เอชเอส 2000 ปืนสั้น 9 มม. กระบอกใหม่
ปืนสั้นออโตโครงโพลิเมอร์ล่าสุดในตลาดปืน จากอดีตประเทศในกลุ่มหลังม่านเหล็ก

ปืนสั้นออโตโครงพลาสติกกำลังมาแรงในช่วงเวลานี้ เนื่องจากนักนิยมปืน ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้น และความรังเกียจโครงปืนที่ทำด้วยสารสังเคราะห์ประเภทนี้ค่อยเลือนหายไปตามกาลเวลา พูดกันตรงๆ ก็คือ ผู้ใช้ปืนส่วนใหญ่ยอมรับปืนโครงพลาสติกหรือโครงโพลิเมอร์มากขึ้น เหตุผล ก็อาจเป็นเพราะได้เห็นคุณภาพหรือข้อดีจากการใช้งานปืนกล็อก ซึ่งเป็นปืนสั้น ออโตโครงโพลิเมอร์รุ่นบุกเบิกยี่ห้อหนึ่งมาก่อน หรือเพราะคนรู้สึกเริ่มเคยชินกับ สิ่งที่ขัดกับความรู้สึกในตอนแรกเมื่อกาลเวลาผ่านไปก็ได้ครับ

ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ได้มีผู้ผลิตปืนสั้นออโตโครงโพลิเมอร์ออกสู่ตลาดโลกอีกยี่ห้อหนึ่งแล้ว คือ เอชเอส 2000 จัดว่าเป็นปืนกระบอกใหม่ล่าสุดที่มีโครงปืนทำด้วยสารสังเคราะห์ประเภทนี้ ถึงแม้จะตกไปถึง ตลาดปืนของสหรัฐอเมริกา เมื่อราวเดือนมกราคม ปี 2000 หรือเริ่มสหัสวรรษใหม่ก็ตาม แต่กว่าจะตกเข้ามาถึงตลาดปืน ของไทยก็เป็นเวลาถัดมาอีกราวปีเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้างฯ ปืนโอฬารพาณิชย์ เพิ่งมีโอกาสส่งเข้ามาให้นิตยสารอาวุธปืนได้ทดสอบและรายงานผลให้ท่านผู้อ่านทราบรายละเอียดต่างๆในฉบับนี้นี่เองครับ

ด้านซ้ายของปืนเอชเอส 2000

อย่าว่าแต่หลายท่านไม่เคยได้ยินปืนยี่ห้อนี้มาก่อนเลยครับ ผู้เขียนเองก็ได้ยินมากระเส็นกระสาย ตัวจริงไม่ต้องพูดถึง แต่ก็ คลับคล้ายคลับคลาว่าได้เคยเห็นรูปที่ไหนมาก่อนหรืออย่างไรนี่แหละครับ ส่วนเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนก็คือ ปืนเอชเอส 2000 กระบอกนี้ทำในประเทศโครเอเชียครับ สร้างความงุนงงให้กับผู้เขียนพอสมควร เพราะฟังชื่อประเทศนี้แล้ว ก็พออนุมานได้ว่าเป็นประเทศที่เกิดใหม่หลังจากอาณาจักรสหภาพโซเวียตเสื่อมอำนาจล่มสลายลง แต่ว่าไม่เคย ได้ยินว่ามีการผลิตปืนออกจำหน่ายในตลาดปืนของโลกมาก่อนแต่อย่างใด แล้วจู่ก็ส่งปืนออกสู่ตลาดได้อย่างไรกัน ครั้นไปศึกษาดูรายละเอียดบ้าง จึงพบว่าประเทศโครเอเชียเคยรวมอยู่กับยูโกสลาเวียตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นอาณาบริเวณอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของยูโกสลาเวีย อันเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศที่ปกครองแบบสังคม- นิยมทางยุโรปตะวันออก ถึงตรงนี้ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักหรอกครับ เพราะยูโกสลาเวียก็ผลิตปืนส่งออกขายมาก่อน เท่าที่ผู้เขียนทราบคือยี่ห้อเอฟอีจี ซึ่งทำเลียนแบบปืนสั้นออโตบราวนิง ไฮ-เพาเวอร์ และวอลเธอร์ พีพีเค นี่แหละครับ โครเอเชียเคยล่มหัวจมท้ายกับยูโกสลาเวียก็ย่อมรู้จักทำปืนเป็นเช่นเดียวกัน เมื่อแยกตัวออกมาตั้งประเทศใหม่ จึงคิดทำปืนขายหารายได้เข้าประเทศกับเขาบ้าง อย่างนี้เขาเรียกว่า ทำเป็น แล้วก็คิดเป็นด้วยครับ ไม่เหมือนอย่างบาง ประเทศที่คิดไม่เป็น จึงไม่ยอมทำ ซื้อเขามาใช้ลูกเดียว นับว่าสบายดีไปอย่างครับ

เมื่อพิจารณาดูปืนเอชเอส 2000 แล้ว มีลักษณะทันสมัยตามยุคทีเดียวครับ ไม่มี ส่วนใดที่จะสะท้อนให้เห็นว่าเป็นฝีมือของผู้ผลิตมือใหม่ คงเป็นผลมาจากประเทศโครเอเชียได้เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบ สังคมนิยมมาเป็นแบบทุนนิยมแบบโลกเสรี จึงมีการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการผลิต และหันมาใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัย งานที่ออกมาจึงอยู่ในระดับมาตรฐานของโลก

ชะรอยเห็นว่าปืนโครงโพลิเมอร์เป็นปืนแห่งยุคสหัสวรรษใหม่ คาดว่าจะได้รับความนิยมสูงในอนาคต หรือเป็นเพราะ ประเทศโครเอเชียอยู่ไม่ห่างไกลจากออสเตรีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตปืนกล็อกอันโด่งดัง โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังยิ่งกว่าโรงงานทำดอกไม้ไฟระเบิดพร้อมๆกัน หรืออย่างไรไม่ทราบแน่ เลยทำให้ปืนเอชเอส 2000 มี อะไรๆละม้ายคล้ายปืนกล็อกอยู่ไม่น้อยเลยครับ แต่เมื่อพินิจพิศดูให้ดีก็รู้สึกว่าปืนยี่ห้อนี้ มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างปืนกล็อกกับปืนซิกเสียมากกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นปืนสั้น ออโตเชื้อสายยุโรปเหมือนกันอยู่ดีแหละครับ

ด้านขวาของปืนเอชเอส 2000

โดยทั่วไปแล้ว หากใครสักคนดูเอชเอส 2000 เผินๆในตอนแรกก็อาจเข้าใจว่า กล็อกออกปืนรุ่นใหม่ขึ้นมาหรืออย่างไร เพราะความจริงแล้วปืนสองยี่ห้อเหมือนกันมากกว่าใคร แต่ยังไม่ถึงขั้นฝาแฝดครับ เพ่งมองนาน สักหน่อยก็จะพบว่ามีรายละเอียดแตกต่างกันพอสมควร ผิวโลหะรมดำด้านดูเรียบร้อยเช่นเดียวกับปืนใช้งานชั้นดี แต่ที่ผู้เขียนรู้สึกชอบก็คือสีผิวของโครงปืนคล้ายเหล็กรมดำมาก และดูกลมกลืนกับผิวลำเลื่อนมากพอใช้ ซึ่งโครงปืนโพลิเมอร์นี้ทางโรงงานคุยว่าเป็นสารสังเคราะห์อัดแรงสูงมาก (คงหมายถึงว่าเนื้อเหนียวแน่นมาก) หน้าและหลังด้ามพิมพ์ลายเม็ดสี่เหลี่ยมนูนเป็นแถวห่างๆ กันลื่นมือ ลายกันลื่นแบบนี้มีอยู่หน้าโกร่งไกให้ใช้นิ้วชี้เกาะได้ด้วย ส่วนบนของด้ามมีร่องเว้าวางพักหัวแม่มือ ซึ่งมีให้ทั้งสองด้าน จึงไม่มีปัญหาว่าคนยิงจะถนัดซ้ายหรือขวา ตรงปุ่มปลดแม็กกาซีนโครงปืนก็ทำเว้าเข้าไปเหมือนกัน แต่ค่อนข้างเป็นหลุมลงไป จึง เป็นการป้องกันไม่ให้นิ้วไปเผลอกดปุ่มโดยไม่ตั้งใจ หลังด้ามงอนโค้งตรงส่วนบนรับกับง่ามมือดีมาก มีหลังอ่อน แต่ไม่ยาวเหมือน ปืน 1911 นัก ลักษณะเป็นลิ้นหรืองาแซงมากกว่าครับ ส่วนท้ายโครงปืนจริงๆยื่นออก ไปพ้นท้ายลำเลื่อนเล็กน้อย ตรงจุดนี้มีข้อดีมาก คือถ้าจับปืนในตำแหน่งง่ามมือสูงๆ ท้ายลำเลื่อนไม่มีโอกาสถอยมาเฉือนง่ามมือให้สะดุ้งเล่นๆ หรือเฉือนให้เลือดไหลจริงๆ ได้ง่ายๆหรอกครับ โครงปืนด้านหน้าก็ทำร่องให้ติดศูนย์ไฟฉายหรือเลเซอร์ได้

ร่องทางเดินลำเลื่อนที่โครงปืนส่วนหน้าเป็นแท่งเหล็กกล้าอบชุบด้วยความร้อน ทำ เป็นร่องรางมีความยาวเหมือนๆกับปืนโครงโลหะ โดยทั่วไปแท่งรางเลื่อนนี้ยึดไว้กับโครงโพลิเมอร์ด้วยสลัก 2 ตัวตามขวางสลักตัวหลัง ทำหน้าที่เป็นแกนหมุนของไกปืนอีกด้วยครับ

ช่องคายปลอกกระสุนมีขนาดกว้าง เป็นส่วนที่ล็อกกับรังเพลิงเหมือนปืนสั้นออโตของซิก-เซาเออร์ ด้านบนลำเลื่อนราบและเรียบ ไม่มีสันหรือเซาะร่องกันสะท้อนแบบใดๆ เลย เพราะผิวรมดำด้านอยู่แล้ว ด้านบนของ ช่องคายปลอกตรงที่ปิดท้ายลำกล้องมีตัวบอกสัญญาณว่ามีกระสุนในรังเพลิง รูปร่างคล้ายตะขอ ถ้าไม่มีกระสุนค้างลำกล้อง ตะขอสัญญาณตัวนี้จะวางราบกับผิวบนลำเลื่อน ถ้ามีกระสุนค้างลำกล้อง ตะขอก็จะเผยอขึ้นมาให้เห็น หรือใช้นิ้วคลำดูในความมืดได้ครับ

ศูนย์หน้า-หลังเป็นแบบธรรมดาที่พบเห็นทั่วไปกับปืนใช้งาน เป็นระบบมีจุดขาว 3 จุด แม้จะดูว่าทรงต่ำ แต่ก็เล็งได้ถนัดชัดเจนตามแบบฉบับปืนสั้นสมัยใหม่ เพราะฐานศูนย์ ทั้งศูนย์หน้าและหลังเสียบร่องขวางลำเลื่อน ฝังไว้ค่อนข้างลึกเหมือนกับซ่อนฐานไว้ในตัว ทั้งๆที่มองดูแล้วคล้ายกับว่าเป็นทรงสูงครับ


หากจะถอดปืนให้กดปุ่มปลดซองกระสุนออกก่อนดังภาพ แล้วตรวจดูว่ารังเพลิงไม่มีกระสุนค้างอยู่

ลำเลื่อนของปืนเอชเอส 2000 มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ต่างจากลำเลื่อนของปืนสั้นออโตเป็นส่วนมาก คือคล้ายๆกับแบ่ง ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนล่างดูเหมือนเป็นฐานของลำเลื่อน ทั้งๆที่อาจมองดูว่าเป็นสันยาวนูนออกมาก็ได้อีกเหมือนกัน ด้านในทำ เป็นรางของลำเลื่อน ส่วนบนที่เหลือของลำเลื่อนมีขนาดเล็กกว่าฐาน ตรงส่วนนี้แหละครับที่ดูว่าคล้ายกับลำเลื่อนของซิก โดยเฉพาะบริเวณช่องคายปลอก ลักษณะภายนอกของท้ายลำกล้อง (รังเพลิง) ตลอดขอบมุมของลำเลื่อนที่กลมมน ต่างกันที่ลำเลื่อนของซิกปั๊มขึ้นรูป แต่ลำเลื่อนของเอชเอส 2000 เป็นแท่งเหล็ก กลึง กัด ไส ขึ้นรูป แล้วอบชุบด้วยความร้อน ทำผิวรมดำด้วยการชุบด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Bruniral ซึ่งทนทานต่อการเกิดสนิมพอๆกับการรมดำแบบ Tenifer ของปืนกล็อกนั่นเลยครับ

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่จะบอกได้ว่า ปืนใช้ยิงยากง่ายแค่ไหนก็คือระบบลั่นไก และระบบควบคุมการบริหารกลไกเมื่อยิงปืน ความจริงแล้วไม่มีปืนแบบใดยิงยากหรอกครับ เพราะปืนทำมาให้ยิงอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะสะดวกคล่องตัว หรือเหมาะกับสถานการณ์ ใช้งานเสียมากกว่า สำหรับปืนเอชเอส 2000 เป็นปืนนกในตามแบบปืนโครงพลาสติกทั้งหลาย (ยกเว้นเอชเค ยูเอสพี) ความจริงแล้วไม่มีนกเลยครับ แต่ใช้เข็มแทงชนวนอัดสปริงพุ่งชนท้ายแก๊ปกระสุน ไกปืนเป็นแบบซิงเกิล แอ๊คชั่น ตัวไกเองมีลิ้นนิรภัยอยู่กลางหน้าไกเหมือนปืนกล็อก ถ้ามีอะไรมาเกาะเกี่ยวด้าน ข้างไกโดยไม่สัมผัสกับลิ้นนิรภัยแบบงาแซงตัวนั้น ตัวไกปืนจะเคลื่อนไปข้างหลังไม่ได้ การขึ้นเข็มแทงชนวนทำได้เมื่อดึงลำเลื่อนถอยหลังป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง หรือเมื่อ ลำเลื่อนถอยหลังจากการยิงกระสุนตามปกติ แต่เมื่อเหนี่ยวไกยิงแห้ง หรือยิงปืนเปล่า เข็มฯพุ่งไปข้างหน้าแล้ว ก็ขึ้นเข็มแทงชนวนได้โดยการดึงลำเลื่อนถอยหลังมาสักระยะ จนได้ยินเสียงกริ๊ก เพราะไกปืนดีดกลับไปข้างหน้า ซึ่งก็เหมือนกับปืนกล็อก ถ้าใส่ลูกดัมมี่ไว้ยิงแห้ง ก็จะไม่ถึงกับดีดลูกออกจากรังเพลิง คงดึงลำเลื่อนยิงแห้งไปได้เรื่อยๆครับ ขอ เพียงอย่าดึงลำเลื่อนถอยหลังจนสุดก็แล้วกัน

ผลักคันถอดลำเลื่อนที่หน้าโครงปืน ให้หมุนตามเข็มนาฬิกาขึ้นข้างบน

การขึ้นเข็มแทงชนวน ทำให้เข็มแทงชนวนถูกรั้งไว้โดยเซียร์ ซึ่งตัวเข็มฯก็มีแง่เกี่ยวไว้กับเซียร์ด้วย เมื่อเหนี่ยวไกตัวเซียร์ ก็จะเคลื่อนที่หลบลงต่ำ หลุดจากการเกาะเกี่ยวกับแง่ของเข็มฯ ปล่อยให้เข็มแทงชนวนพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงอัดสปริงอยู่ด้านหลัง เมื่อพุ่งไปเต็มที่แล้ว สปริงเข็มแทงชนวนซึ่ง อัดอยู่ด้านหน้าตามปกติจะดันเข็มฯกลับ ซึ่งเป็นปฏิบัติการตามธรรมดาทั่วไปนั่นเองครับ แต่เมื่อสปริงที่อัดเข็มฯไว้ทั้งหน้าและหลังอยู่ในท่าพัก สปริงเข็มฯตัวหน้าจะมีแรงดันมากกว่าตัวหลังเล็กน้อย ทำให้ปลายเข็มฯ ผลุบเข้าไปจากหน้าแป้นปิดท้ายรังเพลิง ไม่โผล่ค้างคาไว้ครับ

ปัญหามีอยู่ว่าเซฟหลังอ่อนทำงานตรงช่วงไหน? มันไปขัดหรือไปขวางการทำงาน หรือขวางการเคลื่อนตัวหลบลงต่ำ ของเซียร์ เว้นแต่หลังอ่อนถูกกดเข้าไปเสมอกับหลังด้ามเสียก่อน ก็ตอนกำด้ามปืนนั่นแหละครับ เซียร์ปืนเองก็ทำหน้าที่ขัดลำเลื่อนไว้ ถ้าเซียร์ไม่หลบต่ำลงก็จะดึงลำเลื่อนถอยหลังไม่ได้ ซึ่งก็หมายถึงต้องกดเซฟ หลังอ่อนลงไปเสียก่อน จะเรียกว่าเซฟหลังอ่อนเป็นจุดล็อกรวมทั้งหมด หรือ เซ็นทรัลล็อก (แต่ไม่ได้ไปล็อกห้างสรรพสินค้า ที่ชื่อคล้ายกันนี้นะครับ ตรงกันข้าม ผู้เขียนไปห้างนี้หรือห้างไหนๆ ก็มักจะล็อกเงินในกระเป๋าไม่ให้ซื้อของไม่อยู่สักที ต้องอาศัยกรมบัญชีกลางประจำบ้านควบคุมไว้เสียส่วนมาก) ก็คงไม่ผิดความจริงนัก รวมทั้ง ตอนถอดลำเลื่อนออกจากโครงปืน ถ้าไม่กำด้ามเหนี่ยวไกเสียก่อน ก็จะถอดไม่ออกเช่นเดียวกันครับ นอกจากนี้ท้ายเข็มแทง-ชนวนเมื่อถูกรั้งตอนขึ้นเข็มฯ ก็มีตุ่มกลมๆ ชุบขาวโผล่ที่ท้ายลำเลื่อนตัดกับสีดำของแป้นปิดท้ายลำเลื่อน จึงมองเห็นได้ชัด แต่ ก็ใช้นิ้วคลำดูได้โดยไม่ต้องมอง หรือเมื่ออยู่ในความมืดก็รู้สึกชัดเจนได้ไม่ต่างกัน

แล้วกำปืนพร้อมเหนี่ยวไก ขณะที่ ผลักชุดลำเลื่อนเคลื่อนออกไปข้างหน้า

หลายท่านคงคิดอยู่ในใจว่าปืนอะไร ถึงมีระบบนิรภัยแทบจะรอบด้านถึงปานนั้น แต่ช้าก่อน ! ท่านผู้เจริญ ยังมีระบบนิรภัย ที่สำคัญอีกจุด ซึ่งกำลังจะกล่าวถึงนะครับ นั่นก็คือสมอล็อกเข็มแทงชนวน ปืนสมัยใหม่ยุคนี้ ย่อมต้องขาดไม่ได้อยู่แล้ว การทำงานก็เหมือนกับปืนยี่ห้ออื่นๆ พอเหนี่ยวไกจะมีคันหรือกระเดื่องขนาดเล็กไปกดสมอล็อกเข็มฯ ให้ปลดล็อก เหนืออื่นใดสมอหรือสลักตัวนี้ ยังทำหน้าที่เป็นสมอหยุดเข็มฯด้วย ดังนั้น ตอนที่เข็มแทงชนวนพุ่งไปข้างหน้า ไม่ใช่ว่าพุ่งไปจนหมดแรงแล้วจึงถูกสปริงดันกลับ แต่เมื่อปลายเข็มฯพ้นหน้าลูกเลื่อนออกไปตามที่โรงงานคำนวณไว้ ก็หยุดอยู่แค่นั้นแล้วถูกดันให้ถอยกลับ เพราะแง่เข็มฯถูกล็อกไว้โดยบ่าอีกชั้นหนึ่งของตัวสมอ ตรงจุดนี้เอชเอส 2000 เหนือกว่ากล็อก เพราะถ้าฝึกยิงแห้งโดยไม่มีปลอกกระสุน ตรงหน้าลูกเลื่อนก็จะไม่ถูกกระแทกโดยเข็มฯ ชนิดรับไว้เต็มๆแบบ ปืนกล็อก ด้วยเหตุนี้ แป้นหน้าลูกเลื่อนของ เอชเอส 2000 จึงไม่มีโอกาสยุบ โป่งพอง หรือพัง ถ้าหากเจ้าของปืนฝึกยิงแห้งโดยไม่มีปลอกเปล่า หรือไม่มีลูกดัมมี่รองรับไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเข็มแทงชนวนจะไม่บิ่น หรือหักนะครับ และอาจมีบางท่านที่รู้สึกเสียวๆ ถ้าต้องพกปืนแบบเอากระสุนเข้ารังเพลิงเตรียมพร้อม เพราะจะเข้าลักษณะค็อกแอนด์ล็อกไม่มีผิด เนื่องจากไกเป็นแบบซิงเกิล ในขณะที่กล็อกอยู่ในจังหวะแบบเดียวกันนี้ เข็มแทงชนวนถูกรั้งไว้สักครึ่งหนึ่งเท่านั้น เมื่อเหนี่ยวไกจึงจะง้างเข็มฯต่อไป จนหลุดจากเซียร์ นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่าง ระบบไกของเอชเอส 2000 กับปืนกล็อก ส่วนที่สะพานไกมีปุ่มทำหน้าที่เป็นตัวตัด สะพานไกกับเซียร์ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะยี่ห้อไหนๆก็ต้องมีตรงจุดนี้เกือบทั้งนั้นครับ


ผลักท้ายไกด์ร็อดไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วยกท้ายออกจากลำเลื่อน


ยกท้ายลำกล้องขึ้นในแนวเฉียง ดึง ออกจากลำเลื่อนไปข้างหลัง นับเป็นเสร็จพิธีการ ถอด การประกอบกลับให้ย้อนวิธีการถอดทุก ขั้นตอนตามระเบียบ

ลำกล้องเป็นเหล็กกล้ารมดำ ทุบขึ้นรูปแบบเย็นจากเหล็กกล้า Boehler Rasant มีส่วนที่พิเศษอยู่คือที่ปลายลำกล้องมีขนาดโตกว่าส่วนอื่นพอสังเกตได้บ้าง เพราะต้องการ ให้ฟิตพอดีกับบูชลำกล้องที่ติดตายอยู่ปลายลำเลื่อน แต่ไม่ถึงกับฟิตแน่นอะไรนัก แต่ที่ไม่สู้จะเป็นเรื่องแปลก เพียงแต่ไม่ค่อยได้เห็นกันชัดๆก็คือตัวลำกล้องกับรังเพลิงเป็นคนละชิ้นกัน ยึดเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนาด้วย สลักขวางใต้รังเพลิงเหนือแท่งใต้ลำกล้อง ถ้าไม่มีสลักตัวนี้ก็คงดูไม่ออกว่าลำกล้องไม่ใช่เป็นเหล็กชิ้นเดียวกันตลอด ซึ่งชุด สปริงลำเลื่อนก็มี 2 ชิ้นซ้อนเป็นชุดเดียวกันเหมือนลำกล้อง แต่ว่ามองเห็นได้ชัดเพราะใช้สปริงขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน จะถือว่าสปริง 2 ชุดยึดเข้าเป็นชุดเดียวกันก็ได้ เนื่องจากทำติดตายไว้ไม่ให้ถอดออก การที่ทำสปริงลำเลื่อนไว้ 2 ชั้นใช้สปริงสองตัวนี้ก็เพื่อช่วยให้ดึงลำเลื่อนถอยหลังได้นุ่มนวลขึ้นกว่าใช้สปริงขนาดใหญ่ตัวเดียว

เมื่อตรวจตราความเรียบร้อย ทดสอบการบริหารกลไกต่างๆ และทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว ก็มาถึงวาระที่ต้องยิงทดสอบ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะขาดไม่ได้ โดยเฉพาะปืนที่ต้องนำไปใช้งานป้องกันตัว เริ่มด้วย ถอดซองกระสุนออกจากด้ามปืนง่ายๆ ด้วย การกดปุ่มปลดแม็กฯ จะกดจากทางด้านซ้าย หรือขวาก็ได้ และปุ่มนี้ทำแบบสไตล์ปืนจากยุโรปโดยแท้ แม็กกาซีนหรือซองกระสุนเป็นแบบสองแถว แต่เมื่อทำส่งเข้าไปขายให้ ฝ่ายพลเรือนในอเมริกาก็ต้องทำให้จุลูกได้ไม่เกิน 10 นัด ยกเว้นสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามถึงจะทำให้บรรจุได้ 15 นัด สปริงแม็กกาซีนค่อนข้างแข็งเล็กน้อย ตัวแม็กฯ เป็นเหล็กชุบโครมสีขาวเป็นมันผู้เขียนเริ่มยิงทดสอบที่ระยะ 15 เมตรด้วยกระสุน 3 ชนิด คือ เซลลิเออร์แอนด์เบลล็อท จากสาธารณรัฐเชก, วินเชสเตอร์จากสหรัฐ อเมริกา และอาร์มสกอร์จากฟิลิปปินส์ ศูนย์จากโรงงานตั้งไว้ให้เล็งจี้พอดี ความจริงตัวปืนเองมีความแม่นยำสูงมาก แต่ปัจจัยเกี่ยวกับผู้ยิงและชนิดของกระสุนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะยังไม่มีความคุ้นเคยกับไกปืนยี่ห้อนี้ ถึงแม้ไกจะลั่นได้คม แต่การเดินไกต้องอาศัยความคุ้นเคยมากกว่านี้ ซึ่งรายละเอียดได้อธิบายในภาพการยิงทดสอบแล้ว

ผู้เขียนยืนยิง จับปืนสองมือที่ระยะ 15 เมตรด้วยกระสุน 3 ชนิด เป้าจากซ้ายไปขวา ยิงด้วย กระสุนเซลลิเออร์ & เบลล็อท, วินเชสเตอร์ และอาร์มสกอร์ ตามลำดับ ปืนดูว่าชอบลูกของยุโรป พวกเดียวกันมากกว่า

สรุป ปืนสั้นออโตเอชเอส 2000 จากโครเอเชีย เป็นปืนโครงพลาสติกหรือโครงโพลิเมอร์ ที่น่าใช้งานป้องกันตัวอีกยี่ห้อหนึ่ง ลักษณะแข็งแรง ทนทาน ความแม่นยำสูง ระบบนิรภัยครบครันมากที่สุด แต่การใช้งานสะดวก คล่องตัว ปฏิบัติการเรียบร้อยดี ฟังชื่ออาจจะใหม่ แต่มีอะไรๆ ไม่ต่างกับปืนที่มีชื่อมานาน ไปดูตัวจริงก่อนก็ได้ที่ห้างฯ ปืนโอฬารพาณิชย์ 2/7 ดิโอลด์สยามพลาซ่า ถนนบูรพา กรุงเทพฯ 10200 โทร. (02) 623-8688-9 โทรสาร (02) 623-8729 ส่วนราคาปืนเอชเอส 2000 ทางห้างฯ ตั้งราคาไว้ 43,000.- บาท เชิญต่อรองเอาเองครับ

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 323 กันยายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com