วินเชสเตอร์ โมเดล 94 TE
คานเหวี่ยง .44 แม็กนั่ม

ตอนเด็กๆดูหนังเคาบอย เห็นพระเอกเดินเข้าไปซื้อกระสุนปืนแล้วเทจากกล่องออกมาบรรจุใส่ปืนสั้นข้างเอว พอเดินออกมาถึงม้าคู่ใจก็ดึงไรเฟิลคานเหวี่ยงออกมาแล้วก็ใช้กระสุนกล่องเดิมนั่นละครับ บรรจุใส่เข้าไปในปืนไรเฟิลอีกด้วย ตอนนั้นผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะนึกว่ากระสุนปืนยาวมันน่าจะมีขนาดใหญ่แล้วก็ยาวตามตัวปืน ส่วนกระสุนปืนสั้นก็น่าจะสั้นกว่ากระสุนของปืนยาว ต่อมาโตพอที่จะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษจับความได้บ้างจึงทราบว่ามีกระสุนปืน หลายแบบที่ใช้ได้ทั้งปืนสั้นและปืนยาว อย่างเช่น .32-20, .38-40 หรือ .44-40 กระสุนบางขนาดก็มีเพียงแต่ที่มีความรุนแรงปานกลางเพียงแบบเดียวใช้ได้ทั้งปืนสั้นและปืนยาว แต่กระสุนบางขนาดก็มีการโหลดกระสุนสำหรับปืนยาวให้แรงขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ เอาไปใช้ยิง ในปืนสั้นไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือปืนไรเฟิลใช้ได้ทั้งกระสุนปืนสั้นและกระสุนปืนยาว แต่ปืนสั้นต้องใช้เฉพาะกระสุนตัวเองอย่างเดียว


วินเชสเตอร์ โมเดล 94 TE ขนาด .44 แม็กนั่ม ซึ่งเป็นปืนไรเฟิล
ที่ใช้กระสุนร่วมกับปืนสั้นได้

แต่บางครั้งก็มีรายการกลับกันนะครับ คือในยุคหนึ่งมีการอัดกระสุน .44 แม็กนั่ม สำหรับปืนยาวโดยเฉพาะ โดยเลือกใช้ดินส่งกระสุนของปืนยาวซึ่งเผาไหม้ช้าลงแต่ให้แรงอัดในรังเพลิงอยู่ในพิกัดของกระสุนปืนสั้น เผลอๆจะต่ำกว่าด้วยซ้ำ ปรากฏว่าลูกค้าไม่นิยมใช้เพราะยิงได้ในปืนคานเหวี่ยงลำกล้อง 20 นิ้วขึ้นไปเท่านั้น ลำกล้องสั้นกว่านั้นเผาไหม้ไม่หมด ยิงในปืนออโตก็ไม่ค่อยจะถอย พอเอามา ยิงปืนสั้นยิ่งแล้วใหญ่เพราะเรี่ยวแรงหายไปหมด ในขณะที่กระสุนสำหรับปืนสั้น .44 กลับใช้ยิงได้ดีกับปืนทุกแบบ กระสุน .44 แม็กนั่มสำหรับปืนยาวก็เลยค่อยๆหายไปจากท้องตลาดในที่สุด

ปืนคานเหวี่ยงที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์อเมริกาคงจะไม่พ้นปืนวินเชสเตอร์ โมเดล 1894 ซึ่งเป็นปืนที่พัฒนามาจากโมเดล 1873 ถ้าเห็นชื่อรุ่นปืนดูชอบกลอยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะเป็นปีที่ผลิตออกมานั่นเอง ปืนโมเดล 1873 ใช้ลำกล้อง 24 นิ้วและทำออกมาใช้กระสุน 3 ขนาด คือ .32-20, .38-40 และ .44-40 พอมาถึงยุคของปืนโมเดล 1894 ก็มีลำกล้องให้เลือก 2 ความยาวคือ
22 นิ้วและ 26 นิ้ว และพอดีในช่วงนี้เป็นยุคของดินควันน้อย ปืนโมเดล 1894 จึงใช้กับ กระสุนหลากหลายขนาดมากขึ้น คือ ตั้งแต่ .25-35, .30-30, .32-40, .32 สเปเชียล และ .38-55
ปืนโมเดล 1894 ผลิตต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ. 1894 มาจนถึงปี ค.ศ. 1964 จากนั้นจึงส่งไม้ต่อให้เป็น
โมเดล 94 ผลิตต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้


นี่ละครับท้ายเข็มแทงชนวน
ตัวที่จุดระเบิดจริงๆ ที่ให้ดูในภาพที่แล้วจะติดอยู่ กับแท่งเหล็กขัดกลอน จะต้องมีการขัดกลอนที่สมบูรณ์ 100% เข็มแทงชนวน 2 อันนี้ถึงจะเชื่อมต่อกันได้

นี่ไงครับตุ่มห้ามไก (ปากกาชี้)
แต่ใช้กั้นนกปืนอย่างเดียว ไม่ได้ห้ามการเหนี่ยวไกเหมือนชื่อ ห้ามไกอันนี้ทำให้เสียเอกลักษณ์ ของปืนโบราณก็จริง แต่ก็ช่วยเพิ่มความ ปลอดภัยโดยเฉพาะเวลาเลิกบรรจุกระสุน ซึ่งจะต้องมีการบริหารคานเหวี่ยงส่งลูกเข้า ออกรังเพลิงกันตลอดเวลา

ปืนโมเดล 94 รุ่นแรกที่รับช่วงมาจากโมเดล 1894 ได้ยกเลิกกระสุนขนาด .32-40 กับ .44-40 และเพิ่มขนาด 7-30 Walther กับ .44 แม็กนั่มขึ้นมาแทน สำหรับวินเชสเตอร์ โมเดล 94 ในปัจจุบันนี้ยังมี รูปร่างภายนอกเช่นเดียวกับปืนโมเดล 1894 รุ่นโบราณเพียงแต่เพิ่มเติมอุปกรณ์เพื่อช่วย ในเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาเท่านั้นเอง นอกจากนั้น วินฯ 94 ยังแบ่งออกเป็นโมเดลย่อยๆ ภายในได้อีกหลายรุ่นตั้งแต่ วินฯ 94 แบบมาตรฐาน ใช้ลำกล้อง 20 นิ้ว ทำเฉพาะ .30-30 วินฯ เพียงขนาดเดียว แต่มีให้เลือก 2 แบบ คือเป็นไม้วอลนัทเกลี้ยงๆ ธรรมดาแล้วก็รุ่นไม้วอลนัทแบบแกะลายกัน ลื่น ต่อมาก็เป็นโมเดล 94 บิ๊กบอร์ (Big Bore) ซึ่งไม่ได้หมายถึงปืนลำกล้องโตตามชื่ออย่างเดียว แต่หมายถึงใช้กระสุนแรงสูงในชั้น .308 วินฯ ที่วินเชสเตอร์เอาลูก .308 มาดัดแปลงเป็นกระสุนแบบมีขอบและเรียกชื่อใหม่ว่า .307 วินเชสเตอร์ โดยทำขอบจานท้ายให้โต 0.506 นิ้วเท่ากับของ .30-30 วินฯ จะได้ใช้ลูกเลื่อนของ .30-30 ได้โดยไม่ต้องเขียนแบบทำลูกเลื่อนกันใหม่ วิศวกรของวินเชสเตอร์นี่ช่างขี้เกียจจริงๆ

จริงๆแล้วปืนโมเดล 94 รุ่นบิ๊กบอร์ ทำกระสุน 2 ขนาด คือจะมีขนาด .356 วินฯ อีกขนาดหนึ่ง ชื่อกระสุนไม่คุ้นหูใช่ไหมครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังพร้อมๆกับ .307 วินฯ กระสุนชื่อแปลกๆอีกเหมือนกัน เรามาพูดถึงคานเหวี่ยงของวินเชสเตอร์แบบลำกล้องโตๆ ให้จบก่อน เพราะในระยะปีสองปีมานี้ปืนรุ่น บิ๊กบอร์ก็มีแบบลำกล้องโตสมชื่อ ตรงที่วินเชสเตอร์ได้เพิ่มกระสุน .444 มาร์ลิน เข้าไปอีกขนาดหนึ่ง


ที่คานเหวี่ยงยังมีระบบรักษา ความปลอดภัยอีกจุดหนึ่ง ในภาพ คานเหวี่ยงยังปิดไม่เข้าที่


ในเมื่อคานเหวี่ยงยังปิดไม่สนิท กระเดื่องจะขวางทางเดินไก ทำให้เหนี่ยวไกไม่ได้

ถัดจากนั้นอีก 27 ปี คือในปี ค.ศ. 1982 วินเชสเตอร์เกิดอยากจะทำปืน คานเหวี่ยงใช้กระสุนแรงสูงหน้าตัดเล็กขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นวินเชสเตอร์ก็มีปืนโมเดล 94 XTR บิ๊กบอร์ที่ใช้กระสุน .375 วินฯอยู่แล้ว แทนที่จะเอากระสุน .308 วินฯมาใช้เลย ก็คงจะขี้เกียจออกแบบลูกเลื่อนใหม่ก็ใช้วิธีเอาปลอก .308 วินฯไปดัดแปลงเป็น .307 วินฯ อย่าง ที่เล่าให้ฟังแล้วนะครับ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ถ้าวินเชสเตอร์ทำคานเหวี่ยงแบบซอง กระสุนหลอดที่ใช้กระสุน .308 วินฯ ก็อาจจะมีลูกค้าเอาไปใช้กระสุนหัวแหลมซึ่งอาจจะ มีรายการกระสุนระเบิดในซองกระสุนได้ สังเกตให้ดีเถอะครับว่ากระสุน .30-30 วินฯ กับ .307 วินฯ จะใช้หัวกระสุนแบบปลายตัดทั้งนั้น

ทีนี้ไหนๆวินเชสเตอร์จะทำปืนโมเดล 94 XTR ออกมาใช้กับกระสุน .307 วินฯ กันแล้ว ก็คงอยากจะให้มีกระสุนในคาลิเบอร์ .35 มาคั่นกลางเสียหน่อย ก็เลยถือโอกาสเอากระสุน .358 วินฯ มาเพิ่มขอบจานท้ายออกมาเป็นกระสุนขนาดใหม่ คือ .356 วินฯ เสียเลย กระสุน .356 วินฯ จะเรียกขนาด กระสุนเล็กกว่าหัวกระสุนเล็กน้อย เพราะจริงๆ แล้วก็ใช้หัวกระสุนขนาด 0.358 นิ้วนั่นเอง หรือจะเรียกกระสุนขนาด .356 วินฯ ว่าเป็น .358 วินฯ ที่ทำขอบจานท้ายให้โต 0.506 นิ้วเท่ากับ .30-30 วินฯ ทำนองเดียวกับ .308 วินฯ และ .307 วินฯ ก็ย่อมได้

กลับมาที่วินเชสเตอร์ โมเดล 94 ในสายการผลิตปัจจุบันที่ยังไม่ได้พูดถึงก็คือ รุ่นเรนเจอร์ (Ranger) ซึ่งเป็นวินฯ 94 ลำกล้อง 20 นิ้วทำเฉพาะขนาด .30-30 วินฯ เพียงขนาดเดียว รุ่นถัดมาจะเป็นรุ่นแรงเลอร์ (Wrangler) กับรุ่นแทรปเปอร์ (Trapper) ทั้งสองรุ่นเป็นวินฯ 94 ลำกล้อง 16 นิ้วเหมือนกัน ต่างกันที่รุ่นแทรปเปอร์ ใช้กระสุน 4 ขนาดคือ .30-30 วินฯ, .357 แม็กฯ, .44 แม็กฯ และ .45 ลองโคลท์ ส่วนรุ่นแรงเลอร์ทำเฉพาะ .30-30 วินฯ และ.44 แม็กฯ แล้วก็ทำคานเหวี่ยงเป็นวงโต (Large loop lever) ให้เอาข้อมือคล้องเข้าไป ควงปืนเพื่อขึ้นลำปืนบนหลังม้าด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ แต่ถ้าใครคิดจะลองทำดูละก็อย่าลืมส่องกระจกดูตัวเองเสียก่อนว่า กินข้าวจนตัวโตเท่าจอห์น เวน หรือยัง ลำกล้องจะฟาดรักแร้เกี่ยวเอาเนื้อหลุดติดศูนย์หน้าไปเสียเปล่าๆ


แต่เมื่อปิดคานเหวี่ยงเข้าที่แล้ว กระเดื่องถึงจะหลบขึ้นไป ข้างบนเปิดทางให้เหนี่ยวไกเข้ามาได้

ที่พูดถึงมาแล้วจะเป็นโมเดล 94 ลำกล้อง 16 นิ้วกับ 20 นิ้ว ทั้งนั้นทีนี้ถ้าอยากได้โมเดล 94 ลำกล้องยาวก็ต้องเป็นรุ่นเลกาซี่ (Model 94 Legacy) ซึ่งเป็นปืนโมเดล 94 แบบคอปืนโค้ง มีลำกล้องให้เลือกทั้ง 20 นิ้วและ 24 นิ้ว โดยทำมาใช้กับกระสุน 4 ขนาดคือ .30-30 วินฯ,
.357 แม็กฯ, .44 แม็กฯ และ .45 ลองโคลท์

ปืนโมเดล 94 รุ่นสุดท้ายก็คือรุ่น Trails End หรือปืนสำหรับปิดท้ายขบวนกองเกวียนอะไรทำนองนี้ เป็นปืนคานเหวี่ยงที่วินเชสเตอร์ทำมาสำหรับใช้แข่งขันในเกมเคาบอยแอ๊คชั่นชู้ตติ้ง วินเชสเตอร์ได้ระบุว่า ได้ผลิตปืนรุ่นนี้ออกมาโดยคัดเลือกลำกล้องที่มีความแม่นยำสูง และปรับปรุงระบบกลไกให้เรียบลื่นเป็นพิเศษ นอกจากนั้นปืนรุ่นนี้ยังมีคานเหวี่ยงให้เลือกใช้ได้ทั้งแบบมาตรฐาน และแบบวงโต (Large loop lever) แบบเดียวกับของรุ่นแรงเลอร์อีกด้วย ปืนโมเดล 94 ในรุ่นนี้วินเชสเตอร์เจตนาทำออกมาใช้กับ กระสุนปืนสั้นโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีเฉพาะขนาด .357 แม็กฯ, .44 แม็กฯ และ .45 ลองโคลท์เพียง
3 ขนาดเท่านั้น

สำหรับวินฯ 94 ขนาด .44 แม็กนั่ม กระบอกที่เรานำมายิงทดสอบในฉบับนี้จัดว่า ยิงได้นิ่มนวลดีเนื่องจากวินเชสเตอร์ใช้เกลียวลำกล้องค่อนข้างช้า คือครบรอบที่ 38 นิ้ว วินเชสเตอร์คานเหวี่ยงโมเดล 94 นี้ทำออกมาใช้กับกระสุน 6 ขนาดด้วยกัน และจัดอัตราเวียนของเกลียวลำกล้องเอาไว้ต่างกันตามขนาดกระสุน คือ .30-30 วินฯ,
.307 วินฯ และ .356 วินฯ ใช้เกลียว 1-12 ถ้าเป็น .357 แม็กนั่มจะใช้เกลียว 1-16
และสำหรับ .44 แม็กนั่ม กับ .45 ลองโคลท์ใช้เกลียวเท่ากันคือ 1-38

ปืนคานเหวี่ยงของวินเชสเตอร์ขึ้นชื่อว่าติดกล้องยาก เพราะด้านบนโครงปืน เปิดโล่งไม่มีเนื้อเหล็กให้ติดฐานกล้อง แถมยังออกแบบให้คัดปลอกกระสุนขึ้นมาข้างบน ดังนั้น การติดกล้องจึงต้องเบี่ยงมาทางด้านข้าง ในระยะหลังวินเชสเตอร์จึงเปลี่ยนแปลงระบบ การคัดปลอกกระสุนให้เบี่ยงออกมาทางขวา จะได้จัดตำแหน่งกล้องอยู่เหนือโครงปืนได้พอดี ปืนแบบนี้วินเชสเตอร์จะเรียกแบบง่ายๆ ว่ารุ่นคัดปลอกออกด้านข้างหรือ Angle Eject

วันนั้นเราไปยิงทดสอบกันที่สนามยิงปืนค่ายนวมินทร์ฯ ชลบุรี ผมเลือกใช้กระสุนเรมิงตัน Core-Lokt ซึ่งเป็นกระสุนหัวรู 275 เกรน กระสุนรุ่นนี้ถ้าเรายิงจากปืนสั้น ข้อมูลจากเรมิงตันระบุว่าจะได้ความเร็ว 1,235 ฟุต/วินาที แต่เมื่อเรายิงจาก
วินเชสเตอร์ 94 ลำกล้อง 20 นิ้ว กระบอกนี้เราวัดความเร็วได้ประมาณ 1,600 ฟุต/วินาที คำนวณได้ว่าเป็นพลังงาน 1,564 ฟุต-ปอนด์ แต่ถีบหนักพอๆกับปืนลูกเลื่อน 7 มม. เรฯแม็กฯ ภาพซ้ายคือเป้าของผมกับลูกสาว

ผมไปเลือกฐานกล้องที่ ม.ฮะกีมี พบว่ามีฐานกล้องของวินเชสเตอร์ โมเดล 94 อยู่ทั้งแบบติดด้านข้างโครงปืนและแบบคร่อมโครงปืน แบบติดข้างจะเป็นของวีเวอร์ ส่วน แบบคร่อมโครงปืนเป็นของมิลเล็ทซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือแบบซีทรูมองลอดไปเล็งศูนย์เปิดได้ และแบบเตี้ยที่สามารถปรับฐานกล้องซ้าย-ขวาช่วยกล้องได้ในกรณีที่ปรับศูนย์กล้องไม่พอ แต่สำหรับวินเชสเตอร์กระบอกนี้ ดูๆแล้วแนวลำกล้องกับการประกอบปืนทำได้ประณีต กะว่ายังไงๆ ปืนก็คงจะไม่กินซ้าย-ขวาจนผิดปกติ จึงได้เลือกใช้ของมิลเล็ทแบบซีทรูจะได้เล็งศูนย์เปิดได้ด้วย เพราะวินฯ 94 เป็นปืนคานเหวี่ยงที่ถอดลูกเลื่อนลำเค็ญเอาเรื่องอยู่ ใช้วิธีมองลอดรูลำกล้องเพื่อทำบอร์ไซท์ไม่ได้ ต้องวางปืนบนแท่นแล้วเล็งศูนย์เปิดล็อกปืนไว้ที่เป้า จากนั้นถึงค่อยปรับเส้นเล็งในกล้องเข้ามาใน ตำแหน่งที่เล็งศูนย์เปิดไว้อีกที

น่าเสียดายที่เราหากระสุนสำหรับยิงแข่งเคาบอยแอ๊คชั่นชู้ตติ้งมายิงไม่ได้ กระสุนพวกนี้จะใช้หัวกระสุนพิเศษที่ค่อนข้างเปราะร่วน เวลายิงถูกเป้าแผ่นเหล็กไม่มีการ แฉลบเพราะจะแตกกระจายเป็นฝุ่นมองเห็นได้ถนัด แต่ในการยิงทดสอบเราก็ได้พยายาม หากระสุนมาให้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ .44 สเปเชียล, .44 แม็กนั่มแบบ มีเดียมโหลดซึ่งเป็นกระสุน .44 หัวตะกั่ว ความเร็ว 1,000 ฟุต/วินาที ได้มา 2 แบบ คือของ CCI ใช้ปลอกอะลูมินั่มกับของเรมิงตันปลอกทองเหลืองที่ผมซื้อมาจาก ห้างฯ ปืนรัตนาสิบกว่าปีมาแล้ว
แล้วก็ยังมีกระสุนแรงเต็มพิกัดของเรมิงตันอีก 2 แบบ คือ ลูกหัวรู JHP 240 เกรน และแบบที่ มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษแบบ Core-Lokt 275 เกรน ซึ่งให้แรงถีบได้หนักหน่วงสะใจดี

ปืนกระบอกนี้เหมาะสำหรับเป็นปืนที่ใช้ในการป้องกันตัวในระยะห่างประมาณ 50 เมตรขึ้นไปจนถึง 100 เมตร การยิงกระสุน .44 แม็กนั่มด้วยปืนยาวจะให้ความมั่นใจได้มากกว่าปืนสั้น ตัวผมเองมีปืนสั้น
.44 แม็กนั่ม อยู่ 2 กระบอก ปืนยาวคานเหวี่ยง .44 อีก กระบอกหนึ่ง แล้วก็ครึ่งสั้นครึ่งยาวคือปืน TC บรรจุเดี่ยว ที่บอกว่าครึ่งสั้นครึ่งยาวก็เพราะว่าทะเบียนเป็นปืนยาวแต่ลำกล้องโดนอะไรก็ไม่รู้ค่อยๆกัดกิน ทำให้สั้นลงไปเรื่อยจนเหลือ 14 นิ้ว TC .44 เป็นปืนที่มีรีคอยล์มากครับ เพราะใช้เกลียวค่อนข้างเร็ว 1-20 ตอนที่ลำกล้องยาว 21 นิ้วถีบหนักจริงๆ ปรากฏว่า พอสั้นลงไปเหลือ 14 นิ้วแล้วถีบเบาลงไปแยะ แต่เชื่อไหมครับว่าปืนที่ผมบรรจุกระสุนวางไว้ให้หยิบได้ง่ายๆก็มีแค่สองกระบอกคือ โคลท์ .45 กับคานเหวี่ยง .44 นี่ละครับ

ผู้ส่งทดสอบคือ ห้างฯ ปืนเพ็ญจันทร์ อยู่ที่ถนนเจริญกรุง มุมซอยข้างศาลาเฉลิมกรุง ตรงทางเข้าด้านข้างของที่จอดรถของดิโอลด์สยามฯ หรืออาจจะโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 222-9524, 222-0430 อย่าลืมกด 02 นำหน้าครับ

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 325 พฤศจิกายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com