รบกวนปรึกษาครับ พอดีผมทำประกันชีวิตให้พ่อภรรยา
แต่ไมได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยา และไม่มีบุตรด้วยกัน
ปัจจุบันพ่อภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ประกันกำลังตั้งเรื่องจ่ายค่าสินใหมอยู่ เงินไม่มากครับ ประมาณ 300,000.-
แต่ถ้าได้มามันก็มีค่ามีประโยชน์กับคนที่ไม่ค่อยจะมีอย่างผมมากมาย
ปัญหามันเกิดตรงที่ผมเป็นคนจ่ายเงินประกันมาตลอด เจ้าหน้าที่ประกันก็ทราบว่าผมเป็นคนจ่าย
แต่ผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อภรรยา เพราะตอนทำผมทำงานอยู่กรุงเทพ
ภรรยากับเจ้าที่เขาทำกันที่ต่างจังหวัดผมเป็นคนโอนเงินค่าประกันให้
หลังพ่อภรรยาเสียชีวิต ภรรรยาบอกว่าถ้าได้เงินประกันมาแล้วผมไม่มีสิทธิในเงินจำนวนนี้
เพราะมีชื่อเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์
และขอแยกทางกับผมครับ เรื่องแบบนี้มีทางแก้ไขบ้างรึเปล่าครับ เพราะส่วนตัวเราช่วยทางบ้านภรรยาใว้มาก
หมดค่างานศพไปเกือบแสนบาท ผมก็ไปกู้เขามาจัดงานให้ก่อน หวังว่าได้เงินส่วนนี้ไปคืนเขา
แต่เรื่องออกมาเป็บแบบนี้ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรครับ มีทางแก้ไขอย่างไรบ้างรึเปล่าครับ
ส่วนเรื่องแยกทางกันผมไม่ว่าครับเป็นสิทธิของเขาจะตัดสินใจ
ผัว - เมีย ไม่ได้จดทะเบียน กฎหมายบอก " เป็นคนอื่น " อ่ะ
การทำประกันชีวิต " ผู้รับผลประโยชน์ " ต้องเป็น สายโลหิต
หรือ คนในครอบครัว หรือ เป็นผู้มีส่วนได้เสีย อ่ะ
เรื่องที่ถาม " แมวกินปลา " ไปแล้วอ่ะ
http://www.alife.co.th/web/article.php?catid=24&id=118 เราจะทำประกันชีวิตให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ ??
โดย พีรภัทร ฝอยทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
peerapat.f@alife.co.thโทร.02-648-3333
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านกลับมาพบกันเป็นประจำอีกแล้วนะครับ กับคอลัมน์ที่จะมาให้สาระความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการทำประกันชีวิต ซึ่งวันนี้ผมก็มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการทำประกันชีวิตดีๆ มาฝากอีกเช่นเคยครับ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมามีเพื่อนร่วมงานของผมท่านหนึ่งได้สอบถามมาว่า มีลูกค้าต้องการทำประกันให้กับน้องสาวของตัวเอง แบบนี้บริษัทจะสามารถรับประกันภัยได้หรือไม่ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่อยากจะมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน เพราะหลายท่านอาจจะสงสัยว่า จริงๆแล้วเราจะสามารถทำประกันชีวิตให้คนอื่นๆ ในครอบครัวได้หรือไม่
แต่ก่อนที่จะตอบเรื่องการประกันชีวิตนี้ ผมขอยกหลักกฎหมายในประเทศไทยที่ได้กำหนดหลักการทำประกันภัยที่กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด อ่านภาษากฎหมายแล้วหลายท่านอาจจะงง ๆ ดังนั้นผมขออนุญาตแปลเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ๆ ดีกว่าครับ หลักกฎหมายข้อนี้ต้องการบอกท่านผู้อ่านว่า ในการทำสัญญาประกันภัยนั้น ผู้เอาประกันภัย หรือคนที่ทำประกันนั้น จะต้องมีส่วนได้เสียกับเหตุที่เอาประกัน มิเช่นนั้น สัญญาประกันภัยนั้น จะไม่มีผลผูกพันกับคู่สัญญา
สำหรับสาเหตุที่กฎหมายต้องกำหนดเอาไว้เช่นนี้ ก็เนื่องจาก ไม่ต้องการให้เกิดการค้ากำไร หรือการพนันขันต่อจากการทำประกันภัยนั่นเองครับ ท่านผู้อ่านลองคิดดูว่าถ้าเกิดกฎหมายอนุญาตให้ใครทำประกันภัยเรื่องอะไรก็ได้ ก็จะกลายเป็นว่าผู้ที่ทำประกันภัยนั้นกำลังพนันกับบริษัทประกันภัยว่าจะเกิดเหตุขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่เกิดเหตุ ผู้ทำประกันภัยก็จ่ายเบี้ยประกันไปเปล่า ๆ แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้น บริษัทประกันก็จะชดใช้เงินสินไหมทดแทนกลับมาให้ผู้ทำประกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันที่ชำระมา ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างจากการพนันเลยใช่ไหมครับ
ย้อนกลับมาที่การทำประกันชีวิต ซึ่งจัดเป็นการทำประกันภัยประเภทหนึ่ง ดังนั้นเราก็ต้องนำหลักในเรื่องดังกล่าวมาใช้ด้วยเช่นกันครับ นั่นแปลว่า การทำประกันชีวิตนั้น ผู้ที่ทำประกันชีวิตจะต้องมีส่วนได้เสียกับชีวิตของบุคคลที่เราจะทำประกันให้ด้วย ซึ่งหลักเกณฑ์นี้เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้กันในการทำประกันชีวิตทั่วโลก เพียงแต่ว่าการตีความคำว่าส่วนได้เสียนั้น ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามนิยามในกฎหมาย หรือ การตีความของศาลในแต่ละประเทศ
ในส่วนของประเทศไทยการพิจารณาว่ามีส่วนได้เสียนั้น จะถือตามความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือความสัมพันธ์ทางกฎหมาย ก็ได้ เช่น การที่พ่อแม่ทำประกันชีวิตให้ลูก หรือลูกทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ เพราะพ่อแม่ และลูกย่อมมีส่วนได้เสียกันในการมีชีวิตอยู่ของอีกฝ่าย หรือกรณีของคู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นการที่สามีทำประกันชีวิตให้ภรรยา หรือภรรยาทำประกันชีวิตให้สามี เช่นนี้ กฎหมายก็ถือว่ามีส่วนได้เสียเช่นกัน ทั้งนี้ คำว่าคู่สมรสนั้นจะต้องเป็นตามกฎหมาย คือ มีการจดทะเบียนสมรสกัน หรือจะเป็นการสมรสกันตามประเพณีแล้วอยู่กินกันก็ได้ นอกจากนี้ คำว่ามีส่วนได้เสียนี้ ยังรวมไปถึงการที่คู่หมั้นทำประกันชีวิตให้กันได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่เป็นเพียงแค่แฟนกัน หรือเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันแบบที่ดาราชอบใช้นั้น กฎหมายก็จะถือว่ายังไม่มีส่วนได้เสียในชีวิตของอีกฝ่าย จึงไม่สามารถทำประกันชีวิตให้กันได้นั่นเอง
อ่านถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายท่านอาจจะเกิดข้อสงสัยว่า แล้วกรณีที่ไม่ใช่พ่อ แม่ ลูก แต่เป็นญาติกันล่ะ จะสามารถทำประกันชีวิตให้กันได้หรือไม่ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ต้องการจะทำประกันชีวิตให้หลาน แบบนี้จะมีผลผูกพันตามกฎหมายหรือไม่ ในเรื่องนี้ ผมต้องขอบอกก่อนว่ายังไม่เคยเกิดเป็นคดีความในประเทศไทย ดังนั้นจึงเป็นเพียงความเห็นของนักกฎหมายหรือนักวิชาการเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะบอกว่าสามารถทำได้ หากเป็นกรณีญาติที่สนิทกันทางสายเลือด โดยอาจจะพิจารณาว่าเป็นญาติที่มีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมหรือไม่นั่นเอง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัย ซึ่งฝ่ายพิจารณาการรับประกันภัยจะมีหลักเกณฑ์มาตรฐานในการพิจารณารับประกันภัยด้วยว่าจะพิจารณารับประกันหรือไม่ ซึ่งถ้าฝ่ายพิจารณามองแล้วว่า ผู้ที่ทำประกันชีวิตมีเจตนาไม่สุจริต เช่น เป็นเพียงพี่ แต่ทำประกันชีวิตของน้องเอาไว้ในวงเงินที่สูง ก็อาจจะมีเหตุสงสัยได้ว่าผู้ที่ทำประกันชีวิตนั้นมีเจตนาที่จะแสวงหาประโยชน์จากการทำประกันชีวิตในครั้งนี้ก็เป็นได้ ฝ่ายพิจารณาก็อาจจะพิจารณาไม่รับประกันก็ได้นะครับ เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงของบริษัท และถ้าเป็นญาติห่าง ๆ หรือญาติที่ไม่มีสิทธิ์รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมนั้น แบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยครับ กฎหมายถือว่าไม่มีส่วนได้เสียพอที่จะสามารถทำประกันชีวิตให้กันได้อย่างแน่นอน