เอสทีไอ แอลเอส 9 สเตนเลสส์
ปืนพก 9 มม. พาราฯ ช่วงล่าง 1911

ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ 2544 เป็นต้นมา ท่านผู้อ่านขาประจำคงเริ่มเบื่อปืน 1911 ที่ขึ้นปกหน้า "อาวุธปืน" ติดต่อกันมาหลายฉบับ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงครับว่า ปืนสั้นที่ขายได้อยู่ทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่กล็อก ก็ต้องเป็น 1911 มีซีแซดกับปืนลูกโม่ต่างๆ แทรกเป็นกระษัยนิดหน่อย ทำไมปืนสองแบบที่แตกต่างกันมาก จึงต่างได้รับความนิยมสูงสุดทั้งคู่ น่าจะเกิดจากลักษณะเด่นที่ผู้ซื้อรู้ก่อนตั้งแต่กำลังเลือกปืน ทำให้ ซื้อไปแล้วไม่ผิดหวังครับ คือปืน 1911 เป็นระบบไกซิงเกิล นกต้องง้างก่อนยิงทุกนัด แต่งไกให้คมได้แบบยิงเป้า ส่วนกล็อกนั้น ไกหนืดๆ แบบกึ่งดับเบิล คือลดเข็มฯไว้ครึ่งทางตลอดเวลา ต้องเหนี่ยวไก เข็มฯจึงจะง้างแล้วพุ่งเข้าจุดชนวน เป็นยอดในด้านใช้ง่ายดูแลง่าย ทั้งสองแบบ ความแม่นยำดีมากถึงดีเยี่ยมและมีชิ้นส่วนของเล่นให้เลือกซื้อมาแต่งได้หลากหลาย จุดนี้ผู้ผลิตสินค้าต้องเข้าใจครับ คือไม่ใช่ว่าสินค้าต้องดีสุดยอดเสมอไปถึงจะขายได้ดี เพียงสมราคาก็พอ แต่ต้องนำเสนอให้ชัดเจน ไม่สร้างความคาดหวังที่ผิดๆต่อลูกค้า จะขายความแม่นยำ ความทนทาน ความประณีต ความแปลกประหลาดหายาก หรืออะไรก็ตามที ที่สำคัญคืออย่าให้ลูกค้าผิดหวัง

ภาพเต็มตัวด้านซ้ายของแอลเอส 9

แอลเอส 9 เคยผ่านหน้าทดสอบของ "อาวุธปืน" มาแล้วในรุ่นเหล็กดำธรรมดา (อวป. ฉบับที่ 293 มีนาคม 42) ออกขายช่วงที่กฎหมายสหรัฐฯห้ามซองกระสุนเกิน 10 นัด ใช้บังคับใหม่ๆ คู่แข่งที่วางตลาดใน ช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็มี คาห์ K-9 (อวป. 290) สมิธฯ CS9 (อวป. 295) ซึ่งเป็นปืนขนาดตัวใกล้เคียงกัน จุกระสุนเท่าๆกัน ขนาดตัวและน้ำหนักเปรียบเทียบตามที่สรุปเป็นตารางไว้นะครับ

ภาพเต็มตัวด้านขวาของแอลเอส 9

จากตารางน่าจะตั้งข้อสังเกตได้ว่า แอลเอส 9 ยาวกว่า หนักกว่า แต่ด้ามค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับอีกสองกระบอก จุดนี้ขอให้ดูภาพประกอบว่าด้ามของแอลเอส 9 ไม่สั้นเกินไปสำหรับมือผมเอง ยังพอมีที่ให้ นิ้วก้อยเกาะได้โดยไม่ต้องพึ่งจะงอยของซองกระสุน อีกจุดหนึ่งคือระยะห่างระหว่างศูนย์ที่ได้เปรียบ ทำให้เล็งยิงได้ประณีตกว่า เหมาะกับไกซิงเกิลของปืน ด้านความหนานั้น หนากว่าคาห์เพียง 1 มิลลิเมตรครับ ซึ่งเป็นความหนาตรงส่วนประกับด้าม ถ้าวัดที่โครงปืน/ลำเลื่อน หนาเพียง 19 มิลลิเมตร เท่านั้น ซึ่งเป็นจุดขายจุดหนึ่งของปืนรุ่นนี้

เปลี่ยนจากเหล็กรมดำมาเป็นเหล็กปลอดสนิม ช่วยให้เหมาะกับงานพกพาติดตัว ตลอดเวลามากขึ้นเพราะดูแลง่ายกว่า รูปทรงภายนอกยังเหมือนเดิม ส่วนโลหะสีเงินนวล มีสีดำคือศูนย์หลัง ไก เรือนสปริงนกสับ และซองกระสุนครับ มุมด้ามเท่ากับปืน 1911 ย่อส่วนทั้งหลาย เพียงแต่บางกว่าเล็กน้อย ด้ามสั้นพอดีดังกล่าวแล้ว หน้าด้ามแต่งผิว "ระลอกคลื่น" กันลื่น นกโปร่งทรงหางสั้น ทำให้หลังอ่อนที่ยื่นพ้นไปรับนกในตำแหน่งง้างสุดไม่ยาวเกินไป หลังอ่อนนี้มีสันหนา ช่วยให้การทำงานแน่นอนขึ้นกว่าแบบธรรมดา ลำเลื่อนแกะลายกันลื่นเป็นร่องกว้าง ด้านหน้าสี่ร่อง ด้านหลังห้าร่อง จุดนี้ความรู้สึกของผมว่ามันยังลื่นอยู่ครับ วันทดสอบถอดปืน มือเปื้อนน้ำมันแล้วดึงลำเลื่อนไม่สุด ต้องเช็ด มือให้แห้งจึงดึงได้สำเร็จ อีกเหตุหนึ่งอาจจะมาจากสปริงที่ออกจะแข็งอยู่สักหน่อย

เริ่มถอดโดยตรวจรังเพลิง เปิดลำเลื่อนค้าง ปลดซองกระสุน ดึงลำเลื่อนมาให้ร่องปลดตรงกับปลายขาคันค้าง

ศูนย์ของแอลเอส 9 เป็นศูนย์ต่อสู้ทรงเตี้ย ศูนย์หลังรมดำ เลื่อนซ้ายขวาได้โดยคลายสกรูหัวจมก่อน ศูนย์หน้าเป็นเนื้อเดียวกับลำเลื่อนครับ รับประกันไม่มีหลุดแน่นอน แม้ศูนย์จะเตี้ยแต่ก็เล็งง่ายครับ น้ำหนักปืน สมดุลดี ไกดีมาก อยู่ที่สามปอนด์นิดๆ หลุดคมดีไม่มีครืดคราด ด้านซ้ายมีคันค้างลำเลื่อน ห้ามไก ปุ่มปลดซองกระสุนเหมือน ปืน 1911 ทั้งหลาย ด้านขวาเรียบ ไม่มีคันควบคุมบังคับ ความประณีตเรียบร้อยดีเยี่ยม ผิวสเตนเลสส์ตัดกับด้ามไม้แดงเข้มสวยงามมาก ในส่วนของด้ามไม้แกะลายข้าวหลามแบบเส้นขีดตื้นๆ ไม่ขึ้นเหลี่ยม


ดันแกนคันค้างจากด้านขวา

์ดึงคันค้างออกด้านซ้าย ไม่แน่นเหมือนปืนที่ใช้ห่วงโตงเตง

ก่อนยิงเราถอดดูกลไกภายในระบบ "ลิงค์เลส" (Linkless - ไม่มีห่วงโตงเตง) ที่เอสทีไอปรับปรุงใหม่โดยเปลี่ยนแกนสปริงเป็นแบบสองจังหวะ เพิ่มสปริงใหญ่ชั้นนอก และแกนสปริงไม่ติดกับชิ้นผิวลาดเหมือนในรุ่นแรก เริ่มถอดโดยปลดซองกระสุนดึง ลำเลื่อนตรวจรังเพลิงให้ปลอดภัยแน่ใจแล้ว เลื่อนลำเลื่อนไปให้ช่องเว้าตรงกับปลายคันค้างลำเลื่อน ถอดคันค้างดันกดปลายแกนจากด้านขวา ดึงออกด้านซ้าย เลื่อนลำเลื่อนออกด้านหน้า

เลื่อนชุดลำเลื่อนออก ด้านหน้า

ระวังแท่งผิวลาดที่ปลายแกนสปริงจะดีดหลุดเมื่อพ้นโครง

ัในจังหวะที่แท่งผิวลาดโผล่พ้นโครง ด้านหน้า ต้องช่วยประคองไว้หน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นสปริงดีดแท่งนี้กระเด็นไปอาจจะบุบเสียรูปได้ พอพ้นโครงแล้วแยกชิ้นส่วน ถอดสปริงพร้อมแกนไม่ยาก บูชคุมปลายสปริงสอดไว้ใต้ลำเลื่อน ขยับมาด้านหลังจะมีช่องให้ถอดได้ ชิ้นสุดท้ายคือลำกล้อง ซึ่งติดอยู่ในลำเลื่อนโดยมีขอรั้งปลอกกั้นทางออกอยู่ ต้องกดปลายขอรั้งปลอกจากด้านขวาของลำเลื่อนให้จมเสมอผิวลำเลื่อนจึงจะแยกลำกล้องออกจากลำเลื่อนได้ สังเกตตัวลำกล้องไม่มีสันขัดกลอนนะครับ ใช้ส่วนรังเพลิงขัดกลอนในช่องสลัดปลอกแบบปืนสมัยใหม่ ซึ่งซิก 220 เป็นแบบแรกที่ใช้ระบบนี้

แท่งผิวลาดกับแกนสปริงแบบใหม่ ใช้สปริงสองชั้น

ถอดบูชออกจากใต้ลำเลื่อน

แกนสปริงสองชั้นของแอลเอส 9 ใช้สปริงตัวในยาวตลอดเป็นตัวต้านลำเลื่อน เมื่อถอยช่วงแรกพอลำเลื่อนถอยมาได้ช่วงหนึ่งสปริงตัวนอกที่ใหญ่กว่าจึงจะเริ่มรับแรง ซึ่งก็จะซึ่งถ้าเป็นการยิงกระสุนจริง ก็จะมีสปริงนกสับช่วยต้านอีกตัวหนึ่ง พอดีกับที่ นกง้างไปจนไม่ช่วยต้านด้านหลังลำเลื่อนแล้วครับ นับว่าเป็นการออกแบบที่ฉลาดมาก ทำให้ลำเลื่อนมีแรงต้านอย่างสม่ำเสมอตลอดการเคลื่อนที่ถอยหลัง

ในการประกอบกลับ ง่ายกว่าที่คาดครับ เพราะแท่งผิวลาดที่จะรับกับแกนคันค้าง ลำเลื่อนนั้นมีช่องให้เข้าโครงพอดีตัว ไม่คลอน เมื่อประกอบลำเลื่อน ลำกล้อง บูช กับสปริง เข้ากับแท่งผิวลาดแล้วเข็นเข้าโครงสุดก็สอดคันค้างได้ไม่พลาด มีคำเตือนเหมือนเมื่อ ครั้งทดสอบรุ่นเหล็กดำ คือทางลาดป้อนกระสุนที่ท้ายรังเพลิงด้านล่างยังคมเหมือนเดิมนะครับ คราวนี้รู้ตัวก่อน ไม่ถูกบาดมือเหมือนคราวที่แล้ว

กระดกท้ายลำกล้องลงเพื่อถอดจากลำเลื่อน ต้องกดปลายขอรั้งปลอกด้านนอกให้จม เพื่อให้ส่วนขอรั้งหลบพ้นขอบรังเพลิง ถ้าฝืนถอดลำกล้องโดยไม่กดขอรั้ง จะทำให้ขอรั้งชำรุด

ชิ้นส่วนเมื่อถอดทำความสะอาด

ยิงทดสอบ กระสุนฟิอ็อกกี้ ชุดแรก ต้องสารภาพว่า ใจเสียนิดหน่อยครับ บางนัดสลัดปลอกไม่พ้นลำเลื่อน โดนคาบอยู่ ในลักษณะ ปล่องไฟŽ (stove pipe) บางนัด สลัดเรียบร้อยดี แต่นัดถัดไปยังสงบนิ่งอยู่ใน ซองกระสุน ไม่ป้อนครับ ออกอาการฟ้องว่า สปริงแข็งเกินไป ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่เพราะปืนยังใหม่ยังฝืด ปรึกษาทางห้างฯแล้ว นายห้างฯ ยินดีให้แก้ไข คุณป๋าตระกูลนำไป ให้ช่างสุพลตัดสปริงออกไม่ถึงสองข้อ กลับ มาอีกครั้งคราวนี้เรียบร้อยหมดปัญหาครับ ทั้งป้อนกระสุน สลัดปลอก อีกสองกล่อง เรียบวุธไม่มีติดขัด ด้านความแม่นยำ จัดว่าเยี่ยมครับ ระยะ 15 เมตร ถ้าพาดยิงปั้นดีๆ น่าจะทำ คะแนนเต็มร้อยได้บนเป้าสากล ยืนยิงควรจะได้กลุ่มประมาณวงเก้า ไกดี คุมง่าย แรง สะบัดนุ่มนวลไม่เหมือนปืนเล็กๆทั้งหลาย ถ้าถามความรู้สึกคนยิง ผมว่า .380 ยิงจาก ปืนพกตัวเท่าๆกันนี้ จะกัดมือเจ็บกว่ากระบอก นี้ครับ ยกให้เป็นความดีของหลังอ่อนหางยาว

กลุ่มกระสุนของ ดร.ผณิศวร ผู้เขียน ยืนยิง 10 นัด ระยะ 15 เมตร และกลุ่มกระสุนพาดยิง 5 นัด ระยะ 15 เมตร

โดยสรุปสำหรับเอสทีไอ แอลเอส 9 กระบอกนี้ เหมาะสำหรับท่านที่คุ้นเคยกับปืน 1911 ต้องการปืนเล็กกระบอกที่สองสำหรับพกซ่อนได้แนบเนียนกว่าโครงมาตรฐานครับ จุดเด่นนอกจากบางเป็นพิเศษแล้ว ยังประณีตสวยงามไม่เสียยี่ห้อเอสทีไอ ความแข็งแรงทนทานระดับเดียวกับปืนตัวใหญ่มาตรฐาน เพราะใช้ชิ้นส่วนเหมือนกัน ห้างฯ ปืนธง ตั้งราคาไว้หกหมื่นเก้า ต่อรองกันเองครับ ห้างฯนี้ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกอุณากรรณ ฝั่งตรงข้ามดิโอลด์สยาม โทร. 0-2222-7784 .

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 323 กันยายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com