ซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก

ซีแซด 75 นับได้ว่าเป็นปืนคลาสสิกรุ่นหนึ่งของโลก ออกแบบระบบการทำงาน พื้นฐานได้ดีจนแม้จะมีการปรับปรุงดัดแปลงไปใช้งานเฉพาะกิจเช่นการแข่งขัน หรือเพิ่มขนาดกระสุนที่รุนแรงขึ้นก็ยังใช้รูปแบบการทำงานเดิมอยู่ มีการออกแบบรุ่นต่างๆให้ใช้งานตำรวจผู้รักษากฎหมาย รุ่นเล็กกะทัดรัด รุ่นเหนี่ยวไกดับเบิลอย่างเดียว ออกแบบมาตั้งแต่ปืนที่ใช้โครงโพลิเมอร์ยังไม่ได้รับความนิยม ซีแซดก็ยังคงยืนหยัดเป็น ที่นิยมอยู่เสมอด้วยทั้งรูปทรงที่สวยงามและการทำงานที่เชื่อถือวางใจได้ ยิงได้แม่นยำ หาปืนอื่นเทียบได้ยากในหมู่ปืนต่อสู้ด้วยกัน จะต้องการอะไรจากปืนกระบอกหนึ่งนอกเหนือจากนี้อีกละครับ

รูปร่างของซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก ตัวเล็กกระบอกนี้ก็ยังคงรูปเดิมของซีแซดที่เราคุ้นตามานาน เส้นสายโค้งมนกลมกลืน มีการลบมุมที่สัมผัสกับส่วนที่เป็นผิวเรียบอย่างนุ่มนวล หลังด้ามมีส่วนโค้งเว้ารับกับมือที่กำด้าม ส่วนยื่นกันมือโดนนกสับหรือสไลด์มากระทบก็กำลังดี เป็นบีเวอร์ที่หางสั้นหน่อยแต่ก็ทำหน้าที่ของมัน รางสไลด์เป็นแบบโครงปืนหุ้มสไลด์ทำให้ดูสไลด์เล็ก ดูดีครับ โกร่งไกอ้วนแทบจะเป็นทรงกลม ด้านหน้าแกะสากทำแง่ไว้สำหรับผู้ที่ชอบใช้นิ้วช่วยเกี่ยวกันสะบัด ไกในจังหวะดับเบิลแอ๊คชั่นอยู่ตรงกลางโกร่งไก ซึ่งฝรั่งอาจบ่นว่ายิงลำบากเวลาใส่ถุงมือแต่สำหรับเราคง ไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้ปืนตอนอากาศหนาวเย็นอย่างนั้น

มีกล่องใส่ปืนมาให้ พร้อมอุปกรณ์ล้างและเครื่องมือช่วยบรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีน

ปืนมาในกล่องพลาสติกสีดำบุโฟม มีเครื่องมือล้างมาให้สองชิ้นคือแปรงขัดลำกล้อง และแท่งพลาสติกมีห่วงตรงปลายไว้สอดผ้าสำหรับแยงเช็ดลำกล้องที่ดีอีกอย่างหนึ่ง คือมีเครื่องช่วยบรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนให้มาด้วย เจ้าเครื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไร มากกว่ากรอบพลาสติกสวมรอบแม็กกาซีน พอเรากดลงเดือยภายในก็จะกดกระสุนนัด บนสุดในแม็กกาซีนให้จมลงไปมีที่พอให้สอดกระสุนนัดต่อไป เป็นเครื่องทุ่นแรงครับ แม็กกาซีนสมัยนี้ที่บรรจุกันได้ทีละมากๆ เมื่อบรรจุไปเกือบเต็ม สปริงจะแข็งมากจนใช้ นิ้วกดกระสุนนัดบนสุดลงแทบไม่ได้ ใช้เครื่องนี้แล้วเรามีที่จับเต็มไม้เต็มมือไม่ต้องออกแรงมาก

ผิวนอกของปืนเป็นรมดำคล้ายกับทำด้วยกระเบื้องเคลือบ ซึ่งก็เคยเห็นฝรั่งเรียกกันว่า enamel finish บ้านเราบอกกันว่า ปืนซีแซดนี้ข้อเสียคือรมดำใหม่ไม่ได้ คงจะเป็นเพราะในบ้านเรามีอุปกรณ์รมดำแบบ ผิวเรียบเท่านั้น ถ้าจะรมดำก็คงทำได้ แต่ผิวจะไม่เหมือนเดิมเท่านั้นเอง แต่ประเด็นก็คือ ถ้าไม่ได้เอาปืนมาขว้างเล่นหรือทำตกบ่อยๆ ก็คงไม่ต้องเดือดร้อนเอาไปรมดำใหม่

นกสับเป็นรูปทรงห่วงกลมหมดทุกรุ่น แล้วเนื่องจากแบบหงอนนกดั้งเดิมมันเกี่ยว เสื้อผ้าตอนชักออกมายิง ศูนย์เล็งเป็นแบบจุดขาวสามจุด ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นสมัยนี้แต่ก็ใช้เล็งได้ผลดี แม็กกาซีนเป็นแบบกดปุ่มปลดแล้วไม่หล่น ดีครับจะได้ไม่บุบสลาย แต่ใช้แข่งขันแบบที่ยิงเยอะๆเร็วๆ ต้องเปลี่ยนแม็กกาซีนระหว่างแข่งไม่ดี ทางยุโรปเขาเห็นว่าปืนต่อสู้นั้นถ้ายิงจนหมด แม็กกาซีนแล้วยังไม่พอก็คงจะมีปัญหาอื่น ใหญ่กว่าการเปลี่ยนแม็กกาซีนให้เร็วแล้วละ มีอเมริกันแหละครับที่ชอบให้ปลดแม็กกาซีน หลุดทิ้งไปเลยเพื่อความรวดเร็ว บุบก็เปลี่ยนใหม่ แต่เรื่องนี้ก็ดัดแปลงได้ไม่ยากครับ มีสปริงแผ่นใหญ่อยู่ในด้ามคอยดันเบียดแม็กกาซีนไว้ให้อยู่ในแนวและไม่ให้หล่นออกเลย เวลากดปุ่มปลด

ด้านซ้ายของซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก
ซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก จากด้านขวา จำได้ว่าเมื่อสามสี่ปีก่อนเคยมีรุ่นคอมแพ็กเข้ามาในตลาดบ้านเราระลอกหนึ่ง เป็นแบบมีคันเซฟ ผมยังไม่มีปืน 9 มม. ก็มองๆรุ่นนี้ไว้เหมือนกัน แต่ปืนก็ขายหมดในพริบตาเลย ไม่ต้องคิดต่อ ตอนนี้ได้มีโอกาสยิงจริงก็สบายใจ ที่ถ้าหามาไว้ตอนนั้นก็ไม่ผิดหวัง

ซีแซด 75 นั้นแบ่งออกเป็นสามขนาดครับ ขนาดมาตรฐานตัวเต็มลำกล้องยาวและด้ามยาว บรรจุกระสุน 15+1 นัด ถัด ลงมาเรียกว่ากึ่งกะทัดรัดหรือเซมิคอมแพ็ก ลำกล้องสั้นแต่ด้ามยาวเท่าขนาดมาตรฐาน ก็เลยมีกระสุน 15+1 นัด สุดท้ายคือขนาดกะทัดรัดหรือคอมแพ็ก กระบอกนี้ลำกล้อง สั้นและด้ามสั้น บรรจุกระสุน 13+1 นัด ส่วนอื่นของปืนเช่น ชุดลั่นไก ระยะเหนี่ยวไก ขนาดและทรงด้ามเหมือนกันหมด สไลด์ ขนาดมาตรฐานเอามาใส่กับปืนคอมแพ็กก็ได้ เพราะรางสไลด์ในโครงปืนยาวเท่ากัน ชุดลั่นไกและการป้อนกระสุนก็อยู่ตำแหน่งเดียวกัน

นั่นว่าด้วยเรื่องขนาดเท่านั้นครับ ส่วนเรื่องกลไกการทำงานก็แยกแยะกันออกไปอีก ซีแซด 75 นี้นับได้ว่าเป็นปืนพกที่ยิงได้ทั้งซิงเกิลและดับเบิลแอ๊คชั่นแบบแรกในโลก ที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ออกแบบไว้ดีจนลอกเลียนกันไปทั่วและยังใช้งานอยู่จนทุกวันนี้ แต่ว่านานๆ ไปเข้าเกิดความต้องการในท้องตลาดให้มีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มขึ้นจึงมีการเสริมรุ่นขึ้นมา ถ้ามีตัวอักษร B ก็เป็นรุ่นมีเซฟกันเข็มแทงชนวนวิ่งเพ่นพ่านไปกระทบกระสุนลั่นเองถ้าทำปืนตก ถ้าเป็นรุ่นมีตัวอักษร D ก็เป็นรุ่นไม่ใช้คันเซฟตามปกติแต่มีคันลดนกสับมาให้แทนรุ่นที่เขียนว่า DAO ก็เป็นรุ่นยิงดับเบิลอย่างเดียว ไม่มีคันเซฟ ไม่มีคันลดนก (เรื่อง DAO นี่มีผู้ค้านกันว่าเรียกผิด คือ ดับเบิลแอ๊คชั่นโอนลี่นั้นไม่มีในโลก แต่จะขอขยายความในโอกาสหน้า) และถ้าเจอรุ่นที่เขียนว่า POLICE ก็ไม่ต้องไปหาคำย่อครับ อ่านว่าโปลิศคือตำรวจบ้านเรานี่แหละ แบบของเชกไม่ยักใช้ DAO แต่เป็น รุ่น BD คือมีสมอกั้นเข็มแทงชนวนและคันลดนก แต่มีพิเศษแถมที่ดูว่าในรังเพลิงมีกระสุนหรือไม่ ส่วนรุ่นที่ทดสอบนี้เป็นรุ่น BD COMPACT แปลว่าขนาดกะทัดรัด

ถอดปืนให้ใช้มือขวา กำแบบนี้แล้วออกแรงบีบถอย สไลด์มาข้างหลังเล็กน้อย มือกำแบบนี้ขยับได้ไม่มากแต่แรงดี ครับ จับไว้ได้นานพอให้อีกมือหนึ่งช่วยถอด ปืนไหนๆก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ชุดเคาะคันค้างสไลด์มา จากอีกด้านหนึ่งแล้วก็ใช้มือดึง ออกมาได้เลย

ซีแซด 75 BD COMPACT ที่ทดสอบกันหนนี้ทางผู้นำเข้าเจตนานำเสนอปืน สำหรับผู้ที่เคยใช้ปืนลูกโม่แต่เห็นว่ากระสุน 6 นัดมันอาจจะไม่พอใช้ เวลามีเสียงกุกกักในสวนหลังบ้าน ยิงขึ้นฟ้าขู่ไปสองนัด ยังไม่หยุด สาดไปสองนัด ผิด เอาละวาเหลือแค่สองนัด ยิงไปถอยไปอีกสองนัดถ้าไม่โดน ก็ใช้ปืนขว้างแล้วออกวิ่ง ถ้าต้องการมีกระสุนสำหรับใช้งานมากขึ้นก็ต้องหันไปหาปืนออโตในแม็กกาซีนมีมากกว่า 6 นัดอยู่แล้ว เปลี่ยนแม็กฯก็ทำได้เร็ว จุดอ่อนของปืนออโตก็คือ มีคันบังคับต่างๆบนปืนมากมายหลากหลาย เวลาฉุกละหุกจะจำไม่ได้ว่าส่วนไหนทำอะไรไม่เหมือนปืนลูกโม่ที่เมื่อบรรจุกระสุนแล้ว ก็พร้อมที่จะยิงได้ทันทีโดยมีน้ำหนักไกและช่วงลากไกที่ยาวของแบบดับเบิลแอ๊คชั่นเป็น สิ่งช่วยป้องกันปืนลั่น ส่วนปืนออโตนั้นเดิมที ถ้าไม่ขึ้นลำเลื่อนบรรจุกระสุนไว้ก็จะไหวตัวช้า แต่ถ้าขึ้นลำไว้มีกระสุนในรังเพลิง ไกก็จะเบาต้องเข้าเซฟไว้ คันเซฟนี่ก็ไว้ใจเต็ม 100% ไม่ได้นักหรอกครับ ก็กลไกนี่ครับ ใช้ไปๆ ก็จะมีสึกหรอ ก็มีได้ทั้งหลวมเลื่อนลงมาเองและเข้าเซฟแล้วยังยิงได้ก็พอมี พอจะใช้ยิง เอาอีกปลดเซฟนี่กดลงหรือดันขึ้นล่ะ เหตุผลของหลักการของการลดนกสับ ก็คือบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงพร้อมยิงแล้วก็ลดนกสับมาอยู่ในจังหวะที่ไม่สามารถเดินหน้าได้อีก ต้องเหนี่ยวไกเป็นระยะยาวเพื่อให้ นกสับถอยหลังมาก่อน ซึ่งเป็นอาการที่จะไม่เกิดขึ้นถ้าเราไม่ตั้งใจเหนี่ยวไก เหมือนกับปืนลูกโม่ยังไงล่ะครับ สำหรับซีแซด 75 บีดี กระบอกนี้มีคันลดนกที่กดด้านหลังแกนหมุน ทำให้อยู่ใกล้หัวแม่โป้งแล้วกดง่าย ไม่เหมือนคันเซฟที่กดด้านหน้าแกนหมุนซึ่งอยู่ห่างหัวแม่มือ ถ้านิ้วยาวก็ไม่เป็นไร กดถึง ถ้านิ้วสั้นก็ต้องขยับมือมาปลดเซฟ

ดันชุดสไลด์ออกไป ด้านหน้าได้เฉยๆ ถึงตรงนี้ระวังอย่าเหนี่ยวไกให้นกสับลั่นนะครับ มันจะเหวี่ยงมากระทบกับอะไร ที่ไม่ได้ออกแบบไว้น่ากลัวหัก

สังเกตดูแรงเหนี่ยวไกก็เป็นธรรมดา ที่แบบซิงเกิลจะเบากว่าแบบดับเบิลอยู่ครึ่งหนึ่ง และเมื่อลดนกแล้วเหนี่ยวไกก็จะเบากว่า เหนี่ยวจากนกสับชิดโครงอยู่เล็กน้อย

การเตรียมปืนไว้ใช้งานก็กระทำโดยนำแม็กกาซีนที่มีกระสุนบรรจุอยู่สอดเข้าในปืน ดึงลำเลื่อนเพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง จังหวะนี้นกสับจะง้างอยู่ ไกจะถอยหลังมาเล็กน้อย ถ้ายิงตอนนี้ก็เป็นไกเบาแบบซิงเกิลแอ๊คชั่น ถ้าสถานการณ์ยังไม่ตึงเครียดขนาดต้องยิง ทันทีก็ลดระดับการเตรียมพร้อมมาลดนกสับ ใช้หัวแม่มือขวากดคันลดนกลง ช่วงแรกๆจะวืดเบามาประมาณหนึ่งในสี่รอบก็จะติด ออกแรงกดอีกนิดให้ดังกิ๊กแล้วปล่อยนิ้ว นกสับจะลดตัวลงมาเกือบชิดท้ายสไลด์ แต่ไม่มีการสัมผัสกันแน่นอน ตอนนี้ถ้านกสับจะเดินหน้าได้ก็ต้องถอยไปจนสุดก่อน ซึ่งจะเป็นได้ก็ต้องผู้ยิงนั่นแหละครับเหนี่ยวไกจนสุด ข้อที่ต่างไปจากปืนลูกโม่ในการใช้งาน ก็มีที่ว่าเมื่อยิง ซีแซด 75 บีดี ในนัดแรก แบบดับเบิลแอ๊คชั่นไปแล้ว นัดต่อๆไปนกสับ จะค้างอยู่ทำให้ยิงต่อไปในแบบซิงเกิลแอ๊คชั่น ไกเบาครับ เรื่องนี้มีโต้เถียงกันว่าจะเป็น ข้อด้อยของระบบลดนกนี้ เนื่องจากแม้เรา จะทำใจพร้อมอยู่แล้วว่านัดแรกไกจะหนัก ลากยาว แต่พอนัดที่สองไกเบามากจะทำให้การเล็งเปลี่ยนไป หรืออาจเกิดการลั่น ก่อนที่จะเล็งได้ จึงเป็นประเด็นที่ผมพยายามทดลองดูว่าจะเกิดกรณีเช่นนั้นหรือไม่

การทดสอบยิงก็กระทำที่สนามราชนาวี บางนา โดยทีมทดสอบของ อวป. ตามปกติเพื่อให้ได้บรรทัดฐานและความรู้สึก ความเห็นของผู้ทดสอบที่ยิงกันประจำ ข้อนี้ ซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก สอบผ่านฉลุย ผู้ทดสอบทุกคนออกปากว่าปืน "เข้ามือ" ดีจริง จับสบายยิงสบายเพราะขนาดของปืน ในส่วนที่มือจับนั้นเท่ากับปืนขนาดมาตรฐาน จะเป็นขนาดกะทัดรัดก็เฉพาะลำกล้องที่สั้นลง และด้ามที่สั้นลงแต่ก็ยังกำได้เต็มทุกนิ้ว ไม่ต้องพึ่งพาลิ้นแม็กกาซีนเสริมขึ้นมาเพื่อให้นิ้วก้อยมีที่เกี่ยวเหมือนปืนใหม่ๆหลายๆรุ่น จากการทดลองยิงกลุ่มกระสุนที่ได้แน่นดี กินซ้ายนิดๆหมดทุกคนชี้ให้เห็นว่าศูนย์เล็ง แบบนี้ยังใช้การได้ดี ไม่ใช่ว่าสองคนยิงกินซ้าย สองคนยิงกินขวาละก็ยุ่งเชียวเถียงกันตายว่า ใครเล็งไม่ดี ใครเอากระบอกนี้ไปก็ไม่เคาะศูนย์หลังกันเอาเองครับ กลุ่มที่ประทับใจสุดของวันก็คือของป๋าตระกูลที่ชักออกมารัว มือเดียวระยะ 7 เมตร เป้าตายสนิท ถึงตรงนี้คงต้องชี้ให้เห็นอีกจุดหนึ่งก็คือป๋าแก เป็นมือปืนคอมมิวนิสต์ ยิงมือซ้ายครับ ตอนเตรียมปืนไว้ยิงพกติดตัวไว้น่ะใช้มือไหนช่วยลดนกก็ได้ ชักออกมาก็ยิงได้เลย แต่ถ้าเป็นปืนระบบคันเซฟก็จะลำบากสิงห์ปืนซ้ายอยู่บ้าง มิฉะนั้นแล้วก็ต้องไปหาปืนมีคันเซฟทั้งสอง ด้านมาใช้ การทดสอบอีกส่วนหนึ่งที่อยากจะดูความเหมาะสมของการใช้งานระบบคันลดนก นี้ทำที่สนามยิงปืน ร.ด. โดยขอให้คนที่ยิงปืน เป็นแต่ไม่เคยยิงปืนระบบลดนกนี้มาก่อนให้ ลองทำท่านำปืนขึ้นมาใช้ยิงจากท่าตามสบาย

ถอดออกมาเพื่อทำความสะอาด ก็มีแค่นี้

หลังจากที่ให้ยิงเป้าวงกลมจากท่ายิงสองมือจนคุ้นปืนแล้ว พบว่าคนนิ้วสั้นมาก ไม่ชอบไกปืนกระบอกนี้ บ่นว่าเหนี่ยวไม่ถึง คนตัวใหญ่นิ้วยาวยิงได้ดีกว่าเลยไม่บ่น ต่อมาก็ให้ยิงเป้าหุ่นคนโดยเริ่มจากถือปืนห้อยไว้ข้างตัว ยืนตรงตามสบาย เมื่อให้สัญญาณก็เริ่มจังหวะแรกซึ่งเราจะทำ 3 อย่าง คือ มือขวายกปืนขึ้นพร้อมกับมือซ้ายเข้ามาช่วยกำปืน ณ จุดครึ่งทาง ถอยเท้าขวาไปครึ่งก้าว หรือจะเดินเท้าซ้ายไปหน้าครึ่งก้าวก็ได้ การแยกขาออกจากกันเฉียงเล็กน้อยนี้จะทำให้มีหลักดีขึ้นสำหรับการกวาดปืนหาเป้าทั้งซ้ายและขวา จังหวะที่สองก็ยกปืนขึ้นระดับตา เล็ง ยิง การยิงครั้งนี้ให้ยิงอย่างเร็วต่อเนื่อง กันไปจนหมด 5 นัดที่บรรจุไว้ แต่อย่ารีบยิง กล่าวคือให้มีการจับภาพศูนย์ทุกนัดค่อยเหนี่ยวไกยิง ใช้ปืนในสถานการณ์คับขันจริงๆ ก็ต้องทำอย่างนี้นะครับ อย่าตกใจยิงสาดไป ไม่งั้นหมดแม็กฯแล้วก็ยังหยุดมันไม่อยู่อาจต้องใช้ปืนขว้างแล้ววิ่ง ระยะยิง 12 เมตร ไกลหน่อยเพราะผู้ยิงทั้งสองมีเดิมพันติดปลายนวม ผลการยิงของทั้งสองท่านเป็นดังคาด นัดแรกที่ต้องเหนี่ยวยาวหนักนั้นโดดออก ต่างจากอีก 4 นัด แต่ที่ไม่ได้คาดไว้ก็คือ คนมือเล็กก็สามารถยิงอยู่กลางทรงขวดได้ทั้งหมด ผู้ยิงให้การว่าพอยิงเร็วแล้ว ความรู้สึกว่าเหนี่ยวไกไม่ถึงก็หายไป น้ำหนักปืนดีมากช่วยให้ยิงซ้ำได้ดี ทรงด้ามที่รู้สึกว่าอ้วนไปหน่อย ตอนยิงช้าก็กลายเป็นเต็มมือดี จับเป้าได้ง่าย ส่วนคนมือใหญ่ก็ให้การ ทำนองเดียวกันแม้จะยิงสู้คนมือเล็กไม่ได้ ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีการรีชู้ตเพราะกระสุนหมดแล้ว

อีกทฤษฎีหรือแนวคิดหนึ่งของปืน ลดนกนี้ก็คือเมื่อต้องใช้ปืนยิงก็ให้ยิงไปเลย โดยไม่ต้องสนใจความแม่นยำของนัดแรก คือยิงทิ้งไปหนึ่งนัดเพื่อง้างนกนั่นแหละครับ นัดที่สองไกก็จะเบา ผู้ยิงก็ตั้งสติหาเป้าได้ดีแล้ว เรื่องหวังผลในนัดที่สองนี้ผมประสบและเข้าใจ เองตอนลงแข่งปืนสั้นสปีดอีเวนท์ ยิงนัดแรกมักจะพลาดเป้ามากกว่านัดต่อๆไป คล้ายกับสติในการจัดกระบวนท่าการยิงยังไม่เข้าที่ นัดต่อๆไปจะยิงได้ดีขึ้นเอง พลาดเป้าน้อยกว่า แม้จะเป็นการยิงหลายๆเป้าต่อเนื่องกัน

คุณบัณฑุ ผู้เขียน และเป้าที่ทดสอบ

ครูประชาได้กรุณาแนะนำไว้เกี่ยวกับเรื่องคนมือสั้นจับถือปืนไว้ดังนี้ โดยปกติ คนมือใหญ่ให้จับแบบอ้อมหลังคือกำหลังก่อน หมายถึงประกบง่ามมือ นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ เข้ากับหลังด้ามให้กระชับ แนวด้ามให้ตรงกับแนวแขนเพื่อรับแรงรีคอยล์ แล้วจะได้ไม่เบนออก แต่สำหรับคนมือสั้นเหนี่ยวไกไม่ถึงก็ให้จับแบบอ้อมหน้าก่อนคือกำหน้าก่อน หมายถึงหมุนมือที่ถือปืนไปจนนิ้วเหนี่ยวถึงนิ้วกลาง นาง ก้อย กำหน้าด้ามให้อยู่หัวแม่โป้งค่อยประกบ ไม่ว่าจะกำหน้าหรือกำหลังก่อน พยายามจับให้ชินเป็นท่าจับของเราเอง แล้วก็ฝึกยิงจากท่าที่ จับสบายนี้ต่อไป ทางร้านที่ส่งปืนมาทดสอบให้กระสุนจริงมาหลายยี่ห้อ ทั้งหมดทำงานไม่ติดขัด แม้จะเป็นกระสุนหัวแดงขนาดแรงก็ไม่แตกกลุ่มหรือเจ็บมือ ให้เครดิตทรงด้ามและลาดป้อนกระสุน มีติดขัดอยู่แบบเดียวคือไทยอาร์ม หัวตะกั่วซ้อมยิงที่บางนัดไม่ยอมเข้ารังเพลิง ก็เอาไว้ใช้ตอนซ้อมก็แล้วกัน ตอนเตรียมปืนไว้ใช้งานก็ควรบรรจุหัวแดงอยู่แล้ว การถอดประกอบเพื่อล้างทำความสะอาดเริ่มจากทำให้แน่ใจว่าในปืนไม่มีกระสุนอยู่แล้วเสมอ ไม่ว่าจะปลดแม็กกาซีนกระชากสไลด์ (ถ้าขอรั้งปลอกหักต่อให้ดึงสักสามสิบครั้ง กระสุนก็ยังอยู่ในรังเพลิง) เอานิ้วแหย่รังเพลิง เอาตาส่องดู ถ้ารับปืนเข้ามาในมือ แล้วต้องดูว่ามีกระสุนหรือไม่เสมอ เรื่องนี้เสียหายทั้งสองด้านครับ คิดว่าไม่มีกระสุน ถือหันปืนไปมาก็อาจทำร้ายพวกเดียวกันได้ คิดว่ามีกระสุนแต่ไม่มีแล้วต้องใช้ขึ้นมาก็อาจถูกทำร้ายเข้าเอง หลังจากไม่มีกระสุนแล้วก็ทำการถอดสไลด์ออกจากโครงปืน ด้วยการดึงสไลด์ถอยหลังจนรอยบากบนสไลด์ตรงกับรอยบากที่โครงปืน รอยบากทั้งสองนั้นอยู่ บริเวณท้ายของปืนทางด้านซ้ายแถวๆหน้านกสับ ในซีแซดรุ่นที่มีคันเซฟจะมองเห็นทั้งสองบากชัด แต่ในรุ่นนี้คันลดนกบังรอยบากบนโครงปืนไว้ต้องเอียงปืนมาดู แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการมองหา

เป้าของคณะผู้ทดสอบ กลุ่มแน่นพอกับปืน ลำกล้องยาวเต็ม กลุ่มกินซ้ายเหมือนกันหมด

เทคนิคการดึงนี่ก็ต้องใช้มือขวากำปืน ด้วยอาการหัวแม่มืออยู่ใต้ง่ามบีเวอร์เทล ส่วนอีกสี่นิ้วอยู่ส่วนบนของสไลด์ นิ้วชี้กดศูนย์หลังไว้ออกแรงดึงมาข้างหลัง วิธีนี้ขยับมือไม่ได้มากนักแต่ก็มีระยะขยับพอให้ถอดปืนได้ ที่สำคัญอยู่ที่มือเราบีบสไลด์ถอยหลังมา แล้วจับอยู่กับที่ได้นานโดยไม่หมดแรงบีบ จับท่าอื่นถ้าไม่หลุดมือก็หมดแรงปล่อยก่อนได้ถอด อีกอย่างหนึ่งก็คือให้ง้างนกสับไปก่อน เพราะแรงสปริงนกสับนี่ก็แข็งเอาเรื่องครับ บีบสู้กับสปริงรีคอยล์ก็หนักพอแรงแล้ว เมื่อดึงมาตรงกันแล้วก็เคาะคันค้างสไลด์ซึ่ง มีแกนเป็นสลักยึดลำกล้องไปด้วยในตัว แกนนี้โผล่เป็นตุ่มเล็กๆทางด้านขวาของปืน หากอยู่ในสนามรบเขาให้ใช้แม็กกาซีนปืนเคาะ แต่ผมใช้ด้ามไขควงไม้เคาะเบาๆก็ออก แล้วก็ดึงออกมาทางซ้ายด้วยมือเปล่าได้เลย ดึงคันค้างสไลด์ออกแล้วก็ดันชุดสไลด์/ลำกล้อง/สปริงรีคอยล์ออกไปข้างหน้าได้ ซีแซดนี่แปลกอยู่หน่อยคือมีอาการหวงสไลด์อยู่จังหวะหนึ่ง ต้องใช้หัวแม่มือออกแรงดันท้ายนิดหนึ่งพอหลุดจังหวะนั้นก็ดึงออกไปได้ง่ายๆ ต่อไปก็ดึงสปริงรีคอยล์พร้อมแกนออก ส่วนท้ายของแกนเป็นแป้นเล็กๆมีเดือยรูปกรวยตื้นๆ สวมอยู่ในหลุมทรงกรวยเดียวกันที่โคนลำกล้องจับให้อยู่กับที่ เอาสปริงรีคอยล์ออกมาแล้วลำกล้องก็พาลจะหล่นออกมาด้วยแล้วครับ ล้างทำความสะอาด แล้วก็ประกอบกลับเข้าย้อนรอยเดิมง่ายกว่าตอนถอดเพราะกดคันค้างสไลด์เข้าที่จากทางซ้ายทีเดียวเลย

ซีแซด 75 บีดี คอมแพ็ก กระบอกนี้ใช้การได้ดีตามที่ตั้งใจออกแบบมาครับ ได้มีโอกาสยิงมากหน่อย และก็ได้สังเกตการยิงตามแบบที่ควรใช้ปืนนี้ของผู้ทดสอบอื่นๆ ก็ทำให้ได้ภาพที่กระจ่างขึ้นสำหรับปืนที่มีคันลดนกสอดคล้องกับที่ผู้นำเข้าตั้งใจไว้ น้ำหนักไกมากหน่อยสำหรับการพกพา จะเสียบกะเอวหน้าหรือหลังโดยไม่ต้องมีซอง ก็ไม่ต้องห่วงว่าปืนจะลั่นทำลายอวัยวะส่วนล่างของผู้พก เรื่องนี้เป็นปรัชญาการใช้ปืนของแต่ละท่านเองครับ ขนาดปืนก็ไม่ใหญ่ เกะกะ บรรจุกระสุนมากหน่อย ไปไหนไปกัน อย่าตูมตามลั่นเองให้มันง่ายนักก็กระบอกนี้แหละครับไม่ผิดหวัง ห้างฯปืนชาตรี เป็นผู้นำเข้า กระบอกที่ทดสอบนี้เป็นกระบอกสุดท้ายของล็อตแรกที่สั่งเข้ามา กระบอกอื่นขายหมดแล้ว กำลังสั่งล็อตใหม่เข้ามาอยู่ครับ.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 319 พฤษภาคม 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com