Pirate_flag)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 12, 2010, 06:48:35 PM
รูปสลักแม่ย่านางเรือก็เห็นทาสีเหมือนกันครับ แต่ในภาพยนต์สงสัยทำเป็นว่าทนอากาศมานานสีลอก อิ อิ

การประดับรูปสลักหัวเรือ มาจากความเชือต้องการเอาใจพลังเหนือธรรมชาติต่างๆ เพื่อนให้ช่วยเหลือในการเดินเรือ และเป็นขวัญกำลังใจ ฯลฯ ของชาวเรือ นอกจากนี้ชาติโบราณมักนิยมทำเป็นรูปตาที่สองข้างหัวเรือด้วย เนื่องจากรูปตามักเป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ในวัฒนธรรมอียิปต์และตะวันออกกลาง

รูปสลักหัวเรือนี่ฝรั่งช่วงหลังใช้เป็นผู้หญิง แต่ดั้งเดิมมีหลายรูปแบบ

อียิปต์โนราณใช้รูป นกศักดิ์สิทธิ์

ฟินีเซียน ชาตินักเดินเรือโบราณใช้รูปม้า แสดงความเร็ว

กรีก ใช้รูปหัวหมูป่า แสดงความคล่องแคล่ว และดุดัน

โรมัน นิยมทำเป็นรูปนักรบ

ไวกิ้ง มังกร และสัตว์ร้ายต่างๆ

ในยุคกลางของยุโรปและต่อมา หลายแบบ รูป หงส์ ปลาโลมา สิงห์โต ยูนิคอน เสือดาว รวมทั้งรูปเซนต์ยอชฆ่ามังกร (ของอังกฤษ) ฯลฯ

ฝรั้งดั้งเดิมเชื่อว่าผู้หญิงขึ้นเรือทำให้โชคไม่ดี (ไม่ดีแน่ๆ เพราะผู้ชายจะตีกัน) แต่ถ้าทำรูปสลักหัวเรือเป็นคนมัก นิยมผู้หญิงมากกว่าเพราะเชื่อว่าจะทำให้เจ้าสมุทรพอใจและอวยพรให้กับการเดินเรือครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 10:30:57 PM
                       ขอบพระคุณท่าน Don มากครับ เนตผมเสียมาหลายชั่วโมง เพิ่งใช้ได้นี่แหละครับ(ทั้งช้าทั้งเสียบ่อยแต่ก็ต้องใช้เพราะของฟรีครับ)  เมื่อเย็นผมนึกอะไรออกก็พิมพ์ไว้ ก็หลายเรื่องอยู่เหมือนกันแต่พอจะส่ง เนตก็ล่มเสียเฉยๆ  ที่จำได้เรื่องแรกคือผมอ่านทวนกระทู้เก่าๆอยู่ พอถึงเรื่องที่นโปเลียนเกือบโดนยิง สมองก็แว๊บชื่อ " เอเตียน เชร่า " ขึ้นมาทันที ก็เลือนๆลางๆว่าจะเป็นทหารของนโปเลียนหรือเปล่า มีใครรู้จักพ่อคนนี้บ้างไหมครับ (น่าจะเป็นคนฝรั่งเศสเพราะชื่อยังกับโรงงานปืน เซนต์ เอเตียน)
                        อีกชื่อหนึ่งคือสมาชิกท่านหนึ่งกล่าวถึง " ทหารม้าดรากูน " เอาไว้เมื่อเร็วๆนี้เอง(ต้องขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้เสียแล้ว) ไม่ทราบว่าทหารม้าดรากูนนี้เป็นคำเรียกทหารม้าเฉพาะชาติใดชาติหนึ่งหรือเปล่าครับ รู้สึกว่าบริษัทโคลท์ เคยเอาคำนี้ตั้งเป็นชื่อปืนของโคลท์รุ่นหนึ่งด้วยใช่ไหมครับ    (เรื่องชื่อปืนของโคลท์ผมสนใจอยากรู้ที่มาก็เคยค้นคว้าอยู่พักหนึ่ง เช่น โคลท์บันท์ไลน์ ก็เป็นชื่อของนักเขียนนวนิยาย กว่าจะรู้เรื่องก็เปิดDict.กันนาน)
                         ส่วนคำว่า Cavalry คงหมายความถึงทหารม้าทั่วไปกระมังครับ
                         ผมเคยอ่านพบว่า ไทยเราสมัยโบราณก็มีทหารหน่วยหนึ่งชื่อว่า " ทหารซีป่าย " หนังสือเล่มนั้นอธิบายว่า รัชกาลที่ 4 ท่านตั้งกองทหารนี้เลียนแบบทหารซีปอย  ผมลองค้นแล้วไม่พบว่า " ทหารซีปอย " นี่เป็นทหารอะไร ผมคงจะสะกดไม่ถูกWiki.เขาเลยไม่ยอมหาให้น่ะครับ ถ้าใครรู้จักทหารหน่วยนี้ก็กรุณาแบ่งปันความรู้ด้วยนะครับ
                          ผมชวนลงเรือบ้างขี่ม้าบ้าง ท่านสมาชิกคงไม่ว่าอะไรนะครับ นึกอะไรขึ้นมาได้ก็เอามาลงไว้เผื่อเรื่องใดจะเป็นข้อที่ต่อยอดสนทนากันได้บ้าง ขอบพระคุณครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 12, 2010, 10:51:53 PM
                      เรื่องรูปสลักหัวเรือที่ท่าน Don กรุณาอธิบายเสียละเอียดน่าสนใจมากครับ ไม่นึกว่าจะมีมากมายอย่างนั้นเลย ผมขอขอบพระคุณแทนสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ  ::014::
                      หัวเรือรูปมังกรของพวกไวกิ้งนี้ดูน่าเกรงขามและข่มขวัญได้ดีนะครับ ในหนังบางเรื่องเวลาเรือพวกไวกิ้งแล่นอยู่ในหมอก จะเห็นแต่หัวมังกรดูน่ากลัวเหมือนกัน ใครเห็นเข้าก็ตกใจก่อนละครับ  ตอนเด็กๆผมก็นิยมพวกไวกิ้งว่าเก่งกาจกล้าหาญดี ชอบดาบเล่มโตๆแบบพวกไวกิ้งมาก  โตขึ้นถึงได้รู้ว่าพี่แกเที่ยวได้ปล้นเขาไปทั่ว(พูดอย่างนี้จะมีคนเคืองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ ::014::) ผมเห็ในTVที่เขาพบซากเรือไวกิ้งนั้น ดูๆก็ลำไม่ใหญ่โตสักเท่าไร จุคนได้คงไม่เกิน 40 คนกระมังครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 03:28:20 PM
อิ อิ ขอคุยทีละเรื่องแล้วกันนะครับ ช่วงนี้ผมก็ยุ่งนิดหน่อย

เรื่องเอาแชมเปญตีหัวเรือที่ปล่อย นั้นสืบเนื่องมาจากพิธีฉลองการปล่อยเรือ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นการตั้งชื่อเรือและการเอาใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

พิธีดังกล่าวมีการฉลองและมักมีการโยนของมีค่า ฯลฯ ลงจากเรือ

การเอาชวดตีหัวเรือเริ่มจากกองทัพเรืออังกฤษในศตวรรษที่ ๑๗ โดยใช้ขวดไวน์ตี เป็นการประหยัดของมีค่าอื่นๆ

แต่การที่เเปลี่ยนมาใช้แชมเปญนั้นว่ากันว่าคงเป็นเพราะหรูดีครับ

ปล. ไวน์ปุดๆ นั้นจะเรียกว่าแชมเปญได้เมื่อมาจากแคว้นแชมเปญ ฝรั่งเศสเท่านั้น ถ้ามาจากแคว้นอื่นหรือประเทศอื่นที่ถูกต้องๆ เรียกว่า ไวน์ปุด (Sparkling wine)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 03:43:46 PM
Cavalry แปลว่าทหารม้า มีความหมายกว้างๆ จะเป็นแบบไหน ยุคไหนได้ทั้งนั้นครับ รากศัพย์ก็แปลว่าม้าธรรมดา รากคำนี้กลายเป็นหลายคำใช้เกี่ยวข้องกับความเป็นอัศวินมาก่อนด้วย เช่น Chivalry ก็หมายถึงจรรยาบรรณอัศวิน ในภาษายุโรปหลายชาติคำว่าก็แผลงไปเป็นคำอื่นเกี่ยวกับผู้ดีสุภาพารุษ เช่น ภาษาสเปน ม้า คือ กาบาโย่ ผู้ดีสุภาพบุรุษ คือ กาบาเยโร่

ส่วนทหารม้าดรากูน Dragoon คือทหารม้าเบา ไม่จำกัดว่าชาติใด เริ่มใช้เรียกในศตวรรษที่ ๑๘ ตามชื่อแบบปืนยาวคาบศิลา Dragon ที่ทหารม้าพวกนี้ใช้ เป็นปืนยาวคาบศิลาลำกล้องเรียบลำกล้องสั้น (สั้นกว่าที่ทหารราบใช้) เหน็บไปกับอานม้าได้สะดวก

ที่จริงถ้าเทียบกับทหารม้าแบบอื่นในยุคเดียวกัน ควรเรียกทหารม้าดรากูน ว่าเป็นทหารม้าหนัก เพราะทหารม้าดรากูนใส่เกราะหน้าอก-หลัง และสวมหมวกเหล็ดด้วย

ในยุคเดียวกันจะมีทหารม้าอีกแบบคือทหารม้าฮุสซาร์ Hussar เริ่มจากฮังการรี เป็นทหารม้าเบาจริงๆ ไม่ใส่เกราะ และไม่ใช้หมวกเหล็ก เคลื่อนตัวเร็ว ทำหน้าที่ ลาดตระเวน หาข่าว ฯลฯ หทารฮุสซาร์อุปกรณืจะน้อย อาวุธเบา ใช้ดาบไม่ใช้ปืนยาวด้วยซ้ำไป ต่อมาหลายชาติก็ใช้ทหารม้ารูปแบบนี้ คำนี้จึงไม่จำกัดว่าหมายถึงทหารชาติใดเช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 04:19:52 PM
ซีปอย (Sepoy) หมายถึง ทหารแขกพื้นเมืองของอังกฤษในอินเดีย มาจากคำ สปาฮี (Spahi) ซึ่งแปลว่าทหารในภาษาเปอร์เซียน ตำว่าสปาฮี นี้ก็ใช้เรียกทหารแขกในกองทัพฝรั่งหลายชาติในพื้นที่เอเซียกลางและอัฟริกาเหมือนกัน

แรกเริ่มที่อังกฤษเข้าไปปกครองอินเดีย เป้นการปกครองโดยบริษัทบริติช อีสต์ อินเดีย และใช้คนพื้นเมืองเป็นทหารซีปอยจำนวยมาก

เคยเกิดมีกบฎครั้งใหญ่คือ กบฎซีปอยในปี ๑๘๕๗-๑๘๕๘ เริ่มมาจากความขัดแย้ง ๑๐๘ ๑๐๐๙ ที่พึงมีระหว่างฝรั่งกับคนพื้นเมือง แต่เรื่องที่เป็นไม้ขีดจุดชนวนกบฎคือการปล่อยข่าวลือว่าน้ำมันทาปืนที่อังกฤษให้ทหารซีปอยใช้มีส่วนผสมของน้ำมันหมู ตอนนั้นในอินเดียยังมีมุสลิมรวมอยู่ทั่วไป และมีอัตราส่วนในกองทหารสูงมาก เช่น พวกปาทาน เลยเกิดกบฎขึ้น ทหารซีปอยทั้งมุสลิมและฮินดูไล่ฆ่าอังกฤษและแขกที่ทำงานกับอังกฤษเป็นการใหญ่ในพื้นที่ตอนเหนือของอินเดีย

อังกฤษแค้นมากที่สุดที่หนึ่งคือเมือง Cawnpore คือมีทหารอังกฤษจำนวนหนึ่งรวมทั้งพลเรือนอังกฤษทั้งผู้หญิงและเด็ก ถูกล้อมอยู่ในเมือง นานเข้า อาหาร และน้ำจะหมดรวมทั้งอากาศร้อนมาก ในที่สุดก็เจรจากันได้ให้พลเรือนอพยพไปเมืองอื่นโดยเดินทางไปทางเรือ แต่ซีปอยซุ่มดจมตี ฆ่าผู้ชายที่จับได้หมด และเอาผู้หญิงและเด็กไปขัง ต่อมาฆ่าตายหมด เมื่อกำลังหนุนอังกฤษมาถึงภายหลังก็ฆ่าซีปอยที่นี่ตายไปมาก

เหตุการณ์กฐฎนี้เป็นฉากหนึ่งในนิยายเชอร์ลอกโฮลม์ตอน จัตวาลักษณ์ (The sign of Four) ๑ ใน ๔ เรื่องยาวของเชอร์ลอกโฮลม์ ในส่วนเล่าย้อนหลังเรื่องที่ อังกฤษ ๔ คนได้สมบัติของอินเดียที่หนีมาอยู่ในที่มั่นอังกฤษ แล้วทำสัญญาแบ่งสมบัติร่วมกัน ต่อมาเกิดการหักหลัง ไล่ตามเก็บในอังกฤษยุคปลายศตวรรษที่ ๑๙

กบฎซีปอยเป็นกบฎครั้งใหญ่ที่สุดในอิเดียภายใต้การปกครองของอังกฤษ หลังกบฎ อังกฤษก็ใช้ทหารจากกองทัพมาปกครองโดยตรง ได้ผลดีกว่าการบริหารจัดการทหารของบริษัทฯ

อย่างไรก็ตามเรียกได้ว่าอังกฤษปกครองอินเดียได้สงบเรียบร้อยดีเมื่อเทียบกับอาณานิคมอื่นๆ ประกอบกับที่ตามธรรมดาคนอินเดียยอมรับอำนาจรัฐ และมีความพอใจในสภาพของตนเองอยู่แล้วด้วยความเชื่อเครื่องศาสนา ไม่เรียกร้องอะไรจากสังคม และทางการมาก

ช่วงปลายศตวรรษที่ ๑๙ อังกฤษใช้ทหารแค่ประมาณ ๔ หมื่นกว่าคนปกครงคนในพื้นที่กว้างใหญ่รวม อินเดีย ปากีฯ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ ซึ่งมีประชากรรวมกันเกือบ ๓๐๐ ล้านคนได้ 

ฮิตเล่อร์ติดใจการปกครองอินเดียของอังกฤษมาก เพราะต้องการใช้เยอรมันจำนวนน้อยไปปกครองยุโรปตะวันออกที่กว้างใหญ่และมีคนจำนวนมาก

มีภาพยนต์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอาณานิคมอินเดีย เป็นภาพยนต์เรื่องโปรดของ วินสตัน เชอร์ชิล เรื่องนี้ฮิตเล่อร์ก็ชอบเหมือนกันครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: anasnarak ที่ กันยายน 13, 2010, 04:25:00 PM
พออ่านเรื่อวโจรสลัดแล้วนึกถึงการ์ตูนเรื่องวันพีชที่ผมตามอ่าน คนเขียนเอาชื่อ(หรือนามสกุล)ของโจรสลัดของจริงที่ดังๆในอดีต มาสร้างเป็นตัวละครด้วย
บาโทโลมิว
เบลามี


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 04:35:49 PM
เอเตียน เชารา เป็นชื่อนายทหารอุสซาร์ของนโปเลียน เป็นนิยายแต่งโดย เชอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยด์ นักเขียนอังกฤษผู้แต่ง เชอร์ลอก โฮลม์ นั่นละครับ

เรื่องนี้ตอนเด็กๆ ผมอ่านหลายรอบอบมาก

เรื่องการผจญภัยของ เชรา  นายทหารของนโปเลียนแต่งโดยคนอังกฤษ จึงแต่งให้ตัสละครถึงจะกล้าหาญ รบเก่ง แต่ก็ทึ่มๆ ออกตลก ตามรูปแบบที่คนอังกฤษชอบล้อเลียนฝรั่งเศศ เช่นการ หลงใหลในความงามของหนวดของตัวเอง มีอารมณ์รุนแรง ซาบซึ่งใจก็ร้องไห้ ฯลฯ

ความจริงคือ ดอยด์ แต่งนิยายเรื่องนี้จากเรื่องจริงของนายทหารนโปเลียนคนหนึ่ง คือ บารอน ชอง แบบติส มาร์โบ Jean-Baptiste Marbot ผู้เขียนอัตชีวประวัติของตนเอง

เรื่องนี้ตื่นเต้น โลกโผนกว่านิยายมาก และยาวมากๆ ด้วย แปลเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี ๑๘๙๒

มาร์โบ เป็น ทส. ของแม่ทัพใหญ่หลายคน ทำการรบแนวหน้าหลายสิบสนามรบ และเจอนโปเลียนบ่อยๆ นอกจากเรื่องของตนเองแล้วก็ยังเขียนเกี่ยวกับกองทัพฝรั่งเศสด้วย ในพินัยกรรมของนโปเลียนๆ ให้เงินมาร์โบ ๑๐๐,๐๐๐ ฟรังค์ และบอกให้เขียนเรื่องต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อแสดงความจริงที่รุ่งโรจน์ของกองทัพฝรั่งเศส

เรื่องมาร์โบ ที่น่าอ่านเป็นฉบับตัดตอน เอาแต่ที่สนุกตื่นเต้นมา โดยแบ่งเป็นตอนต่างๆ พร้อมบรุปเหตุการณืที่เกี่ยวข้องจากต้นฉบับไว้ให้

ผมอ่านฉบับตัดตอนแล้วชอบมากเลยสั่งฉบับเต็มมาเหมือนกัน แต่อ่านยังไม่จบครับ กลับไปอ่านฉบับตัดตอนรอบสองอีก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 04:42:32 PM
เรื่อง บารอน มาโบ ฉบับตัดตอน สั่งได้จากอเมซอน ยาว ๒๗๐ หน้า ฉบับเต็มยาวประมาณ ๘๐๐ หน้าครับ

หน้าปกเป็นภาพวาดทหารม้าฮุสซาร์


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 04:52:17 PM
ภาพ An officer charging โดย Theodore Gericault วาดในปี ๑๘๑๒ ปัจจุบันอยู่ที่มิวเซียม ลูฟ, ปารีส


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 05:00:57 PM
ภาพถ่านทหารม้าฮุสซาร์อังกฤษในสงครามไครเมีย ปี ๑๘๕๔ -๑๘๕๖ เครื่องแบบใกล้เคียงกับเครื่องแบบทหารฮุสซาร์ฝรั่งเศสในภาพปี ๑๘๑๒ อย่างน่าทึ่ง :o

ยุคสงครามไครเมียทหารยังแต่งตัว และใช้ยุทธวิเหมือนยุนนโปเลียน ค้นหาภาพสงครามไครเมียจะเห็นภาพทหารเหมือนยุคนโปเลียนราวกับดูจากไทม์แมชชีนครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 13, 2010, 05:05:41 PM
เรื่องวัยกลิ้ง ไวกิ้ง ขอติดไว้ก่อน คุยกันได้ยาวครับ การเดินทมางไปปล้น ย้ายถิ่น ตั้งถิ่นฐานของไวกิ้งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหน้าหนึ่งของประวัติสษสตร์ยุโรป


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 13, 2010, 05:11:19 PM
นายสมชายเข้ามาติดตามอ่านครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 01:06:34 PM
ตามอ่าน ตาม+ ให้ครับพี่ Don ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 14, 2010, 01:48:16 PM
                           ขอบพระคุณท่าน Don มากครับที่มาแบ่งปันความรู้แก่ชาวอวป. ถึงจะมีธุระยุ่งก็ยังกรุณาหาเวลามา ผมขอบพระคุณแทนสมาชิกอื่นด้วยครับ  ::014::
                           ท่าน Don อธิบายเรื่องเรือแล้วยังแถมเกร็ดเรื่องเมรัยของฝรั่งด้วย   ผมก็เลยขออนุญาตเล่าเรื่องคำว่า " สุราเมรัย " สักนิดนะครับ สุรากับเมรัยนี่ไม่เหมือนกันครับ  " สุรา "  คือ น้ำเมาที่กลั่นแล้ว  ส่วน  " เมรัย "  คือน้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น หรือ น้ำเมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ครับ  ทั้งสองอย่างเรียกรวมกันว่า  " เหล้า " ซึ่งแปลว่า น้ำเมาที่หมักหรือกลั่นแล้ว  บ้านเรามีเหล้าเยอะแยะหลายอย่างทั้งที่ซื้อมาและทำเองตามท้องถิ่น  อย่างไหนเรียกสุราอย่างไหนเรียกเมรัย ท่านสมาชิกช่วยกันเล่าให้ฟังบ้างสิครับ (ผมชวนขึ้นจากเรือมาขี่ม้าตอนนี้ชวนลงขวดอีกแล้ว ไม่ว่ากันนะครับ)
                           ผมอ่านเรื่องทหารม้าแล้วก็แว๊บขึ้นมาในสมอง(แว๊บอีกแล้ว) ถึงคำว่า " คอสแส็ค " อีกคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าคำนี้หมายถึงอะไรครับ
                           เรียนถามท่าน Ultraman Taro เรื่องการ์ตูน วันพีช นี่เป็นการ์ตูนเล่มๆหรือลงพิมพ์ที่ไหนครับ  ผมเคยอ่านการ์ตูนไวกิ้งนานมาแล้ว พวกตัวละครในการ์ตูนจะมีชื่อลงท้ายว่า  .....LIX ชอบอยู่ตัวหนึ่งตัวใหญ่ๆนุ่งกางเกงทางๆสีฟ้าผมทองผูกเป็นเปีย ผมไม่ได้ไปร้านหนังสือนานแล้วไม่ทราบว่ายังคงตีพิมพ์อยู่หรือเปล่า
                           ผมไปก่อนละครับถ้ามีอะไรแว๊บขึ้นมาอีกจะมารบกวนใหม่ สวัสดีครับ  ::014::
                           สวัสดีครับท่านสมชาย(ฮา) ท่านZeus ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 02:05:52 PM
                           ขอบพระคุณท่าน Don มากครับที่มาแบ่งปันความรู้แก่ชาวอวป. ถึงจะมีธุระยุ่งก็ยังกรุณาหาเวลามา ผมขอบพระคุณแทนสมาชิกอื่นด้วยครับ  ::014::
                           ท่าน Don อธิบายเรื่องเรือแล้วยังแถมเกร็ดเรื่องเมรัยของฝรั่งด้วย   ผมก็เลยขออนุญาตเล่าเรื่องคำว่า " สุราเมรัย " สักนิดนะครับ สุรากับเมรัยนี่ไม่เหมือนกันครับ  " สุรา "  คือ น้ำเมาที่กลั่นแล้ว  ส่วน  " เมรัย "  คือน้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น หรือ น้ำเมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ครับ  ทั้งสองอย่างเรียกรวมกันว่า  " เหล้า " ซึ่งแปลว่า น้ำเมาที่หมักหรือกลั่นแล้ว  บ้านเรามีเหล้าเยอะแยะหลายอย่างทั้งที่ซื้อมาและทำเองตามท้องถิ่น  อย่างไหนเรียกสุราอย่างไหนเรียกเมรัย ท่านสมาชิกช่วยกันเล่าให้ฟังบ้างสิครับ (ผมชวนขึ้นจากเรือมาขี่ม้าตอนนี้ชวนลงขวดอีกแล้ว ไม่ว่ากันนะครับ)
                           ผมอ่านเรื่องทหารม้าแล้วก็แว๊บขึ้นมาในสมอง(แว๊บอีกแล้ว) ถึงคำว่า " คอสแส็ค " อีกคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าคำนี้หมายถึงอะไรครับ
                           เรียนถามท่าน Ultraman Taro เรื่องการ์ตูน วันพีช นี่เป็นการ์ตูนเล่มๆหรือลงพิมพ์ที่ไหนครับ  ผมเคยอ่านการ์ตูนไวกิ้งนานมาแล้ว พวกตัวละครในการ์ตูนจะมีชื่อลงท้ายว่า  .....LIX ชอบอยู่ตัวหนึ่งตัวใหญ่ๆนุ่งกางเกงทางๆสีฟ้าผมทองผูกเป็นเปีย ผมไม่ได้ไปร้านหนังสือนานแล้วไม่ทราบว่ายังคงตีพิมพ์อยู่หรือเปล่า
                           ผมไปก่อนละครับถ้ามีอะไรแว๊บขึ้นมาอีกจะมารบกวนใหม่ สวัสดีครับ  ::014::
                           สวัสดีครับท่านสมชาย(ฮา) ท่านZeus ::014::
ผมว่า
สุราพื้นบ้านของไทยจะเป็น เมรัย ครับเช่น อุ สาโท น้ำขาว
ส่วน สุราในถ่ำ (สรถ.) เป็นสุรา สุราในถ่ำบ้านเรามีตั้งแต่ จากข้าว ข้าวโพด ฯลฯ แยะครับ ถ้าจะให้เมาเร็วขึ้นต้องเอา DDT ทากะทะ :OO
แต่ถ้า สุราตรา น้ำดื่มสิงห์ บาดคอนิดหน่อย แต่ปลอดภัย 100 %
ส่วนเรื่องทหารคอสแสค พี่Don ได้เคยตอบไว้ในกระทู้นี้ครับ

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=79984.msg2352593#quickreply (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=79984.msg2352593#quickreply)

-พอทราบไหมครับว่าทำไมทหารม้ารัสเซียจึงได้เก่งกาจจังเลย
-ทหารม้าคอสแซก นี่เป็นพวกไหนครับ ไวกิ้ง สลาฟ หรือ ตาร์ต้า
เท่าที่สังเกตดูพบว่าคนรัสเซียผูกพันกับม้ามาก ขนาดอาจารย์รัสเซียในประเทศไทย(ไม่รู้หลงมาจากไหนคนนึง) ยังบ่นว่า พ้ม..อยาก..ขี้.หมา(ผมอยากขี่ม้า)..นักศึกษาไทยล้อกันว่า เฮ้ย..เอาขี้หมาให้มันสักกองซิ

อ่านที่นี่ได้เลยครับ...
V
V
V
http://en.wikipedia.org/wiki/Cossacks (http://en.wikipedia.org/wiki/Cossacks)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e5/Kuban_patch.jpg)

แถมอาร์มของทหารคอสแซคในกองทัพรัสเซียในปัจจุบันครับ...:D

คอสแสกเริ่มปรากฎตัวและมีบทบาทหลังยุคกลาง กลุ่มชนเผ่าเป็นการผสมกันมากแล้วครับ หน้าตาค่อนไปทางฝรั่งยุโรปตะวันออกบวกเอเซียกลาง ห้าตาออกเอเซียมากกว่าหน้าแบบรัสเซียอย่างท่านปูติน

ผมเคยถาม จนท. รัสเซียว่าคอสแสกเป็นเอเซียกลางหรือฝรั่ง (ยูโรเปี้ยน) เขาว่าเป็น ฝรั่ง แต่ก็เป็นการพูดคุยเล่นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้เคี่ยวเข็นว่านักวิชาการที่ไหนอ้างอิงอย่างไร...

ส่วนเรื่องรบเก่งรบไม่เก่งจังเลยพูดยากครับ ที่แน่นอนก็คือผ่านสงครามามาก เป็นกลุ่มทหารที่มีชื่อทางทรหด และสมัยก่อนก็มีชื่อทางปล้นสดมภ์ ขนของ เช่น คอสแสกที่เข้าปารีสตอนนโปเลียนยอมแพ้ปี 1814

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ "นักรบหลังม้า" ไม่ว่าเป็นคอสแสก ฮั่น อัลติลา หรือมองโกล คือ ประวัติศาสตร์มักเขียนโดนผู้ที่ถูกนัดรบหลังม้ารุกราน และมีแนวโน้มบันทึกเกินไปทั้งทางทารุณ และจำนวนนักรบในกองทัพที่มาชนะตน นักรบหลังม้าป่าเถื่อนมามืดฟ้ามัวดินจากขอบฟ้าถึงขอบฟ้า แบบว่าหลายแสนเผลอๆ ถึงล้าน ทำนองนั้นละครับ เดินทัพเสียงราวกับพายุทั้งนั้น ในวรรณกรรม และนิยายต่างๆ ก็ชอบใช้จุดนี้ เร้าใจดี ผู้พิชิตนันยิ่งใหญ่ ผู้ชนะก็ไม่ใช่กระจอก

ในหนังสือ History of Warfare ของ Sir John Keegan อ. รร. นายร้อย แซนเฮิร์ส ของอังกฤษ บอกว่ามีการศึกษาจำนวนนักรบ ฮั่น อัลติลา คำนวนโดย

1. คำนวนว่าในภูมิประเทศที่กองทัพ ฮั่น อัลติลา อยู่นั้น เป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าเท่าไหร่ สามารถเลี้ยงม้าได้เต็มที่กี่ตัว

2. เอาำจำนวนม้าไปคำนวนสัดส่วนนักรบหลังม้าในกองทัพ ว่าในกองทัพที่มีนักรบ 1 คน ต้องใช้ม้ากี่ตัว คนหนึ่งต้องมีกี่ตัวเปลี่ยนเพื่อใช้ขี่รบ และขนของ และที่ใช้ในส่วนอื่นของกองทัพ ทั้งนี้ ในกองทัพสมัยนั้นมีผู้ติดตาม Camp followers จำนวนมาก เพราะนักรบหลังม้าคือชนเผ่าเร่ร่อน ไปไหนไปกันทั้งชุมชน ถึงชุนอาจไม่ได้ตามไปใกล้สนามรบตลอดเวลาแต่ก็ไม่ห่างนัก

พบว่ากองทัพ ฮั่น อัลติลา ทีไล่ตีกองทัพฝรั่ง ตีเมืองย่อยยับไปมากนั้น มีนักรบเต็มที่คราวหนึ่งๆ ไม่เกินประมาณ 5 หมื่น คน ซึ่งชัยชนะไม่ได้มาจากกำลังท่วงท้นมือฟ้ามัวดิน แต่มากจาก การเคลื่อนที่เร็ว เข้าตีจุดที่ฝรั่งไม่มีกองกำลัง ระดมพลไม่ทัน หรือไม่พร้อม หรือกรณีปะทะกันจริงๆ ก็เป็นการรบชนะจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่ประวัติศาสตร์รุ่นเก่าชอบบอกว่าคนเถื่อนมันมามาก และซึ่งที่จริงในยุคนั้นกองทัพฝรั่งก็ระดมพลได้ไม่มา่กนักด้วยครับ



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 14, 2010, 02:14:46 PM
                          ขอบพระคุณท่าน Zeus มากครับทั้งเรื่องสุราและเรื่องทหารคอสแสค เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูทั้งหัวข้อเลย(แอบดูมานิดนึงแล้วมีต่อว่าต่อขานกันด้วย)
                          กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 02:44:23 PM
                          ขอบพระคุณท่าน Zeus มากครับทั้งเรื่องสุราและเรื่องทหารคอสแสค เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูทั้งหัวข้อเลย(แอบดูมานิดนึงแล้วมีต่อว่าต่อขานกันด้วย)
                          กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ  ::014::
ไม่เป็นไรครับผม ผมจำขี้ปากเขามาเล่าครับ แอบมาหาความรู้กับพี่ Don บ่อย ๆ เหมือนกัน ;D
เดี๋ยวต้องจุดธูปเรียก เจ้าของผลิตภัณฑ์ สุราตราน้ำดื่มสิงห์ มาให้ความรู้อีกรอบครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 14, 2010, 02:47:17 PM
                          ขอบพระคุณท่าน Zeus มากครับทั้งเรื่องสุราและเรื่องทหารคอสแสค เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูทั้งหัวข้อเลย(แอบดูมานิดนึงแล้วมีต่อว่าต่อขานกันด้วย)
                          กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ  ::014::
ไม่เป็นไรครับผม ผมจำขี้ปากเขามาเล่าครับ แอบมาหาความรู้กับพี่ Don บ่อย ๆ เหมือนกัน ;D
เดี๋ยวต้องจุดธูปเรียก เจ้าของผลิตภัณฑ์ สุราตราน้ำดื่มสิงห์ มาให้ความรู้อีกรอบครับ ;D

กุ๊กๆกู๋................................


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 07:09:36 PM
                          ขอบพระคุณท่าน Zeus มากครับทั้งเรื่องสุราและเรื่องทหารคอสแสค เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูทั้งหัวข้อเลย(แอบดูมานิดนึงแล้วมีต่อว่าต่อขานกันด้วย)
                          กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ  ::014::
ไม่เป็นไรครับผม ผมจำขี้ปากเขามาเล่าครับ แอบมาหาความรู้กับพี่ Don บ่อย ๆ เหมือนกัน ;D
เดี๋ยวต้องจุดธูปเรียก เจ้าของผลิตภัณฑ์ สุราตราน้ำดื่มสิงห์ มาให้ความรู้อีกรอบครับ ;D

กุ๊กๆกู๋................................
ไม่บรรยายซะหน่อยละย่ะหลอนมาเป็นไก่เลย ::006::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 15, 2010, 12:01:59 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 15, 2010, 04:12:51 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::

ขอบคุณครับที่ซื้อมาฝากผม... ;D ;D ;D ที่อยู่ผมกับกวางมีนะครับ... ::005:: ::005:: ::005::


 ::014::



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 15, 2010, 04:13:51 PM
น้าจอยใจดีที่สุด


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 15, 2010, 04:24:50 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::

ขอบคุณครับที่ซื้อมาฝากผม... ;D ;D ;D ที่อยู่ผมกับกวางมีนะครับ... ::005:: ::005:: ::005::


 ::014::


น้าจอยใจดีที่สุด
เดี๋ยวน้ำลูกน้องก่อนครับว่าแผ่นไรท์ได้มั้ยถ้าได้จะพีเอ็มถามที่อยู่ครับ เล็กๆน้อยๆเองครับ












แผ่นละร้อย ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 15, 2010, 04:30:24 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::

ขอบคุณครับที่ซื้อมาฝากผม... ;D ;D ;D ที่อยู่ผมกับกวางมีนะครับ... ::005:: ::005:: ::005::


 ::014::


น้าจอยใจดีที่สุด
เดี๋ยวน้ำลูกน้องก่อนครับว่าแผ่นไรท์ได้มั้ยถ้าได้จะพีเอ็มถามที่อยู่ครับ เล็กๆน้อยๆเองครับ












แผ่นละร้อย ::007:: ::007:: ::007::

สำหรับลุงจอย... แผ่นละห้าร้อยบาทก็ยอมจ่ายครับ...




























...เก็บตังค์เดือนสิบสาม... ::007:: ::007:: ::007::

::014::



หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 15, 2010, 11:07:29 PM
ขอบคุณสำหรับคำ สุราเมรัย ครับท่าน

***

สุราที่เกี่ยวกับทหาร/ การรบอย่างหนึ่งคือ รัม เพราะกองทัพเรืออังกฤษจะมีการปันส่วนรัมให้ลูกเรือเป็นระยะ โดยเฉพาะก่อนการรบ ต้องซดรัมย้อมใจหน่อย

กองทัพเรืออื่น หรือกองทัพบกอื่นก็มีการปันส่วนเหล้า แต่จำได้แต่บางชาติครับ เช่น ของรัสเซียปันส่วนวอดก้า

สมัยนี้ยังมีรัมยี่ก้อหนึ่งชื่อ Navy rum ข้างขวดเป็นรูปธงอังกฤษ อ้างอิงว่าเป็นแบบที่ให้ทหารเรือซด

****

การ์ตูนเรื่อง ...ริก คือ Asterix ละครับ การ์ตูนฝรั่งเศสเป็นเรื่องพวก กอล สู้กับโรมัน

ต่อไปเดี๋ยวผมขอเอาเรื่อง โรมัน โดย จูเลียส ซีซาร์ รบกอล มาคุยกันครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 16, 2010, 05:18:01 AM
...แบบว่าหลายแสนเผลอๆ ถึงล้าน ทำนองนั้นละครับ เดินทัพเสียงราวกับพายุทั้งนั้น ในวรรณกรรม และนิยายต่างๆ ก็ชอบใช้จุดนี้ เร้าใจดี ผู้พิชิตนันยิ่งใหญ่ ผู้ชนะก็ไม่ใช่กระจอก

----------------

ไปอ่านรื่องเดิมที่ผมโพสไว้ปรากฎว่าพิมพ์ผิดครับ ที่จริงควรเป็น

...ผู้ชนะนั้นยิ่งใหญ่ ผู้ปราชัยก็ไม่ใช่กระจอก


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 16, 2010, 05:31:17 AM
ขออนุญาตแนะนำหนังสือเรื่องประวัติศาสตร์การทหาร การสงครมต่างๆ ส่วนมากผมจะซื้อตามหัวเรื่องที่สนใจ เช่น สงครามโลกครั้งที่สองบางสมรภูมิ สงครามกลางเมืองบางประเทศ สงครามยุคนโปเลียน สงครามเวียดนาม ฯลฯ แต่สำหรับนักเขียนบางคน ผมว่าเขียนดีมาก อ่านเข้าทาง ขอเก็บหมดไม่ว่าเขียนเรื่องอะไรครับ

1. John Keegan
2. Antony Beevor
3. Martin Van Creveld
4. Norman Davies


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 16, 2010, 05:41:26 AM
พอคุยเรื่องนักเขียนในดวงใจที่คอนตามอ่านทุกเรื่องเลยนึกถึงอีก ๒ คน ครับที่ผมตามอ่านทุกเรื่อง แต่เป็นนักมานุษยวิทยา (นอกหัวข้อหน่อย)

๑. Jared Diamond

๒. Richard Dawkins

--------------

สำหรับท่านที่ชอบเรื่องเรือใบรบ การรบร่วมสมัยเรื่อใบ ขอแนะนำนักเขียนนิยายดราม่าแอคชั่นเร้าใจชื่อดัง Wilbur Smith ผู้เขียนหนังสือนิยาย ๓๐ กว่าเรื่อง แต่เรื่อที่เป็นยุคเรือใบรบ ศตวรรษที่ ๑๘ เป็นซีรีย์ต่อเรื่องที่มันที่สุดคือ

1. Birds of prey
2. Monsoon
3. Blue horizon

iบรองสนุกเร้าใจ ยิงฟันหัวแบะ และมีเรื่องวาบหวิวคลาดเครียดคาวเลือดด้วยครับ

เรื่องอื่นๆ ของนายคนนี้ก็มันเหมือนกัน แต่เป็นยุคอื่นครับ อย่างไรก็ตามนายคนนี้เป็นอัฟริกาใต้สานอังกฤษ ตัวโกงในรื่องเป็นเยอรมัน และดัชท์ทั้งนั้นครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 16, 2010, 06:07:36 AM
                  ผมและเหล่ามวลนักเรียน(สมาชิก) ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับเรื่องสงครามระหว่างโรมันกับกอลครับ  ::014::  ผมเคยดูหนังนานแล้วพวกกอลดูจะเถื่อนๆและนักรบก็ไม่มีระเบียบวินัย คล้ายกับว่าชาวบ้านชาวนาร่วมใจกันมารบ อาวุธก็ตามแต่จะหาได้
                  นึกออกแล้วครับการ์ตูนเรื่อง Asterix มีตัวหนึ่งชื่อ Oberix(จะผิดเสียอีกหรือเปล่า)  มีการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เห็นนานแล้วเขาล้อเลียนพวกไวกิ้ง เช่นเรื่องสกปรกไม่อาบน้ำ เรื่องการกินที่มูมมามและเรื่องที่ไวกิ้งชอบใช้แต่กำลังไม่ค่อยใช้สมอง เรื่องนี้ก็ตลกดีครับ คนเขียนเก่งที่ใช้ลายเส้นง่ายๆคำพูดสั้นๆแต่อ่านแล้วขำกลิ้งทุกหน้า จำได้ว่าเจ้าตัวเอกนั้นกลัวเมียที่สุด
                  ขอบพระคุณสำหรับหรับหนังสือที่ท่านDonแนะนำครับ แต่หนักใจเรื่องภาษานี่แหละครับ  ขอความกรุณาท่านDonเอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในหนังสือมาเล่าให้เหล่านักเรียนฟังบ้างนะครับคร่าวๆก็ได้ครับ(แต่ตรงที่วาบหวิวขอละเอียดหน่อย)
                  ท่านJoyhunterทำเอาผมต้องไปรื้อเอายุทธภูมิมิดเวย์มาดูอีกครั้ง ดูทีไรก็สนุกทุกที(ในกระทู้ที่ผ่านมาก็มีเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้ครับ)  แล้วอีกสามเรื่องที่ท่านJoyได้มามีเรื่องอะไรบ้างครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 16, 2010, 05:30:55 PM
การ์ตูนช่องๆ เรื่องไวกิ้ง Hagar the horrible...

อิ อิ จริงๆ ฝรั่งยุคกลาง- ศตวรรษที่ ๑๙ จนกระทั้งมีระบบประปาที่ดี ไม่ค่อยสพอาด และไม่ชอบอาบน้ำมั้งนั้นละครับ ไม่ใช่ไม่อาบทุกวัน หรืออาทิตย์ แต่เป็นเดือนหรือปี บรรดาขุนนาง ไฮโซต่างๆ ก็อาบน้ำน้อย ต้องสางเหากันวุ่นวายครับ

ในหนังสือ History of the English speaking people ของ Winston Churchil เขียนยังบอกว่าคนเกาะอังกฤษนั้น หลังยุคโรมันครองอังกฤษเป็นต้นมาก็ต้องจนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่ ๑๙ ถึงจะมีระบบสุขอนามัยเท่ายุคโรมัน

ดังนั้นดูภาพยนต์เห็นฝรั่งยุคโบราณแต่งตัวสวยงาม วิจิตร ก็ต้องคิดเพิ่มเติมว่าความเป็นจริงนั้น ฟันหัก ฟันเหลือง ตัวเหม็น และส่วนมากมีเหากัน

มีหนังสือเรื่องหนึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร เขารวมบันทึกโบราณต่างๆ ตัดตอนมา ตั้งแต่ Xenophone บันทึกเรื่องไปรบเปอร์เซีย/ โรมันที่อยู่เมืองใกล้ๆ เห็นปอมเปอีโดนภูเขาฟกลืน/ ฝรั่งที่ไปกินข้าวกับอัลติลา เดอะ ฮั่น ฯลฯ

ตอนหนึ่งเป็นบันทึกของทูตต่างชาติ บรรยายการเข้าพบควีนอลิซาเบตที่ ๑ บอกว่า เครื่องทรงสวย ทรงสง่างามมาก ฟันเหลือง และฟันหัดหลายซี่ จนตรัสไม่ชัด

-------

เรื่องมิดเวย์ ตามที่เคยโพสแล้วว่าเป็นภาพยนต์สร้างตอนฉลอง ๒๐๐ ปีประเทศเมกาพอดี และมีหลายฉากที่ตัดตอนมาจากฟิลม์ที่ถ่ายในสงครามจริง เช่น ตอนเครื่องบินร่อนลงเรื่องบรรทุกเครื่องบิน โดยเฉพาะตอนที่ลูกผู้การเรือเป็นนักบินร่อนลงแล้วเครื่องบินไถลไปชนหอ ปีหัดทั้งสองปีก นักบินบาดเจ็บ ในฟิลม์การรบจริง นักบินคนนั้นปีกออกมาเองสบายบรื๋อครับ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 16, 2010, 05:46:44 PM
เดี๋ยวผมขอคุยเรื่อง โรมัน- กอลก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยไปไวกิ้ง จะได้ตามช่วงเวลาหน่อย

-------

สำหรับนิยายนายสมิทนั้นเล่าไม่ไหวครับ รายละเอียดมาก แต่ละเล่มก็ยาว ลักษณะโครงเรื่องคือจะทำเขียนเป็นซีรีย์เรื่องของคนหลายตระกูล เช่น คอร์ทนีย์/ บัลลันไทน์ เรื่องราวอาจติดต่อกัน ๒-๓ เล่ม เช่นเรื่องที่ผมยกมา แต่บางครั้งช่วงเวลาก็กระโดข้ามไป พวกเรื่องสองตระกูลนี้เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๘ จนถึงต้นยุคทศวรรษ ๗๐ นอกจากนี้ก็มีเรื่องแยกเฉพาะต่างหากอีกใช้ฉากย้อนกลับไปถึงยุคอียิปต์โบราณ

เนื้อเรื่องเป็นการผจญภัน รบราฆ่าฟัน บางครั้งก็อ้างฉากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เช่นอังกฤษถูกพวกมาดีฆ่าในซูดาน หรือกีฬาโอลิมปิกที่นาซีจัดปี ๑๙๓๖ ฯลฯ

รายละเอียดเนื้อหาเขียนเร้าใจ บรรยายภาพสมจริง เช่น กระสุนกระทบหัวช้างเสียงดังโพล๊ะ โคลนแห้งๆ ตามผิวกระจายเป็นฝุ่นฟุ้ง และเกินจริงบ้าง เช่น บรรยายฉากกองโจรล่าช้างเอางาโดยต้นช้างทั้งโขลงเข้าไปในดงทุ่นระเบิด...

แต่โครงสร้างเนื้อหาในแต่ละเล่มไม่สมดุลเท่าไหร่ มักจะเริ่มโดยการเล่าฉากเร้าใจ ๑ ฉาก จากนั้นก็เปลี่ยนฉาก บรรยายความเป็นไปของตังละคร เนื้อหารายละเอียกต่างๆ มากมาย ดำเนินเรื่องช้า แต่พอไปได้สัก ๒/ ๓ เล่ม ดูเหมือนกับว่าหาทางออกจากอ่าวเข้าทะเลลึกได้ เร่งเครื่องเกียร์ ๒ เป็นเกียร์ ๔ หรือ ๕ เล่าเนื้อเรื่องเร็วจี๋ และบางเรื่องเหมือนจบไม่ลง

เป็นอย่างนี้ทุกเล่ม

อย่างไรก็ตามอ่านติดตาสนุกมากครับ หลายครั้งวางไม่ลงจริงๆ


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 16, 2010, 07:16:42 PM
                    ขอบพระคุณท่าน Don มากครับที่อุตสาห์เจียดเวลามาให้ความรู้  ::014::  การ์ตูน Hagar the horrible ใช่แล้วครับ อยากหามาอ่านอีกครับ
                    เรื่องสกปรกของฝรั่งยุคโบราณ อากาศเขาคงหนาวด้วยนะครับถึงไม่ค่อยอาบน้ำกัน คงเอาน้ำหอมกลบกลิ่นกันเป็นหลัก (ฝรั่งถึงได้ทำน้ำหอมเก่ง)  ผมเคยดูหนังฝรั่งยุคโบราณฉากงานเลี้ยงในวัง พระราชาแทะน่องไก่เสร็จก็เช็ดมือกับหลังหมาที่นอนอยู่ข้างๆนั่นแหละ
                    ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับเรื่องโรมัน-กอลที่กำลังจะลงโรงครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 04:26:05 AM
สงคราม โรมัน-กอล

ในบรรดาหนังสือยุคโรมันที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน เล่มที่เล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เฉพาะด้านไว้ชัดเจนมากที่สุดเล่มหนึ่งคือหนังสือเรื่อง สงครามเกลิก ซึ่ง จูเลียส ซีซาร์ แม่ทัพโรมันผู้รบสงครามเขียนและเผยแพร่ในปี ๕๐ ก่อน ค.ศ. เป็นเรื่องการสงครามระหว่างปี ๕๘-๕๑ ก่อน ค.ศ. ระหว่างอาณาจักรโรมัน กับกอล ชนพื้นเมืองหลายเผ่าในพื้นที่ประเทศฝรั่งเศส/ เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้มีลักษณะสำคัญอีกประการคือเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดยผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายเฉพาะแน่นอนในการโฆษณาตนเองเพื่อหวังผลทางการเมือง วาระซ่อนเร้นจึงเป็นสิ่งแอบแฝงที่ผู้อ่านจะต้องคำนึงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์ได้ใช้เนื้อหารายละเอียดในหนังสือเล่มนี้เป็นจุเริ่มต้นในการศึกษาข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดี

ที่จริงโรมันรบกับกอลหลายครั้ง “ผลัดกันแพ้ และผลัดกันชนะ” อย่างไรก็ตามฉากประวัติศาสตร์การรบระหว่างโรมัน-กอล ในครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่สุดทั้งสำหรับกอลผู้แพ้และอาณาจักรโรมันผู้ชนะ โดย จูเลียส ซีซาร์ ผู้เป็นแม่ทัพโรมันได้ใช้ผลจากสงครามครั้งนี้ประกอบการดำเนินการทางการเมือง เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อาณาจักรโรมันอย่างที่ไม่เคยกลับคืนไปเหมือนเดิมได้  

ทำไมสงครามครั้งนี้ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ส่วนตัวของแม่ทัพคู่กรณี? อย่างไร? ทำไมเราอาจกล่าวได้ว่า นอกจากจูเลียสซีซาร์จะมีบทบาทเป็นแม่ทัพโรมันแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่าตัว จูเลียส ซีซาร์ เองเป็นต้นเหตุหนึ่งของสงครามในทางอ้อมก็ได้?

คำตอบของคำถามเหล่านี้จะอธิบาย “ความเป็นมา” ของสงคราม นอกจากนี้การศึกษา “ความเป็นไป” ของสงครามก็ทำให้เราเข้าใจสงครามครั้งนี้ได้มากขึ้นเช่นกัน

ในการคุยเรื่องสงครามโรมัน-กอล ผมจึงขอคุยเรื่องสงครามระหว่างปี ๕๘-๕๑ ก่อน ค.ศ. เป็นหลัก โดยจะนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็น เช่น การสงครามในอดีต และความเป็นมาเป็นไปของผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ จูเลียส ซีซ่าร์ และพวกที่สำคัญที่สุดคือ กเนอุส ปอมเปย์ โดยจะไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอาณาจักรโรมันมากเกินไป เพราะจะเป็นการออกมหาสมุทร เห็นแค่ขอบฟ้า ไม่เห็นชายฝั่งของเรื่องโรมันทั้งหมด และที่สำคัญคือผมก็คุยได้เท่าที่พอรู้/ จำได้ละครับ (ฮา)


หัวข้อ: Re: ทัศนาภาพยนต์สงคราม และสนทนายุทธวิธี
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 04:50:57 AM
โรมัน

การศึกษาอาณาจักรโรมัน นอกจากจะเป็นพื้นฐานให้เรารู้เส้นทางในประวัติศาสตร์ของชาติในยุโรป อัฟริกาเหนือ และตะวันออกกลางแล้ว ยังทำให้เราเห็นพลวัตรทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงการเมืองไปหลายรูปแบบซึ่งชาวโรมันผ่านมาหมดแล้ว ตั้งแต่การเมืองระบบกษัตริย์ – สาธารณรัฐ – จักรวรรดิ ปกครองโดยจักรพรรดิสถานะเทียบเท่าพระเจ้า

ในยุคของสงครามกอลนี้ อาณาจักรโรมันเป็นระบบสาธารณรัฐ ซึ่งมีหลายสภา แยกง่ายๆ ว่า สูงกับล่างแล้วกัน ที่จริงทั้งสองสภาก็ประกอบด้วยชนชั้นสูงทั้งนั้น แต่สภาล่างเป็นผู้นำท้องถิ่น และสภาสูงหรือซีเนตประกอบด้วยกลุ่มชนชั้นสูงสืบทายาทในครอบครัว (ขอใช้คำ ซีเนต นี้ต่อไปครับ ไม่อยากใช้คำวุฒิสภาเท่าไหร่เพราะคำว่าวุฒิชี้ไปในทางผู้มีประสบการณืยาวนาน/ สูงวัย ซึ่งไม่ใช่ระบบของโรมัน)

ระบบสภาโรมันนี้ แต่ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย เพราะสมาชิกทั้งสองสภามีสภาพเป็นผู้นำตามสายเลือด ไม่ใช่ผู้แทนที่มีวาระสับเปลี่ยนแน่นอน  

สองสภานี้มีอำนาจหน้าที่ต่างกันไป โดยทั่วไปเรียกได้ว่าคานอำนาจกัน เช่น ซีเนตมีสิทธิแต่งตั้งผู้เผด็จการในภาวะฉุกเฉินได้ แต่สภาล่างมีอำนาจเลือก “กงสุล” หรือผู้บริหารสูงสุด กงสุลมีวาระ ๑ ปี และจะมี “กงสุลสองคนพร้อมกัน” เพื่อคานอำนาจ

อำนาจหน้าที่ของสภาและกงสุลนั้นซับซ้อนมีรายละเอียดมาก เช่น อนุมัติระดมพลตั้งกองทัพ แต่งตั้งแม่ทัพในกรณีพิเศษ แต่งตั้งเจ้าครองแคว้น (มีอำนาจคุมทัพในแคว้นของตน) โรมันมีกฎหมายต่างๆ ละเอียดมาก เช่น กฎระเบียบคอยคุมวาระผู้บริหาร เช่น ผู้ใดเป็นกงสุลแล้ว ก็ต้องออกไปเป็นเจ้าแคว้นกี่ปีๆ ก่อนรับสมัครเป็นกงสุลอีกรอบ เจ้าแคว้นห้ามนำทัพออกนอกแคว้น แม่ทัพแคว้นอื่นห้ามนำทัพเข้าอิตาลี ฯลฯ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 17, 2010, 06:20:34 AM
                       โรมัน-กอล เริ่มฉายแล้วสองตอน
                       ขอบคุณครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 17, 2010, 08:55:46 AM
+1ให้แล้วครับพี่.........จบเรื่องโรม - กอล แล้วขอเพิ่มรอยหยักในสมอง เรื่องอังกฤษ สมัย"จอห์นผู้เสียแผ่นดิน” จักหน่อยครับ คือเมือวานดูโรบินฮูดภาคล่าสุดแล้วอยากรู้เรื่องต่อ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 17, 2010, 11:07:55 AM
                             ระหว่างที่รออ่านโรมัน-กอลตอนต่อไป ผมขออนุญาตคั่นรายการบอกข่าวหนังสือของเครือมติชนหน่อยนะครับ(เห็นว่าพอจะร่วมหัวข้อนี้ได้)
                             จากมติชนสุดสัปดาห์ฉบับใหม่ แจ้งว่ามีหนังสือประวัติศาสตร์สงครามออกใหม่ชื่อ " แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ " เขียนโดย ยูจีน บี. เสล็ดจ์  แปลโดย ฉัตรนคร (องคสิงห์) เขมาสารี   ตามข่าวบอกว่าหนังสือเล่มนี้ สตีเฟ่น สปิลเบิร์ก และทอม แฮงก์ส นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ ชุด The Pacific  ราคาเล่มละ ๒๙๕ บาทครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 05:40:03 PM
+1ให้แล้วครับพี่.........จบเรื่องโรม - กอล แล้วขอเพิ่มรอยหยักในสมอง เรื่องอังกฤษ สมัย"จอห์นผู้เสียแผ่นดิน” จักหน่อยครับ คือเมือวานดูโรบินฮูดภาคล่าสุดแล้วอยากรู้เรื่องต่อ ::014::

อิ อิ แล้วจะลองคุยดูครับ

อือม์ เพิ่งเคยได้ยินฉายา "จอห์นผู้เสียแผ่นดิน" นี้ ตั้งได้ดีมากครับ เพราะพระเจ้าจอห์นเป็นกษัตริย์องค์แรกที่เสียดินแดนของบัลลังค์อังกฤาในฝรั่งเศสไปขนหมด

คือเมื่อ ดุ๊ค วิลเวี่ยม ออฟ นอร์มังดี ไปรบชนะฮาโรล ก๊อดวินสันที่ เฮสติ้ง ทางตอนใต้ของอังกฤษในปี ๑๐๖๖ ได้เป็นกษัตริย์อังกฤษในปี นั้น ดินแดนต่างๆ ในฝรั่งเศสของวิลเลี่ยมก็เลยเป็นของบังลังค์อังกฤาไปด้วย มาเสียในยุคพระเจ้าจอห์นนี่แหละ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 05:49:48 PM
                             ระหว่างที่รออ่านโรมัน-กอลตอนต่อไป ผมขออนุญาตคั่นรายการบอกข่าวหนังสือของเครือมติชนหน่อยนะครับ(เห็นว่าพอจะร่วมหัวข้อนี้ได้)
                             จากมติชนสุดสัปดาห์ฉบับใหม่ แจ้งว่ามีหนังสือประวัติศาสตร์สงครามออกใหม่ชื่อ " แปซิฟิก สมรภูมิเดนตาย สหายร่วมรบ " เขียนโดย ยูจีน บี. เสล็ดจ์  แปลโดย ฉัตรนคร (องคสิงห์) เขมาสารี   ตามข่าวบอกว่าหนังสือเล่มนี้ สตีเฟ่น สปิลเบิร์ก และทอม แฮงก์ส นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ ชุด The Pacific  ราคาเล่มละ ๒๙๕ บาทครับ

ขอบคุณมากครับท่านยังน้อย ๗๔ เรื่องของนายคนนี้ผมยังไม่เคยอ่านครับ

อือม์ ผมไปเจออีกเรื่องของนายอีกคนชื่อ เล็กกี้  เห็นเขาโฆษณาไว้บนปกว่ามีเรื่องนี้ในซีรีย์แปซิฟิกเลยเอามาอ่าน ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าเรื่องของนาย เล็กกี้ ไปปรากฎอยู่ในบางส่วนของซีรีย์หรือเปล่า? ซีรีย์แปซิฟิกผมก็ยังไม่ได้ดูเลย

อย่างไรก็ตามเรื่องของนาย เล็กกี้ ค่อนข้างน่าเบื่อ อ่านไม่สนุกครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 05:54:32 PM
+1ให้แล้วครับพี่.........จบเรื่องโรม - กอล แล้วขอเพิ่มรอยหยักในสมอง เรื่องอังกฤษ สมัย"จอห์นผู้เสียแผ่นดิน” จักหน่อยครับ คือเมือวานดูโรบินฮูดภาคล่าสุดแล้วอยากรู้เรื่องต่อ ::014::

อิ อิ แล้วจะลองคุยดูครับ

อือม์ เพิ่งเคยได้ยินฉายา "จอห์นผู้เสียแผ่นดิน" นี้ ตั้งได้ดีมากครับ เพราะพระเจ้าจอห์นเป็นกษัตริย์องค์แรกที่เสียดินแดนของบัลลังค์อังกฤาในฝรั่งเศสไปขนหมด

คือเมื่อ ดุ๊ค วิลเวี่ยม ออฟ นอร์มังดี ไปรบชนะฮาโรล ก๊อดวินสันที่ เฮสติ้ง ทางตอนใต้ของอังกฤษในปี ๑๐๖๖ ได้เป็นกษัตริย์อังกฤษในปี นั้น ดินแดนต่างๆ ในฝรั่งเศสของวิลเลี่ยมก็เลยเป็นของบังลังค์อังกฤาไปด้วย มาเสียในยุคพระเจ้าจอห์นนี่แหละ

อ้อ นึกออกแล้วครับฉายา John Lackland เคยได้ยินเรียกเป็นไทยว่า กษัตริย์ไร้บัลลังค์ ที่จริง เสียแผ่นดิน ตรงความหมายมากกว่า

-------

ตอนเด็กๆ เคยมีไม้บรรทัดอันหนึ่ง มีชื่อกษัตริย์อังกฤษเรียงกันพร้อมปีที่ครองราชย์ ที่หัวไม้บรรทัดเขียนว่า The English rulers เล่นคำมีความหมายดีทั้ง ผู้ปกครอง และ ไม้บรรทัด


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 06:35:27 PM
ขอคุยเรื่องคู่กรณีก่อนคร่าวๆ ครับ

อันว่ากรุงโรมยุคซีซ่าร์ ประมาณช่วง ๑๐๐ ปี ก่อน ค.ศ. นั้น ใหญ่โตกว้างขวาง หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อครับ มีประชากรถึงประมาณ ๑ ล้านคน มีโรงละคร สนามกีฬาแข่งรถม้า บ่อแข่งเรือสู้กัน แหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งภาษาลาตินโรมันเรียกว่า เอมโพเรียม นี่แหละ โรงอาบน้ำไฮเทคผนังสองชั้นมีระบบน้ำอุ่นตามท่อ ขนถึงห้องสมุดสาธารณะให้ชาวบ้านยืมไปอ่านได้

สมัยนั้นต้องบอกว่ากรุงโรมนั้นเป็นชุมชนใหญ่มากที่สุดที่โลกตะวันตกเคยรู้จักจริงๆ ครับ สมัยกรีก นครรัฐกรีกก็ไม่เคยมีประชากรเกิน ๔-๕ หมื่น รัฐสปาร์ต้าที่ยิ่งใหญ่ มีกองทัพอันเข้มแข็งนั้นก็มีกำลังรบได้มากที่สุดแค่ ๑๐,๐๐๐ คนนิดๆ (ที่โฮเมอร์แต่งเรื่องอีเลียตว่าสปาร์ต้ารวมกำลังพันธมิตรยกทัพไปตีกรุงทรองถึง ๔๐,๐๐๐ คนนั้น แต่งเพื่อให้ดูเป็นกองทัพมหึมาใหญ่เกินจริงไปมากแล้วครับ)

หลังกรุงโรมล่มสลาย จนถึงสิ้นสุดยุคกลางก็ไม่มีเมืองใดในยุโรปใหญ่ขนาดนี้อีกเลย ในยุคกลางนั้นเมืองที่มีประชากร ๑ แสนคนกว่าๆ ถือว่าใหญ่มากๆ แล้ว ส่วนมากเมืองใหญ่มีประชากรไม่กี่หมื่น จนมากระทั่งศตวรรษที่ ๑๙ เชียวครับ กว่า ลอนดอน และปารีส จะมีประชากรถึง ๑ ล้านคน ปลายศตวรรษที่ ๑๙ ลอนดอนก็มีประชากรแค่ ๒ ล้านกว่าคน

ในศตวรรษที่ ๕ กรุงโรม ซึ่งตอนนั้นกลางเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันตะวันตก (แยกกับอาณาจักรโรมทันตะวันออกที่มีเมืองหลวอยู่ที่คอนสแตนติโนเปิ้ล หรืออิสตันบูลปัจุบัน) ถูกชนเผ่าเยอรมันตีแตกแลจักรพรรดิต้องหนีภัย ยุติระบบเดิมนั้น การปกครองรวมศูนย์ของอาณาจักรล่มสลาย

การปกครองกลับไปสู่ระดับขุนศึกในพื้นที่ต่างๆ ในยุโรป คุมประชาชนกันอยู่ในเขตของตนเอง ประชาชนเดินทางเคลื่อนย้ายน้อย ขุนศึกขึ้นอยู่กับขุนศึกระดับใหญ่ ในที่สุดก็พัฒนาการไปเป็นระบบศักดินาฝรั่งในช่วงศตวรรษที่ ๙ (หนังสือ “ฝรั่งศักดินา” ของคุณชายคึกฤทธิ์เป็นหนังสือภาษาไทยที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้)

เมื่อสังคมถูกบางย่อยเป็นขนาดเล็ก ติดต่อสื่อสารกันน้อย เทคโนโลยี่ การพัฒนา และศักยภาพต่างๆ ก็ลดน้อยถอยลงไป กรุงโรมเอง ลดขนาดลงจนในที่สุดเหลือประชากรแค่ ๔ – ๕๐,๐๐๐ คน ครับ

การที่ฝรั่งเรียกยุคหลังโรมล่มสลาย และยุคกลางตอนต้นๆ ว่ายุคมืดนั้นจึงมีนัยยะมากทีเดียว ทั้งทางทางเทคโนโลยี่ ประเพณี พิธีกรรมยิ่งใหญ่ และระบบการปกครองรวมศูนย์ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 17, 2010, 06:44:20 PM
+1ให้แล้วครับพี่.........จบเรื่องโรม - กอล แล้วขอเพิ่มรอยหยักในสมอง เรื่องอังกฤษ สมัย"จอห์นผู้เสียแผ่นดิน” จักหน่อยครับ คือเมือวานดูโรบินฮูดภาคล่าสุดแล้วอยากรู้เรื่องต่อ ::014::
                        ผมขอยกมือสนับสนุนท่าน Zeus ด้วยอีกหนึ่งเสียงครับ ::002::
                        หนังเรื่องโรบินฮู๊ดมีสร้างกันเยอะจังนะครับและก็สนุกทุกที แต่กลายเป็นว่าผมชอบเวอร์ชั่นตลกมากที่สุด(ที่เมดแมเรียนใส่เข็มขัดกันชู้น่ะครับ) ::007::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 06:56:44 PM
อันว่าคนเรานั้นไม่ได้สู้รบตบมือหรือแข่งขันกันได้เพราะความสามารถส่วนตัว แต่ศักยภาพของคนเรานั้นอยู่ที่ความสามารถในการร่วมมือกัน อยู่รวมกันเป็นสังคมใหญ่ มีการปกครองแน่นอนต่อเนื่อง ละมีระเบียบต่างๆ ชัดเจนใช้งานได้

โรมก็เป็นตัวอย่างที่ดีของความจริงนี้ สังคมโรมันใหญ่โตมาก จัดระเบียบแบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน และมีการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ผู้มีอำนาจจะใช้อำนาจดิบบิดกฎต่างๆ ก็ตาม แต่การปกครองทั่วไปก็อยู่ในแนวทางที่แน่นอน  

เมื่อสังคมใหญ่มีระบบระเบียบแน่นอนก็สามารถสร้างกองทัพใหญ่มีความเข้มแข็งต่อเนื่องรักษามาตรฐานได้ แม่ทัพโรมันผู้หนึ่งกล่าวว่า “โรมันเราไม่ได้แข็งแรงอย่างพวกสเปน ไม่ได้เจ้าเลห์อย่างพวกอัฟริกัน ไม่ได้มีจำนวนมากอย่างพวกกอล เราเอาชนะพวกเหล่านี้ได้ด้วยระบบระเบียบของเราเท่านั้น”

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้โรมันเอาชนชาติอื่นเป็นเจ้าจักรวรรดิมีพื้นที่ทั้งสามทวีปได้ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกเรียกว่าเป็น ทะเลสาบของโรมัน และชนชาติอื่นอาจจะท้าทายอำนาจโรมันไดชั่วคราวเท่านั้น

ที่จริงอำนาจการปกครองของโรมันได้นำระบบระเบียบต่างๆ ที่สำคัญที่สุดคือระบบการปกครองรวมศูนย์ไปเผยแพร่ยังชนชาติยุโรปอื่นๆ ประสบการณ์จากระบบระเบียบของโรมันนี้เองที่ทำให้ชนชาติยุโรปภายใต้การปกครองสามารถสร้างระบบรวมศูนย์การปกครองต่อมาได้ ถึงแม้ในยุคกลางขุนศึกท้องถิ่นจะมีอำนาจการปกครองในเขตของตนเองแต่ก็ขึ้นกับเจ้าที่มีอำนาจครอบคลุมเขตใหญ่โต จนสามารถเรียกว่าประเทศได้ ต่างกับชนชาติยุโรปในพื้นที่ๆ ไม่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน และยังคงเป็นสังคมระดับชนเผ่าอยู่ ความแตกต่างนี้เป็นตัวชี้ว่าอีกหน่อยยุโรปชาติไหนจะเป็นนายใคร และชาติไหนจะใหญ่ก่อนใคร เช่น

๑. อังกฤษอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน ส่วน สก๊อตแลนด์ เวลส์ ไอร์แลนด์ไม่อยู่ ทำให้อังกฤษกลายเป็นชนชาติใหญ่ขณะที่พวกอื่นๆ ยังเป็นเผ่าระบบ แคลน (Clan) แมกนั้นแมกนี่ โอนั้นโอนี่ ถูกอังกฤาลาตีตกเป็นข้าเขา

๒. ฝรั่งเศสก็เป็นแคว้นใหญ่ตั้งแต่ยุคกลาง และต่อมาก็รวมศูนย์อำนาจปกครองทั้งประเทศได้เร็ว แต่เยอรมันซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของโรมันยังคงเป็นเขตปกครองของเจ้าท้องถิ่นถึง ๑,๕๐๐ เขตในยุคกลาง และร้อยกว่าเขตในศตวรรษที่ ๑๘ จนกระทั่งรวมชาติได้ในปลายศตวรรษที่ ๑๙

๓. ในชนชาติเชื้อสายเยอรมันกันเอง ออสเตรียอยู่ในพื้นที่การแกครองของโรมัน รวมตัวเป็นประเทศใหญ่กว่าได้ในยุคกลาง  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 07:01:07 PM
+1ให้แล้วครับพี่.........จบเรื่องโรม - กอล แล้วขอเพิ่มรอยหยักในสมอง เรื่องอังกฤษ สมัย"จอห์นผู้เสียแผ่นดิน” จักหน่อยครับ คือเมือวานดูโรบินฮูดภาคล่าสุดแล้วอยากรู้เรื่องต่อ ::014::
                        ผมขอยกมือสนับสนุนท่าน Zeus ด้วยอีกหนึ่งเสียงครับ ::002::
                        หนังเรื่องโรบินฮู๊ดมีสร้างกันเยอะจังนะครับและก็สนุกทุกที แต่กลายเป็นว่าผมชอบเวอร์ชั่นตลกมากที่สุด(ที่เมดแมเรียนใส่เข็มขัดกันชู้น่ะครับ) ::007::

กร๊ากกกก เวอร์ชั่นนี้อย่างฮา โดยเฉพาะตอนจบโรบินร้องหาช่างกุฒแจเสียงหลง ภาพยนต์ตลกของ เมล บรู๊ค นี่ท่านยังน้อยดูเรื่อง History of the world หรือเปล่าครับ? ตลกบ้าดีแท้

ถ้ายังลองยูทูปดูก็ได้ครับ History of the world Mel Brook ในยูทูปแบ่งเป็น ๑๐ ตอน

อย่าลืมเสริชเรื่อง Hitler rap ของ เมล บรู๊ค ฮิตเล่อร์มาร้อง/ เต้นมิวสิกเพลงแรปด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 07:02:53 PM
ผมบวกคะแนนคืนท่านซีแล้วครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 07:07:19 PM
โอ้ ไม่ใช่ออนไอซ์ อันนั้นแค่สปอตโฆษณา แต่เป็น Hitler rap นะครับ

ตาเมล บรู๊ตแกเป็นยิวเอง แต่เรื่องตลกเสียดสีนี่ทำได้อย่างบ๊องค์ครับ

Hitler Rap (http://www.youtube.com/watch?v=yu2NqfISm9k#)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 17, 2010, 07:17:57 PM
                   ขอบคุณครับท่านดอน  ::014:: ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมโรมันถึงเก่งเหลือหลายทั้งที่โรมก็เล็กนิดเดียว
                   ผมขออภัยด้วยที่มาโพสเรื่องโรบินฮู๊ดขัดจังหวะ เพราะตอนผมเริ่มพิมพ์เห็นมีถึง #818เท่านั้น ท่านผู้อ่านอย่าหาว่าผมทำเสียอารมณ์นะครับ ::014::
                   ก่อนกดตั้งกระทู้นี้ก็เห็นท่านดอนแนะนำ  History of the world กับ  Hitler rap ไว้อีก  คืนนี้ต้องดูแน่ๆ ขอบพระคุณมากครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 07:25:39 PM
เนื้อเพลงแรปครับ เมล บรูค สร้างภาพยนต์ตลกเรื่อง To be or not to be เกี่ยวกับยุคนาซี และออกมิวสิกเพลงนี้ต่างหาก
Well

hi there people

you know me

I used to run a little joint called Germany.

I was number one

the people's choice

And everybody listened to my mighty voice.

My name is Adolf

I'm on the mike.

I'm gonna hip you to the story of the New Third Reich.

It all began down in Munich town and pretty soon

The word started gettin' around.

So I said to Martin Boorman

I said

Hey Marty, why don't we throw a little nazi party?

We had an election

well

kinda sorta

And before you knew it hello

new order.

To all those mothers in the fatherland I said

Achtung, Baby, I got me a plan
.
'YVhatcha got Adolf? Whatcha gonna do?"

I said "how about this one

World War Two?"

To be or not to be
oh baby
can't you see
We're gonna take it to the top. You're making history
And it feels so good to me
ooh darlin'
please don't ever stop.

Don't be stupid; be a smarty

come on and join the nazi party - party.

Like humpty dumpty offa that wall

All the little countries they began to fall

Holland
Belgium
Denmark
Poland-

The troops were rockin' and the tanks were rollin'

We were swingin' along with a song in our hearts.

And "Deutschland uber alles" was making the charts

We had a new step called a goosestep we were dancing to.
Well

it's sorta kinda like a German boogaloo

I was gettin' what I wanted

but it wasn't enough.

So I called the boys

I said boys

get though

Now I surrounded myself with some unusual cats.

There was skinny little Goebbles and Goering mister fats

And let's not forget ole Himmler and Hess.

You'd better believe we made a hell of a mess

Say Heil - Heil - siegety Heil

we gonna whip it on the people teutonic style

To be or not to be
oh baby
can't you see
We're gonna make it to the top. You are our destiny
This thing was meant to be
why don't we do it till we drop?

Say you boots ain't black and shirt ainY brown?

Well

get back Jack

you can't get down. Do it

Adolf

do it.

I drank wine from the Rhine with the finest ladies

And we did it in the back of my black Mercedes.

I was on a roll

I couldn't lose

then came D-day

the birth of the blues.

The Yanks and the Brits started raising cain

Those guys were the pits

I was goin' insane.

People all around me started swallowing pills

Let's face it

folks

we was going downhill.

Berlin was crumbling

we was under the gun

Time to look out for number one.

So I grabbed a blonde and a case of beer

Say the Russians are commin'

lets get out of here.

To be or not to be
oh honey
can't you see
We had to take it to the top. You sure made history
And it felt so good to me
oh schatze

Please don't ever stop.

Auf wiedersehn

good to've seen ya

I got a one way ticket to Argentina.

To be or not to be
oh baby
can't you see
We've got to take it to the top. You're makin' history
And it feels so good to me

Why don't we do it till we drop?

We have ways of making you dance . . .

- Sprechen Sie Argentinian ?


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 17, 2010, 07:30:34 PM
                  ขอบคุณครับท่านดอน  ::014:: ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมโรมันถึงเก่งเหลือหลายทั้งที่โรมก็เล็กนิดเดียว
                   ผมขออภัยด้วยที่มาโพสเรื่องโรบินฮู๊ดขัดจังหวะ เพราะตอนผมเริ่มพิมพ์เห็นมีถึง #818เท่านั้น ท่านผู้อ่านอย่าหาว่าผมทำเสียอารมณ์นะครับ ::014::
                   ก่อนกดตั้งกระทู้นี้ก็เห็นท่านดอนแนะนำ  History of the world กับ  Hitler rap ไว้อีก  คืนนี้ต้องดูแน่ๆ ขอบพระคุณมากครับ  ::014::

อิ อิ ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ครับ วันนี้ผมก็คุยเรื่องกอลต่อไม่ไหวแล้ว เรื่อง History...  ตอนอาณาจักรโรมันอย่าลิมดูแถบป้ายผ้าโฆษณาในตลาดนะครับ ฮามาก

นายเมลมีเรื่อง แฟรงค์เกนสไตน์ด้วย ทำเป็นขาวดำ แต่ฮาไม่เท่า History...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 17, 2010, 07:50:11 PM
                 ขอบพระคุณครับท่านดอน  ::014:: และขอขอบพระคุณแทนสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ  ::014::
                 หัวข้อสนทนาภาพยนตร์ฯนี้คนอ่านมากนะครับ(เพื่อนผมบอก) ::002::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 18, 2010, 02:03:55 PM
กอล

กอลคือชื่อเรียกรวมๆ ที่โรมันเรียกชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ทั่วทั้งพื้นที่ประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยม/ เนเธอร์แลนด์/ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์/ สวิสเซอร์แลนด์ และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ กอลมีจำนวนหลายสิบเผ่า เผ่าใหญ่ๆ มีจำนวนเป็นหมื่นคน ที่จริงเราก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแคว้น แต่หนังสือฝรั่งเรียกเป็นเผ่าตามแบบโรมัน เราเรียกตามสะดวกๆ ไปดีกว่าครับ เป็นการเทียบให้ต่างกับความเป็นอาณาจักรของโรมันทั้งในเรื่องเชื้อชาติและระบบสังคม เรื่องจากความเป็นสังคมชนเผ่านั้น ปัจจัยพื้นฐานที่สุดจะต้องเป็นชนเชื้อชาติเดียวกัน ส่วนอาณาจักรโรมันรวมชนหลายเชื้อชาติเข้าด้วยกัน คือความเป็นโรมันนั้นไม่ได้มาจากสายเลือกความเป็นชนชาติเดียวกันอย่างเดียวครับ แต่มาจากสถานะทางกฎหมายว่าใครมีสัญชาติโรมัน ก็จะมีสิทธิ/ หน้าที่ของประชาชนโรมัน โรมันอาจออกกฎหมายให้สัญชาติแก่ชนชาติอื่นใดตามพื้นที่ก็ได้ หรือคนชาติอื่นได้อาจได้รับการแปลงสัญชาติเป็นรายบุคคลก็ได้ โรมันเชื้อสายอื่นนี้ได้ดินได้ดีเป็นม่ทัพใหญ่ หรือในยุคจักรววรดิ แย่งอำนาจได้เป็นจักรพรรดิไปหลายคน

พวกเผ่ากอลนี้ชื่อมักลงท้ายด้วยเสียงสระ "อี" "เอ" เช่น เบลเก้ (ก็พวกที่ปัจจุบันเป้นเบลเยี่ยมละครับ)/ โมรินี่/ อาเวนี่/ เวเนตี่/ ปารีสี (ก็พวกที่มาจากแถบที่ตอนนี้เป็นกรุงปารีสนั่นละครับ)/ เฮลเวตติ (สวิส) ฟังคล้ายๆ อินเดียนแดง คุณชายคึกฤทธิ์ เขียนไว้ว่า ถ้าพวกโรมันมีฮอลีวู้ดก็คงสร้างหนังโรมันรบกอลคล้ายๆ กับเมกันรบอินเดียนแดง

สมัยนั้นเข้ายุคเหล็กมาประมาณพันปีแล้ว อาวุธของกอลก็ดีพอควรเป็นเหล็ก แต่เชื่อได้ว่ายังให้เกราะ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เนบรอนซ์อยู่มากเพราะการผลิตเหล็กนั้นยากมาก สำหรับยุทธวิธีการรบ กอลถูกโรมันปกครองมาร้อยกว่าปีแล้ว ได้ความรู้เรื่องการรบจากการเห็นทหารโรมัน และบางเผ่าบางพวกก็เข้าเป็นทหารโรมัน ถึงจะมีระบบระเบียบ และมีอุปกรณ์ไม่เท่าแต่ก็พูดไม่ได้ว่าด้วยกว่ารันอย่างเทียบไม่ติด ความเสียเปรียบส่วนมากอยู่ที่การรวมกลุ่มเป็นกองทัพใหญ่ การบริหารจัดการกำลังรบประเภทต่างๆ และการบังคับบัญชาในกองทัพที่มีหลายกลุ่มนั้นมากกว่า

นอกจากอาวุธสั้นประจำกายตามที่คุยกันในหัวข้อนี้มาแล้ว โรมันและกอลยังใช้อาวุธยิงมาก ทั้งเครื่องดีดหิน ธนูยักษ์ ฯลฯ ในหนังสือสงครามเกลิกยังมีบ่อยๆ ว่าในการเข้าตีที่มั่น ทหารโรมันต้องขุดสนามเพลาะหลบอาวุธยิงเข้าไปใกล้ที่มั่นกอลก่อนจะขึ้นมาเข้าตี

คุยเรื่องกอลแล้วเลยขอพาดพิงเรื่องพวกไบรตัน หรืออังกฤษที่ซีซ่าร์ไปตีด้วย คือพวกไบรตันในเกาะอังกฤษ หรือที่โรมันเรียกว่าอัลเบียน (Albion) เป็นชนเผ่าหลายเผ่าเหมือนกับกอลในฝรั่งเศส แต่พวกนี้ไม่เคยอยู่กัยโรมันมาก่อน รบไม่เก่งเท่าพวกกอลครับ ชอบวิ่งเข้ามาเป็นฝูงๆ และไม่มีอุปกรณ์เครื่องรบอาวุธหนัก


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 18, 2010, 02:15:12 PM
                     " กอลมาแล้ว " ขอบพระคุณครับท่านDon  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 03:05:21 AM
กอลและโรมันเคยมีคดีกันมาแล้วตั้งแต่ยุคโรมันยังไม่เป็นอาณาจักรใหญ่เข้มแข็ง ในปี ๓๙๐ ก่อน ค.ศ. พวกกอลได้รุกรานเข้าไปยังคาบสมุทรอิตาลีและตีกรุงโรมซึ่งสมัยนั้นยังเป็นเมืองไม่ใหญ่ ไม่มีอำนาจนักแตก เป็นชัยชนะของกอลเหนือโรมันยุคแรกๆ ก่อนสงครามปิวนิก คาร์เธจ-โรมัน ถึงเกือบ ๒๐๐ ปี หลังจากนั้นในปี ๑๐๒ - ๑๐๑ ก่อน ค.ศ. กอลก็เคยยกกำลังมารุกรานโรมันอีก แต่กองทัพโรมันต่อสู้ต้านไว้ได้

ในช่วง ๑๐๐ ปีก่อน ค.ศ. กอลอยู่ภายสต้การปกครองของโรมัน แต่จัดได้ว่าเป็นแคว้นเถื่อน หรือ ไวด์เวส ของอาณาจักรโรมันครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 03:37:12 AM
โดยทั่วไปเราได้ยินคำว่า "ซีซาร์" ในความหมายว่า “จักรพรรดิ” คำว่าซีซ่าร์ใช้ต่อชื่อจักรพรรดิโรมันต่างๆ เช่น ออกัสตัส ซีซาร์ และใช้เรียกแซ่ซ้องสรรเสริญทั่วไป ชื่อบุคคลของ ไกอุส จูลิอุส ซีซาร์ (เรียกควบเสียงง่ายๆ ว่า จูเลียส ซีซาร์)  ได้กลายเป็นคำที่มีความหมายว่าจักรพรรดิ เช่นเดียวกับคำว่า ฟาโรห์ จักรพรรดิอียิปต์โบราณ ต่อมาคำว่า ซีซาร์ ได้แผลงเป็นคำที่มีความหมายจักรพรรดิในอีกหลายชาติหลายภาษา เช่น ซาร์ ของรัสเซีย และ ไกเซอร์ ของเยอรมัน  

จูเลียส ซีซ่าร์ บุคคลในชนชั้นซีเนตในยุคสาธารณรัฐของอาณาจักรโรมัน ได้เป็นกงสุล เป็นเจ้าแคว้นและแม่ทัพพิชิตข้าศึกสำคัญ ดำเนินการทางการเมืองจนได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้เผด็จการตลอดชีวิต จนในที่สุดถูกฆ่าตายในตำแหน่ง และผลของการต่อสู้ล้างแค้นระหว่างกลุ่มต่างๆ ได้เปลียนอาณาจักรโรมันอย่างไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป และนำไปสู่ระบอบจักรพรรดิโดน ออกัสตัส หรือชื่อเดิมคือ ออกตาเวียน หลานของจูเลียส ซีซ่าร์เอง

ในทำนองเดียวกับที่เราสามารถพูดได้ว่า ประวัติศาสตร์ยุโรปประมาณ ๒๕ ปี ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ ๑๘ ถึง ปี ๑๘๑๕ คือประวัติศาสตร์ของนโปเลียน โบนาปาร์ต เราก็กล่าวได้เช่นเดียวกันว่าการสงครามโรมัน-กอล ครั้งสำคัญนี้คือประวัติการศึกส่วนตัวของจูเลียส ซีซ่าร์ และเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของจูเลียส ซีซ่าร์ ที่จะเปลี่ยนอาณาจักรโรมันอย่างถาวรดังกล่าว

ผมจึงขอคุยเกริ่นเรื่องของจูเลียส ซีซ่าร์ย้อนกลับไปมากหน่อย ที่จริงขอย้อนไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญต่อเส้นทางชีวิตของซีซ่าร์ คือ กเนอุส ปอมเปย์ รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองของอาณาจักรโรมันในช่วงก่อนหน้าที่นำไปสู่เหตุการณ์สงครามครับ



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:14:00 AM
ในช่วงประมาณ ๑๐๐ ปีก่อนพระเยซูเกิดนั้นสถานการณ์การเมืองอาณาจักรโรมันแตกแยกรุนแรง มีความขัดแย้งระหว่างผู้นำการเมืองกลุ่มเจ้าพ่อท้องถิ่นที่ "อ้างว่า" ทำเพื่อนประชาชน ผมขอเรียกง่ายๆ ต่อไปว่า “ประชานิยม” กับกลุ่มไฮโซโรมันที่ "อ้างว่า" ทำเพื่อแบบแผนสาธารณรัฐพับริคเดิม ผมขอเรียกง่ายๆ ต่อไปว่า “อนุรักษ์นิยม” ที่จริงทั้งสองกลุ่มทำอะไรเพื่อนกลุ่มตนเองทั้งนั้น  แก่งแย่งอำนาจกันทั้งในซีเนตและสภาล่างครับ โดยใช้กลไกอำนาจของทั้งสองสภาต่อสู้กันครับ

ส่วนประเด็นความขัดแย้งนั้นก็ออกจะคุ้นๆ หูอยู่ ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญอย่างแม่ทัพ การเลือกตั้งกงสุลระหว่างกลุ่มผู้มีอำนาจด้วยกันเอง ส่วนปัญหาเรื้อรัง หรือปัญหาธรรมชาติโลกแตก เช่น ที่ดินทำกิน โดยเฉพาะที่ดินทำกินของทหารเกณฑ์โรมันที่ปลดประจำการมา ปัญหาการปกครองท้องถิ่น

ท่านอาจสงสัยว่าปัญหาเหล่านี้ซึ่งมีมาก่อนแล้ว เป็นสาเหตุทำให้เกิดการแบ่งแยกผู้เกี่ยวข้องออกเป็นกลุ่มต่างๆ และนำไปสู่ความขัดแย้ง?

หรือ กลุ่มต่างๆ มีอยู่ก่อนแล้วตามผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม (หรือเพื่ออุดมการณ์ประเสริญเพื่อมหาชนหรือระบบอะไรๆ ตามที่อ้าง) แล้วนำประเด็นการเมือง สังคมต่างๆ มาต่อสู้กัน?

ผมตอบไม่ได้ครับ เหมือนปัญหาไก่เกิดก่อนไข่นั่นแหละ แต่ความแน่นอนคือผู้นำทุกกลุ่มคือขุน ส่วนรากหญ้าโรมันคือเบี้ย และทุกตัวหมากรุกก็พยายามจัดการที่ทางของตนให้ดีที่สุดทั้งด้วยความร่วมมือและความเสียหายของตัวหมากรุกอื่น   


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:25:53 AM
บัดนั้น ๘๐ กว่าปี ก่อนพระเยซูเกิด ในท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว โรมเกิดมีการศึกกับเจ้าเมืองตะวันออก ก็ต้องจัดทัพ ตั้งแม่ทัพไปสู้ ตอนแรกฝ่ายอนุรักษ์ ออกเสียงแต่งตั้ง ลูเชียส คอเนลิอุส ซุลล่า ซึ่งเคยเป็นกงสุลเก่าให้เป็นแม่ทัพ แต่ฝ่ายประชานิยมคัดค้าน ต้องการตั้งแม่ทัพเก่าอีกคนแทน โผยังไม่ทันออกซุลล่าก็โวยว่า “ถึงใครจะเป็นแมทัพ ก็ต้องให้สายทหารเก่าของข้าไปรบและรวบทรัพย์สมบัติที่รบชนะ (ปล้นได้) จากเมืองข้าศึกนะเฟ้ย !” ยังทะเลาะกันอยู่ ซุลล่าก็รวมรวบรวมทหารเก่าของตนยกกำลังเข้าโรมแล้วไล่ฆ่านักการเมืองขั้วตรงข้ามที่ไม่สนับสนุนการแต่งตั้งตน

มาถึงขั้นนี้ซุลล่าก็เลยตั้งตนเป็นผู้เผด็จการโรมตามกฎหมายฉุกเฉิน คุมกรุงโรม และยกทัพไปตีเข้าเมืองตะวันออกดังกล่าว (โรมันมีกฎหมายฉุกเฉินจริงๆ นะครับ ผมกำลังคุยเรื่องโรมันโบราณ ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องประเทศสาระขำขันยุคศตวรรษที่ ๒๑ ครับ)

ซุลล่ารบชนะได้ทรัพย์กลับมามากมายจริงๆ ก็ยกทัพกลับกรุงโรม ช่วงที่ซุลล่าไม่อยู่ไม่อยู่ฝ่ายประชานิยมก็ตั้งกองกำลังรอตีกัน

สมัยนั้นเล่นตรงไปตรงมาไม่ชอบตากแดดจ้องตากันให้พ่อยกแม่ยกใจร้อนด่า ซุลล่ายกทัพกลับมาเลยรบกันจะๆ หน้ากรุงโรม ซุลล่า ชนะเข้าเมืองไล่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามอีกเรีบร้อยโรงเรียนโรมัน

ซุลล่าก็ขยายอำนาจตนเอง ตั้งตำแหน่งสภาสูงเพิ่ม ตั้งเด็กๆ ไปลงที่ต่างๆ ฯลฯ พอรู้สึกว่ามั่นคงดีแล้วก็เกษียณอายุตัวเองไปนั่งกินนอนกินในบ้านชนบท

การเมืองโรมก็ตกเป็นของขั้วอนุรักษ์ต่อมาอีกสิบกว่าปี

ในเหตุการร์แอคชั่นสนั่นหลายเมืองที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ ซุลล่ามีนายทหารดาวรุ่งอยู่คนหนึ่งชื่อ กเนอุส ปอมเปย์

ที่คุยเรื่องซุลล่าก็เพื่อเสริมให้เห็นความเป็นตัวตน และความเป็นมาของปอมเปย์ครับ ซุลล่าไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับซีซ่าร์อะไร แต่ปอมเปย์เป็นทั้งคนดังนำหน้า ผู้อุปถัมภ์ พันธมิตร ลูกเขย และศัตรูสำคัญของซีซ่าร์ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:38:24 AM
ซุลล่า หน้าโหดพอควร แต่รูปสลักนี้จมูกแหว่งไปแล้ว :P


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:41:52 AM
แสดงรูปสลัก ปอมเปย์ ก่อนแล้วกันครับ หน้าตาอวบอูมยังกับพ่อค้าน้ำมันมะกอกใจดียังงี้แหละเป็นแม่ทัพตั้งแต่หนุ่ม มีฉายาว่า "นักฆ่าหน้าวัยรุ่น" และมีความกะล่อนเหี้ยมทางการเมืองอย่างสูงที่สุด

ปอมเปย์ภูมิใจมากที่มีผมสลวย ชอบทำผมทรงหยิกปรกหน้าผากแบบอเล๊กซานเดอร์ เดอะ เกรท เพราะปอมเปย์อ้างว่าตนนั้นมีความยิ่งใหญ่เทียบเทียมกัน ตามที่จะคุยต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 19, 2010, 04:58:59 AM
แนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับความพินาศอาณาจักรโรมันมาเสนอ1เรื่องครับ แต่ความพินาศทางความรู้และภูมิปัญญา 

สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางศาสนาและวิทยาศาสตร์ เป็นผลให้ Hypatia นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้ปราดเปรื่องถูกสังหาร

หอสมุดอเล็กซานเดรียและหอสมุดอื่นๆถูกเผาวอดวาย เรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ครับ

และในเรื่องจริง Hypatia ถูกพวกคลั่งศาสนาสังหารอย่างทารุณโหดร้ายมาก ด้วยการลากเธอลงมาจากรถม้าฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ร่างเปลีอยเปล่า

จากนั้นใช้ของมีคม (บางตำราว่าใช้เปลือกหอย) กรีดลงบนร่างทั้งเป็นจนสิ้นลม หลังจากสิ้นลมก็แล่เนื้อหนังของเธอทิ้งจนเหลือแต่กระดูก

(http://images.myfri3nd.com/user/121/132121/upload/movie/3/Agora.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:21:36 PM
โอ้ ขอบคุณมากครับคุณอรชุน ผมต้องไปหามาดูซะแล้ว โดยเฉพาะถ้าคุณไวส์แสดงเร่องไหนๆ ก็ต้องดูครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 19, 2010, 04:23:56 PM
ปอมเปย์ เดอะ เกรท (ฉายาทหารตั้งให้ครับ) ผู้อุปภัมถ์ให้ซีซาร์ยืมตังค์ (ฮ่า ฮ่า) พันธมิตรทางการเมือง ลูกเขย และในที่สุดกลายเป็นศัตรูนำทัพเข้าสู้กันในสงครามกลางเมือง โรมันฆ่าโรมัน

ทั้งๆ ที่ปอมเปย์ และซีซ่าร์เป็นตัวแทนของความเป็น นายทุน ขุนศึก ผู้เผด็จการ และก่อสงครามกลางเมืองอาณาจักรโรมัน แต่เมื่อดูเส้นทางชีวิตกันแล้ว ทั้งคู่ขึ้นมามีอำนาจ (แอบอ้าง) รณรงค์ทางการเมืองเสียงดังฟังชัดว่าเป็นนักการเมืองโรมันค่าย “ประชานิยม”  โกงแล้วต้องรวย เอ๊ย รวยแล้วไม่โกง ทำอะไรเพื่อเสรีภาพของมหาชนทั้งนั้นเลย โรมันทั้งสองค่ายเขาใช้คำว่า “เสรีภาพ” พร่าบ่นเป็นบทสวดในการหาเสียง และเป็นเหตุผลหลักในการทำอะไรก็ได้ครับ (เผอิญโรมันไม่ชอบใช้คาถาศักดิ์สิทธิ์อีกคำว่า ประชาทิปใคร)

เรื่องแบบนี้ไม่น่าแปลกใจครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นยุคคนถ้ำ ยุคโรมันโรเผือก หรือยุคมนุษย์อวกาศ (ทำไม่ไม่เรียกว่าคนอวกาศละครับ?) คนเราเมื่อเป็นนายทุน ขุนศึก และนักการเมืองพร้อมๆ กัน ย่อมจะกลายเป็นคนหลายหน้าขนาดที่ทศกัณฐ์อายไปเลย นอกจากนี้รากหญ้าก็มีแนวโน้มจะโดนช้างที่ชนกันฉี่รดให้ปุ๋ย กลายเป็นรากเน่าอยู่เสมอครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: blackNwhite ที่ กันยายน 19, 2010, 08:41:47 PM
ดูหนังเรื่อง Blackbook มา แล้วพยายามหาดูว่ามีใครวิจารณ์หนังเรื่องนี้ บ้างหรือไม่ ปรากฏว่ายังไม่มีใครพูดถึง เลยขอคุยเรื่องนี้ตามที่ได้ดูมาแต่ขอ ออกตัวก่อนนะครับ ว่าไม่มีความรู้ประวัติศาสตร์เท่าไร หนังที่ดูมีจุดประสงค์เพื่อความบันเทิงเป็นส่วนใหญ่

เริ่มจากปกหนังเรื่องนี้ก่อน  ครั้งแรกที่เห็นปกหนังเรื่องนี้ก็สะดุดตามาก เพราะดูสวยงาม คลาสสิคดี  พออ่านเรื่องย่อๆข้างกล่องก็เลยคว้ามาในทันใด  เสียดายรูปที่ถ่ายมานั้นถ่ายมาจาก มือถือ  ไม่ใช่กล้องดิจิตอล จึงไม่ค่อยชัดเท่าไร  พอดีกล้องดิจิตอล พรรคพวกยืมไป ยังไม่มาคืน  มิเช่นนั้นคงจะได้ดื่มด่ำกับความงามของภาพมากกว่านี้

รูปแรกคือรูป ปก โดยทางด้านขวาคือ ปกหน้า  ส่วนทางด้านขวา คือปกหลัง

(http://i210.photobucket.com/albums/bb249/wonder_004/10-09-19-124559.jpg)

ส่วนรูปที่สอง คือ โดยปกติปกหนังทั่วไป จะมีแค่ด้านหน้า คือปกหน้า ปกหลัง แต่เรื่องนี้พอพลิก ด้านหลังของปกอีกด้านหนึ่งจะมีรูปตามภาพที่เห็น ครับ ดูสวยงามดี

(http://i210.photobucket.com/albums/bb249/wonder_004/10-09-19-124650-1.jpg)

ทีนี้มาพูดถึงเนื้อเรื่องของหนัง  หนังเรื่องนี้สร้างโดยคนฮอลแลนด์ นักแสดงก็คนฮอลแลนด์ ล้วน ดังนั้น ระบบเสียง ก็จะมีแต่ภาษาฮอลแลนด์ และอื่นๆ  ยกเว้น ภาษาอังกฤษจะไม่มี  แต่มี subtitles ทั้ง อังกฤษ และ ไทย

เนื้อเรื่องย่อ

ในช่วงยุคมืดของสงครามโลกครั้งที่   2 เยอรมันบุกเข้ายึดฮอลแลนด์และทำการไล่ล่าพวกชาวยิว ทำให้ชาวยิวต้องอพยพหลบหนีออกนอกประเทศ โดยในกลุ่มที่อพยพหนีไปนี้ มีครอบครัวของหญิงสาวชาวยิว ชื่อ ราเชล สไตน์ ครอบครัวหนึ่งด้วย   ขณะกำลังหลบหนีก็ไปพบกับกลุ่มทหารนาซีซึ่งทำการฆ่าและปล้นเอาทรัพย์สินของผู้อพยพไปทั้งหมด  โดยมีราเชลหนีรอดมาได้คนเดียว หลังจากนั้น ราเชลก็ได้ร่วมกับองค์การลับใต้ดินกู้ชาติ ฮอลแลนด์ ซึ่งคอยทำสงครามกองโจรกับกองทัพนาซี   ภารกิจของราเชลคือให้ทำตัวสนิทสนมกับนายทหารนาซีเยอรมันแล้วคอยส่งข่าว เพื่อช่วยเหลือองค์การใต้ดินนี้   แต่หลังจากตีสนิทกับนายทหารนาซีได้แล้ว ปรากฏภายหลังว่านายทหารผู้นี้จับได้ว่าราเชลเป็นใคร   แต่อย่างไรก็ตามนายทหารนาซีผู้นี้ก็ไม่ได้บอกความลับนี้แก่ใครเนื่องจากมีความผูกพันกับราเชลค่อนข้างลึกซึ้ง อีกทั้ง นายทหารผู้นี้ทราบดีว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เยอรมันใกล้แพ้สงครามแล้ว ทำให้นายทหารผู้นี้พยายามเจรจาลับๆ กับองค์การใต้ดินแทนการใช้กำลัง  อย่างไรก็ดีในองค์การลับใต้ดินนี้มีคนที่คอยส่งข่าวให้ทหารนาซี(อีกกลุ่ม)ทราบความเคลื่อนไหวขององค์การนี้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสถานะของราเชลก็ถูกล่วงรู้ไปถึงทหารนาซี (อีกกลุ่ม)  ทำให้ทหารนาซีซ้อนแผน โดย เมื่อไรที่องค์การใต้ดินคิดจะทำอะไร ก็จะถูกขัดขวางจากทหารนาซีทุกครั้ง ทำให้ราเชลถูกสงสัยจากฝ่ายองค์การใต้ดินว่าเป็นฝ่ายนาซีเยอรมัน    นี่เอง ทำให้ราเชลต้องกลายเป็นศัตรูของทั้งสองฝ่าย แล้วราเชลจะเอาตัวรอดอย่างไรจากสถานะการณ์นี้...??


เนื่องจากภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรง เลยแปลตะกุกตะกักจากภาษาอังกฤษที่เขียนอยู่ข้างกล่องตามข้างบนนี้แหละครับ  หนังดูค่อนข้างกดดัน ตามสไตล์หนังยุโรป แต่ดูสนุก นางเอกสวย แต่ค่อนข้างเปลืองตัวเนื่องจากต้องสร้างเสน่ห์ให้ดึงดูดทหารนาซีเยอรมัน 

ต้องขออภัยด้วยที่ผมวิจารณ์อะไรมากไม่ได้ เพราะไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ดังที่กล่าวมาข้างต้น  แต่อยากให้เพื่อนๆหาเรื่องนี้ มาดูอีกเรื่องครับ เพื่อจะได้ช่วยกันวิจารณ์กันต่อไป


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: blackNwhite ที่ กันยายน 19, 2010, 09:08:48 PM
ขออภัยลืมย่อรูปสองครับ เลยขอย่อตรงนี้เลยนะครับ

(http://i210.photobucket.com/albums/bb249/wonder_004/10-09-19-124650-1-1.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 19, 2010, 10:21:26 PM
                 ขอบพระคุณท่านดอนครับสำหรับ โรมัน-กอล ภาคต่อที่ทำให้บรรดาผู้อ่านได้ความรู้และความบันเทิงไปพร้อมกัน เหมือนเรียนประวัติศาสตร์แต่ไม่ง่วงนอนครับ  แถมประชดประชันเล็กๆพอแสบๆคันๆ ขอบพระคุณแทนเพื่อนสมาชิกด้วยครับ ::014::
                 ขอขอบพระคุณท่านอรชุนและท่านBlack N White ด้วยครับที่เอาหนังมาฝาก ต้องรีบไปหาดูแล้วละครับ  ::014::
                 ผมก็น่าจะรสนิยมคล้ายท่านดอนเหมือนกัน เพราะขอให้เป็น Rachel Weisz เถอะเรื่องไหนก็ดูได้ทั้งนั้น  ผมติดใจเธอตั้งแต่ Mummy แล้วครับ  :VOV:
                 เรื่อง Black Book นี้เพื่อนผมบอกว่าตัวเอกก็เล่นเรื่อง Valkyrie ด้วยเหมือนกัน(ยุคสงครามโลกครั้งมี่สองทั้งคู่)  ต้องรีบไปหามาดูโดยด่วน (เอาใจช่วยราเชลน่ะครับ & กลัวจะหลงรักเธอเข้าไปอีกคน) ::005::
                 


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2010, 02:13:42 AM
ขอบคุณมากครับคุณ blackNwhite เรื่องนี้ผมเห็นตามร้าน แต่ยังไม่ได้ดูเลยครับ

------

อิ อิ ช่วยกันดูนางเอกคนเดียวกันยิ่งดีครับท่านยังน้อย ช่วยสนับสนุนดารา ฮ่า ฮ่า

เรื่อง Constant gardener ก็แสดงดี แต่ผมรำคาญบทบาทตาพระเอก


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2010, 04:58:52 AM
ก็ถึงคิวคุยเรื่องคู่รักคู่แค้นของซีซ่าร์ คือปอมเปย์ ครับ

ปอมเปย์เกิดในตระกูลไฮโซ พ่อก็เคยเป็นกงสุล ครอบครัวมีที่ดินส่วนตัวมากที่สุดในคาบสมุทรอิตาลี ตอนหนุ่มปอมเปย์ไปเป็นทหารเอกของ ซุลลา แม่ทัพฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่กวาดล้างพวกประชานิยม (จอมปลอมทั้งสองฝ่าย) แต่แล้วปอมเปย์ก็เปลี่ยนข้างการเมืองทำตัวเป็นพวกประชานิยม

ปอมเปย์เป็นนายทหารแววดีตั้งแต่หนุ่ม ด้วยความที่พ่อใหญ่ เส้นดี และมีความเป็นเลิศทางทหารด้วยอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ ก็เป็นแมทัพไปรบในอัฟริกา รบได้ชัยชนะมากมาย ปอมเปย์ได้สมญานามว่า "นักฆ่าหน้าวัยรุ่น" หลังจากเอาดีทางการทหาร ปอมเปย์ ก็เล่นการเมืองโดยตรง ได้รับเลือกเป็นกงสุล

พอพ้นตำแหน่งแล้วก็ยังหาทางดังไม่เลิก คือเกิดภัยโจรสลัดขึ้นมา ปัญหาโจรสลัดเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะโรมต้องนำเข้าข้าวจากโพ้นทะเล โรมต้องตั้งกองทัพเฉพาะกิจไปปราบ (ต่อมาซีซ่าร์ก็เป็นแม่ทัพไปปราบโจรสลัดเหมือนกันครับ) ปอมเปย์ก็สมัครเป็นแม่ทัพ พร้อมกับเสนอแผนการตั้งกองทัพและปฏิบัติการไว้เลิศหรู คือต้องการตั้งทัพเรือตั้ง ๕๐๐ ลำ ทหาร ๑๒๐,๐๐๐ คน และขออนุมัติตำแหน่งบังคับบัญชากองทัพนี้ ๓ ปี

ฝ่านการเมืองก็ฮือฮากัน "โอ้ว เอาขนาดนี้นี่ ขอเป็นแม่ทัพๆ ใหญ่ นานขนาดนี้กะจะเล่นอะไรแน่ท่าน?" แต่ด้วยกลเม็ด กลไก ฯลฯ ปอมเปย์ โรมก็ยอมตั้งกองทัพและแต่งตั้งปอมเปย์เป็นแม่ทัพตามข้อเสนอนั้น

ปอมเปย์ ก็แสดงฝีมือยิ่งกว่าที่โม้ครับ แค่สามเดือนก็กวาดโจรสลัดราบคาบ py’gs]nvg;]kในช่วงสามปีที่ได้รับอนุมัติเป็นแม่ทัพ ก็ยกทัพไปตีเมืองทางตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน ตะวันออกกลาง ฯลฯ ได้มากมาย ได้ทรัพย์ส่งมาโรมมหาศาล ฯลฯ ปอมเปย์สร้างกระแสว่าตนเองเก่งกาจยิ่งใหญ่ไม่ผิดอเล๊กซานเดอร์ เดอะ เกรท เจ้าของทรงผมที่ปอมเปย์เลียนแบบเลย กรุงโรมแผ่อำนาจโพ้นทะเลไปได้อีกอักโข โรมันมีหน้ามีตา และมีตังค์ขึ้นมาก

แต่ฝ่ายการเมืองร้อนๆ หนาวๆ ครับ “ปอมเปย์กลับโรม จะมาท่าไหน? กำลังดังและคุมทัพใหญ่ ถ้าเล่นยกทัพเข้าโรมยึดอำนาจละก็ เออ ตัวใครตัวมันละ”

พอหมดวาระ ปอมเปย์ ก็ยกทัพกลับ แต่ยังไม่ถึงขั้นคิดการใหญ่อย่างที่คนอื่นกลัว ปอมเปย์ ยอมสลายกองทัพ ออกจากตำแหน่งแม่ทัพตามระเบียบ แต่ก็เรียกร้องให้สภาโรมออกกฎหมายจัดสรรที่ทำกินให้ทหารผ่านศึกของตน และให้สัตญาบันในสนธิสัญญา และธุรกรรมต่างๆ ที่ปอมเปย์ไปทำไว้ในดินแดนตะวันออก

การเมืองขั้นตรงข้ามก็โล่งใจ “เฮ้อ แม่ทัพนอกราชการแล้ว เราต้องถ่วงมันไว้ ถ้าช่วยทหารของมันๆ ก็จะมีบารมีเพิ่มขึ้น สัญญาอะไรๆ ที่มันไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็อย่าไปสนับสนุน ปล่อยโมฆะให้มันเป็นตัวตลกไปเลย”

ปอมเปย์ ก็เคียดแค้น มองหาช่องทางดำเนินการทางการเมืองเอาคืน และเอาตัวรอดให้ได้ ข้างหนึ่งก็พวกขี้อิจฉาตาร้อนจ้องทำลาย ข้างหนึ่งก็ทหารผ่านศึกคึกหาผลตอบแทน ท่านแมทัพสัญญาแล้วว่าจะดูแลให้ดี ปอมเปย์ถูกกระหนาบทั้งสองข้าง

ก่อนอื่นก็ต้องหาแนวร่วมก่อน ปอมเปย์มองไปมองมาเห็นนักการเมืองรุ่นน้องแววดีคนหนึ่งชื่อ ไกอุส จูลิอุส ซีซาร์


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2010, 05:07:40 AM
พอไปรบทัพชนะศึกกลับมา ปอมเปย์ก็เลยเปลี่ยนสินค้าในการทำมาหากินครับ

คือเปลี่ยนจากพร่ำบ่นร่ายมนต์ขายอุดมการณ์ "อนุรักษ์" ไปเป็นร่ายคาถาขาย "ประชานิยม" แทน เนื่องจากมีลูกค้ากลุ่มใหม่คือทหารฝ่านศึกของตน

มีลูกค้าเป็นแฟนคลับเฉพาะตัวกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ความต้องการตลาดขนาดนี้ พ่อค้าการเมืองอย่างปอมเปย์จับกระแสเก่งครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 20, 2010, 09:20:01 AM
แนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับความพินาศอาณาจักรโรมันมาเสนอ1เรื่องครับ แต่ความพินาศทางความรู้และภูมิปัญญา 

สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางศาสนาและวิทยาศาสตร์ เป็นผลให้ Hypatia นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้ปราดเปรื่องถูกสังหาร

หอสมุดอเล็กซานเดรียและหอสมุดอื่นๆถูกเผาวอดวาย เรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ครับ

และในเรื่องจริง Hypatia ถูกพวกคลั่งศาสนาสังหารอย่างทารุณโหดร้ายมาก ด้วยการลากเธอลงมาจากรถม้าฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ร่างเปลีอยเปล่า

จากนั้นใช้ของมีคม (บางตำราว่าใช้เปลือกหอย) กรีดลงบนร่างทั้งเป็นจนสิ้นลม หลังจากสิ้นลมก็แล่เนื้อหนังของเธอทิ้งจนเหลือแต่กระดูก

(http://images.myfri3nd.com/user/121/132121/upload/movie/3/Agora.jpg)
เรื่องนี้ผมดูแล้วครับ ถ้าสิ่งที่ Hypatia พบนั้นคือพื้นฐานทางดาราศาตร์ คณิตศาตร์ ที่เราจะย้อนไปดูว่าคนสมัยก่อนเขามีวิธีคิดและพยามอธิบายทฤฎีอย่างไร...........เคยมี อาจารย์วิทย์สมัย ม.ปลายท่านหนึง บอกว่าถ้ามนุษย์เราสามารถวัดความเร็วแสงได้ตั้งแต่สมัยกรีก ถ้าคนเชื่อว่าโลกกลม และรู้ว่าโลกเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะที่โครจรรอบดวงอาทิตย์ ได้ตั้งแต่สมัยกาลิเลโอ ป่านนี้เราอาจอาจไปอยู่นอกระบบสุริยะหรืออยู่บนดาวดวงอื่นกันมั่งแล้ว :D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 20, 2010, 09:21:34 AM
                            ผมขอถามล่วงหน้าไปนิดนะครับคุณครู  อีตาปอมเปย์นี่แกมีเพาเวอร์อยู่จนถึงรุ่นมาร์คแอนโตนี่เลยใช่ไหมครับ คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นแกในหนังเรื่องคลีโอพัตตรา  เอ...หรือผมจะจำผิดอีกแล้ว 
                            ขอบพระคุณท่านดอนแทนนักเรียนทั้งชั้นด้วยครับ  ::014::                           
                         


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2010, 04:41:12 PM
นายมาร์คุส แอนด์ สเปนซิอุส หรือ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เอ๊ย ไม่ใช่ครับ นายมาร์คุส อันโตนิอุส ทหารเอกซีซ่าร์นี่เคยรบกับปอมเปย์ในกองทัพของซีซ่าร์ แต่ปอมเปย์ตายก่อนแอนโทนี่ดังครับ

ซีซ่าร์กับปอมเปย์ รบสงครามกลางเมืองกันวุ่นวายอีรุงตุงนังตั้งแต่อิตาลี ไปจนถึงเอเซีย จนปอมเปย์แพ้ครั้งใหญ่ กระเซอะกระเซิงหนีไปแถวอัฟริกาเหนือ จนถูกเจ้าถิ่นที่อยากเอาใจซีซ่าร์ฆ่าตายที่นั่นครับ

ส่วนแอนโทนี่นั้นมีบทบาทโดดเด่นด้วยตนเองหลังซีซ่าร์ตาย คือไปจับมือกับออกตาเวียนช่วยกันต่อสู้กับกลุ่มที่ล้มซีซ่าร์ ต่อมาแบ่งอาณาจักรโรมันกันปกครอง แอนโทนี่คุมตะวันออก ที่สำคัญคืออียิปต์ที่ตนไปรับมรดกจากซีซ่าร์ชื่อคลีโอพัตราไว้ และต่อมาออกตาเวียนกับแอนโทนี่ก็ตีกันเองจนแอนโทนี่แพ้ฆ่าตัวตายกันกับคลีโอฯ ครับ

นายแอนโทนี่เป็นผู้ลอกผู้โฆษณา (สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องพิมพ์) หนังสือของซีซ่าร์อีกเล่มคือ "สงครามกลางเมือง" ที่ซีซ่าร์เขียนอีกเรื่องเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง (อีกนั่นแหละ สมัยนั้นยังไม่มีช่องทีวีดาวเทียมครับ)

ดังนั้น ทั้งสองมีชีวิตมีบทบาทคาบเกี่ยวกัน แต่ถ้าพูดถึง "ยุคของแอนโทนี่" กับ "ยุคของปอมเปย์" ผมว่าน่าจะแยกกันครับ เพราะปอมเปย์หมดพาวเว่อร์ไปแล้ว



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ กันยายน 20, 2010, 06:42:37 PM
ต๊อกครับ......เรื่องเมืองทรอย....ตํานานม้าไม้....

เป็นเรื่องจริงหรือแต่งขึ้นครับ....


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 20, 2010, 07:06:49 PM
เนื้อเรื่องสงครามกรุงทรอยที่เอามาสร้างภาพยนต์กัน และตามเรื่องที่เขียนโดย โฮเมอร์ นั้นแต่งขึ้นครับพี่ นายโฮเมอร์เป็นกวีกรีกโบราณยุคศตวรรษที่ ๘ ก่อน ค.ศ. ก็เลยมีรูปสลัก ฯลฯ กรีกโบราณจริงๆ เกี่ยวกับสงครามกรุงทรอยมาก แต่ก็เป็นไปตามท้องเรื่องของโฮเมอร์

โฮเมอร์เขียนเรื่อง อีเลียต ที่จริงไม่ได้เล่าสงครามกรุงทรอยครบวงจร เป็นเรื่องความแค้นของ อคีลิส กับ เฮกเตอร์ เท่านั้น อีกเรื่อง โอดิซีอุส ก็เป็นเรื่อง ของนายโอดิซิอุส หรือยูลิซีสในภาษาลาตินตามที่โรมันเรียก เจ้าเมืองอิธาก้า ผจญภัยตอนเดินทางกลับจากกรุงทรอย (ชื่อที่เอามาตั้งชื่อเมืองในรัฐนิวยอร์คและมีบริษัทผลิตปืนอิธาก้านี่ละครับ) 

อย่างไรก็ตาม กรุงทรอยมีจริงตรงช่องแคบดาร์ดาแนล ตุรกี เล็กกระจิ๋วหริว ประชากรแค่หมื่นกว่าๆ และมีการรบพุ่งทำลายเมือง สร้างใหม่กันวุ่นวายหลายครั้ง มาจนถึงยุคโรมัน ฯลฯ ซากโบราณก็ทับถมกันหลายชั้น และก็มีครั้งที่พวกกรีกไปตีเมืองจริงๆ ก็พูดได้ว่ามีสงครามกรุงทรอย กรีก-โทรจัน แต่เรื่อง อคีลิส เอกเตอร์ เฮเลย ม้าไม้ นั้นเป็นเรื่องแต่ง

นายชไลมันต์ นักขุดสมบัติเยอรมัน (ที่จริงแกไม่ค่อยมีวิชาการโบราณคดีเท่าไหร่) ไปขุดเจอเครื่องทอง ทรัพย์สินต่างๆ มาก และก็ว่าชั้นดินที่แกขุดเจอนั้นเป็นกรุงทรอยของโฮเมอร์ แต่ทีนักโบราณคดีดูกันจริงๆ ครั้งที่พวกกรีกมารบนั้น คนละชั้นดินกันครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 21, 2010, 06:08:22 AM
เรื่องของนาย ไกอุส จูลิอุส ซีซาร์ นี้ ผมขอเวลารวมรวมสติสัก ๑-๒ วัน ก่อนนำมาคุยกันนะครัย แกเป็นบุคคลสำคัญที่ส่งผลต่อประวัติศาสตร์ของอาณาจักรโรมันมากซะจนไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยที่ตรงไหนดี เอาเป็นว่าเราโฟกัสเฉพาะสงครามกับกอล และเรื่องที่เกี่ยวข้องก่องหน้าก็แล้วกัน

ตอนนี้ขอคุยว่าท่าทำความเคารพยกมือตรงข้างเดียวนี่เป็นท่าที่ซีซ่าร์ชอบใช้ตรับ ไม่ใช่ท่าที่นายหนวดจิ๋มหัวหน้าพรรค เนชั่นแนล โซเชียลลิส ดอยเชอร์ อาไบร์ตุง ปาร์ไต (นาซี) แกคิดเอง


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 21, 2010, 11:29:52 AM
                            ขอบพระคุณครับท่าน Don และท่าน Daimyo  ด้วยครับ   ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 21, 2010, 12:54:51 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::

ขอบคุณครับที่ซื้อมาฝากผม... ;D ;D ;D ที่อยู่ผมกับกวางมีนะครับ... ::005:: ::005:: ::005::


 ::014::


ส่งกองเรือแปซิฟิคไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 21, 2010, 12:58:30 PM
เมื่อวานไปเดินเล่น ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ไปเจอร้านขายหนังเก่าๆ ได้มา 4 เรื่อง แต่ที่จำได้ และหามานาน เรื่องยุธทภูมิมิตเวย์ เคยดูมาตั้งแต่เด็กๆ ::002::

ขอบคุณครับที่ซื้อมาฝากผม... ;D ;D ;D ที่อยู่ผมกับกวางมีนะครับ... ::005:: ::005:: ::005::


 ::014::


ส่งกองเรือแปซิฟิคไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ;D

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ... ::014::



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 21, 2010, 01:51:18 PM
ขอ off topic หน่อยครับ พอดีไปสถานที่น่าสนใจ และพบคนน่าสนใจครับ

ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่สุสานทหารในเนเธอร์แลนด์ กับเบลเยียม สุสานนี้เป็นสุสานที่ฝังร่างทหารอเมริกันนับหมื่นที่เสียชีวิตตั้งแต่ Operation Market Garden มีผู้ได้รับ Medal of Honor ด้วย

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs610.snc4/59029_448839475232_668695232_5664831_4753163_n.jpg)

ที่เนเธอร์แลนด์

ส่วนอันนี้ในเบลเยียมครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs335.ash2/61549_448841835232_668695232_5664983_1893124_n.jpg)

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs702.snc4/62207_448840115232_668695232_5664877_4481243_n.jpg)

ภาพนี้ผมไม่ขออธิบายครับ ตอนถ่ายมันจุกในอก

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs340.ash2/62008_448840740232_668695232_5664922_661628_n.jpg)

คุณปู่สองคนนี้เป็นกองกำลังใต้ดินดัชท์ครับ แล้วก็ร่วมรบกับอเมริกา ในหนัง band of brothers จะเป็นพวกที่ใส่ปลอกแขนส้มๆ ตอนที่ปลดปล่อยเมืองในเนเธอร์แลนด์ น่ะครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 21, 2010, 01:56:17 PM
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs623.snc4/58309_448838485232_668695232_5664776_6870494_n.jpg)

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs679.snc4/61924_448838390232_668695232_5664773_5208965_n.jpg)

ส่วนอันนี้เป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบก เจอจมอยู่ในแม่น้ำ Maas พร้อมทหารสี่คนตั้งแต่ช่วง Operation Market Garden ครับ จมอยู่นานมาก แล้วชาวเมืองก็เอาขึ้นมาทำเป็นอนุสาวรีย์ให้ครับ รถคันนี้อยู่ตรงพรมแดนเบลเยียม เนเธอร์แลนด์(ในเขตเบลเยียม)

บ้านผมเลยไปหน่อยก็ป่าอาร์เดนส์แล้ว คาดว่าจะมีอะไรมาให้ชมอีกครับ เดี๋ยวจะไปพิพิธภัณฑ์ที่ overloon ด้วย ที่นี่เคยมีสงครามรถถัง แล้วจะเก็บภาพมาให้ชมกันครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: blackNwhite ที่ กันยายน 21, 2010, 02:37:36 PM
เห็นคุยเรื่องจูเลียส ซีซ่าร์ บังเอิญเพิ่งได้หนังสือมือสองมาเล่มหนึ่ง  เรื่องสามก๊ก ฉบับนายทุน ตอน โจโฉ นายกฯ ตลอดกาล เขียนโดย ท่าน อาจารย์ หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งหนังสือเล่มนี้เขียนเพื่อวิเคราะห์ตัวตนของโจโฉ ค่อนข้างลึกซึ้ง  อย่างไรก็ดีมีอยู่ตอนหนึ่งท่านอาจารย์ได้เขียนเปรียบเทียบตั๋งโต๊ะและจูเลียสซีซ่าร์โดยผมอ่านแล้วก็เห็นว่ามีแง่คิดดี  เลยขอถือโอกาสคัดลอกมาให้อ่านกันดังนี้  (ผมขออณุญาตโมเมว่าท่านสมาชิกส่วนใหญ่เคยอ่านเรื่องสามก๊กกันมาแล้ว จึงไม่ขอท้าวความเรื่องราวเกี่ยวกับตั๋งโต๊ะ)

"พิเคราะห์ดูชีวิตของตั๋งโต๊ะผู้นี้   ถึงแม้จะหยาบช้าทารุณสักเพียงใด แต่ก็ยังมีลายแห่งความเป็นใหญ่โตอยู่มาก การตายของตั๋งโต๊ะมีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับจูเลียส ซีซ่าร์ ของกรุงโรม เพราะซีซ่าร์นั้นถูกฆ่าตายในที่ประชุมขุนนางเช่นเดียวกัน  เมื่อก่อนจะตายซีซ่าร์คิดการจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงโรม ตั๋งโต๊ะก็เตรียมการจะชิงราชสมบัติจากพระเจ้าเหี้ยนเต้  คืนวันก่อนที่ซีซ่าร์จะตาย ก็ปรากฏว่ามีลางร้ายต่างๆ  ตั๋งโต๊ะก็มีลางร้ายเช่นกัน ก่อนที่จะออกจากบ้านเดินทางไปสู่ความตายในที่ประชุมขุนนาง ตั๋งโต๊ะถูกมารดาห้ามปราม ซีซ่าร์นั้นภรรยาห้ามปราม ระหว่างที่ออกจากบ้านไปแล้ว ซีซ่าร์มีหมอดูมาเตือน ตั๋งโต๊ะก็มีผู้วิเศษชื่อโต้หยินทำเป็นปริศนาเตือน ทั้งซีซ่าร์และตั๋งโต๊ะก็มิได้เชื่อถือ และขณะที่จะตายนั้นเอง ตั๋งโต๊ะร้องเรียกให้คนที่สนิทที่สุดกับตนคือลิโป้ช่วย แต่ก็ปรากฏว่าลิโป้นั้นเองเป็นคนแทงตั๋งโต๊ะตาย ซีซ่าร์ร้องขึ้นเป็นคำสุดท้ายว่า "บรูตัสด้วยหรือ" แล้วก็ยกแขนขึ้นปิดหน้าให้ขุนนางกลุ้มรุมแทงจนตาย

พฤติการณ์ของตั๋งโต๊ะและซีซ่าร์ ก็ละม้ายคล้ายคลึงกันในเจตนาคือทั้งสองฝ่ายต้องการจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เมื่อมีอำนาจขึ้นมาก็นึกว่าจะไม่มีใครโค่นล้มตนลงได้ ชีวิตของคนทั้งสองจึงต้องหักโค่นลงอย่างน่าอเนจ อนาถ อันเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะชีวิตของคนเรานั้นเมื่อมีสูงขึ้น ก็ต้องมีลงต่ำทุกคนไป ใครจะไปฝืนเส้นโค้งแห่งชีวิตนั้นไม่ได้ ถ้าไปฝืนเข้าอาจหักลงกลางคัน ทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีบุญวาสนานั้นก็จะมีอยู่ทางเดียวคือ คอยสังเกตุดูตัวเองว่าควรจะถึงเวลาลงหรือยัง ถ้าถึงเวลาลงแล้วก็ไต่ลงอย่างสวยงามมิใช่หล่นลงมา บางทีคนทั้งปวงก็จะยังนับถืออยู่ได้ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าอำนาจมักพาให้คนหลง ความจริงนั้นอำนาจจะเป็นเครื่องค้ำจุนที่เปราะที่สุด แต่ถ้าดูเพียงเผินๆอาจนึกว่าแข็งแรงที่สุด ผู้มีอำนาจจึงหลงไปได้โดยง่ายและโค่นลงอย่างง่ายๆทุกคน อีกประการหนึ่งผู้มีบุญวาสนาจะต้องไม่ลืมหลักธรรมดาที่สำคัญที่สุดว่า คนเราจะไต่ขึ้นไปที่สูงนั้น ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งตกลงมาเจ็บมากเท่านั้น ถ้ารักจะสบายก็ควรจะอยู่ในที่ต่ำๆเสมอคนหมู่มากจะปลอดภัยมากกว่า หรือถ้าใจจะรักขึ้นให้สูงก็ไม่ต้องกลัวตก และถึงตกลงมาแล้วแม้จะเจ็บเพียงไรก็ต้องทนเอา อย่าร้อง คนอื่นเขาอาจจะเห็นใจได้บ้าง ถ้าร้องแล้วจะไม่มีใครเห็นใจเลย"


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: blackNwhite ที่ กันยายน 21, 2010, 02:50:06 PM
อ้อ! มีวรรคทองอีกวรรคหนึ่งครับ ขออณุญาตนำมาให้อ่านกันในโอกาสนี้ด้วยครับ

"อำนาจนั้นเหมือนยาเสพติด ถ้าได้มาแล้วก็ย่อมวางไม่ลง และย่อมจะต้องการเพิ่มเติมอยู่เสมอไม่มีวันพอได้  ฉะนั้นเราจะเห็นว่านักการเมืองโดยทั่วไปบำเพ็ญกรณีย์เพื่อแสวงหาอำนาจ เมื่อได้มาแล้วก็อยากได้ต่อไปอีก ในที่สุดอำนาจนั้นเองก็ทำลายตนลงไป เช่นยาเสพติดย่อมทำลายผู้เสพ ฉันใดฉันนั้น"

เอ... ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ แอบว่าใครน้อ??????


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ กันยายน 21, 2010, 04:41:06 PM
ใครดูPacific....จบแล้วบ้างครับ...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 21, 2010, 04:43:05 PM
ใครดูPacific....จบแล้วบ้างครับ...
กำลังต่อรอบสองครับพยายามเก็บรายละเอียดต่างๆ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 21, 2010, 04:49:05 PM
ใครดูPacific....จบแล้วบ้างครับ...
กำลังต่อรอบสองครับพยายามเก็บรายละเอียดต่างๆ ;D

รายละเอียดตอนที่นาวิกฯหนุ่มคนหนึ่งไปเที่ยวบ้านสาวหรือเปล่าครับน้าจอย


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 21, 2010, 04:54:34 PM
ใครดูPacific....จบแล้วบ้างครับ...
กำลังต่อรอบสองครับพยายามเก็บรายละเอียดต่างๆ ;D

รายละเอียดตอนที่นาวิกฯหนุ่มคนหนึ่งไปเที่ยวบ้านสาวหรือเปล่าครับน้าจอย
ฝรั่งนี่เขาใวแบบนี้จริงหรือปล่าวครับ คุณJoke :D~


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 21, 2010, 05:15:26 PM
 ::002:: ::002::

ขอบคุณมากครับคุณโจ๊ก นอกจานี้ยังถ่ายรูปได้สวยมากครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 21, 2010, 05:45:34 PM
ขอบคุณมากครับคุณ blackNwhite บวกคะแนนให้แล้วครับ

พอดีมีเรื่องคำเตือนผู้มีอำนาจ เลยคอคุยนิดหน่อย เรื่องซีซ่าร์โดนลอบสังหารครับ

วันนั้นคือ ๑๕ มีนาคม ๔๔ ปีก่อนพระเยซูเกิด ซีซ่าร์ใช้อำนาจบีบให้สภาแต่งตั้งตนเป็นผู้เผด็จการตลอดชีวิตมาได้ ๒ ปีแล้ว

(ซีซาร์ไม่บอกว่าตนเป็นผู้เผด็จการหรอกครับ แต่เรียกว่าตนเป็น "ผู้ปลดปล่อย" แค่ใช้อำนาจอย่างผู้เผด็จการเท่านั้น อิ อิ)

ก็ต้องมีคณะต่อต้านตามธรรมชาติ พวกตัวใหญ่ๆ รวมกันหลายสิบคน กะจะฆ่าซีซาร์ในที่แจ้งกันเลย ข่าวลือต่างๆ ก็แพร่สะพัดกันว่าจะมีการลอบสังหารในวันสำคัญทางประเพณีเดือนมีนาคม ซีซ่าร์ก็ได้ยินแต่ไม่สนใจนัก ตลอดชีวิตการเมืองของซีซ่าร์ก็ย่อมมีข่าวการลอบฆ่ามาตลอดอยู่แล้ว

วันนั้นสภาจะประชุมกันที่โรงละครที่ปอมเปย์สร้างขึ้น ตอนนั้นปอมเปย์ตายไปแล้ว และสภาโรมันเปลี่ยนที่ประชุมได้ครับ

ซีซ่าร์เดินไปที่ประชุม ระหว่างทางเจอหมอดูคนหนึ่ง (สมัยนั้นเรียกกันว่า นักอ่านขี้เถ้า - Soothsayer เพราะกระบวนการดูดวงทำนายทายทักทักเผาของขลังแล้วอ่านขี้เถ้า หรือบางที่ก็ฆ่าสัตว์แล้วเอาเครื่องในออกมาดู)

ซีซ่าร์เห็นหมอดูก็ทักว่า "วันนี้มาถึงแล้ว ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย"

หมอดู "แต่ยังไม่หมดวันนี้นะท่าน"

ซีซ่าร์ก็เข้าไปที่ประชุม มีสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มก่อการเข้ามาทำทีจะคุยด้วย ซีซ่าร์ก็ไล่ไป นายคนนี้ก็จับไหล่ไว้ ซีซ่าร์โวยวาย กลุ่มก่อการก็เข้ามารุมแทงทั้งหมด ๒๓ แผล ซีซ่าร์ยกผ้าโทก้าที่ตนสวมขึ้นคลุมหัวเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นร่างตนโชกเลือดตาย (ยังกลัวเสียลุ๊คอีก โชคดีที่สมัยนั้นไม่มีวีดิโอคลิป)

ซีซ่าร์ล้มลงเสียชีวิตหน้ารูปสลักปอมเปย์ พันธมิตรเก่าและคู้แค้นรบสงคราม พอดี...

หมอที่ชันสูตรศพภายหลังบอกว่ามีแผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้บาดเจ็บถึงชีวิต ถ้าจะเน้นความเป็นดราม่าเราก็ต้องบอกว่าคือแผลที่บรูตุสแทงนั่นแหละ

ปล. คำอุทาน "เจ้าด้วยหรือบรูตุส?" คือ "Et tu Brutus?" (And you Brutus?) ผมเคยเจอซีซ่าร์สลัดเจ้าหนึ่งเขาทำยี่ห้อล้อเลียนว่า "Et tu Caesar?" ครับ ที่จริงซีซ่าร์สลัดนี้ไม่ใช่สลัดที่จูเลียส ซีซ่าร์ชอบกินนะครับ (ฮา) แต่คนสมัยใหม่ที่คิดทำสลัดแบบนี้แกชื่อซีซ่าร์เหมือนกัน ส่วน "ไก่นโปเลียน" นี่เขาว่าเป็นไก่แบบที่นโปเลียนชอบกินจริงๆ ครับ

--------

สำหรับคุณชายคึกฤทธิ์ ผมว่าท่านคงกะแซว "ท่านจอมพล" ครับ ท่านมักแววท่านจอมพลในงานเขียนหลายเรื่อง เช่น โชกุนนั้นเรียกได้ว่าจอมพล ฯลฯ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 21, 2010, 06:52:03 PM
มาเข้าเรื่องบุคคลชายนายจูเลียส ซีซ่าร์กันครับ

ชื่อซีซาร์นั้นดังในหลายวงการ อย่างน้อยๆ ก็วงการแพทย์เรียกวิธีการทำคลอดโดยการผ่าท้องแม่ว่า ซีซาเรียน (เรียกว่าซีซ่าร์ดังตั้งแต่เกิด หรือเรื่องเกิดเลยทีเดียว) ทั้งนี้เพราะมีกฎหมายโรมันว่า ถ้าแม่เกิดเสียชีวิตลงขณะที่กำลังคลอดบุตร ให้หมอสูตื หรือหมอตำแยใดๆ ณ ที่นั้นจงผ่าท้องเอาลูกออกมาให้มีชีวิตรอด เขาก็ว่าซีซ่าร์เกิดด้วยวิธีนี้ บ้างก็ว่าเพราะต้นตระกูลซีซ่าร์เกิดด้วยวิธีนี้ (นาย “เขา” และนาย “บ้าง” ให้ข้อมูลต่างกันอยู่เรื่อง ฮา) แต่ที่จริงไม่น่าใช่ครับเพราะว่าแม่ของซีซ่าร์ก็มีชีวิตอยู่ต่อมาอีกตั้งหลายปี อยู่นั้นเกิดเสียชีวิต ครั้นจะว่าหมอเกิดคึกผ่าท้องทำคลอดแม่ซีซ่าร์ทั้งที่ยังไม่ตายแล้วแม่รอดมาได้ ผมก็ไม่เคยเห็นข้อมูลว่าหมอโรมันเก่งขนาดนั้นครับ ข้อมูลของนาย “บ้าง” ที่บอกว่าคนอื่นในตระกูลซีซ่าร์เกิดด้วยวิธีนี้จึงดูน่าเชื่อถือกว่า  

ขอนอกเรื่องสักนิดว่าในยุคโบราณ มาจนถึงก่อนยุคการแพทย์สมัยใหม่นั้น ถ้าดูอายุเฉลี่ยของคนเรา ผู้ชายอายุยืนกว่าผู้หญิงครับ เพราะว่าผู้หญิงมีโอกาสเสียชีวิตตอนคลอดบุตรสูง ค่าเฉลี่ยจึงต่ำกว่า แต่ถ้าดูกรณีที่ผู้หญิงรอดการคลอดบุตรมาได้จะมีอายุเฉลี่ยสูงกว่า เพราะไม่ว่ายุคไหนผู้ชายก็สำมะเลเทเมา เสียสุภาพมากกว่าผู้หญิง อีกทั้งอาจเมาแล้วขับ หรือเมาแล้วตีหัวกันตายด้วย

ซีซ่าร์เป็นผู้เผด็จการในนาม “ผู้ปลดปล่อย” อยู่ ๒ ปีก่อนเสียชีวิต ชีวิตของซีซ่าร์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรโรมันอย่างไม่กลับมาเหมือนเดิม แต่ที่จริงซีซ่าร์เองไม่เคยนั่งตำแหน่งจักรพรรดิ และถ้าพิจารณาผู้นำโรมันไม่ว่าตำแหน่งอะไรๆ รวมกันแล้ว ออกัสตัส ผู้เป็นจักรพรรดิโรมันต่อจากรัฐบาลของซีซ่าร์เป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาจักรวรรดิโรมันมากกว่าซีซ่าร์เองเสียอีก แต่ซีซ่าร์นั้นเด่นดังกว่า นอกจากการที่ซีซ่าร์มีชีวิตโลดโผน และชื่อถูกนำมาเรียกตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว ผมว่ามีปัจจัยอีกสองประการคือ

๑. ซีซ่าร์เขียนหนังสือทิ้งไว้คือ สงครามเกลิก และสงครามกลางเมือง
๒. มีกวีเอก คือนายเชคสเปียร์ชาวอังกฤษ แต่งละครเรื่องเกี่ยวกับซีซ่าร์สองเรื่องคือ จูเลียส ซีซ่าร์ และ แอนโทนี่ แอนด์ คลีโอพัตรา
 
อิทธิพลของหนังสืออัตชีวประวัติในการจดจำประวัติศาสตร์นั้นสูงมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่คนเราชอบเขียนหนังสือเล่าเรื่องตัวเอง แต่บางคนอาจลืมไปว่าเกียรติภูมิที่คนเขาจะจดจำนั้นย่อมขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของตน สมัยนี้เราถึงเห็นอัตชีวประวัติของผู้อยากมีชื่อเสียงที่พรรณนาความเฮงซวย และความโง่ของผู้แต่งอยู่มากมายจนรู้สึกเสียดายที่โลกร้อนเพราะตัดต้นไม้มาพิมพ์ขยะเปื้อนหมึกพวกนี้


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 21, 2010, 07:09:56 PM
                         ขอบพระคุณท่าน Joke มากครับที่เอารูปมาฝาก (รูปนั้น....ดูแล้วเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอยจริงๆครับ) ขนาดเราคนนอกยังรู้สึกขนาดนี้ ท่านที่เห็นด้านหลังอยู่ในภาพจะขนาดไหนก็ไม่รู้ ท่านคงมาเยี่ยมเพื่อนหรือญาติของท่านนะครับ  ::014::
                         ขอบพระคุณท่าน Don มากครับที่กรุณาหาเวลามาเขียนให้ทุกวัน  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: blackNwhite ที่ กันยายน 22, 2010, 02:33:54 PM
ได้แง่คิดดี ขอบคุณท่าน Don quixoute ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ กันยายน 22, 2010, 03:26:51 PM
ขอบคุณ คุณ Joke มากครับ สำหรับภาพอนุสรณ์สถานรำลึกถึงวีรกรรมของทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่มาพลีชีพในแผ่นดินเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม  ::014::

ผมว่าความผิดพลาดครั้งนี้ คนที่ควรรับผิดชอบและต้องรับผิดมากที่สุดก็คือ "จอมพลมอนต์โกเมอรีและฝ่ายเสนาธิการ" ซึ่งกระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนพาลูกน้องตัวเองไปตายเป็นเบือในยุทธการมาร์เก็ต-การ์เดน ทั้งที่ได้รับข่าวกรองจากหน่วยใต้ดินดัชต์มาก่อนหน้าแล้วว่า มีกองกำลังของกองพลยานเกราะเอส เอสที่ 9 โฮเฮนสเตาเฟน กำลังพักฟื้นและปรับกำลังอยู่ที่บริเวณเมืองอาร์นเฮม ก็ยังจะมีคำสั่งให้ดำเนอนยุทธการต่อไปอีก ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสั่งให้ไปเป็นเป้าซ้อมยิงของพวกเยอรมันแท้ๆเลย  :-\

ป.ล. ผมรอคอยรับชมภาพรำลึกถึงการยุทธแห่งป่าอาร์เดนส์หรือ Battle of the Bulge นะครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 22, 2010, 04:21:47 PM
อันนายจูเลียส ซีซ่าร์ นั้นก็เกิดในปี ๑๐๐ ก่อน ค.ศ. ครอบครับรวยมากถึงจะไม่เท่าปอมเปย์ก็ตาม แต่สายเลือดตระกูลซีซ่าร์นั้นไฮโซโรมันสุดๆ คือต้นตระกูลอ้างว่าสืบเชื้อสายไปถึง เอนิแอส เจ้าชายกรุงทรอยที่หนีกรุงแตกมาตั้งกรุงโรมนั่นแน่ะ ซึ่งตามตำนาน เอนิแอส เป็นลูกของทเพวีนัสซะอีก โอ้ ไปกันใหญ่ครับ โคตรเหง้าขนาดนี้ ใครๆ ก็หรูสู้ไม่ได้ แถมตระกูลซีซ่าร์ก็ล้วนแต่แต่งงานเป็นเครือญาติกับแม่ทัพใหญ่ๆ ทั้งนั้น

พื้นฐานครอบครัวไฮโซอย่างมากของจูเลียส ซีซ่าร์นี้เป็นสปริงบอร์ดที่จะให้คนที่มีความทะเยอทะยาน ความเหี้ยมเกรียม และความสามารถอันดีเด่นอื่นๆ ตามแบบโรมัน ก้าวกระโดลงสู่งวงการเมืองและแปลงกายใหญ่โตได้

ตอนหนุ่มๆ ซีซ่าร์เคยเดินทางๆ เรือและถูกโจรสลัดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจับตัวไป โจรสลัดก็บอกว่า “ฮ่า ฮ่า ไอ้ลูกคนรวบ ข้าจะเรียกค่าไถ่ตัวเจ้าเป็นทอง ๒๐ ทาเล้นท์นะเฟ้ย” ทาเล้นท์นั้นเป็นหน่วยทรัพย์สินที่ใหญ่มากในยุคโบราณ สำหรับ ๑ ทาเล้นท์โรมันนั้นหนัก ๓๐ กว่ากิโลกรัม คิดดูว่าทอง ๖๐๐ กว่า กก. จะมีมูงค่าขนาดไหน? แต่ซีซ่าร์ทำหน้าเหม็นเบื่อ เชิดหน้าบอกโจรด้วยความเริ่มเชิดหยิ่งว่า “พวกแกคิดอะไรได้แค่กระจอกๆ ตัวข้านั้นมีค่าขนาดทอง ๕๐ ทาเล้นท์ต่างหาก” โจรสลัดก็ทำตาโต แล้วก็สนองศักดิ์ศรีของลูกคนรวยด้วยการส่งพรรคพวกในคณะเดินทางของซีซ่าร์กลับไปโรมเพื่อเรียกค่าไถ่ ๕๐ ทาเล้นท์ ตามประสงค์

ระหว่างที่ซีซ่าร์ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่นั้นซีซ่าร์ไม่กลัว หรือหงอเลย กลับทำตัวเหนือกว่าโจร ใช้โจรอย่างนั้นอย่างนี้เสมือนตนเองเป็นนาย โจรเป็นบ่าว พวกโจรครึ้มใจรอค่าไถ่มหาศาลก็รับมุกคอยบริการลูกคนรวยและดูแลซีซ่าร์เป็นอันดี

ทางบ้านซีซ่าร์ก็ส่งค่าไถ่มาจริงๆ ประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกว่าทางบ้านด่าว่า “ไอ้เด็กโง่ เพิ่มค่าไถ่ตัวเองทำไม่ฟระ?” หรือไม่? พอทองมาโจรก็ปล่อยตัว ซีซ่าณืก็สั่งสอนโจรทิ้งท้ายว่า “เดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการฆ่าพวกแกให้หมด” โจรก็เฮฮาไม่ว่าอะไร

ซีซ่าร์กลับไปก็รวบรวมกองเรือ และกำลังคนออกไปไล่ล่าโจรสลัดกลุ่มนี้จริงๆ จับโจรได้ก็ฆ่าหมดทุกคนตามที่บอกไว้ แต่เนื่องจากตอนตนถูกจับนั้นโจรบริการ ปรนนิบัติดี ซีซ่าร์เลยเชือดคอโจรก่อนแล้วค่อยจับตรึงไม้กางเขนโชว์ เป็นการสนองคุณไม่ให้ตายอย่างทรมาน



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 22, 2010, 04:39:28 PM
ได้แง่คิดดี ขอบคุณท่าน Don quixoute ครับ

ยินดีครับ

ไม่ว่ายุคไหนๆ ธรรมชาติแท้ภายในของคนเรานั้นเหมือนกัน รัก โลภ โกรธ หลง มักมาก เห็นแก่ตัว

แต่ถ้าบุคคลใดจะมองประเด็นนี้ย้อนกลับด้วยจิตใจบิดเบี้ยว แล้วอ้างว่าความเห็นแก่ตัวที่ตนทำในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติเนื่องจากคนเราทำเช่นนี้มานานโบราณกาลแล้วนั้น ไม่ถูกต้อง

เพราะสมันก่อนนั้น ความเป็นคนธรรมดา นั้นยากเข็ญ ลำเค็ญ สวัสดิภาพและความมั่นคงในชีวิตต่ำมากๆ อย่างเปรียบเทียบไม่ได้กับประชาชนเต็มขั้นในปัจจุบัน (ถึงแม้ว่าจะมีประชาชนเต็มขั้นปัจจุบันเก็บกดอยู่มากก็ตาม)

คนโบราณจึงมีความจำเป็นในการแสวงหาอำนาจ และการสร้างความมั่นคงให้กับตนเองมากกว่า

อย่างไรก็ตาม หากการแสวงหาอำนาจ และความมั่นคงให้กับตนเองนั้นเป็นการกระทำการทุจริตตามมาตรฐานร่วมสมัย ก็สมควรโดนประณามและลงโทษทั้งนั้นไม่ว่าเป็นคนโบราณ หรือคนปัจจุบัน

ในหนังสือ "ฝรั่งศักดินา" เรื่องของยุโรปยุคฟิวดัล ของคุณชายคึกฤทธิ์ ตอนจบคำนำมีความว่า "ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานของเราในปัจจุบันคิดตัดสินว่าระบบสังคมของคนสมัยนั้นดี/ ไม่ดีอย่างไร อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าเรื่องเหล่านั้นหมดอายุความไปแล้ว" (ข้อความตรงผมจำไม่ได้ครับ แต่มีความหมายแบบนี้)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 22, 2010, 06:50:45 PM
                      ขอบพระคุณครับท่านDon ขอบพระคุณแทนผู้อ่านท่านอื่นๆด้วยครับ  ::014::
                      ผมชอบคำว่า " ไฮโซโรมัน "  ต้องขออนุญาตถามแบบวัยรุ่นว่า  คิดได้ไงครับเนี่ย


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 23, 2010, 08:03:41 PM
อิ อิ ขอบคุณครับท่านยังน้อย ไฮโซโรมัน ฮา แต่บางครั้งไฮโซโรมันก็กลายเป็น ไฮโซโนมัน(นี่) เหมือนสมัยนี้ครับ

คุยกันต่อครับ

...ตอนที่ปอมเปย์กับซีซ่าร์เกิดปิ๊งกันนี้ซีซ่าร์เป็นเจ้าแคว้น และเคยเป็นซีเนเตอร์อยู่ครับ ใหญ่พอตัวแต่ยังไม่มีบทบาทเขย่าโรม

อย่างไรก็ตาม ซีซ่าร์ เป็นนักการเมืองดาวเด่น ชอบทำตัวเด่นในวงการเมืองเป็นประจำ และโฆษณาตัวเองเก่งมาก เวลาญาติโยมเสียชีวิตก็จัดพิธีซะเริ่ดสมเกียรติ หรือเกินไปด้วยซ้ำ เน้นย้ำว่าเป็นสายไฮโซโก้สุดๆ

ซีซ่าร์ เริ่มสร้างชื่อเสียงทั้งในวงการไฮโซและวงการชาวบ้าน โดยในปี ๖๕ ก่อน ค.ศ. เข้าไปดำรงตำแหน่ง เอนเทอเทนเนอร์ (Curule Aedile) ของกรุงโรม คือตำแหน่งนี้คล้ายกับ รมต. วัฒนธรรมและการบันเทิง มีหน้าที่รับผิดชอบจัดงานโชว์ต่างๆ

ตามแบบโรมัน จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ สะใจโก๋ มหาชนฮือฮาก็ต้องจัดโชว์ กลาดิเอเตอร์ ครับ สัตว์กินคน คนห่าสัตว์ คนฆ่ากัน เลือดสาด เลือดนอง โรมันช๊อบชอบ

โรมันนั้นซาดิสชอบการนองเลือดอย่างสมจริงครับ ในการแสดงละครที่มีฉากตัวละครต้องตายโรมันก็ไปเอานักโทษประหาร หรือใครก็ตามที่จะถูกฆ่าเพราะข้อหา ๑๐๘ มาแสดงแล้วก็ให้ถูกฆ่าตายกลางเวทีจริงๆ

สมัยนั้นยังไม่ถึงยุค ยิ่งจัดยิ่งรวย ยิ่งเมกกะโปรเจค ยิ่งแอมเปิลริช แต่ผู้จัดต้องควักกระเป๋าตนเองจ่าย ซีซ่าร์ ก็เลยหยิบยืมตังค์ชาวบ้านเป็นการใหญ่ จัดโชว์กลางดิเอเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนโรมันเคยเห็นมา สมัยนั้นใช้สนามกีฬาอื่น ไม่ใช่โคลีเซียมใหญ่ที่เราเห็นพังครึ่งหนึ่งในโรมนะครับ (พังเพราะแผ่นดินไหว และพระสันตปาปาองค์หนึ่งรื้อที่นั่งหินอ่อนเอาไปประกอบการสร้างโบสถ์ เซ๊นต์ปรเตอร์ ตามธรรมดาสิ่งก่อสร้างใหญ่โตของโรมันคงทนใช้งานอยู่ได้ถึงปัจจุบันครับ เช่น วิหารแพนธีออนในกรุงโรม หลังคาโดมไม่เสริมเหล็กใหญ่ที่สุดในโลก และควาดัก หรือสะพานส่งน้ำขนาดยักษ์สูงหลายสิบเมตร ยาวหลาย กม. ทั่วไปในยุโรป) โคลีเซียมใหญ่ซึ่งมีชื่อจริงว่า ฟลาเวียน แอมฟีเธียเตอร์ คือสเตเดี้ยมของจักรพรรดิฟลาเวียน ยังไม่ได้สร้าง

ซีซ่าร์จัดงานใหญ่หลายอาทิตย์ เอากลาดิเอเตอร์เข้ามาโชว์ฆ่ากันมากซะจนสภาตกใจกลัว ว่าจะซ้องสุมกำลังกลาดิเอเตอร์ไว้ยึดอำนาจ ถึงขั้นออกกฎหมายจำกัดจำนวนกลาดิเอเตอร์ที่บุคคลใดจะเอาเข้ามาในกรุงโรมได้

ถึงโดนจำกัดจำนวนนักแสดง แต่ซีซ่าร์ก็จัดงานได้ใหญ่มีหน้ามีตากับรากหญ้าไปมาก

ทั้งนี้เวลาจัดงานแบบนี้ ฆ่าคน ฆ่าสัตว์กัน ก็จะมีการแจกเนื้อสัตว์ที่ฆ่านั้นให้ชาวบ้านด้วยครับ เป็นช่องทางหาเสียงกับรากหญ้าแบบโรมันทางหนึ่ง


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 23, 2010, 08:08:45 PM
ไม่ว่ารูปสลักรูปปั้นไหนๆ ซีซ่าร์ จะดูดี สุขุม เด็ดขาดกว่า ปอมเปย์ มาก ในความเป็นจริง เรื่องเหี้ยมนั้นไม่ต้องห่วง ส่วนบุคลิดอื่นนั้นก็ดี มีความเป็นผู้นำ แถมกันเองเจ๊าะแจ๊ะ โอบหลังลูบไหล่ ตีซี้ชี้นำคนได้อย่างเป็นเลิศ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 23, 2010, 10:50:17 PM
                               ขอบพระคุณท่านDonมากครับ  (มีแสบๆคันๆอย่างนี้มันดีครับ)  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 23, 2010, 10:55:12 PM
อิ อิ อีกเดี๋ยวม๊อบโรมันก็ปาอึแล้วครับ เขาเจริญซีซ่าร์โนมิกมาก่อนนานแล้ว ฮา


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 24, 2010, 04:33:52 AM
                         ปาอึ !!!!!! ฟังดูคุ้นๆจัง  มันน่าเอาเครื่องดีดหินดีดใส่ม๊อบโรมันสักลูกสองลูกจริงๆ  ::006::
                         ว่าแต่ว่าม๊อบโรมันเขาอ้าง " สองมาตรฐาน " ด้วยหรือเปล่าครับ   ::008::
                         เรื่องนี้ท่านดอนอย่าเอะอะไปนะครับ เดี๋ยวมีคนเอาไปอ้างว่าผู้นำของเขานั้นคือจูเลียส ซีซาร์ มาเกิดใหม่  " ทักษิอุส ชินนะวุส ซีซ่าร์ "
                       
                         ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เคยเขียนไว้ว่าคนโรมันยุคนั้นทำน้ำปลากินมาตั้งนานแล้ว และยังมีโรงน้ำปลา(ทั่งซังฮะ)อีกด้วย  ท่านดอนมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ (อย่าบอกให้ผมไปถาม " ทักษิอุส " เอาเองนะครับ ::005::)






หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 06:16:59 AM
จริงครับท่านยังน้อย ผมเคยเจอในหนังสือฝรั่งเหมือนกันว่าโรมันกินซอสที่ดูสูตรแล้วยังไงก็คือน้ำปลา นอกจากนี้โรมันชอบใช้กระเทียมปรุงอาหารมากครับ

โอ้ ม๊อบโรมันนั้นเป็นต้นแบบของ "ม๊อบมวลชน" จริงๆ ครับ คือเป็นของนายทุน โดยชาวบ้าน เพื่อนายทุน นอกจากนี้ยัง "บุกเข้าไปในสภา" โดยมีแกนนำเป็นสมาชิกสภาคอยเชียร์อยู่เองครับ คุ้นๆ อีกแล้วครับ อา

ดูๆ แล้วผู้นำม๊อบโรมันไม่อ้าง สองมาตรฐาน ครับ แต่ก็มีพฤติการณ์ทุจริจเชิงนโยบายเหมือนกัน เช่น ออกกฎหมายให้ประโยชน์เฉพาะพวกเฉพาะกรณีของตนดังจะได้คุยกันต่อไปครับ



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 06:34:43 AM
ครั้นแล้ว ซีซ่าร์กระทาชาย ก็เป็นหนี้...  จัดงานบันเทิงเริงรมณ์เข้าเนื้อมากไปก็แบบนี้

ซีซ่าร์เป็นหนี้แต่หัวยังไม่โตเท่าไหร่เพราะหัวยังใสคิดการใหญ่ใช้ชื่อเสียงและฐานเสียงของตัวหาเงิน ในช่องทางแบบโรมันมันใหญ่ใฝ่ตังค์ ก็คือการไปกินเมือง...

ซีซ่าร์ เลยวิ่นเต้นไปเป็นเจ้าแคว้นปกครองแคว้นสเปนนอก คือสเปนส่วนที่ไกลจากโรม ฝั่งตะวันตก รวมทั้วโปรตุเกสปัจจุบันด้วย พอไปกินเมืองได้ก็เริ่มสะสมทรัพย์ เพราะทรัพย์นั้นงอกออกมาจากการทำกินของชาวบ้าน แถมซีซ่าร์โชว์ฝีมือการทหารไปทะเลาะเบาะแว้งกับชนพื้นเมืองเผ่าอื่นๆ อีก ได้ทรัพย์มามาก

พอหมดวาระเจ้ากระทรวง เอ๊ย ผู้ครองแคว้น ซีซ่าร์ก็ดำเนินการกลับไปใหญ่และมีชื่อเสียงในโรมต่อเนื่อง ส่งเรื่องเข้าส่วนกลางไปว่า อันตูข้านั้นได้พิชิตชนเผ่าหลายเผ่า กำชัยชนะในสเปน ดังนั้นขอให้รัฐบาลปิดถนนจัดพาเพรดฉลองชัยกลางกรุงเพื่อชื่อเสียงและเกียรติยศแห่งตูข้าด้วย นอกจากนี้ตูข้าจะกลับไปลงเลือกตั้งเป็น "กงสุล" ด้วยนะเออ

อันว่าวิกตอนี่พาเหรดนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของชนโรมันครับ สุดยอดยังกับเอาถ้วยบอลโลกกลับบ้าน ขุนศึกพระเอกโรมันกำชัยเข้ากรุงนี้จะเท่เป็นเสมือนพระเจ้ามีเดียว โบราณโรมันเขาก็กลัวว่าขุตศึกพระเอกจะหลงตัวเหลิงคิดการใหญ่ ถึงกับให่มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าต้องมีทาสคนหนึ่งยืนข้างขุนศึกและคอยกระซิบว่า "คนเรานั้นต้องตายทุกคนๆ" เพื่อเตืนสติ

ส่วนกงสุลนั้นก็เรียกได้ว่าเป้นตำแหน่งบริหารสูงสุดของโรมัน ถึงแม้จะมีกงสุลพร้อมกันสองคนเพื่อคานอำนาจ และมีสองสภเพื่อพิจารณากลั่นกรองการใช้อำนาจของกงสุล เช่น เสนอ ผลักดันกฎหมายต่างๆ กงสุลก็เป็นตำแหน่งทรงอิทธิพลสูงสุดอยู่ดี ฝ่ายอื่นถ้าจะคานอำนาจได้ก็ต้องรวมตัวกันให้แน่น ไม่งั้นกงสุลตีกระจุยหมด

ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งมีหัวหอกแกนนำกลุ่มต่อต้านซีซ่าร์ชื่อ กาโต ก็เริ่มเต้น (Cato แปลว่าแมว สมัยนี้ภาษาสเปน Gato และอิตาเลียนก็ยังแปลว่าแมวครับ) นายแมวเรียกนักกฎหมายมาหารือเป็นการใหญ่ “หนอยไอ้เจ้าแคว้นหน้าตอบ อ้างว่าไปรบชนะยิ่งใหญ่จะขอจัดพาเหรด แถมจะลงเลือกตั้งเป็นกงสุลด้วยเชียวเรอะ นิติกรทั้งหลายจงพิจารณาดู มันสามารถทำอย่างนี้ได้หรือไม่?”

นายแมวเจอข้อกฎหมายว่า แนวทางปฏิบัติของซีซ่าร์นั้นขัดกันครับ (ฮ่า) เพราะ

๑. ขุนศึกที่จะพาเหรดเข้าโรมนั้นห้ามเหยียบเท้าเข้ากรุงก่อนวันงาน

๒. ผู้จะลงสมัครเลือกตั้งเป็นกงสุลนั้น ต้องมารายงานลงสมัครด้วยตนเองที่สภา

“ก๊าก ก๊าก ก๊าก ไอ้หนุ่ม จูเลียส ซีซาร์ เอ๋ย แกจะคิดใหม่ทำใหม่ตามใจชอบทุกอย่างไม่ได้ เลือกเอาอย่างเดียวก็แล้วกัน”

ซีซ่าร์ก็ "ฮึ่ม แค้นโว้ย ติดช่องกฎหมาย เอาไงดีๆ เลือกพาเหรดชัวร์ๆ หรือลงสมัครรับเลือกตั้งดี ลงไปก็ยังเสี่ยงจะได้ไม่ได้?” (โรมันยังไม่ฉลาดใช้ระบบนอมินี่ หรือมอบอำนาจทนายให้สมัครกงสุลแทนครับ ฮา) ข่าวไม่ได้บอกว่าซีวาร์เตะแมวตายไปกี่ตัวเพราะแค้นนายแมว

ปล. โพสที่แล้วผมลืมไปครับว่าตอนซีซ่าร์มาจับมือกัยปอมเปย์นั้นแกเป็นเจ้าแคว้นไปแล้ว พอคุยเรื่องซีซ่าร์ไล่มาเลยเจอจุดนี้ ผมกลับไปแก้ในโพสเดิมแล้วครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 06:52:34 AM
เขาเรียกนายแมวคู่กัดซีซ่าร์ว่า "นายแมวหนุ่ม - Cato the Younger" เป็นเหลนของ "นายแมวอาวุโส - Cato the Elder"  

นายแมวชราเป็นนักการเมืองผู้มีชีวิตอยู่ช่วงประมาณร้อยปีก่อนยุคซีซ่าร์ครับ นายแมวชรานี้ก็เป็นนักการเมืองมีชื่อเหมือนกัน เป็นผู้หนึ่งที่ผลักดันให้โรมส่งทัพไปตีคาร์เธจและทำลายจนราบคาบครับ เนื่องจากตอนที่ สกิปปิโอแม่ทัพโรม ไปรบชนะอันนิบาลที่ซามานอกกรุงคาร์เธจนั้น โรมันยังไม่ได้ทำลายกรุงคาร์เธจครับ

รูปสลักนายแมวหนุ่ม


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 24, 2010, 08:31:39 AM
                    ขอบพระคุณท่านดอนมากครับ มีเวลาว่างตอนไหนก็พยายามมาให้ความรู้แก่ชาวปืนเสมอ
                    อ่านๆไปนึกว่าท่านดอนเล่าเรื่องการเมืองสารขัณฑ์เสียอีก  ผมว่าในกระเทียมและน้ำปลาคงจะมีสารอะไรสักอย่างแน่ นักการเมืองของประเทศที่ชอบกระเทียมและน้ำปลาถึงได้มีพฤติกรรมทางการเมืองเหมือนกันเปี๊ยบ(เฉพาะผู้นำนะครับ)
                    อยากรู้ว่าซีซาร์เจอศาลรัฐธรรมนูญแล้วแกจะทำยังไง จะรออ่านครับ    ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 24, 2010, 08:37:21 AM
กระทู้นี้มันส์จริงๆไม่กลิ้งกลอก... นายสมชายเข้ามาอ่านประจำ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร เลย Post รายงานตัวดื้อๆแบบนี้แหละครับ... ฮา...

อ้อ... ทักสิอุส ต้องโดนโขกหัว จนกบาลบุ๋มด้วยส้น"รองติอุ้ม ตินุ่ม"ครับ... ฮา(รากศัพท์ละตินมั๊งอ่ะ)...



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 24, 2010, 09:44:28 AM
กระทู้นี้มันส์จริงๆไม่กลิ้งกลอก... นายสมชายเข้ามาอ่านประจำ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร เลย Post รายงานตัวดื้อๆแบบนี้แหละครับ... ฮา...

อ้อ... ทักสิอุส ต้องโดนโขกหัว จนกบาลบุ๋มด้วยส้น"รองติอุ้ม ตินุ่ม"ครับ... ฮา(รากศัพท์ละตินมั๊งอ่ะ)...



 ::005:: ::007::  555555  ::007:: ::005::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 24, 2010, 12:57:06 PM
กระทู้นี้มันส์จริงๆไม่กลิ้งกลอก... นายสมชายเข้ามาอ่านประจำ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร เลย Post รายงานตัวดื้อๆแบบนี้แหละครับ... ฮา...

อ้อ... ทักสิอุส ต้องโดนโขกหัว จนกบาลบุ๋มด้วยส้น"รองติอุ้ม ตินุ่ม"ครับ... ฮา(รากศัพท์ละตินมั๊งอ่ะ)...
                       
                                     
                                               ท่านสมชายครับผมฝากด้วย ๒-๓ ทีครับ  ::005::
                                               เรียนท่านดอนครับ  มีการบุกสภาโดยแกนนำเป็นสมาชิกสภา มีการออกกฏหมายเพื่อเอื้อพวกพ้อง  ท่านดอนอย่าบอกนะครับว่ามีการเผากรุงโรมด้วย โอ...เหมือนกันจริงๆ (อยากให้เหมือนไปให้ตลอดจังเลย.....อยากเห็นฉากจบที่หน้าสภา) ::008::




หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 04:53:41 PM
ขอบคุณมากครับพี่สมชาย อิ อิ ผมขอฝากด้วยสัก ๒-๓ เหนี่ยวนะครับ

--------

ขอเป็นรองติอุ้ม ซนติสูง ได้ไหมครับคุณอรชุน ของคุณป้ากระบังเขื่อนก้ได้

--------

ท่านยังน้อย อือม์ ก็เกือบไปละครับ มีวอดวายเหมือนกัน เรื่องฟืนไฟนี่ ปล่อยให้มายุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองไม่ดี ผมขออนุญาตอุบไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้นตามยุคสมัย อิ อิ

...แต่ฉากจบในสภาจริงๆ ก็โดนแทงจ๊วบๆๆๆๆ ๒๓ แผลนั่นละครับ เมตตา สาธุ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 24, 2010, 05:17:11 PM
                           เอาอีกแล้วครับท่าน  " ป้ากระบังเขื่อน "  ท่านดอนคิดได้ไงครับเนี่ย !     ::007::
                           แถวบ้านผมเรียก  " ป้าเพิงหมาแหงน "  ครับ(ดูไม่ให้เกียรติกันเลย)   กระบังเขื่อนค่อยดูยิ่งใหญ่หน่อย   ::008::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 05:19:17 PM
ซีซ่าร์จึงเรียกเนติบริกรของตนมาสั่งมั่ง “เจ้าๆ ไม่ใช่มีสองเนตินะครับ (แค่เสียงสั่นเพราะความแค้นมิกิเลส) เจ้าจงดูข้อกฎหมายให้ดี เราจะใช้หลักรัฐศาสตร์เหนือกว่าหลักนิติศาสตร์ได้ไหม? คิดให้ได้เรื่องดีอย่ารีรอ  เอ้า ตังค์ ไปซื้อขนมกิน อย่าเอากล่องไปวางทิ้งซี้ซั้วที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง”

อย่างว่าครับ โบราณหรือจะสู้ยุคเทคโนโดลยีข่าวสาร ต้นน้ำการเมืองหรือจะสู้คลื่นลูกที่สาม เนติบริกรของซีซ่าร์ก็จนปัญญา ซีซ่าร์จึงใช้หลักมั่วอะไรๆม่ๆด้ ต้องยอมตกลงใจเลือกทางใดทางเดียวตามกฎหมาย

ซีซ่าร์คิดดูๆ คิดไปคิดมา ก็เห็นว่าอย่าไปเก็บเกี่ยวชื่อเสียงอำนาจจากอดีตเลย เสี่ยงสร้างชื่อเสียงและอำนาจให้กับอนาคตดีกว่า (ประโยคนี้ซีซ่าร์ไม่ได้พูด ผมแต่งเองครับ ฮา)

ไม่ว่ายุคไหนๆ การลงรับเลือกตั้งทางการเมืองนั้นต้องมีทั้งแก้วสารพัดนึก และไม้เท้าตีสุนัข ผู้มีสิทธิเลือกงสุลคือสมาชิกสภาด้วยกันเอง ไม่ใช่ประชาชน ค่าซื้อเสียงจึงยิ่งแพง เอ๊ย การโน้มน้าวจิตใจจึงต้องมีอุดมการณ์ลึกสูงตามไปด้วย ส่วนใครที่จะโดนไม้ก็ต้องหวดให้หนักหน่วงยิ่งกว่าหวดรากหญ้าธรรมดาเพราะสมาชิกสภาล้วนหนังหนาๆ ทั้งนั้น

ซีซ่าร์มองไปมองมาก็เห็นชายคนหนึ่ง มีพรรค (พวก) และมีตังค์พร้อมมูล ที่สำคัญคือมีความเก็บกด ถูกเก็บดองและกดดันทางการเมืองพร้อมจะลุยเมื่อได้โอกาส นายพลเก่าหน้าเหมือนหมีแพนด้า ปอมเปย์นั่นเอง ไม่ใช่ใครอย่าคิดมาก ปอมเปย์นั้นก็รู้ๆ กันอยู่ว่ารวยทรัพย์มาก และตอนนี้รวยมวลชนด้วย คือทหารเก่านอกเครื่องแบบของตนที่กำลังรอรับผลประโยชน์จากปอมเปย์

ซีซ่าร์จึงไปติดต่อ ต่อรอง ตกลงขอสมประโยชน์ด้วย (ตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้ทำปฏิญญาเมืองหลังปลาอะไรกันครับ ต่อไปจึงได้ทำปฏิญญาลุกก้า ร่วมกัน ๓ คน กับนายครากซุสอีกคนหนึ่ง)

ซีซ่าร์ทำความตกลงเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับปอมเปย์ว่า “ข้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกงสุลละ ท่านคนรวยทรัพย์และม๊อบช่วยข้าเต็มที่หน่อย ได้เป็นแล้วเราจะช่วยกันผลักดันกฎหมายที่ท่านต้องการและร่วมมือคิดใหม่ทำใหม่ในกรุงโรมกัน ฯลฯ” ปอมเปย์ก็ “เออ อือม์ โอเคๆ”


การเลือกตั้งกงสุลโรมันปี ๖๐ ก่อน ค.ศ. นั้นดุเดือดมาก กลเม็ดซื้อขาย ข่มขู่ ฉ้อโกง ถูกนำมาใช้ทุกท่า ปอมเปย์มีม๊อบทหารโรมันผ่านศึกของตนไล่ตีหัวคะแนนเสียง และพลพรรคของคู่แข่งอย่างเต็มที่ รวมทั้งป่วนเมืองตามที่ต่างๆ อวดศักดาว่าถ้าพวกข้าไม่ได้ละก็ พวกแกอย่าอยู่เป็นสุขกันเลย

ผลการเลือกตั้ง ซีซ่าร์ได้คะแนนนำคู่แข่งทุกคนท่วมท้น เป็นกงสุลโรมัน

แต่ตามที่กล่าวแล้วว่า ระบบโรมันมีกงสุลคานอำนาจพร้อมกันสองคน อีกคนที่ได้รับเลือกตั้งเป็นกงสุลควบด้วยคะแนนฉิวเฉียดนั้นมากจากกลุ่มการเมืองค่ายตรงข้าม ไม่ใช่ใครที่ไหน ลูกเขยของนายแมวนั่นเองครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 05:21:54 PM
แหม ทนหนายังกับเขื่อนฮูเวอร์ แดม ก็ต้องเรียกว่าเขื่อนสิครับ กระบังผมนะครับ ไม่ใช่อะไรลงมา


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 24, 2010, 05:45:33 PM
โม้ เอ๊ย คุยกันมากพอควรแล้วจึงขอแนะนำหนังสืออ่านเพิ่มเติมครับ ผมว่าเรื่องของโรมันกระหายอำนาจนั้นสนุกตื่นเต้นเร้าใจจริงๆ กองนี้อยู่ใกล้มือ เรื่องอื่นๆ อยู่อีกบ้าน

ที่น่าเสียดายสำหรับการคุยกันคือเล่ม Carsar ในกองนี้ของนาย Adrian Goldsworthy นี่ผมอ่านไปได้แค่นิดเดียว อยู่ในการท้าวความกลุ่มการเมืองต่างขั้วของโรม ซีซ่าร์ยังไม่เกิดเลยครับ นาย "เอเดรียน คุ้มค่าทอง" นี้เขียนเรื่องโรมันๆ ไว้หลายเล่มครับ

ที่อยากแนะนำเพิ่มเติมก็คือเรื่อง The Gaelic War และ The Civil War ที่จูเลียส ซีซ่าร์เขียนเอง

และเรื่อง Lives of the Caesars ของ Suetonius นักประวัติศาสร์โรมันในศตวรรษที่ ๑ (เกือบร่วมสมัยซีซ่าร์) เกี่ยวกับผู้มีอำนาจและจักรพรรดิโรมันต่อมาหลายคนครับ

นักประวัติศาสตร์โรมันสมัยศตยรรษที่ ๑ อีกคนคือ Platarch ก็เขียนเรื่องเกี่ยวกับ จูเลียส ซีซ่าร์ แต่ผมยังไม่ได้หาอ่านครับ  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 24, 2010, 05:58:41 PM
                              ขอบพระคุณครับท่านดอน  โรมันได้นายกฯเอ๊ยกงศุลคนใหม่แล้ว  จะไปรออ่านต่อที่บ้านครับ    ::014::
                              สำหรับหนังสืออ่านเพิ่มเติม................แหะ....แหะ...มีใครแปลเป็นไทยบ้างหรือยังครับ  ::004::                                                         


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 25, 2010, 08:49:38 AM
อ่านเล่มนี้บ้างไหมครับ
http://www.danielsilvabooks.com/content/books.asp (http://www.danielsilvabooks.com/content/books.asp)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 25, 2010, 08:52:15 AM
เล่มนี้ด้วย
http://www.matichonbook.com/index.php?mnuid=5&selmnu=530826100930 (http://www.matichonbook.com/index.php?mnuid=5&selmnu=530826100930)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 25, 2010, 02:31:38 PM
ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ขอบคุณครับ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 25, 2010, 02:33:57 PM
...ครวนี้คูหูคู่ฮามาหาอำนาจ ซีซาร์และปอมเปย์ก็วาดลวดลายออกลีลาในสภาโรมอย่างสุดๆ ครับ ซีซาร์มีม๊อบปอมเปย์หนุนหลัง รวมทั้งนักการเมืองกลุ่มประชานิยมหางเครื่อง จึงออกอาการยึดเมืองทันที

ซีซ่าร์ส่งร่าง กม. จัดสรรที่ดินทำกินให้ทหารลูกน้องของปอมเปย์เข้าสภา พร้อมกับเอาม๊อบมาเตรียมหน้าสภาไว้แล้ว

พออภิปรายกันถึงพริกถึงขิง ซีซ่าร์ในฐานะกงสุลเหนือกว่าสมาชิกสภาซีเนตโรมัน ก็ยัดข้อหาผิดระเบียบให้ซีเนตฝ่ายตรงกันข้าง สั่ง จนท. มาจับลากออกไปเข้ากรงไว้ก่อนทันที

พออภิปรายถึงหยวกถึงกล้วย ด่ากันชุลมุนซีซ่าร์ก็ไอโฟนสั่ง เอ๊ย ให้สัญญาณม๊อบบุกเข้าสภา (อา คุ้นๆ นะครับ) ม๊อบเข้ากลุ้มรุมแบกตัวทั้งนายแมว และลูกเขยที่เป็นกงสุลร่วมออกไปโยนบกข้างนอก ซีซ่าร์ ก็ฉวยร่างกฎหมาย เดินหน้าตาเฉยไปให้สภาล่าง ที่ส่วนมากเป็นพวกประชานิยมของตนอนุมัติผ่านร่างออกมาเป็นกฎหมายสมใจปอมเปย์

ยิ่งกว่านั้น ม๊อบของ ซีซาร์-ปอมเปย์ ยังได้เอาอึทั้งถังราดหัวลูกเขยนายแมว กงสุลร่วมซะอีก (โอ้ว คุ้นอีกแล้ว) การเมืองปาอึนี่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน ค.ศ. แล้วครับ ไม่ใช่เพิ่งเกิดในศตวรรษที่ ๒๐-๒๑

หลังจากนั้นไม่ต้องห่วงครับ ซีซ่าร์ก็ยึดทั้งสองสภาสบายไป ม๊อบก็คอยคุกคามฝ่ายตรงกันข้ามไปเรื่อย โดยเพาะพวกนายแมว ลูกเขยนายแมวที่เป็นกงสุลร่วมนั้นถึงขั้นไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน ขาดประชุมสภาอยู่บ่อยๆ

ตอนนี้นายแมวก็นอนกัดฟันไปพลางๆ ก่อน หนอย ไอ้ ซีซ่าร์ ทำบ้าๆ ละเมิดตรู เล่นการเมืองผิดขั้นตอน ผิดกฎหมายหลายข้อนะแก เดี๋ยวพอแกหมดอำนาจวาระแล้วข้าจะแจ้งฟ้องเอาให้ตายไปเลย...

อนึ่ง ในการออกกฎหมายจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ลูกน้องของปอมเปย์นั้น ปอมเปย์ – ซีซ่าร์ทำแบบนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ คือ ไม่ได้ออกกฎหมายให้เป็นบรรทัดฐานให้สิทธิประโยชน์แก่คนทั่วไป แต่ออกเป็นกฎหมายเฉพาะให้แก่กลุ่มลูกน้องตัวเองเท่านั้น และเฉพาะกรณีนี้เท่านั้น เพื่อเป็นการสร้างอำนาจส่วนตัวโดยตรง  

การใช้อำนาจรัฐทำลายความมั่นคงของระบบที่เชื่อถือได้ในสังคม หาประโยชน์ให้กลุ่ม และสร้างระบบอุปถัมภ์นั้น ส่งผลให้เกิดรากเน่าเป็นพิษอย่างไรคงพอนึกกันออกนะครับ

ส่วนเรื่องที่นักการเมืองพวกนี้จะเอาคำนิยามความเลวร้ายของตนเองไปป้ายสีใครนั้น รากเน่าเป็นพิษพร้อมที่จะเชื่ออยู่แล้ว เพราะโง่ลงด้วยความละโมบเฉพาะหน้า และที่สำคัญ ไม่เลือก เอ๊ย ไม่รับใช้นายท่านก่อนเดี๋ยวไม่ได้น้ำเลี้ยงก่อน (คำว่าน้ำเลี้ยงนี่ผมชอบมากครับสื่อถึงความเป็นรากเน่า หรือวัชพืช/ กาฝากดี)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 25, 2010, 08:30:15 PM
                     ขอบพระคุณครับท่านดอน การเมืองโรมันสนุกไม่แพ้ของเมืองสารขัณฑ์เราเลยนะครับ  ::014::
                     ขอบพระคุณท่านSoap47 ด้วยครับที่เอาหนังสือมาฝาก  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2010, 10:18:32 PM
ผมชอบอ่านหนังสือครับ  จำได้ว่า พี่ Don เคยแนะนำไว้ว่า อ่าน สองเล่มพร้อมกัน เล่มหนึ่งอ่านง่าย อีกเล่มที่อ่านยากๆ เอาไว้สลับกัน
http://greymansland.com/wp-content/uploads/2009/11/spoken-from-the-front-book-cover.jpg (http://greymansland.com/wp-content/uploads/2009/11/spoken-from-the-front-book-cover.jpg)
กำลังรออ่านเล่มนี้ครับ
http://ecx.images-amazon.com/images/I/51nrsorYK7L.jpg (http://ecx.images-amazon.com/images/I/51nrsorYK7L.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 27, 2010, 12:20:58 AM
ขอ off topic อีกสักทีครับเพื่ออัพเดทการเดินทางครับ พอดีวันนี้ได้ไปที่ป้อมอีเบน อีเมล มา เดินกันขาขวิด เครือข่ายอุโฒงค์ใหญ่มากๆ แล้วจะทยอยลงให้ชมตอนเน็ตเป็นใจครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs652.snc4/61286_450941950232_668695232_5709186_4372540_n.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 27, 2010, 04:30:02 AM
...ซีซ่าร์ได้เป็นกลสุลในปี ๖๐ ก่อน ค.ศ. และในปีต่อมานั้นเองซีซ่าร์ก็ได้ยก จูเลีย ลูกสาว แต่งงานกับปอมเปย์ เป็นการผนึกกำลังพันธมิตรอีกชั้นหนึ่ง ตอนนั้นซีซาร์โสดเพราะเมียตายไปแล้วครับ

เข้าปี ๕๘ ก่อน ค.ศ. ซีซาร์หมดว่าระกงสุล กลายเป็น โปรกงสุล ตามธรรมเนียมต้องออกไปเป็นเจ้าแคว้น ซึ่งเป็นแม่ทัพคุมกำลังตามอัตรากำลังของแคว้นนั้นด้วย

การเมืองขั้นตรงข้ามก็พยายามผลักดันให้ซีซ่าร์ไปเป็นเจ้าแคว้นทางเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นแคว้นสงบเงียบธรรมดา คนโรมันอาศัยอยู่สบายๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ตื่นเต้น แต่ซีซ่าร์ไม่ต้องการ อยากจะไปครองแคว้นแปลกๆ เถื่อนๆ ให้มีโอกาศทำสงครามรบทัพจับศึก พิชิตศัตรูยึดเงินทอง และสร้างชื้อเสียงมากกว่า

ซีซ่าร์และพวกก็วิ่งเต้นไปเป็นเจ้าแคว้นกอลนอกภูเขาอัลไพน์จนได้ และโชคดีมากที่เจ้าแคว้นกอลใกล้เคียงอีดแคว้นเสียชีวิตพอดี ซีซ่าร์ เลยวิ่งเต้นได้คุมอีกแคว้นควบไปด้วย

อัตรากำลังในบังคับบัญชาคือกองทหารโรมัน ๓ ลีเจี้ยน ในยุคนั้นแต่ละลีเจี้ยนมีทหารราบ ๔,๒๐๐ คน ทหารม้า ๓๐๐ คน

แน่นอนครับ ซีซ่าร์ไม่ได้ไปเป็นเจ้าแคว้นแบบสงบเงียบเรียบจ๋องแน่นอน

ในปี ๕๘ ก่อน ค.ศ. นั้นเอง ชนเผ่า เฮลเวตติ จากดินแดนที่โรมันเรียกว่า เฮลเวเธีย เกิดความยากแค้น อพยพผู้คนออกตระเวนในยุโรป ดินแดน เฮลเวเธีย นี้ปัจจุบันมีอีกชื่อว่า สวิสเซอร์แลนด์ นั่นเอง คนสวิสสมัยสองพันปีก่อนนั้นยังไม่รู้จักทำนาฬิกา ช๊อกโกแลต และค้าขายทองคำกับชาวบ้าน เป็นชนพื้นเมืองยุโรปที่โรมันถือว่าเป็นคนป่าเถื่อนพวกหนึ่ง แต่ก็เป็นเผ่าอิสระ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปกครองของโรมัน

ที่จริงพวกเฮลเวตติยังไม่ได้อพยพเข้าไปจุ้นข้านในแคว้นกอลที่ซีซ่าร์ปกครองอยู่ แต่ด้วยความจุ้นจ้านอยากหาเรื่องของซีซ่าร์เอง ซีซ่าร์จึงนำกองทหารโรมันบางส่วนแปลงตัวเป็นไอ้โม่งหลงทางออกจากแคว้นของตนไปดักขวางทางไว้ ทำนองใช้สิทธิเตร็ดเตร่โดยสุจริต

พวกเฮลเวตติเจอทหารโรมันขวางทางก่อกวนอยู่ ก็กระทบกระทั่งรบกัน ทีนี่ซีซ่าร์เลยมีข้ออ้างเป็นอันดี โรมันโดนโจมตีก่อน ข้าจะต้องกู้เกียรติของรีพับริกด้วยการปราบปรามไอ้คนป่าเผ่านี้ ซีซ่าร์เลยจัดกองทัพเป็นเรื่องเป็นราวยกไปปราบปรามพวกเฮลเวตติ แต่ทั้งนี้เป็นแค่การเริ่มต้นของเรื่องที่ซีซ่าร์เขียนเป็นหนังสือชื่อ "สงครามกอล" ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 28, 2010, 08:59:34 AM
                            ขอบพระคุณท่านดอนมากครับที่มาให้ความรู้เสมอ  ::014::
                            ขอบพระคุณท่านSoap47มากครับที่เอาหนังสือมาฝาก ::014::
                            ขอบพระคุณท่านJokeด้วยครับ ขอให้เนทเป็นใจเร็วๆนะครับ(อยากดูรูปต่อ) ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 28, 2010, 05:43:22 PM
ก่อนจะคุยเรื่องการสงคราม – โรมัน กอลต่อไป ขอขั้นรายการด้วยการตคุยเรื่องกองทัพโรมันอีกหน่อยครับ กองทัพโรมัยต้องมีทีเด็ดอะไรมากๆ แน่ ไม่อย่างน้นย่อมไม่สามารถเอาชนะฝรั่ง แขก และอัฟริกันได้ทั้งสามทวีป มีชัยเหนืออารยธรรมอื่นๆ ซึ่งก็รุ่งเรืองมากได้ สร้างอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาณาจักรหนึ่ง และที่สำคัญ เมื่อดูการรบแต่ละที่แล้วจะเห็นว่ากองทัพโรมันเอาชนะกองทัพที่มีจำนวนมากกว่าตนได้เกือบทุกครั้ง บางครั้งข้าศึกมีจำนวนนักรบมากกว่า ๕-๑๐ เท่า ก็ยังแพ้กองทัพโรมัน (ผู้สื่อข้อมูลเรื่องนี้เป็นฝ่ายคนหัวฝ่ายขวาของข้างที่แพ้ซะด้วย คือเชอร์ชิล เขียนเกี่ยวกับการที่กองทัพซีซ่าร์เอาชนะพวกไบรตันจำนวนมากกว่าเป็นสิบเท่าในสนามรบได้ จึงน่าเชื่อว่าไม่ได้เข้าข้างเยินยอโรมัน)  

ก่อนอื่นก็ต้องคุยว่าในกองทัพโรมันไม่ได้มีแต่คนเชื้อชาติโรมันอย่างเดียว และที่จริงความเป็นคนโรมันนั้นเป็นไปตามสถานภาพทางกฎหมายคือได้สัญชาติโรมันเป็นประชาชนเต็มขั้น พวกคนที่อยู่ในพื้นที่ปกครองของโรมัน ไม่ถือเป็นคนสัญชาติหรือขอเรียกง่ายๆ ต่อไปว่าพลเรือนโรมัน แต่เป็นคนในบังคับที่ต้องเสียภาษี และมีหน้าที่ต่างๆ สิทธิก็มีน้อยกว่าพลเรือนโรมัน จะได้สัญชาติก็ต้องมีกรณีพิเศษ เรื่องหนึ่งคือเป็นทหารรบให้โรมันตามแต่จะตกลงกัน

ในกองทัพโรมันจึงมีทั้งคนโรมันดั้งเดิม และพลเรือนโรมันแปลงสัญชาติ แต่มีมาตรฐานขั้นต่ำเดียวกัน เพราะถ้าจะพูถึงคำจำกัดความของกองทัพโรมัน หรือแม้แต่ความเป็นโรมันทั่วไปอย่างสั้นที่สุดก็ต้องพูดว่า “โรมันนั้นคือนักจัดระเบียบ” แม่ทัพโรมันผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า "โรมันเรามีแข็งแรงเท่าพวกสเปน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเท่าพวกอัฟริกัน ไม่มีจำนวนมากเท่าพวกกอล เราต่อสู้ได้ก็ด้วยระเบียบวินัยของเราเท่านั้น"

กองทัพโรมันจัดระเบียบ และมีเทคนิกต่างๆ มีประสิทธิภาพมากที่สุดกองทัพหนึ่งในประวัติศาสตร์ และก็อาจเป็นกองทัพในยุคก่อนดินปืนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย ถ้าจะคุยเรื่องกองทัพโรมันอีกนานก็ไม่จบ เพราะมีเทคนิกต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเดินทัพ และตั้งป้อมค่าย จึงขอเรียกน้ำย่อยด้วยคุยเรื่องการศึกเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับระเบียบวินัย และความมุ่งมั่นในการรบเล็กน้อยครับ

กองทัพโรมันจัดระเบียบองค์กรเป็นเรื่องเป็นราวมาก ชื่อตำแหน่ง นายร้อย ก็มาจากโรมัน คือ เซ็นจูเรี่ยน-นายร้อยโรมัน บังคับบัญชาทหาร ๑๐๐ คน วินัยและการเชื่อฟังคำสั่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทหารที่ขัดคำสั่ง ทำนอกคำสั่ง แม้ได้ผลดีก็จะถูกทำโทษตามกรณี ถึงตายก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดามากที่สุดในกองทัพโรมัน

หลังการรบ ไม่ว่าผลการรบจะแพ้หรือชนะอย่างไรก็ตาม ถ้าแม่ทัพเห็นว่าทหารกองไหนบกพร่องในหน้าที่ รบไม่เข็มแข็งพอ อาจทำโทษ "ประหารสุ่มตัวอย่าง" ที่เรียกว่า Decimation ก็ได้ (รากศัพท์แปลว่า กำจัด ๑/๑๐ ครับ) คือ การลงโทษประหารทหารในกองนั้นแบบสุ่มตัวอย่าง เช่น กองนี้รบห่วย จับฉลากทหารมาฆ่า ๑๐% หรือ ๒๐% หรือถ้ารบห่วยมากถึงขั้น แตกทัพวิ่งหนีข้าศึก อาจจะลงโทษฆ่าทหารที่เหลือทั้งกองก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดากองทัพโรมันที่ปฏิบัติมาโดยตลอด (ในภาพยนต์ The fall of the Roman Empire มีฉากการ Decimation ที่ให้ทหารยืนเรียงแถวบนสะพานแล้วแม่ทัพขี่ม้าผ่านสุ่มชี้ให้ถีบทหารบางคนลงไป)

ทหารโรมันจึงฮึกเหิม ลุยแหลก ไม่กลัวตาย ทำตามคำสั่งทุกอย่าง คำว่า "ให้ทหารกลัวนายของตนมากกว่ากลัวข้าศึก" นั้นเป็นจริงกับทหารโรมันมากๆ เกร็ดประวัติศาสตร์บางเรื่องชี้ให้เห็นถึงความดุเดือดไม่ติดเบรกของทหารโรมัน เช่น ครั้งหนึ่งมีการต่อสู้แย่งอำนาจกัน ทหารฝ่ายยึดอำนาจเข้าถึงตัวจักรพรรดิ แทงฟันจักรพรรดิไม่ยั้งมือ แม้ว่าหัวจะถูกตัดขาดออกจากตัวไปแล้วก็ยังแทงฟันร่างต่อจนกว่านายจะสั่งให้หยุด


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 28, 2010, 05:44:39 PM
และถึงแม้ระเบียบวินัยจะเข้มถึงขนาดนี้ โรมันก็ยังวางกำลังในกองทัพเสริมความ "แกร่ง" ของขบวนรบขึ้นอีก โดยนอกจากทหารจะใช้อาวุธเฉพาะด้านตามที่คิดวางแผนกันมาแล้ว ก็ยังวางกำลังพลเฉพาะด้านเพื่อการควบคุมขบวนรบด้วย

ตามที่เคยคุยกันในหัวข้อนี้มาก่อนแล้วว่าขบวนรบโรมันจะเป็นขบวนเหลี่ยมตารางหมากรุก หรือขบวนเหลี่ยมยาวเป็นแถบเหลื่อมกันในยุคต่อมา นั้น ทหารในกองทัพจะแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม เรียกง่ายๆ ว่าทหารใหม่ ทหารเก่า และทหารเก๋า ที่ผ่านศึกมามากที่สุด มีประสบการณ์รบมากที่สุด

กองทหารใหม่ (แต่ไม่อ่อนหัด) จะอยู่แนวหน้าที่สุดในขบวนรบ

กองทหารเก่า อยู่แนวถัดไป

กองทหารเก๋า อยู่แนวหลัง

ทั้งนี้เพื่อให้ทหารเก๋า และเก่า คอบควบคุม ต้อนไม่ให้ทหารใหม่ที่ปะทะกับข้าศึกระส่ำระสาย หรือแตกแถว ถ้าทหารเก่าอยู่แถวหน้า ทหารใหม่อยู่แถวหลัง สถานการณ์ไม่ดี ทหารใหม่อาจสติแตกหนีก่อน ทำให้เสียขบวนรบกันหมด

นอกจากนี้ ขบวนรบโรมันนั้นมีช่องว่างระหว่างตางรางหมากรุก หรือแถบกองทหาร แม่ทัพสามารส่งทหารเก่าที่มีประสบการณ์รบมากกว่าเข้าไปช่วยทหารใหม่ในจุดที่เสียเปรียบได้ หรือเคลื่อนพลไปโอบล้อมข้าศึก หรือตีปีกแนวรบข้าศึกได้

หรือแม้กระทั่งว่า ขลวนรบโรมันถูกข้าศึกโอบล้มปีก หรือแนวหลัง ทหารเก่าก็มีโอกาสสู้รบป้องกันตัวจากข้าศึกหลายด้านได้ดีกว่า


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 28, 2010, 10:26:41 PM
                          ขอบพระคุณท่านดอนครับที่อุตส่าหาเวลามาเล่าความรู้และความสนุกสนานแก่เหล่าสมาชิก ::014::                         
                          เรื่อง " ประหารสุ่มตัวอย่าง " ผมเคยดูหนังโรมันเรื่องหนึ่ง นายทหารจะให้ทหารในแถวนับหนึ่งถึงสิบ คนที่นับสิบจะถูกประหาร จะนับอย่างนี้ไปจนครบทั้งกอง คนที่ตกเลขสิบก็เดินไปให้นายทหารแทงด้วยดาบอย่างองอาจ
                          ผมเคยอ่านพบว่าทหารโรมันนอกจากได้เบี้ยเลี้ยงเป็นเงินทองแล้ว ยังจ่ายเบี้ยเลี้ยงด้วยพริกไทยและเกลือด้วย ข้อนี้เท็จจริงแค่ไหนครับท่านดอน
                          และเรื่องทหารโรมันเป็นเกย์กันมากนั้นจริงไหมครับ  หากนอกเรื่องบ้างท่านผู้อ่านคงให้อภัยนะครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 28, 2010, 10:43:43 PM
ผมว่าทหารโรมันดูคล้ายๆ พวกกลุ่มขวามากกว่า คงจะเป็นเกย์ครับ (ฮา)

โรมันไม่ได้สนับสนุนเรื่องเกย์แบบกรีกครับ กรีกมี Sacred band ให้คู่เกย์เป็นนักรบในกองเดียวกัน จะได้สู้อย่างเข้มแข็งปกป้อง/ แก้แค้นให้แฟนตนเอง เคยมีบางกองสูจนตายหมดทุกคน

แต่เกย์กรีกมาพร้อมกับวัฒนธรรมการดูแล/ อบรม หนุ่มที่เด็กกว่า ถึงมีความสัมพันธ์ทางกายแบบเกย์ ผมว่าจิตใจไม่ได้เป็นเกย์ทุกคน และส่วนมากก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ อยากเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมไบฯ เพื่อจุดประสงค์ต่างกันมากกว่าคือการดูแลสั่งสอย กับการมีครอบครัว/ มีลูก

อย่างไรก็ตามมีเรื่องราวบ่อยๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมเกย์ของโรมันโดยเฉพาะคนชั้นสูงบางคน ส่วนในกองทัพเชื่อได้ว่าคงมี แต่จะว่ามากนั้นบอกยากละครับ ตอบแบบทั่วๆ ว่า "ไม่มีหลักฐานว่ามีพฤติกรรมเกย์มากมากกว่ากองทัพอื่นก็แล้วกัน" อิ อิ

สำหรับการยอมรับของสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุค มีทั้งประนาม ทั้งรับได้ครับ

อาณาจักรโรมันนั้นอยู่คงทนประมษณ ๑ พันปี รูปแบบการเมืองย่อมสงผลถึงค่านิยมในสังคม รวมทั้งค่านิยมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วย นอกจากนี้ก็มีปัจจับอื่น เช่น การรับวัฒนธรรมต่างชาติ และการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อศาสนาของโรมันเองครับ เช่น เมื่อเข้ายุคคริสต์แล้ว พฤติกรรมเกย์ก็เป็นบาป


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 28, 2010, 10:49:26 PM
เรื่องการจ่ายเงินเดือน ยุโรปมีการจ่ายเงินเดือนเป็นทรัพย์สินประเภทต่างๆ ซึ่งรวมเกลือด้วย ส่วนพริกไทยไม่เคยได้ยิน เดี๋ยวผมไปเปิดหนังสืออ้างอิงดูก่อนดีกว่าครับ

อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินเดือน หรือผลประโยชน์ก็ย่อมขึ้นกับสภาพการปฏิบัติงานด้วย สำหรับทหารที่ไปทำการรบเคลื่อนที่ เชื่อว่าจะจ่ายเงินหรือค่าตอยแทนต่างๆ เป็นสิ่งมีค่าอื่นๆ ต่างจากกองทหารที่ประจำที่มั่นถาวรครับ นอกจากนี้การติดค่าตอบแทนเป็นเครดิตไว้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของยุคโบราณ ทั้งที่ไม่มีการโอนออนไลท์เข้าบัญชีธนาคารให้ด้วยซ้ำ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 28, 2010, 10:52:52 PM
อ่านที่พี่ต๊อกเล่า  เหมือนเปิดหนังสือต่วยตูนเลยครับ   ::002:: ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 28, 2010, 11:00:11 PM
ขอบคุณครับ

พอลงรูปเกย์ มาเลยนะท่านกวาง ::005::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 28, 2010, 11:01:11 PM
ขอบคุณครับ

พอลงรูปเกย์ มาเลยนะท่านกวาง ::005::

บร้า...พี่ก็  นิดนึง.... :<><> :<><>


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 12:02:56 AM
                           ขอบพระคุณท่านดอนมากครับ(ดึกแล้วก็ยังกรุณามา) ::014::
                           ขอบพระคุณท่านsoveatด้วยนะครับที่มาสร้างความครึกครื้นแก้ง่วง ::014::  (ขอบคุณมากนะฮ้า) ::008::

                            (ขอกระซิบถามท่านดอนเบาๆว่ารูปหล่อล่ำกลุ่มขวามือเอามาจากเวปไหนคะ..เอ๊ย..ครับ) ::008:: :D~


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 12:46:30 AM
ผมไม่ได้รู้จัก เอ๊ย ประกอบภาพเองครับท่านยังน้อย เป็นฟอร์เวิร์ดเมล์ อิ อิ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2010, 08:41:18 AM
สนุกสนานเอ้ย  สนับสนุนภาพประกอบครับ
http://primaryhomeworkhelp.co.uk/romans/formation.html (http://primaryhomeworkhelp.co.uk/romans/formation.html)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 09:30:39 AM
                             ขอบพระคุณท่านดอนและท่านsoapมากครับ  เวปที่ท่านSoapแนะนำมาดีจริงๆครับ ดูแล้วเห็นภาพสมัยนั้นเลย  ผมขอเก็บไว้ดูรายละเอียดอื่นๆนะครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2010, 09:36:09 AM
เพิ่ม
http://romanmilitary.net/strategy/legform (http://romanmilitary.net/strategy/legform)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 11:10:36 AM
                             ขอบพระคุณท่านsoapมากครับสำหรับแผนการยุทธ(จะเรียกว่าตำราพิชัยสงครามฉบับโรมันได้ไหมครับ) การบ้านผมเยอะอีกแล้ว ท่านSoapมีเวปดีๆเยอะนะครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2010, 12:15:21 PM
ฉากสงครามอีกฉากหนึ่งที่น่าสนใจคือการรบของ Alexander ใน Battle of Gaugamela ครับ

ทหารมาเซโดเนียของ Alexander 47,000นาย  สู้กับ ทหารเพอร์เซียนกว่า 200,000นาย ของ Darius III ได้อย่างไร เดี๋ยวเรามาดูกัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 12:21:14 PM
                       หนึ่งต่อสองเลยนะครับท่านอรชุน ทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วรีบมานะครับ(แฟนๆรออยู่เยอะเลยครับ)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 29, 2010, 01:55:14 PM
อ้าว... แย่แล้ว... ผมกำลังจัดการเปลี่ยนก้อนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ... ท่าทางจะเข้าข่ายเกย์ในยุคปัจจุบันเล็ดน้อยนะเนี่ย... ::005:: ::005:: ::005::

::014::



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2010, 02:23:36 PM
ผมสังเกตุอย่างหนึ่ง ว่า ดาบของโรมัน ออกแบบมาแทงเป็นหลัก และใช้ในการรบประชิดตัวประกอบกับโล่ห์ จะเห็นได้จากเรื่องนี้ครับ
http://backseatcuddler.com/wp-content/uploads/2008/12/rome.jpg (http://backseatcuddler.com/wp-content/uploads/2008/12/rome.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2010, 03:30:34 PM
Battle of Gaugamela
 
331ปี ก่อนคริสตกาล

สถานที่ Gaugamela กัวกาเมลา (ใกล้เมืองMosul ประเทศอิรัค) จักรวรรด์เพอร์เชีย

กำลังพล
กองทัพมาเซโดเนียน+พันธมิตรกรีก 47,000นาย

กองทัพเพอร์เชีย ราว200,000 นาย

หลังจากที่ Alexander ทำศึกได้รับชัยชนะเหนือกองทัพเพอร์เชียได้หลายครั้ง เข้าครอบครอง ซีเรีย , อียิป และยังคงรุกเข้าสู่อาณาจักรเพอร์เชีย
กษัตริย์ Darius III จึงเรียกระดมพลจากทั่วจักรวรรดิ์ หวังจะหยุดยั้งและเผด็จศึกกองทัพของ Alexander ให้จงได้ จึงเลือกทำเลตั้งรับที่ Gaugamela
เพราะเป็นพื้นที่เรียบโล่ง ง่ายต่อการจัดขบวนทัพ ทั้งยังสั่งให้ทหารตระเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมกับการศึกอีก

ทางฝั่งกองทัพกรีก หลังจากที่ Alexander ตัดสินพระทัยที่จะเข้าทำศึกกับเพอร์เชียที่ทีกำลังมากกว่า 4ต่อ1 เป็นผลให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายไม่สบายใจนัก
บ้างก็แนะให้ถอยไปที่ชายฝั่งเพื่อรอกำลังหนุน บ้างก็ว่าให้เข้าโจมตีค่ายเพอร์เชียตอนกลางคืนไม่ให้ตั้งตัวแต่ Alexander ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับกษัตริย์ Darius III

ทางฝั่งทัพเพอร์เชียกษัตริย์ Darius III เกรงว่าจะถูกโจมตีตอนกลางคืน จึงได้สั่งให้ทหารเข้าเวรยามอย่างเข้มงวดติดต่อกันหลายคืน หลังจากเร่งเดินทางมาไกล
ทั้งยังต้องตระเตรียมพื้นที่การรบให้เหมาะสมตามคำสั่งของกษัตริย์ Darius III  เป็นการบั่นทอนกำลังของทหารเพอร์เชียเป็นอย่างมาก
ตรงกันข้ามกับกองทัพมาเซโดเนียน+พันธมิตรกรีก ที่ได้พักผ่อนกินอิ่มนอนหลับเต็มที่



เมื่อตระเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ กองทัพทั้ง2ก็ยกกำลังออกมาเผชิญหน้ากัน กองทัพมาเซโดเนียนจัดทัพตามตำรา คือPhalanx(ทหารหอกยาว)อยู่กลาง
ขนาบด้วยทัพม้าเป็นปีกซ้ายขวา โดยที่Alexander เป็นแม่ทัพม้าทางปีกขวา

ทางกองทัพเพอร์เชี่ยน จัดทัพหน้ากระดาน โดยรถศึกเป็นทัพหน้า โดยทหารม้าอยู่หลังแนวรถศึก ทหารราบอยู่หลัง กษัตริย์ Darius III บัญชาการอยู่กลางทัพหลวง
โดยวางแผนจะให้กองรถศึกบุกทะลวงกองทหารราบหอกยาวมาเซโดเนียน และให้ทหารม้าเข้าบดขยี้ซ้ำ


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e2/Battle_of_Gaugamela%2C_331_BC_-_Opening_movements.gif)



หลังจากจัดทัพพร้อมแล้ว ทางฝ่ายมาเซโดเนียน เปิดฉากก่อน โดยเคลื่อนกำลัง Phalanx(พลหอกยาว) เดินหน้าเข้าหาโดยให้ปีกขวาเคลื่อนก่อนกลายเป็นทัพรูปขั้นบันได
พร้อมกันนั้นAlexander ก็นำทหารม้าเคลื่อนตัวอออกไปทางขวา ออกห่างจากทัพกลาง กษัตริย์ Darius III เห็นช่องว่างทางปีกขวาดังนั้นจึงสั่งให้กองรถศึก
เข้าโจมทีทหารหอกยาวปีกขวาที่ยื่นล้ำออกมาทันที และสั่งทัพม้าของตนออกตามทัพม้าของAlexanderเพราะเกรงว่าจะโดนโอบทางปีกซ้าย

แต่ทหารหอกยาวของมาเซโดเนียนไม่หมูอย่างที่คิด กองรถศึกที่บุกเข้ามาโดนทหารราบหอกยาวจัดโซนสังหารม้าโดยจัดช่องย่อยๆให้รถม้าศึกวิ่งทะลวงเข้ามา
และใช้หอกยาวแทงม้าก่อนแล้วจึงจัดการพลขับ

(http://scottthong.files.wordpress.com/2007/05/800px-phalanx.jpg)



กษัตริย์ Darius III เห็นกองทัพรถศึกพินาศย่อยยับจังได้สั่งให้ทหารราบและทัพหลวงทั้งหมดเข้าบดขยี้ทหารราบของมาเซโดเนี่ยนที่มีกำลังน้อยกว่าทันที
โดยที่ทหารม้าปีกขวาของเพอร์เชีย เข้าโจมตีทางปีกซ้ายของกองทัพมาเซโดเนียน แต่ไหนเลยทางกองทัพมาเซโดเนียนจะไม่มีของไว้ต้อนรับ


ทหารราบเพอร์เชียนที่รุกเข้ามานอกจากจะต้องผ่านทหารหอกยาวเข้ามาก่อนแล้ว เมื่อเข้ามาประชิดยังต้องเจอกับทหารราบหนักที่จัดแถวแทรกอยู่ระหว่างทหารหอกยาว
ถือโล่ใหญ่กับดาบสั้นสำหรับจัดการกับทหารราบโดยเฉพาะ
(http://desmond.imageshack.us/Himg209/scaled.php?server=209&filename=hispaspistaargyraspide.jpg&res=landing)


ส่วนทัพม้าปีกขวาเพอร์เชียน ที่เข้าโจมตีปีกซ้ายมาเซโดเนียน ต้องเจอกับทหารราบหอกยาว แล้วยังโดน Peltast(พลหอกซัด) พลธนูสั้นและพลลูกหนังสลิงระดมยิงอย่างหนัก
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/fc/Agrianian3.jpg/364px-Agrianian3.jpg)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/37/Balearic_Slinger.jpg/220px-Balearic_Slinger.jpg)



กลับมาที่ทัพม้าของAlexander ที่เดินทัพห่างออกไปจากพื้นที่สู้รบทางขวา เมื่อเห็นว่าการสู้รบเข้าถึงขั้นแตกหักแล้ว จึงได้หันหัวนำทัพม้ากลับเข้าโจมตีทัพเพอร์เชียน
ทางปีกขวาที่กำลังอ่อนแอเพราะไม่มีทัพม้าคุ้มกัน  

ทางทัพม้าเพอร์เชียนที่ตามมายังไม่ทันจะกลับลำตามก็ต้องเจอการโจมตีจาก Peltast(พลหอกซัด) และพลลูกหนังสลิง ที่ตามมาโดยใช้ทัพม้ากับฝุ่นม้าเป็นฉากกำบัง
ระดมยิงอย่างหนักกว่าจะหันหัวกลับได้ ทัพม้าของAlexander ก็เข้าตีทางปีกซ้ายที่อ่อนแอของเพอร์เชีย และทะลวงเข้าไปถึงกลางทัพหลวงที่กษัตริย์ Darius III บัญชาการอยู่

เมื่อเห็นทัพม้าบุกทะลวงเข้ามาจนใกล้ถึงตัว กษัตริย์ Darius III จึงจำต้องขับรถศึกผละออกจากสนามรบ เมื่อขาดกษัตริย์ Darius III บรรดาแม่ทัพนายกองก็หมดกำลังใจสู้
กอปรกับทัพเพอร์เชียเองที่เข้าโจมตี ก็โดนต้านจนระส่ำจนทัพแทบจะแตก ไหนจะทัพม้าของAlexander ที่กลับมาซ้ำเสียอีก เลยจำต้องยอมจำนนต่อศึกนี้โดยปริยาย

จะเห็นได้ว่าAlexander ใช่ทหารจำนวนน้อยแต่แข็งแกร่งและชำนาญศึกเป็น "ทั่ง" ในการตั้งรับแบบเหนียวแน่นให้ทหารฝ่ายเพอร์เชียนที่ทั้งเหนื่อยล้า
และอ่อนประสบการ์ณเข้ามาละลายทิ้ง แล้วใช้กองทหารม้าที่รวดเร็วเข้ามาทุบซ้ำจากด้านหลังดั่ง "ค้อน"

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/0/0e/Battle_gaugamela_decisive.gif)

Alexander the Great - Battle of Gaugamila : Macedonians 40000 vs Persians 250000 (http://www.youtube.com/watch?v=hc_qVDvSnVU#)




หลังจากศึกครั้งนี้ ในแถบเอเชียไมเนอร์ก็ไม่มีใครหยุดAlexander ได้อีกจนพระองค์แผ่ขยายอาณาจักรจนกว้างใหญ่ไพศาลจรดอินเดีย

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/40/MacedonEmpire.jpg/800px-MacedonEmpire.jpg)



ส่วนชะตากรรมของกษัตริย์ Darius III  หลังจากหนีออกจากสนามรบแล้วก็ไปได้ไม่ไกล โดนตามไปเช็คบิลสวรรคต ในเวลาต่อมา


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 06:03:19 PM
อ้าว... แย่แล้ว... ผมกำลังจัดการเปลี่ยนก้อนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ... ท่าทางจะเข้าข่ายเกย์ในยุคปัจจุบันเล็ดน้อยนะเนี่ย... ::005:: ::005:: ::005::

::014::



ท่านคงไม่เป็นเกย์ครับ แต่จะมีเกย์มาสมัครเป็นแฟน (ฮา)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 06:05:26 PM
ขอบคุณมากครับคุณอรชุน คุณ SOAP47 และขอบวกคะแนนทุกท่านที่เข้ามาคุยกันครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ กันยายน 29, 2010, 06:15:27 PM
อยากทราบว่าจริงๆแล้ว....ทหารของเราในสมัยกรุงศรีฯ แต่งตัวกันยังไง...

ผมเข้าใจว่าในหนัง นเรศวรนั้น...ท่านมุ้ยใช้จินตนาการส่วนหนึ่ง...แต่ของจริงมีบันทึกหรือรูปวาดบ้างมั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 06:16:56 PM
ผมสังเกตุอย่างหนึ่ง ว่า ดาบของโรมัน ออกแบบมาแทงเป็นหลัก และใช้ในการรบประชิดตัวประกอบกับโล่ห์ จะเห็นได้จากเรื่องนี้ครับ
http://backseatcuddler.com/wp-content/uploads/2008/12/rome.jpg (http://backseatcuddler.com/wp-content/uploads/2008/12/rome.jpg)

ครับ ตามที่ใช้หลักจัดขบวนรบแน่น ก่อนเข้าระยะปะทะกันเอาโล่มาชิดเป็นแนวป้องกันอาวุธยิง

โรมันจึงพกดาบข้างขวาเวลาชักก็หันด้านในแขน/ ผ่ามือออกพลิกมือดึงขึ้นมา ไม่ต้องชักไขว้ให้ต้องขยับโล่

ใช้แทงมากกว่าเหวี่ยวฟันเป็นวงกว้าง ไม่เสียขบวนแถวชิด


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 06:33:21 PM
                            ขอบพระคุณท่านsoap ท่านแค่เงาและผงธุลี ท่านดอน ท่านDaimyoและท่านอรชุนมากครับ  ::014::
                            ท่านอรชุนบรรยายฉากการรบเสียละเอียด อ่านแล้วเข้าใจดีครับ ทหารมากกว่าตั้งเกือบหนึ่งต่อห้าเก่งจริงๆ(ตอนแรกผมนึกว่าหนึ่งต่อสองก็ยังนับถือแล้ว)
                            


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 06:51:34 PM
อยากทราบว่าจริงๆแล้ว....ทหารของเราในสมัยกรุงศรีฯ แต่งตัวกันยังไง...

ผมเข้าใจว่าในหนัง นเรศวรนั้น...ท่านมุ้ยใช้จินตนาการส่วนหนึ่ง...แต่ของจริงมีบันทึกหรือรูปวาดบ้างมั๊ยครับ

ส่วนตัวผมว่า ไม่ได้ใส่เกราะมากมายขนาดนั้นครับ อาจมีบ้างเล็กน้อย แต่คงไม่ใช่ใส่ เมล์ (เหล็กถัก) แล้วทับด้วยเกราะแผ่นอย่างนั้น เหตุผลหลักที่ผมมองคือ

"อาวุธ กับเครื่องป้องกันนั้นย่อมพัฒนาไปด้วยกัน" เป็นการพัฒนาแข่งกันไป

ดังนั้น ฝรั่งยุคโบราณที่ใส่เกราะ จะต้องใช้อาวุธที่ใหญ่และมี นน. พอฟัน แทงกราะ ได้พอควร เกราะยุคความสิกกรีก/ โรมัน หรือยุคกลางนั้น ถ้าโดนแทงด้วยอาวุธของยุคนั้นจังๆ ในมุมที่ถูกต้องก็ทะลุครับ คือเกราะเป็นเครื่องป้องกันเสริม ไม่ใช่ปลอดภัย ๑๐๐% จริงๆ

เริ่มเข้ายุคดินปืน แต่ปืนยังลำกล้องเรียบ ใช้ทั้งปืนและอาวุธมีคมปนกันไป ก็เกิดความพยายามสร้างสมดุลระหว่าง ความเคลื่อนไหว (นน.) เครื่องป้องกัน (เกราะ) และอาวุธ (ดาบ หอก ปืน) ของยุคนั้น ยิ่งปืนดีขึ้น เกราะกันไม่ค่อยได้ แต่ยังยิงช้าอยู่ ต้องใช้อาวุธอื่นอยู่ดี ก็ยังใส่เกราะกันแต่น้อยลง/ บางลง เพิ่มศักยภาพการเคลื่อนไหว ดาบและอาวุธก็เล็กลง เบาลง ขึ้นอยู่กับยุทธวิธีการต่อสู้บุคคลว่าจะใช้กัยส่วนไหนของร่างกาย/ มีเกราะป้องกันแบบไหน

ตัวอย่างที่เราเห็นภาพบ่อยคือยุคนโปเลียน ทหารม้าหนักใส่เกราะแค่ปิดหน้าอก/ หลัง ทหารม้าเบาไม่ใส่เกราะเลย บางครั้งมีปืนคาร์ไบน์คาบศิลาลำกล้องเรียบ หรือพกปืนสั้น และมีดาบที่เบาลงเพื่อให้ไวพอในการดวลดาบเร็ว ใช้ดาบป้องกันหัว แขน ดาบไม่ใหญ่/ หนัก ขนาดฟันทะลุเกราะได้เพราะกะฟันจุดที่ไม่มีเกราะเหล่านี้มากกว่า และใช้ฟันทหารม้าเบาก็ไม่มีเกราะเลย แต่อย่างไรก็ดามดาบตรงของทหารม้าหนักคูราสเชียร์ (พวกที่ใส่เกราะ) หรือดาบโค้งเซเบอร์ของทหารม้าเบาในยุคนี้ก็ต้องให้แทง/ ฟันทะลุเครื่องแบบหลายชั้น และเครื่องประดับสวยงามเข้าไปได้ในฉับเดียว ดาบจึงยังค่อนข้างใหญ่และมีแรงฟันพอควร (ผมสั่งดาบทหารม้าอังกฤษรุ่น ๑๗๙๖ ของโคลสตีลมาเล่มหนึ่ง มีโอกาสจะเอาไปให้พี่ดูครับ ใบยาว ๓ ฟุตกว่า และมีจังหวะฟันเฉือนดีมาก ขนาดดาบรบจริงต่างกับดาบติดเครื่องแบบสวยงามครับ)

ถ้าดูดาบไทย จะเห็นได้ชัดว่าเป็นดาบที่ใช้ความเร็วในการต่อสู้สูงมาก ใบดาบไม่ยาว/ หนักมาก และด้ามยาว มี นน. สมดุลกับใบดาบ เพื่อให้ตวัดดาบกลับฟัน/ แทงซ้ำได้เร็ว ไม่ใช่ดาบที่มีโครงสร้างทุ่ม นน. ที่ใบมากกว่าด้ามเพิ่มแรงเฉือนอย่างดาบเซเบอร์

ชัดเจนว่าเป็นดาบไทยใช้ฟัน/ แทง ใส่เนื้อคนโดยตรง หรือเนื้อที่มีเครื่องแต่งกายปิดน้อยที่สุดครับ

ส่วนเรื่องที่ว่าอากาศเมืองไทยร้อน ใส่เกราะไม่ไหวนั้น ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่มี นนง เท่าเรื่องอาวุธดังกล่าว พวกสเปนไปรบในแคริเบียน ร้อนเหมือนกัน (แต่ส่วนที่ไป อเมริกากลาง/ ใต้ เปรู/ ชิลี ไม่ร้อนมากเพราะเป็นภูเขาครับ) แต่ก็ยังพยายามใช้เกราะ ซึ่งไม่ได้เป็นเกราะเหล็กแผ่นเสมอไป แต่เป็นเกราะนวมผ้าฝ้ายบุก็มี  

ตอนนี้ผมก็กำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนโดนคองกีสตาดอร์คนหนึ่งในกองกำลังของคอร์เตสที่ไปยึดอาณาจักรแอสเต๊กในเมกซิโกครับ บอกว่าใช้เกราะผ้าดังกล่าวกันทั้งฝ่ายคนพื้นเมืองและสเปนเพราะมีเกราะเหล็กไม่พอ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 07:26:55 PM
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่านักรบไทยไม่ได้ใส่เกราะในการรบอย่างฝรั่งคืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ในการขี่ม้า และที่สำคัญในการขี่ช้าง ตามที่ภาพยนต์แสดงว่าผู้ที่ขี่ช้างใส่เกราะมาก

เพราะในการใส่เกราะมากนั้น จะสมดุลตัวยากที่สุด อาบม้านักรบฝรั่งใส่เกราะจะต้องมีพนักพิงทั้งหน้า หลัง พนักพิงหลังอาจมองได้ว่าเพื่อช่วยรับแรงกระแทกเวลาพุ่งเข้าชนกัน แต่พนักพิงหน้านั้นอย่างไรก็ตามมองได้ว่าเพื่อช่วยพยุงไม่ให้ร่างกายเซตกขากม้าตามโมเมนตัมแรงทิศต่างๆ ในการเคลื่อนไหว เพราะนักรบใส่เกราะหนักนั้นใช้ขาหนีบม้า/ เหยียบโกลนพยุ่งตัวไม่พอ

โมเมนตัมของร่างกายนักรบใส่เกราะหนักอย่าว่าแต่จะทำให้เลื่อนไหลบนอาน แต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้งที่ยังไม่ต้องตกจากม้าครับ พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ ๑ เดอะ คองเคอเรอร์ ขี่ม้าเข้าเมืองที่ตีแตก ม้าไปเหยียบไม้ไหม้ไฟบนพื้ พยศผงกขาหน้าขึ้น พระเจ้าวิลเลี่ยมที่กำลังโน้มตัวไปข้างหน้ากันตกจากหลังม้าที่เอียงขึ้นจากการผงก เคราะห์ร้ายปุ่มอานม้ากระแทกท้องพอดี แรงโมเมนตัวของ นน. ตัวใส่เกราะกระแทกปุ่มอานม้าทำให้บาดเจ็บถึงเสียชีวิตครับ สมัยนั้นปลายศตวรรษที่ ๑๑ ยังเป็นเกราะเหล็กถัก ยุบตัวได้ตามแรงกระแทก ไม่ใช่เกราะแผ่นครับ

ถ้าดูของไทย ผู้ขี่ช้างพยุงตัวอยู่ได้ด้วยขาทั้งสองข้างเท่านั้น ซึ่งแทบไม่ได้หนีบคอช้างเลย เพราะคอช้างใหญ่กว่าหลังม้าเสียอีก ดังนั้นถ้าใส่เกราะ นน. จะมากเกินจนสมดุลตัวไม่ได้ในการเคลื่อนไหว และจะต้องมีอาน/ อุปกรร์อย่างอื่นเสริมครับ แต่ตามที่เป้นอยู่ ผู้ขี่คอช้างไม่มีอุปกรณ์อะไรเสริมเลย จึงควรแต่งตัวชุดเบา พยุงตัวได้ตามที่เห็นกัน ผมจึงเชื่อว่าไม่ใส่เกราะมี นน. ตัวเพิ่มครับ  

ดูตามภาพประกอบครับ เป็นภาพวาดยุคต้นศตวรษที่ ๑๒ ขนาดยุคนั้นใส่แค่เกราะถักไม่มีเกราะแผ่น ยังต้องใช้อานม้าเป็นกรอบทั้งหน้าหลัง (เดี๋ยวผมจะหาภาพที่ไปถ่ายจากมิวเซียมฝรั่งมาโพสประกอบเพิ่มเติมต่อไปครับ)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 07:29:04 PM
อานม้านักรบฝรั่งใส่เกราะทั้งตัวเหล็กถัก (หรือมีเหล็กแผ่นทับอีกในยุคต่อมา) อย่างที่เห็นในภาพยนต์ ไม่ใช่แค่ ๒ แผ่นอย่างยุคนโปเลียนซึ่งอานม้าไม่ต้องมีพนักสูงมาก

ด้านขวาคือด้านหน้า


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 07:58:34 PM
                          ผมเคยเห็นภาพวาดพวกอัศวินที่สวมเกราะเต็มยศเวลาขึ้นหลังม้า เขาต้องใช้รอกช่วยดึง(ตรงต้นคอด้านหลัง)ชักรอกทั้งตัวขึ้นไปวางบนหลังม้า ไม่งั้นขึ้นไม่ได้  อัศวินพวกนี้ถ้าลงนอนแล้วคงหมดสิทธิลุกขึ้นด้วยตัวเองนะครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 08:29:24 PM
เรื่องเอารอกช่วยดึงนี่ไม่จริงครับ เรื่องนี้มาจากนิยายของ "มาร์ก ทเวน" เรื่อง "แยงกี้คอนเนคติกัตในราชสำนักพระเจ้าอาเธอร์" ปี ๑๘๘๙ เลยมีการถ่ายทอดความเชื่อผิดๆ กันต่อมา ถ้าอาจจะมีรูปรูปก่อนหน้าหนังสือนี้อาจเป็นความเข้าใจผิดบางอย่าง (ที่จริงผมก็ยังไม่เคยเจอเรื่อง/ ภาพใช้รอกชักอัศวินขึ้นม้าก่อนมีการแต่งหนังสือนิยายนี้ครับ) ในยุคเรอเนซองค์บางทีฝรั่งไม่ได้แสดงภาพประวัติศาสตร์ตรงตามควาจริงเท่าไหร่ เพราะความรู้หายไป ไม่ได้ค้นคว้า หรือเพราะคิดตามแฟชั่นร่วมสมัยไปเอง เช่น ภาพยุคความสิค กรีก/ โรมัน ยุคกลางและยุคเรอเนสซองค์ก็แสดงให้แต่งตัวเหมือนยุคที่วาด แต่ถ้าเราดูภาพร่วมสมัย เช่น ยุคอัศวินใส่เกราะเอง ดูจากบันทึกร่วมสมัย หรือดูจากเกราะที่ยังตกทอดมาจะได้ภาพใกล้เคียงความจริงมากกว่า

รายการดิสคัฟเวอรี่ก็แสดงการใส่เกราะโบราณทำเลียนแบบจริง พอว่าผู้ใส่ที่แข็งแรงสามารถเดิน วิ่งเหยาะ ปีนป่าย ฯลฯ ได้ครับ

ดังนั้น ถึงอัศวินขี่ม้าใส่เกราะรบเต็มตัวนั้นอุ้ยอ้าย มี นน. มาก ประมาณ ๒๐ กก. ปลายๆ หรือ เกือบ ๔๐ กก. แต่ลุก/ ยืน ขึ้น/ ลง ม้าเองได้ เดิน ปีนบันได และวิ่งเหยาะๆ ได้บ้าง ปีนบันได แต่เวลาตกม้า ถ้าเจ็บหนักอาจลุกไม่ขึ้นครับ (ฮา)

และที่สำคัญคือเกราะใส่รบกับเกราะดวลวิ่งเอาทวนมาชนกันในการประลองยุทธนั้น นน. ต่างกัน เกราะดวลอาจหนัถึง ๔๐ กก. กว่า แต่เกราะรบในสนามรบถึงดูจะคลุมมากเท่ากันแต่ทีจริงจะเบากว่าครับ

เทียบกับทหารยุคนี้บางครั้งแบก นน. ๔๐ กก. หรือมากกว่าเหมือนกันครับ และเป็นทหารราบเดินเท้าส่วนมากด้วย

ผมหาภาพดิจิตอลในเนตไม่เจอ ขอถ่ายมาจากหนังสือครับ รูปร่วมสมันศตวรรษที่ ๑๕ นักรบใส่เกราะปีนบันได


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2010, 08:42:00 PM
หนังสือเพิ่มเติม


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 29, 2010, 09:12:39 PM
ชอบมีดของพี่่ต๊อกจริงๆครับ ^^


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 29, 2010, 10:42:22 PM
                        ขอบพระคุณท่านดอนมากครับ  ::014::
                        ถ้าท่านดอนว่างก็ขอเชิญต่อเรื่องโรมันนะครับ แควนๆนั่งรออยู่ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ กันยายน 29, 2010, 11:17:06 PM
ช่วงนี้ขออ่านเก็บความรู้อย่างเดียวเลยครับ เพราะผมไม่มีความรู้อะไรเลยในช่วงสมัยนี้ ขอบคุณพี่ต๊อก พี่ youngnoi และท่านอื่นๆครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 30, 2010, 09:54:14 AM
ยิ่งอ่าน... ยิ่งอยากฝึกยิงธนุ+เล่นดาบ... ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 30, 2010, 11:30:05 AM
ยิ่งอ่าน... ยิ่งอยากฝึกยิงธนุ+เล่นดาบ... ;D ;D ;D



อิ อิ ผมก็อยากเล่นครับ ยังไม่ได้เล่นสักที


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 30, 2010, 11:36:56 AM
ขอบคุณครับคุณโจ๊ก อิ อิ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 30, 2010, 11:46:38 AM
อิ อิ เดี๋ยวผมมาคุยต่อเรื่อยๆ ครับ แต่ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งหน่อย

ขอต่อครับ

นอกจากเจ้าแคว้นซีซ่าร์จะหาเรื่องสร้างชื่อเสียงจากการสงครามดังกล่าว ซีซ่าร์ยังใช้โอกาสนี้เรียกระดมพลสร้างกองทัพใหญ่กว่าอัตราของแขวงเดิมๆ มาก ทั้งเกณฑ์จากคนในแขวง และชนเผ่านอกแขวงที่รับจ้างแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ โดยเฉพาะพวกชนเผ่าเยอรมันทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไรน์ ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเขตการปกครองของโรมัน ถึงช่วงสุดท้ายของวาระเจ้าแขวงซีซ่าร์สร้างกองทัพเพิ่มจาก ๓ ลีเจี้ยน เป็น ๑๐ ลีเจี้ยน และก็ทำอะไรนอกกรอบนอกกฎหมาย เช่น อนุมัติให้สัญชาติกับกำลังพลเผ่าอื่นในกองทัพที่ขยายขึ้น

ระหว่างนี้นายแมวก็นั่งแค้น นอนแค้นในโรมคอยจดบัญชีหนังหมาร๊อตไวเล่อร์ไปเรื่อย ๑. หาเรื่องรบกับพวกเฮลเวตติชนเผ่าอิสระนอกเขตโรมัน ๒. เกณฑ์ทหารโดยไม่ได้รับอนุมัติจากโรม ๓. ๔. ๕. ฯลฯ

(เขาว่าหมาร๊อตไวเล่อร์มีต้นตระกูลเป็นหมาต้อนฝูงสัตว์ของกองทัพโรมันครับ ไปตกค้างอยู่ที่เมืองร๊อตไวล์ในเยอรมันแล้วเลยสืบเชื้อสายเป็นหมาพันธุ์นี้ ไฮโซโรมันก็ชอบเลี้ยงร๊อตไวเล่อร์ไว้เฝ้าวัง/ บ้าน เช่น จักรพรรดิหลายคน แต่สมัยนั้นไม่รู้เรียกว่าพันธุ์อะไร อาจจะ แปริอุส โรม่า ก็ได้ (ฮา) แปโร่ = หมาภาษาสเปน)

แค่เรื่องเฮลเวตตินั้นเด็กๆ ครับ ซีซาร์มีเรื่องรบรากับเผ่าอื่นอีกทั้งที่จำเป็น ทั้งที่ลี่ยงได้ หรือทั้งที่หาเรื่องเอง ที่มีชื่อก็เรื่องการรบชนะพวก Belge ชนเผ่าทางตอนเหนือของแคว้นกอล ซึ่งถือว่าป่าเถื่อนมากเพราะห่างโรมมาก ลอจิกแบบโรมันๆ ครับ ชนเผ่านี้ก็พวกที่อยู่ใน เบลเยี่ยม ปัจจุบันนั่นละครับ

ต่อมา มีเผ่าเยอรมันบางกลุ่มข้ามแม่น้ำไรน์มาวุ่นวายในแคว้นกอล พื้นที่เยอรมันส่วนมากถือเป็นแดนเถื่อนสำหรับโรมันครับ โรมันเรียกว่า เยอมันเนีย แต่ไม่ได้เข้าไปยึดครองเป็นจังหวัด จัดระบบเหมือนฝรั่งเศส โรมันมองว่าเป็นคนป่ายิ่งกว่าชาติใดๆ แต่พวกคนชนเผ่าเยอรมันซึ่งมีหลายพวกหลายเผ่ามากๆ ก็มาติดต่อกับโรมันอยู่เรื่อยๆ ทั้งรบรา ค้าขาย และรับจ้างเป็นทหารครับ เหมือนคนพื้นเมืองเมกาเหนือหรืออินเดียนแดงนั่นแหละ พอคนป่าแหลมเข้ามาซีซ๋าร์ก็เลยยกทัพข้ามกลับไปไล่ตีพวกเยอรมันแถบนั้นยุ่ยไป การข้ามแมน้ำของซีซ่าร์นั้นมีชื่อมาก เพราะพวกเยอรมันใช้เรือ แพเฟอรี่ข้ามมาตามธรรมดาคนยุคนั้น ส่วนซีซ่าร์เจ๋งกว่า สร้างสะพานไม้ใหญ่โตยาว ๓๕๐ เมตร ข้ามแม่น้ำไรน์ช่วงที่ลึกและไหลเชี่ยว เป็นผลงงานชั้นเยี่ยมของโรมันอย่างหนึ่ง ซีซ่าร์ข้ามไปไล่ตีเยอรมันแค่ประมาณเดือนเดียวแล้วก็ยกทัพกลับ พร้อมกับรื้อสะพานที่อุตสาห์สร้างมาอย่างยากทิ้ง ไม่ให้พวกเยอรมันใช้ประโยชน์ได้

ต่อมา (อีกแล้ว) ก็การยกพลข้ามไปตีพวกไบรตั้น ที่หมู่เกาะที่โรมันเรียกว่าอัลเบี้ยน คือพวก อังกฤษ ในเกาะอังกฤษนั่นเอง ซีซ่าร์ส่งพลไปหยั่งเชิงทีหนึ่งก่อน ปีต่อไปก็ยกพลข้ามไปไล่ตียึดมาเป็นเมืองขึ้นโรมัน

แต่เรื่องที่รบราหนักหน่วงที่สุดคือการปราบกบฎกอลนำโดย เวอซินเกตอริก ซึ่งเป็นไฮไลท์ และไคลแม๊กของสงครามกอลครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 30, 2010, 11:56:12 AM
เข้ามาอ่านครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 30, 2010, 12:08:09 PM
                     ขอบพระคุณท่านดอนและทุกท่านที่ร่วมวงสนทนาด้วยครับ ::014::
                     ผมก็เหมือนท่านJokeที่ขอเข้ามาอ่านเก็บความรู้อย่างเดียวครับ ความรู้ทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นของชาติใดหรือยุคใด ไม่รู้เรื่องเอาจริงๆเลยละครับ(จะว่าไปแล้วอะไรที่ลงท้ายว่า " ศาสตร์ " ละก็ผมไม่เอาไหนเลยละ)   ผมยังยกย่องท่านJokeที่มีความรู้ทางเครื่องบินอย่างหาตัวจับยาก ผมติดตามอ่านมานานแล้วครับ อ้อ..ผมเลยถือโอกาสทวงรูปที่ท่านJokeติดค้างไว้ด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าเน็ตเป็นใจบ้างหรือยังครับ ::014::
                     สวัสดีท่านสมชายด้วยครับ กำลังจะส่งพอดีเลย ::014::
                    


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ กันยายน 30, 2010, 12:34:17 PM
ยิ่งอ่าน... ยิ่งอยากฝึกยิงธนุ+เล่นดาบ... ;D ;D ;D



สงสัยต้องเหลาธนูไม้ไผ่เล่นก่อนละครับ... ซื้อ Hoyt มาเล่นเดี๋ยวโดนตัดโควต้าปืน... ::005:: ::005:: ::005::



อิ อิ ผมก็อยากเล่นครับ ยังไม่ได้เล่นสักที


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2010, 07:27:11 PM
เพิ่มเติมครับ Rome 2
http://www.be2hand.com/images/upload_shop/201005/201005-20-093014-1.jpg (http://www.be2hand.com/images/upload_shop/201005/201005-20-093014-1.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2010, 07:35:25 PM
scene แรก ที่แสดง ยุทธวิธีรบของทหารโรมัน กับ เยอรมานิค
Gladiator 4 The Battle Scene Tampered With (http://www.youtube.com/watch?v=asFnGbLrmV0#)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ กันยายน 30, 2010, 08:04:08 PM
                        ขอบพระคุณท่านSoap47มากครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 01, 2010, 12:24:35 AM
                    ขอบพระคุณท่านดอนและทุกท่านที่ร่วมวงสนทนาด้วยครับ ::014::
                     ผมก็เหมือนท่านJokeที่ขอเข้ามาอ่านเก็บความรู้อย่างเดียวครับ ความรู้ทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นของชาติใดหรือยุคใด ไม่รู้เรื่องเอาจริงๆเลยละครับ(จะว่าไปแล้วอะไรที่ลงท้ายว่า " ศาสตร์ " ละก็ผมไม่เอาไหนเลยละ)   ผมยังยกย่องท่านJokeที่มีความรู้ทางเครื่องบินอย่างหาตัวจับยาก ผมติดตามอ่านมานานแล้วครับ อ้อ..ผมเลยถือโอกาสทวงรูปที่ท่านJokeติดค้างไว้ด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าเน็ตเป็นใจบ้างหรือยังครับ ::014::
                     สวัสดีท่านสมชายด้วยครับ กำลังจะส่งพอดีเลย ::014::
                    

มาแล้วครับเดี๋ยวจะทยอยลงเลย เพราะผมเอาขึ้นโฮสเรียบร้อยแล้วครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 01, 2010, 11:56:11 AM
                             ขอขอบพระคุณไว้ล่วงหน้าเลยครับท่านJoke ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 02, 2010, 04:39:34 PM
ลงอุโมงค์กันได้เลยครับอันนี้เป็นทางเข้า จะมีรถถัง M-41 จอดอยู่ สองคัน

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs318.ash2/59864_451315245232_668695232_5719396_8020571_n.jpg)

ทางเข้าครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs645.snc4/60498_451315295232_668695232_5719397_3754002_n.jpg)

ป้อมนี้อยู่ในเขตทหารของเบลเยียมครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs004.ash2/33571_451315340232_668695232_5719398_3909430_n.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 02, 2010, 04:47:12 PM
พอเข้ามาปั๊บก็มีนิทรรศการย่อยๆครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs684.snc4/62446_451315355232_668695232_5719399_6518401_n.jpg)

ลุงกับป้าผมดินลิ่วๆ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs641.snc4/60103_451315385232_668695232_5719401_5142758_n.jpg)

ห้องนี้เป็นห้องสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องปั้มอากาศ น้ำ ครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs657.snc4/61702_451315455232_668695232_5719403_4284885_n.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 02, 2010, 07:51:46 PM
                              กราบขอบพระคุณท่านJokeงามๆหนึ่งทีครับสำหรับภาพสวยๆ(เชื่อว่ายังมีอีกเยอะ) ขอบคุณครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ ตุลาคม 03, 2010, 11:56:50 AM
scene แรก ที่แสดง ยุทธวิธีรบของทหารโรมัน กับ เยอรมานิค



เมื่อวานผมก็ดูฉากนี้... ฉากหัวเรื่องของ Gladiator ติดใจเครื่องยิงหิน... ที่ยิงไหใส่น้ำมันติดไฟไปใส่ชาวเยเมเนีย...

http://www.youtube.com/watch?v=asFnGbLrmV0# (http://www.youtube.com/watch?v=asFnGbLrmV0#)]Gladiator 4 The Battle Scene Tampered With

...แต่ในหนังเขาว่า... จริงๆ คงยิงได้ไม่ไลแบบในหนังครับ... ::014::



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 03, 2010, 12:26:02 PM
                   Gladiator ดูทีไรก็สนุกทุกทีครับ
                   เมื่อสักครู่ UBC ก็เอา Pacific ตอนจบมาฉายอีก ดูทีไรก็น้ำตาซึมทุกทีครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 05, 2010, 06:32:02 PM
ขอบคุณมากครับคุณโจ๊ค รอชมเพิ่มเติมครับ

ผมไปดูรูปแล้ว ไม่มีรูปอานม้าอัศวินที่ถ่ายเร็วๆ นี้เพราะมิวเซียมเขาห้ามถ่ายภาพ จำได้ว่ามีที่หนึ่งถ่ายได้แต่หาไม่เจอครับ

ขอเข้าเรื่องสสงครามโรมัน - กอล ต่อ

ก่อนจะถึงศึกใหญ่กับนายเวอฯ ขอคุยก่อนว่าในช่วงที่ซีซ่าร์อยู่กอลนั้นก็พยายามติดต่อกรุงโรมอยู่เสมอไม่ให้ใครลืม ในหน้าหนาวซีซาร์มาตั้งแคมป์ทางใต้ของแคว้นกอลให้ใกล้กับโรมมากที่สุด ที่มาตอนหน้าหนาวก็เพราะยิ่งอยู่ใต้ยิ่งสบายกว่ามังครับ (ฮา)

แล้วซีซ่าร์ก็ส่งทรัพย์สมบัติจากแคว้นกอลกลับไปยังโรมพร้อมโฆษณาว่าได้มาเพราะอัจฉริยภาพของตนโดยแท้ นอกจากนี้ไอนู่ใกล้ๆ ก็แอบสืบข่าว ติดต่อพรรคพวกไปด้วย ซีซ่าร์มีชื่อเสียงมาก หนุ่มโรมันห้าวๆ ก็พยายามเดินทางมาเป็นทหารของซีซ่าร์เพราะมีโอกาสรบในพื้นที่พิศดาร ได้สมบัติมาก ดีกว่าอยู่อย่างจืดๆ จนๆ ซึ่งโรมันไม่ชอบ

ในปี ๕๕ ก่อน ค.ศ. มีการเลือกตั้งกงสุลใหม่อีกสองคน นายแมวก็ส่งคู่แข่งขั้นตนลงตามเคยซีซ่าร์เห็นแล้วว่าต้องสู้แน่ ก็แอบเจอรจากับปอมเปย์ และ คราสซุส นักการเมืองผู้มีอำนาจอีกคน ณ เมือง ลุกก้า Lucca ทางตอนค่อนข้างเหนือของคาบสมุทรอิตาลี ทำ “ปฏิญญาลุกก้า” กัน ทั้งนี้เจ้าแคว้นจะนำกลังทัพของตนออกมานอกแคว้นไม่ได้แต่ตัวนั้นพอออกมาได้ครับ

ณ เมืองลุกก้า ซีซ่าร์ ปอมเปน์ และคราสซุส ได้ตกลงร่วมมือกันเป็นพันธมิตรเรียกว่าพันธมิตรสามเส้าก็แล้วกัน Triumvirate และจะสนับสนุนทั้งปอมเปย์ และคราสซุสเป็นกงสุลร่วมกันเลย

เมืองลุกก้าปัจจุบันยังตั้งอยู่ที่เดิม แต่หน้าตาเป็นเมืองยุคเรอเนสซองค์ รอบเมืองมีกำแพงยุคศตวรรษที่ ๑๖ ที่ยังสมบูรณ์ล้อมรอบเมือง แนวกำแพงหยักเป็นรูปห้าเหลี่ยมออกมาเป็นระยะ เป็นการออกแบบให้ปืนใหญ่ และอาวุธยิงอื่นๆ บนกำแพงสามารถ "ยิงประสานกวาดแนว" กำแพงเมืองได้ทุกด้าน ลานกลางเมืองมีจุดเด่นต่างจากมืองอื่นคือเป็นลานรูปทรงกลมตึกรอบลานเป็นบ้านสีสันต่างๆ เป็นการสร้างตามแนวกลมของสนามกีฬาโรมันโบราณ เมืองนี้ผมเคยไปเที่ยวเพราะจะหาจุดพักระหว่างเวนิสกับโรม ฟลอเรนซ์พักตอนขาขึ้นเหรือแล้ว มีตัวเลือกในแคว้นทัสคานีสองเมืองคือ ลุกก้า กับเซียน่า เลยเลือกลุกก้าเพราะมีกำแพงสวยดี และมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับซีซ่าร์ดีครับ

ผลก็เป็นไปตามคาด ใช้ม๊อบตามเคยและปอมเปย์ และคราสซุสได้เป็นกงสุลจริงๆ ทั้งคู่ฐานอำนาจของขั้วซีซ่าร์ตอนนี้แข็งมากที่สุด


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 05, 2010, 10:04:52 PM
                    ขอบพระคุณครับท่าน Don  ::014::
                    ท่าน Don หายไปหลายวันคอหนังสงครามร้องกันกระจองอแงเลยละครับ
                    (ม๊อบนี่ใช้ได้ผลทุกยุคทุกสมัยจริงๆ)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 06, 2010, 05:35:37 PM
ครับท่านยังน้อย ไม่ว่ายุคไหนย่อมมีเบี้ยให้ใช้ครับ เพราะวิถีชีวิต จุดมุ่งหมาย และค่าตัวของคนในสังคนนั้นต่างกัน  

เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงปี ๕๒ ก่อน ค.ศ. เกิดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างซีซ่าร์ ปอมเปย์ ไป คือ เมียปอมเปย์ที่เป็นลูกสาวซีซ่าร์ชื่อจูเลย คลอดลูกเสียชีวิต และลูกนั้นก็เสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมาด้วย ความสัมพันธ์ส่วนตัวในครอบครัวก็ลดลง

และต่อมาเกิดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งจะจุดชนวนการเมืองโรมอย่างรุนแรง คือหัวคะแนนคนหนึ่ของฝ่ายประชานิยม (ซีซ่าร์ – ปอมเปย์ – คราสซุส) ถูกแทงตายระหว่างการปะทะกันระหว่างม๊อบตามถนน เกิดการจลาจลโดยฝูงชนหางเครื่องที่โกรธแค้น ฝ่ายประชานิยมแห่ศพตาคนนี้ไปยังสภา และเผาศพโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ของสภา เรียกว่าเผาสภานั่นละครับ และการจลาจลวุ่นวายของม๊อบทั้งสองขั้วก็แพร่กระจายไปทั่วกรุงโรม

ฝ่ายการเมืองก็ต้องแก้ปัญหากัน บ้านเมืองปั่นป่วนทำยังไงดีหว่า ก่อนอื่นก็ต้องหาที่ประชุมกันใหม่ ที่นั้นก็คือโรงละครที่ปอมเปย์สร้างขึ้นมา (ต่อมาลูกหลายซุลล่าสร้างอาคารสภาขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิม แต่ช่วงนั้นก็ไปประชุมกันที่อื่นก่อน แต่บางครั้งก็ไปประชุมกันในโรงละครปอมเปย์ด้วย เป็นที่น่าสนใจว่าในที่สุด ปี ๔๔ ก่อน ค.ศ. ซีซ่าร์ก็ถูกฆ่าในโรงละคนปอมเปย์นี้เอง โดยเสียชีวิตหน้ารูปปั้นปอมเปย์เสียด้วย)

สภาถกกันเครียด เอะอะด่าทอกันรุนแรง ทุกคนรู้ว่าอย่างไรก็ต้อวงจัดการการจลาจลให้ได้ ในที่สุดด้วยกลเม็ดและการข่มขู่ต่างๆ มีการเสนอให้ต้งปอมเปย์เป็น "กงสุลเดี่ยว" ขึ้นมาตามกฎหมายสภาวะฉุกเฉิน (จากธรรมดาที่มีกลสุง ๒ คนควบกัน) เพื่อใช้อำนาจเบ็ดเสร็จควบคุมจัดการการจลาจล แม้แต่นายแมวก็ยอมโหวตให้ปอมเปย์

ปอม์เปย์ก็ก้าวขึ้สู่ตำแหน่งใหม่ทางการเมือง อำนาจแน่นปึ๊ก ว่าแล้วปอมเปย์ก็สั่งกำลังคนสายของตัวเข้าโรม จัดการจลาจลรายคาบทั้งสองฝ่าย

อำนาจกงสุลเดี่ยวยี้เองเป็นตัวเปลี่ยนสมดุลอำนาจในขั้วประชานิยมของ ปอมเปย์ - ซีซาร์ - คราสซุส และจุดประกายความแตกแยกระหว่างปอมเปย์กับซีซ่าร์ แน่ละครับ ตอนแรกร่วมกันคุม คราวนี้คนหนึ่งได้คุมคนเดียว ก็เกิดอาการเห่อเหิมขึ้นมา ก็ไม่ต่างจากกลุ่มอำนาจการเมืองในปัจุบันครับ

เหตุการณ์จลาจลนี้เองยังส่งผลไปถึงแคว้นกอล และสร้างบทบาทใหม่ให้กับซีซ่าร์ด้วย  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 07, 2010, 05:38:16 AM
                      ขอบพระคุณครับท่านดอน ยุ่งแค่ไหนก็ยังเจียดเวลามาให้เสมอ  ::014::
                      เรื่องการเมืองของโรมันนี้ผมว่าถ้าเปลี่ยนชื่อตัวบุคคลเสียหน่อยก็คือการเมืองของสารขัณฑ์เรานี่เองนะครับ (รายละเอียดปลีกย่อยยังเหมือนเลย) ตั้งสองพันกว่าปีแล้ววิธีการไม่เปลี่ยนแปลง
                      เหตุการณ์จลาจลที่ส่งผลไปถึงแคว้นกอลนี้ จะเหมือนเหตุการณ์จลาจลในสารขัณฑ์ที่ส่งผลไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าเหล่านักเรียนประวัติศาสตร์หน้าจอกำลังใจเต้นตึ๊กตั๊กรออ่านอยู่ครับ
                      ขอขอบพระคุณท่านดอนแทนเหล่านักเรียนด้วยครับ  ::014::

                      ท่านJokeครับ ในอุโมงค์คงจะชื้นนะครับ ผมเห็นสีที่ทาผนังลอกหลุดหลายแห่งเลย 
                      คุณลุงกับคุณป้าของท่านJokeเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ รีบเดินตามท่านให้ทันนะครับ ::014::                    


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 08, 2010, 07:50:28 PM
ในขณะที่เกิดเหตุการณ์จลาจลในโรม และการได้อำนาจอีกขึ้นของปอมเปย์นี้ เป็นช่วงต้นปี อยู่ในฤดูหนาว ซีซ่าร์กำลังตั้งแคมป์อยู่ในเขตแคว้นกอลของตนใกล้อิตาลี ซีซ่าร์คงต้องหนาวกว่าปกติแน่ๆ เพราะอันว่าอำนาจนั้นไม่เข้าใครออกใคร เมื่อปอมเปย์ได้เป็นกงสุลเดี่ยวคุมอำนาจโรมแล้วย่อมเปลี่ยนไปแน่

แต่ซีซ่าร์ห่วงหน้าอยู่ไม่นานก็มีเรื่องต้องพะวงหลัง คือข่าวการจลาจลนั้นไปสู่แคว้นกอล และถูกแต่งเติมเสริมแต่งซะจนพวกกอลเข้าใจว่าเป็นการจลาจลใหญ่โต โรมันคุมเหตุการณ์ในโรมไม่ได้ ระบบของโรมันกำลังแตกระส่ำระสาย ขนาดสมัยนี้มีทีวีถ่ายทอดสดดู คนยังเข้าใจเหตุการณ์เดียวกันไปคนละเรื่องเลย เพราะคนเรามักชอบตีความเหตุการณ์ไปในทางที่เราอยากจะเชื่ออยู่แล้ว คนกอลก็เช่นกันครับ

พวกกอลจึงรวมตัว ลุกฮือขึ้นต่อต้านโรมัน โดยมีผู้นำชื่อ เวอซินเกตอริก คราวนี้เป็นการกบฎ หรือการประกาศเอกราชครั้งใหญ่ที่สุดของกอล เวอฯ รวบรวมกอลเผ่าต่างๆ ทั่วทั้งเขตประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ปัจจุบัน เป็นสิบๆ เผ่าในกองกำลังปลดแอกจากโรม ภายใต้การบังคับบัญชาอย่างเข้มข้นเด็ดเดี่ยว ครั้งนี้พวกกอลเด็ดเดี่ยวขนาดไหน? จะเห็นกันต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 08, 2010, 07:53:33 PM
                      ขอบพระคุณครับท่านดอน ยุ่งแค่ไหนก็ยังเจียดเวลามาให้เสมอ  ::014::
                      เรื่องการเมืองของโรมันนี้ผมว่าถ้าเปลี่ยนชื่อตัวบุคคลเสียหน่อยก็คือการเมืองของสารขัณฑ์เรานี่เองนะครับ (รายละเอียดปลีกย่อยยังเหมือนเลย) ตั้งสองพันกว่าปีแล้ววิธีการไม่เปลี่ยนแปลง
                      เหตุการณ์จลาจลที่ส่งผลไปถึงแคว้นกอลนี้ จะเหมือนเหตุการณ์จลาจลในสารขัณฑ์ที่ส่งผลไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าเหล่านักเรียนประวัติศาสตร์หน้าจอกำลังใจเต้นตึ๊กตั๊กรออ่านอยู่ครับ
                      ขอขอบพระคุณท่านดอนแทนเหล่านักเรียนด้วยครับ  ::014::

                      ท่านJokeครับ ในอุโมงค์คงจะชื้นนะครับ ผมเห็นสีที่ทาผนังลอกหลุดหลายแห่งเลย 
                      คุณลุงกับคุณป้าของท่านJokeเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ รีบเดินตามท่านให้ทันนะครับ ::014::                    

ครับ ถ้าไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นก็ต้องวนเวียนทำผิดพลาดเองอยู่ต่อไปครับ ฝรั่งมีคำกล่าวว่า Those who forget history will have to live through it again. ผมเห็นประโยคนี้จารึกอยู่ที่ค่าย Auschwitz ในโปแลนด์ด้วย ตอนนี้เขาทำเป็นมิวเซียม


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 08, 2010, 11:41:12 PM
                           ผมขออนุญาตยืมคำพูดของท่านสมชาย(ฮา)มาใช้หน่อยนะครับ  " เข้ามาอ่านครับ...เย้.. "  ท่านสมชายจะหาว่าผมพาดพิงหรือเปล่าก็ไม่รู้  ยังไงก็ใช้สิทธิถูกพาดพิงได้นะครับ  ::014::
                           ขอบพระคุณท่านดอนที่มาให้ความรู้ครับ   ::014:: ชักจะสนุกแล้วนะครับเล่นรวบรวมกันมายังกับสงครามเก้าทัพอย่างนี้  ท่านดอนมีรูปของอีตาเวอซินเกตอริกบ้างไหมครับ อยากเห็นหน้าแกว่าเด็ดเดี่ยวเข้มข้นขนาดไหน ถึงได้หาญกล้าจะต่อกรกับโรมน่ะครับ
                           ท่านดอนครับ  คนบางคนนอกจากจะไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นแล้ว ยังไม่ยอมเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองด้วยนะครับ  ทำผิดซ้ำซากอยู่นั่นแหละ(ผมลืมไป...เขาว่าเขาทำถูกทุกครั้งครับ  ::006::....แต่คนทั่วประเทศบอกว่าทำผิดครั้งเดียวเองแหละ.....ผิดที่เกิดมาเป็นคนน่ะครับ)  .....อ้าว!..เข้าห้องผิดนึกว่าห้องสถานะการณ์ฯ..กราบลาก่อนละครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: krajong ที่ ตุลาคม 08, 2010, 11:44:40 PM


พี่ๆครับไอ้สามแง่ง ที่ทำมาจากเหล็กฉาก ที่วางไว้ริมหาดนอมังดี วันดีเดย์ ที่เอาไว้กันรถถังและการยกพลเขาเรียกว่าอะไรครับ

ตอนกำลังจะขึ้นจากน้ำพระเอกเราก็เข้าไปหลบด้วยอะครับ ขอชื่อเรียกทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลยนะครับ กดที่นี่เลยครับมีรูป
 อ้างถึงหนังเรื่องsaving private ryan ครับ (http://www.tutor2u.net/blog/images/uploads/blog-dday.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 09, 2010, 12:12:53 AM


พี่ๆครับไอ้สามแง่ง ที่ทำมาจากเหล็กฉาก ที่วางไว้ริมหาดนอมังดี วันดีเดย์ ที่เอาไว้กันรถถังและการยกพลเขาเรียกว่าอะไรครับ

ตอนกำลังจะขึ้นจากน้ำพระเอกเราก็เข้าไปหลบด้วยอะครับ ขอชื่อเรียกทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลยนะครับ กดที่นี่เลยครับมีรูป
 อ้างถึงหนังเรื่องsaving private ryan ครับ
 (http://www.tutor2u.net/blog/images/uploads/blog-dday.jpg)
                          สวัสดีครับท่านKrajong  ผมอยากเรียกว่า " งาแซง " ครับ ถ้าเดาผิดอย่าว่ากันนะครับนึกว่าคุยกันเล่นสนุกๆก็แล้วกัน(แต่ภาษาอังกฤษเขาเรียกอะไรต้องรอท่านผู้ที่ทราบละครับ) ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 09, 2010, 12:19:30 AM
                         สวัสดีท่านKrajongอีกทีครับ ภาษาประกิดจะเรียกว่า Barrier ได้ไหมครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 01:59:13 AM


พี่ๆครับไอ้สามแง่ง ที่ทำมาจากเหล็กฉาก ที่วางไว้ริมหาดนอมังดี วันดีเดย์ ที่เอาไว้กันรถถังและการยกพลเขาเรียกว่าอะไรครับ

ตอนกำลังจะขึ้นจากน้ำพระเอกเราก็เข้าไปหลบด้วยอะครับ ขอชื่อเรียกทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลยนะครับ กดที่นี่เลยครับมีรูป
 อ้างถึงหนังเรื่องsaving private ryan ครับ
 (http://www.tutor2u.net/blog/images/uploads/blog-dday.jpg)

ชื่อเล่นภาษาอังกฤษเรียกว่า เฮจฮอก (Hedgehog) ครับ เม่นตัวเล็กของฝรั่ง ตัวแบบนี้เยอรมันเรียก อีเกล แต่ไม่รู้ว่าทหารเยอรมันใช้คำนี้หรือเปล่า?


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:10:19 AM
เหรียญทองของพวกกอลเองครับ เป็นรูปเวอซินเกตอริก


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:12:05 AM
เหรียญโรมันเพื่อระลึกถึงการสยบกอล ทำเป็นรูปเวอฯ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:13:33 AM
เหรียญโรมันแบบเดียวกันอีกเหรียญ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:16:49 AM
รูปสลักนูนต่ำโรมันเรื่องการรบกอล เชื่อว่าคนล่างหมายถึงเวอฯ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:20:36 AM
ฝรั่งเศสยุคใหม่ก็ทำอนุสาวรีย์ให้เวอฯ อนุสาวรีย์นี้อยู่พื้นที่เมือง อาเลเซีย เดิม ซึ่งจะคุยกันต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:22:35 AM
 :)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:23:41 AM
อีกอนุสาวรีย์


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:24:45 AM
 :)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 09, 2010, 02:36:28 PM
พอซีซ่าร์รู้เรื่องกบฎเข้าก็เต้นผาง รีบเก็บข้าวของนำพลพรรคในแคมป์ฤดูหนาวเร่งเดินทางกลังไปสมทบกับทัพใหญ่ของตนในแคว้นกอลทันที ซีซ่าร์เดินทางทั้งกลางวันกลางคืน ผ่าพื้นที่กอลกลับไปอย่างเสี่ยงภัยมาก ตอนนั้นก็ยังไม่มีโลกร้อน เขาว่าปีนั้นอากาศหนาวรุนแรง บางพื้นที่หิมะสูงตั้ง ๒ เมตร ออกจะดราม่าหน่อยครับ ถ้าสร้างหนังก็คงเฆี่ยนม้ากันหน้าดู ไพร่พลก็เลิ่กลั่กเหลียวซ้ายแลขวา โดนกอลซุ่มโจมตีไปเรื่อย ในที่สุดซีซ่าร์ก็เดินทางไปรวมกับทัพใหญ่จนได้  

ตอนนี้ซีซ่าร์มีกำลังทหารประมาณ ๕ หมื่นกว่าคน จัดเป็น ๑๐ ลีเจี้ยนโรมัน เป็นทหารที่เกณฑ์/ รับสมัครใหม่ส่วนมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอ่อนหัด เพราะกำลังของซีซ่าร์มีประสบการณ์รบพวกกอลมาอย่างต่อเนื่อง และจำนวนไม่น้อยก็เป็นพวกเยอรมันพันธมิตร หรือเยอรมันรับจ้างเป็นทหารโรมัน พวกนี้ดุร้ายและรบเก่งอยู่แล้ว ในหนังสือ "สงครามเกลิก" ที่ซีซ่าร์เขียน เมื่อซีซ่าร์ไปตีอังกฤษซีซ่าร์ก็ใช้ทหารเยอรมันในกองทัพเป็นคอมมานโดว่ายข้ามแม่น้ำทั้งสวมเครื่องรบเต็มที่ ขึ้นฝั่งอีกข้างไล่ตีพวกอังกฤษบนตลิ่งที่ชัยภูมิได้เปรียบแตกไปได้

ส่วนกำลังกอลนั้น คราวนี้รวมตัวกันได้เป็นแสนๆ คนครับ

พวกกอลมุ่งมั่นปลดแอกมาก เล็งเห็นว่ากองทัพโรมันนั้นเข้มแข็ง ต่อสู้กลางแปลงซึ่งหน้าไม่ได้แน่ จึงตกลงกันใช้วิธีโดดเดี่ยวโรมันให้ขาดเสบียงอาหารก่อน กอลจึงรวบรวมอาหารไว้ในเมืองที่มั่นสำคัญๆ ที่คาดว่ามีศักยภาพสามารถต้านทานการบุกของโรมันได้ไม่กี่เมือง ส่วนเมืองอื่นๆ และบ้านช่อง ไร่นา พวกกอลเผาทำลายสิ้นทั้งแผ่นดินฝรั่งเศส เอ๊ย กอล...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 09, 2010, 11:23:36 PM
                                 ขอบพระคุณท่านดอนมากครับที่เอารูปเวอซินเกตอริกมาให้ดูเยอะแยะเลย ได้เห็นหน้าแกแล้วเกิดจินตนาการ อ่านเรื่องโรมันรบกอลของท่านดอนมันอย่าบอกใครเลยละครับ  (อีตาเวอซินนี่หน้าตาเอาเรื่อง)  ทางฝรั่งเศสคงยกย่องเวอซินมากนะรับ
                                 ขอบพระคุณเรื่อง Hedgehog ด้วยครับ ผมได้ตาสว่างไปด้วย  ผมเคยบอกว่าท่านดอนเหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ ก็ยังยืนยันตามนั้นอยู่ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 05:59:23 AM
ชื่อเผ่ากอลต่างๆ และพื้นที่ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 06:10:03 AM
แผนที่เส้นทางเดินทัพจับศึกในกอลของซีซ่าร์อย่างคร่าวๆ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 10, 2010, 09:56:50 AM
                      ขอบพระคุณครับท่านดอน ดูแผนที่พร้อมกับอ่านเรื่องไปด้วยเข้าใจง่ายได้รสชาติขึ้นเยอะเชียวครับ ::014::
                      ท่านดอนเขียนว่าตอนซีซ่าร์ไปตีอังกฤษและใช้ทหารว่ายน้ำทั้งสวมเครื่องรบเต็มที่นั้น ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าพวกทหารเหล่านี้ใช้หนังสัตว์มาเย็บเป็นถุงบรรจุอากาศเพื่อช่วยในการข้ามแม่น้ำใช่ไหมครับ  แต่จำไม่ได้ว่าเขาใช้เป็นทุ่นช่วยไม่ให้จมหรือใช้เป็นถังช่วยหายใจแบบScuba ผมเดาว่าควรจะเป็นอย่างหลังเพราะน่าจะต้องดำน้ำไปเพื่อไม่ให้ฝ่ายอังกฤษเห็น(แถมช่วยไม่ให้จมด้วย ก็เล่นชุดพร้อมรบแบบนั้นคงหนักน่าดู)
                      ขออนุญาตถามถึงท่านอรชุนหน่อยครับ ท่านเล่าเรื่องการรบของอเล็กซานเดอร์มหาราชในกัวกาเมล่าแล้วก็หายไปนานเลย แควนๆถามหากันครับท่าน ถ้ามีเวลาว่างก็รบกวนท่านด้วยนะครับ ผมโมเมขอบคุณล่วงหน้าไว้ก่อนเลย ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 06:22:42 PM
                      ขอบพระคุณครับท่านดอน ดูแผนที่พร้อมกับอ่านเรื่องไปด้วยเข้าใจง่ายได้รสชาติขึ้นเยอะเชียวครับ ::014::
                      ท่านดอนเขียนว่าตอนซีซ่าร์ไปตีอังกฤษและใช้ทหารว่ายน้ำทั้งสวมเครื่องรบเต็มที่นั้น ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าพวกทหารเหล่านี้ใช้หนังสัตว์มาเย็บเป็นถุงบรรจุอากาศเพื่อช่วยในการข้ามแม่น้ำใช่ไหมครับ  แต่จำไม่ได้ว่าเขาใช้เป็นทุ่นช่วยไม่ให้จมหรือใช้เป็นถังช่วยหายใจแบบScuba ผมเดาว่าควรจะเป็นอย่างหลังเพราะน่าจะต้องดำน้ำไปเพื่อไม่ให้ฝ่ายอังกฤษเห็น(แถมช่วยไม่ให้จมด้วย ก็เล่นชุดพร้อมรบแบบนั้นคงหนักน่าดู)
                      ขออนุญาตถามถึงท่านอรชุนหน่อยครับ ท่านเล่าเรื่องการรบของอเล็กซานเดอร์มหาราชในกัวกาเมล่าแล้วก็หายไปนานเลย แควนๆถามหากันครับท่าน ถ้ามีเวลาว่างก็รบกวนท่านด้วยนะครับ ผมโมเมขอบคุณล่วงหน้าไว้ก่อนเลย ::014::

ตอนไปตีอังกฤษนั้นซีซ่าร์ไป ๒ ครั้งครับ ครั้งแรกข้ามไปศึกษาภูมิประเทศเก็บข้อมูลก่อน อีกปีค่อยยกทัพใหญ่ไปสู้รบ ยึดครอง รบกันหลายครั้งหลายที่ สำหรับกรณีที่อ้างถึนั้นเขียนเจาะจงไปเลยว่าว่ายข้ามแม่น้ำและไม่ได้บอกว่าใช้ทุ่นช่วยครับ และเป็นการรบซึ่งหน้าในเวลากลางวัน ไม่ได้แอบดำน้ำข้ามไปตีครับ ตอนั้นก็บอกว่าพวกอังกฤษตะลึงแล้วว่าทหารโรมันกล้าว่ายข้ามแม่น้ำมา

การฝึกว่ายน้ำเป็นการฝึกมาตรฐานขั้นต้นอย่างหนึ่งของทหารโรมัน ซึ่งระบบระเบียบของการฝึกขั้นต้น/ เดินทัพ/ ตั้งค่ายของโรมันยังตกทอดเหลือรายละเอียดมามาก ที่เด่นกว่าทหารชนชาติอื่นในยุคนั้นคือการตั้งค่าย เพราะกองทหารโรมันจะไม่ยอมนอนกลางแจ้ง "ทุกคืน" ระหว่างการเดินทัพกองทหารโรมันจะตั้งค่ายมีรั้วแน่นหนา และขุดคูรอบ ถ้าเป็นพื้นที่ๆ เห็นว่าไม่มีต้นไม้ให้ดทำรั้วทหารก็จะแบก หรือใช้เกวียนบรรทุกไม่รั้วค่ายไปด้วยเลย ในการตั้งค่ายแต่ละครั้งใช้เวลา ๒-๓ ชม. ตามที่นักประวัติศาสตร์คำนวนไว้ครับว่า

ขนาดของค่ายสำหรับกองทหาร ๑ ลีเจี้ยนนั้นต้องขุดดินออกเป็นคูล้อมรอบค่ายประมาณ ๒๒๔,๑๐๔ คิวบิกเมตร จากการศึกษาค่าเฉลี่ยการขุดของคนสำหรับดินชนิดต่างๆ พบว่า นักขุดคนหนึ่งจะจุดได้ประมาณ ๐.๔ - ๐ง๗ คิวบิกเมตร/ชม. อย่าไงรก็ตามทหารทั้งลีเจี้ยนจะมาขุดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องไปทำงานอื่นเช่นตั้งรั้ว กางเต้นท์ ทำอาหาร ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ แนวขุดนั้นจำกัดจำนวนนักขุด จากความยาวของคูจึงมีนักขุดเข้าไปขุดได้ ๒,๑๑๒ คน ทำให้ต้องใช้เวลาขุดคูประมาณ ๑.๕๒ - ๒.๖๕  ชั่วโมง ทั้งนี้อยู่ในสถานการณ์สมบูรณ์แบบ ไม่มีปัจจัยพิศดารอื่นๆ  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 06:33:42 PM
มีคำกล่าวทั่วไปของกองทัพโรมันว่า “การฝึกนั้นคือการรบที่ไม่เสียเลือด และการรบนั้นคือการฝึกที่เสียเลือด” ที่จริงก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะในการฝึกก็มีการเสียเลือดเนื้อเหมือนกัน

ในบู๊ตแคมป์ของโรมัน จะฝึกทหารทั้งด้านความแข็งแรงทางร่างกาย และฝึกอาวุธตามขั้นตอนต่างๆ เช่น

โรมันจะฝึกทหารใหม่ให้เดินทัพความเร็วปรกติ โดยจะให้แบก นน. ๖๐ ปอนด์ โรมัน (๔๓ ปอนด์อังกฤษ) เดินทัพระยะทาง ๒๐ ไมล์โรมัน (๑๘.๕ ไมล์อังกฤษ) ภายในเวลา ๕ ชั่วโมง และถ้าเป็นการเดินเร็วก็จะต้องเดินทัพ  ๒๔ ไมล์โรมัน (๒๒.๒ ไมล์อังกฤษ) ภายในเวลา ๕ ชั่วโมงเช่นกัน สรุปเป็นหน่วยที่เราคุ้นเคยจะประมาณว่า

ฝึกเดินทัพปกติ แบก นน. ๑๙.๕ กก. เดิน ๒๙.๖ กม. ภายใน ๕ ชม.

หรือ ฝึกเดินทัพเร็ว แบก นน. ๑๙.๕ กก. เดิน ๓๕.๕ กม. ภายใน ๕ ชม.

สำหรับการใช้อาวุธ จะฝึกท่าอาวุธโดยใช้ดาบไม้ แทงฟันเสาไม้ที่ปักในพื้น เมื่อคล่องแล้วก็ฝึกเข้าขบวนรบ จนฝึกให้ทหารสองกองเข้ามาสู้กันจริงๆ ด้วยอาวุธไม้ และฝึกเดินทัพซ้อมรบโดยแบ่งทหารเป็นกองข้าศึกเข้ามาซุ่มโจมตีเหมือนจริง ใช้ดาบไม้ไล่ตีกัน ก็เหมือนเอากระบองไล่ทุบกัน รับรองต้องมีบาดเจ็บหนักแน่ๆ ครับ

ทหารจะต้องฝึกกระโดดขึ้นม้า โดยฝึกกับม้าไม่จำลอง โดดขึ้นให้คล่องทั้งด้านซ้าย/ด้านขวา ต่อมาก็ฝึกโดยใส่เกราะเต็มที่ ต่อมาก็ฝึกโดยถืออาวุธพร้อมใช้ ดาบชักจากฝัก

ฯลฯ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 06:47:32 PM
ที่กรุงโรมมีเสาของจักรพรรดิ ทราจัน สร้างใน ค.ศ. ๑๐๐ กว่าๆ สูงเกือบ ๔๐ เมตร แสดงภาพสลักนูนต่ำเวียนขึ้นไปถึงยอด เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่โรมันไปปราบพวก ดาเซี่ยน คนในพื้นที่โรมาเนียปัจจุบัน (ปัจจุบันยังมีรถยี่ห้อดาเซีย เป็นโรงงานที่เรน์โนลเข้าไปลงทุนในโรมาเนีย)

มีภาพปฏิบัติการของทหารโรมันหลายรูปแบบ เช่น การโจมตีแบบขบวนรบรูปเต่า


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 10, 2010, 06:56:24 PM
เครื่องดีดหินโรมันในบังเกอร์ที่ทำด้วยไม้มาก่อ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 10, 2010, 10:36:48 PM
                               ขอบพระคุณครับท่านดอน วันนี้วันอาทิตย์นักเรียนเยอะครับ ผมขอขอบพระคุณแทนนักเรียนทั้งชั้นด้วยครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 12, 2010, 04:06:22 AM
สงคราม โรมัน- กอล ต่อครับ

ซีซ่าร์เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ยิ่งกอลจะทำให้โรมันอดอาหารมากเท่าไหร่ ซีซ่าร์ก็พยายามไล่ตีที่มั่นเมืองกอลให้แตกไปเร็วเท่านั้น ซีซ่าร์ ไล่ตีเมืองไปได้ ๒-๓ เมือง ด้วยความรวมเร็วเนื่องจากเมืองดังกล่าวยังเผาไร่นา รวบรวมผู้คน จัดแนวป้องกันไม่ทัน แต่ก็มาติดแหง๊กเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกที่เมือง Avaricum ทางใต้ของแม่น้ำลัวร์ค่อนไปทางทางตะวันออกของฝรั่งเศส เมืองนี้ตอนแรกอยู่ในลิสต์ต้องถูกเผา แต่หัวหน้าเผ่าของเมืองต่อรองมาได้ว่าให้เป็นเมืองป้อมต่อต้านโรมัน กำลังพันธมิตรกอลก็ยอมและส่งกำลังไปเสริม ๑๐,๐๐๐คน

ซีซ่าร์ไปถึงก็เลยจัดการตั้งค่ายล้อมตามแบบโรมัน โดยการตั้งค่ายล้อมเมืองนั้นโรมันจะขุดคูและสร้างกำแพงประจัญหน้ากับเมืองที่ตนล้อมนั้นด้วย ไม่ให้เสียเปรียบใดๆ หากกำลังในป้อมจะออกมาโจมตีค่าย ต่างผ่ายต่างก็ใช้เทคนิกสงครามป้อมค่ายต่อสู้กันเต็มที่ครับ โรมันใช้หอคอยเลลื่นที่และเครื่องกระทุ้งประตู/กำแพงเข้าโจมตีกำแพงเมืองตามระเบียบ กอลก็พยายามขุดอุโมงค์ข้างใต้พื้นดักให้ดินถล่ม กอลขุดอุโมงค์เก่งเพราะสมัยนั้นในฝรั่งเศสมีเหมืองแร่อยู่มาก ผู้คนมีความเชี่ยวชาญ โรมันพยายามขุดสนามเพละเข้าไปใกล้กำแพงเมืองเพื่อเอาอาวุธยิงไปสนับสนุนทาทหารราบ และกองทำลายกำแพง กอลก็มีวิธีต่อต้านต่างๆ นาๆ ทั้งนี้ในสมัยนั้นใช้อาวุธยิงธนูยักษ์และเครื่องดีดหินกันมากๆ ครับ การเคลื่อนทหารราบในพื้นที่เฉพาะอย่างเช่นในการล้อมตีเมืองนี้ต้องขุดสนามเพลาะเข้าไป

โรมันใช้หอคอยบุกเข้าไปไม่ได้ เจออุโมงค์ดักหอคอยทรุด/ เอียงล้มหมด ใช้เครื่องกระทุ้งกำแพงก็ไม่ได้ผลดีเพราะกำแพงเมืองกอลนั้นเป็นทั้งหิน และซุงเสริมดิน เด้งดึ่งรับแรงกระแทกได้โดยไม่ทลายลงมาเหมือนกำแพงที่ไม่ยึดหยุ่น

โรมันก็เลยใช้วิธี "ถึกเข้าสู้" สร้างแนวโจมตีเป็นทางลาดดินอัดแน่นขนาดยักษ์ กว้าง ๑๐๐ เมตร จากภายนอกถมข้ามคูเมือง ก่อเป็นเนินขึ้นไปยังขอบกำแพงเมืองที่สูง ๒๐ กว่าเมตร ปีนไม่ได้ ข้ามไม่ได้ เจาะไม่ได้ ข้าเอาดินถมเป็นถนนให้ทหารเดินลุยขึ้นไปโจมตีตรงๆ อย่างนี้แหละ

ผลก็คือเมือง Avaricum แตก


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 12, 2010, 06:20:05 AM
                 ขอบพระคุณครับ ท่านดอนมาเปิดโรงเรียนแต่เช้ามืดเลย ::014::
                 เรียนถามคุณครูนิดนึงครับ เมื่อซีซาร์ตีเมืองAvaricumนั้นใช้ทหารทั้งหมดที่มีห้าหมื่นกว่าเลยหรือครับและก็ใช้เวลาเท่าไรกว่าAvaricumจะแตกครับ
                 งานนี้ต้องเรียกว่าชนะเพราะขุดดินเก่งนะครับ (ทหารโรมันใช้อาวุธเก่งอย่างเดียวไม่พอจริงๆ ต้องเดินเก่ง ว่ายน้ำเก่ง ขุดดินเก่ง เรียกว่าสารพัดเลยจริงๆ)
                 ชอบคำว่า " ถึกเข้าสู้ " จริงๆครับ เห็นภาพชัดเลย  (กำแพงสูงข้าก็ถมดินสูงเท่ากำแพงของเอ็งนั่นแหละ) ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 12, 2010, 06:16:35 PM
ตามหนังสือของนาย Goldsworthy ซีซ่าร์น่าจะใช้กำลังทหาร ๘ ลีเจี้ยนเข้าตีเมือง Avaricum (Bourges ในปัจจุบัน) ครับ หนังสือเล่มนี้บอกว่าใช้เวลาล้อมเมือง สร้างแนวทางลาด ๒๗ วัน แล้วก็เข้าตีเมืองแตกทันทีโดยใช้หอโจมตีเคลื่นที่ขึ้นไปตามทางลาด ๒ หอด้วย (หอรบจะเพิ่มความได้เปรียบอย่างมากเพราะสามารถยิงอาวุธจากที่สูงกว่าใส่กำแพงเมืองได้) เป็นการรบตีเมืองกอลที่สำคัญครั้งหนึ่ง  

เหตุการณ์กบฏเริ่มตอนต้นปี จนไปถึงรบครั้งใหญ่ไคลแม๊กซ์ที่เมือง อาเลเซีย เดือนกันยายน ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 12, 2010, 06:25:46 PM
Adrian Golds worthy เป็นนักประวัติศาสตร์อังกฤษจบ ป.เอก ที่ มหาลัยอ๊อกฟอร์ด (ที่อ๊อกฟอร์ดเขาเรียก ป.เอก ว่า D.Phil ไม่ใช่ PhD. ครับ) เขียนหนังสือเกี่ยวกับโรมันมาก รายละเอียดดี อ่านง่าย เป็นนักเขียนเรื่องโรมันคนหนึ่งที่ผมกะจะหาหนังสือของเขาก่อน แต่ตอนนี้มีของเขาแค่ ๒ เล่มครับ เพราะว่าผมยังมีหนังสือเรื่องอื่นนอกจากโรมันกองรออยู่หนารวมกันประมาณเกือบ ๓ เมตรกว่าแล้ว ไปเห็นเรื่องไหนคิดว่าคงจะอ่านก็ซื้อมาเลย ส่วนมากจอดรออยู่เป็นปีครับกว่าจะได้จับ ต้องลดความละโมบในการซื้อลงไปหน่อย


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 13, 2010, 08:38:33 AM
                               ขอบพระคุณท่านดอนแทนนักเรียนทั้งชั้นครับ  ::014::
                               อยากยุให้ท่านดอนซื้อลิขสิทธิ์หนังสือของ " นายเอเดรียน ทองคำมีราคา " มาแปลน่ะครับ หนังสือแนวนี้ของไทยไม่ค่อยมีเลยครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ตุลาคม 17, 2010, 04:23:55 AM
ผมหายไปหลายวัน............ขอบคุณที่ยังรอครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: anasnarak ที่ ตุลาคม 17, 2010, 01:02:09 PM
ขอถามหน่อยครับ ผมดูหนังสงคราม สังเกตุเจอ2 Saving Private Ryan อีกเรื่องจำไม่ได้แล้ว

ว่าก่อนทหารจะเอาแม็กกาซีนใส่ปืนจะต้องเอามาเคาะกับหมวกของตัวเองก่อน เพื่ออะไร


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 17, 2010, 06:56:16 PM
สวัสดีครับทุกคน หายไปหลายวันเพราะไปเยอรมันกับออสเตรียมา ภาพของเก่าก็ยังค้างอยู๋เลย ต้องขอโ?ษด้วยจริงๆครับ กลับมางวดนี้มีภาพมาฝากเหมือนเดิม เพราะมีโอกาสไปเยือนค่ายนรก ดาเคา พิพิธภัณฑ์การบินของเยอรมันที่มิวนิค และป้องเฟสตุง ที่ซัลบูร์ก ที่เคยใช้เป็นศูนย์บัญชาการใน ww1 ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Padet ที่ ตุลาคม 17, 2010, 07:31:19 PM
ขอถามหน่อยครับ ผมดูหนังสงคราม สังเกตุเจอ2 Saving Private Ryan อีกเรื่องจำไม่ได้แล้ว

ว่าก่อนทหารจะเอาแม็กกาซีนใส่ปืนจะต้องเอามาเคาะกับหมวกของตัวเองก่อน เพื่ออะไร
 

               เพื่อให้ลูกกระสุนในแม๊กกาซีนเรียงตัวให้ดีเวลายิงจะได้ไม่ติดขัดครับ     โดยเฉพาะนัดบนสุด    ;D ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 17, 2010, 10:35:08 PM
                     สวัสดีครับท่าน Soap  ::014::หายไปหลายวัน(บรรดาครูก็หายไปด้วย คงรอท่านSoapกลับมาแล้วค่อยเปิดห้องน่ะครับ จะได้เรียนพร้อมๆกัน)
                     ท่านJoke ขาดสอนไปหลายวัน เหล่านักเรียนเตรียมเช็ดแว่นตารอแล้วครับ (เดาว่าคงมีเครื่องบินปีกสองชั้นมาฝากด้วยใช่ไหมครับ) ::014::
                     ขอเล่าความเปิ่นของผมเรื่องเคาะแม็กกาซีนให้ท่านUltraman Taro กับท่านPadetฟังขำๆนิดนึง เมื่อสมัยที่ผมเริ่มหัดยิง IPSCใหม่ๆ(ราวๆปี29-30) ผมเห็นนักกีฬารุ่นพี่เขาเคาะแม็กกาซีนกับฝ่ามือซ้าย2ทีก่อนเสียบเข้าเข็มขัด ผมก็เคาะกับเขาบ้างโดยไม่รู้หรอกว่าเขาเคาะทำไม แต่ผมดันไปเคาะด้านหน้าแม็ก เจ้านัดบนสุดเลยหลุดกระเด็น  ::007::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: sab_ensave@รักในหลวง ที่ ตุลาคม 18, 2010, 12:13:02 AM
ว่าแล้วกลับบ้านจะไปค้นหนังสงครามเก่าๆดูซะแล้ว


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 18, 2010, 03:14:55 AM
                     สวัสดีครับท่าน Soap  ::014::หายไปหลายวัน(บรรดาครูก็หายไปด้วย คงรอท่านSoapกลับมาแล้วค่อยเปิดห้องน่ะครับ จะได้เรียนพร้อมๆกัน)
                     ท่านJoke ขาดสอนไปหลายวัน เหล่านักเรียนเตรียมเช็ดแว่นตารอแล้วครับ (เดาว่าคงมีเครื่องบินปีกสองชั้นมาฝากด้วยใช่ไหมครับ) ::014::
                     ขอเล่าความเปิ่นของผมเรื่องเคาะแม็กกาซีนให้ท่านUltraman Taro กับท่านPadetฟังขำๆนิดนึง เมื่อสมัยที่ผมเริ่มหัดยิง IPSCใหม่ๆ(ราวๆปี29-30) ผมเห็นนักกีฬารุ่นพี่เขาเคาะแม็กกาซีนกับฝ่ามือซ้าย2ทีก่อนเสียบเข้าเข็มขัด ผมก็เคาะกับเขาบ้างโดยไม่รู้หรอกว่าเขาเคาะทำไม แต่ผมดันไปเคาะด้านหน้าแม็ก เจ้านัดบนสุดเลยหลุดกระเด็น  ::007::

เอาของฝากก่อนครับ แหะๆ เรื่องเก่ายังไม่หมดเลยเรื่องใหม่มาแล้ว

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs008.snc4/33774_458792250232_668695232_5863170_6110146_n.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 18, 2010, 06:25:26 AM
                        ขอบพระคุณท่านJokeครับสำหรับของฝาก  ::014::ท่านJokeถ่ายได้สวยเช่นเคยครับ แต่นักเรียนตั้งเยอะท่านJokeเอามาฝากชิ้นเดียวเอง(สงสัยเน็ตจะไม่เป็นใจอีกกระมังครับ)
                         นักเรียนหลังห้องฝากถามมาว่า มีสาวเยอรมันหุ่นแบบมาเรีย ฮอฟมัน มาฝากบ้างหรือเปล่าครับ ::008::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 18, 2010, 09:44:28 AM
เข้ามาอ่านครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Padet ที่ ตุลาคม 18, 2010, 01:05:15 PM
                     สวัสดีครับท่าน Soap  ::014::หายไปหลายวัน(บรรดาครูก็หายไปด้วย คงรอท่านSoapกลับมาแล้วค่อยเปิดห้องน่ะครับ จะได้เรียนพร้อมๆกัน)
                     ท่านJoke ขาดสอนไปหลายวัน เหล่านักเรียนเตรียมเช็ดแว่นตารอแล้วครับ (เดาว่าคงมีเครื่องบินปีกสองชั้นมาฝากด้วยใช่ไหมครับ) ::014::
                     ขอเล่าความเปิ่นของผมเรื่องเคาะแม็กกาซีนให้ท่านUltraman Taro กับท่านPadetฟังขำๆนิดนึง เมื่อสมัยที่ผมเริ่มหัดยิง IPSCใหม่ๆ(ราวๆปี29-30) ผมเห็นนักกีฬารุ่นพี่เขาเคาะแม็กกาซีนกับฝ่ามือซ้าย2ทีก่อนเสียบเข้าเข็มขัด ผมก็เคาะกับเขาบ้างโดยไม่รู้หรอกว่าเขาเคาะทำไม แต่ผมดันไปเคาะด้านหน้าแม็ก เจ้านัดบนสุดเลยหลุดกระเด็น  ::007::
   
                                                

                                     ผิดเป็นครูครับ    ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 23, 2010, 10:59:30 AM
                      แวะมาดูโรงเรียนครับ ยังปิดอยู่เลย    ::004:: ::004::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Padet ที่ ตุลาคม 23, 2010, 11:48:37 AM



                                                    คงปิดหนีน้ำท่วม    ;D ;D






หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 23, 2010, 12:39:04 PM



                                                    คงปิดหนีน้ำท่วม    ;D ;D

                   คงจะจริงครับท่านPadet หรือไม่ก็บรรดาครูทั้งหลายของโรงเรียน อวป.วิทยา อาจจะติดน้ำท่วมอยู่ที่ไหนสักแห่ง ::008:: ::014::
                   ท่านสมชายที่เคยมา " เย้ " อยู่บ่อยๆก็หายไปนะครับ ::014::







หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ตุลาคม 30, 2010, 10:07:43 PM
สมาชิกหายไปหมดเลย ตอนนี้ผมกำลังทยอยลงรูปครับ ค้างเลคเชอร์ไว้ตั้งแต่ป้อมอีเบน อีเมล แล้ว นี่เพิ่งตามรอย Op market Garden กับ การรบแห่งป่าอาร์เดนส์มาครับ ยังงัยจะทยอยมาๆแน่นอน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 31, 2010, 06:19:59 AM
              สวัสดีครับท่าน Joke   นักเรียน อวป.วิทยา นั่งรอเต็มห้องเรียนแล้วครับ   ::014::
             
              ดีใจจังอาจารย์มาหนึ่งท่านแล้ว   
              ท่านสมชายครับ เข้ามาเย้ได้แล้วครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 14, 2010, 02:05:51 PM
                  อาจารย์ไม่มาซักที  ไปดูแปซิฟิคกันก่อนดีกว่าครับ วันนี้ยูบีซีเอามาฉายอีก กดสลับกับทรอยอีกช่องหนึ่ง(รักพี่เสียดายน้อง เลยไม่ปะติดปะต่อทั้งสองเรื่อง   ::004::)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 14, 2010, 07:20:28 PM
มีท่านใดดู Spartacus หรือยังครับ

http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg (http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 14, 2010, 10:08:16 PM
มีท่านใดดู Spartacus หรือยังครับ

http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg (http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg)
                 ยังเลยครับท่านSoap47  ผมตกข่าวแน่ๆไม่ทราบว่าเป็นหนังสร้างใหม่ใช่ไหมครับ(ผมเคยดูที่ร๊อค ฮัดสันเล่นน่ะครับ) สปาร์ตาคัสนี่หนังไทยเรายังแอบเอาตอนทาสสู้กันมาใช้เลย   ::005::
                 ไม่ทราบว่าจะฉายที่ไหนครับ   ::014::
                 ปล. วันนี้ผมอยู่แต่หน้าทีวีได้ทั้งวัน เพราะหนังดีๆทั้งนั้นเลยครับ(ตอนบ่ายมี From here to eternity กับ สะพานข้ามแม่น้ำแควอีก)   ::002::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 15, 2010, 03:12:22 AM
ออกเป็น DVD แล้วครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤศจิกายน 15, 2010, 09:46:43 AM
                     สวัสดีครับท่าน Soap  ::014::หายไปหลายวัน(บรรดาครูก็หายไปด้วย คงรอท่านSoapกลับมาแล้วค่อยเปิดห้องน่ะครับ จะได้เรียนพร้อมๆกัน)
                     ท่านJoke ขาดสอนไปหลายวัน เหล่านักเรียนเตรียมเช็ดแว่นตารอแล้วครับ (เดาว่าคงมีเครื่องบินปีกสองชั้นมาฝากด้วยใช่ไหมครับ) ::014::
                     ขอเล่าความเปิ่นของผมเรื่องเคาะแม็กกาซีนให้ท่านUltraman Taro กับท่านPadetฟังขำๆนิดนึง เมื่อสมัยที่ผมเริ่มหัดยิง IPSCใหม่ๆ(ราวๆปี29-30) ผมเห็นนักกีฬารุ่นพี่เขาเคาะแม็กกาซีนกับฝ่ามือซ้าย2ทีก่อนเสียบเข้าเข็มขัด ผมก็เคาะกับเขาบ้างโดยไม่รู้หรอกว่าเขาเคาะทำไม แต่ผมดันไปเคาะด้านหน้าแม็ก เจ้านัดบนสุดเลยหลุดกระเด็น  ::007::
   
                                               

                                     ผิดเป็นครูครับ    ;D ;D ;D


ผิดเป็นครู... ถูเป็น ผอ. ครับ... ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 15, 2010, 10:13:41 AM
                     สวัสดีครับท่าน Soap  ::014::หายไปหลายวัน(บรรดาครูก็หายไปด้วย คงรอท่านSoapกลับมาแล้วค่อยเปิดห้องน่ะครับ จะได้เรียนพร้อมๆกัน)
                     ท่านJoke ขาดสอนไปหลายวัน เหล่านักเรียนเตรียมเช็ดแว่นตารอแล้วครับ (เดาว่าคงมีเครื่องบินปีกสองชั้นมาฝากด้วยใช่ไหมครับ) ::014::
                     ขอเล่าความเปิ่นของผมเรื่องเคาะแม็กกาซีนให้ท่านUltraman Taro กับท่านPadetฟังขำๆนิดนึง เมื่อสมัยที่ผมเริ่มหัดยิง IPSCใหม่ๆ(ราวๆปี29-30) ผมเห็นนักกีฬารุ่นพี่เขาเคาะแม็กกาซีนกับฝ่ามือซ้าย2ทีก่อนเสียบเข้าเข็มขัด ผมก็เคาะกับเขาบ้างโดยไม่รู้หรอกว่าเขาเคาะทำไม แต่ผมดันไปเคาะด้านหน้าแม็ก เจ้านัดบนสุดเลยหลุดกระเด็น  ::007::
   
                                               

                                     ผิดเป็นครูครับ    ;D ;D ;D


ผิดเป็นครู... ถูเป็น ผอ. ครับ... ;D ;D ;D


                            ::007:: ::007:: ::007:: ::007::
                      ขอบพระคุณท่านแค่เงาและผงธุลี กับท่าน Padet มากครับ ::001:: ::001::
                           


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 15, 2010, 10:16:35 AM
ออกเป็น DVD แล้วครับ
                        ท่าน Soap ดูแล้วช่วยวิจารณ์หน่อยครับว่าคุ้มราคาไหมครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 15, 2010, 07:41:04 PM
มีท่านใดดู Spartacus หรือยังครับ

http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg (http://www.series4fun.com/images/1276183775.jpg)
                 ยังเลยครับท่านSoap47  ผมตกข่าวแน่ๆไม่ทราบว่าเป็นหนังสร้างใหม่ใช่ไหมครับ(ผมเคยดูที่ร๊อค ฮัดสันเล่นน่ะครับ) สปาร์ตาคัสนี่หนังไทยเรายังแอบเอาตอนทาสสู้กันมาใช้เลย   ::005::
                 ไม่ทราบว่าจะฉายที่ไหนครับ   ::014::
                 ปล. วันนี้ผมอยู่แต่หน้าทีวีได้ทั้งวัน เพราะหนังดีๆทั้งนั้นเลยครับ(ตอนบ่ายมี From here to eternity กับ สะพานข้ามแม่น้ำแควอีก)   ::002::
                    ชาตินี้ผมคงไม่ได้เป็น ผอ.กับเขาแน่ครับท่านเงาและผงธุลี เพราะผิดอีกแล้ว  ดาราที่เล่นเรื่องสปาร์ตาคัสไม่ใช่ร็อค ฮัดสันแน่  น่าจะเป็นเคิร์ก ดักลาส (อีตาคางบุ๋ม) น่ะครับ    ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 18, 2010, 04:11:20 AM
Spartacus blood and sand ดูแล้วคุ้มครับ สนุกดี กำลังรอภาคสองอยู่ครับ แต่ดารานำดันเป็นมะเร็งเสียนี่


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 18, 2010, 09:56:21 AM
                               ขอบพระคุณครับท่าน Soap   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2010, 12:51:03 PM
ไม่ทราบว่าผม เสนอเรื่องนี้ไปหรือยัง
 Flight of Intruder
กับ
Tour of Duty อันนี้เป็นซีรีส์นานมากแล้วครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ธันวาคม 11, 2010, 03:37:12 PM
ไม่ทราบว่าผม เสนอเรื่องนี้ไปหรือยัง
 Flight of Intruder
กับ
Tour of Duty อันนี้เป็นซีรีส์นานมากแล้วครับ

                     เรื่องแรกไม่เคยได้ยินชื่อเลยครับ ส่วนเรื่องหลังก็คุ้นๆหูอยู่แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว   ::004::
                     ขอความกรุณาเล่าเรื่อง(ย่อๆก็ได้ครับ)  ทั้งสองเรื่องเลยนะครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ธันวาคม 11, 2010, 04:11:54 PM
                   บ่ายวันนี้ได้ดู The Last Samurai  ทาง UBC อีกครั้งหนึ่ง  ดูทางTVรู้สึกว่าสนุกกว่าดูหนังแผ่นคนเดียว(ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนผมบ้างไหมครับ)  ผมเพิ่งมาเห็นรายละเอียดตอนทหารใส่แม็กฯของปืนกลแก็ตลิ่ง ทหารญี่ปุ่นใส่ผิดใส่ถูกเพราะความไม่ชำนาญหรือลนลาน ผู้สร้างก็ยังเอาใจใส่กับรายละเอียดนี้ทั้งที่อยู่ห่างออกไปตั้งเยอะ   แต่ผมมาขัดตาตอนฉากรบครั้งสุดท้าย ที่พระเอกกำดาบแบบเตรียมพุ่งใส่นายทหารอเมริกัน แล้วกลับมาถือแบบธรรมดา แล้วก็ไปกำแบบเดิมอีกครั้งก่อนจะพุ่ง (ผมโทษคนตัดต่อครับ) 
                    พอจบเรื่องก็ได้ดู Top Shot ทางช่อง History อีก มีการยิงเป้าบินหลายๆเป้า ซึ่งไม่น่าตื่นเต้นนัก เพราะดูในYoutubeแล้วน่าดูกว่ามาก (วันนี้มีขว้างมีดด้วยครับ)   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ ธันวาคม 11, 2010, 06:21:21 PM
ไม่ทราบว่าผม เสนอเรื่องนี้ไปหรือยัง
 Flight of Intruder
กับ
Tour of Duty อันนี้เป็นซีรีส์นานมากแล้วครับ


 Flight of Intruder หนังยุคแรกๆที่ใช้ CG เลยครับ คนรักเครื่อง A-6 ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 11, 2010, 09:49:18 PM
นี่เมื่อวานดูเรื่องนี้สนุกดี
ถ้าจะเอาเรื่องราวกับบทภาพยนต์คงไม่ได้เรื่อง เอาสนุกนี่ได้เลย รวมดาราแอคชั่นมากมาย
แถมการต่อสู้ประชิดตัว ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบ mix martial art ทั้งนั้นเลยสนุกดี
http://www.imdb.com/title/tt1320253/ (http://www.imdb.com/title/tt1320253/)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2011, 05:53:00 PM
พี่ a lone wolf ลองดูนี่ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Nazi_chic

สำหรับเครื่องแบบกางเกงพองรองเท้าบู๊ตแบบ jackboots นี่เรียกได้ว่าทุกชาติในยุโรปใช้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ ๑๙ แล้วครับ กางเกงขี่ม้าขาพองนี่จากหนังสืออ้างอิงด้านล่างเขาว่านอกจากการใช้ประโยชน์ยกขาสะดวกแล้วออกแบบเพื่อเสริมความเท่เป็นแมนเพราะจะปกปิดขาโก่ง ทุกคนใส่แล้วเท่ตามเครื่องแบบเท่ากันหมด (สมัยนั้นคงขาโก่งกันมาก)

แต่ของเยอรมันยังคงมาเรื่อย และเน้นทรงให้เสริมความรู้สึกมากขึ้น เช่น เสื้อฟิตกว่าชาติอื่น ให้รู้สึกกระชับ คอตั้งผึ่งผาย เน้นผลทางจิดวิทยาถึงอำนาจ หน้าที่ เขาว่าผู้เชี่ยวชาญเครื่องแบบทหารบอกว่าเป็นเครื่องแบบที่ใส่แล้วได้อารมณ์ทหารมากที่สุด ส่วนประเทศอื่นปรับเปลี่ยนสบายตัวสาบใจขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเรื่องแบบของเมกันสบายสุด เหมือนแค่สูทธุรกิจสีทหารติดเครื่องหมาย แต่ถ้าไปดูรูปก่อนหน้านั้น เช่น นายพลแมกอาเธอร์ก็แต่งตัวขาพองแจ๊กบูตเหมือนกัน และตามที่เราเห็นว่าในปัจจุบัน ตร. หลายๆ หน่วยทั่วโลกโดยเฉพาะสายตรวจมอไซด์ก็ยังใช้ขาพองอยูบ้าง

เครื่องแบบขาพอง แจ๊กบูต เสื้อฟิต ของเยอรมันจากภาพการสวนสนาม ชุมนุม แสดงพลังต่างๆ ของพลพรรคนาซีตราแมงมุมดำแล้วจึงทำให้เกิดความเห็นว่าเท่ดีของแฟชั่น นาซีชิก ดังกล่าว

http://www.amazon.com/Culture-War-Martin-van-Creveld/dp/B005FOFTK2/ref=sr_1_1?s=books&ie=UTF8&qid=1317286473&sr=1-1

http://en.wikipedia.org/wiki/Jackboot

หนังสือทหาร ประวัติศาสตร์ เครื่องแบบต่างๆ เวปนี้ถูกดีครับ บางเรื่องถูกกว่าอเมซอนตั้งครี่ง
http://www.naval-military-press.com/_search.php?page=1&q=German+uniform


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2011, 05:56:53 PM
...แต่สำหรับคน ยิว ยิปซี ยุโรปตะวันออก (พลเรือนเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่ยิวก็โดนนาซีฆ่าก็มีจำนวนกว่า 6-7 ล้านคนเหมือนกัน) ที่เป็นเหยื่อโดยตรงโดนระบบการปกครองของพรรคนาซีจับไปฆ่า หรือชาติตะวันตกอื่นๆ ที่ต้องมารบบาดเจ็บล้มตายจากนาซี ย่อมไม่สนุกกับการแสดงออกเลียนแบบที่ตั้งใจสื่อถึงแฟชั่นพรรคแมงมุมดำ โดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆในรูปแบบของพรรคแมงมุมดำ

เพราะที่สำคัญ คนฝรั่ง (หรือแม้แต่เอเซีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และตัวันออกกลางก็เถอะ) เขาไม่คิดว่าควรลืมอะไรง่ายๆ ปัจจุบันที่ค่ายเอาช์วิสต์ ยังมีแผ่นโลหะจารึกสุภาษิตว่า "ผู้ที่ลืมบทเรียนจากประวัติศาสตร์ จะต้องตกไปสู่หายนะนั้นอีก"

คนยิวคง "เครีด" กับการดำเนินไปของประวัติศาสตร์มาก แค่ข้อกล่าวหาสำคัญของนาซีว่ายิวทรยศทำให้แพ้สงครามโลกครั้งที่ ๑ ยิวก็งงแล้ว เพราะคนยิวเยอรมันก็ไปเป็นทหารรบสงคราม และอัตราทหารยิวเยอรมันที่ตายก็พอๆ กับทหารเยอรมันอื่นที่ตาย แต่ต่อมานาซีก็จับทั้งทหารผ่านศึกเก่าและครอบครัวมาฆ่าหมด ที่ค่ายเอาชฯ ยังมีห้องหนึ่งมีขาปลอมกองเป็นภูเขา เป็นชิ้นส่วนจากศพทหารพิการผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ ๑

ที่ว่าก่อนยุคนาซีนั้นความเป็นคนเยอรมันของยิวไม่ต่างจากคนเยอรมันอื่น หรือคนยิวฝรั่งเศส หรืออังกฤษไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในประเทศเหล่านั้นก็เพราะ สำหรับประเทศในยุโรปนั้นพรมแดนของชาติต่างๆ ตั้งแต่ยุคโรมันมาจนถึงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง (หรือที่จริงจนหลังสงครามเย็น) ขึ้นอยู่กับอำนาจทางการเมือง/ทหารของเจ้าหรือระบบการปกครอง ไม่ได้เป็นไปตามเชื้อชาติแต่อย่างเดียว ความเป็นคนของชาติใดจึงขึ้นกับการอยู่ภายใต้กฎหมาย ระบการปกครอง เป็นสถานภาพทางกฎหมายและการเมือง ซึ่งเป็นระบบตั้งแต่ที่โรมันนำมาใช้อย่างกว้างขวางในยุโรป เอมเปอเรอโรมันหลายคนก็เป็นคนสัญชาติโรมัน แต่ไม่ใช่เชื้อชาติโรมันที่เกิดในพื้นที่รอบกรุงโรมดั้งเดิม เอมเปอเรอหลายคนเป็นคนเกิดในสเปน หรือแม้แต่ซีเรีย  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2011, 06:25:43 PM
อย่างว่าแต่พลเมืองแต่ละเชื้อชาติที่พูดภาษาเดียวกัน คนต่างเชื้อชาติต่างภาษายังอยู่เป็นพลเมืองเต็มขั้นของประเทศยุโรปทั่วไป กองทัพของแต่ละประเทศก็มีคนชาติอื่นมาสมัครได้ถ้าต้องการและก็อยู่เป็นพลเมืองของประเทศนั้นไปเลยก็ได้ จอมพลเนย์ของนโปเลียนก็ยังเคยไปเป็นทหารรบให้ปรุสเซียน กองทหารจากแคว้นอักซาส-ลอเรน ของฝรั่งเศสก็ยังสั่งการกันด้วยภาษาเยอรมัน ฯลฯ

ดังนั้น แต่ไหนแต่ไรพอทุกประเทศมีเรื่องกันประเทศที่มีคนยิวเป็นพลเมือง ยิวเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลียน โปแลนด์ (ยิวสเปนถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ไม่งั้นก็ไล่ออกไปปี ๑๔๙๒) ก็อยู่ในกองทัพของแต่ละชาติรบกันเองไปหมด ไม่ต่างจากพลเมืองเชื้อชาติหลักของประเทศเหล่านั้น ประเพณี และศาสนาเป็นยิว ถึงจะทำให้ถูกกีดกันในสังคมบ้าง แต่ความเป็นคนชาติมาก่อน ผู้นำที่ต้องการสร้างความเป็นปึกแผ่นและระดมกำลัวของชาติมากๆ อย่างนโปเลียนก็ออกกฎหมายรับประกันสิทธิของคนทุกเชื้อชาติ-ศาสนา และสำหรับยิว นโปเลียนก็พูดว่ายิวมีประโยชน์ต่อฝรั่งเศส ส่วนในอังกฤษรัฐบาลอังกฤษก็ยืมตังค์ยิว Rothschild นี่แหละมารบจนชนะนโปเลียน


ในปลายศตวรรษที่ ๑๙ เมื่อนาย Theodor Herzl รณรงค์อุดมการณ์ไซออนนิสต์ Zionist ตามชื่อภูเชาไซออนที่เยรูซาเล็ม กลับไปตั้งรัฐยิวอิสระในดินแดนเดิมที่อาณาจักรยิวโดนโรมันตีแตก (และยิวว่าพระเจ้าให้มา) ยังมีคนยิวในยุโรปต่อต้านว่าจะให้ทำอะไรพิศดาร “ตระกูลข้าอยู่ออสเตรีย ฯลฯ มาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว พูดเยอรมันได้แค่นี้แหละ ทำไมต้องอพยพไปอยู่ที่กันดาร ไม่มีบ้านเมือง ไปหัดพูดภาษาฮิบรูอีก ฯลฯ”

ในช่วงประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ ๑ ที่เป็นตัวตั้งอ้างอิงหลักของอุดมการณ์นาซี ในออสเตรีย-ฮังการี มีหลายสิบเชื้อชาติ-ภาษา และคริสต์นิกายต่างๆ ในราชอาณาจักรเยอรมันก็มีคนยุโรปตะวันออกบอลติกอยู่มาก และคนเชื้อสายเยอรมันเองก็ไปอยู่ในประเทศอื่นทั่วไปหมด  


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 29, 2011, 06:26:59 PM
แต่เมื่อประวัติศาสตร์ดำเนินมาอย่างนี้ ในปัจจุบันยิวถึงระวังกับแนวความคิดต่อต้านเหมารวมชาติพันธุ์ของตนอย่างมาก ที่สำคัญคือยิวมีบยทเรียนว่าเมื่อเกิดอะไรก็ไม่มีใครตั้งใจช่วย เรี่องค่ายกักกันเพื่อฆ่าคนต่างๆ ทางฝ่ายสัมพันธมิตรก็รู้มาโดยตลอดว่าเยอรมันดำเนินการอยู่ อังกฤษเคยประชุมกันว่าจะทำอย่างไร? พิจารณาทางเลือกต่างๆ ว่าจะไปบอร์มชุมทางรถไฟไปยังค่าย ฯลฯ อะไรหรือไม่ แต่ช่วงแรกเห็นว่าระยะทางไกลเกินพิสัยบิน ต่อมาแนวรบร่นเข้าไปแล้ว แต่ปรากฎว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อังกฤษสรุปเหมาว่ารบชนะเยอรมันให้เสร็จก็จะจบเรื่องไปเอง

ยิวจึงต้องเฝ้าระวังดูแลคนของคนอย่างมากทั้งในและนอกประเทศ พรรคการเมือง กลุ่มสังคมใดๆ ทั่วโลกที่มีพฤติกรรรมนิยมแมงมุมดำ หรือต่อต้านยิว ยิวเฝ้าดูตลอด แม้กระมั่งเครื่องบินทุกสายการบิน ทุกเครื่องที่บินเข้า-ออก อิสราเอล หรือรู้ว่ามีคนยิวบิน เขาจะเฝ้าติดตามการเดินทางตลอด เครื่องไหน ตอนแอร์ฟรานซ์ถูกจี้ปี 1976 ที่ไปลงเอนเทบเบ้ ครม.อิสราเอล รู้เรื่องว่าผิดปกติมีเหตุตั้งแต่เครื่องลงไม่ตรงเวลาเกินไป ก่อนการแถลงการณ์ของผู้ก่อการร้ายเสียอีก




หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ กันยายน 29, 2011, 07:54:42 PM
 ;D ขอบพระคุณมากเลยครับคุณต๊อก อ่านผ่านๆแล้วความรู้เพียบครับ
เดี๋ยวจะหาเวลาอ่านต่อครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 30, 2011, 09:18:59 AM
แต่เมื่อประวัติศาสตร์ดำเนินมาอย่างนี้ ในปัจจุบันยิวถึงระวังกับแนวความคิดต่อต้านเหมารวมชาติพันธุ์ของตนอย่างมาก ที่สำคัญคือยิวมีบยทเรียนว่าเมื่อเกิดอะไรก็ไม่มีใครตั้งใจช่วย เรี่องค่ายกักกันเพื่อฆ่าคนต่างๆ ทางฝ่ายสัมพันธมิตรก็รู้มาโดยตลอดว่าเยอรมันดำเนินการอยู่ อังกฤษเคยประชุมกันว่าจะทำอย่างไร? พิจารณาทางเลือกต่างๆ ว่าจะไปบอร์มชุมทางรถไฟไปยังค่าย ฯลฯ อะไรหรือไม่ แต่ช่วงแรกเห็นว่าระยะทางไกลเกินพิสัยบิน ต่อมาแนวรบร่นเข้าไปแล้ว แต่ปรากฎว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อังกฤษสรุปเหมาว่ารบชนะเยอรมันให้เสร็จก็จะจบเรื่องไปเอง

ยิวจึงต้องเฝ้าระวังดูแลคนของคนอย่างมากทั้งในและนอกประเทศ พรรคการเมือง กลุ่มสังคมใดๆ ทั่วโลกที่มีพฤติกรรรมนิยมแมงมุมดำ หรือต่อต้านยิว ยิวเฝ้าดูตลอด แม้กระมั่งเครื่องบินทุกสายการบิน ทุกเครื่องที่บินเข้า-ออก อิสราเอล หรือรู้ว่ามีคนยิวบิน เขาจะเฝ้าติดตามการเดินทางตลอด เครื่องไหน ตอนแอร์ฟรานซ์ถูกจี้ปี 1976 ที่ไปลงเอนเทบเบ้ ครม.อิสราเอล รู้เรื่องว่าผิดปกติมีเหตุตั้งแต่เครื่องลงไม่ตรงเวลาเกินไป ก่อนการแถลงการณ์ของผู้ก่อการร้ายเสียอีก

ขออนุญาตเสริมเรื่องที่ว่ายิวดูแลคนของตัวเองอย่างจริงจังแค่ไหนด้วยหนังเรื่องนี้ครับ... http://www.imdb.com/title/tt0408306/
เป็นเรื่องของหน่วยมอคซาด ตามจัดการกับกลุ่มฆาตกรที่เคยสังหารหมู่นักกีฬาชาวยิวที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่มิวนิค เยอรมันตะวันตก(สมัยนั้น) ในปี 1972(Munich massacre http://en.wikipedia.org/wiki/Munich_massacre)...
(http://2.bp.blogspot.com/_3N0VetpYvQE/SxW381bvCfI/AAAAAAAABE4/zjBK2u2jbgI/s1600/Munich_1.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ตุลาคม 04, 2011, 09:18:46 PM
อ่านกระทู้นี้ ผมเพิ่งดู Rome 2 กับ Spatacus : God of Arena จบไปครับสนุกดี หนังค่อนข้างอิงกับประวัตศาสตร์ ครับ มีหลายอย่างที่อยากถามพี่ Don แต่ลืมไปหมดแล้วครับ
เอา เรื่องพกดาบของทหารโรมันกันก่อนครับไม่ทราบว่าทำไม ถนัดขวาถึงสะพายดาบไว้ขวามือครับ ตอนชักดาบออกจากฝักแล้วไม่เกะกะหรือครับ

ส่วน ส่วนของพี่ สมชาย เรื่องมิวนิคสนุกมากครับ ผมแนะนำหนังสือของอีตาคนนี้ครับ
http://www.danielsilvabooks.com/content/books.asp

ผมอ่านภาษาไทยจนเค้าไม่แปลต่อจนต้องหาภาษาอังกฤษมาอ่านครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 05, 2011, 05:06:36 PM
ขบวนรบของโรมันแถวชิดตารางสี่เหลี่ยม โล่ผืนผ้าถือเกือบติดกันเปิดช่องใช้อาวุธนิดหน่อย ดาบไม่ยาวมาก เขาพกข้างขวาโดยตั้งใจ เพื่อที่จะ "ชักดายในขบวนรบโดยไม่ต้องเปิดระยะแถว"

ที่ทหารโรมันต้องชักดาบหลังจากเข้าขบวนปิดระยะแล้วก็เพราะก่อนนั้นมือไม่ว่างด้วย ถือหอกซัด Pilum อยู่ เมื่อขบวนรบจะเข้าปะทะกันขะซัดหอกออกไปก่อน แล้วจึงชักดาบเข้าประชิดตัว

วิธีชักจะ "พลิกหลังมือเข้าข้างตัวจับด้าม" ดึงเหยียดแขนขึ้นตรง แล้วพลิกปลายดาบขึ้นด้านหน้าระหว่างโล่ครับ ใบดาบสั้นกว่าความยาวแขน ชักแบบนี้ได้  ถ้าพกซ้าย เวลาชักออกมาแล้วต้องพลิกขึ้นตามแนวกด้านข้าง ใบดาบจะติดแขนที่ถือโล่ จะเอาแขนอกไปข้างขวามากๆ ก็ไม่ได้เพราะจะติดคนข้างขวา ทั้งนี้พกดาบข้างขวาแบบนี้จับตรงๆ ชักขื้นแบบชักปืนพกไม่ได้เพราะระยะดึงไม่พอ

การใช้ดาบโรมันในขบวนรบจะเน้นแทงมากกว่าฟัน

ถ้าดูอุปกรณ์ของนักรบรวมๆ กัน จะเห็นว่าท่าทางต่างๆ เป็นไปเพื่อการใช้อาวุธเหล่านั้นให้สะดวก ตากรูปแบบขบวนรบ ไม่ว่าจะเปิดระยะหรือปิดระยะ

เช่น ดูภาพนักรบกรีกเดี่ยวๆ ตามแจกัน ฯลฯ เวลาวิ่ง นักรบจะยกโล่ขึ้นด้านหน้า เพื่อให้ชักดาบ หรือวิ่งได้ เพราะโล่ใหญ่ลงมาถึงแนวขา ยกขึ้นข้างหน้าก็ยังช่วยกันได้ดีกว่าพลิกออกไปข้างซ้าย เปิดด้านหน้า

ปล. คาดกันว่า สำหรับดาบแบบใดแบบหนึ่ง ดาบโรมันเป็นดาบที่ฆ่าคนมามากที่สุดในประวัติศาสตร์


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 05, 2011, 05:18:16 PM
จะออกอาการแอคชั่นก็ยกโล่เผยอขึ้นไว้ก่อน จะวิ่งจะฟุตเวิร์คยังไงจะได้ไม่ติด


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 05, 2011, 06:22:16 PM
                       ขอบพระคุณครับท่านดอน ดีใจที่ได้อ่านข้อเขียนของท่านดอนอีกหลังจากว่างเว้นมานาน  ไม่ทราบว่ากลับมาแล้วหรือโพสมาจากโน่นครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 05, 2011, 06:30:52 PM
                       ผมขอขัดจังหวะด้วยหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนิดนึงนะครับ  คือถ้าเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่สองที่มีเรื่องการลอบสังหารฮิตเลอร์(โดยนายทหารเยอรมันเอาระเบิดใส่กระเป๋าไปวางในห้องประชุม) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม นายทหารคนที่ว่านี้จะต้องมีแขนเดียวและตาเดียวทุกเรื่องไป แสดงว่านายทหารท่านนี้ตัวจริงแกมีลักษณะอย่างนี้จริงๆใช่ไหมครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 05, 2011, 08:03:30 PM
                       ผมขอขัดจังหวะด้วยหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนิดนึงนะครับ  คือถ้าเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่สองที่มีเรื่องการลอบสังหารฮิตเลอร์(โดยนายทหารเยอรมันเอาระเบิดใส่กระเป๋าไปวางในห้องประชุม) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม นายทหารคนที่ว่านี้จะต้องมีแขนเดียวและตาเดียวทุกเรื่องไป แสดงว่านายทหารท่านนี้ตัวจริงแกมีลักษณะอย่างนี้จริงๆใช่ไหมครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ

ลองดูในหัวข้อนี้หน้า 11-12, 14-15 และ 22 ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 05, 2011, 08:20:42 PM
แนะนำเรื่องเกี่ยวกับการต่อต้านฮิตเล่อร์เพิ่มเติมครับ นอกจากหนังสือที่คุยไปแล้วช่วงที่ผ่านมาผมได้มาเพิ่มอีกสองเล่ม

Bounden Duty: The Memoirs of a German Officer, 1932-1945 โดย Alexander Stahlberg

หนังสือเป็นอัตตชีวประวัติ ผู้เขียนเคยทำงานในวงนักการเมืองก่อนนาซีมีอำนาจ ปลายสงครามเป็น ทส. ฟอน มานสไตน์ ผู้เขียนเป็นทหารจากตระกูลผู้ดีเก่า เป็นญาติและเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้านฮิตเล่อร์หลายคน มีรายละเอียดการเมืองร่วมสมัย และรบ และข้อมูลวงในต่างๆ

The Secret War Against Hitler (Der Widerstand : Dissent and Resistance in the Third Reich) โดย Fabian Von Schlabrendorff

ผู้เขียนเป็นนายทหารกลุ่มผู้ต่อต้าน เป็นญาติทางการแต่งงานกับผู้แต่งเล่มแรกด้วย ช้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ตั้งแต่ก่อนสงคราม แอบไปเจรจากับอังกฤษ ฯลฯ ร่วมในการพยายามฆ่าฮิตเล่อร์ครั้งก่อนการวางระเบิด หลังการวางระเบิล 20 ก.ค. ผู้เขียนถูกจับไปขึ้นศาล แต่ระหว่างการดำเนินคดีมีระเบิดตกลงศาลผู้พิพากษานาซีตายพอดี (เล่มนี้ยังอ่านไม่จบครับ)

http://en.wikipedia.org/wiki/Fabian_von_Schlabrendorff


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 05, 2011, 08:36:42 PM
แนะนำเรื่องเกี่ยวกับการต่อต้านฮิตเล่อร์เพิ่มเติมครับ นอกจากหนังสือที่คุยไปแล้วช่วงที่ผ่านมาผมได้มาเพิ่มอีกสองเล่ม

Bounden Duty: The Memoirs of a German Officer, 1932-1945 โดย Alexander Stahlberg

หนังสือเป็นอัตตชีวประวัติ ผู้เขียนเคยทำงานในวงนักการเมืองก่อนนาซีมีอำนาจ ปลายสงครามเป็น ทส. ฟอน มานสไตน์ ผู้เขียนเป็นทหารจากตระกูลผู้ดีเก่า เป็นญาติและเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้านฮิตเล่อร์หลายคน มีรายละเอียดการเมืองร่วมสมัย และรบ และข้อมูลวงในต่างๆ

The Secret War Against Hitler (Der Widerstand : Dissent and Resistance in the Third Reich) โดย Fabian Von Schlabrendorff

ผู้เขียนเป็นนายทหารกลุ่มผู้ต่อต้าน เป็นญาติทางการแต่งงานกับผู้แต่งเล่มแรกด้วย ช้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ตั้งแต่ก่อนสงคราม แอบไปเจรจากับอังกฤษ ฯลฯ ร่วมในการพยายามฆ่าฮิตเล่อร์ครั้งก่อนการวางระเบิด หลังการวางระเบิล 20 ก.ค. ผู้เขียนถูกจับไปขึ้นศาล แต่ระหว่างการดำเนินคดีมีระเบิดตกลงศาลผู้พิพากษานาซีตายพอดี (เล่มนี้ยังอ่านไม่จบครับ)

http://en.wikipedia.org/wiki/Fabian_von_Schlabrendorff

ระเบิด จากสัมพันธมิตร เหมือนมาจากสวรรค์ เพื่อพิพากษา ผู้พิพากษานาซี.  . ..  + แต้มให้แล้ว ครับ คุณต๊๊อก.  :D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity_TheOne ที่ ตุลาคม 05, 2011, 09:40:04 PM
ขอเข้ามาตามอ่านด้วยคน
+ 1 ให้เจ้าของกระทู้ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ ตุลาคม 05, 2011, 09:51:19 PM
Band of brather  ...เขาบอกว่าของขาดตลาด...( ไม่รู้ว่าจริงอะเปล่า )


ชอบครับ เรื่องนี้ และอีกหลาย ดูเยอะมาก bit ผม โหลดแต่หนังสงคราม ไม่เคยคือ ตลก เดี่ยวนี่ โน๊ต แฟนนั่งคำกลิ้งทุกครั้งที่ดู แต่ผม เฉยๆ เขา บอก ตูนั่งดูกับตอไม้หรือนี่


555555


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ตุลาคม 06, 2011, 08:45:22 AM
+ ครับพี่


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ ตุลาคม 06, 2011, 11:42:25 AM
+1คุณต๊อก


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 06, 2011, 02:37:13 PM
                       ผมขอขัดจังหวะด้วยหนังสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนิดนึงนะครับ  คือถ้าเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่สองที่มีเรื่องการลอบสังหารฮิตเลอร์(โดยนายทหารเยอรมันเอาระเบิดใส่กระเป๋าไปวางในห้องประชุม) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม นายทหารคนที่ว่านี้จะต้องมีแขนเดียวและตาเดียวทุกเรื่องไป แสดงว่านายทหารท่านนี้ตัวจริงแกมีลักษณะอย่างนี้จริงๆใช่ไหมครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ

ลองดูในหัวข้อนี้หน้า 11-12, 14-15 และ 22 ครับ
          ขอบพระคุณครับท่านดอน  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 06, 2011, 09:00:11 PM
ครับพี่โร้ด 8)

ขอบวกคืนทุกท่านครับ :)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity_TheOne ที่ ตุลาคม 07, 2011, 04:23:58 PM

สวัสดีครับคุณ Don Quixote และเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้ทุกท่านครับ

ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ช่วยวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่่อง Public Enemies เข้าฉายเมื่อปี 2009 ที่นำแสดงโดย Johnny Depp ด้วยครับ ผมดูหลายรอบมาก ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ และกำลังหาหนังสือเรื่องนี้มาอ่านและเก็บไว้คู่กับแผ่น DVD ขอขอบคุณล่วงหน้าทุกๆท่านครับ



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 07, 2011, 04:42:52 PM

สวัสดีครับคุณ Don Quixote และเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้ทุกท่านครับ

ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ช่วยวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่่อง Public Enemies เข้าฉายเมื่อปี 2009 ที่นำแสดงโดย Johnny Depp ด้วยครับ ผมดูหลายรอบมาก ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ และกำลังหาหนังสือเรื่องนี้มาอ่านและเก็บไว้คู่กับแผ่น DVD ขอขอบคุณล่วงหน้าทุกๆท่านครับ

กระทู้นี้ไงครับ... http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=78069.0

คุยกันสนุกสนานมาก... เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ ตุลาคม 07, 2011, 04:48:44 PM
เดี๋ยวผมหามาดูก่อนนะครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity_TheOne ที่ ตุลาคม 07, 2011, 05:05:09 PM

สวัสดีครับคุณ Don Quixote และเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้ทุกท่านครับ

ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ช่วยวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่่อง Public Enemies เข้าฉายเมื่อปี 2009 ที่นำแสดงโดย Johnny Depp ด้วยครับ ผมดูหลายรอบมาก ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ และกำลังหาหนังสือเรื่องนี้มาอ่านและเก็บไว้คู่กับแผ่น DVD ขอขอบคุณล่วงหน้าทุกๆท่านครับ

กระทู้นี้ไงครับ... http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=78069.0

คุยกันสนุกสนานมาก... เย้...

ขอบคุณ ท่านสมชายมากครับ ขออนุญาติ +1


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: octo.17 ที่ ตุลาคม 07, 2011, 07:54:09 PM
 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 08, 2011, 02:56:03 PM
                           ขอบคุณท่านสมชายมากครับ ผมเพิ่งดูทางเคเบิลทีวีไปเมื่อเร็วๆนี้ มาอ่านกระทู้จึงเข้าใจเพิ่มมากขึ้น เดี๋ยวต้องไปดูซ้ำอีกที(พี่ชายอัดไว้ครับ)   ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 08, 2011, 08:19:06 PM
                           ขอบคุณท่านสมชายมากครับ ผมเพิ่งดูทางเคเบิลทีวีไปเมื่อเร็วๆนี้ มาอ่านกระทู้จึงเข้าใจเพิ่มมากขึ้น เดี๋ยวต้องไปดูซ้ำอีกที(พี่ชายอัดไว้ครับ)   ::014::

เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 08, 2011, 08:22:03 PM

สวัสดีครับคุณ Don Quixote และเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้ทุกท่านครับ

ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ช่วยวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่่อง Public Enemies เข้าฉายเมื่อปี 2009 ที่นำแสดงโดย Johnny Depp ด้วยครับ ผมดูหลายรอบมาก ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ และกำลังหาหนังสือเรื่องนี้มาอ่านและเก็บไว้คู่กับแผ่น DVD ขอขอบคุณล่วงหน้าทุกๆท่านครับ

กระทู้นี้ไงครับ... http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=78069.0

คุยกันสนุกสนานมาก... เย้...

ขอบคุณ ท่านสมชายมากครับ ขออนุญาติ +1


+ คะแนนที่ 50 ทอนแล้วครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ ตุลาคม 09, 2011, 11:35:53 AM
                      เคเบิลทีวี กำลังฉาย Public Enemies อยู่พอดีเลยครับ (11.30 น.) ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ พฤศจิกายน 05, 2011, 07:40:26 AM
http://www.youtube.com/watch?v=g2DBJB9o5Yc&feature=related



หนังเรื่องนี้เรื่องอะไร ใครทราบบ้างครับ  (ขออณุญาตขุดกระทู้)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity_TheOne ที่ พฤศจิกายน 05, 2011, 07:52:21 AM
http://www.youtube.com/watch?v=g2DBJB9o5Yc&feature=related


     ขออนุญาติร่วมขุดด้วยคนครับ เรื่องนี้ท่าทางจะน่าดู รบกวนท่านผู้รู้ครับผม



หนังเรื่องนี้เรื่องอะไร ใครทราบบ้างครับ  (ขออณุญาตขุดกระทู้)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 06, 2011, 12:50:03 AM
เรื่องนี้ก็น่าดูครับ
http://www.series4fun.com/images/1275919016.jpg

http://www.antoniogenna.net/doppiaggio/telefilm/overthere.jpg


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ พฤศจิกายน 06, 2011, 08:28:42 AM
เรื่องนี้ก็น่าดูครับ
http://www.series4fun.com/images/1275919016.jpg

http://www.antoniogenna.net/doppiaggio/telefilm/overthere.jpg

เรื่องแรกเคยดูแล้วครับ สนุกมาก ;D
เรื่องสองยังไม่ได้ดูครับ แฮะๆ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: youngnoi7474 ที่ พฤศจิกายน 06, 2011, 12:51:52 PM
                         พลเอกบัญชร ชวาลศิลป์ มีคอลัมน์ประจำของท่านเกี่ยวกับเรื่องภาพยนต์และประวัติศาสตร์การสงคราม ลงในเนชั่นสุดสัปดาห์ (ไม่ทราบว่ามีใครโพสไว้บ้างหรือยัง) น่าอ่านมากครับ ผมเห็นว่าเกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้จึงเรียนแนะนำมา (ผมสงสัยจังว่าท่านอยู่ในเวปนี้หรือเปล่าครับ) ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: PI_MAI ที่ พฤศจิกายน 06, 2011, 05:10:30 PM
เข้ามาอ่านกระทู้นี้สองวันเต็มช่วงอพยพรอนำ้ลดอยู่ สนุกมากๆ และถูกใจหลายเรื่อง แง่มุมหนังสงครามที่ชอบมีหลากหลายกว่าที่คิด
ทำให้เห็นคุณค่าของเว็บนี้ขึ้นมากๆๆ แต่ก่อนดูแค่กิจกรรมการแข่งขัน เพิ่งเปิดกว้างดูกระทู้อื่น มีประโยชน์และสาระมากจริงๆ
..อ่านแล้วนึกถึงอดีต คงไม่ใช่ภาพยนต์สงคราม แต่เป็นสงครามย่อยๆ ที่สอดคล้องกับชีวิตจริงตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหารเพราะว่าเป็นเรื่องของนักเรียนเตรียมทหารในอเมริกา เป็นแง่มุมของการต่อสู้เพื่อสถาบันที่ตัวเองรัก..
 เรื่องThe Trap สมัยเป็น VDO ม้วนๆ ดูแล้วยังจดจำฉากต่างๆได้จนทุกวันนี้ ตอนนั้นโรงเรียนเตรียมทหารของไทยก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พอดี เมื่อปี 2524-2525
ดาราที่เล่นเป็นวัยรุ่น ตัวประกอบหลายคนกลายมาเป็นดาราดังเช่นTom Cruise กับ Sean Penn ...
...หลังจากได้รับข่าวร้ายในวันสวนสนามว่าโรงเรียนเตรียมทหารของพวกเขากำลังจะถูกเวนคืนและยุบไป การต่อสู้แบบเด็กๆ ที่บูชาปูมหลังและเกียรติยศของสถาบันก็เกิดขึ้น พระเอกคือหัวหน้านักเรียนซึ่งเป็นลูกชายของจ่าทหารที่ยกกองกำลังมาหยุดยั้งความรุนแรง ในเรื่องจะเล่าให้เห็นการต่อสํู้ที่มีแต่ความกล้าหาญบ้าบิ่นแต่อ่อนประสบการณ์ การจัดเวรยาม การบำรุงขวัญนักเรียนรุ่นน้องที่หวาดกลัว มีฉากเอาพ่อแม่มาเจรจาให้เลิกต่อสู้ มีฉากที่น้องเกิดอุบัติเหตุตาย นักเรียนอาวุโสบางคนบ้าพลัง ยิงต่อสู้แบบไร้ประสบการณ์ รู้สึกว่าจะเล่นโดย Tom Cruise สุดท้ายหัวหน้านักเรียนไม่เชื่อคำเตือนของพ่อที่ตำหนิการวางกำลังป้องกันและความไม่สำนึกรับผิดชอบต่อชีวิตลูกน้อง สุดท้ายก็จบแบบน่าเศร้า..พระเอกตาย.สมัยนั้นเห็นพี่เล่าว่าหนังเรื่องนี้ห้ามฉายในโรงภาพยนต์ จะมีแต่ม้วนผี.เพราะกลัวนักเรียนเตรียมทหารไทยเรียนแบบ สุดท้ายทุกวันนี้ผมผ่านไปพระรามสี่ทีไรนึกถึงแต่ VDO เรื่องนี้ทุกที


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 06, 2011, 11:05:46 PM
มีคำถามครับ
Attila อัลติลา เดอะฮั่น  เป็นฝรั่งหรือเอเชียครับ เป็นชื่อเดียวกับชาวฮั่นในจีนหรือเปล่าครับพี่ Don


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 07, 2011, 12:19:54 AM
มีคำถามครับ
Attila อัลติลา เดอะฮั่น  เป็นฝรั่งหรือเอเชียครับ เป็นชื่อเดียวกับชาวฮั่นในจีนหรือเปล่าครับพี่ Don

ฮั่น  หมายถึง พวก ฮังการี ครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 01:00:28 AM
ดูหนัง อ่านกระทู้แล้วมีคำถามทำไม่ กองทัพสหรัฐ เปลี่ยนปืนกลมือทอมพ์สัน
รุ่นนี้
http://www.kingsoforganizedcrimes.com/wp-content/uploads/ka-ag-65.jpg
มาเป็นรุ่นนี้
http://mpmuseum.org/ww2equipment/ww2weapons/1928a1_1.jpg
เห็นในหนังนะครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 08:31:40 AM
http://www.youtube.com/watch?v=g2DBJB9o5Yc&feature=related



หนังเรื่องนี้เรื่องอะไร ใครทราบบ้างครับ  (ขออณุญาตขุดกระทู้)

ผมลองดูจากคอมเม้นต์ในเวป ได้ความว่า " Снайпер: Оружие возмездия 2009 "
แล้วถามอากู๋ ได้รูปมาแล้วครับ ให้ผมเดาน่าจะชื่อเรื่อง " Sniper" ครับ



หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 08:32:54 AM
 :VOV:


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 10:39:58 AM
ดูหนัง อ่านกระทู้แล้วมีคำถามทำไม่ กองทัพสหรัฐ เปลี่ยนปืนกลมือทอมพ์สัน
รุ่นนี้
(http://www.kingsoforganizedcrimes.com/wp-content/uploads/ka-ag-65.jpg)
มาเป็นรุ่นนี้
(http://mpmuseum.org/ww2equipment/ww2weapons/1928a1_1.jpg)
เห็นในหนังนะครับ

เอ... ผมว่าในรูปมันสลับกันนิดหนึ่งนะครับ

ตัวที่มีด้ามจับด้านหน้าจะต้องขึ้นลำด้านบน

ส่วนตัวที่กระโจมปกติ จะขึ้นลำด้านข้างครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity_TheOne ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 10:41:13 AM
     

       คุณ พ่อน้องนะโมครับ พอจะบอกแหล่งที่ซื้อได้มั้ยครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 02:16:29 PM
http://www.youtube.com/watch?v=g2DBJB9o5Yc&feature=related



หนังเรื่องนี้เรื่องอะไร ใครทราบบ้างครับ  (ขออณุญาตขุดกระทู้)

ผมลองดูจากคอมเม้นต์ในเวป ได้ความว่า " Снайпер: Оружие возмездия 2009 "
แล้วถามอากู๋ ได้รูปมาแล้วครับ ให้ผมเดาน่าจะชื่อเรื่อง " Sniper" ครับ



ผมหาดูเหมือนกันแต่รอดสายตาไปได้  ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 10, 2011, 08:49:17 PM
ขอบคุณมากครับพี่ Nick357 และทุกท่านที่หาข้อมูล/คุยกัน 

..เรื่องนี้ดูถ่ายทำดี อาการทหารถูกกระสุนไม่เว่อร์


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ พฤศจิกายน 11, 2011, 06:04:29 AM
หนังRussianเรื่องนี้น่าดูมากถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง... อยากดูๆๆ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ พฤศจิกายน 11, 2011, 10:26:38 AM
ขออนุญาตมาติดตามด้วยครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ พฤศจิกายน 11, 2011, 04:56:15 PM
ดูหนัง อ่านกระทู้แล้วมีคำถามทำไม่ กองทัพสหรัฐ เปลี่ยนปืนกลมือทอมพ์สัน
รุ่นนี้
http://www.kingsoforganizedcrimes.com/wp-content/uploads/ka-ag-65.jpg
มาเป็นรุ่นนี้
http://mpmuseum.org/ww2equipment/ww2weapons/1928a1_1.jpg
เห็นในหนังนะครับ
ปืนกลมือทอมป์สันรุ่นที่มีด้ามปืนหน้าคือรุ่น M1928 มีต้นทุนและใช้เวลาในการผลิตสูงมากครับ กระบอกนึงตกประมาณ 200 กว่าดอลลาร์ ในขณะที่ปืนกลมือ Sten ของอังกฤษราคาถูกกว่าเยอะ แถมผลิตได้รวดเร็วกว่า ส่วนความแม่นยำก็ใช้ได้ในการสู้รบ

กองทัพสหรัฐฯเลยมีคำสั่งให้โรงงานผลิตหาทางลดต้นทุนการผลิตและใช้เวลาในการผลิตให้น้อยที่สุด ตอนหลังจึงออกมาเป็นรุ่น M1928A1 และรุ่น M1 ซึ่งก็ยังมีราคาแพงกว่าปืนกลมือ Sten อยู่ดี แม้แต่รุ่นสุดท้ายอย่าง M1A1 ก็ตาม จนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนไปผลิตปืนกลมือ M3 Grease Gun แทนเพราะต้นทุนถูกกว่าและผลิตได้เร็วกว่าด้วยครับ  ::014::

Thompson M1928
(http://world.guns.ru/userfiles/images/smg/smg29/tommy_m1928.jpg)

Thompson M1928A1
(http://world.guns.ru/userfiles/images/smg/smg29/tommy_m1928a1.jpg)

Thompson M1
(http://world.guns.ru/userfiles/images/smg/smg29/tommy_m1.jpg)

Thompson M1A1
(http://world.guns.ru/userfiles/images/smg/smg29/tommy_m1a1.jpg)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 05:10:33 AM
มีคำถามครับ
Attila อัลติลา เดอะฮั่น  เป็นฝรั่งหรือเอเชียครับ เป็นชื่อเดียวกับชาวฮั่นในจีนหรือเปล่าครับพี่ Don

ขอคุยประเด็นหลังก่อนนะครับ ว่าฮั่นของอัลติลา กับฮั่นเชื้อชาติหลักของจีนนั้น ไม่ใช่พวกเดียวกัน ภาษาอังกฤษเขียนฮั่นอัลติลาว่า Hun ส่วนฮั่นจีนเขียนว่า Han ที่จริงเรื่องคำสะกดภาษาอังกฤษนี้ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับความเป็นตัวตนของคนสองกลุ่มนี้ แต่เผื่อว่าจะไปหาเพิ่มเติมนะครับ ส่วน ๒ ฮั่นในภาษาไทยจะใกล้ไกลกันแค่ไหนเดี๋ยวคุยกันต่อไป

พวกฮั่นของอัลติลา (Hun) โผล่ขึ้นมาที่ยุโรปตะวันออก-ทะเลดำและอาละวาดวุ่นวายหนักๆ ต้น ศตวรรษที่ ๕ ซึ่งเป็นปัจจับสำคัฯส่วนหนึ้่งที่ทำให้อาณาจักรโรมันตะวันตก ที่กรุงโรม เสื่อมอำนาจลงอย่างมากจนกระทั่งถูกพวกวิสิโกธทำลาย ตีเมืองแตก (ครั้งสุดท้าย) ในปี ๔๗๖ ล้มเลิกจักรพรรดิโรมัน กรุงโรมที่เคยมีประชากรถึง ๑.๕ ล้าน เสื่อมลงจนเหลือไม่กี่หมื่น ซึ่งในการรบกับอัลติลาโรมันใช้กองทัพของตนซึ่งเป็นทหารโรรมันจากหลายเชื้อชาติ และชาติชนเผ่าเยอรมันพันธมิตรต่างๆ สู้กับฮั่น

นักวิชาการบางสายเสนอว่าพวกฮั่นสืบเชื้อสายมาจากเผ่าที่อยู่ทางเหนือของมองโกเลียที่เริ่มอพยพไปทางตะวันตกประมาณ ค.ศ. ๑ ในที่สุดก็ไปถึงยุโรปตะวันออกดังกล่าว บ้างก็ว่าเป็นพวกชนเผ่าเอเซียกลางติดกับยุโรปในแถบทะเลดำ บ้างก็ว่าเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับพวกเติร์กด้วย

จากรูปในเหรียญ ฯลฯ ร่วมสมัยที่ทำในลักษณะรูปบุคคลเหมือนจริง อัลติลาหน้าตาไม่เหมือนฝรั่งยุโรปทั้งเหนือและใต้แน่นอน และก็ไม่เหมือนจีนตะวันออกไกลด้วย เรียกว่าเป็นแบบหน้ายุโรปตะวันออกจมูกงุ้ม ตาไม่โตอย่างฝรั่ง

บันทึกร่วมสมัยบรรยายหน้าตาฮั่นทั่วไปดูมีรูปร่างแบบเอเซียยมากกว่าฝรั่งยุโรปตะวันตกปัจจุบัน คือขาสั้น หน้าแบน

รวมๆ แล้วก็ดูเหมือนคนเอเซียกลางที่มีส่วนผสมของฝรั่งน้อยกว่าเอเซีย

... หลังยุคอาณาจักรของอัลติลาแตก พวกชนเผ่าเยอรมัน และยุโรปกลางต่างๆ ก็มาเป็นใหญ่ในพื้นที่ ชื่อฮังการีซึ่งเป็นแค่บางส่วนของอาณาจักรของอัลติลามีมาหลังยุคฮั่นอัลติลา นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่ามาจากฮั่น อัลติลานั่นแหละ แต่บางแหล่งข้อมูลก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ อ้างรากศัพท์ของพวกที่อยู่ในพื้นที่นั้น หลังยุคของอัลติลา (ซึ่งที่จริงก็สืบมาจากพวกฮั่นมากพอควร)

... ...คำว่า Hun ที่อังกฤษใช้เรียกดูถูกเยอรมันตอนสงครามโลกครั้งที่ ๑ และ ๒ นั้นมาจากคำกล่าวของไกเซอร์วิลเฮลม์ที่ ๒ ในปี ๑๙๐๐ กล่าวปลุกในทหารที่จะส่งไปปราบพวก Boxer ในเมืองจีน ตอนนั้นเอกอัครราชทูตเยอรมันถูกรุมฆ่าตายกลางถนน ไกเซอร์โกรธมากกล่าวมีใจความว่า "ต้องไปปราบพวกนี้ให้ราบคาบ ให้พวกมันกลัวในขั้นหัวใจเหมือนอย่างที่พวกฮั่น (อัลติลา) ทำให้ศัตรูหวาดกลังมาก่อน...ฯลฯ" ชาติอื่นที่เป็นคู่ปรับเยอรมันก็ล้อกันเรียกว่า Hun speech และเอามาเรียกทหารเยอรมัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 05:57:18 AM
ดูรวมๆ แล้ว พวกยุโรปรบกับชนชาติใกล้เคียงอื่นๆ ไม่ค่อยชนะครับ สูสี ค่อนข้างเสียท่ามากกว่า แต่พอเอาคืนได้ ขอบเขตของอาณาจักรโรมันคือขอบเขตถาวรของฝรั่งที่ใหญ่ที่สุด อัฟริกาเหนือทั้งหมดโมร๊อคโคถึงอียิปต์ ตะวันออกกลางไปลึกเกินปาเลสไตน์ สมัยนั้นโรมันเรียกตะวันออกกลางอื่นๆ รวมกันว่าซีเรีย คือยุคตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑ - กลางศตวรรษที่ ๕ หลังจากนั้นพื้นที่ของฝรั่งยุโรปไม่ว่าจะโรมัน หรือชนชาติใดก็หดลงไป

ก่อนหน้านั้นฝรั่งมีออกไปไกลๆได้ก็อเล็กซานเดอร์ เดอะ เกรท ๓๐๐ ปีก่อน ค.ศ. แต่ไม่ได้แค่รบตีเมืองแค่ในช่วงเวลาของคนอายุสั้นอย่างอเล็กซานเดอร์ ถึงไปสร้างเมืองอะไรก็ถูกวัฒนธรรมในพื้นที่กลืนหมด เช่น แม่ทัพที่ไปครองอียิปต์ก็ทำตัวเป็นฟาโรห์อียิปต์โบราณไป เรียกว่าฝรั่งเสียท่าบ่อยๆ แต่พอดีเอาตัวรอดคืนมาได้บ้าง

...ศตวรรศที่ ๕ ฮั่นอัลติลามาตียุโรปดังกล่าว ตีไปถึงแม่น้ำไรน์แน่ะครับ เมืองแตกไปแยะ กรุงโรมถึงไม่แตกเองก็ต้องส่งส่วยวุ่นวาย

...ต่อมาเกิดศาสนาอิสลาม ชนตะวันออกกลาง และพวกเติร์กมีอำนาจขึ้นมา ทางบกตีไปตามชายฝั่งอัฟริกาเหนือ ข้ามมาตีสเปนปี ๗๑๑ ทะลุไปถึงฝรั่งเศสนิดหน่อย อยู่ ๒-๓ ร้อยปีฝรั่งถึงไล่ลงไปอยู่แค่ทางใต้ของสเปนได้ กว่าฝรั่งจะไล่ออกไปได้หมดจริงๆ ก็ปี ๑๔๙๒ แต่มุสลิมก็ยึดครองพื้นที่อัฟริกาเหนือทั้งหมดต่อมา

ส่วนทางยุโรป ปลายศตวรรษที่ ๑๑ - ศตวรรษที่ ๑๓ ฝรั่งไปรบครูเสด ตีเมืองมุสลิมในปาเลสไตน์ (ปาเลสไตน์เป็นศัพท์ของโรมันเรียกพื้นที่นั้น) ได้หลายเมือง แต่เรียกว่าก้ำกึ่งเพราะมุสลิมก็ยังไม่พื้นที่เมืองมากกว่า และที่จริงการไปรบครูเสดไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ในทางปฏิบัติแบบที่โฆษณากัน ไปปล้นทรัพย์ต่างชาติซะมาก ระหว่างทางก็ตีเมืองคริสต์ด้วยนกันเองมากกว่าไปตีเมืองมุสลิม พอไปอยู่ในปาเลสไตน์ก็ทำตัวเป็นขุนศึกท้องถิ่น เข้าพวกกับมุสลิมบ้าง รบกับคริสต์กันเองบ้าง ที่รบๆ กัน หลายครั้งข้างหนึ่งมีทั้งคริสต์และมีมุสลิมที่เป็นพวกกัน รบกับอีกข้างที่มีทั้งคริสต์และมุสลิมเหมือนกัน

พอฝรั่งหมดแรงมุลสิมก็ตีรุกเข้ายุโรปแทน ยึดพื้นที่ตุรกีได้หมด ตีคอนสแตนติโนเปิล (อิสตันบูล) แตกปี ๑๔๕๓ ตีไล่ฝรั่งเข้าไปถึงล้องกรุงเวียนนาได้ กว่าจะถูกรุกกลับไปอยู่แค่ในตุรกีกับยุโรปตะวันตกตอนใต้ ทางทะเลก็ยังแย่งเขตอิทธิพลในเมดิเตอณ์เรเนียนถึงต้นศตวรรษที่ ๑๖ รบแพ้กองเรือผสมของฝรั่งที่ Lepinto มุสลิมถึงเสียอำนาจทางทะเลไป

...ฝรั่งมาแรงดีรบชนะชนชาติอื่นได้ทั่วโลกก็เพราะชอบใช้อาวุธจุดดินปืนในท่อยิงกระสุนออกไปนี่แหละครับ ชาติอื่นก็มีดินปืน ใช้กันเป็นเหมือนกันแต่ไม่นำมาใช้แพร่หลาย อย่างจีนก็ที่รู้กันอยู่ว่าดินปืนนั้นเป็นของเล่นมานาน ทำเป็นอาวุธหรือปืนก็พอมีแต่ไม่ชอบใช้กัน สำหรับญี่ปุ่นก็มีการติดต่อและใช้/ผลิตปืนคาบชุด (Flintlock) อย่างแพร่หลายมาก ในปี ๑๖๐๐ การรบที่เซกิกาฮ่าร่า กองทัพญี่ปุ่นที่รบกันแต่ละฝ่ายใหญ่เท่ากองทัพยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น (สเปน) ด้วยซ้ำ ใช้ปืนคาบชุดกันหลายหมื่นกระบอก ไม่ด้วยไปกว่ากองทัพฝรั่ง แต่พอโตกูกาว่ารบชนะตั้งตนเป็นโชกุนก็สั่ง "แบนปืน" และปิดประเทศ ถ้าพัฒนาญี่ปุ่นต่อไป รวมทั้งพัฒนาระบบเรือใบข้ามทวีปปืนใหญ่ดก อย่างฝรั่ง ประวัติศาสตร์โลกคงเปลี่ยนไปมาก

... ...เลยขอคุยเพื่อมเติมว่า ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ยุโรปพัฒนาเรือใบ ข้ามทวีป และพยายามล่องทะเลออกไปหาเอเซียทาง ตต. จนเจอเมกาแทนนั้น ก็เพราะมุสลิมยึดเส้นทางบกไป ตอ. ไว้เด็ดขาดเรียบร้อยแล้ว ฝรั่งไม่สามารถค้าขายสายไหม สายสปาเก็ตตี้ (อย่างที่เขาว่า มาร์โค โปโล เอาแป้งเส้นจากเมืองจีนไปอิตาลี) หรือสายอะไรกับทาง ตอ. เองได้โดยตรง

ฝรั่งเลยต้องกระเสือกกระสนออกทะเล แต่ละชาติก็แข่งกันสร้างกองทัพ สร้างเมืองท่า สร้างเรือใบใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เรือธง ซานตา มาเรีย ของโคลัมบัสที่ไปค้นพบเมกาในปี ๑๔๙๒ (ปีเดียวกันที่สเปนตีกรานาดา เมืองสุดท้ายของมุสลิมในสเปนแตก) มีระวางขัยน้ำแต่ ๑๕๐ ตัน ไปๆ มาๆ เรือใบฝรั่งใหญ่โตขึ้นมาก เรือ วิคตอรี่ เรื่อใบไม้ ๓ เสา เรือธงของเนลสันสร้างปลายศตวรรษที่ ๑๘ มีระวางขับน้ำ ๓,๕๐๐ ตัน ซึ่งก็ไปๆ มาๆ อีก ฝรั่งยุโรปก็มีอำนาจทางทหารไปข่มหมู ยึดครองชนชาติอื่นได้ทั่วโลกอย่างที่รู้ๆ กัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 06:24:22 AM
...เรื่องหนึ่งที่เป็นข้อด้วยของกองทัพยุโรป ในช่วงศตวรรษที่ ๕ คือ ทหารม้ายุโรปขี่ม้าโดยใช้บังเหียน กับอาน"ที่ไม่มีโกลน" (Stirrup) ส่วนทางเอเซียศตวรรษที่ ๔-๕ จีนใช้โกลนกันแพร่หลายแล้ว

...และพวกฮั่นอัลติลาก็ใช้โกลนในการขี่ม้า จึงบังคับม้าได้ดีกว่า ใช้ขา และเท้าในโลกบังคับม้าได้เต็มที่โดยไม่ต้องใช้มือเลย ยืนบนโลกเอี้ยวตัวได้ ควบม้าได้ถนัดกว่า ทำให้ใช้อาวุธได้ถนัดกว่า ส่วนทหารม้ายุโรปขี่ม้าโดยไม่ใช้โกลน ต้องใช้ขาหนีบตัวม้าไว้โดยไม่มีโกลนให้ทิ้ง นน. ยืนก็ไม่ได้ ก้านต้องติด หรือเด้งไปเด้งมาบนอานม้าตลอดเวลา

...กว่าฝรั่งยุโรปใช้โกลนกันแพร่หลายก็ต้นศตวรรษที่ ๗ โดยรับมาจากพวกที่มารุกรานจาก ตอ. นี่ละครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 10:19:47 AM
3 Post ข้างบนนี้เอาแค่เรื่องฮั่น, เรื่องสงครามที่เคยถูกอ้างว่าเพื่อปกป้องศาสนา(คริสต์ - ทำให้ท่านเคาน์แดร็กฯ กลายเป็นผีดิบฯ), และเรื่องวิวัฒนาการของการบังคับม้าฯ... นายสมชายมีประเด็นค้นโน่นนี่อ่านได้หลายวันเลยครับ(ช่วงนั่งเฝ้าหุ้นไม่กล้าลุกออกจากหน้าจอไปไหนต่อไหน)...

ขอบคุณคุณต๊อกเสมอครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 12:58:32 PM
โดยรวมๆแล้ว พวก มองโกลพิชิตดินแดนได้เยอะกว่า ฝรั่งนะครับ แต่ต่อมาก็ยังแพ้อังกฤษ

ดูสารคดีของ BBC แล้วผมเห็น การยุบกองของทหารโรมัน โดยการเลือกทหารในกอง แล้วนำมามัดให้ทหารเอาค้อนทุบหลัง ถามการยุบกองทหารโรมันมีการประหารแบบอื่นอีกหรือไม่ครับ

ปล ไม่บวกคะแนนนะครับ คะแนนสวยอยู่แล้วครับพี่ Don ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 03:43:31 PM
3 Post ข้างบนนี้เอาแค่เรื่องฮั่น, เรื่องสงครามที่เคยถูกอ้างว่าเพื่อปกป้องศาสนา(คริสต์ - ทำให้ท่านเคาน์แดร็กฯ กลายเป็นผีดิบฯ), และเรื่องวิวัฒนาการของการบังคับม้าฯ... นายสมชายมีประเด็นค้นโน่นนี่อ่านได้หลายวันเลยครับ(ช่วงนั่งเฝ้าหุ้นไม่กล้าลุกออกจากหน้าจอไปไหนต่อไหน)...

ขอบคุณคุณต๊อกเสมอครับ... เย้...

ยินดีครับพี่สมชาย ขอบวกให้ครับ ...แล้วเรื่องคุมปืนของญี่ปุ่นด้วยครับ

...เรื่อช่วงมุสลิมยุโรป ท่านแดรกฯ เนี่ย บางสายเขาก็ว่ากันว่าขนมปังครัวซองค์เริ่มจากที่เวียนนาเพราะคนออสเตรียเอาแป้งมาปั้นเป็นอบขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยวกินด้วยความแค้น แต่บางสายก็ว่ามาจากฝรั่งเศส ไม่รู้เชืออะไรดี แต่ผมว่าฝรั่งเศสทำอร่อยที่สุด อิ อิ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 04:00:13 PM
โดยรวมๆแล้ว พวก มองโกลพิชิตดินแดนได้เยอะกว่า ฝรั่งนะครับ แต่ต่อมาก็ยังแพ้อังกฤษ

ดูสารคดีของ BBC แล้วผมเห็น การยุบกองของทหารโรมัน โดยการเลือกทหารในกอง แล้วนำมามัดให้ทหารเอาค้อนทุบหลัง ถามการยุบกองทหารโรมันมีการประหารแบบอื่นอีกหรือไม่ครับ

ปล ไม่บวกคะแนนนะครับ คะแนนสวยอยู่แล้วครับพี่ Don ขอบคุณครับ

ครับ แต่ยังไงอาณาจักรมองโลกขนาดยักษ์ก็เจ๊งกระบ๊งไปเองก่อนยุคฝรั่งยิ่งใหญ่ เพราะมองโกลนั้นรบเก่ง เป็นนักรบไม่ใช่นักปกครอง/บริหาร ตีบ้านเมืองอยู่ใต้อำนาจได้ เพื่อเอาทรัพย์ ใช้กำลังบังคับผู้แพ้ไว้ ไม่ได้วางระบบการปกครองของตัวต่อเนื่องด้วยระบบราชการรวมศูนย์อย่างโรมัน อยู่ได้ด้วยเฉพาะตัวบุคคลของผู้นำที่เข้มแข็งเป็นพิเศษ เมื่อหมดบุคคลระดับนั้นก็ล่มไป ใหญ่เต็มที่คุมคนอื่นได้อยู่ ๒-๓ ร้อยปีก็เริ่มแตกเป็นการปกครองของขุนศึกท้องถิ่น คนพื้นเมืองแข็งข้อได้ และมีจำนวนมากที่ถูกวัฒนธรรมท้องถิ่นกลืนไป ที่มาตีเมืองจีนได้ก็ใช้ระบบแบบจีนๆ ไม่ได้นำของตนเองมาปฏิรูปปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยยะ ส่วนพวกมองโลกที่อยู่แถบๆ เอเซียกลางทะเลดำ/ทะเลสาบแคสเปี้ยน ไม่รับวัฒนธรรมกลายเป็นมุสลิม ปนกับเปอร์เซีย ฯลฯ แต่ก็ยังมีกำลังอยู่ในที่สุดกลายมาเป็นราชวงศ์ "โมกุล" ครองอินเดีย

ของโรมัน มีหลายรูปแบบแล้วแต่ใจแม่ทัพละครับ แต่จะไม่ฆ่าทหารแบบเดียวกับที่ฆ่าอาชญากรตรึงไม้กางเขน สำหรับการฆ่าตัวตายการตายอย่างสมเกียรติของโรมันเรียกว่า ล้มทับดาบ ก็คือแทงตัวตาย (กรีกก็ทำ) หรือเชือดคอตัวเองก็มีครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 04:16:43 PM
เคยคุยไปแล้ว แสำหรับจำนวนกำลังพลของกองทัพอัลติลานั้น นักประวัติศาสตร์การทหาร Sir John Keegan เสนอว่าจำนวนไม่ได้มากมายล้นขอบฟ้าอย่างที่ชอบเชื่อกัน โดยเขาคำนวนจากนำนวนม้าในกองทัพที่นักรบ ๑ คนต้องใช้ ทั้งม้าขี่สำรอง ม้าบรรทุกของ ม้าของคนที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ของชนชาวทุ่ง เขาว่าต้องมีม้า ๑๐ ตัว ต่อนักรบ ๑ คน และคำนวนพื้นที่ทุ่งหญ้าในพื้นที่ๆ เกี่ยวข้องว่าจะเลี้ยงม้าได้เท่าไหร่ เขาเสนอว่าจำนวนนักรบในกองทัพเคลื่อนที่ของอัลติลาน่าจะมีแค่ประมาณ ๔-๕ หมื่น

ความได้เปรียบอยู่ที่กองทัพนี้เป็นกองทัพทหารม้าทั้งหมด เคลื่อนที่เร็ว ไปไล่ตีได้โดยอีกฝ่ายรงวมกำลังไปสู้อย่างลำบาก ไปรบถึงในพื้นที่ฝรั่งเศสปัจจุบัน ฯลฯ อย่างไรก็ตามในการรบประจัญหน้าระหว่างกองทัพใหญ่ๆ อัลติลาก็มีเสียหายย่อยยับไปบ้างเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 04:46:19 PM
มองโกเลียน BBQ ;D

...บ้างก็ว่าดั้งเดิมมาจากการที่นักรบมองโลกใช้โล่โลหะย่างเนื้อ แต่มีคนญี่ปุ่นบอกผมว่าญี่ปุ่นหมายถึงการเอาหมวกเหล็กมองโกลที่มาตีแต่ไม่สำเร็จ นั่นแหละ มาเป็นภาชนะปรุงอาหาร


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 10:22:50 PM
ใครทำคะแนนสวยๆของพี่ Don เสีย เนี่ย บวกซะเลยเรา ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤศจิกายน 13, 2011, 09:48:57 AM
3 Post ข้างบนนี้เอาแค่เรื่องฮั่น, เรื่องสงครามที่เคยถูกอ้างว่าเพื่อปกป้องศาสนา(คริสต์ - ทำให้ท่านเคาน์แดร็กฯ กลายเป็นผีดิบฯ), และเรื่องวิวัฒนาการของการบังคับม้าฯ... นายสมชายมีประเด็นค้นโน่นนี่อ่านได้หลายวันเลยครับ(ช่วงนั่งเฝ้าหุ้นไม่กล้าลุกออกจากหน้าจอไปไหนต่อไหน)...

ขอบคุณคุณต๊อกเสมอครับ... เย้...

ยินดีครับพี่สมชาย ขอบวกให้ครับ ...แล้วเรื่องคุมปืนของญี่ปุ่นด้วยครับ

...เรื่อช่วงมุสลิมยุโรป ท่านแดรกฯ เนี่ย บางสายเขาก็ว่ากันว่าขนมปังครัวซองค์เริ่มจากที่เวียนนาเพราะคนออสเตรียเอาแป้งมาปั้นเป็นอบขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยวกินด้วยความแค้น แต่บางสายก็ว่ามาจากฝรั่งเศส ไม่รู้เชืออะไรดี แต่ผมว่าฝรั่งเศสทำอร่อยที่สุด อิ อิ

ขอบคุณมากครับ... จะบวกทอนคืน 10 คะแนนครับ 932เป็นต้นไป, จะทะยอยวนเวียนบวก(สะสมจากไม่ได้บวกให้มานานครับ - แฮ่ๆ)...


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2012, 08:12:23 PM
มีเรื่องมาถามครับว่า Alexander the Great เป็นชาวมาเซโดเนียน ตอนมีประเทศมาเซโดเนีย
http://en.wikipedia.org/wiki/Republic_of_Macedonia
ถามว่าเป็นอันเดียวกันหรือเปล่า มาเซโดเนียของอเล็กซานเดอร์ กับมาเซโดเนียที่แตกมาจากยูโกสลาเวีย


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2012, 08:23:12 PM
มีเรื่องมาถามครับว่า Alexander the Great เป็นชาวมาเซโดเนียน ตอนมีประเทศมาเซโดเนีย
http://en.wikipedia.org/wiki/Republic_of_Macedonia
ถามว่าเป็นอันเดียวกันหรือเปล่า มาเซโดเนียของอเล็กซานเดอร์ กับมาเซโดเนียที่แตกมาจากยูโกสลาเวีย

ใช่ครับ ที่ตั้งของประเทศอยู่ที่เดียวกัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ มกราคม 28, 2012, 10:48:13 PM
+1 จ๊ะ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ เมษายน 19, 2013, 11:23:18 PM
โดนฝรั่ง (bot) หลอกเข้ามาดูกระทู้นี้ กระทู้ตั้งแต่ปี 2005 - มค. 2012
คิดว่ามีอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติม
แต่ก็เพลินดีนะครับ  ได้ความรู้ และ ความสนุกเพลิดเพลินอีกเยอะเลย
ผมเองก็เป็นคนชอบดูหนังพวกนี้เหมือนกัน  สะสมไว้ก็เยอะ  และเรื่องที่
เพือน ๆ สมาชิกนำมาคุยกันก็มีไว้เกือบจะหมด  อยากให้กลับมาคุยกันต่ออีกครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: R2D2 ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 03:15:04 PM
สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อเยอรมัน บุกโปแลนด์ แบบสายฟ้าแลบ 2 สัปดาห์ยึดได้ครึงประเทศ  
ทำไมเยอรมันจึงเริ่มที่โปแลนด์ครับ ? ..ระหองระแหงอะไรกันอยู่หรือเปล่า ? ทั้งที่คนโปแลนด์กับเยอรมันคล้ายคลึงกันมากทั้งหน้าตาและนิสัย   


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 05:15:56 PM
สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อเยอรมัน บุกโปแลนด์ แบบสายฟ้าแลบ 2 สัปดาห์ยึดได้ครึงประเทศ  
ทำไมเยอรมันจึงเริ่มที่โปแลนด์ครับ ? ..ระหองระแหงอะไรกันอยู่หรือเปล่า ? ทั้งที่คนโปแลนด์กับเยอรมันคล้ายคลึงกันมากทั้งหน้าตาและนิสัย   

ก่อนจะสงสัยประเด็นนี้  อยากจะให้พิจารณาประเด็นที่ว่าไม่มี WW2  แต่มีเพียงสงครามเดียว ที่พักรบกัน 30 ปีหรือไม่  เพราะคู่สงครามต่างก็เป็นโจทก์เก่าด้วยกัน


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 08:34:26 PM
ไปเจอเรื่องนี้มาครับ เรื่องราวของ P51 หางแดง ของนักบินนิโกรครับ  :VOV:

(http://image.ohozaa.com/i/efc/SULoBM.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/yaeGXYVGgtSU5R3T)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 08:40:11 PM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 11:26:54 PM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::
มีพากษ์ไทยมั้ยครับ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2015, 11:47:19 PM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::
มีพากษ์ไทยมั้ยครับ ;D

ผมได้มาเป็นดีวีดีซาวด์แทร็ก + ซับไทยครับ  ไม่ทราบว่า แบบพากษ์ไทยจะมีหรือไม่ ไว้ผมจะถามร้านขายให้นะครับ แล้วจะ pm ไปบอกครับผม


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 08:27:40 AM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::
มีพากษ์ไทยมั้ยครับ ;D

ผมได้มาเป็นดีวีดีซาวด์แทร็ก + ซับไทยครับ  ไม่ทราบว่า แบบพากษ์ไทยจะมีหรือไม่ ไว้ผมจะถามร้านขายให้นะครับ แล้วจะ pm ไปบอกครับผม
::014::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 09:32:24 AM
มีชื่อเป็นภาษาไทยมั้ยครับ ;D


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 10:28:33 AM
ท่านจอยฮันเตอร์ ครับ

  เว็บขายหนังที่ผมหาซื้อประจำ มีแต่เป็นซาวด์แทร็ก + ซับไทยทั้งนั้นเลยครับ

ลองดูที่ลิงค์ที่ให้มานี่นะครับ เว็บดูหนังออนไลน์ เค้าบอกว่า เป็นพากษ์ไทย ไม่ทราบว่า ไฟล์ยังอยู่ ไม่ได้ลบ ยังดูได้หรือเปล่านะครับ

http://wowhd.blogspot.com/2015/01/red-tails-hd.html


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงครū
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 10:53:48 AM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::

ผมอยากดูเรื่องนี้ด้วยครับ "red ball express " เสียดายคงไม่มีในบ้านเรานะครับ การถ่ายทอดเรื่องราวพลขับของทหารนิโกร ใน WWII ครับ

(http://image.ohozaa.com/i/895/mBK3cz.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/yajt1qcATwvMV2ZU)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 11:09:33 AM
ดีครับ เรื่องนี้ แม้ว่าการถ่ายทำ และ เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวม ๆ ก็สนุกดีครับ  ::002::

ผมอยากดูเรื่องนี้ด้วยครับ "red ball express " เสียดายคงไม่มีในบ้านเรานะครับ การถ่ายทอดเรื่องราวพลขับของทหารนิโกร ใน WWII ครับ

(http://image.ohozaa.com/i/895/mBK3cz.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/yajt1qcATwvMV2ZU)

https://www.youtube.com/watch?v=KjAjBJ51dCY

https://www.youtube.com/watch?v=X-mo3pRkW50


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 11:09:46 AM
น่าจะเรื่องเดียวกันนะครับ เพราะรูปภาพของท่านพ่อน้องนะโม เล็กไปหน่อย  http://en.wikipedia.org/wiki/Red_Ball_Express_(film)

หนังตั้งแต่ปี 1952 โห ... 63 ปีแล้ว  ::005::
(http://www.uppic.org/image-89C4_54E2BE9D.jpg) (http://www.uppic.org/share-89C4_54E2BE9D.html)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 11:22:22 AM
ท่านจอยฮันเตอร์ ครับ

  เว็บขายหนังที่ผมหาซื้อประจำ มีแต่เป็นซาวด์แทร็ก + ซับไทยทั้งนั้นเลยครับ

ลองดูที่ลิงค์ที่ให้มานี่นะครับ เว็บดูหนังออนไลน์ เค้าบอกว่า เป็นพากษ์ไทย ไม่ทราบว่า ไฟล์ยังอยู่ ไม่ได้ลบ ยังดูได้หรือเปล่านะครับ

http://wowhd.blogspot.com/2015/01/red-tails-hd.html
ขอบคุณครับ ::002::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 11:48:35 AM
น่าจะเรื่องเดียวกันนะครับ เพราะรูปภาพของท่านพ่อน้องนะโม เล็กไปหน่อย  http://en.wikipedia.org/wiki/Red_Ball_Express_(film)

หนังตั้งแต่ปี 1952 โห ... 63 ปีแล้ว  ::005::
(http://www.uppic.org/image-89C4_54E2BE9D.jpg) (http://www.uppic.org/share-89C4_54E2BE9D.html)

ใช่แล้วครับพี่ GUNRUNNER  :D~

น้าจอยฮันเตอร์ ครับ ผมหาดูจากเวป ดูหนังออนไลน์ ต้องขออภัยที่จำชื่อเวปไม่ได้ครับ ลองคีย์ "ดูหนังออนไลน์" หาในอากู๋ดูนะครับ มีหลายเวปเลย

ผมไปเจออีกเรื่องนึงครับ เป็นเรื่องราวการตามล่าหาสมบัติที่ถูกพวกนาซีขโมย(ยึด)ไป เพื่อกลับคืนสู่เจ้าของครับ

(http://image.ohozaa.com/i/225/UsQUUE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/yajLP0iZfDwBijjJ)

ถ้าจำไม่ผิดผมดูจากเวปนี้ครับ

http://hitkod.com/monuments-men-2014-%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%89%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5/


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 12:13:55 PM
 น้าจอยฮันเตอร์ หางแดง จากเวปนี้ครับ

เลือกกดเพล ตรง" ดูบนเซิฟเวอร์หลัก" นะครับ  :VOV:

https://www.siam-movie.com/red-tails-2012-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2015, 01:11:03 PM
น้าจอยฮันเตอร์ หางแดง จากเวปนี้ครับ

เลือกกดเพล ตรง" ดูบนเซิฟเวอร์หลัก" นะครับ  :VOV:

https://www.siam-movie.com/red-tails-2012-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/
ดูได้แล้วขอบคุณครับ ::002::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ เมษายน 27, 2015, 08:48:38 AM
เข้ามารอเรื่อง 13 minutes ครับ  :VOV: :VOV:
เรื่องราวของช่างไม้ จอร์จ เอลเซอร์ วัย 36 ปี ที่วางแผนลอบสังหารฮิตเลอร์ในโรงเบียร์ เสียดายหลังจากปราศัยเสร็จแล้ว 13 นาที ระเบิดถึงจะทำงานครับ


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ เมษายน 27, 2015, 08:54:33 AM
เข้ามารอเรื่อง 13 minutes ครับ  :VOV: :VOV:
เรื่องราวของช่างไม้ จอร์จ เอลเซอร์ วัย 36 ปี ที่วางแผนลอบสังหารฮิตเลอร์ในโรงเบียร์ เสียดายหลังจากปราศัยเสร็จแล้ว 13 นาที ระเบิดถึงจะทำงานครับ
ไม่ยอมใช้โนเกียก็แบบนี้แหละ ::005::


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อน้องนะโม ที่ เมษายน 27, 2015, 09:16:27 AM
เข้ามารอเรื่อง 13 minutes ครับ  :VOV: :VOV:
เรื่องราวของช่างไม้ จอร์จ เอลเซอร์ วัย 36 ปี ที่วางแผนลอบสังหารฮิตเลอร์ในโรงเบียร์ เสียดายหลังจากปราศัยเสร็จแล้ว 13 นาที ระเบิดถึงจะทำงานครับ
ไม่ยอมใช้โนเกียก็แบบนี้แหละ ::005::

 :~) :~) :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: สนทนาภาพยนต์ และประวัติศาสตร์การสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ เมษายน 27, 2015, 09:49:44 AM
เพิ่งเห็นกระทู้ ของวางที่นี่อีกจุดครับ

หนังอิงประวัติลุดมิลล่า สไนเปอร์สาวสวยตำนานรัสเซีย เรื่องนี้ทีมงาน2ประเทศร่วมสร้าง รัสเซียและยูเครน
https://www.youtube.com//v/RgFoJk0bZx4