เฮกเลอร์ อุนด์ โกช พี 10 จูบิลี
ปืนสั้นออโตโครงโพลิเมอร์ คอมแพ็ก รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปี

อาวุธปืนของบริษัท "เฮกเลอร์ อุนด์ โกช" หรือนิยมเรียกกันสั้นๆว่า เอชเค ผลิตจากเยอรมัน นับว่าเป็นอาวุธชั้นดีมีคุณภาพ เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก โดยเฉพาะปืนเล็กยาวปืนจู่โจม ปืนกลมือ ตลอดจนปืนพกสำหรับใช้งานทางด้านทหาร ตำรวจ รวมทั้งสุจริตชนทั่วไปอีกด้วย

ด้านซ้ายเต็มตัวของ พี 10 จูบิลี

อย่างไรก็ตาม สำหรับปืนพกนั้น เอชเคมีปืนสั้นออโตอยู่น้อยแบบ แต่แบ่งออกเป็นโมเดลย่อยๆ ได้หลายรุ่น แบบหลักๆ ก็มีปืนออโตที่โครงปืนทำด้วยเหล็ก และปืนออโตที่โครงปืนทำด้วยโพลิเมอร์ ปืนสั้นออโตเอชเคที่โครงปืนทำด้วยเหล็กกล้า มีอยู่เพียง 2 รุ่นคือ เอชเค พี7เอ็ม8 และพี7เอ็ม13 ส่วนแบบที่โครงปืนทำด้วยสารโพลิเมอร์ คือ เอชเค ยูเอสพี ซึ่งแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลายรุ่นหลายโมเดล แต่ก็สามารถแบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือรุ่นเต็มมาตรฐาน กับรุ่นคอมแพ็ก แต่ถึงปืนออโตยูเอสพีของเอชเค จะมีมากมายหลายรุ่นก็จริง ลักษณะรูปทรงของ ปืนแทบจะไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างกันเลยครับ ยกเว้นแต่ขนาดและน้ำหนักก็ย่อมต่างกันบ้าง รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆบางอย่างครับ

เมื่อถอดแม็กฯ ตรวจดูกระสุนแล้ว เริ่มถอดปืนด้วยการถอยลำเลื่อน ให้ร่องมาตรงกับสลักคันค้างลำเลื่อน แล้วจับค้างไว้อย่างนั้น กดปลายสลัก ที่โครงปืนด้านขวา ลงไปให้จมในร่องของมัน คันค้างลำเลื่อนด้านซ้าย ก็จะเผยอให้ จับดึงหลุดจากสปริงล็อก ดังในภาพ

สำหรับความนิยมของผู้ใช้ปืนในปัจจุบัน ส่วนมากมักชอบเลือกใช้ปืนคอมแพ็กเป็นหลัก มากกว่าจะเลือกเอาปืนรุ่นมาตรฐาน ไม่ว่าปืนออโตคอมแพ็กจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม ปืนออโตเอชเค ยูเอสพี คอมแพ็ก ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกันครับ

ปกติปืนสั้นออโต ยูเอสพี ของเอชเค มีระบบไกแบบดับเบิล/ซิงเกิลแอ๊คชั่น และมีคันบังคับหรือบริหารกลไกครบครันเหมือนกับปืนสั้นที่โครงทำด้วยโลหะทั่วๆไป นอกจากนี้ แต่ละรุ่นก็ทำออกมาทั้งในขนาด 9 มม. x 19, ขนาด .40 สมิธฯ และขนาด .45 ออโต ไม่ว่าจะเป็นแบบขนาดเต็มมาตรฐาน หรือขนาดคอมแพ็ก แต่มีบางรุ่น บางแบบ ที่ทำ ออกมาใช้กระสุนขนาดเดียว คือ เอชเค มาร์ค 23, เอชเค ยูเอสพี แท็กทิคอล ซึ่งมีขนาด .45 ออโตขนาดเดียว สำหรับรุ่นที่ใช้กระสุน 9 มม. x 19 ขนาดเดียวก็คือ เอชเค พี 8 และเอชเค พี 10 ซึ่งเป็นปืนทำออกมารุ่นหลังๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า โรงงานเอชเคไม่เรียกชื่อรุ่นว่า ยูเอสพี แต่ตั้งชื่อรุ่นต่อจากรุ่นพี 7 ซึ่งเป็นรุ่นใช้โครงเหล็กกล้าบีบคันหน้าด้ามขึ้นเข็มแทงชนวน ที่นักนิยม ปืนเคยทราบแล้วนั่นแหละครับ

ชุดสปริงลำเลื่อนใช้พลาสติกเป็นบั๊ฟเฟอร์ แทนสปริงสองชั้นในรุ่นมาตรฐาน ถอดชุดสปริงลำเลื่อนออกมา จะเห็นว่าตัวหลอดพลาสติกสวมทับสปริงไว้

เอชเค พี 8 เป็นปืนโครงขนาดมาตรฐาน เพื่อใช้ในกิจการด้านทหาร ส่วน เอชเค พี 10 เป็นขนาดคอมแพ็ก เพื่อใช้ในกิจการด้านปราบปรามผู้ละเมิดกฎหมาย และสำหรับการป้องกันตัวทั่วไป ลำเลื่อนยังเป็นเหล็กกล้ารมดำอย่างเดียว ส่วนที่ไม่มีเอชเค พี 9 บ้าง อาจเป็นเพราะเอชเคถือว่าเคยมีรุ่น พี 9 เอสอยู่แล้ว แม้จะยุติสายการผลิตก็ตามผู้เขียนเชื่อว่า ในอนาคตเอชเคอาจนำมาผลิตต่อก็ได้นะครับ

ความแตกต่างระหว่างปืนยูเอสพี คอมแพ็ก ซึ่งเป็นรุ่นทำขึ้นก่อน กับ พี 10 เท่าที่ผู้เขียนพบเห็น ก็คงจะอยู่ที่ปืนพี 10 มีลำเลื่อนเป็นเหล็กรมดำอย่างเดียวและทำขึ้นมาให้ใช้กระสุนขนาด 9 มม. ขนาดเดียวเท่านั้นครับ

ตรงปลายปากกาชี้ คือ สมอล็อกเข็มแทงชนวน ตัวดันสมอปลดล็อกเข็มฯ อยู่บน โครงปืนด้านขวาหลังช่องแม็กฯ ตรงที่ปากกาชี้

ในวาระครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งโรงงานเอชเค ประกอบกับปืนเอชเค พี 10 เป็นปืนสั้นออโตรุ่นที่ผลิตออกมาล่าสุดของโรงงาน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของ หน่วยงานตำรวจของเยอรมันรับเข้าประจำการ เอชเคเลยเลือกเอาปืนพี 10 มาทำเป็นปืนรุ่น พิเศษเฉลิมฉลองในโอกาสอันสำคัญนี้ โดยให้ชื่อรุ่นว่า พี 10 จูบิลี ความพิเศษของปืนพี 10 รุ่นนี้ นอกจากจะทำขึ้นในโอกาสพิเศษดังกล่าว ยังทำขึ้นมาเพียง 500 กระบอกเท่านั้น และหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ก็กำหนดขึ้นเป็นพิเศษ ตั้งแต่หมายเลข 114-50J001 ถึง 114-50J500 เป็นที่น่ายินดีสำหรับแฟนปืนเอชเคในไทยที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของปืนรุ่นพิเศษนี้ เพราะห้างฯ ปืนสิงห์ทองไฟร์อาร์มนำเข้ามาได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งพวกเราจะได้ดูรายละเอียดกันต่อไปครับ

ปืนพี 10 จูบิลี บรรจุอยู่ในกระเป๋าหิ้วสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัด ตามขอบมุมเสริม ความแข็งแรงด้วยแถบโลหะอะลูมินั่ม ภายในบุด้วยฟองน้ำทำเป็นช่องให้วางปืนไว้ มองดู ตัวปืนโดยรวมแล้ว เหมือนกับปืนยูเอสพี คอมแพ็กดังได้กล่าวมาแล้ว แต่ผู้เขียนสังเกต เห็นว่าโครงโพลิเมอร์ของปืนรุ่นนี้มีสีใกล้เคียงเหมือนกับสีรมดำของลำเลื่อนมากที่สุด และทำให้รู้สึกชอบปืนโครงพลาสติกขึ้นมามากโขอยู่เหมือนกัน เมื่อผู้เขียนรายงานถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านก็อาจคิดว่าความพิเศษของปืนอยู่ที่สีของโครงปืนกระมัง ไม่ใช่หรอกครับ !

ที่สันขวางด้านในโครงปืน พิมพ์อักษร id ไว้ในกรอบสี่เหลี่ยมทำอย่างประณีต คันนิรภัยอยู่ในจังหวะ "ปลด" เซฟ ตามปกติ

ความพิเศษของ พี 10 จูบิลี อยู่ที่นกสับและขอรั้งปลอกกระสุนชุบทอง และ โลโก้วงกลมติดอยู่กลางด้ามจับก็เป็นทองเด่น เห็นได้ชัดครับ แปลกอยู่นิดหนึ่งตรงที่หงอน นกสับมียางสีดำค่อนข้างนุ่มหุ้มไว้เพื่อป้องกันการกระแทก และเพื่อไม่ให้ลื่นมือ หากจะต้องง้างนกแบบซิงเกิลแอ๊คชั่น

โครงด้ามเองก็มีลักษณะตามแบบฉบับของปืนยูเอสพีของเอชเครุ่นคอมแพ็ก ขนาด .40 สมิธฯ ที่เคยรายงานการทดสอบโดย ท.พ.จันทร์ ล้ำเลิศเดชา ในนิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 274 เดือนสิงหาคม 2540 ซึ่งผิวด้าม โพลิเมอร์ก็จะเป็นเม็ดสากๆ ทางด้านข้าง ที่หน้า-หลังด้ามเป็นลายเม็ดค่อนข้างหยาบ แต่ก็ไม่ลื่นมือ ข้างล่างของด้ามมีร่องเว้าให้นิ้ว ใช้ดึงฐานแม็กกาซีนในกรณีเกิดการติดขัด โกร่งไกรูปสี่เหลี่ยมมีร่องกันลื่นในแนวนอน หน้าโกร่งไก ให้นิ้วชี้ของมือช่วยประคองปืนเกี่ยวไว้ให้มั่นคง โครงปืนด้านหน้ามีร่องด้าน ข้างให้ติดอุปกรณ์ช่วยเล็งอื่นๆ รวมทั้งไฟฉายขนาดติดปืนได้ตามแบบปืนโครงโพลิเมอร์ สมัยใหม่ทั้งหลาย ส่วนที่จะประกบทำงานร่วมกับร่องรางของลำเลื่อนเป็นเหล็กสเตนเลสส์เสริม อยู่ในส่วนโครงด้าม มีอยู่ 4 จุดเท่านั้นเองครับ

ง้างนกแล้วผลักขึ้นให้ "เข้า" เซฟ ในจังหวะค็อกแอนด์ล็อกได้เหมือนปืน 1911 กดคันนิรภัยลงล่างสุด มันจะทำหน้าที่เป็นคันลดนกได้อย่างปลอดภัย

ส่วนลำเลื่อนรมดำ มีลักษณะตัดเหลี่ยมปาดมุมเป็นทรงเหลี่ยมได้สวยงาม ตามแบบฉบับของลำเลื่อนปืนยูเอสพีทั่วไป การรมดำไม่ถึงกับผิวด้าน แต่มีลักษณะ ป้องกันสนิมได้ดียิ่งตามกรรมวิธีแต่งผิวสมัยใหม่ ลักษณะโดยทั่วไปของลำเลื่อนก็ ไม่มีอะไรพิเศษไปจากปืนยูเอสพีรุ่นอื่นๆ แต่ที่พิเศษก็คือ ด้านซ้ายลำเลื่อนมีหมายเลข ซีเรียลนัมเบอร์พิเศษดังได้กล่าวมาแล้ว กระบอกที่ทดสอบคือ หมายเลข 114-50J098 เป็นกระบอกที่ 98 ครับ ส่วนบนของลำเลื่อนมีอักษรภาษาอังกฤษตัวเงิน ตรงด้านหน้าเขียนว่า 1 von 500 หรือ 1 ใน 500 ส่วนทางส่วนหลังบอกชื่อรุ่นว่า P10 Jubilee ในแถวบน แถวที่สองเขียนว่า 50 Jabre Heckler u. Koch หรือ 50 ปีของเอชเค นั่นแหละครับ ส่วนอักษรอื่นๆก็มี HK P10 และ 9mm x 19 ซึ่งบอกชื่อรุ่นและขนาดกระสุนตามปกติ ส่วนด้านขวาของลำเลื่อน ที่เห็นเด่นชัดและสวยงามเป็นพิเศษ ก็คือ ขอรั้งปลอกกระสุนตัวยาวขนาดเขื่อง ชุบทองดูเหลืองอร่ามนั่นเอง แม้จะชุบทองแต่ด้านบน ปลายขอรั้งก็ยังแต้มสีแดง เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่ามีกระสุนบรรจุในรังเพลิง เพราะถ้ามีกระสุนอยู่ ปลายขอรั้งก็จะเผยอออกมาให้เห็นสีแดงได้ชัด กลางคืนหรือในที่มืดก็ใช้วิธีคลำดู ก็จะทราบได้ครับ สำหรับศูนย์ปืนก็เป็นศูนย์รมดำระบบจุดขาว 3 จุด ถ้าชุบทอง แล้วทำจุดแดง 3 จุดก็จะดีขึ้นอีกมาก ส่วนจะเล็งได้ชัดมากแค่ไหนนั้น ผู้เขียนว่าเอาสวยไว้ก่อนน่าจะดีนะครับ


รังเพลิงฟิตพอดีกับกระสุน และหนาทึบดูแข็งแรงมาก มีทางลาดป้อนกระสุนด้วย

ปลายไกด์ร็อดบากร่อง เป็นสองง่าม ถ้าบีบเข้าหากันสามารถ ถอดแหวนสลักเอาสปริงลำเลื่อน และหลอดบั๊ฟเฟอร์ออกมาได้

เป้าแสดงกลุ่มกระสุนยิงจากโรงงาน ที่ระยะ 15 เมตร แนบมาให้พร้อมกับปืน

อีกจุดหนึ่งที่น่าจะมีก็คือเมื่อนกสับชุบทองแล้ว ไกชุบทองด้วยก็จะดีมาก แต่ถ้านำปืนไปยิงบ่อยๆ ไกทองก็อาจหมองหรือลอกก่อนใครก็ได้ ครั้นเมื่อคิดดูอีกทีทางโรงงาน คงดูความสวยงามเหมาะสมแล้วละครับ ขืนเชื่อผู้เขียนเผลอๆชุบทองทั้งกระบอกรู้แล้วรู้รอดไปเลย และคงขายไม่ค่อยออก เพราะราคาก็คงแพงลิ่ว แล้วยังต้องเปลี่ยนจากทำเพียง 500 กระบอก มาทำ 50 กระบอกมากกว่าครับ แล้วยังไม่แน่ว่าจะขายหมดหรือไม่

สำหรับปุ่มหรือคันบังคับต่างๆ ก็ไม่แตกต่างจากระบบของปืนยูเอสพี คือคันนิรภัย ทำหน้าที่เป็นคันลดนกได้ถ้ากดลงไปล่างสุด แต่ถ้าผลักคันขึ้นบนสุดก็จะเข้าเซฟ ซึ่งเข้าได้ ทั้งที่นกสับง้างอยู่ หรือลดลงมาชิดท้ายลำเลื่อน คือได้ทั้งระบบค็อกแอนด์ล็อก และห้าม ง้างนกมีทั้งสองแบบให้เลือกใช้ครับ อย่างไรก็ตามคันนิรภัยมีเฉพาะด้านซ้ายเท่านั้น

ดร.เทียนชัย สุวรรณเวช ผู้เขียนยิงทดสอบโดยไม่พาด ที่ระยะ 15 เมตร จากท่าไอซอสเซลิส และเป้าซ้ายใช้กระสุนบุลเล็ทมาสเตอร์ เป้าขวาใช้กระสุนฟิอ็อกกี้ของอิตาลี

ส่วนปุ่มปลดแม็กกาซีนมีแป้นให้กดได้ทั้งด้านซ้ายและขวา อยู่ใต้มุมโกร่งไกด้านหลังครับ เอชเค พี10 จูบิลีกระบอกนี้ใช้สปริงปุ่มปลดแม็กกาซีนค่อนข้างแข็ง แต่ก็ต้องถือเป็นเรื่องดีครับ เพราะถ้าได้รับแรงกระทบที่ ไม่รุนแรงเกินไป แม็กกาซีนก็จะไม่หลุดเลื่อน ออกจากที่ของมันได้ง่ายๆครับ

การยิงทดสอบ เอชเค พี 10 จูบิลี ซึ่งทำขึ้นในโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปี ของโรงงาน และผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่เป็นปืนสะสม แต่เมื่อพิจารณาดู ก็มีลักษณะของปืนใช้งานอยู่ไม่น้อย เรียกว่าเป็นปืนกึ่งสะสมน่าจะตรงกับสภาพ ความเป็นจริงมากกว่านะครับ เพราะมันมีความน่ายิงกับน่าถนอมพอๆกัน ทางทีมงาน ด้านทดสอบมีความเห็นว่าควรจะยิงทดสอบดู เพราะปืนเอชเค พี10 รุ่นธรรมดาก็ยัง ไม่เคยส่งเข้ามายิงทดสอบและประเมินผลก่อนหน้านี้เลย

ท.พ.จันทร์ ยิงทดสอบในท่าโมดิฟายด์ วีเวอร์ และกลุ่มกระสุนเป้าซ้ายเป็นของ ท.พ.จันทร์ ส่วนเป้าขวาเป็นของ น.ท.สุรพล

ผลการยิงทดสอบในระยะ 15 เมตร เป็นที่น่าพอใจมาก ปฏิบัติการของปืนเรียบร้อยดี ความแม่นยำอยู่ในระดับเดียวกับปืนชั้นดีประเภทเดียวกันทั้งหลาย ผู้ทดสอบทุกท่านยิงทำกลุ่ม 5 นัด อยู่ในวง 10 ได้ สบายๆ แต่ถ้าหากผู้ใดหวังใจว่าจะนำไปยิงแข่ง ปืนสั้นชาวบ้านด้วย ก็คงคาดหวังมากเกินไปสักหน่อยครับ เพราะวัตถุประสงค์ทำปืน กระบอกนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ตำรวจหรือประชาชนผู้สุจริตใช้ในงานปราบปราม หรือใช้ในงาน ป้องกันตัวตามลำดับ ข้อดีที่รู้สึกได้ชัดขณะยิงก็คือ คุมปืนได้ดีมาก ตัวช่วยนอกจาก โครงพลาสติกแล้วยังมีตัวบั๊ฟเฟอร์ซึ่งเป็นปลอกหรือเป็นท่อสั้นๆ ทำด้วยสารสังเคราะห์สีขาว สวมทับสปริงลำเลื่อนไว้เป็นชุดเดียวกัน

ผอ.สุวิทย์ ยิงปิดรายการด้วยกระสุนฟิอ็อกกี้ และเป้าซ้ายเป็นผลงานของอาจารย์วีระ เป้าขวาเป็นของ ผอ.สุวิทย์

พี 10 จูบิลี ของเอชเค นอกจากจะถือเป็นปืนพิเศษในตัวมันเองแล้ว ยังใช้งานได้ อเนกประสงค์อีกกระบอกหนึ่ง มีคันบริหารกลไกครบครัน พร้อมกับระบบนิรภัยเต็มรูปแบบ ห้างฯ ปืนสิงห์ทองไฟร์อาร์ม สั่งนำเข้ามาจำนวนหนึ่ง และลดราคานาทีทอง ไปแล้วในวันเปิดห้างฯใหม่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2543 สนใจปืนโปรดสอบถาม ได้ที่ห้างฯใหม่ เลขที่ 1 ถนนอุณากรรณ โทร. 22 45 357.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 316 กุมภาพันธ์ 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com