๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 02, 2024, 06:20:20 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จะเจ็บจะป่วย เตรียมตังค์ไว้ก่อนนะ อย่าเข้าซี้ซั๊ว  (อ่าน 797 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2015, 07:03:31 PM »

"รพ.เอกชน" แจงยิบ รักษาแพง-ต้นทุนสูง


อนุ กมธ.ชี้ปม รพ.เอกชนเก็บค่ารักษาไส้ติ่ง เพราะหวั่นถูกฟ้อง ต้องตรวจละเอียด บวกค่าเครื่องมือ

ชี้ปมไส้ติ่งแพงหวั่นฟ้อง-ตรวจยิบ

กรณีคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน คณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สำรวจค่าใช้จ่าย 5 กลุ่มโรคในโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐรวม 9 แห่ง พบว่าค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนสูงกว่ารัฐหลายเท่า โดยเฉพาะโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคหวัด รวมถึงผ่าต้อกระจก โดยจะนำข้อมูลมาศึกษาอย่างละเอียดแยกหมวดค่ารักษาให้ชัด และจะสรุปผลเสนอให้ สนช.ในวันที่ 23 มิถุนายน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขนั้น

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในฐานะคณะอนุ กมธ.ศึกษาฯ กล่าวว่า ผลการศึกษาดังกล่าวมีอยู่หลายปัจจัยที่ทำให้โรงพยาบาลเอกชนมีค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าภาครัฐ เช่น กรณีผ่าตัดไส้ติ่ง หลายคนมองว่าเป็นโรคทั่วไป ไม่ได้ซับซ้อนนั้น ข้อเท็จจริงในโรงพยาบาลเอกชนมีความกังวลมากในเรื่องถูกฟ้องร้อง และต้องการตรวจวินิจฉัยอย่างแม่นยำที่สุด

"จากการสอบถามโรงพยาบาลเอกชน พบว่าค่ารักษาพยาบาลไส้ติ่งที่มีอัตราสูงสุดในโรงพยาบาลเอกชนระดับ 5 ดาว ถึง 211,765 บาทนั้น เป็นเพราะมีการตรวจด้วยซีทีสแกน (CT scan) รวมทั้งการใช้เครื่องมืออื่นๆ ค่าห้องพัก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดได้สอบถามกับผู้ป่วยและญาติในเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว" นพ.สรณกล่าว

เทียบปี 52 กับ 57 ค่ารักษาพุ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเปรียบเทียบหรือไม่ว่าแต่ละปีโรงพยาบาลเอกชนขึ้นค่ารักษามากน้อยแค่ไหน นพ.สรณกล่าวว่า มี แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าค่าครองชีพและปัจจัยต่างๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ต้นทุนย่อมต้องสูงขึ้นด้วย ทีมอนุ กมธ.ศึกษาฯได้เปรียบเทียบค่ารักษาโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน 9 แห่ง มีโรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโรงเรียนแพทย์ 3 แห่ง คือ รพ.ราชวิถี รพ.รามาธิบดี และ รพ.จุฬาลงกรณ์ ส่วนโรงพยาบาลเอกชน 6 แห่ง แบ่งเป็น 1.โรงพยาบาลเอกชนระดับ 5 ดาว อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มเมดิคัล ฮับ 2 แห่ง 2.โรงพยาบาลเอกชนที่มูลนิธิสนับสนุน 2 แห่ง และ 3.โรงพยาบาลเอกชนทั่วไปในหัวเมืองต่างๆ อีก 2 แห่ง โดยเปรียบเทียบค่ารักษาในปี 2557 และย้อนไปในปี 2552 พบว่ามีความแตกต่างกัน โดยโรงพยาบาลรัฐมีราคาเพิ่มไม่มากนัก อาจเพราะมีงบประมาณภาครัฐสนับสนุน ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน

"จากการเปรียบเทียบข้อมูลได้เพียง 2 กลุ่มโรค คือ กลุ่มแรกเป็นค่าใช้จ่ายขยายหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน พบว่าปี 2552

ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลเอกชนระดับ 5 ดาว 255,528-295,997 บาท ขณะที่ปี 2557 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 422,058-811,806 บาท

ส่วนโรงพยาบาลเอกชนระดับอื่นๆ ในปี 2552 อยู่ที่ 80,440-149,055 บาท และปรับเพิ่มขึ้นในปี 2557 เป็น 164,870-178,743 บาท เป็นต้น"
นพ.สรณกล่าว และว่า ขณะที่โรงพยาบาลภาครัฐ พบว่าปี 2552 มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 65,226 บาท ปี 2557 เพิ่มเป็น 89,375 บาท แต่โรงพยาบาลรัฐบางแห่งราคาลดลง ปี 2552 ค่าใช้จ่ายในการขยายหลอดเลือดอยู่ที่ 159,989 บาท ปี 2557 เหลือเพียง 142,917 บาท

นพ.สรณกล่าวว่า การผ่าตัดไส้ติ่งซึ่งไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน

พบว่าโรงพยาบาลเอกชนระดับ 5 ดาว เดิมมีค่าใช้จ่ายในปี 2552 อยู่ที่ 136,266 บาท เพิ่มเป็น 180,943-211,765 บาท ในปี 2557   

ส่วนโรงพยาบาลเอกชนระดับหัวเมืองและโรงพยาบาลเอกชนที่มีมูลนิธิสนับสนุนนั้น ปี 2552 มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 38,981 บาท ถึง 76,388 บาท ปี 2557 เพิ่มเป็น 57,682 บาท ถึง 111,931 บาท

 ส่วนโรงพยาบาลรัฐ ในปี 2552 มีราคาที่ 16,841-24,489 บาท ปี 2557 เพิ่มเป็น 22,313 บาท ถึง 26,964 บาท

ชี้ราคาขยับตามภาวะ ศก.

นพ.สรณกล่าวว่า การเปรียบเทียบให้เห็นว่าค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแพงจริง แต่มีสาเหตุ เช่น ปี 2552 และปี 2557 ต้นทุน ค่าครองชีพ เงินเดือน ทุกอย่างต่างกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นตามเศรษฐกิจ จึงเกิดภาพว่าโรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากปี 2552 มาปัจจุบันเกือบเท่าตัว แต่ในบางกลุ่มไม่ชัดเจน เพราะค่าใช้จ่ายคงที่ก็มี ซึ่งต้องแยกให้ชัดอีก

"สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ โรงพยาบาลเอกชนในระดับทั่วไป ประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งสามารถไปใช้บริการได้ ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลภาครัฐได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันคนที่ไปใช้บริการโรงพยาบาลรัฐมีถึง 24 ล้านคน ขณะที่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 4.8 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมาก และเป็นไปไม่ได้ที่โรงพยาบาลภาครัฐจะรองรับได้ทั้งหมด เข้าใจว่าโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคิดค่ารักษาพยาบาลแพงจนเกินไป จึงสมควรต้องควบคุมราคาให้เหมาะสม หากผลการศึกษาแล้วเสร็จน่าจะเป็นแนวทางแก้ปัญหาได้" นพ.สรณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข้อเรียกร้องโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน นพ.สรณกล่าวว่า ต้องแยกออกจากกัน โดยผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาค่ารักษาพยาบาลในภาวะทั่วไป แต่ที่ร้องเรียนมากๆ และกลายเป็นประเด็นคือ นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่า เมื่อโรงพยาบาลเอกชนรักษาจนพ้นวิกฤตแล้ว แต่เรียกเก็บเงินจนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถจ่ายได้ และนำไปสู่การร้องเรียนนั้น ต้องพิจารณาให้ชัด เนื่องจากนโยบายระบุว่า รักษาเจ็บป่วยฉุกเฉินฟรีทุกสิทธิในโรงพยาบาลทุกแห่ง ซึ่งหากโรงพยาบาลรักษาจนพ้นวิกฤตแล้ว แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องรักษาตัวต่อเนื่อง และโดยหลักต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในสิทธิ ปัญหาคือโรงพยาบาลในสิทธิกลับไม่มีเตียงว่างบ้าง ไม่มีระบบส่งตัวกลับบ้าง ตรงนี้เป็นปัญหา ผู้ป่วยต้องรักษาต่อ ค่ารักษาจึงพุ่ง ดังนั้นภาครัฐต้องพัฒนาระบบส่งต่อให้ดียิ่งขึ้น ลดปัญหาตรงนี้ด้วย

นัด 23 มิ.ย.ระดมความเห็นชง สนช.

นายสุธรรม พันธุศักดิ์ ประธาน กมธ.ศึกษามาตรฐานค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล ในคณะ กมธ.สาธารณสุข สนช. แถลงว่า ได้ศึกษาค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลรัฐ 3 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน 3 แห่ง ศึกษาใน 5 โรคที่มีผู้เข้ารับบริการมากที่สุด ได้แก่ 1.โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน 2.การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ 3.การผ่าตัดต้อกระจก 4.การผ่าตัดข้อเข่า และ 5.โรคหวัด ซึ่งเป็นการศึกษาในรูปแบบงานวิจัยข้อมูลเปรียบเทียบตั้งแต่ปี 2552-2557 ผลการศึกษาพบว่าค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐเฉลี่ย 2.5 เท่า ซึ่งอนุ กมธ.เห็นว่าในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลยังมีงานวิจัยเผยแพร่จำนวนน้อยมาก หากจัดตั้งศูนย์การศึกษาในรูปแบบสหวิทยาการ จะทำให้ข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เชื่อถือได้ในอนาคต

"ดังนั้น เพื่อให้การศึกษาของคณะอนุ กมธ.เป็นที่ยอมรับ และสามารถนำไปพัฒนาให้เป็นมาตรฐาน จำเป็นต้องระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทางอนุ กมธ.จึงกำหนดให้จัดสัมมนาในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ที่รัฐสภา เพื่อรายงานผลการศึกษาของอนุ กมธ. ก่อนรวบรวมความเห็นและข้อมูล จัดทำเป็นรายงานเสนอคณะ กมธ.สาธารณสุข และเสนอต่อที่ประชุม สนช." นายสุธรรมกล่าว

พาณิชย์ตรวจ 2 รพ. พบปฏิบัติตาม กม.

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวหลังตรวจเยี่ยม รพ.วิภาวดี และ รพ.นนทเวช ว่าการตรวจเยี่ยมพบว่าทั้ง 2 รพ.ทำตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ ที่แสดงราคายาและค่าบริการ จัดทำเป็นเอกสารอัพโหลดบนคอมพิวเตอร์และมีในรูปของบัญชีกระดาษด้วย ให้ผู้มารับบริการเข้ามาดูได้ มีป้ายขนาดใหญ่เห็นชัดเจนติดบริเวณที่รับยาและจ่ายเงิน บอกแก่ผู้มารับบริการให้สามารถมาขอตรวจสอบราคายาได้ ส่วนเรื่องการกำหนดราคายาสูงสุดหรือราคายากลาง ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาราคายากลาง จะประชุมหารือในวันที่ 25 พฤษภาคม โดยมีตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยกันถึงราคายาที่เหมาะสมต่อไป

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับการแสดงรายละเอียดราคายา เวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาลลงในใบสั่งยา หรือใบเสร็จรับเงินให้ละเอียดชัดเจน กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะออกเป็นประกาศข้อกฎหมาย ขณะนี้กรมการค้าภายในกำลังพิจารณาข้อกฎหมายที่จะประกาศใช้เป็นการทั่วไปอยู่ การดำเนินการตรวจสอบ รพ.เอกชน หลังจากนี้จะตรวจสอบที่เข้มข้นในช่วงเดือนนี้และเดือนหน้า โดยส่งทีมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบตามสถานพยาบาลเอกชนต่อไป

กก.วิภาวดีชี้ทุนสูงต้องเปิด 24 ชม.

นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องยา ค่ารักษาพยาบาลแพงในโรงพยาบาลเอกชนเป็นประเด็นทางสังคมมานานแล้ว เมื่อได้มาทำงานบริหารโรงพยาบาลเอกชนเป็นเวลา 10 ปี จึงได้รู้ว่าต้นทุนค่ารักษาพยาบาลมีมากมายมหาศาล ต้องเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำแม้จะไม่มีผู้มารับการรักษาหรือใช้บริการก็ตาม ต้นทุนตรงนี้ผู้รับบริการอาจจะมองไม่เห็น

"ดังนั้นจะต้องแจกแจงออกมาให้ผู้รับบริการได้รับทราบ และแจกแจงให้ชัดเจน สะท้อนให้เห็นต้นทุนที่แท้จริง พร้อมคลี่ค่าใช้จ่ายที่อยู่ใต้พรมให้ผู้มารับบริการที่จะจ่ายเงินยอมรับได้ แล้วรวมในค่าบริการแก่ผู้มารับการรักษา โรงพยาบาลต้องบริหารจัดการตัวเองในฐานะเป็นคนทำธุรกิจ และต้องทำกำไรอย่างเป็นธรรม" นายชัยสิทธิ์กล่าว


นางปัทมา พรมมาส ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลนนทเวช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลมีบริการให้ผู้มารับบริการตรวจสอบราคายา ค่ารักษาครอบคลุมทุกรายการ โดยให้บริการในรูปแบบตู้คีออส จำนวน 3 ตู้ มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำการใช้งาน สามารถสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์ มีป้ายขนาดใหญ่ติดให้ผู้มารับบริการเห็นว่าสามารถขอตรวจราคายา ค่าบริการต่างๆ ได้ สำหรับใบเสร็จหรือใบรับยาปกติจะพิมพ์ออกแบบรวมค่ายาและค่าบริการไว้ในใบเดียว แต่ก็ทำให้เห็นส่วนค่ายา ค่าบริการเป็นเท่าไหร่ แต่หากผู้รับบริการต้องการใบเสร็จแบบแจกแจงค่ายา ค่ารักษาเป็นรายการก็สามารถขอได้ ส่วนค่ายา ค่าบริการที่จะอัพโหลดข้อมูลบนเว็บไซต์อยู่ในขั้นพิจารณาศึกษาอยู่

ตั้งอนุ กก.แก้เอกชนเก็บแพง

นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการ สธ.ดูแลคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการเรียกเก็บเงินค่ารักษากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชน ว่ามีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคณะกรรมการได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1 ชุด เป็นคณะทำงานเรื่องการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อพัฒนาระบบร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง 3 กองทุน รวมทั้งภาคเอกชนและโรงพยาบาลรัฐ เพื่อให้เกิดการบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ดีในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนมีกติกาที่ชัดเจน ไม่สร้างภาระทางการเงินแก่ประชาชน ที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน และจะช่วยให้เกิดค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

นพ.สมศักดิ์กล่าวถึงสาเหตุค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนที่แพงว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่ง ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายปัจจัย ไม่เฉพาะค่ายาเพียงอย่างเดียว อาจมีทั้งค่าบริการ ค่าดูแล รวมทั้งปริมาณตัวยา วัสดุและการตรวจที่เกิดขึ้น ในระหว่างนี้ สธ.ได้เชิญโรงพยาบาลเอกชนเดินหน้าทำระบบให้ประชาชนสามารถทราบและเปรียบเทียบราคาค่ายาและค่าบริการที่มีอยู่ โดยมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) หารือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อจัดทำระบบข้อมูลให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1432358019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 23, 2015, 07:08:33 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10196
ออฟไลน์

กระทู้: 47075


M85.ss


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2015, 09:57:35 PM »

ผมคนนึงไม่เคยบริจาคเลือด น้องเคยเจออุัติเหตุ ค่ารักษาเป็นแสน แต่ดูบิลมีค่าเลือด แต่วันที่ให้เลือดเห็นข้างถุงเลือดว่าห้ามจำหน่าย อ๋อย
บันทึกการเข้า

แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2015, 11:54:08 PM »

๓๐บาทรักษาทุกโรคคือทางเลือกของคนรายได้น้อยครับ รอนาหน่อยก็ต้องทนครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 08:02:06 AM »

ผมคนนึงไม่เคยบริจาคเลือด น้องเคยเจออุัติเหตุ ค่ารักษาเป็นแสน แต่ดูบิลมีค่าเลือด แต่วันที่ให้เลือดเห็นข้างถุงเลือดว่าห้ามจำหน่าย อ๋อย

ผมบริจาคเลือดมาร้อยกว่าครั้ง พอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
ตรงนี้มาจากสภากาชาดไม่ได้เรื่อง  ทำให้เข้าใจผิดกัน
เลือดที่ได้จากการบริจาค  เขาไม่ขาย ไม่เก็บเงินเฉพาะตัวเลือด   แต่มันมีต้นทุนอื่น เช่นค่าถุง ค่าตรวจ ค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ฯลฯ
บันทึกการเข้า
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 09:33:19 AM »

ผมเป็นไวรัสตับอักเสบ ครับ ไปบริจาคเลือดที่ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น เขาไม่เอา อ๋อย ไหว้
บันทึกการเข้า
แสนสุข
Hero Member
*****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 1291



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 10:55:29 AM »

ต้นทุนค่าบริการสูงไม่ว่าอะไร  แต่ต้นทุนค่ายาสูงแค่บางตัวเอามาอ้างทุกตัวไม่ได้  ตัวอย่างเช่นยาบางตัวต้นทุนแค่ 20บาท แต่คิด1,400บาท ก็เกินไป  แต่อีก รพ.คิด 600บาท ทั้งๆที่เป็นยาตัวเดียวกันอย่าลืมว่าเวลาเขาให้ยาไม่ต้องถามคนไข้ก่อนออกบิลเก็บตังค์อย่างเดียว  เดี๋ยวนี่ รพ.เอกชนใหญ่ๆที่ทุนหนาๆซึ่งในประเทศไทยมีไม่กี่กลุ่มไล่ซื่อกิจการของ รพ.เอกชนเล็กๆไปหมด หรือแม้แต่บริษัทผลิดยาหรือเวชภัณท์ทางการแพทย์ก็ถูกซื้อไปแล้ว  เพราะฉะนั้นอีกไม่นานรพ.เอกชนก็จะเป็นเครื่อข่ายเดียวกันเกือบหมดสังเกตุได้จากคำว่า"ในเครือ รพ.นู่นนี่นั่น"  หนีจากที่นึงก็ยังไปโดนอีกที่นึงอยู่ดีซึ่ง รพ.เอกชนเน้นการหารายได้เป็นหลักอยู่แล้วแต่การที่เอาความเจ็บไข้ได้ป่วยมาเป็นตัวประกัน  ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมมันเป็นการดำเนินธุระกิจที่ไร้ธรรมมาภิบาลอย่างร้ายแรง
บันทึกการเข้า

ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15861
ออฟไลน์

กระทู้: 13585


No justice No peace


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 11:27:47 AM »





ผมคนนึงไม่เคยบริจาคเลือด น้องเคยเจออุัติเหตุ ค่ารักษาเป็นแสน

แต่ดูบิลมีค่าเลือด   แต่วันที่ให้เลือด     เห็นข้างถุงเลือดว่าห้ามจำหน่าย อ๋อย







๓๐บาทรักษาทุกโรค   
 
คือทางเลือกของคนรายได้น้อยครับ

รอนาหน่อยก็ต้องทนครับ




555555   ยายบอกแล้ว  ไอ้ที่ดูเปลือกนอก  " สวย " อ่ะ  ฮา   คิก คิก คิก คิก

ไม่ได้หมายความว่า ข้างใน   " ต้อง งาม " อ่ะ ฮา 55555   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

55555  คนจนต้อง   " ปอเปียง "  อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.089 วินาที กับ 22 คำสั่ง