๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

22 ก.พ. 2556 เวลา 11:39:16 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ทูตพาณิชย์ไทยประจำปักกิ่ง ชี้ต้นตอจีนห้ามนำเข้ารังนกนางแอ่น เหตุตรวจเจอ"รังนกเลือด"ปลอมย้อมสี มีสารไนไตรท์เกินมาตรฐาน

จากกรณีคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดชุมพร เชิญผู้ได้รับสัมปทานจัดเก็บรังนก 9 จังหวัด ประกอบด้วยประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง กระบี่ ตรัง พังงา สตูล และตราด พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหาที่ทางการจีนห้ามนำเข้ารังนกนางแอ่น ภายหลังตรวจพบรังนกที่นำเข้าจากมาเลเซียมีสารไนไตรท์เกินมาตรฐาน หากบริโภคมากเกินไปจะเกิดพิษต่อร่างกาย หรือทำให้เสียชีวิตได้นั้น

เมื่อ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร อัครราชทูตฝ่ายพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ทางการจีนห้ามนำเข้ารังนกนางแอ่นในระดับรุนแรงกว่าเดิม เนื่องจากปลายปี 2554 มีการตรวจพบรังนกเลือดที่มีสารไนไตรท์เกินมาตรฐาน สันนิษฐานว่าเป็นรังนกเลือดของปลอม เพราะคนจีนนิยมรังนกเลือด จึงมีการย้อมสี พอตรวจสอบพบก็เหมารวมทุกประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย สั่งห้ามทั้งหมด จำได้ว่านายหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจีนอยู่ในเวลานั้น ได้รับมอบหมายจากนายเวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีนในขณะนั้น มานั่งเป็นประธานดูแลเอง และออกคำสั่งเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ห้ามนำรังนกเข้าประเทศ โดยจะมีการตรวจค้นกระเป๋า ถ้าพบจะยึดทันที ซึ่งไม่คุ้มค่ากับผู้ลักลอบนำเข้าไป เพราะรังนกมีราคาแพง ประกอบกับมีปัญหาไข้หวัดนกด้วย

"หลังจากมาตรการดังกล่าวออกมา ทางกระทรวงเกษตรฯกับสำนักงานเพื่อตรวจสอบ กักกัน และกำกับดูแลคุณภาพแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (เอคิวเอสไอคิว) ได้ออกประกาศเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ห้ามนำเข้ารังนกที่มีสารไนไตรท์เกิน 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ปรากฏว่ารังนกส่วนใหญ่ที่นำเข้ามีค่าสารไนไตรท์สูงกว่าทั้งนั้น แม้จะขออนุญาตนำเข้าก็ไม่ผ่านอยู่ดี"นายไพจิตรกล่าว

นายไพจิตร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับทางจีนเพื่อแก้ปัญหา โดยกำหนดขั้นตอน กฎระเบียบให้ชัดเจน ด้วยการยกร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบและกักกันโรคในสินค้ารังนก จากไทยสู่จีน ซึ่งได้ตรวจสอบร่างพิธีสารระหว่าง 2 ประเทศ 2 รอบแล้ว และตอนนี้ร่างดังกล่าวอยู่ในมือทางการจีน คาดว่าจะตรวจและลงนามภายในครึ่งปีแรกนี้ จากนั้นครึ่งปีหลังจะพาคณะจีนไปสำรวจจุดเก็บรังนกในไทย เพื่อขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงรังนกนางแอ่น ตีทะเบียนผู้ประกอบการ และออกใบอนุญาต ทั้งนี้ ทราบว่าทางมาเลเซียและอินโดนีเซียก็มีการยกร่างพิธีสารดังกล่าวเหมือนกัน แต่ยังไม่คืบหน้า ซึ่งทางการจีนคงจะเกลี่ยตารางเวลาเพื่อศึกษาร่างพิธีสารให้สอดคล้องเป็น มาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้จะเรียบร้อย และต้นปี 2557 ธุรกิจรังนกจะฟื้นตัวแน่นอน

นายภพพล ศิริลักษณพงศ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) พังงา กล่าวว่า ผู้ที่ประมูลสัมปทานรังนกได้ในพื้นที่เกาะรังนก อ่าวพังงา เป็นผู้ประกอบการต่างจังหวัด ไม่มีผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ จ.พังงา ส่วนความสะอาดของรังนกใน จ.พังงานั้น เชื่อว่ามีความสะอาดสูง เนื่องจากพื้นที่มีรังนกทั้งหมดมีสภาพเป็นเกาะในทะเล ห่างไกลชุมชน และเป็นพื้นที่มีอากาศสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีโรงงานและชุมชนอยู่ใกล้ ทั้งนี้ การประมูลสัมปทานรังนกจะจัดให้ยื่นซองประกวดราคา 5 ปี/ครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ประมูลไปก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง ทสจ.พังงา

นายอภิชาต กิจประสาน ผู้จัดการบริษัท ขวานเพชร (สยาม) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่นบนเกาะยุ้ง และเกาะมัดหวาย ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร กล่าวว่า จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ทราบว่าสาเหตุของปัญหารังนกจากเมืองไทยไม่สามารถส่ง ไปขายประเทศจีนได้ เกิดจากบริษัทรังนกในมาเลเซียมีการฉีดสีรังนก เพื่อต้องการให้ได้ราคาสูงขึ้น เพราะตามปกติรังนกที่มีราคาแพงจะมีเลือดนกผสมอยู่ด้วย ซึ่งรังนกประเภทนี้เป็นรังนกที่เก็บในรอบสุดท้ายในแต่ละปี เชื่อกันว่ามีคุณค่าทางอาหารสูงกว่ารังนกทั่วไป ส่วนผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ส่งออกรังนกจากไทยไปจีนในขณะนี้คือ รังนกที่ผู้ได้รับสัมปทานเก็บได้ไม่สามารถระบายไปยังประเทศจีนได้ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าอากรรังนกได้ตามสัญญา ปกติแล้วประเทศไทยสามารถผลิตรังนกได้ประมาณ 18 ตันต่อปี มีมูลค่ารวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท และรังนกส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน แต่เมื่อไม่สามารถส่งออกได้ จึงทำให้ขณะนี้รังนกเริ่มมีราคาตกลง เช่น รังนกบ้านที่เคยจำหน่ายกันในราคา กก.ละ 2-3 หมื่นบาท ลดลงเหลือ กก.ละ 1.5 หมื่นบาทเท่านั้น[/color]

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1361508066&grpid=09&catid=19

ดีครับ คนไทยจะได้กินรังนกถูกๆ ;D

รังนกเกรดดีสีขาวเรียกว่า "กัวอี่" เกรดAAA ราคาประมาณ กก.ละ 50,000

แต่รังนกที่ดีที่สุดคือ "หัวอี่" มีสีอมแดง เพราะมีเลือดนกปนออกมากับน้ำลายด้วย หายากและราคาแพงมาก

แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียง "ความเชื่อ" เรื่องสรรพคุณยาเท่านั้นครับ

กลัวว่า จะกลายเป็นรังนก ปลอม ที่ทำมาจากยางคารายา แป้งข้าวเจ้าและน้ำมันสิครับ น้าจอย

พี่จอยชอบกินรังนกนางแอ่นเหรอ ของชุมพรก็มีนะ ใส่ขวดขายไม่แพง
ผมก็ชอบนะนางแอ่นนี่

จริงๆ หน่วยงานสาธารณะสุขหรือ อาหารที่เกี่ยวข้องน่าจะท้าพิสูจน์นะว่ามันให้สารอาหารอะไรบ้าง
ถ้าไม่คุ้มค่าคนจะได้เลิกกินเสียที น้องเนยสงสารนกเร่ร่อนไร้บ้านเหล่านั้นจังเลย

จริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับเพราะมันหวาน แต่ถ้าเป็นน้องนกหละแฮ๊ม :D~

นองนกคนนี้ใช่ม๊าๆๆๆๆ...น้าจอย...

(http://images.temppic.com/22-02-2013/images_vertis/1361516755_0.19742800.jpg) (http://www.temppic.com/img.php?22-02-2013:1361516755_0.19742800.jpg)

ดีครับ จะคนไทยจะได้โขมยน้ำลายนกกันน้อยๆหน่อย

สรรพคุณนั้นเชื่อ 50/50 แต่ เจ็บใจคนขี้โกงมักง่าย >:(
สีย้อมผ้า ซองหนึ่งไม่กี่บาท  ทำให้รายได้ประเทศหายไป เป็นหลายพันล้านบาท

ทำไมไม่เอาเลือดนกมาฉีด

เกาะ 4 เกาะ 5 บ้านเรา.......เดือดร้อนแล้ว

     แต่ก่อนเคยชื่นชอบรังนกครับ  แต่พอได้รับสื่อเกี่ยวกับวิธีการให้ได้มาซึ่งรังนกโดยเฉพาะรังนกสีเลือด  :-\ :-\ :-\

     ...ตอนนี้เลยไม่กินและไม่ซื้อไปฝากใครแแล้วครับ  :D :D :D

   

   ผมสงสารนกนางแอ่นนะ........ใช้น้ำลายทำรังจนเป็นเลือด ก็ยังถูกคนแวะเอาไปขายอีก

   ไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจะไข่ใส่อะไร........... ::004::

   แต่ถ้าเป็นนกอื่นต้องรีบหาใบกะเพรา พริก กระเทียม มาให้พร้อมสรรพ  ::008::

เห็นว่าคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่าไข่ ๑ ฟองอีกนะครับ สรุปอย่างไรกันแน่ แต่ผมไม่ชอบกินครับ แพงเกิน

ปกติเจอแต่ของจีนปลอม  ไม่ใช่ปลอมกันเองแล้วมาโทษเราหรือครับ

สม..น้ำหน้า...ฉลาดกันดีนัก ทำไม ถึงทำดีๆ ไม่ได้ คงคิดว่าคนอื่นเขาคงจะโง่มั้ง

ลื้อมาหลอกอั๊วได้ยังไง  อั๊วซิต้องหลอกลื้อและคนทั้งโลก

ผมได้ยินข่าวเรื่องนี้มา2-3เดือนแล้ว แถวเยาวราชคนจีนที่มาเที่ยวไม่ซื้อรังนกกลับไปเลย ขายแทบไม่ได้

จีนบางทีก็เขี้ยวเกิ๊น ที่ตัวเองขายคนทั้งโลก แต่กลับกีดกันทางการค้าคนอื่นเค้า

นี่เห็นเที่ยวตื้อจะทำรถไฟทะลุมาบ้านเรา ถ้ามาได้ ตายแน่ คนไทยไม่ต้องทำมาหากินแล้ว มันคงขนของมาขายทุกอย่าง  ::010::

มองในแง่ดีหน่อยเบิ้ม บรรดา หมวยๆทั้งหลายก็จะนั่งรถไฟมากันใหญ่ พันกว่าล้านคนนะเบิ้ม หมวยมาสักปีละ10ล้าน..ก็..เหอะนะ อย่าให้พูด ::008::

ไำด้ข่าวเมืองจีนก็ขาดแคลนหมวยครับพี่ดุล ผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิงหลายเท่าตัว  ::005::

    มันจะโกงเขายังเสือกโง่อีกครับพี่... ::005::

พวกอาตี๋ไม่ให้มา ต้องคัดกรองวีซ่าอย่างดี โสดๆ ไม่ให้เข้า
มีเมียแล้ว เข้าได้

จีนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนะครับ


ส่วนเรื่องสินค้าไม่ต้องรอรถไฟครับ ตอนนี้ก็ใส่เรือล่องแม่น้ำลงมาแล้วนี่ครับ 

อย่างแท่นเจาะที่เข้ามาทำงานเมืองไทย แม้แต่ไม้กวาดยังขนมาจากบ้านเขาเลยครับ เงินแทบไม่รั่วไหลเลย อะไรที่เสียหายซ่อมเมืองไทยได้ไม่ซ่อม เก็บใส่ตู้กลับไปซ่อมบ้านเขาหมดครับ  ทำงานกับแท่นเจาะจีนไม่ต้องกลัวอะไหล่ไม่มีครับ  อะไหล่มีเยอะ แต่ที่ต้องกลัวคือ ไอ้ที่มีเยอะนะ อันไหนละที่จะใช้ได้ครับ

 ::002::

ไม่เอามาให้ส้วมสกปรกหรอก ขี้ฉี่ก็ไม่ราด

รังนกสีแดง  น่าจะเกิดจากสถานที่ที่นำไปทำรังครับ  (รังนกเกาะ)  ตามธรรมชาติตามถ้ำแต่ละแห่งมีแร่ธาตุไม่เหมือนกัน   บางถ้ำจะมีสีออกแดง ๆ ครับ ส่วนรังนกบ้านผมไม่เคยเห็นรังนกสีแดงครับ  น่าจะเป็นความเชื่อผิด ๆ มากกว่า ส่วนที่ว่ารังนกสีแดงดีกว่าก็อาจจะเป็นเพราะแร่ธาตุที่ติดมาตามธรรมชาติครับ

ต่างวัฒนธรรม ต่างจริต ผมว่าปรับตัวยากมากครับ ผู้หญิงไทย(ส่วนหนึ่ง)ยังมีสเน่ห์อยู่มากครับ  :VOV:

 รังนก ทำมาจากน้ำลายของนกนางแอ่นหรือนกอีแอ่น ซึ่งสำรอกออกมาแล้วจับตัวแข็งมีรูปร่างคล้ายกับรังนก น้ำลายของนกนางแอ่นที่สำรอกออกมาครั้งแรก จะมีสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเรียกกันว่า รังนกขาว จัดได้ว่าเป็นรังนกที่มีคุณภาพดีที่สุด ส่วนน้ำลายที่นกนางแอ่นสำรอกหลังออกมาจากครั้งแรก จะเว้นสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่สำรอกออกมาจนหมดตามที่เข้าใจ นกนางแอ่นสำรอกน้ำลายเพื่อออกมาสร้างรังนกจนกระอักเลือดนั้น ไม่เป็นความจริง รังนกที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้น เกิดจากสนิมในถ้ำที่นกทำรังไว้ได้รับความชื้นสูง สนิมจึงแทรกซึมเข้าไปในรัง โดยเฉพาะรังที่นกสร้างขึ้นในช่วงที่สอง และสาม ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝน ผิดกับรังแรกที่สร้างขึ้นในฤดูหนาว ประมาณเดือนกุมภาพันธ์

 


          สำหรับในเมืองไทยนั้น เรามีนกนางแอ่นสามชนิดด้วยกัน คือ นกแอ่นกินรัง นกแอ่นกินรังตะโพกขาว และนกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือนกแอ่นรังดำ นกนางแอ่นสองชนิดแรกนั้น จะให้รังนกสีขาว ส่วนชนิดหลัง จะให้รังสีดำ โดยที่รังจะมีขนนกเป็นส่วนผสมด้วย แต่ทั้งสามชนิดนั้นสามารถใช้รับประทานได้

*******************************************

รวยแล้วยังโกง สม..... ::005::

  เคยมีรายงานการวิจัย นานมาแล้วว่า รังนกยี่ห้อดัง1ขวด มีคุณค่าทางอาหารเท่าถั่ว2เมล็ดเท่านั้น
พักหลังเงียบไป คงโดนพลังเงินปิดปากไปแล้ว ::012::
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2231750

ผมว่า น้ำลูกสำรอง ก็คล้ายรังนกทั้งแท้และเทียม  แต่อาจจะมีคุณค่ามากกว่าครับ 

 เป็นสีของแร่ธาตุ ที่อยู่บนผนังถ้ำไม่ใช่หรือครับ
 ถ้าเป็นน้ำลายที่มีเลือดบน เกิดจากโดนเก็บรังหลายรอบ น่าจะราคาถูก

ตามตำรับยาจีน รังนกสีเลือดที่เรียกว่า "หัวอี่" มีสรรพคุณดีที่สุดและราคาแพงที่สุด เกิดจากน้ำลายนกที่มีเลือดปนครับ
ไม่งั้นคงไม่มีการทำปลอมตามข่าวที่ออก

อีกข้อหนึ่งน้ำลายนกไม่มีคุณสมบัติกัดกร่อนหรือดูดซับแร่ธาตุจากผนังหินปูนได้หรอกครับ
และสีแดงตามธรรมชาติก็คือสีออกไซด์ของเหล็กซึ่งในถ้ำหินปูนทั่วๆไปก็ไม่มี่เช่นกัน

ข้อมูลที่ผมทราบนี้นานมากแล้วครับอาจผิดพลาดได้ ถ้ามีข้อมูลใหม่กว่ารบกวนเอามาเผยแพร่ด้วยครับ   ::014:: ::014::

หน้าตารังนกแดงเกรด AA ที่ขายในบ้านเรา ถ้ามันแดงขนาดนี้แปลว่าน้ำลายนกต้องมีคุณสมบัติสามารถกัดกร่อนและดูดซับแร่ธาตุสูงมากทีเดียวครับ
(http://www.siambirdsnest.com/images/birdnest_Red01_b.jpg)



อีกแบบคือรังนกขาแดง ที่ส่วนขารัง(ส่วนที่ติดกับผนังถ้ำ)จะมีสีแดง แบบนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะละลายแร่ธาตุจากผนังถ้ำเอาไว้
(http://www.siambirdsnest.com/images/goldbirdnest01.jpg)

สอง รังนกนางแอ่นสีชมพู คือรังนกนางแอ่นสีขาวที่มีสีชมพูเจือปน เป็นรังนกแรกของนกนางแอ่นสาวที่เพิ่งทำรังครั้งแรกเพื่อวางไข่ครั้งแรก อาจเทียบได้กับสตรีพรหมจารี ดังนั้นเมื่อวางไข่จึงอาจมีเลือดซึมออกมา และทำให้รังนกสีขาวเป็นสีชมพูจาง ๆ หลังการวางไข่ครั้งแรกแล้วจะไม่มีเลือดนกออกมาด้วย รังนกชั้นหลังจึงไม่เป็นสีชมพู เพราะเหตุนี้รังนกสีชมพูจึงเป็นรังแรกรังเดียวของชีวิตนกนางแอ่น จึงเป็นเหตุให้นิยมว่ามีคุณภาพสูงมากและมีราคาสูงกว่าชนิดแรก แต่อย่าลืมว่าเลือดนกนั้นน้อยนัก หากสีชมพูมากผิดปกติก็อาจเป็นสีที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้น  
เจอข้อมูลแล้วครับ  ;D
http://www.paisalvision.com/news/77-special-reports/7067--qq.html

ขอบคุณมากครับพี่   ::014:: ::014:: ::014::