มาตรฐานใหม่ของปืนพกพา บาง-เบา-เร็ว-แม่น

คาห์ จัดเป็นผู้ผลิตปืนหน้าใหม่ที่ประสพความสำเร็จอย่างสูงในตลาดสหรัฐฯ ปืนคาห์ เริ่มเข้ามาขายในประเทศไทยราวปลายปี 2541 คือเพียงสองปีมานี้เองนะครับ ในช่วงนั้นเป็นเวลาที่ทางสหรัฐฯ เพิ่งออกกฎหมายห้ามซองกระสุนปืนสั้นออโตฯ จุเกิน 10 นัดใหม่ๆ ทำให้ปืน "ลูกดก" ทั้งหลาย ต้องปรับกระบวนยุทธทางการตลาดกันอุตลุด แต่กลับเป็นโอกาสสำหรับคาห์ ซึ่งมุ่งออกแบบปืนให้บางกะทัดรัดแบบปืนพกซ่อนอยู่แล้ว ใช้ความบางกว่าเป็นจุดขายได้พอดี

คาห์ P9 ขายพร้อมกุญแจล็อกไก ตามกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ด้านซ้ายของตัวปืน มีคันค้างลำเลื่อนเหนือไก

ปืนที่ คาห์ ผลิตขายรุ่นแรกในขนาด 9 มม. พาราฯ โรงงานตั้งชื่อรุ่นว่า K9 ซึ่ง ถ้าเป็นคนไทยอย่างเราๆ คงต้องคิดหนัก เพราะเมื่ออ่าน "เค-นาย" จะเป็นคำพ้องเสียง กับ "canine" ที่แปลว่า "สุนัข" นั่นแหละครับ เรื่องนี้ฝรั่งคงไม่ถือ ปืนยี่ห้อหนึ่งตั้งชื่อรุ่นตรงๆ ว่า "บูลด็อก" (Bulldog) ก็ยังมี นอกจากรุ่น K9 แล้ว ที่เข้ามาขายบ้านเรา พร้อมๆกันยังมี MK9 หรือรุ่น "ไมโคร" ที่ยิ่งเล็กลงไปอีก และอีกสองรุ่นคือ K40 กับ MK40 ใช้กระสุนขนาด .40 ซึ่งบ้านเรายังไม่แพร่หลายนัก

ปืนคาห์รุ่นใหม่ มีขีดบนลำเลื่อน และรางปืนบอกตำแหน่งถอดลำเลื่อน

แม้ว่าจุดขายของคาห์ จะอยู่ที่ความบาง กะทัดรัด ใช้ง่ายคล่องตัวสูงสุด แต่สิ่งที่ทำให้ปืนคาห์เป็นที่ยอมรับของตลาดอย่างรวดเร็วคือ ความเรียบ นุ่มนวลของไก "ดับเบิลทุกนัด" ความแม่นยำที่โดดเด่นมาก ในกระบวนปืนพกซ่อนด้วยกัน ความทนทาน แข็งแรงของปืนเหล็กล้วน และการทำงานป้อนกระสุนที่แน่นอนเชื่อถือได้ ปืนหน้าใหม่ยี่ห้อนี้ จึงได้รับการยกย่องว่าเยี่ยมที่สุดในรอบทศวรรษ


เริ่มถอดทำความสะอาด ด้วยการปลดซองกระสุน

ขยับลำเลื่อนให้ขีดบอกตำแหน่ง ตรงกับขีดบนโครงปืน กดคันค้างลำเลื่อนจากขวามาซ้าย

หลังจากสร้างปืนเหล็กล้วน จนเป็นที่ยอมรับในด้านความแม่นยำและทนทานแล้ว คาห์ก็เริ่มได้รับคำเสนอแนะจากลูกค้าว่า ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของปืนคาห์คือ "หนักไปหน่อย" ปืนกระบอกเล็กๆ และบางเฉียบขนาดนี้ น่าจะเบากว่านี้เพื่อให้การพกซ่อน ติดตัวเป็นเวลานานๆ ไม่สร้างความรำคาญให้เจ้าของปืนมากเกินไปนัก คาห์เริ่มค้นคว้า ทดลองใช้วัสดุที่เบากว่าเหล็กมาทำโครงปืนเพื่อลดน้ำหนัก ลองอะลูมินั่มอัลลอยก็ไม่พอใจด้านความทนทาน ไทเทเนียมก็แพงเกินไป ผลสุดท้ายมาลงที่โพลิเมอร์เสริมรางเหล็ก ซึ่งให้ผลทั้งด้านน้ำหนักเบาและทนทานดูแลง่าย


ดึงคันค้างลำเลื่อนออก

เหนี่ยวไกเป็นการลดนก ดันลำเลื่อนออกด้านหน้า

รูปทรงภายนอกของ P9 เหมือนกับ K9 เดิม แต่เมื่อเปลี่ยนจากโครงเหล็กมาเป็นโครงโพลิเมอร์ ผลอย่างหนึ่งคือไม่ต้องมีแผ่นประกับด้าม ทำให้ปืนยิ่งบางลงไปอีก และสีดำของโครงปืนตัดกับสีเงินด้านของลำเลื่อนแบบ "ทูโทน" (Two-tone) ดูสวยไปอีกแบบ ด้ามจับแกะลายกันลื่นหน้าหลังแบบตาตาราง และแต่งผิวด้านข้างสากช่วยให้จับได้ถนัดมือ ซองกระสุนมีจะงอยช่วยรองรับนิ้วก้อย โกร่งไกกว้าง ด้านหน้าเป็นเหลี่ยมพอให้อาศัยเอานิ้วชี้ ของมือที่ช่วยประคองยิงเกี่ยวได้บ้าง มีปุ่มปลดซองกระสุนอยู่ด้านซ้ายตรงตำแหน่งที่โกร่งไกต่อกับด้ามจับ เหนือไกเป็นคันค้างลำเลื่อน ซึ่งออกจะหนาอยู่สักหน่อย ถ้าไม่มีคันค้างตัวนี้ คาห์ P9 จะบางเพียง 23 มม. เท่านั้น คันค้างลำเลื่อนยื่นล้ำออกมาอีก 5 มม.


ตำแหน่งการวางสะพานไก ไว้ด้านในซีกขวา

แยกสปริงกับลำกล้องออกจากลำเลื่อน

ลำเลื่อนของคาห์ทรงเหลี่ยมปิดหุ้มลำกล้องตลอด ช่องสลัดปลอกเป็นช่องขัดกลอนในตัว ด้านท้ายลำเลื่อนแกะลายกันลื่นเป็นริ้วกว้างในแนวขนานกับหน้าด้าม ศูนย์ หน้าเป็นแท่งเหลี่ยมแต้มจุดขาว ศูนย์หลังแบบตายตัว (เคาะเลื่อนได้) แต้มแถบสีขาวใต้ ช่องบาก วัสดุที่ใช้ผลิตลำเลื่อนเป็นเหล็กปลอดสนิม แต่งผิวด้าน ยี่ห้อ KAHR สลักอยู่ ด้านซ้าย ชื่อรุ่น P9 อยู่ถัดไปด้านหน้าเกือบถึงปลายลำเลื่อน เลขประจำปืนสลักอยู่บนแถบ เหล็กที่หล่อฝังอยู่ในเนื้อโครงปืนใต้ลำกล้อง ส่วนหน้าถัดจากโกร่งไกออกไป ชื่อและที่ตั้ง บริษัทอยู่บนโครงปืนด้านซ้ายเหนือไก


สมอกั้นเข็มแทงชนวนฝังในลำเลื่อน

มุมด้ามของ P9 จัดว่ากำลังดีสำหรับปืนต่อสู้ เมื่อจับด้ามแล้วแนวลำกล้องไม่สูง หรือต่ำเกินไป วางตำแหน่งนิ้วบนไกได้เป็นธรรมชาติ เหนี่ยวไกสะดวกช่วยให้รู้สึกว่าไก เบากว่าความเป็นจริง น้ำหนักไกชั่งได้ 7.5 ปอนด์ ช่วงลากไม่ยาวเกินไป น้ำหนักและความเรียบของไกเป็นอีกจุดหนึ่งที่คาห์ภูมิใจมาก อย่าว่าแต่จะเทียบกับปืนพกซ่อนตัวเล็กๆ นะครับ ต่อให้เทียบกับปืนขนาดตัวมาตรฐาน ก็ต้องจัดว่าไกของปืนคาห์เยี่ยมจริงๆ

น้ำหนักตัวปืน... นี่แหละครับ จุดเด่นแท้จริงของ P9 ปืนเปล่าพร้อมซองกระสุนชั่งได้เกิน 500 กรัมมานิดเดียว (17.7 ออนซ์) เทียบกับ P9 เหล็กล้วน 710 กรัม (25 ออนซ์) และถ้าคิดถึงลูกโม่ไททาเนียมของสมิธฯ น้ำหนักไม่ถึง 12 ออนซ์นั้น แม้ว่า คาห์จะหนักกว่า แต่ก็ได้เปรียบในด้านความบางครับ ไม่อ้วนกลมเหมือนปืนลูกโม่


ชิ้นส่วนเมื่อถอดทำความสะอาด

ระบบไกและการจุดระเบิดของปืนคาห์ เป็นแบบเดียวกับกล็อก คือใช้เข็มพุ่งกระแทก ไม่ใช้นกสับ ไกกึ่งดับเบิล คือเข็มแทงชนวนจะอยู่ในตำแหน่ง "ลดนก" ตลอดเวลา การเหนี่ยวไกจะง้างเข็มฯต้านแรงสปริงก่อน แล้วจึงปล่อยให้เข็มฯพุ่งเข้าจุดชนวนท้าย กระสุน แต่ถ้ายิงแห้งไม่มีการจุดระเบิดให้ปืนทำงานสลัดปลอกจะเหนี่ยวไกให้เข็มฯสับซ้ำ ไม่ได้ ต้องขยับลำเลื่อนเล็กน้อย การขัดกลอน ใช้เนื้อเหล็กส่วนที่พอกหนาขึ้นเป็นรังเพลิงขัดกับช่องสลัดปลอก ส่วนการกระดกลำกล้อง เพื่อปลดกลอนใช้ห่วงลูกเบี้ยว ตามแบบของเพ็ตเตอร์เหมือนปืนซีแซด ส่วนที่ยื่นจากใต้ลำกล้องเป็นห่วงลูกเบี้ยวและทางลาดป้อนกระสุนของปืนคาห์ เยื้องข้าง (offset) เล็กน้อย โดยหลบออกด้านซ้าย จุดนี้คาห์จดทะเบียนสิทธิบัตรไว้แล้ว การวางห่วงลูกเบี้ยวเยื้องข้างเช่นนี้ก็เพื่อให้สะพานไกซ่อนอยู่ในตัวปืนได้ไม่ต้องหลบออก มาข้างนอก และสามารถลดแนวลำกล้องให้ต่ำลงมาได้อีกเพื่อลดแรงสะบัด

ลักษณะกระสุนเมื่อเข้าในรังเพลิง ทางลาดป้อนกระสุน แบบเยื้องหลบข้าง

การที่ไกของปืนคาห์นุ่มนวลเป็นพิเศษ ต้องยกให้เป็นความสามารถของวิศวกร ผู้ออกแบบระบบลั่นไกครับ ลองเปรียบเทียบกับปืนกล็อกที่ใช้ระบบเข็มฯพุ่งกระแทก เหมือนกัน เมื่อเหนี่ยวไกปืนกล็อก สะพานไกจะยันขาของเข็มแทงชนวนให้ถอยหลัง จนถึง จุดหนึ่งสะพานไกจะถูกผิวเอียงด้านข้างบังคับให้ลดตัวต่ำลง ปล่อยให้เข็มฯพุ่งไปด้านหน้า เพื่อจุดชนวน สำหรับคาห์ สะพานไกทำงานในทิศทางกลับกันคือด้านหน้ามีสลักติดกับ ส่วนบนของไกเหนือจุดหมุน เมื่อเหนี่ยวไกด้านล่างมาข้างหลัง ด้านบนของตัวไกย่อม พลิกไปข้างหน้า ซึ่งจะดึงสะพานไกเดินหน้าไปด้วย และปลายด้านหลังของสะพานไก เกี่ยวอยู่กับแท่งพลิกสองขา ขาแรกทำหน้าที่ง้างและปล่อยเข็มแทงชนวนอีกขาหนึ่ง ทำหน้าที่ปลดสมอสะพานไกเดินหน้า ดึงส่วนล่างของแท่งพลิกนี้ไปด้านหน้า ขา ด้านบนของแท่งพลิกจะเริ่มง้างเข็มแทงชนวนถอยหลัง จนเกือบจะถึงจุดง้างสุดขาที่สอง จึงกระดกมาแตะสมอ ดันให้เปิดทางเดินของเข็มฯ เมื่อเหนี่ยวไกต่อมาอีกนิดเดียว ขาที่หนึ่งพลิกตัวพ้นจากเข็มแทงชนวน ตัวเข็มฯ จึงพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงสปริงเข้ากระทบจอกชนวนท้ายกระสุน วิศวกรของคาห์ใช้คอม พิวเตอร์คำนวณผิวโค้งของขาแท่งพลิกนี้ เพื่อ ให้แรงต้านที่ถ่ายทอดจากเข็มแทงชนวนผ่านสะพานไกไปถึงตัวไกสม่ำเสมอตลอดช่วง การเหนี่ยวไก


ชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อถอดเข็มแทงชนวน และขอรั้งปลอก

ตำแหน่งการป้อนกระสุน จากซองกระสุนเข้ารังเพลิง

ในการยิงทดสอบปืน P9 ท่านที่เคยยิงปืน "ลูกดก" ประจำจะรู้สึกว่าด้ามบางมาก และน้ำหนักปืนก็เบาหวิว ก่อนยิงเริ่มกังวลว่า ปืนน่าจะสะบัดมาก แต่เมื่อยิงจริง ดีเกิน คาดครับ คุมง่าย ไม่เจ็บมือเหมือนยิงลูกโม่ เบาหวิว ความแม่นยำจัดว่าเยี่ยมสำหรับ ปืนต่อสู้ระยะ 15 หลาที่ยิงทดสอบนั้น กระสุนสามชนิดสามยี่ห้อ รวม 21 นัด เข้าสิบทั้งหมด หลุดจาก "เอ๊กซ์" ไปสี่นัดเท่านั้นครับ การทำงานพบขัดลำสองนัดจากการยิงทั้งหมด 150 นัด เป็นการขัดลำแบบกระสุนเข้าไม่สุด ซึ่งในคู่มือเตือนไว้ว่าต้องพ้นระยะ "รันอิน" (run-in) ประมาณจำนวนกระสุน 200 นัดไปก่อน ปืนจึงจะทำงานเรียบร้อย

ดร. ผณิศวร ชำนาญเวช ผู้ทดสอบ เมื่อจับปืนยิงสองมือ

ปืนคาห์ถอดทำความสะอาดได้สะดวกมาก แม้ว่าอาจจะต้องใช้เครื่องมือช่วยในการ ถอดสลักขวางคือคันค้างลำเลื่อน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมต้องหาเพราะสามารถใช้ ฐานซองกระสุนได้เริ่มถอดโดยปลดซองกระสุน ดึงลำเลื่อนตรวจรังเพลิงให้แน่ใจจริงๆ ว่าไม่มีกระสุนค้าง ปืนปลอดภัยแน่นอนแล้ว จึงค่อยๆขยับลำเลื่อนถอยหลังให้ขีดบอก ตำแหน่งถอดลำเลื่อนตรงกับขีดบนโครงปืน ดันปลายคันค้างลำเลื่อนจากขวามาซ้าย เมื่อ คันค้างเผยอขึ้นมาเล็กน้อยก็ใช้ฐานซองกระสุนช่วยงัดจนดึงออกได้ทางด้านซ้าย ถ้าปืนใหม่แน่นมากอาจต้องช่วยตอกส่งจากด้านขวา

กลุ่มกระสุน ของ ดร. ผณิศวร จากกระสุนสามแบบสามยี่ห้อ

หลังจากถอดคันค้างลำเลื่อนแล้วดันชุดลำเลื่อนไปด้านหน้าโดยต้องเหนี่ยวไก เพื่อลดนกก่อน ชุดลำเลื่อนประกอบด้วยตัวลำเลื่อนเองที่มีชิ้นส่วนภายในอีกสองสามชิ้น ลำกล้อง สปริงลำเลื่อนและแกนสปริงสามารถ ถอดแยกจากกันได้โดยถอดสปริงออกจากใต้ลำกล้องก่อน ตรงนี้เมื่อขยับปลายสปริงพ้นไหล่รับต้องระวังสปริงดีดแกนพุ่งหลุดมือนะครับ ถอดสปริงกับแกนสปริงแล้ว ยกลำกล้องออกจากลำเลื่อนได้ทางด้านหลัง ไม่แนะนำให้ถอดมากไปกว่านี้ การประกอบกลับ ย้อนกับการ ถอดไม่มีจุดไหนพลิกแพลงพิสดาร


เป้ายิงทดสอบของ พ.ท. สุพินท์ สมิตะเกษตริน

เป้ายิงทดสอบของ ดร. เทียนชัย และ อาจารย์วีระ

บทสรุปของคาห์ P9 จัดว่าเป็นปืนพกซ่อนชั้นเยี่ยม น้ำหนักเบา ตัวปืนเพรียวบาง คล่องตัวสูงสุด ความแม่นยำไม่แพ้ปืนขนาดตัวมาตรฐาน ความปลอดภัย สูงโดยการลดนกตลอดเวลา จะลั่นเมื่อเหนี่ยวไกเท่านั้น ห้างฯ สิงห์ทองไฟร์อาร์ม เป็นผู้นำเข้าครับ จากดิโอลด์สยามฯตรงธนาคารกสิกรไทย ข้ามถนนบูรพามาจะถึง หน้าร้านพอดี ทางห้างฯประมาณราคาไว้ห้าหมื่นบาท บวกลบไม่เกินสองพันครับ.

ผู้ส่งทดสอบ คาห์ P9 : จาก ห้างฯ ปืนสิงห์ทองไฟร์อาร์ม
โทร.
22 45 357

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 313 ตุลาคม 2543 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com