เรื่องทางแพ่งนั่นก็เป็นไปตามที่คุยกันใน Post ข้างบนครับ, แต่มีเรื่องทางอาญา ที่ บ.ประกันติดคุกแทนให้ไม่ได้นี่ซิ... ประเด็นคือหากสามารถนำสืบให้ศาลเห็นว่าคนขับรถบรรทุกนั้น"เล็งเห็นผล"ว่าถ้าตามไล่ชนคันหน้าที่หนีหัวซุกหัวซุนแล้วหลบออกซ้ายไม่ทัน คันหน้าตายแน่ๆ...
หากสามารถนำสืบ(หรือหาพยานหลักฐานอื่น - เช่นภาพ CCTV ตามรายทาง) ให้ศาลเห็นว่าไล่จี้ตูดกันมานานระยะหนึ่งแล้ว ในช่วงเวลาที่น่าจะคิดออกว่าถ้าชนตูมเข้าไป คันหน้าตายแหงแก๋แน่ๆ... อย่างนี้ถือว่าเล็งเห็นผลครับ, แสดงว่ามีเจตนา"เอาถึงตาย"...
มีความผิดฐานพยายามฆ่า... รับโทษ 2/3 ของความผิดสำเร็จครับ...
แฟนผมให้การตามนั้นครับพี่สมชาย เพื่อขยายผลในคดีอาญา... ให้การว่ารถใหญ่ก็น่ากลัวอยู่แล้ว และยังซิ่งตะบึงเพื่อไล่ให้ทันจากแยกเกาะกลอยมาถึงจุดเกิดเหตุน่าจะถึง 10 กิโลครับ...
และถ้าสังเกตุตรงล้อของรถการไฟฟ้า ไม่มีรอยเบรคเลยครับ.. เหมือนกับว่าพอขับตามมาเลนขวาเห็นรถที่แฟนผมขับที่พยายามหนีออกซ้าย เลยเลี้ยวออกตามแต่ไม่พ้น กันชนขวาอัดท้ายอัลติสครึ่งคัน ส่วนกันชนซ้ายมาแตะท้ายรถผมพอให้กันชนเผยอ แต่เพราะแรงปะทะจากรถทางขวาเลยทำให้รถการไฟฟ้าหยุดอยู่แค่นั้น...
ความรู้สึกของแฟนผมคือพอหลบเข้าเลนซ้ายได้ ก็แทบจะพร้อมกับเสียงชนที่ดังสนั่นไล่ท้ายรถทันที...
ส่วนที่ผมโมโหคือการขับไล่ล่าบนท้องถนน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์นี้มาทีแล้ว ยังมามีเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีก...
และถ้าเป็นรถที่แฟนผมขับอยู่คันสุดท้ายพอดี ผมก็ไม่รู้จะควบคุมอารมณ์ไม่ให้มีเรื่องได้ยังไงครับ...
ยังถือว่าคนขับรถไฟฟ้าคันนี้ยังมีดวงที่ผมไม่ได้อยู่ในรถพร้อมกับแฟน หรือว่ายังโชคดีที่ยังเป็นตอนเช้า...
เรื่องอย่างนี้อาจจะเกิดกับลูกเมียใครก็ได้ครับ ถ้ายังมีคนขับรถที่มีพฤติกรรมอย่างนี้... โมโหแต่ก็กลั้นใจเยอะมากครับ ยิ่งถ้าใครอยู่ในเหตุการณ์ และพวกนั้นมีลูกน้องมาในรถด้วยเกือบ 10 คน และแต่ละคนไม่ยอมพูดความจริง บอกว่าขับมาเรื่อยๆ...
ผมผลักอกคนขับ เพื่อหวังให้เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท แต่ถ้าโดนรุม ก็กะจะชักปืนยิงขู่แถวๆตาตุ่มครับ...