คิมเบอร์ เฮอริเทจ เอดิชั่น
สืบทอดศักดิ์ศรีแห่งตระกูลปืนอมตะ 1911

เป็นความจริงที่ยืนยันได้จากตัวเลขยอดขายว่า คิมเบอร์ ณ วันนี้ คือเจ้าตลาดปืนพกในรูปแบบ 1911 ซึ่งหากจะวิเคราะห์กันแล้ว ก็ต้องบอกว่า "เก่งบวกเฮ"Ž ละครับ เพราะแม้ว่าแนวความคิดของคิมเบอร์จะยอดเยี่ยมขนาดไหน ถ้าไม่มีเหตุแทรกซ้อนประจวบเหมาะตามมาช่วยเสริมคิมเบอร์ก็คงไม่พุ่งมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาอันสั้น

ลองย้อนเวลาไปสักสิบปี คือต้นทศวรรษ 1990 ช่วงนั้นเจ้าตำรับ 1911 คือโคลท์กำลังดิ้นเฮือกสุดท้าย ปืนพกของโคลท์คุณภาพมาตรฐานไม่ถึงกับโดดเด่นแต่ราคาแพงเพราะความเชื่อถือยี่ห้อ มีตัวแทรกที่มาแรงคือ สปริงฟิลด์ที่ขายถูกกว่าแต่คุณภาพไม่เป็นรอง ตามด้วยพาราออร์ดแนนซ์ที่ใช้จุดเด่น "ช่วงล่างลูกดก" บุกตลาดกลุ่มนี้ขายในระดับปืนใช้งาน

อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นช่างแต่งปืนระดับลูกค้าสั่งทำเป็นรายกระบอก หรือ "คัสตอม" (Custom จากคำเต็ม Customized : แต่งให้ถูกใจลูกค้า คือ Customer) กลุ่มนี้ขายคุณภาพเยี่ยม ปริมาณไม่มากแต่ราคาแพงมาก รายที่ทำเก่งขายดี ไม่กี่ปีต่อมาก็ขยับขยายจากเพียงรับสั่งทำกลายเป็นโรงงานปืนย่อมๆ เช่น คลาร์ก, แคสเปี้ยน, ไบรเลย์, เลส เบเออร์, วิลสัน, เอสทีไอ, เอสวีไอ เป็นต้น

หุ่นมาตรฐาน "คลาสสิก" ของคิมเบอร์ เฮอริเทจ

แนวความคิดของคิมเบอร์ คือ ใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่แทนฝีมือ ช่างแต่งปืนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพิ่มสิ่งละอันพันละน้อยที่ลูกค้านิยมสั่งให้ช่างดัดแปลงเสริมแต่งกับปืนของตัวโดยทำมาให้พร้อมเสร็จจากโรงงาน รักษาคุณภาพในด้านวัสดุที่ใช้และความประณีตของงานให้ได้ระดับใกล้เคียงปืนแต่งพิเศษ แต่ราคาเท่าปืนใช้งานธรรมดา คิดวางแผนแล้วก็ลุยตั้งโรงงานผลิตที่เมืองยองเกอร์ รัฐนิวยอร์ก (Yonkers, New York) ผลิตปืนพก 1911 รุ่นแรกออกขายในปี 1996

ลองดูราคาปืนในสหรัฐฯ จากกันส์ ไดเจสท์ (Gun Digest) ปี 1997 นะครับ ทั้งหมดเป็นแบบเหล็กรมดำ ถ้าเป็นสเตนเลสส์หรือชุบฮาร์ดโครมก็จะแพงกว่านี้

โคลท์ กัฟเวอร์นเมนท์ มาร์คโฟร์ ซีรีส์ 80 ราคา 735 ดอลลาร์, โกลด์คัพ เนชั่นแนล แมทช์ 1,003 ดอลลาร์

สปริงฟีลด์ 1911A1 รมดำเงา 527 ดอลลาร์ รุ่นยิงเป้า "โทรฟี แมทช์" 954 ดอลลาร์ และรุ่นแต่งพิเศษ "คอมพีตทิชั่น" ขึ้นไป 1,598 ดอลลาร์

เลส เบเออร์ 1911 ฮาร์ดบอลเลอร์ (ศูนย์ยิงเป้า) 1,180 ดอลลาร์ ถ้าเป็นรุ่น "ลิมิเต็ด" 1,843 ดอลลาร์ คิมเบอร์ รุ่นคลาสสิก โรงงานตั้งราคาไว้เพียง 575 ดอลลาร์ และรุ่นโกลด์แมทช์ (ศูนย์ยิงเป้า) 925 ดอลลาร์

หลังปลดซองกระสุน ตรวจรังเพลิงแล้ว เริ่มถอดด้วยการคลายบูชด้านหน้า บิดประแจมาด้านซ้าย (เมื่อลำกล้องอยู่ข้างบน)

ตำแหน่งนี้บูชเกาะขอบครอบสปริงไว้ ระวังดีดหลุด

ในระดับราคาใกล้เคียงกัน โคลท์และสปริงฟีลด์ ใช้อุปกรณ์มาตรฐานเหมือนปืน ใช้งานเดิมๆ แต่คิมเบอร์เปลี่ยนหลังอ่อน ศูนย์ ไก ให้เหมือนปืนแต่งราคาแพง ดูดี มีราคากว่ากันมาก และคุณภาพความฟิตแน่น ของชิ้นส่วนก็เหนือกว่า สามารถยกระดับให้ ลูกค้าเห็นว่าเป็นปืนที่คุ้มค่าเงิน เหมือนปืน สั่งทำที่ไม่ต้องรอนาน แถมราคายังถูกเท่าๆ ปืนโรงงานอีกด้วย

แนวคิดของคิมเบอร์ ประกอบกับคุณภาพปืนสมราคาคุย ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับ แต่สิ่งแทรกซ้อนที่ช่วยให้ขายดีจริงๆ คือกฎหมายของสหรัฐฯ ที่ออกในช่วงปลายปี 1997 ห้ามซองกระสุนเกิน 10 นัด ครับ ทำให้คนเลิกเห่อปืน 9 มม. "ลูกดก" หันมาสนใจปืน "ลูกใหญ่" แทนตลาดปืน 11 มม. คึกคักขึ้นทันที และคิมเบอร์ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์และกำลังผลิตเหนือกว่าคู่แข่ง จึงเป็นผู้เก็บกวาดส่วนแบ่งตลาดไว้ได้เป็นกอบเป็นกำ กลายเป็นผู้นำในตลาดไปในเวลาเพียงสองปีเท่านั้น

คลายสปริงพร้อมจุกครอบ ปล่อยคาไว้ก่อน

ส่วนจุกครอบถอด ออกได้ไม่มีเกลียว ถอดบูชโดย พลิกกลับด้านขวา

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้คิมเบอร์สามารถเสนอปืนรูปแบบต่างๆได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องผลิตแต่ละแบบจำนวนมากนัก ในปัจจุบันปืนคิมเบอร์มีความยาวลำกล้อง 3 ความยาว คือ พวก "คลาสสิก" (Classic) ลำกล้อง 5 นิ้ว ซึ่งมีทั้งปืนใช้งาน และปืนยิงเป้า แต่งหลายระดับสั้นลงมา หน่อยคือ "คอมแพ็ก" (Compact) ลำกล้อง 4 นิ้ว มีทั้งด้ามสั้นด้ามยาว เน้นการใช้งาน พกพา และสั้นที่สุด "อัลตร้า" (Ultra) ลำกล้อง 3 นิ้ว เป็นปืนพกซ่อน และสามารถแบ่งลักษณะการแต่งเป็นชุดหรือซีรีส์ (Series) ได้ เช่นชุด CDP (Complete Defense Package) เก็บเหลี่ยมมน ชุดไฮแค็ป (High Capacity Polymer) โครงโพลิเมอร์ ซองกระสุนสองแถว เป็นต้น

ปืนที่ได้รับมาทดสอบสำหรับเดือนนี้ เป็นรุ่นพิเศษ เฮอริเทจ เอดิชั่น (Heritage Edition) คำว่า Heritage หมายถึงของดีพิเศษ ประจำตระกูลที่คู่ควรแก่การเก็บรักษาสืบทอด ซึ่งเข้าใจว่าคิมเบอร์หมายถึงระบบการทำงานของปืน 1911 ดั้งเดิม ที่ถูกกฎหมายรัฐแมรีแลนด์ (Maryland) บังคับห้ามขายครับ คิมเบอร์ต้องออกแบบระบบนิรภัยเข็มแทงชนวนเพิ่มจากเดิม และเรียกว่าเป็น "รุ่นสอง" (Mark II) ซึ่งนักนิยมปืนที่เชื่อถือของเก่าดั้งเดิมอาจเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะเพิ่มชิ้นส่วนมากขึ้นก็เท่ากับเพิ่มความยุ่งยาก เพิ่มโอกาสขัดข้องได้อีก แล้วแต่ใจนะครับ

ปลายแกนคันค้างลำเลื่อนด้านขวา

เลื่อนลำเลื่อนให้ช่องถอดตรงกับปลายคันค้าง

ระบบความปลอดภัยของคิมเบอร์ เฮอริเทจฯ จึงเหมือนของ 1911 เดิม คือ ห้ามไกบนโครงปืน (มีคันห้ามไกซ้าย-ขวา) ห้ามไกหลังอ่อน และร่องรับนกตก (Half Cock) คำนี้ผมขอเปลี่ยนจากที่เคยเรียก "ลดนกครึ่งทาง" เพราะเมื่อเรียกแบบเดิมทำให้เข้าใจว่า ควรจะลดนกลงมาไว้ตำแหน่งนี้ ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของการออกแบบนะครับ ร่องรับนกตก มีหน้าที่ป้องกันปืนลั่นเป็นด่านสุดท้าย คือสองด่านแรก หลังอ่อนและห้ามไกบนโครงปืนนั้น เมื่อเกิดผิดพลาดพร้อมๆกัน นกอาจตกหรือสับลงมาได้ร่องรับนกตกนี้จะหยุดนกสับไว้ไม่ให้สับถึงท้ายเข็มแทงชนวนครับ รวมเป็นระบบนิรภัยสามขั้น ปืนจะลั่น เมื่อ 1) มีมือกำด้าม (บีบหลังอ่อน) 2) ตั้งใจจะยิง (ปลดห้ามไก) และ 3) เหนี่ยวไก (ถ้าไม่เหนี่ยวไกไว้ นกที่สับลงมาจะไม่ถึงท้ายเข็มฯ) ซึ่งต้องยกย่องนายบราวนิงคนออกแบบว่า รอบคอบมากนะครับ รุ่นมาร์คทูของคิมเบอร์ (หรือยี่ห้ออื่นที่ลงสมอกั้นเข็มฯ) เพิ่มชั้นที่ 4 เข้าไปอีก คือถ้าไม่เหนี่ยวไกไว้ ต่อให้นกสับ ถึงท้ายเข็มแทงชนวนปืนก็จะไม่ลั่น

เทียบกับปืน 1911 ทั่วไป คิมเบอร์ รุ่นนี้เพิ่มลายกันลื่นด้านหน้า โดยลายกันลื่นเป็นร่องหยาบ เก็บมุม (bevelled) ไม่ให้คมจนบาดมือ เอียงในแนวเดียวกับด้ามปืน ศูนย์หน้าสอดหางเหยี่ยวขวางโครง สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย ตัวศูนย์เป็นแท่งเหลี่ยมแบบยิงเป้า ศูนย์หลังแบบต่อสู้ทรงเตี้ย สอด ขวางโครงเช่นกัน มีสกรูหกเหลี่ยมกันเคลื่อนตรงกลาง ห้ามไกมีทั้งซ้าย-ขวา โดยด้านขวาแคบกว่าด้านซ้ายเพื่อไม่ให้เพิ่มความหนา โดยรวมของปืน (ด้านซ้ายหนาเสมอคันค้างลำเลื่อน) หลังอ่อนยาว ปลายงอนทำหลุม รับนกโปร่งช่วยให้จับปืนได้สูง คุมปืนได้ดี ไกโปร่งแบบยิงเป้ามีหมุดหยุดไกมาพร้อม

ผลักปลายแกนคันค้างมาด้านซ้าย ดึงคันค้างออก

เลื่อนชุดลำเลื่อนออกด้านหน้า

การแต่งผิวเป็นแบบรมดำด้าน (Black oxide finish) วัสดุเหล็กล้วน ลำกล้อง ไก นก เป็นสีขาว ด้ามไม้ลงแลคเคอร์เงา ติดเหรียญสลัก Heritage Edition สีทองทั้งสองด้าน (ระวังเหรียญหลุดนะครับ ติดด้วยกาว ไม่มีเกลียวคุม) สกรูประกับด้ามใช้แบบหัวจม (หกเหลี่ยม) เรียบร้อยดีมาก ลำเลื่อนกับโครงฟิตแน่นดี ที่ลำเลื่อนด้านขวาใต้ช่องสลัดปลอกสลักคำว่า "Classic Custom" ซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานของคิมเบอร์ ก่อนจะแต่งพิเศษให้เป็น เฮอริเทจ

น้ำหนักไก ชั่งได้สองปอนด์ครึ่ง ซึ่งสำหรับปืนใช้งานทั่วไปต้องเรียกว่า "เบามาก" แล้วนะครับ ถ้าซื้อไปก็ไม่ต้องคิดแต่งให้เบากว่านี้อีกแล้ว น้ำหนักปืนเบากว่าน้ำหนักไกนิดหน่อย และหนักกว่าปืน 1911 ทั่วไป ประมาณครึ่งขีด คือรวมแล้ว 1,090 กรัม เทียบกับปืนที่ไม่มีแกนสปริงรีคอยล์ 1,040 กรัมครับ จับถนัดมือดีเพราะหุ่นเป็นปืนมาตรฐานที่ผู้ทดสอบคุ้นเคยอยู่แล้ว

หงายลำเลื่อน ดึงสปริงออกจากแกน

แกนสปริงถอดออกด้านหลัง ลำกล้องออกด้านหน้า

วันยิงทดสอบ มี "แชมป์สามช่า" คนแรก คือ คุณชลธิต ชลบุญญาเดช มาช่วยยิงอีกคน ตลอดการทดสอบมีกระสุนไม่เข้ารังเพลิงหนึ่งนัด เป็น "ลูกซ้อม" หัวตะกั่วแบบยักไหล่สำหรับยิงเป้า ศูนย์กินซ้ายเล็กน้อย การสลัดปลอกเรียบร้อยดี ไม่ว่ายิงด้วยมือซ้ายหรือมือขวาไม่เข้าหน้าคนยิงกลุ่มกระสุนเหนือกว่าปืนใช้งานทั่วไป แต่ยังไม่ถึงขั้นปืนล่ารางวัลชิงถ้วยนะครับ

ชิ้นส่วนเมื่อถอดทำความสะอาดปกติ

การถอดทำความสะอาด มีเครื่องมือ คือประแจยางสำหรับกดบูชปลายลำกล้องมาให้พร้อม ช่วยให้ถอดง่ายหน่อยเพราะบูช ใส่มาแน่นทีเดียว เริ่มจากถอดซองกระสุน ดึงลำเลื่อนตรวจรังเพลิงสามครั้ง ดูให้แน่ๆว่า ไม่มีกระสุนค้าง ถอดบูชโดยกดด้วยประแจ หมุนตามเข็มนาฬิกาเอาขาด้านล่างมาทางซ้าย คลายสปริงพร้อมครอบปลายสปริงออก จากนั้นเลื่อนลำเลื่อนให้ร่องปลดลำเลื่อนตรงกับปลายขาคันค้าง ผลักแกนคันค้างจากขวามาซ้าย เลื่อนชุดลำเลื่อนพร้อมลำกล้องออกด้านหน้า เมื่อถอดลำเลื่อนออกจากโครงแล้ว หงายลำเลื่อนขึ้น ถอดสปริงออกจากแกนสปริงไปด้านหน้า ดึงแกนสปริงออกด้านหลัง พับห่วงโตงเตงแล้วเลื่อนลำกล้องพ้นลำเลื่อนทางด้านหน้าครับ การประกอบย้อนกลับกับการถอดไม่พลิกแพลง

ดร.ผณิศวรยิงทดสอบความเร็วกระสุน

กลุ่มกระสุนที่ได้

สรุปสำหรับปืนคิมเบอร์กระบอกนี้ สำหรับท่านที่นิยมปืนคลาสสิก ใช้ติดบ้าน ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ยิงเป้าเล่นเป็นครั้งคราว หรือสำหรับเจ้าหน้าที่พกซองนอกก็เหมาะดี ราคาหน้าร้าน 81,000 บาท ผู้นำเข้าคือ ห้างฯ สิงห์ทองไฟร์อาร์ม ร้านใหม่อยู่เลยสี่แยกขึ้นไปทางเสาชิงช้านะครับ โทร. 02 22 45 357.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 322 สิงหาคม 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com