แผนการยึดปืน 5 ปี สรุปทั้งแผน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติแผนการดำเนินงานตามนโยบายการควบคุมอาวุธปืน ฯ ระยะเวลา 5 ปี (ต.ค.46 ถึง ก.ย.51) ซึ่งมีชื่อย่อว่า แผนควบคุมอาวุธปืน โดย นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการ เป็นแผนที่ตอบสนองนโยบายที่จะกำจัดอาวุธปืนนอกกฎหมาย และจะควบคุมการมีและใช้อาวุธปืนส่วนบุคคลเพื่อนำไปสู่การไม่อนุญาตให้ประชาช นมีไว้ในครอบครอง หรือพกพาอาวุธปืน รวมทั้งการห้ามจำหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนอย่างเด็ดขาด
การปราบปรามอาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนนอกกฎหมาย จะประกอบด้วย 3 มาตรการ ประกอบด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนนำอาวุธปืนนอกกฎหมายมามอบให้กับทางราชการภ ายในระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ โดยเมื่อพ้นกำหนดแล้วก็จะระดมกำลังกวาดล้างอย่างจริงจัง และการเพิ่มโทษในกฎหมาย
การควบคุมอาวุธปืนส่วนบุคคล ประกอบด้วยการทะเบียนฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงกันทั่วประเทศ และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใบ ป.4 ให้เป็นแบบเล่มคล้ายสมุดธนาคาร หรือสำเนาทะเบียนบ้านแบบใหม่ และจะต้องต่อใบอนุญาตกันใหม่ทุก ๆ 1-3 ปี โดยนายทะเบียนมีอำนาจงดต่อใบอนุญาตได้เมื่อพบว่าผู้ได้รับใบอนุญาตมีพฤติการ ณ์ไม่เหมาะสม และภายใน 5 ปีก็จะงดการอนุญาตให้กับผู้ขออนุญาตรายใหม่ ส่วนผู้ที่มีอยู่แล้วจะต้องเปลี่ยนใบอนุญาตเป็นการมีไว้เพื่อเก็บ โดยจะต้องทำให้อาวุธปืนใช้งานไม่ได้ ทั้งนี้มีข้อยกเว้นเฉพาะการเพื่อการกีฬา หรือการใช้อาวุธปืนสำหรับธุรกิจด้านด้านให้บริการรักษาความปลอดภัยทางการเงิ น
การจำกัดการพกพาอาวุธปืน ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน โดยในระยะแรกจะออกคำสั่งจำกัดการออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน โดยกำหนดให้ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นราย ๆ ไป ในลักษณะเดียวกับคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 235/2546 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2546 โดยจะออกคำสั่งในลักษณะนี้ออกมาเป็นคราว ๆ และในขั้นตอนที่สองจะแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ จากเดิมที่ประชาชนสามารถพาอาวุธปืนออกจากบ้านได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด ่วน เป็นการห้ามนำอาวุธปืนออกมาจากบ้านโดยเด็ดขาด ในทุกกรณี
การควบคุมอาวุธปืนของส่วนราชการ ประกอบด้วยการห้ามการนำเข้าอาวุธปืนเพื่อเป็นสวัสดิการเจ้าหน้าที่ของรัฐ นโยบายควบคุมอาวุธปืนจะมีผลต่อประชาชนทั่วไป กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่าเทียมกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีหน้าที่รักษาความมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อย จะต้องถูกยึดปืนส่วนตัวและใช้อาวุธปืนของทางราชการเท่านั้น โดยจะต้องทำการเบิกจ่ายจากหน่วยงานต้นสังกัดในลักษณะของการยืมไปใช้ในการปฏิ บัติหน้าที่ และต้องส่งอาวุธปืนคืนเมื่อพ้นจากตำแหน่ง
การจำกัดการพกพาอาวุธปืน ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของรัฐพกพาอาวุธปืนโดยเปิดเผย อาจเป็นที่หวาดเสียวแก่ประชาชน ซึ่งเป็นวิธีการพกพาอาวุธปืนที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจะต้องแก้ไขพฤติกรรมการพกพาอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าท ี่รักษาความมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งหมายถึงทหารและตำรวจ ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการพกพาอาวุธปืนให้เหมาะสมโดยพกพาให้มิดชิด ซึ่งจะเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ถูกต้องต่อไป
การควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายอาวุธปืน ประกอบด้วยการควบคุมร้านค้าอาวุธปืนให้ทำบัญชีรายละเอียดอาวุธปืน กระสุนปืนให้ตรงตามความจริง ห้ามการนำเข้าเครื่องกระสุนปืนเพื่อการค้า โดยยึดถือหลักการที่ว่าถ้าหากไม่มีเครื่องกระสุนปืนจำหน่าย อาวุธปืนก็จะหมดความหมาย และจะต้องควบคุมการแพร่กระจายกระสุนปืนจากสนามยิงปืนอีกด้วย
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197391&NewsType=1&Template=1วันที่ 26 เมษายน 2552 เวลา 14:20 น.
นายกฯชี้อาจต้องจัดระเบียบอาวุธ
วันนี้(26 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุถึงการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมีข่าวดีภายใน 7 วัน ว่า ตนยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.ท.อัศวิน แต่ท่านก็ต้องมีเหตุผลที่ประกาศไปเช่นนั้น
เมื่อถามถึงการตรวจพบอาวุธสงครามหลายจุดทั้งในกรุงเทพฯและศรีสะเกษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรมองข้าม และเป็นสิ่งที่บ่งบอกด้วยว่าในอนาคต ปัญหาเรื่องอาวุธสงครามต้องมีการจัดระบบกัน แม้กระทั่งการใช้อาวุธต่างๆ เพราะถ้าปล่อยให้อาวุธต่างๆไปอยู่ในมือของคนในง่าย จะมีความเสี่ยงอยู่ตลอดในเรื่องของความรุนแรง
ข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกครับ ในกระทู้ของท่านนายกฯ
ความเห็นของท่านนายกและแนวทางการจัดระเบียบเดิม