๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 14, 2024, 04:50:03 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศิลปการป้องกันตัวควรมีหรือไม่?  (อ่าน 14845 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 01:04:25 PM »

เห็นมีกล่าวคำว่า “คาโอเปร่า” เลยจะมาเล่าความรู้ที่ทราบให้ฟัง
“คาโอเปร่า” เดินเป็นการเต้นเพื่อบูชาเทพเจ้าของชาวอาฟิกา (บางชนเผ่านะครับ) จุดแรกเริ่มไม่ได้สร้างมาเพื่อเป็นศิลปการป้องกันตัว ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ขยายอิทธิพลและเริ่มจับชาวอาฟิกา (จับไปเป็นทาส  Cry) แล้วนำตัวกลับไปอเมริกา ชายชาวอาฟิกาจึงได้ใช้คาโอเปร่าในการต่อสู้ป้องกันตัวครับ และนี้คือจุดเริ่มของศิลปการป้องกันตัวแบบ “คาโอเปร่า” ครับ
ลักษณะการป้องกันตัวแบบ “คาโอเปร่า” มีดังนี้
1. ใช้เท้าเป็นส่วนมากในการโจมตีครับ ส่วนมือเป็นแค่ฐานในการตั้งมั่นเท่านั้น (มือโดนพันธนาการไว้นะครับ) Cry
2. การเตะหรือการเหวี่ยงเท้าจะไม่เหมือนศิลปการป้องกันตัวชนิดอื่นๆ คือ เหวี่ยงไปทั้งตัวเหมือนกับเท้าเป็นแส้ครับ  ตกใจ
3. เมื่อการเตะเสร็จสิ้นจะกลับมาตั้งท่าป้องกันเริ่มต้นเหมือนศิลปการป้องกันตัวชนิดอื่นๆครับ
4. ท่าเตะก็มีหลากหลายรูปแบบครับ
ปล.เอาเท่าที่รู้นะครับแฮะๆ ที่เหลือค้นหนังสือเอาเองนะครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6128
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 01:15:06 PM »

สำหรับผม ยิ่งเล่นยิ่งกลัว  ยิ่งฝึกยิ่งไม่เป็น ยิ่งซ้อมยิ่งไม่อยากใช้
]
สำหรับผม เคยฝึก นานมาแล้วสมัยวัยรุ่นก่อนอายุ20 Grin Grin Grin
เดี๋ยวนี้อุ้ยอ้ายครับ เคลื่อนไหวเท้ารุก-รับ ไม่ไหวแล้ว

คิดได้ ทำไม่ได้ เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 01:38:10 PM »

ขอตอบรวมกันทีเดียวเลยนะครับ อิอิว่าผมเรียนอะไรมาบ้าง
ม.3 เล่นเทคควันโดครับ ได้มา 3-4 ท่าครับ (แต่ต้องเลิกเพราะน้ำหนักมาก 80 kg. ก่อนสอบขึ้นสายเหลือง เริ่มปวดหัวเข่า)
ม.ปลาย เรียนอย่างเดียวครับไม่ค่อยว่างไปฝึกนัก
มหาวิทยาลัย ไปดูและลองซ้อมมาหมดครับ คาราเต้, ยูโด, ไอคิโด, เทคควันโด, เทนโด(ดาบไม้ญี่ปุ่น) และ อื่นๆ
ปัจจุบันจบแล้วครับ จากประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัย ศิลปการป้องกันตัวที่ได้ฝึกมาไม่ค่อยชอบนักครับ
เหตุผลเพราะใช้ได้ในการแข่งกีฬาครับ แต่การป้องกันตัวจริงๆ ใช้ไม่ค่อยได้ครับ จึงเริ่มหันมาสนใจมวยจีนและไท้เก๊กครับ
มวยจีนที่ฝึกก็มี ทวน, ดาบ และ กระบี่ (ไม้ทั้งหมดนะครับ) รวมถึง มีดสั้นคู่ (อันนี้มีดจริงครับ) แต่ยิ่งฝึกยิ่งเครียดครับ (ไม่ตรงจริต)
ต่อมาหันมาฝึก ไท้เก๊ก ครับ ฝึกมาได้ราวๆ 2 เดือนแล้วครับ ได้หลายๆ อย่างครับ
1.สติดีขึ้น สมาธิดีขึ้น การวางเท้า การวางน้ำหนักดีขึ้น การทรงตัวดีขึ้น สะดุด หรือ เหยียบพลาด เดียวนี้ล้มยากครับ
2.ไท้เก๊กมีทั้งช้า เร็ว และกระบี่ครับ แต่ทั้งหมดจะอยู่บนพื้นฐานที่เรียกว่า move zen (คือ สมาธิแบบเคลื่อนไหว คล้าย เดินจงกรม
นะครับ แต่เพิ่ม การออกกำลังกายไปด้วย) ทำให้รู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น
3.รู้สึกว่า ไท้เก๊ก นี้ละครับใช้เลย ตอนนี้ก็ยังฝึกอยู่ครับ  หลงรัก
ปล. จบก่อน แฮะๆ ไปๆมาๆกลายเป็นศิลปป้องกันตัวซะแล้ว หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 02:06:21 PM »

อ้างจาก : Pex Shotgun ที่ วันนี้ เวลา 12:06:18 PM
สำหรับผม ยิ่งเล่นยิ่งกลัว  ยิ่งฝึกยิ่งไม่เป็น ยิ่งซ้อมยิ่งไม่อยากใช้

ในการต่อสู้ ไม่มีคำว่าต่อให้คู่ต่อสู้ เพราะคนแพ้ไม่มีสิทธิโวย จุดมุงหมายสูงสุด คือดำรงค์ชีวิตตัวเอง ครับ

สำหรับวรรคแรกก่อนเลยนะครับ ผมคิดว่าทุกท่านที่มีปืน และฝึกยิงปืนทราบดี "ยิ่งฝึกยิ่งยิงยิ่งไม่อยากใช้" แต่ก็ต้องฝึกไว้
เช่นกันที่ผมมีคือ ศิลปการป้องกันตัว และเช่นกัน "ยิ่งฝึกยิ่งซ้อมยิ่งไม่อยากใช้" แต่ก็ต้องฝึกซ้อมไว้ เราทุกคนต่างกลัวครับ
แต่นั้นคือสิ่งที่เรามีไว้ป้องกันตัวนะครับ และ (ย้ำมากๆ) ต้องตั้งมั่นอยู่บน "สติ" นะครับ
สำหรับวรรคสอง นั้นเป็นคำพูดสมัยสงครามครับ ซึ่งปัจจุบันอาจใช้ได้บางในกรณี แต่หลักไท้เก๊กที่ผมฝึก และ คำคมได้กล่าว
ไว้ว่า "ศิลปการป้องกันตัวไม่ได้มีไว้ ทำร้าย โจมตี ต่อสู้ คู่ต่อสู้ แต่มีไว้เพื่อ ทำร้าย โจมตี ต่อสู้ และ ฆ่า ตัวของผู้ฝึกเอง(จิตใจ)"
เช่นกัน พี่ๆ เพื่อนๆ ที่นิยมปืน หรือ ศิลปการป้องกันตัวก็ตามต่างก็กลัวที่จะใช้ แต่ก็ต้องมีไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น
ดังนั้น "ไม่ว่าท่านจะมีปืนหรือไม่? จะมีศิลปการป้องกันตัวหรือไม่ จงตั้งมั่นอยู่บน "สติ" เสมอครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6568


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 02:08:42 PM »

รับทราบ

ไม่ทราบว่าฝึกแถวสวนลุมหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
ช.ช้าง
Rifle Team
Sr. Member
****

คะแนน 32
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 826


หลงรสเหล้าเมาควันปืน


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 02:30:26 PM »

พี่ครูผมสอนไว้    "การต่อสู้ ไม่ต่อให้ใครครับ"

ครูจากสถาบันเดียวกับผมหรือเปล่านายโอ๊ค..........

ในการต่อสู้........ต้องได้เปรียบไว้ก่อน.......ท่านถึงจะรอด และได้ชัยชนะ

เด็กๆแถวบ้านผมเขาเรียกว่า... "ตีก่อน ได้เปรียบ"  ครับผม โดนชก
บันทึกการเข้า

เพราะชิวิตไม่สวยงามเหมือนความฝัน...การฆ่าฟันจึงยังคงอยู่
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6568


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 02:36:42 PM »

พี่ครูผมสอนไว้    "การต่อสู้ ไม่ต่อให้ใครครับ"

ครูจากสถาบันเดียวกับผมหรือเปล่านายโอ๊ค..........

ในการต่อสู้........ต้องได้เปรียบไว้ก่อน.......ท่านถึงจะรอด และได้ชัยชนะ

เด็กๆแถวบ้านผมเขาเรียกว่า... "ตีก่อน ได้เปรียบ"  ครับผม โดนชก

แถวๆนี้ เค้าว่า ทำทีหลังถึงก่อนเน้อ พี่เน้อ อิอิอิ
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
---น้ำตาเสือดำ---
Full Member
***

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 314


« ตอบ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 03:18:20 PM »

พี่ครูผมสอนไว้ "การต่อสู้ ไม่ต่อให้ใครครับ"

ครูจากสถาบันเดียวกับผมหรือเปล่านายโอ๊ค..........

ในการต่อสู้........ต้องได้เปรียบไว้ก่อน.......ท่านถึงจะรอด และได้ชัยชนะ

เด็กๆแถวบ้านผมเขาเรียกว่า... "ตีก่อน ได้เปรียบ" ครับผม โดนชก


จริงๆแล้วเรียก"เปิดก่อน เปรียบ"ครับ ภาษาวัยรุ่นพาไป
บันทึกการเข้า

...จูบเย้ยจันทร์...     นโปเลียนกล่าวไว้ว่า..."พระเจ้าจะอยู่ข้างผู้ที่มีปืนใหญ่ที่สุด"...
nick
Hero Member
*****

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 1587


« ตอบ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 06:29:20 PM »

ขอตอบรวมกันทีเดียวเลยนะครับ อิอิว่าผมเรียนอะไรมาบ้าง
ม.3 เล่นเทคควันโดครับ ได้มา 3-4 ท่าครับ (แต่ต้องเลิกเพราะน้ำหนักมาก 80 kg. ก่อนสอบขึ้นสายเหลือง เริ่มปวดหัวเข่า)
ม.ปลาย เรียนอย่างเดียวครับไม่ค่อยว่างไปฝึกนัก
มหาวิทยาลัย ไปดูและลองซ้อมมาหมดครับ คาราเต้, ยูโด, ไอคิโด, เทคควันโด, เทนโด(ดาบไม้ญี่ปุ่น) และ อื่นๆ
ปัจจุบันจบแล้วครับ จากประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัย ศิลปการป้องกันตัวที่ได้ฝึกมาไม่ค่อยชอบนักครับ
เหตุผลเพราะใช้ได้ในการแข่งกีฬาครับ แต่การป้องกันตัวจริงๆ ใช้ไม่ค่อยได้ครับ จึงเริ่มหันมาสนใจมวยจีนและไท้เก๊กครับ
มวยจีนที่ฝึกก็มี ทวน, ดาบ และ กระบี่ (ไม้ทั้งหมดนะครับ) รวมถึง มีดสั้นคู่ (อันนี้มีดจริงครับ) แต่ยิ่งฝึกยิ่งเครียดครับ (ไม่ตรงจริต)
ต่อมาหันมาฝึก ไท้เก๊ก ครับ ฝึกมาได้ราวๆ 2 เดือนแล้วครับ ได้หลายๆ อย่างครับ
1.สติดีขึ้น สมาธิดีขึ้น การวางเท้า การวางน้ำหนักดีขึ้น การทรงตัวดีขึ้น สะดุด หรือ เหยียบพลาด เดียวนี้ล้มยากครับ
2.ไท้เก๊กมีทั้งช้า เร็ว และกระบี่ครับ แต่ทั้งหมดจะอยู่บนพื้นฐานที่เรียกว่า move zen (คือ สมาธิแบบเคลื่อนไหว คล้าย เดินจงกรม
นะครับ แต่เพิ่ม การออกกำลังกายไปด้วย) ทำให้รู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น
3.รู้สึกว่า ไท้เก๊ก นี้ละครับใช้เลย ตอนนี้ก็ยังฝึกอยู่ครับ  หลงรัก
ปล. จบก่อน แฮะๆ ไปๆมาๆกลายเป็นศิลปป้องกันตัวซะแล้ว หัวเราะร่าน้ำตาริน

บุตรชายอายุ 13 ปี สนใจเรียนป้องกันตัวด้วยอาวุธ (มีด, ไม้) ไม่ทราบว่าพอแนะนำสถานที่เรียนย่านสำโรง สมุทรปราการได้ไหมครับ
บันทึกการเข้า
DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 06:34:37 PM »

พี่ครูผมสอนไว้ "การต่อสู้ ไม่ต่อให้ใครครับ"

ครูจากสถาบันเดียวกับผมหรือเปล่านายโอ๊ค..........

ในการต่อสู้........ต้องได้เปรียบไว้ก่อน.......ท่านถึงจะรอด และได้ชัยชนะ

เด็กๆแถวบ้านผมเขาเรียกว่า... "ตีก่อน ได้เปรียบ" ครับผม โดนชก


จริงๆแล้วเรียก"เปิดก่อน เปรียบ"ครับ ภาษาวัยรุ่นพาไป

อิอิ...ตอบ(ขุด)กระทู้ตัวเองไม่ว่านะครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
ในศาสตร์ศิลปการป้องกันตัวนะครับ "คนชกก่อนตาย คนชกทีหลังรอด" ครับ  ตกใจ
ซึ่งต่างจากปืนครับ "คนชักก่อนรอด คนชักทีหลังตาย"  ตกใจ
ทำไมชกก่อนตาย Huh อันนี้ก็บอกไม่ถูกครับ แต่ที่ลองฝึกดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่างกับรอบสังหารนะครับ
เพราะอะไร Huh ชกก่อนจะโดนอ่านทิศทางการเคลื่อนไหวได้ก่อนนะครับแล้วหลบหรือปัดหรือจับได้ง่าย
แต่...ก็มีนะครับในการศึกษาศิลปการป้องกันตัว บอกไว้เป็นข้อๆเลยครับว่าต้องทำอย่างไรในสถานการณ์อย่างไร
1. ชกมาก่อนต้องทำอย่างไร?
2. เสียเปรียบด้านจำนวนต้องทำอย่างไร?
3. ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องชกก่อนต้องทำอย่างไร?(ซึ่งผู้ฝึกศิลปการป้องกันตัวน้อยครับที่จะเริ่มชกก่อน)
4. เสียเปรียบด้านกำลังต้องทำอย่างไร?
ดังนั้น...อย่ามีเรื่องดีที่สุดครับ...ปลอดภัย หลงรัก
บันทึกการเข้า
DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 06:45:03 PM »

ขอตอบรวมกันทีเดียวเลยนะครับ อิอิว่าผมเรียนอะไรมาบ้าง
ม.3 เล่นเทคควันโดครับ ได้มา 3-4 ท่าครับ (แต่ต้องเลิกเพราะน้ำหนักมาก 80 kg. ก่อนสอบขึ้นสายเหลือง เริ่มปวดหัวเข่า)
ม.ปลาย เรียนอย่างเดียวครับไม่ค่อยว่างไปฝึกนัก
มหาวิทยาลัย ไปดูและลองซ้อมมาหมดครับ คาราเต้, ยูโด, ไอคิโด, เทคควันโด, เทนโด(ดาบไม้ญี่ปุ่น) และ อื่นๆ
ปัจจุบันจบแล้วครับ จากประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัย ศิลปการป้องกันตัวที่ได้ฝึกมาไม่ค่อยชอบนักครับ
เหตุผลเพราะใช้ได้ในการแข่งกีฬาครับ แต่การป้องกันตัวจริงๆ ใช้ไม่ค่อยได้ครับ จึงเริ่มหันมาสนใจมวยจีนและไท้เก๊กครับ
มวยจีนที่ฝึกก็มี ทวน, ดาบ และ กระบี่ (ไม้ทั้งหมดนะครับ) รวมถึง มีดสั้นคู่ (อันนี้มีดจริงครับ) แต่ยิ่งฝึกยิ่งเครียดครับ (ไม่ตรงจริต)
ต่อมาหันมาฝึก ไท้เก๊ก ครับ ฝึกมาได้ราวๆ 2 เดือนแล้วครับ ได้หลายๆ อย่างครับ
1.สติดีขึ้น สมาธิดีขึ้น การวางเท้า การวางน้ำหนักดีขึ้น การทรงตัวดีขึ้น สะดุด หรือ เหยียบพลาด เดียวนี้ล้มยากครับ
2.ไท้เก๊กมีทั้งช้า เร็ว และกระบี่ครับ แต่ทั้งหมดจะอยู่บนพื้นฐานที่เรียกว่า move zen (คือ สมาธิแบบเคลื่อนไหว คล้าย เดินจงกรม
นะครับ แต่เพิ่ม การออกกำลังกายไปด้วย) ทำให้รู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น
3.รู้สึกว่า ไท้เก๊ก นี้ละครับใช้เลย ตอนนี้ก็ยังฝึกอยู่ครับ  หลงรัก
ปล. จบก่อน แฮะๆ ไปๆมาๆกลายเป็นศิลปป้องกันตัวซะแล้ว หัวเราะร่าน้ำตาริน

บุตรชายอายุ 13 ปี สนใจเรียนป้องกันตัวด้วยอาวุธ (มีด, ไม้) ไม่ทราบว่าพอแนะนำสถานที่เรียนย่านสำโรง สมุทรปราการได้ไหมครับ
คือ...ไม่ใช่คนในพื้นที่นะครับไม่ทราบเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน ขออภัยอย่างสูงครับ  หัวเราะร่าน้ำตาริน
แต่ไม่น่าใจว่าใน กทม. มีอบรมหรือเปล่านะครับ ผมไม่เคยเข้าอบรม แต่พี่ๆ ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจ น่าจะ(น่าจะ) ทราบมากกว่าผมนะครับ
เพราะส่วนใหญ่(ไม่ยืนยันนะครับ)ทางตำรวจ มีการเปิดการฝึกอบรมเสมอครับ(ก็ไม่เคยเข้าอีก หัวเราะร่าน้ำตาริน) ต้องลองสอบถามดูนะครับ
จำได้ตอนเด็ก ไปงานวันเด็ก มีการเปิดอบรมการป้องกันตัวนะครับ แต่ตอนนั้นสนใจเครื่องบิน รถถังมากว่า แฮะๆ น้ำลายหก
ปล. ศิลปการป้องกันตัวทุกศาสตร์มีกฎนะครับ "ห้ามอวด ห้ามข่ม ห้ามหมิ่น ห้ามใช้" ไม่งั้นจะทำร้ายผู้ฝึกครับ แฮะๆ ก็เหมือนปืนแหละครับ Smiley
บันทึกการเข้า
Enruoblem
Hero Member
*****

คะแนน 84
ออฟไลน์

กระทู้: 1755



« ตอบ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 07:46:02 PM »

ขอแก้ไขประวัติของ capoeira หน่อยครับเอาแบบคร่าวๆนะครับ Wink กำเนิดจาก The Zebra Dance(in which men would engage in mock fights for the right to marry) ของคนแอฟริกันในแองโกล่า หลังจากถูกพ่อค้าทาสชาวโปรตุเกตจับส่งไปบราซิล ก็พัฒนาเป็น "คาโปเอร่า" เหตุที่มีดนตรีประกอบเพราะต้องการตบตาเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเพียงการเต้นรำ ทางการไม่ต้องการให้ทาสฝึกศิลปะการต่อสู้ คำสั่งห้ามยาวมาถึงปี 1890 ปัจจุบันคาโปเอร่าได้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของบราซิลครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า

S76C+,C++
DarkLord
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 08:01:20 PM »

ขอแก้ไขประวัติของ capoeira หน่อยครับเอาแบบคร่าวๆนะครับ Wink กำเนิดจาก The Zebra Dance(in which men would engage in mock fights for the right to marry) ของคนแอฟริกันในแองโกล่า หลังจากถูกพ่อค้าทาสชาวโปรตุเกตจับส่งไปบราซิล ก็พัฒนาเป็น "คาโปเอร่า" เหตุที่มีดนตรีประกอบเพราะต้องการตบตาเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเพียงการเต้นรำ ทางการไม่ต้องการให้ทาสฝึกศิลปะการต่อสู้ คำสั่งห้ามยาวมาถึงปี 1890 ปัจจุบันคาโปเอร่าได้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของบราซิลครับ หลงรัก
เย้ๆๆๆ... Grin มีผู้รู้มาช่วยตอบแล้ว ขอบคุณมากครับ ท่าน Enabsirb  หลงรัก
ผู้ก็รู้งูๆ ปลาๆ นะครับ ไม่ค่อยได้ศึกษาละเอียด
อ่า...ขอเตือนพี่ๆ เพื่อนๆ รวมถึงน้องๆ ที่คิดจะฝึกศิลปการป้องกันตัวนะครับ หลงรัก
ให้ฝึกโดยมีผู้ที่ชำนาญศาสตร์นั้นๆ คอยกำกับและดูแลครับ
เพราะอันตรายจะถามหาได้นะครับถ้าฝึกกันเอง ตกใจ
บันทึกการเข้า
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6568


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 09:51:45 PM »


อิอิ...ตอบ(ขุด)กระทู้ตัวเองไม่ว่านะครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
ในศาสตร์ศิลปการป้องกันตัวนะครับ "คนชกก่อนตาย คนชกทีหลังรอด" ครับ  ตกใจ
ซึ่งต่างจากปืนครับ "คนชักก่อนรอด คนชักทีหลังตาย"  ตกใจ

ไม่เสมอไป ขึ้นกับสถานะการณ์เป็นสำคัญ
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
วสี
นัตถิ ปัญญา สมา อาภา
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1998


^_^


« ตอบ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2005, 09:57:56 PM »

....ศิลปะป้องกันตัว...ผมว่ามีติดตัวไว้ก็ดีกว่าไม่เป็นอะไรเลย...
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 21 คำสั่ง